รุ่นพี่ผม...มัน 'เลว'
...
“จะให้เข้ามานอนเฝ้าไข้ด้วยจริงๆ หรือไงป๋าจำไม่ได้หรือว่าไอ้เหี้ยเนี้ยเคย..ปล้ำผม..” .
.
.
..แล้วหลังจากประโยคนั้นการมองหน้ากันของสองหุ้นส่วนคนสำคัญที่หนึ่งในนั้นครองตำแหน่งผู้จัดการแก่งเพกาก็จบลงด้วยหมัดลุนๆ ที่คุณพ่อหนอนเป็นฝ่ายซัดไอ้คุณผู้จัดการก่อนอย่างไม่ให้ทันตั้งตัว ท่ามกลางความตกตะลึงของเหล่าลูกน้องของพ่อกำนันที่พยายามแยกพ่อหนอนออกมาพร้อมทั้งตั้งการ์ดจะรุมกระทืบรัตติกรซ้ำหากเกิดจะกล้าลุกขึ้นมาซัดสวนคุณหนอนลูกชายของพ่อกำนัน รัตติกรปาดเลือดสดๆ ที่ไหลพรากจากจมูกลงมาเลอะเสื้อตัวเอง แววตากร้าวจ้องมองด้วงกว่างเด็กดีของพ่อหนอนมองได้แค่นั้นก่อนพวกเด็กในสังกัดพ่อกำนันจะลากร่างซ้ำๆ ของรัตติกรออกไปทิ้ง ชั่วโมงนั้นพ่อหนอนตามพวกลูกน้องฉกรรจ์ออกไปด้วยปล่อยให้ด้วงกว่างหันหลังเดินกลับเข้าห้องไปอย่างไม่สนใจใยดี ..
“..แม่งเอ้ย!...”
ด้วงเผลอตัวสบถออกมาสาบานได้สิว่าในตอนนั้นหน้าไอ้ผู้จัดการแก่งเพกามันเข้ามาไม่ถูกจังหวะเสียจริงๆ ในจริงด้วงกว่างไม่อยากบอกพ่อหนอนไปอย่างนั้นเสียหน่อยคิดมาเสมอว่าเดี๋ยวไอ้ห่ารากนั่นเบื่อมันก็จะไปของมันเอง ขืนถ้ายิ่งเร่งสร้างกรรมต่อกันชาติหน้าคงได้มาเจอมันวนเวียนในชีวิตอีกแน่ เพราะคิดอย่างนั้นมาตลอดด้วงกว่างถึงได้ปล่อยวาง ช่างแม่งมันไอ้ผู้จัดการนั่นมันจะทำอะไรก็ช่างมัน เพราะหลังจากนี้ด้วงกว่างก็แค่อโหสิให้มันแล้วไม่ต้องมาเจอหน้ากันอีกตลอดชาตินี้และชาติหน้า แต่ให้ตาย เพราะไอ้พิษไข้บ้าๆ ที่อยู่ในตัวแท้ๆ ที่ทำให้อารมณ์หงุดหงิดถึงขั้นมองหน้าไอ้ผู้จัดการนั้นแล้วอยากจะกระทืบมันให้จมดิน!!
เอายังไงดีจะปล่อยให้พ่อหนอนลากไปกระทืบทั้งอย่างนี้หรอ?
ด้วงกว่างได้แต่หยุดชะงักแล้วยืนคิด เป็นครั้งแรกที่คิดหันหลังมองไปตามทางที่พ่อหนอนกับพรรคพวกลากร่างไอ้ผู้จัดการนั้นออกไป ก่อนจะตัดสินใจวิ่งสุดฝีเท้าไปตามทางที่ไอ้ผู้จัดการนั่นโนนลากไปจนลับตา
.
.
.
“..พอแล้วป๋า”
ด้วงกว่างละล่ำละลักขอผู้เป็นพ่ออย่างไม่กล้าสบตา บอกตามตรงว่าไม่กล้าเข้าไปแยกไอ้ผู้จัดการนั่นออกจากการรุมสกรัมของพวกลูกน้องพ่อกำนันเพราะดูท่าแล้วคาดว่าคงโดนลูกหลงได้ง่ายๆ สุดท้ายเลยจบลงด้วยการขอลากไอ้ร่างช้ำๆนั้นออกมาจากดงฝ่าเท้านับสิบคู่
แต่ก็ใช่ว่ามันจะจบเรื่องเมื่อไอ้ผู้จัดการมันเสือกกร่างฟึดฟัดเลยโดนพ่อหนอนตะบันหน้าไปอีกหมัดอย่างช่วยไม่ได้ กว่าที่ด้วงจะเคลียร์ทุกอย่างแล้วลากร่างผู้จัดการออกมา รัตติกรก็ไร้สติเสียจนไม่มีทีท่าจะขัดขืนอะไรเมื่อไอ้พวกฝูงหมาบ้าสองตัวหิ้วปีกร่างที่อ่อนแรงนั้นไปโยนอย่างชิ้นขยะที่หน้าห้องด้วง
แค่เศษขยะ เศษขยะที่ชื่อว่ารัตติกรนอนนิ่ง ไม่มีคำปลอบไม่มีคำถาม ไม่มีหรอกให้ความห่วงใยที่ด้วงกว่างจะให้ไอ้ซากขยะโทรมๆเปื้อนเลือดและเศษดิน บางทีไอ้คนตรงหน้ามันก็สมควรจะได้รับสิ่งนี้จริงๆจังๆบ้างเหมือนกัน ..ในตอนนี้ด้วงแค่ถอนหายใจปิดประตูแล้วเดินกลับเข้าไปในห้อง ใครจะนอนข้างในข้างนอกก็ตามใจ เพราะถ้าไอ้บ้ารัตติกรมันจะนอนช้ำในตายตรงนั้นก็ถือได้ว่าคงหมดเวรหมดกรรมกันเสียที..
***
“สนุกไหมล่ะไกด์?”
พ่อหนอนแกเอ่ยปากดักคอ ไอ้คนหมดสภาพที่นอนหมอบราบกับพื้น ก่อนจะเอาเท้าสะกิดอีกป๊าบสองป๊าบจนหนำใจ ด้วงกว่างที่อยู่ในห้องอีกฟากได้แต่ถอนหายใจพ่นลมหายใจเฮือกใหญ่ แล้วถึงได้กล้าเปิดประตูห้องออกมาเผชิญหน้าพ่อตัวเอง กับร่างกายสะโหลสะเหลที่นอนกองเละอยู่บนพื้นไม้
“ขอเถอะป่าพอแล้ว เดี๋ยวก็ได้ตายกันพอดี”
“ไม่ต้องห่วงหรอกถ้ามันตายก็แค่ถ่วงปูนทิ้งแก่งเพกา”
พ่อหนอนแกพูดออกมาปนขำ มีแต่ด้วงเท่านั้นที่พอดูออกว่าไม่ใช่มุขหรือเรื่องเฮฮาเมื่อพ่อหนอนแกพูดจริงทำจริง อีกครั้งที่ด้วงกว่างถอนหายใจเบียดตัวชนไหล่แทรกพ่อหนอนออกมา พร้อมทั้งก้มลงไปช้อนแขนหิ้วปีกลากร่างไอ้ผู้จัดการเข้าไปในห้องให้ไกลรัศมีเท้าพ่อหนอนกับพวกลูกน้องพ่อกำนัน ครั้งแรกพ่อหนอนแกเลิกคิ้วเป็นทำนองถามว่า ‘แน่ใจใช่ไหมที่จะเอาไอ้ตัวเหี้ยนี้เข้าห้อง?’ หนอนได้แต่พยักหน้าก็สภาพอย่างนี้ไอ้ผู้จัดการแก่งเพกามันคงไม่ซ่าลุกขึ้นมาทำอะไรแน่นอน รอสักพักจนด้วงกว่างปิดประตูห้องพ่อหนอนถึงได้เดินกลับไปที่ห้องพักของตัวเอง
***
“อาบน้ำไหม?”
คำถามออกมาจากปากคนป่วยที่เคยนั่งเงียบ มือเย็นๆ เอื้อมไปปลดกระดุมจากเสื้อเชิ้ตที่ค่อนข้างยัยยู่เอาการจากการลงแรงของฝาเท้าหลายคู่
“....”
“เป็นยังไงบ้าง? อาการดีขึ้นไหม?”
เสียงเบาๆ ถามออกมาจากริมฝีปากที่ซีกขวานั้นเขียวจนม่วงไปทั้งแถบ กระดุมเม็ดสุดท้ายนั้นถูกปลดลงพร้อมคำตอบ
“..ดีขึ้น... หมอให้มาพักที่บ้านได้ ตอนไปหาหมออาการยังพอทรงๆ อยู่เลยไม่ได้เป็นอะไรมากอย่างที่คิด”
“...”
“...”
“…วันนี้ออกเรือพาพวกแหม่มไปถ่ายภาพมา”
“...”
“...”
“...”
“...แล้ว...”
“..ไปอาบน้ำเถอะ เนื้อตัวสกปรกหมดแล้ว”
.
.
.
“...มึงไป..ไปอาบด้วยกันนะ..ด้วง”
“มันไม่ใช่เวลาที่จะมาสั่งคุณรัตติ”
.
.
.
“กูไม่ได้สั่ง ..แต่กูขอร้องมึง กูเจ็บไปทั้งตัว อาบน้ำให้กูทีนะด้วง...”
.
.
.
ผู้จัดการแก่งเพกาครางขอ แต่ไกด์ประจำแก่งอย่างด้วงกว่างแค่ยกมือโบกปัดแล้วเดินอ้อมมาช่วยพยุงให้รัตติกรนั้นเดินเข้าห้องน้ำไปอย่างไม่ลำบากนัก
“..อย่าสร้างเรื่องให้มันมากนักนะเลยคุณรัตติแค่นี้ มันก็เกินพอแล้ว ”
“...”
“จะเกลียดจะโกรธกันก็บอกมาตรงๆ อย่ามาปั่นหัวมาแกล้งกันอย่างนี้เลย ผมอโหสิให้แล้วหลังจากนี้ ก็เลิกแล้วต่อกันไปแล้วกัน จะได้ไม่ต้องมาจองเวรกันอีก..”
ครั้งแรกที่ด้วงกว่างตัดสินใจพูดไปตามตรงอย่างนั้นแล้วเอื้อมมือไปดึงประตูห้องน้ำปิด ไอ้ที่พูดลอยๆ ไปใจหนึ่งก็หวังให้ไอ้ผู้จัดการบ้านั่นมันฟังๆ เอาไว้บ้างเพื่อจะคิดอะไรขึ้นมาได้ แต่ด้วงกว่างก็ไม่แน่ใจนักหรอกว่าไอ้การที่หมาบ้าอย่างรัตติกรเงียบไป เงียบไปเพราะเริ่มจะคิดได้หรือเงียบไปเพราะ..หากทางจะเอาคืนกันแน่?
***
..
สายฝนกับสายลมเย็น เหมือนจะเตือนบอกให้รู้ว่าพรุ่งนี้เช้ากำลังเดินทางเข้ามา พ่อหนอนถอนหายใจแล้วก่ายหน้าผากได้แต่หวังว่า คงไม่มีไอ้หมาบ้าหน้าไหนมากัดลูกชายแกในแก่งเพกาได้หรอกนะ
***
..
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรแล้ว..”
ด้วงกว่างผวาตื่นขึ้นมาในตอนที่ความฝันมันเกินกว่าจะทนหลับต่อไปได้ บอกตามจริงว่าจำไม่ได้หรอกว่าไอ้ฝันร้ายที่ตามหลอกหลอนมันคืออะไร แต่การที่จะให้ทนหลับทั้งๆที่ยังเผชิญหน้ากับความฝันนั้นมันทรมานเกินจะต้านทานจริงๆ
เหงื่อบนใบหน้าไหลพรากพอๆกับเหงื่อที่โชกชุ่มไปทั้งตัว พอรู้ตัวว่าตัวเองนอนขดกลมในวงแขนของไอ้ผู้จัดการแก่งด้วงกว่างยิ่งผวา ผุดจะลุกขึ้นมาแต่ก็ต้องทรุดลงไปกองกับพื้นเบื้องล่างเพราะสมองที่สั่งการมันปวดหนึบจนเกินทน
“ด้วง?”
เสียงคนที่เพิ่งตื่นขึ้นมา ลุกขึ้นมาคว้าข้อมือด้วงไว้ ก่อนจะกระชากให้ขึ้นเตียงมานอนใกล้กัน
‘ทุกคนไม่ได้เป็นคนเลวไปทั้งหมดหรอก’ด้วงกว่างพยายามบอกตัวเองแล้วบังคับสติให้หลับลึก ไม่มีอะไรร้ายๆ จะเกิดขึ้นทั้งนั้น ทุกอย่างในวันนี้มันควบคุมได้แล้ว พ่อหนอนเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้แล้ว..แล้วทุกอย่างมันต้องควบคุมได้ ด้วงกว่างพยายามฝืนหลับตาแล้วคิดวนเวียนอยู่อย่างนั้น พยายามเชื่ออย่างนั้นจนกระทั่ง..
..อีกครั้งที่ไอ้หน้าตัวเมียอย่างรัตติกรมันขึ้นมาคร่อมทับพร้อมกดฟันคมๆ ลงมาบนลำคอด้วงกว่าง
“อย่าดิ้นสิวะทำอย่างกับมึงไม่เคย..”
“อื้ออออออออออออออออออออออ!!!!!”
TBC.