CHAPTER No.16
พอกลับถึงบ้าน เราก็ต่างแยกย้ายกันเข้าห้อง ผมมานั่งมองตุ๊กตาที่พี่ชายซื้อให้ มองมันยิ้ม ๆ
“หวังว่าคงไม่ผีเข้ามาเอาตุ๊กตาคืนนะ”
ผมจิ้มจมูกมันเบา ๆ เดินเข้าห้องน้ำไป
ยังไม่ง่วงเท่าไหร่ หลังอาบน้ำ ผมหิ้วตุ๊กตาตัวนั้นลงไปนั่งมองพระจันทร์อยู่ในสวน กอดแน่นแทนใครบางคนที่ผมไม่สามารถกอดได้
จวบจนรู้สึกง่วงถึงได้ลุกขึ้น เตรียมจะเดินกลับห้อง แต่มีใครบางคนมาหยุดยืนอยู่ด้านหลังก่อน
“พี่ทัศน์ ยังไม่นอนอีกเหรอ”
ผมแอบใจเต้นแรงหน่อย ๆ แต่พยายามไม่คิดอะไรมาก
“งั้นผมขอตัวไปนอนก่อน ราตรีสวัสดิ์ครับ”
ผมเดินเลยพี่ทัศน์ไป แต่พี่มันรั้งจับข้อมือผมไว้ ผมเงยหน้ามอง
ไม่ได้อยากคิดเข้าข้างตัวเองเท่าไหร่ แต่สายตาพี่ทัศน์ตอนนี้เหมือนมีความหมายอะไรแฝงซ่อนอยู่เลย
“มีอะไรหรือเปล่า ผมจะไปนอนแล้ว”
ผมดึงมือกลับ แต่พี่ทัศน์รัดแน่น ดึงตัวผมเข้าไปไว้ในอ้อมแขน
“พี่ทัศน์ อย่า”
ผมรีบยื้อ พี่ไม่พูดอะไร ก้มจูบผมแผ่วเบา
จริง ๆ ผมต้องขัดขืน ต้องเตือนพี่ทัศน์ว่าไม่ควร ควรบอกพี่ว่าต้องหยุด
แต่เชื่อกันไหม
ผมเลวแค่ไหน
แทนที่จะทำอย่างว่า ผมกลับตวัดวงแขนโอบรอบลำคอคนตัวสูงไว้ ตอบรับรสจูบอบอุ่นนั้น
แต่สติด้านดีของผมยังอยู่ ผมรีบผลักคนตัวสูงออก
“ผมขอตัว”
ผมรีบเดินกลับห้อง พยายามตัดขาดทุกความรู้สึกออก
มันไม่ควรเกิดขึ้น มันผิด
ยังไม่ทันจะถึง พี่ทัศน์ฉุดแขนผมไว้ กดหลังผมติดกำแพง
“พี่ทัศน์ อย่านะ”
ผมร้องเตือน พี่ทัศน์ไม่พูดอะไร ก้มปิดปากผมไว้ ตวัดอุ้มผมไว้ในอ้อมแขน พาเดินเข้าห้องตัวเอง
ผมอยากขัดขืน ผมอยากท้วงห้าม แต่จิตใจผมกลับทำในสิ่งที่ตรงข้ามกัน
ผมมันเลวใช่ไหม
คนที่เป็นซาตานไม่ใช่พี่ทัศน์หรอก
แต่เป็นผมต่างหาก
“พี่ทัศน์ หยุดทำแบบนี้เถอะขอร้อง”
ผมร้องขอภายในอ้อมแขนของอีกคน พี่ทัศน์ไม่พูดอะไร กระชับอ้อมแขนกอดผมแน่น
ผมควรทำยังไงดี
หนีไปให้สุดหล้าฟ้าเขียว
ออกไปอยู่กับพี่ต๊ะทั้งที่ยังไม่ถึงเวลา
หรือว่าจะอยู่แบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ดี
ผมปล่อยให้ทุกอย่างล่วงเลยมาจนกระทั่งใกล้จบมอหก ความรู้สึกผิดเกาะกุมในจิตใจผมมากขึ้นไม่ต่างกับความรักที่ผมมีให้พี่ทัศน์
ผมไม่รู้ว่าเขากอดผมด้วยความรู้สึกแบบไหน แต่สำหรับผม เขาคือคนที่ผมรักที่สุด
ไม่ใช่ความรักอย่างพี่ชาย…
แต่มันเป็นมากกว่านั้น
ผมอยู่ในอ้อมแขนของพี่ทัศน์แทบทุกคืน เขาก่ายกอดผมด้วยความรู้สึกไหนไม่รู้ แต่สำหรับผม มันคือความรักที่ผมมีให้ชายคนหนึ่ง
ผมยังคบกับพี่ต๊ะ แต่ยิ่งนานวัน หัวใจผมยิ่งทุ่มโถมให้พี่ทัศน์มากขึ้นจนไม่สามารถแบ่งปันความรักให้พี่ต๊ะได้
ยิ่งนานยิ่งรู้สึกผิด ยิ่งผิดผมยิ่งนิ่งเฉย
ผมแค่รอเวลาเท่านั้น
รอเวลาให้เรียนจบ
ผมจะทำทุกอย่างให้จบสิ้นเสียที
วันที่ผมเรียนจบ ไม่มีใครในบ้านมายินดีด้วยเลยสักคน มีเพียงแนนเพื่อนสนิท พี่สาวของแนนทั้งสอง พี่ต๊ะและพี่อิฐ ผมรักพวกเขามาก ไม่ต่างกับพี่ชายแท้ ๆ
ผมกลับถึงบ้าน ดูแลพี่ทัศน์เหมือนอย่างที่เคยทำ เพราะวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายแล้ว ที่ผมจะดูแลได้
วันนี้ผมเคาะห้องพี่ทัศน์แบบที่ไม่เคยทำมาก่อน เสนอเอาตัวไปให้เขากอด พี่คงจะคิดว่าผมร่าน ผมง่าย แบบที่พี่เข้าใจมาตลอด
แต่ผมไม่สน ผมยินดีบริการพี่ทัศน์อย่างดี
ก่อนจะไม่มีอีกแล้วสำหรับวันต่อไป
และทันทีที่พี่ทัศน์ตื่น
เขาจะไม่ได้พบกับน้องชายคนนี้อีกต่อไป
……………
……
..
[..50%]
[50%]
4 ปีต่อมา
“พี่ไทม์”
“หือ?”
ผมตอบรับลูกน้อง
“เขายังไม่มาส่งของเลยพี่”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่เช็กเอง”
ผมรับปาก ปาดเหงื่อออกจากขมับ
ตอนนี้ผมอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งห่างไกลกรุงเทพพอควร เอาเงินที่เก็บได้ทั้งหมดมาซื้อที่และเปิดร้านซ่อมรถเล็ก ๆ โดยไม่ติดต่อกับใครเลย ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวหรือเพื่อนสนิท
แอบรู้สึกผิดในใจไม่น้อย แต่ผมไม่อยากให้พวกเขาเดือดร้อน
ป่านนี้แนนจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ พ่อล่ะ แม่ล่ะ พี่ทัศน์ล่ะ
คิดถึงพวกท่านจัง
แต่ผมไม่อยากอยู่ตรงนั้นอีกต่อไป อยากหยุดซาตานตัวนั้นไว้
“พ่อฮะ”
ผมหันไปมองเด็กน้อยวัยสามขวบกว่า ๆ ที่เรียกผมว่าพ่อ ลูกชายตัวน้อยของผมเอง
ผมยังไม่ได้แต่งงานหรอกครับ ไม่ได้ไปทำผู้หญิงที่ไหนท้องด้วย แต่วันที่ผมซัดเซพเนจรนั่งรถหนีมาอย่างไร้จุดหมาย มีคุณยายและหลานสาวที่กำลังท้องแก่ช่วยเหลือผมไว้ ผมไม่ได้บอกอะไรมากมายแต่ทั้งสองก็ไว้ใจให้ผมมาพักอาศัยอยู่ด้วยกัน โมอายุเท่าผม ท้องแบบไม่มีพ่อในวัยเรียน ผมเลยอาสาเป็นพ่อเด็ก ช่วยกันดูแลกระทั่งโมเสียหลังจากเด็กน้อยหย่านมได้ไม่กี่เดือน แล้วยายก็ตามไปติด ๆ ทิ้งเด็กน้อยไว้ให้ผมดูแลเพียงคนเดียว (ยายอยู่กับหลานสาวเพียงสองคนเพราะโมกำพร้าพ่อแม่ตั้งแต่เด็ก) ผมเลี้ยงดูลูกน้อยวัยแบเบาะมาคนเดียว
ถามว่าลำบากไหม ก็ทุลักทุเลพอควร แต่ก็ไม่หนักหนาสาหัสเท่าไหร่ ยิ่งหลัง ๆ มีเฟ้ย ลูกน้องที่อู่มาช่วยดูแล งานผมเลยเบาขึ้น
“ธันวา”
ผมอ้าแขนรับคนที่วิ่งเข้ามาหา
ไม่รู้ว่าเพราะผมคิดถึงพี่ทัศน์มากไปหรือเปล่า ธันวาถึงได้มีใบหน้าถอดแบบพี่ทัศน์ออกมาเด๊ะ ๆ แบบนี้ ผมอุ้มลูกน้อยแนบอก หอมแก้มนิ่มไปฟอดใหญ่
ธันวาเป็นเด็กเลี้ยงง่าย ฉลาด เกิดปลายปีเลยยังไม่ได้ไปโรงเรียน
“เมื่อวานมีคนมาถามหาพี่ด้วย”
“เหรอ ใคร”
“ไม่รู้สิ สงสัยลูกค้ามั้ง”
“อืม พรุ่งนี้พี่จะพาธันวาไปฉีดวัคซีน ฝากดูร้านด้วยนะ”
“ครับ”
รุ่งขึ้นผมก็พาเด็กน้อยเดินทางไปโรงพยาบาลแต่เช้าตรู่ ด้วยรถกระบะมือสองที่ซื้อต่อมาจากชาวบ้านที่ร้อนเงินอีกที สภาพมันยังดีอยู่ เอามาซ่อมแซมนิดหน่อยก็ใช้ได้ไม่แพ้รถใหม่แล้ว
“เชิญน้องธันวาด้านในเลยค่ะ”
พี่นางพยาบาลออกมาเรียกเสียงหวาน
“ไม่ฉีดไม่ได้เหรอฮะ”
ธันวาต่อรอง ผมยิ้ม อุ้มลูกน้อยแนบอก เดินไปหาคุณหมอ นิสัยธันวาค่อนข้างจะเหมือนพี่ทัศน์หลายอย่าง แม้แต่ความใจแข็ง กลัวขนาดไหนก็ไม่ร้องเด็ดขาด
“เก่งมาก” พี่หมอลูบหัวธันวาเบา ๆ หลังฉีดวัคซีนเสร็จ เงยหน้ามองผม “แล้วคุณพ่อน้องธันวาว่างไปทานข้าวกับพี่รึยัง”
ผมเพียงแค่ยิ้ม ไม่ได้ตอบรับอะไรออกไป ผมรู้ว่าพี่หมอกำลังจีบผมอยู่ แต่ผมไม่เปิดรับใครเข้ามาในชีวิตทั้งนั้น ไม่ว่าจะหญิงหรือชาย เพราะตราบาปที่มีติดตัวมาตลอด จริง ๆ เป็นผู้ชายไม่ควรจะคิดมาก
แต่ผมคิด
โดยเฉพาะตราบาปที่เกิดจากหัวใจ
ผมรีบพาลูกน้อยกลับเข้าบ้าน เห็นรถหรูมาจอดอยู่หน้าร้าน บ้านนอกแบบนี้มีด้วยรึไง
“เฟ้ย”
ผมตะโกนเรียกลูกน้อง ปล่อยลูกชายตัวน้อยลงพื้นให้วิ่งเล่น ธันวาวิ่งหายเข้าไปภายในบ้าน
“รถคันนี้ของใคร เสียตรงไหนเหรอ”
ผมเดินเข้าไปภายใน ก่อนชะงัก มองใครบางคนที่มีหน้าตาคล้ายธันวาราวกับแกะ หัวใจผมหล่นวูบไปอยู่แทบเท้า
นี่ถึงเวลาที่ผมต้องหนีอีกรอบแล้วใช่ไหม
ธันวาวิ่งไปหยุดกึก มองคนแปลกหน้า คนสองวัยจ้องกันเขม็ง ธันวาคงงงว่าเขาคนนั้นเป็นใคร ส่วนเขาคงอดทึ่งไม่ได้ที่เด็กน้อยเหมือนตัวเองขนาดนั้น
“ธันวามานี่ลูก”
ผมรีบกวักมือเรียกลูกน้อย แต่คนตัวสูงคว้าจับเด็กน้อยไว้ก่อน ปกติธันวาไม่ชอบให้ใครแตะเนื้อต้องตัวถ้าไม่ใช่คนรู้จัก แต่กลับยอมยืนนิ่งเฉย พี่ทัศน์มองหน้าเด็กน้อยอีกครั้ง ก่อนหันมองมาทางผม ผมกลืนน้ำลายลงคอ รีบเดินไปรั้งลูกน้อยคืน ซึ่งพี่ทัศน์ก็ยอมคืนง่าย ๆ
“ไม่ทราบว่าคุณลูกค้าต้องการจะซ่อมรถตรงไหนครับ”
ผมถามเสียงเรียบ ทำเสมือนหนึ่งเราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
ที่ผมหนีมาได้นานขนาดนี้ เพราะทันทีที่ผมย้ายมา ผมก็เปลี่ยนทั้งชื่อและนามสกุลเพื่อลบตัวตนของตัวเองออก ไม่ต้องห่วง ผมมีทะเบียนบ้านที่แยกกับครอบครัวอีกที เป็นบ้านที่ไหนไม่รู้ แล้วย้ายสำมะโนครัวมาที่นี่แทน (ตอนนี้ผมเป็นเจ้าบ้านหลังนี้อยู่) ผมเป็นเพียงคนเดียวที่ไม่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านหลัก ซึ่งบ้านหลังนั้นปล่อยให้คนเช่าอยู่ ผมทำเรื่องย้ายปลายทางมาอยู่ที่นี่
ผมไม่ได้เรียนต่อ เพราะที่นี่มันไกลจากมหา’ลัยพอควร ติดลูกด้วย ติดร้านด้วย ไม่คิดว่าพี่ทัศน์จะตามมาจนเจอ นี่พี่เขามาตามหาผม หรือว่าบังเอิญผ่านมากันแน่
“ลูกนายเหรอ”
พี่ทัศน์ถามเสียงแหบ
“มีอะไรให้ผมรับใช้ครับ”
ผมไม่สนใจคำถามนั้น เลี่ยงไปทางอื่น
“ไทม์”
พี่ทัศน์เรียก ขยับเข้ามาใกล้ จับมือผมไว้
“ขอโทษนะครับคุณลูกค้า ผมว่าเชิญด้านนอกดีกว่า”
ผมชักมือกลับเบา ๆ
“ไทม์”
พี่ทัศน์จับมือผมไว้อีกรอบ ผมดึงกลับอีกทีเหมือนกัน
“ขอโทษนะครับ ผมเป็นผู้ชาย มาจับมือถือแขนกันอย่างนี้คงไม่เหมาะ”
“ไทม์”
พี่ทัศน์กระชากผมเข้าไปกอดแน่น ผมแทบอดใจไม่ไหว อยากกอดเรือนร่างหนานั้นไว้เหลือเกิน ผมค่อย ๆ กำมือแน่น ฝืนใจเอาไว้
“ขอโทษนะครับ” ผมดันพี่ทัศน์ออก “เดี๋ยวผมจะให้ลูกน้องเช็กรถให้ ออกไปรอที่ห้องรับรองกันดีกว่า”
“พี่มีเรื่องจะคุยกับไทม์”
ผมกลืนน้ำลายลงคอ
‘พี่’ งั้นเหรอ
หึ
“ได้ครับ งั้นเชิญที่ห้องรับรอง”
ผมเชิญพี่ทัศน์ไปที่ห้องรับรองแขก ธันวาวิ่งไปที่กองของเล่นทันทีไม่สนใจใคร ห้องนี้เป็นห้องเล็ก ๆ เอาไว้ให้แขกนั่งรอ ไม่มีแอร์ แต่มีพัดลมสภาพเน่า ๆ ตัวหนึ่งเอาไว้พัด ที่เหลือก็อาศัยลมจากธรรมชาติช่วย
“ต้องการให้ซ่อมตรงไหนครับ”
ผมยังไม่หยุดยื้อ
“พี่อยากจะคุยเรื่องส่วนตัว เรื่องที่ไทม์หนีมา”
พี่ทัศน์กลืนน้ำลายลงคอ ผมยังนั่งนิ่งไม่พูดโต้ตอบอะไร
“นายแต่งงานมีครอบครัวแล้วเหรอ”
“ใช่” ผมโกหกไป พี่ทัศน์หน้าเสีย “ผมหนีมาไกลแล้วนะพี่ทัศน์ อย่าให้ผมต้องหนีไปไกลกว่านี้เลย ไม่รู้ว่าทำไมพี่ถึงผ่านมาแถวนี้ได้ แต่อย่ามายุ่งกับผมอีก ผมขอร้องให้มันจบ คิดซะว่าพี่ไม่มีน้องชายเหมือนที่พี่เคยรู้สึกนั่นแหละ ผมมีชีวิตใหม่แล้ว เรื่องที่แล้วมาถือว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เชิญพี่กลับไปเถอะ”
ผมไล่เอาดื้อ ๆ พี่ทัศน์มองหน้าผมอึ้ง ๆ ขยับเข้ามาชิด ดึงผมเข้าไปกอดแน่น
“พี่ทัศน์ ปล่อย”
ผมพยายามดันตัวออก
“หนีมาทำไม แล้วทำไมถึงไม่ยอมส่งข่าวบ้าง”
“พี่โตแล้ว พี่น่าจะเข้าใจว่าผมทำไปเพราะอะไร เราเป็นพี่น้องกัน”
“เราไม่ใช่พี่น้องกัน”
ผมหัวเราะขึ้นจมูก
“ผมรู้ครับ” ไม่ว่าจะนานแค่ไหน พี่ก็ไม่เคยเห็นผมเป็นน้องเลยจริง ๆ “รู้ว่าสำหรับพี่ พี่ไม่เคยเห็นผมเป็นน้องเลย ผมมันก็แค่ผู้ชายร่าน ๆ คนหนึ่ง สำส่อน นอนกับผู้ชายไม่เลือก”
“ไทม์!”
พี่ทัศน์ตะคอกเสียงดัง
“ทำไมครับ พี่ไม่ใช่เหรอที่เป็นคนยัดเยียดสิ่งนี้ให้ผม เลว ร่าน ไม่รักดี สำส่อน ผมยอมรับตรง ๆ แล้วไง”
น้ำตาที่ผมพยายามกลั้นไว้ค่อย ๆ ไหลรินลงมา
“ไทม์ พี่ขอโทษสำหรับทุกอย่าง”
ผมกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่
“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่โกรธพี่หรอก แต่ขอให้พี่ปล่อยผมไป ขอร้อง”
“พี่ปล่อยนายไปไม่ได้นะไทม์ ยังไงนายก็เป็นเมียพี่”
ผมยกยิ้ม มองหน้าคนตัวสูงตรง ๆ
“ผมเป็นผู้ชายนะครับพี่ทัศน์ คงเป็นเมียใครไม่ได้ และอีกอย่างเราเป็นพี่น้องกัน”
“เราไม่ใช่พี่น้องกัน”
ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างเจ็บปวด
จะตอกย้ำกันไปถึงไหน
“ผมรู้”
[100%]
“เราไม่ได้เป็นพี่น้องกันจริง ๆ นะไทม์ นายไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของพ่อกับแม่ เป็นแค่ลูกบุญธรรม เป็นลูกของน้าออยน้องสาวแม่ที่เป็นลูกคนละแม่กับยายอีกที”
เหมือนสมองผมถูกทุบด้วยค้อนขนาดใหญ่ ผมยืนอึ้งอยู่กับที่
อะไรนะ
ผมกับพี่ทัศน์ไม่ใช่พี่น้องกัน
ผมไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของพ่อแม่
เป็นแค่ลูกเลี้ยง..
เป็นคนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกัน
เพราะอย่างนี้ซินะ พ่อกับแม่ถึงไม่เคยแคร์ผมเลย
น้ำตาผมร่วงหนักยิ่งกว่าเดิม
การรู้ว่าพ่อแม่ไม่รัก มันก็เจ็บหนักพออยู่แล้ว นี่ผมยังเป็นแค่กาฝาก
หึ เขาจะไม่รักไม่สนก็ถูกแล้ว
นี่ผมเรียกร้องเยอะเกินความเป็นจริงไปซินะ
“เชิญพี่กลับไปเถอะ”
ผมบอกอย่างหมดแรง กำลังจะเดินไปหาลูก แต่พี่ทัศน์รั้งจับผมไว้
“ไทม์”
ผมมองหน้าคนตัวสูงด้วยดวงตาอันปวดร้าว ภาพตรงหน้าพร่าไปหมดด้วยหยาดน้ำที่กำลังหลั่งริน
“พี่เลวมากที่ปิดบังผมมาตลอด ให้ผมจมอยู่กับความรู้สึกผิด ให้ผมหวังสูง หวังให้พ่อกับแม่แบ่งเศษเสี้ยวความรักมาให้บ้าง ให้ผมคาดหวังให้พี่หันมารักผมในฐานะน้องชายบ้าง สนุกมากสินะ ที่เห็นผมหัวหมุน สนุกมากสินะ ที่เห็นผมเศร้าผมเสียใจ สนุกมากสินะ ที่เห็นผมรู้สึกผิดและย่ำยีโดยที่ตัวเองไม่รู้สึกอะไร ปล่อยให้ผมรู้สึกผิดเจียนบ้าอยู่คนเดียว ถ้าพี่ต้องการแบบนั้น ยินดีด้วยครับ พี่ได้ทั้งหมด ผมมันเลว จมอยู่กับความเลว เลวที่คิดว่าตัวเองเป็นซาตาน หลงรักพี่ชายมาตลอดหลายปี จมอยู่กับความทุกข์ ส่วนพี่ก็มีความสุขกับการได้เสพสมเรือนร่างของผม เห็นผมทุกข์ พอใจแล้วใช่ไหมครับ อย่ามายุ่งกับผมอีก เฟ้ยส่งแขก!”
ผมตะโกนเรียกเด็กในร้านมาส่งพี่ทัศน์ เฟ้ยรีบวิ่งเข้ามา ทำหน้าเลิ่กลั่กมองผมทีมองพี่ทัศน์ที ผมไม่สนใจอธิบายอะไร เดินไปอุ้มธันวาแนบอกก้าวฉับ ๆ เข้าห้องนอนไป
พี่ทัศน์ไม่ใช่พี่ชาย
พ่อแม่ไม่ใช่พ่อแม่ที่แท้จริง
จะมีอะไรแย่ไปกว่านี้อีก
“ธันวา”
ผมกอดลูกน้อยแน่น ธันวากอดตอบไม่พูดอะไร
ผมควรจะทำยังไงดี ผมจะกล้ามองหน้าท่านได้ยังไง ผมไม่ใช่ลูกท่าน
ไม่แปลกว่าทำไมท่านถึงได้รังเกียจผมขนาดนี้
ผมจำได้ว่าแม่เคยด่าไม่ให้ผมทำนิสัยเหมือนน้าสาวคนหนึ่งที่สำส่อน นอนไม่เลือกและทำตัวมารยา
ผู้หญิงคนนั้นคงเป็นแม่ผมซินะ
แม่ที่แท้จริง
ไม่รู้ว่าผมนั่งร้องไห้อยู่นานแค่ไหน นานจนธันวาหลับคาอก ผมยิ้ม ลูบหัวลูกน้อยเบา ๆ ท่ามกลางการสูญเสียคนรอบข้าง ผมก็ได้สมบัติล้ำค่ามาไว้กับตัว ถึงธันวาจะไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของผม แต่ผมก็รักเขามาก
“บางทีเราอาจต้องย้ายบ้านกันนะลูก”
ผมบอกลูกน้อย ธันวาสะลึมสะลือลืมตาตื่นมองอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร ผมยิ้ม อุ้มลูกไปอาบน้ำ พอเรียบร้อยก็ออกไปข้างนอก อึ้งนิดที่เห็นพี่ทัศน์ยังอยู่ แต่ผมไม่สน ทำอาหารให้ลูกทานเงียบ ๆ
“ไทม์” พี่ทัศน์เดินเข้ามาใกล้ “พี่ขอโทษที่ไม่ได้บอกความจริงแต่ต้น”
ผมไม่สนการมีตัวตนของอีกคน ทำอาหารกินกันสองคนพ่อลูก
ดูจะใจร้าย แต่ผมไม่ต้องการให้พี่ทัศน์อยู่ที่นี่
“ไทม์ พี่รู้เรื่องทั้งหมดจากเฟ้ยแล้วนะ รู้ด้วยว่าธันวาไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของไทม์ และไทม์ยังไม่มีใคร เลี้ยงลูกบุญธรรมมาเพียงลำพัง กลับบ้านพร้อมพี่นะ พี่เล่าให้แม่ฟังทุกอย่างเรื่องที่พี่ทำลงไปแล้ว”
ผมชะงักนิด ก่อนทำเป็นไม่สนใจต่อ
“แม่โกรธมาก”
ผมไม่สน ปล่อยให้พี่ทัศน์พูดไป
“แต่ไทม์...”
ผมหยิบทิชชู่มาเช็ดปากธันวาเบา ๆ
“แต่พี่บอกแม่ไปว่าพี่…”
“ผมจะทำอะไรให้ทาน รอสักครู่ครับ”
ผมตัดทุกสิ่งที่พี่ทัศน์กำลังจะพูด มันไม่สำคัญอีกแล้ว เพราะเขาทำร้ายชีวิตผมมามากพอแล้ว ผมจะทำเพื่อเขาอีกครั้ง ถ้าพี่ทัศน์ยังบีบบังคับผมอีก ผมก็จะหนี
ผมทำอาหารให้พี่ทัศน์ทานแล้วพาลูกเข้านอน ผมจะทิ้งร้านไปเลยเหมือนที่ทิ้งบ้านไม่ได้ เพราะที่นี่ผมเป็นเจ้าของจริง ๆ
หลังจากลูกหลับ ผมออกมาหาที่หลับที่นอนให้พี่ทัศน์
“ไทม์” เขาฉุดแขนผมไว้อีกรอบ “ฟังพี่ก่อน”
ผมมองหน้าพี่ทัศน์ตาขวาง
“เราไม่มีอะไรต้องพูดกันครับ”
“ไทม์ แต่พี่รักไทม์นะ”
ผมแทบหยุดหายใจ มองหน้าคนพูดอึ้ง ๆ
“พี่ขอโทษสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง พี่รักไทม์ แต่ไม่รู้ตัวว่ารักไทม์ จวบจนไทม์หนีมาพี่ถึงรู้ว่าไทม์คือคนที่พี่ขาดไม่ได้ พี่ขอโทษสำหรับทุกอย่าง ยกโทษให้พี่ด้วยนะ”
ผมมองคนตรงหน้านิ่งค้าง
“พี่ขอโทษที่พี่ไม่ได้บอกความจริงก่อนหน้านี้ พี่ไม่คิดว่าไทม์จะทิ้งพี่มาแบบนี้ พี่ขอโทษ”
น้ำตาผมไหลลงมาอีกรอบ ดันคนตัวสูงออกเบา ๆ
“จะแกล้งอะไรผมอีก แกล้งให้ผมดีใจ แล้วมาทำร้ายผมแบบที่เคยทำใช่ไหม”
มองเห็นแววตาวูบไหวจากดวงตาคู่นั้น พี่ทัศน์เคยบอกรักผมครั้งหนึ่ง ก่อนจะมาตอกหน้าทีหลังว่าเรื่องทั้งหมดเป็นแค่เรื่องล้อเล่น
“ผมขอตัว ที่นี่ไม่มีแอร์นะ ขอโทษด้วยที่อาจหลับไม่สบาย ถ้าทนไม่ไหว กลับบ้านไปก็ได้”
ผมให้ทางเลือก เดินตรงกลับห้อง แต่พี่ทัศน์ฉุดไว้ กอดผมแน่น
“พี่ขอโทษ”
ผมควรจะทำไงดี ให้อภัยแล้วลืมทุกอย่าง หรือว่าจะหนีอีกรอบดี
To be Con...
อย่าใจอ่อนง่ายๆ นะไทม์ พาธันวาหนีไปเล้ย!! แง้งงงงง
ปล. แจ้งข่าว วันที่ 1 ตุลาคมนี้มีงานหนังสือตลาดฟิคที่โรงพยาบาลเซ็นหลุยส์นะคะ จองแล้วไปรับหนังสือเรื่องนี้กันได้เลย ^^ บูท A8 จ้า
หนังสือ&ebook
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54068.msg3389162#msg3389162