ตอนที่ 4
เดือนที่น่าสงสารสลบไปหนึ่งวันเต็ม
ตลอดเวลาที่เฝ้าคนเจ็บไกรภพร้อนรนเป็นอย่างมาก สาเหตุแรกเพราะต้องการคำตอบเรื่องลูกเมีย อีกสาเหตุคือกลัวว่าจะมีคนตายในบ้าน
แม้ไกรภพจะดูอบอุ่นเมื่ออยู่กับภรรยา แต่แท้จริงเขานั้นเป็นคนเลือดร้อนคนหนึ่ง หากโมโหก็มักขาดสติได้ง่าย ยิ่งเรื่องที่โมโหเกี่ยวกับคนรักและลูกก็ยิ่งหุนหันพลันแล่น ตอนนั้นเขาคิดอะไรไม่ออกสักนิด สิ่งเดียวที่แล่นเข้ามาในหัวคือเดือนที่น่าจะรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้บ้าง ก็อีกฝ่ายเป็นน้องชายของดาวนี่ แต่พอเห็นมันอึกอักไม่ยอมบอกสักที คิดว่าถ้าใช้ปืนขู่จะยอมคายออกมา ไกรภพขาดสติทำอะไรโดยไม่คิดหน้าคิดหลังส่งผลให้เรื่องบานปลาย ทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจจะปลิดชีวิตกันแท้ ๆ
เดือนที่เพิ่งลืมตาตื่นไม่รับรู้เหตุผลนี้ คิ้วเรียวขมวดมุ่นเจ็บไปทั้งศีรษะ ก่อนจะใจเต้นรัวเมื่อหันไปเห็นพี่เขยนั่งกอดอกอยู่ข้าง ๆ หน้าที่ซีดอยู่แล้วซีดยิ่งขึ้นไปอีก น้ำตาเอ่อคลอรีบส่ายหน้าพัลวัน
"ผมไม่รู้ ผมไม่รู้"
เป็นประโยคแรกที่ออกมาจากริมฝีปากแตกแห้ง สภาพน่าเวทนาพานให้คนมองเกิดความรู้สึกหลากหลาย ดวงใจแข็งดั่งหินเริ่มรู้สึกผิดที่กระทำรุนแรง แต่ปากหนักก็ไม่ยักจะเอื้อนเอ่ยคำขอโทษ ชายหนุ่มดึงอารมณ์โกรธขึ้นมาแทนที่
"คิดว่ากูจะโง่ให้พวกมึงสองพี่น้องหลอกเหรอ แผนที่ดาวให้กูพามึงไปล่าสัตว์ด้วยเพื่อจะหนีไปกับชู้ มึงก็รู้เรื่องนี้ใช่ไหม" ทุกอย่างประจวบเหมาะเช่นนี้มองได้ว่าร่วมมือกันสวมเขาให้ เห็นเขาโง่ขนาดนั้นเลยสินะ
นอกจากจะคิดไปเองแล้วประโยคที่พ่นออกมายังสะเทือนใจคนฟัง นี่พี่ไกรเห็นเขาเป็นคนเช่นนั้นหรือ
ร่างสั่นระริกถดหนีไปจนชิดขอบเตียงอีกฝั่ง เขายังหวาดกลัวพายุอารมณ์ก่อนหน้าไม่หาย เดือนใช้เวลาสักพักใหญ่กว่าจะรวบรวมประโยคในหัวที่กระจัดกระจายได้ ค่อย ๆ พูดอย่างใจเย็นขณะลอบสังเกตสีหน้าไกรภพไปด้วย
"ผมไม่รู้จริง ๆ ว่ามันเป็นแผนของพี่ดาว พี่ไกร...ผมไม่มีเหตุผลที่ต้องหลอกพี่เลยนะ หรือถ้าผมตั้งใจทำแบบนั้นจริง ๆ ก็คงไม่อยู่ให้พี่เค้นความหรอก" สู้เขาหนีไปกับพี่ดาวไม่ดีกว่าเหรอ
เหตุผลของเด็กหนุ่มตบหน้าคนฟัง ทั้งสายตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความซื่อสัตย์ ไกรภพเงียบไปรู้สึกอับอายไม่น้อย เหมือนกับเดือนด่าว่าเขาโง่อย่างไรอย่างนั้น คนหาที่ลงไม่ได้ไม่อยากเสียหน้า จึงใช้เดือนเป็นกระโถนระบายต่อ
"ตอแหล"
คำพูดบาดลึกกัดกินใจจนแทบไม่เหลือ เมื่อบอกเหตุผลไปแล้วไม่คิดจะฟังเดือนก็ไม่รู้จะอธิบายอะไรต่อ แวบหนึ่งรู้สึกโทษโชคชะตา ทำไมเขาต้องมารักผู้ชายป่าเถื่อนตรงหน้าด้วยนะ ทั้งที่รู้ว่าชายหนุ่มมีอีกด้านที่แสนจะอบอุ่นและพึ่งพาได้แบบที่แสดงให้พี่ดาวเห็น กระนั้นกลับเป็นเขาเท่านั้นที่ได้เห็นแต่ด้านโหดร้ายของไกรภพมาโดยตลอด
หยาดน้ำเปรอะอยู่บนแพขนตายาว เพียงกะพริบก็ล่วงหล่นลงบนหลังมือ มองยังไงคนตรงหน้าก็ดูเปราะบางไร้เดียงสาเกินกว่าจะทำเรื่องร้ายกาจเช่นนั้นได้
ไกรภพส่งเสียงขึ้นจมูกทำเป็นเบือนหน้าหนี เมื่ออยู่ที่นี่ต่อไปก็คงไม่ได้ความ เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูง กล่าวทิ้งท้ายไว้ก่อนบานประตูจะปิดลง
"กูจะไปตามหาพี่มึงในเมือง มึงอยู่รอดูเผื่อเขาจะกลับมาทีนี่ ห้ามหนีไปไหนล่ะ ถ้ากูกลับมาไม่เจอมึงล่ะก็..."
ดูจากแววตาของไกรภพเดือนก็รู้แล้วว่าคำที่หายไปคืออะไร
ไกรภพขู่เขาไว้หลายอย่างก่อนจะหายจากบ้านไปสามวัน เดือนซึ่งบาดเจ็บต้องอยู่รักษาตัวเองอย่างยากลำบาก แม้ใจหวาดกลัวจนอยากหนีแต่สภาพกลับไม่เอื้ออำนวย จะเดินเหินก็ต้องเกาะไปตามผนังราวกับคนพิการ มือเล็กลูบผ้าพันแผลบนศีรษะ พลางคิดว่าพี่เขยยังมีเมตตาอยู่บ้างที่ไปตามหมอมาทำแผลให้ตอนสลบ
แต่ว่านั่นก็ไม่อาจลบล้างภาพที่ไกรภพถือปืนจ่อเขาได้เลย
ตอนนั้นเดือนกลัวจนฉี่ราด คิดว่าจะตายเสียแล้วหากตนไม่สติดับไปก่อน สิ่งที่ชายหนุ่มทำสั่นคลอนต่อความรู้สึกไม่น้อย พอเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับพี่ดาวก็มักจะอารมณ์ร้อนเช่นนี้เสมอ มันทำให้เขาคิดว่าสุดท้ายแล้วคนที่สำคัญที่สุดสำหรับไกรภพก็คือภรรยาสินะ
เขามันเทียบอะไรกับพี่สาวไม่ได้เลย
มือเล็กกำแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อ พอนึกถึงพี่สาวใจของเด็กหนุ่มก็บิดเบี้ยวทันที ตั้งแต่พ่อกับแม่จากไป พวกเขาจึงเหลืออยู่กันแค่สองพี่น้อง ก่อนที่ดาวจะมาอยู่กินกับไกรภพ พวกเขาก็กัดฟันดิ้นรนด้วยกันมาตลอด แล้วทำไมพี่ถึงทำกับเขาอย่างนี้ นอกจากจะหักหลังไกรภพอย่างเลือดเย็นแล้วหล่อนยังทิ้งเขาโดยไม่ร่ำลา สิ่งที่หล่อนทำเท่ากับผลักภาระมาให้เขาทั้งหมด ให้กลายเป็นคนรับผิด รวมถึงเป็นที่รองรับอารมณ์ของพี่เขยที่ก็รู้ ๆ กันอยู่ว่าเวลาโมโหจะเป็นยังไง
ท้องฟ้าเป็นสีทึมและฝนก็ตกลงมาเหมือนคืนนั้น เดือนนั่งกอดเข่าอยู่ในห้องเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ท่ามกลางทุ่งนาที่เลือนราง เขาเห็นเงาของมนุษย์กำลังเดินลัดมาตามคันนา เมื่อเพ่งมองดี ๆ ก็พบว่าเป็นไกรภพที่กำลังเดินตากฝนอยู่ เดือนกระวีกระวาดลุกไปหยิบร่มอัตโนมัติ ครั้นพอจะผลักประตูออกไป ร่างทั้งร่างกลับยืนนิ่งไม่ขยับ
เป็นห่วงแต่ก็กลัวเหลือเกิน กลัวว่าจะโดนพี่ไกรข่มขู่เช่นคราวนั้น ริมฝีปากเม้มชั่งใจไม่รู้ว่าตนควรทำอย่างไรดี เด็กหนุ่มเอาแต่ยืนอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งไกรภพเดินขึ้นเรือนมา ใบหน้ารกครึ้มกร้านแดดเรียบตึงเหมือนกับเมื่อสามวันก่อน จุดหมายแรกที่เขาต้องการไปเยือนไม่ใช่ห้องนอนตัวเอง แต่เป็นห้องของน้องเมีย
"ดาวกลับมาที่นี่บ้างไหม" ประตูเปิดออกพร้อมกับการปรากฎตัวของร่างที่เปียกโชก เสียงของชายหนุ่มช่างอ่อนแรง แววตาสิ้นหวังมองตรงมาที่เขา ไม่เหลือคราบพี่เขยผู้โหดร้ายสักนิด
เดือนหลบตาส่ายหน้า ยังคงไม่กล้าพูดกับอีกฝ่าย ตัวเขาสั่นยากจะควบคุม ผิดคาดที่ไกรภพไม่ได้เข้ามาคาดคั้นหรือสาดคำพูดหยาบคายเหมือนครั้งก่อน อีกฝ่ายทำเพียงหมุนกายเดินกลับไปห้องตัวเองเงียบ ๆ
ท่าทางนิ่งผิดปกติจนทำให้เดือนสงสัยระคนเป็นห่วง ถึงจะหวาดกลัวอย่างไรก็ยังหลงเหลือความรักที่มอบให้ เดือนปล่อยชายหนุ่มไว้ลำพังด้วยเข้าใจว่าสิ่งที่อีกคนกำลังเผชิญนั้นสาหัสเพียงใด ถึงไม่ต้องเอ่ยปากถามก็พอจะรู้ว่าการตามหาครั้งนี้สูญเปล่า
เมื่อมาถึงห้องไกรภพก็ทิ้งตัวนอนบนเตียงอย่างไร้เรี่ยวแรง ในตอนที่ถามเดือนไปก็พอจะรู้อยู่แล้ว แขนที่แน่นไปด้วยกล้ามเนื้อยกก่ายหน้าผากครุ่นคิดทบทวนสิ่งที่พบเจอ สามวันนี้ชายหนุ่มควานหาภรรยาและลูกในทุกเส้นทางที่พอจะนึกได้ ถามจากเพื่อนของดาวและที่ทำงานเก่าซึ่งเธอลาออกมาตั้งแต่ปีก่อน สุดท้ายจึงได้รู้ว่าชายที่ดาวตัดสินใจหนีไปอยู่ด้วยนั้นคือเสี่ยฮ้ง เจ้าของบริษัทอาหารแช่แข็งในเมือง เป็นคนที่ไกรภพเทียบไม่ได้เลยทั้งฐานะและทรัพย์สิน ที่น่าตกใจคือทั้งสองมีความสัมพันธ์กันมาแล้วถึงสองปี...โดยที่เขาไม่รู้เลยสักนิด
ใจของร่างสูงบีบรัดอย่างรุนแรง ดาวกล้าทำแบบนี้ได้อย่างไร กล้าที่จะหลอกเขามานานขนาดนี้ อยู่ต่อหน้าแสร้งทำเป็นภรรยาที่ดีเอาอกเอาใจ ที่ไหนได้เห็นเขาเป็นเพียงที่พักพิงชั่วคราว กะผลักดันตัวเองไปในชีวิตที่หรูหรากว่า เขาสู้อุตส่าห์ทำงานอย่างขยันขันแข็ง เห็นหล่อนไร้ญาติขาดมิตรมีแค่น้องชายก็ให้มาอาศัยด้วยกัน ยอมเธอทุกอย่างเพราะเห็นเป็นคนรัก แต่ดาวกลับตอบแทนเขาด้วยการมีลูกชู้ที่คลอดอยู่ใต้ชายคาพวกเรา
สิ่งที่เธอทำมันหยามทั้งความรู้สึกและเกียรติที่มอบให้สิ้นดี
ตอนนี้ไกรภพไม่รู้เลยว่าตนเองควรรู้สึกเช่นไร
รุ่งเช้าที่สดใสมาถึงตรงข้ามกับหัวใจบุคคลทั้งสอง แม้ไม่อยากตื่นมาเจอหน้าแต่คำว่าบุญคุณก็บังคับให้เดือนต้องลุกมาจัดการงานบ้านอย่างทุกวัน หลังจากให้อาหารไก่ก็ทำอาหารอย่างง่ายแก่ไกรภพ
เขาตั้งใจทำทุกอย่างให้เป็นปกติจนกว่าพี่ดาวจะกลับมารับไปอยู่ด้วย ก็พวกเราเป็นพี่น้องกันไม่ใช่เหรอ พี่ทิ้งเขาไปก็เพราะไม่มีเวลาอธิบายอะไรมาก ...เดือนเข้าใจ เขาจะอยู่ที่นี่อย่างอดทน เด็กหนุ่มคิดเช่นนั้นโดยไม่รู้ว่านี่คือการหลอกตัวเอง
เท้าเปลือยเดินขึ้นมาบนเรือนพร้อมกับถาดสังกะสี ในนั้นบรรจุแกงป่าและข้าวสวยหุงร้อน ๆ กลิ่นหอมโชยแทรกกลิ่นของดินชื้นฝนเมื่อคืน ทันใดนั้นเองหูก็ได้ยินเสียงเปิดประตูออกมา เดือนรีบวางถาดแล้วลุกยืน กะว่าจะหนีลงไปข้างล่างหลบเลี่ยงพายุอารมณ์ที่จะก่อตัวขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้ กระนั้นก็ไม่ทันการณ์ เสียงเข้มดึงตัวเขาไว้ก่อน
"จะไปไหน"
เดือนกลืนน้ำลายค่อย ๆ หันไปเผชิญหน้า เห็นไกรภพยืนนุ่งผ้าขาวม้าผืนเดียว ร่างกายสีทองแดงอาบไล้กับแสงอาทิตย์ หากเป็นก่อนหน้าเขาคงใจสั่น ทว่าเวลานี้หาได้มีอารมณ์พวกนั้นเลย
เท้าเล็กก้าวถอย เสดวงตาหลบมือใหญ่ที่เคยถือปืนจ่อมา น้ำลายฝืดเฝือนหายใจไม่ออก เพิ่งทราบว่าผลกระทบจากเหตุการณ์นั้นจะรุนแรงกินระยะเวลานานขนาดนี้
"ผม...ผมจะพาบุญดีไปกินหญ้า" บุญดีที่ว่าคือควายตัวใหญ่อยู่คู่กับไกรภพมาตั้งแต่ปลูกเรือนหลังนี้ ทุกวันเดือนมีหน้าที่พามันไปกินหญ้าที่ทุ่งติดถนนของหมู่บ้าน ห่างจากตรงนี่ไปเกือบกิโล
ไกรภพเห็นเดือนมีท่าทางหวาดกลัวตนเองก็หงุดหงิดใจ พูดอะไรอยู่ในลำคอฟังแทบไม่รู้เรื่อง
"คุยกับฉันให้เงยหน้า พูดอะไรให้มันฉะฉานหน่อย" ยิ่งร่างสูงแสดงสีหน้าเช่นนั้น เด็กหนุ่มก็ยิ่งหดลำคอ เดือนหมุนกายเตรียมหนี
"เดือน! "
เจ้าของชื่อปัดมือที่หมายจะคว้าไหล่ไว้อย่างแรง ปฏิกิริยานั้นเป็นไปอย่างอัตโนมัติ แม้แต่เดือนเองยังไม่คิดว่าตนจะกล้าได้ขนาดนี้
"ผ-ผมขอโทษ" เดือนบอกอย่างสั่นเทา สีหน้าของไกรภพน่ากลัวเหมือนในตอนนั้น
"ขอโทษอะไร! แล้วทำไมต้องทำท่าทางแบบนั้นด้วย! จะกลัวอะไรฉันนักหนา" หมดความอดทนแล้ว ทำไมในเวลาแบบนี้เดือนยังทำตัวน่าโมโหได้อีก เขาอุตส่าห์คุยด้วยดี ๆ แต่ดูสิอีกฝ่ายทำราวกับว่าเขาเป็นยักษ์เป็นมาร กลัวจนต้องร้องไห้ออกมา ไกรภพโดนกระตุ้นจนโมโห โดยไม่คิดว่าสาเหตุนั้นมาจากตนเองสักนิด
เดือนไม่ตอบด้วยไม่รู้ว่าจะมีคำพูดไหนไปท้าทายอารมณ์พี่เขย แต่สีหน้าซีดเซียวและแผลที่ศีรษะของเดือนก็ทำให้ไกรภพต้องยอมลดอารมณ์ลง ไม่ใช่ไม่อยากเค้นเอาคำตอบ แต่ครั้งก่อนที่ทำเดือนถึงกับสลบไป ลำบากเขาตามหมอให้วุ่นวาย
เพื่อตัวของเดือนเอง ไกรภพตัดสินใจสะบัดมือไล่ หากยังอยู่ให้รำคาญตาสุดท้ายคงได้พลั้งมือ
"จะไปไหนก็ไป รกหูรกตา! "
ไม่อยากคุยกันก็ไม่ต้องคุย ไกรภพใช่จะใจดีเอาใจใครที่ไหน ตอนนี้มีเรื่องให้เครียดมากพอแล้ว เดือนได้ยินคำอนุญาตเหมือนได้รับอิสรภาพ รีบวิ่งลงเรือนไปทันที
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปแต่ก็ยังไร้วี่แววของดาว ระหว่างที่ทำหน้าที่น้องเมียคอยดูแลพี่เขย เดือนที่หายดีแล้วก็ได้แต่คาดหวังอย่างลม ๆ แล้ง ๆ หรือว่าที่จริงแล้วมันคงไม่มีวันนั้น วันที่พี่จะกลับมาหาไกรภพและเขา
‘พี่ไกรรู้ไหมครับว่าพี่ดาวอยู่ที่ไหน’
วันหนึ่งที่สบโอกาส เดือนรวบรวมความกล้าถามไกรภพไป แต่สิ่งที่ชายหนุ่มตอบกลับมาทำให้เขาไม่กล้าถามอีก
‘จะอยากรู้ไปทำไม รู้แล้วคนอย่างมึงจะช่วยอะไรได้ไหม’
คำพูดถากถางราวกับหาที่ระบายทำให้บรรยากาศอึดอัดระหว่างพวกเขาเริ่มทวีคูณขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนหน้านี้แม้จะไม่สามารถพูดคำว่าเป็นครอบครัวเดียวกันได้เต็มปาก แต่ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองก็ดำเนินมาอย่างดีตลอด ไกรภพไม่เคยสาดอารมณ์ใส่เขาอย่างไร้เหตุผล และเดือนก็ไม่เคยหวาดกลัวไกรภพทุกครั้งที่เจอกัน
ทว่าตั้งแต่หญิงสาวผู้เป็นส่วนเชื่อมต่อของคนทั้งสองหนีไป อะไรก็ดูราวกับจะค่อย ๆ พังทลายลงมา ต่างฝ่ายต่างตีตัวออกห่าง ราวกับว่าทั้งสองไม่เคยมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งต่อกัน
“พี่ไกร ข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้วนะครับ”
เดือนเกลียดเวลาที่ต้องเอาตัวเองไปให้พี่เขยเห็น หันไปเรียกคนที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนแคร่ ไกรภพจดจ้องไปที่ถนนเส้นเล็กสุดผืนนา ราวกับรอใครบางคนอยู่
ไร้เสียงตอบกลับเป็นอันรู้ว่าให้ทิ้งข้าวไว้แบบนั้น หากไกรภพหิวเมื่อไหร่ก็จะขึ้นไปกินเอง ร่างสูงใหญ่ไม่แยแสความห่วงใยที่น้องเมียมีให้ ยิ่งเห็นหน้าเดือนเขาก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดใจ มันตอกย้ำถึงคืนนั้นที่ทั้งสองได้มีความสัมพันธ์กัน และเป็นคืนเดียวกับที่ดาวใช้โอกาสนั้นหนีไปพร้อมกับลูก
ท่าทางช้ำรักของไกรภพทำให้เดือนปวดใจทุกครั้งที่เห็น เดือนยิ้มเยาะกับตัวเอง ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวจะสู้ความรักที่ชายหนุ่มมีให้กับพี่สาวได้อย่างไร พวกเขาได้ทิ้งความลับแสนบาปไว้ในกระท่อมนั้นแล้ว และจะไม่มีใครเอื้อนเอ่ยถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นอีก
เจ้าของร่างสีน้ำผึ้งเลี่ยงเดินขึ้นเรือนมาเงียบ ๆ ผลักประตูเข้าไปในห้องนอน พลันเหตุการณ์โหดร้ายในห้องนี้กลับมาวนเวียนอยู่ในหัวอีกรอบ มือเล็กเย็นชืดไม่ต่างจากน้ำฝนในคืนพายุเข้า
ทุกวันที่ยังมีชีวิตอยู่ เดือนได้ตั้งคำถามกับตัวเองว่าทำไมถึงยังอยู่ที่นี่อีก เป็นคนปกติโดนขนาดนี้คงไม่ทนอยู่หรอก
ความจริงแล้วถึงแม้เดือนอยากจะหนีแค่ไหน แต่ใจเขาก็บอกให้อยู่ บางอย่างฉุดรั้งเขาเอาไว้ ทำให้เขาไม่สามารถทิ้งไกรภพไว้กับความเศร้าเสียใจได้ และบางอย่างที่ว่าก็คงเป็นความรักที่เดือนมีให้กับไกรภพมาตลอดนั่นเอง
ดวงตาคู่สวยมองไปยังทิศทางเดียวกับที่พี่เขยมองอยู่ ชั่วขณะนั้นเดือนเกิดความหวังอันริบหรี่ อดคิดเข้าข้างตนเองไม่ได้ เมื่อพี่ดาวไม่อยู่แล้ว ระหว่างเขาและไกรภพ...มันจะพอเป็นไปได้ไหมนะ
เย็นวันนี้เป็นวันที่ลมพัดแรงเช่นเดียวกับวันก่อนในฤดูฝน เดือนเอามือบังใบหน้าพร้อมกับรีบจูงบุญดีกลับมา พระอาทิตย์ปริ่มอยู่ขอบภูเขาคล้ายจะร่ำลาทุกวินาที ดวงตาสวยที่เศร้าหมองเงยหน้ามองไปบนเรือน ได้ยินเสียงไกรภพกำลังคุยกับใครบางคนอยู่
"พี่ดาว? " ดวงใจหดเกร็งด้วยคิดว่าอาจจะเป็นคนที่อยากให้กลับมาพอ ๆ กับที่อยากให้จากไปตลอดกาล ทว่าเมื่อมองตรงช่องแมวลอดก็เห็นว่าคือลุงเข้มที่อาศัยอยู่นาถัดไป ลุงคนนี้เป็นผู้ใหญ่ที่ไกรภพนับถือ เดือนไม่อยากจะพบหน้าใครตอนนี้ จึงยืนหลบอยู่ใต้เรือน ทำให้ได้ยินบทสนทนาอย่างช่วยไม่ได้
"ข้าเสียใจกับเอ็งด้วยนะ"
มือเหี่ยวย่นตบบ่าไกรภพ หลังจากวันที่เขาได้ยินข่าวลือเรื่องเมียหนีไปกับชู้ก็สงสารมันจับใจ ทั้งชีวิตตั้งแต่เด็กจนโตไม่เคยเห็นมันจะรักใครได้เท่าอีดาว โดนอีกฝ่ายสวมเขาให้คงเจ็บเกินทน
ไกรภพไม่พูดอะไรนอกจากหลุบตามองปลายเท้า แค่นี้ก็อับอายจะแย่แล้ว สิ่งภาคภูมิใจในชีวิตผู้ชายวัยนี้จะมีอะไรได้อีกนอกจากรายได้และครอบครัว เขาไม่ใช่คนรวยก็หวังจะมีครอบครัวที่แสนอบอุ่น โดยเฉพาะภรรยาที่เชิดหน้าชูตาได้ หล่อนทั้งสาวทั้งสวย และยังฉลาดเอาอกเอาใจ ใครได้ยลต่างก็บอกเขาโชคดี
ทว่าตอนนี้ทุกอย่างมันจบสิ้นแล้ว
"แต่ข้าไม่เห็นด้วยนะที่เอ็งจะไปตามเมียกลับมา เสี่ยฮ้งมันลูกน้องเยอะ ลุยเดี่ยวคงมีแต่ตายกับตายล่ะวะ ข้าว่าอย่าเสี่ยงเลย" ลุงเข้มส่ายหน้าให้ตัดใจ ใคร ๆ ก็รู้กิตติศัพท์เสี่ยฮ้ง อำนาจบารมีเยอะ ชาวไร่ชาวนาอย่างพวกเขาจะทำอะไรได้
ไกรภพรู้เรื่องนี้ดี นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาใช้เวลาตลอดอาทิตย์นี้คิดหาวิธีการ ไม่ผลีผลามไปตามใจจนดับชีวิตตัวเอง
"ผมไม่กลัว" เลือดลูกผู้ชายมันร้อนผ่าว ไกรภพประกาศกร้าวสบตากับคนแก่กว่า "ผมรักดาว ผมจะทำทุกอย่างเพื่อให้เธอกลับมา"
"เอ็งรักมันแล้วมันล่ะรักเอ็งไหม แต่ที่ข้าคิดนะ ถ้ามันรักเอ็งก็คงไม่หนีไปแบบนี้หรอก ถึงพากลับมาได้จะมีความสุขกันจริงเหรอ" ไม่แน่มันจะหนีไปอีก
มีแต่ความเงียบที่ต่อบทสนทนา ร่างสีทองแดงสั่นสะท้านไม่รู้เพราะประโยคจี้ใจหรือลมเย็นที่พัดเข้าสู่ชานเรือน
"คิดให้ดี ๆ นะไอ้ไกร กับผู้หญิงใจร้ายแบบนั้น ควรค่าให้เอ็งเอาชีวิตไปเสี่ยงรึเปล่า"
ลุงเข้มถอนหายใจ จริง ๆ เรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวกับแกหรอก แต่เห็นไกรภพเหมือนลูกเหมือนหลาน ก็ไม่อยากให้มันหน้ามืดตามัว เมื่อชี้แนะเสร็จก็เตรียมตัวจะกลับ ทว่าเพิ่งจะนึกบางอย่างขึ้นได้
"ว่าแต่เดือนยังอยู่ที่นี่อีกเหรอวะ ก่อนข้าเดินมาหาเอ็ง ข้าเห็นมันกับไอ้บุญดีอยู่ในทุ่ง หรือว่าข้าตาฝาด" ลุงเข้มถามประหลาดใจ พี่ไปแต่ทำไมน้องยังอยู่
ไกรภพส่ายหน้า "ดาวไม่ได้เอาน้องไปด้วย เขาทิ้งไว้กับผม" หากจะเล่าถึงแผนการของหล่อนก็คงยาว และเขาไม่อยากพูดถึงมันอีก
"ถ้าเป็นของยังเอาโยนทิ้งได้ แต่นี่คนทั้งคน ลำบากมึงแย่เลยว่ะไอ้ไกร อีดาวนี่แสบจริง ๆ ทิ้งน้องไว้กับผัว เอาแต่ตัวเองรอด" ชายแก่เวทนาเด็กที่ประพฤติดีมาตลอด
ลึก ๆ แล้วไกรภพเองคิดว่าเดือนนั้นน่าสงสารอยู่ไม่น้อย ตอนนี้เด็กหนุ่มเหลือตัวคนเดียวมีเขาเป็นที่พึ่งพิงสุดท้าย กระนั้นพอคิดถึงมันที่แม้จะไม่ได้ตั้งใจแต่ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องทั้งหมด อารมณ์ร่างสูงปะทุขึ้น อดจะหลุดคำพูดโหดร้ายออกมาไม่ได้
"ผมก็อยากโยนทิ้งเหมือนกัน เก็บมันไว้ก็รังแต่จะเป็นภาระเปล่า ๆ แต่ที่ยังให้อยู่ที่นี่ก็เพราะเผื่อพี่มันจะกลับมาหาแค่นั้นแหละ"
ไกรภพพูดออกมาโดยไม่รู้ว่ามีคนแอบฟังอยู่ ประโยคที่ได้ยินเต็มสองหูทำให้ขาของเดือนไร้เรี่ยวแรง ถึงกับต้องคว้าเสาเรือนพยุงตัวไว้
ใจโดนทุบแตกเป็นเสี่ยง หยาดน้ำตาที่ผุดขึ้นมาจากความจริงอันเจ็บปวดไหลรินอาบแก้ม ก็ตระหนักได้อยู่แล้วว่าตัวเองนั้นไร้ค่าแค่ไหน แต่พอได้ยินจากปากคนที่ตนรักเช่นนี้ก็เหมือนกับถูกตบจนหน้าชา
อยากโยนทิ้งเหมือนกันเหรอ ทำราวกับเขาเป็นสิ่งของไร้จิตใจ ถึงมีค่าก็แค่เพราะมีสายสัมพันธ์ที่ดาวน่าจะอาลัยอาวรณ์
เดือนตระหนักได้ในวินาทีนั้นเอง สุดท้ายทุกคนก็เห็นแก่ตัวกันหมด ทั้งพี่ดาวที่ทิ้งเขาและพี่ไกรที่เก็บเขาไว้ ต่างก็ใช้เขาเป็นเครื่องมือกันทั้งสิ้น ที่เฝ้าถามมาตลอดว่าตัวเองจะอยู่ที่นี่ต่อไปในฐานะอะไร บัดนี้เดือนได้คำตอบแล้ว ว่าตนไม่ได้อยู่ในฐานะอะไรเลย ถึงไม่มีพี่ดาว ไกรภพก็ไม่เคยต้องการเขา แล้วเขายังจะหวังอะไรลม ๆ แล้ง ๆ อีก
เดือนกลั้นเสียงสะอื้นไว้ไม่ให้สองคนบนเรือนได้ยิน มือปาดน้ำตาทิ้งครั้งแล้วครั้งเล่า ความรักที่มีให้ถูกเหยียบย่ำจนไม่เหลือซาก มิอาจใช้ฉุดรั้งการตัดสินใจเด็กหนุ่มได้ดั่งก่อน
ก็ได้ พอกันที ถ้าเห็นเขาเป็นแค่ตัวภาระมาตลอด เขาก็จะไม่ทำให้ไกรภพต้องลำบากอีก
เขาจะไปจากไกรภพเอง
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
มาอัพต่อแล้วค่ะ ขอโทษที่ช้านะคะ ด้วยความที่เป็นเรื่องสั้นเราเลยต้องใช้เวลาวางพล็อตด้วย แต่ก็วางยากมาก ๆ เพราะนิสัยของตัวละครที่ขัดแย้งกันตลอดเวลา ทำให้ดำเนินเรื่องไม่ได้ดั่งใจเรา อย่างอารมณ์ของเดือนทั้งกลัวทั้งรัก ทำให้พอร่างกายหายดีเลยยังไม่ได้หนีไปตอนแรก ไม่รู้ว่าเราจะสื่อให้คนอ่านสัมผัสได้ไหมTT ถ้าทุกคนอ่านแล้วสัมผัสได้ก็จะดีใจมากค่ะ ถือว่าเราประสบความสำเร็จในการแต่งตอนนี้
หากมีจุดไหนอ่านแล้วติดขัดหรือขัดแย้งกับตอนก่อนหน้า สามารถบอกเราได้เลยนะคะ ขอบคุณทุกคำติชมและกำลังใจค่ะ แล้วเจอกันตอนหน้านะคะ