มาแล้วครับ เหนื่อยๆ ป่วยๆ เที่ยวเยอะเกิน 555
มาต่อแบบยาวๆ ก่อนที่จะลืมไอ้บาสกัน
=============================================
-26-วันเวลาผ่านพ้นไป ความสัมพันธ์ที่คลุมเครือระหว่างผมกับบาสก็ยังเป็นอยู่เหมือนเดิม ต่างคนต่างมีแฟน ต่างคนต่างเก็บความรู้สึกที่อยากจะแสดงต่อกัน ทั้งๆที่รู้กันอยู่แก่ใจว่าอะไรเป็นอะไร แต่ความกังวลในเรื่องของคนรอบข้าง ทำให้เราสองคนเป็นได้แค่เพียงเพื่อนสนิทกันในสายตาของคนอื่นๆเท่านั้น
บาสยังคงมาจอดรถเอาไว้ที่บ้านผมเหมือนเดิม แต่สิ่งที่ต่างออกไปก็คือ มันไม่ขึ้นมาปลุกผมที่ห้องทุกเช้าเหมือนแต่ก่อน ผมเองก็พยายามตื่นให้เร็วขึ้นมากๆ เพราะไม่อยากให้มันขึ้นมาบนห้อง กลัวใจตัวเองมากกว่าน่ะครับว่าจะรักษาความสัมพันธ์ที่เป็น”เพื่อนสนิท” ระหว่างผมกับมันเอาไว้ไม่อยู่
เรายังคงเดินไปโรงเรียนด้วยกันทุกเช้า นั่งเรียนด้วยกัน กินข้าวด้วยกัน ยกเว้นบางครั้งที่บาสต้องไปรับปู แฟนมัน บาสถึงจะไม่มาที่บ้านผม แต่ผมกับบาสไม่ได้คุยเล่นกันเหมือนเมื่อก่อน มันก็รู้สึกแปลกๆนะครับ เส้นที่เคยกั้นไว้ระหว่างผมกับมันเกิดขึ้นอีกครั้ง และในคราวนี้เส้นมันไม่บางเหมือนแต่ก่อนด้วยครับ เพราะมันถูกขีดย้ำๆทุกๆครั้งที่เราเริ่มจะลบเส้นอันนั้นไป ทุกสิ่งทุกอย่างระหว่างผมกับบาสยังคงกัดกินหัวใจ ความรู้สึกที่ขัดแย้งกันอยู่ข้างในที่ไม่อาจจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างผมกับมันที่ทะเล ในบางครั้งมันก็เหมือนกับเกิดขึ้นเมื่อวาน ความอบอุ่นของมือที่กุมกันไว้ยังคงรู้สึกได้ แต่บางครั้งมันก็เหมือนเกิดขึ้นมาแล้วนานแสนนาน ความหนาวเหน็บที่มักจะเข้าไปเกาะอยู่ในหัวใจทุกๆทีที่พยายามนึกถึงมัน
เทอมหนึ่งผ่านไปอย่างเชื่องช้า ก๊วนเรียนพิเศษของผมกับบาสก็ขยายตัว โดยมีทั้ง ปู เหมียว และเพื่อนๆคนอื่นๆที่เริ่มเตรียมพร้อมกับการเอ็นทร๊านซ์ที่กำลังจะมาถึงในอีกหนึ่งปีครึ่ง เราเริ่มเรียนพิเศษกันทั้งเสาร์ อาทิตย์ และมีเวลาว่างน้อยลงเรื่อยๆ
จนในช่วงเปิดเทอมสอง ก็มีหน้าที่รับผิดชอบใหม่เพิ่มขึ้น คือ ต้องทำขบวนพาเหรดให้กับคณะในวันกีฬาสี ซึ่งเป็นหน้าที่ของม.5 ทุกๆคน สีของผมมีทั้งหมด 4 ห้องครับที่จะต้องมานั่งคิด Concept ของขบวนพาเหรดร่วมกันก่อน โดยที่ theme หลักๆจะมาจากพวกม.6 จากนั้นเราค่อยมาขยายความคิดต่อยอดกันอีกทีนึง ซึ่งในปีนั้นผมได้รับไอเดียมาจากพวกรุ่นพี่เป็น “อนุรักษ์วัฒนธรรม” ซึ่งที่เพื่อนๆห้องอื่นคิดมามันก็แค่เอาเสื้อผ้ามาแต่งแล้วก็มาเดินๆ รำๆ ให้มันเข้ากับ Theme หลักของพวกรุ่นพี่เท่านั้น ผมเลยเสนอความคิดอกมาให้สมกับเรียนสายศิลป์ซะหน่อยให้โยนไอเดียไปให้เป็น Rural Fun Fest Parade โดยม. 5 เรามีทั้งหมด 4 ห้อง ให้แบ่งเป็น 4 ภาคทำขบวนแห่พื้นเมืองของแต่ละภาคในประเทศ เอาให้มัน เน้นที่ดนตรีสนุกสนานให้สมกับเป็นขบวนแห่ซะหน่อย ซึ่งทุกๆห้องก็เห็นชอบด้วย ของห้องอื่นผมไม่สนหรอกครับ รู้แต่ว่าผมจองภาคอีสานเพราะมีความคิดบางอย่างอยู่ในหัวเรียบร้อยแล้ว
“เฮ้ย ห้องเราได้ภาคอีสานนะ” ผมประกาศหลังจากที่ไปประชุมร่วมกับห้องอืนๆมาเรื่องกีฬาสี ที่ผมต้องไปเป็นตัวแทนห้องเพราะว่าวันที่มันเลือกตัวแทนห้องกัน ผมดันไม่มาโรงเรียนน่ะสิครับ เลยต้องรับภาระอันนี้ไปโดยปริยาย
“งั้นเราทำอะไรดี” หลายๆคนเริ่มที่จะออกไอเดีย แต่ผมมีความคิดอยู่แล้ว เลยบอกไปในห้องซึ่งทุกๆคนก็เห็นด้วย สรุปว่า ห้องผมจะ “แห่นางแมว” กันครับ ซึ่งจริงๆแล้วเราก็เตรียมตัวกันไม่นานเท่าไหร่ เพราะแต่ละคนก็ต้องมีภาระเรียนพิเศษของตัวเองกันทั้งนั้น ผมเลยแบ่งหน้าที่ไปให้แต่ละคนรับผิดชอบ เช่น คนนี้ไปหาซื้อเสื้อผ้า คนนี้ต่อกรงแห่นางแมว (ซึ่งมาต่อกันที่บ้านผมเอง) อีกคนให้ไปหาเพลงและซ้อมเพลงแห่กับคนที่รับหน้าที่ยกกรง ส่วนอีกคนให้ไปทำเพลงมา กะว่างานนี้ห้องผมเกิดแน่ๆ
2 คืนก่อนหน้าวันกีฬาสี บรรยากาศเริ่มวุ่นวาย เพราะนอกจากห้องเราจะต้องทำขบวนพาเหรดแล้ว บางคนยังต้องไปแข่งกีฬาเป็นตัวแทนคณะอีกด้วย สาวๆบางคนก็ต้องไปซ้อม Leader หลายๆคนที่รับหน้าที่ต่อกรงเลยต้องมาสร้างกรงแห่นางแมวกันที่บ้านผม ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ ไอ้บาสนั่นเอง
เพื่อนๆคนอืนๆก็แปลกใจอยู่ไม่นอยที่เห็นไอ้บาสดูสนิทสนมกับพี่คนใช้ที่บ้านผมเหลือเกิน รวมไปทั้งรู้ไปหมดว่าอะไรอยู่ตรงไหน ผมเห็นสายตาพวกมันก็เดาออกล่ะว่าคิดอะไรกันอยู่ แต่ก็เฉยๆแล้วล่ะครับ พวกมันก็มีล้อกันไปสักพักเหมือนที่เคยทำ แล้วก็เงียบปากกันไปเอง
เรายึดสนามหญ้าที่บ้านเป็นลานกว้างเอาไม่ไผ่มาทำเป็นแคร่ แล้วลองให่คนที่รับบทเป็นนางแมวลองขึ้นไปดู ส่วนคนที่รับหน้าที่แบกก็ลองแบกดู ประมาณน้ำหนักที่จะต้องแบกกันในวันเสาร์ที่จะถึงซึ่งเป็นวันกีฬาสี กว่าจะเป็นรูปเป็นร่างก็ปากันเข้าไป ตี 2 แล้ว แคร่เพิ่งจะเสร็จ ก็อย่างว่าแหละครับ ทำกันเองแบบไม่มีความรู้เรื่องช่าง ตอกตะปูไปคุยไป เฮฮากันไปเรื่อย
คืนนั้นเป็นคืนวันพฤหัสซึ่งตอนเช้าเรายังต้องไปโรงเรียนกันอีก หลายๆคนที่บ้านใกล้เลยรีบขอตัวกลัไปนอนบ้าน ส่วนบางคนที่บ้านอยู่ไกลออกไปก็นอนที่บ้านผม โดยแม่เปิดห้องรับแขกให้นอนกัน ซึ่งนายบาสของผมอยู่ในกลุ่มหลัง ไม่ต้องแปลกใจนะครับที่ผมไม่ให้เพื่อนนอนห้องตัวเอง เพราะผมเป็นอย่างงี้มาตั้งนานแล้ว ไม่ชอบให้ใครเข้าไปในห้องส่วนตัวเท่าไหร่ เพื่อนที่เข้าไปเนี่ยนับคนกันได้เลยครับ
“เฮ้ย มีอะไรก็เรียกแล้วกันนะ กูไปนอนก่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้ไม่ตื่น” ผมบอกกับเพื่อนที่เหลือที่ต้องนอนบ้านผมอีก 3 คน รวมทั้งบาสด้วย แล้วก็กลับห้องตัวเองไป
แต่พอผมอาบน้ำเสร็จ ก็เห็นบางคนนอนอยู่ที่เตียงของผมเรียบร้อยแล้ว
“ขอนอนด้วยคนนะ ห้องโน้นนอนกัน 3 คนมันอึดอัด”
“ก็เอาดิ ถ้าเป็นมึงอ่ะ นอนได้ แล้วไม่ไปอาบน้ำหรอ”
“อาบดิ ก็รอคนบางคนอยู่ อาบน้ำนานชิบเป๋ง”
“อ้าว กวนทีนล่ะ จะนอนด้วยกันรึเปล่าเนี่ย”
“นอนๆ รอแป๊ปนึงนะ ต๋องอย่าเพิ่งรีบนอนนะ เดี๋ยวบาสอาบน้ำแป๊ปเดียว” แล้วมันก็รีบเผ่นไปเข้าองน้ำ
ผมกับบาสไม่มีเวลาอยู่ด้วยกันแบบนี้มานานเท่าไหร่แล้วนะ ถ้าจะนับกันจริงๆก็ตั้งแต่เราขึ้นชั้นม.5 กันนั่นแหละครับ หรือไม่ก็ตั้งแต่ไอ้บาสมันมีแฟนเป็นตัวเป็นตน ซึ่งผมก็เห็นมันมีความสุขดี คุยเล่นหนุงหนิงกับแฟนมันทุกวัน ส่วนผมเองก็ยังคบอยู่กับเหมียวเหมือนเดิม ไม่มีอะไรที่เปลี่ยนแปลง ทุกอย่างเหมือนเดิม
ผมล้มตัวลงนอนเพราะรอบาสอาบน้ำเสร็จไม่ไหว ถ้าถามความรู้สึกของผม ผมก็ยังรู้สึกกับมันแปลกๆ อยู่ ซึ่งเกินคำว่า “เพื่อน” แน่นอน ในตอนที่ผมกำลังเคลิ้มๆจะหลับอยู่แล้ว ก็รู้สึกมามีคนมามุดในผ้านวม ไม่ต้องสงสัยหรอกครับ มีอยู่คนเดียวนี่แหละ
“หลับไม่รอกันเลยนะ”
“ก็อาบน้ำนานนี่”
“ตัวจะได้หอมๆไง เผื่อคืนนี้มีคนอยากดม” ยั่วกูจังนะ บาส นอนกันอยู่สองคนเนี่ย มึงจะไปให้ใครดมไม่ทราบ
“ไหนมาพิสูจน์ดิ” ผมพลิกตัวไปกอดมันทันที
ความสนิทสนมระหว่างผมกับบาสที่ทะเล ที่จู่ๆมันก็เกิดขึ้นมาอีกในคืนนี้ หลังจากที่ผมไม่ได้ทำอย่างงี้มาตั้งนานแล้ว ผมอยากกอดมันเอาไว้ให้เต็มอ้อมแขน พร่ำบอกที่ข้างหูไม่ให้มันไปไหน ซึ่งในตอนนี้ผมกำลังทำอย่างนั้นอยู่จริงๆซะด้วย บาสเอามือมากอดผมตอบวึ่งทำให้เราเบียดกันแน่น
“อึม” ผมครางเพราะรู้สึกดีที่มันทำอย่างนั้น แล้วผมก็เริ่มตกใจที่มือของบาสล้วงเข้ามาในกางเกงนอน
“เฮ้ย บาส” แต่ก่อนที่ผมจะพูดอะไร บาสก็เอาปากมาจูบ พร้อมๆกับจับมือผมให้ไปวางไว้ที่บาสน้อย โอ้ ห่อหมกของผม ห่อเดียวกันกับที่ผมเคยแอบมอง ตอนนี้ผมยิ่งกว่ามองอีก ผมขยับมือช้าๆเหมือนที่บาสทำกับต๋องน้อยของผม
เรื่องแบบนี้ก็ไม่ใช่ผมไม่เคยทำมาหรอกครับ แต่ปกติก็ทำคนเดียว อิอิ ไม่คิดว่าจะมาทำกับไอ้บาสมันเท่านั้นเอง เสียงหายใจของบาสแรงขึ้น พร้อมๆกับมือที่เร่งจังหวะให้เร็วขึ้น เสียงมันที่ครางกระเส่าอยู่ที่ข้างหู เร้าอารมณ์ผมให้กระจัดกระเจิงไปไกล
“ต๋อง ต๋องงง โอ๊ย” มันคราง
รายละเอียดเอาแค่นี้พอนะครับ เขิน ไม่กล้าเขียน รู้แค่ว่าหลังจากนั้นเราก็นอนกอดกันทั้งคืน ทำให้ผมนึกไปถึงคืนที่ทะเล เพียงแต่ว่าตอนนี้ไม่มีเสื้อผ้าก็แค่นั้นเอง