ตอนที่ 17
เสียงแก้วกระทบน้ำแข็งที่ยกขึ้นดื่ม เหล้าสีอำพันไหลลงไปในคอ บทเพลงที่ถูกเปิดมันเพราะจนทำให้คนหลายคนนั่งนิ่งเงียบแล้วก็ฟังมันอยู่แบบนั้นราวกับไร้คนรอบข้างเหมือนกำลังจมลึกลงไปกับเนื้อหาของเพลงที่อาจจะตรงกับชีวิตจริงไม่บทใดก็บทหนึ่ง แต่กลับกันกับคนบางกลุ่มที่ไม่ได้สนใจในบทเพลงอะไรนั่นเลยอาจเพราะเนื้อหาของบทสนทนาในกลุ่มเพื่อนนั้น มันน่าสนใจกว่า
สำหรับผมเสน่ห์ของผับอยู่ที่ตรงนี้ ภายในพื้นที่เดียวกันแต่ความรู้สึกของทุกคนกลับแตกต่างกัน แตกต่างแต่ทว่าก็อยู่ด้วยกันได้อย่างลงตัว
ผมลดแก้วเหล้าลงบนที่รองแก้วตรงหน้าหลังจากดื่มหมด สบสายตากับใบหน้าน่ารักที่กำลังยืนมองแก้วเหล้าที่เหลือแต่น้ำแข็งของผมอยู่ด้วยความสนใจ
“ เอาอีกมั้ย “ เมดเอ่ยถามด้วยเสียงที่ถ้าตอบว่า ไม่ คงดูใจร้ายกับมันเอามากๆ ท้าวคางมองมันที่กำลังจ้องหน้าผม
เผลอคิดว่าตัวเองเมาเหล้ารึเปล่า แต่ไม่น่าจะเป็นแบบนั้นเพราะก็เพิ่งกินไปแค่สองแก้วเท่านั้น ปกติเป็นคนคอแข็งอยู่แล้ว เหล้าปริมานแค่นั้นไม่น่าทำอะไรผมได้ แต่ทำไมถึงรู้สึกว่าวันนี้คนตรงหน้า มันดูน่ารักจังวะ
สายตาคงพิกลพิการไปแล้วแน่ๆ ถึงได้มองใครคนนี้น่ารักขึ้นทุกวันอย่างไร้สาเหตุและเหตุผล
วันนี้เลขาของผมลงมาจัดการเรื่องสต๊อกเหล้าของบาร์ มันบอกว่าอยากถ่ายภาพขวดเหล้าในบาร์เอาไว้ด้วย จะได้ทำงานได้ง่ายขึ้น แล้วผมก็คิดว่ามันควรเป็นแบบนั้น คนที่แม้แต่ว๊อดก้ากับคอลเทลแบบสำเร็จยังแยกกันไม่ออกว่าต่างกันยังไง ก็น่าจะต้องทำอยู่ แต่ดูเหมือนตอนนี้การถ่ายรูปขวดเหล้าจะไม่ใช่สิ่งที่มันตั้งใจทำอีกต่อไปแล้ว เพราะการทดลองเป็นบาร์เทนเดอร์ต่างหากที่มันกำลังสนใจ
“ เอามาอีกแก้ว “ ผมบอก อีกคนก็ยิ้มกว้างก่อนจะเปิดขวด เมดยกแก้วเหล้าของผมลงไปตั้งที่เค้าเตอร์ในบาร์ รินเหล้าขวดที่ไอ้อัยย์เปิดให้ผมเมื่อครู่ใส่ลงไป เหมือนเด็กเล็กๆที่สนใจเวลาเห็นพ่อแม่ทำอะไรก็อยากจะลองทำบ้าง เป็นอีกมุมของมันที่ชวนให้ยิ้มได้ไม่ยาก แต่เอาจริง ตอนนี้ไม่ว่าจะมุมก็ยิ้มไปหมดนั่นแหละ ยิ้มจนเริ่มรำคาญตัวเองแล้วว่าจะยิ้มอะไรหนักหนา
“ นี่ครับ “ ยื่นแก้วมาให้ผม ไอ้เจที่เดินเข้ามานั่งข้างๆ มันยิ้มก่อนจะแซว
“ บาร์เทนเดอร์ผับนี้น่ารักจังเลยอะ “
“ กูอ๋อออออ “ ไอ้เดย์ที่ยืนอยู่อีกฝั่งเอานิ้วจิ้มแก้มตัวเองก่อนจะหันมาหาเราที่ก็ได้แต่ทำหน้านิ่งบอกบุญไม่รับ แต่เมดกลับหัวเราะก่อนจะยิ้มกว้างออกมา
“ รับอะไรดีครับ “
“ สเมอร์นอฟขวดนึง “
“ คือไรอะ “ ถามเสียงเบาๆ ทั้งผมทั้งไอ้เจก็ได้แต่ก้มหน้ายิ้มก่อนจะหัวเราะออกมา “ หัวเราะอะไรกันวะ กูก็ไม่รู้จักอะ “ เมดว่าติดงอน
“ ว๊อคก้าแต่งกลิ่นสำเร็จรูป “ ผมบอกมันก่อนจะเชิดหน้าไปข้างหน้าตรงตู้เหล้าด้านหลัง “ ไอ้อัยย์เอาสเมอร์นอฟให้ไอ้เจมันขวด “
“ ครับเฮีย “ อัยย์หยิบขวดเครื่องดื่มที่สั่ง มันยื่นให้ไอ้เมด “ เชิญเปิดแล้วยื่นให้แขกด้วยนะครับ คุณบาร์เทนเดอร์ฝึกหัดของผม “
“ โหหห ใจมึงได้ “ ไอ้เจบอก “ ก็ไม่ได้หวั่นหัวจะหลุดออกจากบ่าเลยสักนิด “
“ อะ นี่ครับ “ ยื่นขวดเหล้าให้ไอ้เจเรียบร้อย อีกคนก็ยกขึ้นดื่ม “ ทำไมไม่คิดสั่งค๊อกเทลกันบ้างวะ สั่งสักแก้วสิ กูอยากทำ “
“ ไม่ได้ให้มาเล่น มาทำงาน “ คนโดนดุหน้างอเพิ่มขึ้นอีกหน่อย มันที่ถอนหายใจออกมา เพื่อนผมก็บอก
“ มาๆ กูสั่งเอง “
“ นี่ครับเมนู “ แผ่นพลาสติกดีไซน์สวยที่เขียนเมนูไว้ถูกยื่นมาให้จากอีกคนที่อยากลองทำอย่างกระตือรือร้น เมดยิ้มกว้างก่อนจะหันมายักคิ้วให้ผมที่หลุดยิ้มออกมาทันที
“ นี่บาร์กูเป็นที่เล่นของเด็กไปแล้วรึไง “
“ เอาน่า บาร์คนยังไม่เยอะ “ ไอ้เจบอก “ เรานั่งอยู่มุมนี้ ไม่มีใครมาสังเกตหรอก มืดจะตายห่ากูบอกให้ติดไฟเพิ่มก็ไม่เชื่อ “
“ มุมนี้มันมุมกู กูชอบนั่งเงียบๆมืดๆ “ บอกแบบนั้นเมดก็ขมวดคิ้วไอ้อัยย์ที่เห็นท่าสงสัยมันก็อาสาอธิบาย
“ เฮียเค้าชอบนั่งกินเหล้าคนเดียวเปิดไฟสลัวๆ แล้วฟังเพลงชิวๆอะพี่เมด เค้าไม่ชอบให้สาวหันมามองหันมาสนใจเค้าเยอะ เพราะว่าถ้าเค้าสนใจเดี๋ยวเค้าหันไปมองเอง แต่เหมือนจะไม่ค่อยได้ผลหรอก ยังไงสาวก็เข้ามาจีบอยู่ดี คิคิ “
“ เสือกนะมึง “ ผมบอกเพื่อนน้องชายตัวเอง แต่อีกคนก็แค่ยกมือปิดปากไว้ทำทีเหมือนผิดไปแล้วที่พูดอะไรแบบนั้นออกมา
“ ขอสั่ง mojito แล้วกัน “ สิ้นเสียงคำสั่ง บาร์เทนเดอร์ฝึกหัดก็หันไปหาไอ้อัยย์ที่หลุดยิ้มออกมา
“ มาๆ เดี๋ยวสอน “ ส่ายหน้าไปมาพวกมัน แต่ถึงอย่างงั้นก็ได้แต่บ่นเบาๆ
“ ตามใจกันเข้าไป “
“ อันดับแรก “ เมดเอ่ยบอกเสียงเบาๆคนสอนก็เอาแต่ยิ้ม
“ อันดับแรกก็เอาแก้วทรง hi ball ขึ้นมา ซึ่งนั่นก็คืออันนี้ “ อัยย์หยิบแก้วก่อนจะหันไปเปิดตู้เย็นที่อยู่ด้านล่างหยิบมะนาวขึ้นมาหนึ่งลูก
“ พี่เมดทำเองนะ น้องอัยย์แค่บอก พี่เมดอยากทำ “ ว่าแบบนั้นอีกคนก็ตามใจ มันส่งมะนาวให้
“ ก็หั่นมะนาวครึ่งนึง “
“ ก่อนหั่นต้องคลึงมันก่อนมั้ย เห็นแม่ชอบทำ “
“ ก็ได้นะ “ คลึงมะนาวอยู่บนโต๊ะสักพัก เขียงกับมีดก็ถูกส่งมาให้ “ ตัดแบ่งครึ่งครับ “
“ ตัดแบ่งครึ่ง “ พูดไปมือก็ทำไปอย่างคนไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่ แค่ดูการจับมีดก็พอรู้ว่าไม่น่าเก่งงานครัวเท่าไหร่ ถ้าลองให้ทอดไข่ให้กินตอนเช้า ต้องได้ไข่ไหม้ๆแน่นอน “ แล้วไงต่อ “
“ แล้วก็ตัดแบ่งเป็นสี่ชิ้น “
“ สี่ชิ้น โอเค “
“ เอามะนาวที่หั่นแล้วใส่แก้วครับ “ ทำตามที่บอกอย่างว่าง่าย เมดหันไปยิ้มให้คนข้างๆที่ก็ยิ้มตอบกลับก่อนจะยื่นใบมินท์ให้ “ เด็ดใบมินท์ครับ เอาสัก สิบใบ “
“ ต้องเลือกใบสวยๆมั้ย “
“ กับแขกคนอื่นต้องเลือกใบสวยๆ แต่ของพี่เจใบเน่าๆก็ใส่ได้พี่เมด “
“ เอ้า! ไอ้สัด กูก็แขกไง ถึงจะจ่ายค่าเหล้าแบบลงบิลค่อยหักจากเงินเดือนแล้วยังไงวะ ก็จ่ายมั้ยอะครับ“ เพื่อนผมเอานิ้วชี้เข้าหาตัวเอง “ อัยย์ นี่พี่เจไงลูก นี่พี่เจเอง “
“ เดี๋ยวเมดเลือกใบสวยๆให้ “
“ นี่ไง น่ารักทั้งหน้าตาและการกระทำที่แท้จริง “ ผมเหลือบมองเพื่อนตัวเองที่ยิ้มกริ่มให้บาร์เทนเดอร์ฝึกหัดตรงหน้า ก่อนที่มันจะหันมาหาผมแล้วเปลี่ยนสีหน้าทันที “ กูไม่ได้อะไร แค่ชมเฉยๆ “
“ รำคาญพวกมึง “ ผมว่า แม่งก็ชอบแสดงเว่อร์ คิดว่ากูจะทำอะไรพวกมึงแค่เพราะไอ้เมดยิ้มให้รึไง ประสาท
ถึงแม้จะยอมรับว่าหงุดหงิดก็จริงอยู่ที่อยากจะให้รอยยิ้มนั้นเป็นของผมคนเดียว แต่มันก็คงไม่ถึงขั้นที่เพื่อนผมแสดง ไอ้ท่าทางที่จะกลัวผมต่อยหรือทำอะไรที่มันรุนแรงมันแสดงกันเว่อร์เกินไป
“ เด็ดเสร็จแล้วก็ตบ “
“ ตบ ? “ เมดเอียงหน้าถาม ไอ้อัยย์ก็สาธิตให้ดูโดยการเอามืออีกมือนึงมาตบอีกมือนึงคล้ายกับการตีสเลท “ โอเค เข้าใจละ “
“ ตบเสร็จใส่ลงไปในแก้ว แล้วก็ใส่น้ำตาลสองช้อนชา “
“ น้ำตาลสองช้อนชา “ อีกคนว่าก่อนจะตักน้ำตาลจากขวดที่น้องเลื่อนมาให้ “ พูนๆมั้ย หรือพอดีๆ “
“ พูนๆก็ได้ “
“ น้ำตาลสองช้อนชาพูนๆ “
“ แล้วก็รับอันนี้ไป “ ไม้บดถูกยื่นมาให้ “ กดๆ บดๆ ไม่ต้องแรงนะ กดแล้วบี้มันใช้แรงแบบพอประมานไม่ต้องเครียดแค้นใคร “
“ โอเค “ พยักหน้ารับยิ้มๆ อีกคนก็ทำตามก่อนจะหันไปบอก “ แบบนี้มั้ยครับคุณครู “
“ แบบนั้นแหละครับนักเรียนที่แสนจะน่ารักของผม “
“ หยอดเก่งจริงคนผับนี้ “ เมดบอกพลางส่ายหน้าไปมา
“ ด๋อยสุดก็เจ้าของอะ จีบคนยังไม่เป็นเล๊ย “ เพื่อนผมว่าก่อนอีกคนจะแค่ยิ้มแล้วพูดออกมาด้วยเสียงที่เจ้าตัวคิดว่าเบาคล้ายกับบ่นๆ แต่เปล่า มันกลับดังจนเรียกได้ว่าเป็นเสียงปกติ
“ แต่เค้าก็เป็นคนอบอุ่นออกนะ “
เงยหน้ามองมันที่พูดคำนั้น ผมเผลอยิ้มกว้างออกมาท่ามกลาง เพื่อนและน้องที่ทำตาโตก่อนจะเม้มปากกันไว้แน่นคล้ายอาการของคนอยากกรี๊ดแต่ทำอะไรไม่ได้ไอ้เจไอ้อัยย์สบตากันก่อนจะเอื้อมมือมาจับกันไว้แน่นคล้ายกับบอกกันและกันว่า ‘ มึงรู้สึกเหมือนกูใช่มั้ย ‘
เมดเงยหน้าขึ้นจากสิ่งที่กำลังทำตอนที่เห็นทุกคนเงียบ มันมองผมที่กำลังยิ้ม ก่อนจะหันมองอีกสองคนที่เหลือที่กำลังอยู่ในท่าทางแปลกๆ
“ เป็นอะไรกัน “ ถามออกมาก่อนจะเม้มริมฝีปากตัวเองทันที แววตาเรียวดูเลิกลั่กขึ้นมามันคงเผลอคิดขึ้นมาได้ว่าคำพูดเมื่อกี้คงถูกได้ยินเข้าเสียแล้ว และเพื่อย้ำว่าสิ่งที่มันคิดนั้นถูกต้อง เมดก็หันถามคนที่ยืนข้างกันเสียงเบา “ น้องอัยย์ได้ยินเหรอ “
“ ชัดๆเลย “ พออีกคนบอกแบบนั้น มันก็ขมวดคิ้วแล้วเม้มริมฝีปากแน่นขึ้นก่อนจะหันมาหาผม ที่ก็นั่งมองท้าวคางมองมันอยู่
“ มึงก็ได้ยินเหรอ “
“ ไม่ได้หูหนวก “ ตอบมันสั้นๆ อีกคนก็ปล่อยมือจากสิ่งที่ทำทันที มันหันซ้ายดูขวาหมายจะพาแก้มแดงของตัวเองไปทำอย่างอื่นแทนที่จะมายืนอยู่แบบนี้ให้ผมล้อผ่านสายตา
“ ต้อง ต้องไปถ่ายภาพทำสต๊อกเหล้าแล้วสินะ “ คนที่กำลังอายว่าแบบนั้นก่อนจะหันมาบอกคนสอนทำค๊อกเทล “ น้องอัยย์ช่วยทำต่อให้พี่เมดหน่อยสิ “
“ ไม่ได้ “ ผมบอกมัน “ ทำให้เสร็จ มีความรับผิดชอบด้วย “ ร่างที่หยุดนิ่งก้มหน้าก้มตาอยู่ตรงหน้าผม มันไม่ร่าเริงเหมือนเก่าแล้ว นั่นเพราะอีกคนเขินเกินกว่าจะหันไปมองใคร เมดเอื้อมมือมาจับแก้วเหมือนเดิม มันบ่นเสียงงุบงิบ
“ ชอบแกล้งกูอยู่เรื่อยเลยสัด “
ถ้ามันรู้ความจริงว่าเหตุผลที่อ้างเรื่อง ความรับผิดชอบ เป็นเรื่องโกหกมันจะไม่พูดแบบนี้อยู่วะ เพราะความจริง ที่สั่งให้มันยังยืนอยู่ก็มีแค่เหตุผลเดียว คือ ‘ ผมชอบนั่งมองแก้มแดงๆนั่น ‘ มันก็แค่เท่านั้น
“ ทำต่อดีกว่าเนอะ แก้มแดงไปหมดแย้วววว “
“ น้องอัยย์ “ มันเรียกอีกคนเสียงนิ่งก่อนจะหันไปทำหน้าหงุดหงิดใส่
“ ไม่กลัว เพราะน่ารัก “ อีกคนว่าก่อนจะยื่นเหล้ารัมให้พร้อมกับแก้วตวงมาให้ “ รินเหล้าใส่ในนี้เลยครับ ครึ่งออนซ์ คือแค่นี้ “ ชี้จุดที่ต้องรินบอกอีกคนที่ก็พยักหน้ารับก่อนจะรินใส่ลงไปในถ้วยตวงก่อนจะเทลงแก้ว
“ เสร็จแล้ว “
“ จากนั้นก็ใส่น้ำแข็งบด “
“ ไม่ต้องเขย่าเช็คๆเหรอ “ เมดถาม อีกคนก็ส่ายหน้า มันคงผิดหวังเพราะอยากจะทำอะไรแบบนั้นมากกว่า
“ คราวนี้ก็ใส่โซดา เอาให้พอเกือบเต็มแก้ว แบบสวยงามนะครับ “
“ เท่านี้ได้มั้ย “ คนเพิ่งหัดทำหันไปถามอีกคนก็พยักหน้ารับ
“ โอเคเลย เท่านี้แหละครับ “ อัยย์พยักหน้ารับ “ แล้วจากนั้นก็เอาช้อนคนๆ ผสมๆ มันหน่อย “
“ ผสมกัน “
“ ไม่ต้องคนแรงนะพี่เมด เอาพอเข้ากัน “ ยืนมองอีกฝ่ายคนอยู่สักพักก่อนจะพยักหน้าเพื่อบอกให้หยุด “ โอเค พอแล้วครับ “
“ ไงต่อ “
“ ตกแต่งให้สวยงามด้วยใบมินท์ด้านบน แค่นั้นก็เสร็จแล้วครับ “ อีกคนว่าก่อนจะยื่นถาดรองที่เป็นไม้ให้ “ อันนี้ถาดรองนะครับ ใส่ใต้แก้วแล้วก็ยกขึ้นเสิร์ฟเลย ตอนที่วางแก้วเสร็จก็ วางทิชชูแผ่นนึง วางช้อนแล้วก็หลอด ตามลงไปแบบนี้ “ สอนอีกคนอยู่ตรงที่เค้าเตอร์บาร์ด้านล่าง เมดพยักหน้ารับก่อนจะหยิบแก้วค๊อกเทลที่ตัวเองทำเสร็จยกขึ้นมาบนเค้าเตอร์
“ เสร็จแล้วครับคุณลูกค้า “
“ พี่เมดต้องพูดว่า นี่ครับ mojito “
“ นี่ครับ mojito “ พูดเสร็จก็ยิ้มให้ก่อนจะวางทิชชูลงบนโต๊ะแล้ววางช้อนยาวกับหลอดลงตามตำแหน่งที่อีกคนสอนมา
“ ขอบคุณครับ ชิมแล้วนะ “
“ อื้อ “ แววตาเรียวจ้องมองอีกคนที่ดูดค๊อกเทลแก้วแรกในชีวิตของมันเข้าไป “ เป็นไงบ้าง อร่อยมั้ย “
“ อร่อย “ เจบอก “ รสชาติอร่อยกว่าทุกครั้งเลย คงเป็นเพราะคนทำแน่ๆ “ ทุกคนตรงนั้นเงียบ แม้แต่คนโดนแซวยังแค่ถอนหายใจออกมาแล้วหันไปยิ้มทางอื่นอย่างเหนื่อยใจ
“ ไม่ต้องหยอดทุกมุขก็ได้มั้ง กูจะอ้วกแทนพี่เมด “ ไอ้อัยย์ว่ามันส่ายหน้าไปมาก่อนจะหันไปรับแขกคนอื่นที่ตอนนี้ก็เริ่มทยอยเข้ามานั่งที่บาร์ เมดเองหลังจากเล่นซนในสิ่งที่อยากรู้เสร็จก็เดินไปทำงานต่อ ไอ้เจนั่งหน้าเซ็งอยู่สักพักมันหันมาหาผมที่นั่งปิดปากหัวเราะ
“ หัวเราะเชี้ยไรมึงไอ้สัดอาฟ “
“ ก็ไม่แปลกที่โสด “ ผมพูดสั้นๆ อีกคนก็เอามือท้าวคางตัวเองพลางมองไปที่ร่างเพรียวเช่นเดียวกันกับผม เมดกำลังเริ่มทำงานของมันนั่นคือการถ่ายภาพขวดเหล้าแล้วก็กดพิมพ์ลงไปในไอแพตที่ผมซื้อให้มันเอาไว้ใช้ทำงาน
“ ว่าแต่กู มึงก็ได้มอง ก็ไม่แปลกที่จะยังไม่ได้เค้าเป็นแฟน “
“ สัด “ ผมยกยิ้มก่อนจะดึงแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มอีกครั้ง
“ ได้ข่าวมึงซื้อไอแพตกับมือถือให้เมด “
“ แสนรู้ “
“ เท่าที่สังเกต เมดไม่ได้ใช้มือถือรุ่นนี้แต่อยู่ๆก็ใช้ จะบอกว่าซื้อเองก็ไม่น่าจะใช่ ถ้ามีเงินไปซื้อมือถือ เอามาจ่ายหนี้มึงน่าจะดีกว่า เพราะงั้นก็สรุปได้ว่าต้องมีเสี่ยเจ้าของผับ throw up ที่อยู่ด้วยกันตลอดในช่วงนี้ใจดีช่วยอุปถัมภ์แน่นอน “
“ กูแค่เห็นว่ามือถือมันเก่าแล้ว พ่วงที่ชาร์ตแบตสำรองเกือบตลอดเวลาเลยซื้อให้ “ ผมบอกก่อนจะวางแก้วลงที่เดิม แต่ก็คิดขึ้นมาได้ “ ไม่สิ ไม่ได้ซื้อให้ ออกให้ก่อน แล้วมันก็ผ่อนกู “
“ ทั้งๆที่ตอนแรกก็คงซื้อให้แต่อีกคนไม่เอา “ ผมหันไปมองมันอีกคนก็ยกแก้วตรงหน้าขึ้นดื่ม ผมแค่อยากรู้ว่ามันรู้เรื่องนี้ได้ยังไง “ กูเป็นเพื่อนมึงเชี้ยอาฟ คนแบบมึงชอบซื้อคนด้วยเงินจะตายไป ทำไมกูจะดูไม่ออก “ พยักหน้ารับมันไป “ แล้วเป็นไง รู้สึกยังไงตอนใช้เงินซื้อไม่ได้ “
“ โคตรโง่ ซื้อให้ฟรีๆเสือกอยากผ่อน “
“ มึงคิดว่ามันโง่จริงๆเหรอ “ ไอ้เจหันมาเหล่ผม “ ไม่ได้คิดว่าถูกใจเค้ามากขึ้นเหรอวะ “
“ เบื่อมึง ทำไมต้องรู้ใจกูทุกอย่าง “
“ ไม่ได้เริ่มคบกันเมื่อวานนี่หว่า “ ก็จริงของมัน เราคบกันมานานจนควรจะเรียกว่าพี่น้อง หรือไม่ก็ครอบครัว ไม่ใช่แค่เพื่อนสนิท “ แต่ก็ไม่แปลกที่มึงจะถูกใจมากขึ้น เมดก็เป็นอะไรแบบที่มึงชอบ ท้าทายแบบที่ไม่เหมือนคนอื่นที่มึงเคยเจอ มันซื้อไม่ได้ด้วยเงิน แถมยังเป็นคนที่มึงต้องคอยวิ่งตาม คอยดึงให้เข้ามาหา ทั้งๆที่คนอื่นๆ ต่างพากับวิ่งเข้าหามึง “
“ คงจริงอย่างงั้น “
มันมีอะไรหลายอย่างในตัวเองที่ผมเริ่มรู้สึกว่า ยิ่งรู้จักมันเท่าไหร่ ก็ยิ่งชอบ อย่างที่เพื่อนสนิทผมบอกมันไม่เหมือนใครที่ผมเคยเจอ เมดไม่ใช่คนที่วิ่งเข้าหาผม กลับกันเป็นผมต่างหากที่กำลังจะวิ่งเข้าไปหามัน
“ มึงคิดแผนจะจีบเมดยังไงวะ “ เจเอ่ยถามผม ตอนที่มองไปเห็นอีกฝ่ายที่กำลังทำงานด้วยความขยันแบบที่ทำไปยิ้มไปก็ชวนให้ถอนหายใจออกมา “ หนักใจเลยเหรอวะ “ เพื่อนผมแซว “ แต่ก็ไม่แปลก มีแต่คนวิ่งเข้าหามาทั้งชีวิต อยากมีแฟนก็แค่เลือกๆเอาจากคนที่วิ่งเข้ามาหานั่นแหละ แต่พอคนนี้ต้องวิ่งเข้าไปหาแทนมันก็ยากหน่อยนะที่จะเริ่มจีบใคร “
ความจริงผมก็เป็นอย่างงั้น มันยากกับการจะเริ่มจีบใครสักคน ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการจีบต้องทำแบบไหน มันไม่ใช่สมัยเด็กที่ฝากเพื่อนให้เอานมไปส่งให้คนที่ชอบ ผมหลุดยิ้มออกมาตอนที่คิดถึงประโยคนี้ในใจ จะว่าไป เรียกว่าจีบ..ได้มั้ยวะ ตอนนั้นน่ะ
“ เออมึง เมื่อวานไอ้เอมมันโทรมาหากูด้วย “
ชื่อที่กำลังถูกกล่าวถึงคือ เอม เพื่อนสนิทอีกคนนึงของเราที่ตอนนี้ย้ายไปเรียนมหาลัยที่ เมลเบิร์น ออสเตเรีย เพราะครอบครัวต้องย้ายไปอยู่ที่นั่น มันเป็นเพื่อนร่วมม.ต้นของผมที่นอกเหนือจากไอ้เจที่คบมาตั้งแต่ประถมก็มีมันอีกคนที่ผมยกให้เป็นเพื่อนสนิท
“ เหรอ “ ผมเขย่าแก้วเหล้าเรียกบาร์เทนเดอร์อย่างไอ้อัยย์ให้มาเติมเหล้าเพิ่ม ฝาขวดที่ถูกเปิดออกมารินเหล้าที่ผมชอบลงไปให้ก่อนจะเดินกลับไปทำงานที่เดิมต่อ ผมเอ่ยถามไอ้เจ “ แล้วมันว่าไง “
“ ก็บอกว่าคิดถึงกูเหลือเกิน คิดถึงมึงด้วย “
“ เหรอ “ ยักคิ้วให้มัน “ คิดถึงแต่ไม่เคยทักกู “
“ มันพูดเหมือนมึงเลย ฮ่าๆ “ ไอ้เจหัวเราะเสียงดังด้วยความถูกใจ “ ไอ้เอมบอกว่า นี่ถ้าโทรมาหามึง มึงคงสาปแช่งโทษฐานที่ไม่ค่อยติดต่อมา แต่มันก็บอกนะ ว่ามันไม่ผิด มึงไม่ทักมันเหมือนกัน มันเลยบอกว่า งั้นก็หายกัน “
“ สัด “ ผมสถบ “ ทำเหมือนไม่รู้จักกู ปกติกูช่างพูดชอบแชทมากเลยสินะ “
“ เออ กูเล่าเรื่องเมดให้มันฟังด้วยนะ “ ชะงักแก้วที่กำลังจะยกขึ้นดื่ม ผมหันไปมองหน้าเพื่อนที่กำลังเล่า “ กูเล่าว่าตอนนี้มึงกำลังสนใจเด็กบัญชีในผับที่ได้เข้ามาทำงานเพราะถอยรถฝากรอยไว้บนรถมึง ไอ้สัดเอมหัวเราะใหญ่บอกว่า แม่งบอกคงชอบอยู่แล้วเลยลากเข้ามาทำงานรึเปล่า “
“ เล่ารึเปล่าว่าเป็นแฟนเก่าเชี้ยบิน “
“ เพื่อ ? เรื่องเหี้ยๆ ไม่อยากจะเล่าให้มันสยองขวัญ “ เจว่ามันที่ยกแก้วตรงหน้าขึ้น แต่กลับชะงักไปเหมือนคิดขึ้นมาได้ “ กูลืมไปเลยว่าไอ้เอมแม่ง เคยอยู่ชมรมบาสเดียวกันกับไอ้บินตอนสมัยม.ปลายนี่หว่า “
“ อื้ม ฉลาดเหมือนกันนิ แต่เสียดายที่แค่ลืมเล่า ไม่ได้คิดว่าไม่ควรเล่า “
“ ไอ้สัด “
“ แล้วมันรู้มันว่าไง “
“ ก็ขำ แล้วก็บอกว่า ไอ้เชี้ยอาฟแม่งลืมน้องนมช็อกโกเล็ตคนนั้นไปแล้วเหรอวะ “ ผมยกยิ้มกว้างตอนที่ไอ้เจพูดขึ้น มันเป็นรอยยิ้มที่กว้างจนไอ้เจยังหันมาถาม
“ ทำไมวะ พวกมึงแม่งมีเหี้ยอะไรที่ไม่บอกกู “
“ ก็ไม่ต้องรู้ทุกเรื่องก็ได้มั้งสัด “ ผมว่าก่อนจะถอนหายใจ “ แต่ความลับมันไม่มีในโลกหรอก สักวันมึงก็ต้องรู้ “ แต่ความลับน่าอายแบบนั้น ไม่ค่อยอยากจะให้รู้เลยวะ
ถ้ามันได้รู้ว่าเพื่อนของมันคนนี้เคยแอบชอบรอยยิ้มของเด็กโรงเรียนข้างๆจนต้องซื้อนมรสที่เค้าชอบไปให้เค้าทุกวันหลังเลิกเรียน มันต้องล้อไม่หยุดแน่ แม้ตอนจบของเรื่องนี้มันจะโคตรเหี้ยก็เถอะ แต่ว่ามันก็ทำให้ผมรู้อย่างนึง ‘ ของที่เป็นของเรา ยังไงสักวันมันก็ต้องกลับมาเป็นของเราอยู่ดี ‘
“ น้อง นั่นเด็กบาร์คนใหม่เหรอ “ ผมกับไอ้เจเงยหน้าจากแก้วเหล้าตรงหน้า หันไปมองต้นเสียงที่อยู่ไม่ไกลกันนัก ห่างกันแค่เก้าอี้สองตัว หนุ่มร่างสูงที่อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตคล้ายจะเป็นชุดทำงานเอ่ยถามไอ้อัยย์ที่ยืนอยู่ตรงหน้าแล้วก็กำลังทำค๊อกเทลอะไรสักอย่างที่ผมคิดว่าคนที่เอ่ยถามน่าจะเป็นคนสั่ง
“ ครับ “ มันที่กำลังงง เอ่ยถามลูกค้าคนนั้นอีกครั้ง
“ พี่ถามว่า คนนั้นน่ะเด็กบาร์ใหม่เหรอ คนที่อยู่ข้างในน่ะ “ เชิดหน้าเข้าไปด้านในเราที่มองตามกันไป ก็เป็นอย่างที่คิด ผู้ชายคนนั้นกำลังหมายถึงไอ้เมดไม่ผิดแน่
“ อ๋อ ไม่ใช่หรอกครับ “ อัยย์ตอบ มันที่พยายามตัดคำตอบด้วยการตอบสั้นๆ แต่ขึ้นชื่อว่าคนถูกใจ ก็คือคนถูกใจ ผู้ชายคนั้นก็ยังพยายามถามไถ่ข้อมูลจากมันด้วยความอยากรู้จัก
“ แล้วเป็นใครอะ เจ้าของเหรอ “
“ ว่าที่เมียเจ้าของ “ ไอ้เจที่นั่งข้างผมพูดเสียงเบาๆให้ได้ยินกันสองคน ผมก็แค่ยกยิ้ม
“ เอ่อ..” อัยย์หันมาหาเราเหมือนกำลังจะขอคำตอบว่ามันควรตอบว่าอีกคนเป็นใครดี แต่เมื่อไม่มีใครพูดอะไรมันก็แค่ตอบตามที่ควรตอบ “ ฝ่ายสต๊าฟน่ะครับ เค้ามาเช็คสต๊อกเหล้าเฉยๆ “
“ งั้นเหรอ น่ารักจัง “ ลูกค้าบอกก่อนที่ไอ้อัยย์จะยื่นค๊อกเทลที่สั่งไปให้อีกฝ่ายที่ยกขึ้นกินแต่สายตาก็เอาแต่มองคนที่ตัวเองสนใจอย่างไม่วางตา “ น้องพี่ขอกระดาษกับปากกาหน่อยสิ “
“ ได้ครับ “ เพื่อนของน้องชายผมยื่นกระดาษกับปากกาไปให้อีกคน ตอนนั้นไอ้เจก็หันมากระซิบผม
“ เอาเรื่องว่ะสัด ท่าทางจะชอบจริงๆ “ ก็เห็นอยู่ว่าเป็นแบบนั้น แล้วดูจากท่าทางของผู้ชายคนนั้นก็น่าจะเป็นแบบที่อีกคนชอบซะด้วย พวกหน้าตาแบบหนุ่มหน้าตี๋ดูเป็นคนดี แต่ข้างในเจ้าเล่ห์แบบปากหวานก้นเปรี้ยว
“ น้อง “ ผู้ชายคนนั้นเรียกไอ้อัยย์อีกครั้ง “ พี่ฝากกระดาษให้น้องคนนั้นหน่อยสิ “ บาร์เทนเดอร์เหลือบมองมาทางผม อัยย์แสดงสีหน้าลำบากใจก่อนจะเอื้อมมือไปรับกระดาษแผ่นนั้น
มันก็เป็นธรรมดาของผับบาร์ที่เวลาถูกใจใครกระดาษแผ่นเล็กๆนั่นจะถูกเสียบมากับน้ำค๊อกเทลที่ดูน่าจะเหมาะกับอีกคนสักแก้ว ไม่ก็ฝากไปกับพนักงานแบบผู้ชายคนนี้เพื่อเป็นการเริ่มต้นทำความรู้จัก ในแบบที่ดูไม่โจ่งแจ้งจนเกินไปจนอีกฝ่ายรู้สึกอึดอัดต่างกันกับการเข้าไปคุยด้วยแบบซึ่งๆหน้า แต่สำหรับผม มองแค่ว่ามันเป็นวิธีการกันหน้าแตกของคนที่ไม่กล้าเดินเข้าไปถามตรงๆก็แค่นั้น
“ พี่เมด “ อัยย์เรียกอีกคนก่อนจะยื่นกระดาษแผ่นนึงให้ “ ผู้ชายคนนั้นฝากมาให้ “ เชิดหน้าไปเจ้าของกระดาษที่ก็ยกแก้วค๊อกเทลตรงหน้าขึ้นเป็นการทักทายมัน เมดพยักหน้ารับก่อนจะหันไปถามคนที่ยื่นกระดาษนั่นมาให้
“ อะไรเหรอ “
“ เปิดอ่านสิ เค้าเขียนว่าอะไร “ เพื่อนของน้องชายผมบอก “ แต่ก็คงจีบแหละนะ “
“ เค้าบอกว่าเค้าชื่อนัท อยากรู้จักเลย ขอเบอร์ “ เมดอ่านอยู่สักพักก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองอีกคนราวกับจะขอความคิดเห็นว่าจะทำยังไงกับเรื่องนี้ดี แต่อัยย์มันก็ทำได้แค่ยักไหล่ไม่ได้มีความเห็นอะไรที่จะพอบอกได้
“ ทำอะไรกันวะ “ น้องชายผมเดินมาถามทั้งสองคนที่กำลังยืนอยู่นิ่งๆตรงด้านหลัง
“ มีคนมาขอเบอร์พี่เมด “
“ อ๋อออออ “ เดย์หันมามองผมตอนที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น “ ไหนคนไหน “ มันว่าพลางหันมองไปที่ลูกค้าที่ก็กำลังมองการตัดสินใจของอีกฝ่ายอยู่ ไอ้เดย์พิจารณาผู้ชายคนนั้นอยู่สักพักรก่อนจะหันมาบอกอีกคนแบบยิ้มๆ “ ถ้าสเป็คก็ให้เบอร์ไปเลย พี่เมดก็โสดไม่ใช่เหรอ “
“ อื้ม “ อีกคนพยักหน้ารับก่อนจะเหลือบมองผมก็กำลังมองมันอยู่ใน แววตาที่เหมือนกำลังลังเลว่าจะตอบว่าอะไรดีเมดถอนหายใจออกมา ก่อนจะใช้ปากกาที่เหน็บอยู่ตรงป้ายห้อยพนักงานเขียนอะไรสักอย่างลงไป มันพับเป็นสี่เหลี่ยมตอนที่ยื่นคืนไปให้ไอ้อัยย์
“ เมด ให้เบอร์ไปจริงๆเหรอวะ “ สิ้นเสียงคำพูดของไอ้เจ ผมก็ลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วเดินตรงเข้าไปด้านหลังของบาร์ทันที
อย่างไม่ทันที่ใครจะได้ตกใจหรือสถบอะไรออกมา ผมคว้าเอากระดาษแผ่นนั้นของมันมากำไว้ก่อนจะหันไปตีสีหน้าหงุดหงิดใส่คนเขียน เมดก็ไม่ได้ผิดอะไรที่จะมีคนมาชอบ แต่ผมกลับรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูกในตอนที่รู้สึกว่าในกระดาษแผ่นนั้นอาจจะมีเบอร์ของมันเขียนอยู่ด้านใน
“ มานี่เลยมึง “ บอกมันแค่นั้น ก่อนจะดึงให้อีกคนเดินตามกันออกมา ปลดล็อคประตูทางขึ้นชั้นสามผมลากมันขึ้นมาด้านบนแต่อีกคนกลับพยายามดึงข้อมือตัวเองให้หลุดออกจากการจับกุมอยู่แบบนั้น
“ อาฟ “
“ อยากจะไปให้เบอร์มันจนตัวสั่นเลยนะมึง “ หันไปตะคอกอีกคนก็หยุดนิ่งไปทุกการกระทำที่จะเอ่ยอะไรออกมา ผมเองก็ได้แต่ถอนหายใจสั้นๆก่อนจะส่งยิ้มราวกับดูถูกมันอยู่ “ แรดชิบหาย “
เราที่ยืนอยู่ตรงขั้นบันไดเมดเงยหน้าจ้องผมจากขั้นบันไดที่ต่ำกว่า มันมองมานิ่งๆก่อนจะผ่อนมือตัวเองที่ตอนแรกพยายามดึงออกให้หลุด ทุกอย่างเงียบไปไม่มีแม้ท่าทางใดที่เคลื่อนไหวแม้แต่มือของผมที่กุมมันอยู่ยังคลายความโกรธและความหงุดหงิดนั่นลง เหลือเพียงแค่กุมกันไว้หลวมๆ
“ มึงรู้เหรอว่ากูเขียนอะไรลงไป ถึงมาบอกว่ากูอยากจะให้เบอร์เค้าไปจนตัวสั่น “
ทุกอย่างเงียบผมได้แต่จ้องมองตาเรียวที่เอ่ยถามคำถามนั้นออกมา ใช่ ผมไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้ แต่กลับตัดสินออกไปว่าคนตรงหน้าเป็นคนยังไงจากสิ่งที่ตัวเองแค่ไม่อยากจะให้เกิดขึ้น มืออีกข้างของผมที่กำกระดาษแผ่นนั้นไว้อยู่ ถอนหายใจออกมาก่อนจะก้มลงเปิดแล้วอ่านมัน
‘ สวัสดีครับผมชื่อนัท คุณน่ารักจังเลย ผมอยากรู้จัก ขอเบอร์ติดต่อได้มั้ยครับ ‘ คำถามที่ถูกเขียนอยู่บนสุดของกระดาษ ถูกตอบด้วยคำตอบที่ไม่ยาวเท่าไหร่แต่ก็สุภาพตามที่อีกคนเป็น ‘ ขอโทษครับ แต่ผมมีคนที่ชอบอยู่แล้ว ‘
“ มึงชอบใครอยู่เหรอ “ เงยหน้าถามอีกคนออกไป เมดที่กำลังโกรธก็แค่จ้องผมด้วยสายตาผิดหวังกับคำพูดของผมที่เอ่ยพูดกับมันเมื่อครู่
“ ไม่ใช่มึงก็แล้วกัน “ สะบัดมือที่ผมกำลังจับอยู่นั่นออกแล้วตะคอกผมกลับมาด้วยสีหน้าหงุดหงิด ก่อนจะเดินผ่านขึ้นไปชั้นบนตรงห้องทำงาน เมดเปิดประตูออกแล้วปิดลงเสียงดัง
......................................................................