Loving you too much กิ๊กหลอกๆอยากบอกว่ารัก* [บทสุดท้าย] จบแล้วรบกวนย้ายได้เลยค่ะ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Loving you too much กิ๊กหลอกๆอยากบอกว่ารัก* [บทสุดท้าย] จบแล้วรบกวนย้ายได้เลยค่ะ  (อ่าน 128324 ครั้ง)

AB^Ton^

  • บุคคลทั่วไป
อ่ะ อ้าววว ได้กันแล้ว พระเอก นายเอก อิจฉา

สวนส้ม

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 15 ผู้ชายคนนั้น

   หลังจากที่ผมกลับมาจากพัทยาไม่รู้ว่าคิดไปเองรึเปล่าว่าผมอยู่กับติณห์บ่อยขึ้น แถมเค้าก็มาหาผมทุกวันจนโดนไอ้กราฟกับวุ้นเส้นแซวตั้งแต่อยู่ ม. ยันกลับหอ (แต่ผมก็ชอบนะ)

   “ติณห์อย่า! นี่มันที่มหา’ลัยนะ” ผมตีมือติณห์ที่ลูบอยู่ตรงเอว

   อ้อ หลังจากคืนนั้น...เออ นั่นแหละ ติณห์ก็มือไวขึ้น แถมยังชอบลวนลามผมด้วย ฮึ่ย!

   “นาครับ” ติณห์ พร้อมจับมือผมไปกุม

   “หืม”

   “พรุ่งนี้ผมต้องไปอังกฤษ”

   “ไปทำไม” ผมถามเสียงปกติ ทั้งที่ใจมันโหวงแปลกๆ

   “ไปทำธุระน่ะ แต่ผมไม่อยากไปเลย อยากอยู่กับนามากกว่า”

   “หรอ แล้วไปนานมั้ย”

   “คงจะอาทิตย์นึง”

   “นานจัง” ผมมองติณห์ อาทิตย์นึง ก็ตั้งเจ็ดวัน ผมจะเป็นยังไงนะ

   “ผมจะคิดถึงนาทุกวันเลย นาก็ต้องคิดถึงผมทุกวันด้วยนะ” คราวนี้ติณห์ยกมือของผมขึ้นไปหอมและค้างไว้ นี่ถ้ากราฟอยู่ผมคงโดนแซวจนเข้านอนแน่ๆ...

   ผมเขินนิดๆ
.
.
.
.

    (ผมจะขึ้นเครื่องแล้ว)

   “อืม เดินทางปลอดภัยนะติณห์”

   (ถึงแล้วผมจะโทรหานะครับ)

   “คร๊าบ วางสายได้แล้ว”

   (โอเค ผมรักนานะ)

   ติ๊ด!

   “นาก็รักติณห์นะ” ผมยิ้มให้ปลายสายที่วางไปแล้ว

   ตั้งแต่ที่บอกชอบติณห์วันนั้นผมก็ไม่เคยพูดอีกเลย ก็มันเขินนี่ครับ ไม่เหมือนอีกคน รายนั้นนะบอกรักผมทุกวัน ตอนแรกก็เขินมากๆๆ ตอนนี้ก็เริ่มเขินน้อยลงแล้ว ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่เคยเบื่อมันเลย และคำว่ารักของติณห์ก็กลายเป็นหนึ่งในสิ่งที่หล่อเลี้ยงผมไปแล้ว ผมว่าผมคงต้องเสพติดคำว่ารักแน่ๆเลยอะ

   “ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียวนะ อิจฉาคนมีแฟนว่ะ” พูดแบบนี้ไม่ใช่ใครหรอกครับ ไอ้กราฟแน่นอน

   “กูบอกให้หาซักคนไง”

   “หาง่ายซะที่ไหนล่ะ”

   “ระวังขึ้นคานนะ แล้วจะหาว่าไม่เตือน”

   “แช่งกันแบบนี้ไม่ต้องคุยแล้วเว้ย ไปเรียนเลย ไป!”

   ผมระเบิดเสียงหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะเดินออกจากหอเพื่อไปเรียน รู้สึกได้เลยว่านี่มันต้องเป็นวันที่ดีของผมอีกวัน ถึงจะรู้สึกแอบคิดถึงคนที่พึ่งคุยโทรศัพท์ด้วยเมื่อกี้ก็เถอะ

   การเรียนผ่านไปอย่างเรียบง่ายเหมือนเคย แต่คงเพราะเป็นวิชาเรียนเช้าคนจึงไม่ค่อยมี ใครๆก็อยากตื่นสายๆจริงปะครับ ผมก็ขี้เกียจตื่นเช้าเหมือนกันนะ แต่ขืนเรียนบ่ายทุกวันผมคงเป็นโรคขี้เกียจจนถอนตัวไม่ขึ้นกันพอดี

   เลิกคลาส ผมตัดสินใจไปซื้อการ์ตูนออกใหม่ที่ห้างเดิม กะว่าจะไปหาอะไรกินด้วย

   วันธรรมดาช่วงเที่ยงคนไม่ค่อยพลุกพล่าน ผมซื้อการ์ตูนเสร็จก็ออกมาจากร้าน แต่เสียงหัวเราะหวานๆที่คุ้นเคยทำให้ผมต้องหันมองคนที่ยืนอยู่ห่างจากผมไม่มาก

   “แมทอยากกินอะไรเป็นพิเศษมั้ย”

   “แล้วแต่ต้านั่นแหละ”

   ผมมองริต้าคุยกับผู้ชายชาวต่างชาติที่มีสำเนียงภาษาไทยแหม่งๆด้วยความสงสัย

   นั่น...ริต้า กับ...?

   ผู้ชายที่ดูยังไงก็ไม่ใช่เพื่อน?

   เฮ้ยๆ ผมไม่ได้เดาสุ่มนะครับ เพราะตอนนี้ทั้งคู่จูงมือกันไปแล้ว

   ผมมองภาพริต้ากับชายปริศนาเดินจากไปทั้งที่สมองยังรวน นี่มันอะไรกันวะครับ! ผมงงไปหมดแล้วนะ ถ้าจะบอกว่าเค้าสองคนเป็นแฟนมันก็ไม่ผิดนัก แต่ริต้ากำลังจะหมั้นกับติณห์นะ

   ไม่สิ เพราะผมกับติณห์เราก็... (เอานิ้วชี้มาจิ้มๆกัน)

   หรือริต้าจะมีแฟนแล้ว ผมคิดอย่างลิงโลด งั้นแสดงว่าริต้าไม่ได้ชอบติณห์ใช่มั้ย อ๊ะ แต่เดี๋ยวก่อน หรือมันอาจจะไม่ใช่ อีตาฝรั่งนั่นอาจจะเป็นพี่ชายหรือญาติริต้าก็ได้ พอคิดแบบนี้ก็เริ่มห่อเหี่ยว เอ๊ะ!แต่จับมือถือแขนแบบนั้นมันไม่น่าใช่นะครับ!?

   ผมทึ้งหัวตัวเอง รู้สึกโรคสับสนในตัวเองกำลังกำเริบ

   เออ ช่างแม่งเถอะ! กลับหอดีกว่า! .
.
.
.

   
(Rrrrrrr)

อ่า ติณห์โทรมาแล้ว

“ฮัลโหลล”

(ผมถึงแล้วนะ)

“เป็นไงมั่งๆ อากาศหนาวมั้ย”

(หนาวครับ แต่ไม่มาก)

“อิจฉาจัง เมืองไทยร๊อน ร้อน”

(เดี๋ยวผมพามาดีมั้ย)

“ดีๆ” ผมรีบตอบ

(หึหึ)

“หัวเราะอะไร”

(เปล่า ก็...อืม ถ้าเรามาเที่ยวด้วยกันสองคนอีก เราคงได้...) ผมเว้นช่วงไปนานจนผมเริ่มคิดไปถึงไหนต่อไหน ภาพคืนที่อยู่พัทยากันสองคนลอยมาเป็นฉากๆ จนผมเริ่มหน้าแดง

“อะ ไอ้ติณห์ ไอ้บ้า! ไอ้ลามก! ฮึ่ยย!” ผมว่าไป เขินไป แต่ปลายสายกลับหัวเราะอย่างอารมณ์ดี

(นี่ ผมไม่ได้คิดอะไรเลยนะ มาว่าผมทำไมเนี่ย)

“โกหก ได้ยินเสียงก็รู้แล้วว่าคิดลามก”

(ผมเปล่าคิดซะหน่อย นานั่นแหละที่คิดลามก)

“มะ ไม่ใช่ซักหน่อย ไม่ได้อะไรเลย”

ติณห์หัวเราะอีก ผมก็ฮึ่มๆไป นี่ถ้าคุณอยู่กับผมตลอดเวลานะ คุณจะรู้เลยว่าติณห์ได้ทิ้งนิสัยสุภาพบุรุษไปหมดแล้ว เหลือแต่นิสัยชอบฉวยโอกาสไว้แทน

“เออ จริงด้วย” ผมพูดเมื่อนึกอะไรได้ “ติณห์ ริต้ามีแฟนรึยังอ่ะ” ติณห์เงียบไปเหมือนคิด ก่อนจะถาม

(ถามทำไมหรอ)

“ก็ วันนี้อ่ะนะ” ผมเล่าเรื่องที่เจอริต้าให้ฟังอย่างถึงพริกถึงขิง เอ่อ ความจริงมันก็ไม่มีอะไรมากหรอก เออ ผ่านไปเถอะ (-_-)

(ไม่รู้เหมือนกันแฮะ)

“…”

(แต่ผมก็เคยได้ยินต้าคุยโทรศัพท์กับคนอื่นบ่อยๆนะ โดยเฉพาะคนที่แมทธิวน่ะ) ติณห์ตั้งข้อสงสัย

“งั้นก็ช่างมันเถอะ แล้วถึงที่พักยัง”

(ใกล้ถึงแล้วแหละ)

“งั้นนาไม่กวนแล้วนะ ติณห์จะได้พักผ่อน”

(ครับ ถึงที่พักแล้วผมโทรหาอีกนะ)

“เพื่อ...?” ผมถามอย่างหาเรื่อง อะไรเนี่ย ผมก็หวังดี อยากให้เค้าพักผ่อน แต่จะโทรมาอีกซะงั้น

(ก็ผมคิดถึงนานี่)

มามุขนี้ผมถึงกับพูดไม่ออกเลย

(นาคิดถึงผมมั่งปะเนี่ย)

“ก็...” ผมค้าง “อื้ม!”

(อื้มอะไรครับ)

“โห่ อย่าแกล้งกันดิ ก็รุ้ๆกันอยู่”

(ก็อยากได้ยินนี่ นะครับ)

“ก็ได้” ผมถอนหายใจ (ด้วยความเขิน) “คิดถึง

(อะไรนะ ไม่เห็นได้ยินเลย)

“ติณห์อ้าาา” ผมเริ่มงอแง

(พูดมาเร็วๆ ผมจะถึงโรงแรมอยู่แล้ว)

“คิดถึง! พอใจยัง!”

(ผมก็คิดถึงนานานะ มากๆด้วย) ผมอมยิ้ม

“รู้แล้วๆ แล้วก็ไม่ต้องโทรมาด้วย เปลือง”

(ก็ได้ครับ)

“กลับไปก็พักเลยนะ จะได้มีแรงทำงาน”

(คร้าบๆ)

“แค่นี้แหละ จะนอนแล้ว”

(ฝันดีครับ)

“ฝันดีเหมือนกัน”

แล้วติณห์ก็กดวางไป ผมมองโทรศัพท์ยิ้มๆ แล้วก็ต้องมานอนก่ายหน้าผากอีกรอบด้วยความที่คิดไม่ตกเรื่องริต้ากับชายปริศนา

แล้วสรุปว่า...

ผู้ชายคนนั้นแม่ง...

เป็นใครวะ!?

   

   


ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจนะคะ  :pig4:
ใกล้จบแล้ว คาดว่าอีกไม่กี่ตอน
ไว้เจอกันใหม่นะคะ

'สวนส้วม'
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-03-2013 14:11:31 โดย สวนส้ม »

ออฟไลน์ hotladyanyavee

  • ขึ้นจากเกาะ มาใช้ชีวิตบนอ่าวนาง มันก็อินดี้ไปอีกแบบ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2384
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-10
มาแล้ว น้องนานากะพี่ติณ

chai235

  • บุคคลทั่วไป
มาแล้ววววววววว ดีใจจังงงงงงง  อย่าหายอีกนะครับบบบบบ  รออ่านอยู่ :o8:

nightsza

  • บุคคลทั่วไป
หวานกันเกินไปและนะคู่นี้ เขินนนน

AB^Ton^

  • บุคคลทั่วไป
ผู้ชายคนนั้น จะใครก้อช่าง นานา อย่าได้ใส่ใจ ขอให้ ไม่ใช่ ติณห์ ก็น่าจะพอ
อิอิ ไม่ได้เข้าข้างนะ แต่เข้าหลัง เอ๊ย แต่เป็นกำลังใจ

ออฟไลน์ A-J.seiya*

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +306/-8
นานานี่อยากรู้จังนะ
ฮ่าๆๆ
แต่ก็น่ารักดี ดีดี
เมื่อไหร่ ติณห์จะกลับมา คิดถึงเรื่องนี้มาก

สวนส้ม

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 16 คุณพ่อ

   โบราณว่า ขวาร้ายซ้ายดี

   ผมก็ไม่รู้หรอกครับว่ามันจริงหรือเปล่า เมื่อก่อนคิดว่าเพราะแค่คำมันคล้องจองเค้าก็เลยเอามาพูดปลุกกำลังใจกันแค่นั้น

   แต่ช่วงนี้ผม...ตาขวากระตุกยิบๆแทบทุกวัน

   และยิ่งไปกว่านั้นติณห์ยังไม่กลับจากอังกฤษเลย เห็นบอกว่างานยังไม่เสร็จดีเลยต้องอยู่ต่อ ผมในตอนนี้เลยห่อเหี่ยวแบบสุดๆน่ะครับ

   “นาเย็นนี้กินไรกันดี” กราฟเอ่ยถามในเย็นวันที่น่าเบื่อวันหนึ่ง

   “อยากกินเย็นตาโฟ” ไอ้วุ้นผู้ยึดคติ ‘ไม่ได้ถามกู แต่กูจะตอบ’

   “ไม่รู้ว่ะ ไม่ค่อยหิว”

   “แหม แค่พี่ติณห์ไม่อยู่แค่นี้หงอยเป็นหมาโดนทิ้งเลยนะมึง” ปากแบบนี้ไม่มีใครครับนอกจากไอ้กราฟ

   “เงียบไปเลย กูจะกินผัดกระเพราะ!”

.
.

.
.

   “เพราะกราฟแหละ อดกินเย็นตาโฟเลย” เสียงอิดออดของไอ้วุ้นครับ

   “อะไรก็กินไปเหอะ เลิกเขี่ยได้แล้ว” ไอ้กราฟตอบกลับ

   พวกผมมานั่งกินกันที่ร้านอาหารตามสั่งหน้าหอครับ ไอ้วุ้นเขี่ยข้าวเล่น(เพราะไม่อยากกิน) ไอ้กราฟก็แย่งไอ้วุ้นกิน(เพราะมันหิว) ส่วนผม...ข้าวหมดตั้งแต่ห้านาทีแรก

   คิดถึงติณห์ว่ะ...

   ยิ่งหลังๆยิ่งไม่ค่อยโทรมาเลย ติณห์บอกว่ายุ่งมากเพราะเป็นช่วงเก็บรายละเอียดงาน ผมก็ได้แต่บอกให้เค้าตั้งใจทำ (จะได้รีบกลับมาเร็วๆ) แต่พอไม่ได้คุยหลายๆวันมันก็คิดถึงครับ

   (Rrrrrrrrr)

   ติณห์!?

   “ฮัลโหล” ผมรับโทรศัพท์ ยิ้มปากแทบฉีก เห็นไอ้กราฟเบะหน้า (ขิ ไอ้คนไม่มีความรัก)

   (คิดถึงนานาจัง) เสียงที่ตอบมาฟังดูล้ามาก

   “นาก็คิดถึงติณห์” ผมบอกไม่อิดออด “งานเป็นไงมั่ง”

   (เสร็จแล้วครับ) ผมยิ้ม

   “หรอๆ แล้วกลับวันไหน” ผมรีบถาม

   (...ยังกลับไม่ได้ครับ)

   “อ้าว ทำไมล่ะ” จากที่ดีใจเมื่อกี้ ตอนนี้หายไปหมดเลย ทำไมติณห์ยังไม่กลับมาซักทีอ่ะ

   (พ่อให้อยู่ทำงานต่อน่ะครับ)

   “หรอ...”

   (นานาครับ)

   “หืม?”

   (ผม...) แล้วก็เงียบไป (ผมรักนานะครับ)

   “รู้แล้ว” ผมยิ้มกว้าง แม้จะคิดถึง(มากๆ)

   (แล้วผมจะรีบกลับนะ)

   “อือ จะรอ”

.
.

.
.

   ผมนั่งอ่านหนังสือเรียนอยู่หน้าคณะครับ แหม แค่ผมอ่านหนังสือเรียนทำไมต้องทำหน้าแปลกใจกันด้วยล่ะ

   รถตู้คันหนึ่งจอดแถวที่ผมนั่งอยู่ แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร 

   “ฉันนั่งได้มั้ย” เงยหน้ามองคนถามก่อนจะพยักหน้า

   เจ้าของสูทสีดำมองผมอย่างเปิดเผย จนผมต้องเงยหน้ามองตอบ

   “มีอะไรหรอครับ” คนถูกถามยิ้ม เป็นยิ้มที่คุ้นเคยอย่างประหลาด

   “เธอคือนานาใช่มั้ย”

   “ครับ”

   ตาขวากระตุกอีกแล้วสิ...แถมยังกระตุกแรงซะด้วย

   “ฉันเป็นพ่อของเจ้าติณห์ ชื่อภาสกร”

   ...นั่นไง ว่าแล้ว

   “สวัสดีครับ” ผมไหว้อย่างนอบน้อม นึกเหตุผลที่เค้ามาหาไม่ออก...

   โอเค ผมพอจะนึกออกแต่ไม่อยากนึกเท่าไรน่ะครับ

   “เมื่อไม่กี่วันก่อนติณห์เล่าเรื่องเธอให้ฉันฟัง”

   “….”

“ฉันเองก็เคยคิดนะว่าเจ้าติณห์อาจจะมีคนที่ชอบอยู่แล้ว แต่เหนือความคาดหมายนิดหน่อยที่เค้าเป็นผู้ขาย นั่นก็คือเธอ” เสียงทรงอำนาจเอ่ยเรียบๆ    

“ครับ” ผมไม่รู้จะตอบว่าอะไร

“ครอบครัวฉันกับครอบครัวของหนูริต้า เราสนิทกันเหมือนเป็นญาติ เลยคิดจะให้ทั้งสองคนแต่งงานกัน”

“แต่เค้าไม่ได้รักกันนะครับ”

“ฉันรู้” คุณภาสกรมองมานิ่งๆ “เมื่อไม่กี่วันก่อนนี้เหมือนกันที่พ่อกับแม่ของริต้าจับได้ว่าเธอคบกับผู้ชายคนอื่นอยู่ พวกนั้นโกรธมาก”

“….” ผมกลั้นหายใจรอคำพูดถัดไป

“เค้าเลยเร่งให้ฉันจัดงานหมั้นภายในเดือนหน้า”

“อะไรนะครับ!?”

“ฉันแค่จะมาบอกเธอเพราะติณห์คงไม่ได้กลับมาเมืองไทยจนกว่าจะถึงวันนั้น”

“….”

คุณภาสกรยื่นกระดาษใบหนึ่งให้ผม

“นี่คือบัตรเชิญไปงานหมั้น...ถ้าเธออยากมา”

“….” ผมนิ่ง ไม่ได้ยื่นมือออกไปรับ พยายามกลั้นน้ำตาไว้

“ลูกชายฉันคนนี้ไม่เคยบอกว่ารักใครเลย เธอเป็นคนแรกนะนานา” นิ่งไปก่อนจะพูดต่อ “แต่ความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวของฉันกับครอบครัวของริต้า มันเหนียวแน่นมาก...ฉันไม่อยากให้มันถูกทำลายไป”

“….”

“ฉันขอโทษ”

น้ำตาของผมหยดลง ผมมองแหวนที่นิ้วนางข้างขวา แหวนวงนี้ติณห์ให้ไว้

ผม...ไม่อยากปล่อยมือจากติณห์เลย

.
.

.
.

   “นารู้เรื่องงานหมั้นแล้ว”

   (รู้ได้ยังไงครับ) เสียงนั้นยังอบอุ่นเสมอ

   “วันนี้ พ่อติณห์...อึก มาหา” ผมพยายามกลั้นก้อนสะอื้นลงไป

   ติณห์เงียบไปพักใหญ่

   (พ่อผมใจดีมั้ยครับ)

   “ไม่เห็นใจดีเลย พ่อติณห์ใจร้ายมาก ทำไมต้องให้ติณห์หมั้นกับริต้าด้วย”

   ติณห์หัวเราะ

   (ครอบครัวผมกับครอบครัวริต้าสนิทกันมาก ท่านอยากให้ผมแต่งงานกับเธอเพราะท่านคิดว่านั่นเป็นการแสดงความจริงใจต่อกัน ผมหนีเรื่องนี้มาตลอด...จนมาเจอนา ผมถึงไม่อยากหนีอีกต่อไป)

   “ฮึก ฮึก”

   (อย่าร้องสิ นานาของผม นากำลังทำให้ผมเจ็บอยู่นะ”

   “อึก...ฮึก...” ผมจะพยายามไม่ร้อง

   (เมื่อกี้ริต้าก็โทรมาร้องไห้แบบนี้เลยนะ) ติณห์เงียบไปพักนึง (ริต้าบอกว่าไม่อยากแต่งงานกับผมเพราะมีคนรักอยู่แล้ว)

   “….”

   (ผมเองก็บอกริต้าไปว่าผมคบกับนานาอยู่ ริต้าตกใจมากเลย) ติณห์พูดไปหัวเราะไป ผมเองก็หัวเราะตามไปด้วย (นานาครับ)

   “ครับ” ผมพยายามไม่ให้เสียงสั่น

   (ผมรักนานาคนเดียว ไม่มีวันเปลี่ยนเป็นคนอื่น)

   “...นา นาก็รักติณห์คนเดียว”

   (…..)

   “คิดถึงติณห์มากเลยอะ”

   (เหมือนกัน ผมอยากกลับไปหานานา)

   “อย่ามานะ!” ผมเผลอตะโกน “ถ้ากลับมาติณห์ต้องหมั้น...”

   (เราหนีไปสองคนดีมั้ย)

   “แล้วริต้าล่ะ” ผมอมยิ้มกับความคิดเด็กๆนั่น แต่ถ้าหนีไปได้ก็คงดี

   (พาไปด้วย ผมจะเลี้ยงดูทุกคนเอง)

   ผมหัวเราะเสียงเบา

เราคุยกันอีกพักนึงติณห์วางสาย

ผมทอดมองท้องฟ้าที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้ม...

   



เดี๋ยวต่อกันอีกตอนเน้อ
ใกล้จบเต็มทีแล้วค่ะ ขอบคุณทุกกำลังใจนะคะ

 :pig4:

'สวนส้ม'
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-03-2013 15:44:53 โดย สวนส้ม »

สวนส้ม

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 17 ผู้ชายคนนั้น คือ...


   “นา มึงไม่เป็นไรนะ”

   “อือ ไม่ต้องห่วงกูหรอก”

   ไอ้กราฟถอนหายใจเฮือก มันคงไม่รู้จะทำยังไงกับสภาพซอมบี้ของผม เออ ขนาดผมเองก็ยังไม่รู้เลยว่าจะทำยังไงกับตัวเองดี

   ผมเดินไป ม. กับไอ้กราฟ มันมาส่งผมที่คณะก่อน ด้วยเหตุผลที่ว่ากลัวผมเดินหลง เหตุผลอาจจะฟังปัญญาอ่อนแต่ผมว่าถ้าอยู่ในช่วงนี้ความเป็นได้ที่ผมจะเดินไม่ถึงคณะคงสูงมาก..

   ผมเรียนไม่รู้เรื่องมาพักใหญ่ๆแล้วล่ะ โชคดีที่ข่วงนี้ไม่มีควิซหรืออะไรที่ต้องใช้พลังงานสมองหนักๆ ผมเลยยังคงสภาพความเป็นฮิวแมนอยู่ได้นี่ไง

   “เฮ้อ..” ผมฟุบตัวลงบันโต๊ะหินอ่อนหน้าคณะ สถานที่เกิดเหตุการณ์ช็อคโลกที่ผมเจอกับคุณภาสกรเมื่ออาทิตย์ก่อน

   หดหู่ว่ะ แม่ง

   “นานา”

   ผมเงยหน้าจากแขนตัวเอง

   “ริต้า...?”

.
.

.
.

   “ขอโทษที่ชวนมากระทันหันนะ”

   “ไม่เป็นไร” ผมยิ้มให้ เธอก็ยิ้มตอบ

   เรามาอยู่ที่ร้านไอศกรีมร้านเดิมครับ (รู้สึกชีวิตผมนี่นอกจากห้างกับร้านไอติมแล้ว จะไม่ค่อยได้ไปที่อื่นเลยนะ)

   “ไม่เห็นบอกริต้าเลยว่านาเป็นแฟนกับพี่ติณห์” ริต้าพูดพลางอมยิ้ม

   “ต้าก็ไม่เห็นบอกเลยว่ามีแฟน” ผมตอบกลับไปทั้งที่หน้าเริ่มร้อน

   เราหัวเราะออกมาพร้อมกัน

   “เป็นความผิดของต้าเองที่ไม่ยอมปฏิเสธไปตั้งแต่ตอนแรก” ริต้าก้มหน้า

   “ไม่ใช่ความผิดของใครทั้งนั้น อย่าคิดมากเลย” ผมปลอบ

   “ต้าไม่ได้ขัดพ่อกับแม่เพราะต้าอยากให้พวกท่านมีความสุข ตอนนั้นต้ายังเด็ก ต้ายังไม่ได้รักใคร แล้วก็คิดว่าต้าขอบพี่ติณห์” ริต้าเงียบไป “แต่มันก็เป็นความรักแบบพี่น้อง จน...จนต้าได้เจอกับแมทธิว”

   “….”

   “ถึงได้รู้ว่ากับพี่ติณห์มันไม่ใช่”

   “ไม่เป็นไรนะริต้า เธอไม่ผิดเลย”

   “พี่ติณห์พยายามปฏิเสธ ต้ารู้ แต่ทุกครั้งที่ต้ามองหน้าพ่อกับแม่ ต้าก็ไม่เคยพูดมันออกไปได้เลย”

   “….”

   “ต้าไม่รู้จะทำยังไงดี ถ้าต้าต้องแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก ต้าคง...” แล้วเธอก็ร้องไห้ออกมา

   น้ำตาผมก็จะไหล แต่ผมร้องไห้ไม่ได้ ผมต้องเข้มแข็ง

.
.

.
.

   “พรุ่งนี้หรอ?”

   (ใช่ ต้าอยากเลี้ยงไอติมตอบแทน)

   “ไม่ต้องตอบแทน นาไม่ได้ทำอะไรเลย” ผมยิ้ม เมื่อวานผมเป็นคนจ่ายค่าไอติม แถมยังพาริต้าไปส่งบ้านด้วยครับ (จะแมนไปไหนวะกู)

   (นะๆ ถือว่าเพื่อนคนนี้ขอ)

   “ถ้างั้นก็ได้” ผมใจอ่อนแล้วครับ เธอน่ารักจริงๆ

   (นาชวนกราฟกับวุ้นเส้นมาด้วยสิ มาหลายๆคนจะได้สนุก)

   “จะดีหรอเกรงใจอะ” ผมถามกลางมองไอ้สองคนที่นอนเอกเขนกสบายใจเฉิบ

   (ชวนมาเลยๆ แล้วเจอกันนะ)

   “ครับ”

   ผมวางสายจากริต้า ก่อนจะใช้เท้าสะกิดไอ้กราฟที่นอนเกากีต้าร์อยู่

   “เฮ้ยพวกมึง พรุ่งนี้ว่างปะ”

   “ทำไมหรอ” ไอ้วุ้นเงยหน้ามาถาม

   “ว่างปะละ”

   “กูนัดกับพวกไอ้ตาณทำงานกลุ่มว่ะ” ไอ้กราฟบอก

   อ้อหรอ...

   “กูว่าจะชวนพวกมึงไปกินไอติมอะ มีคนเลี้ยงด้วย แต่มึงไม่ไปก็ไม่เป็นไรนะกราฟ”

   “กูไป/ไป!” ไอ้สองตัวตอบพร้อมกัน

   “ไหนว่ามึงทำงานกลุ่มไง” ผมเหล่ตามองไอ้กราฟ

   “ขาดกูคนเดียวพวกมันก็ทำงานกันได้น่า”

   แหม่...นิสัยดีนะมึง ใครทำงานกับมึงนี่โคตรซวยบรรลัย

.
.

.
.

   ไม่คิดเลยว่าวงไอติมวันนี้คนจะเยอะขนาดนี้ครับ นับๆแล้วร่วม 7 ขีวิตด้วยกัน อันได้แต่ ริต้า แมทธิว(แฟนริต้า) พี่เต็นท์ พี่แซนด์ ไอ้กราฟ ไอ้วุ้น และผมครับ

   “เลี้ยงขนาดนี้เดี๋ยวพี่จะไปถล่มงานหมั้นให้เอง” พี่เต็นท์พูดติดตลก

   “ผมไปด้วยพี่” ไอ้กราฟครับ

   วงไอติมก็มีแต่เสียงคุยไม่ขาดครับ ผมแอบสังเกตริต้ากับแมท ดูแล้วทั้งสองคนรักกันมาก เห็นแล้วคิดถึงติณห์เลยครับ เฮ้อ...

   “ที่จริงจะชวนพี่ตุลย์มาด้วยนะ แต่มันไม่ว่าง” พี่เต็นท์เอ่ย

   “ไปไหนหรอคะ” ริต้าถาม

   “ไปอังกฤษอะดิ โดนบังคับไป” พูดพลางมองมาทางผม

   “ใครบังคับคะพี่เต็นท์” ริต้าถามทันทีราวกับเป็นบทพูดที่เตี๊ยมกันมาแล้ว

   “ก็...”

   จู่ๆมันก็มืดครับ ใครปิดไฟวะ!...ไม่ใช่นะครับ ใครไม่รู้แม่งมาปิดตาผม

   “ดีครับ” ไอ้คนร้ายก้มลงมากระซิบ ผมจำเสียงทุ้มนั่นได้

   โลกของผมกลับมาสว่างอีกครั้ง พร้อมกับโซฟาข้างๆผมยวบลง

   “ติณห์!?” ผมเรียกอย่างดีใจ หยิกตัวเองเพื่อให้ชัวร์ว่านี่ไม่ใช่ฝัน “โอ๊ย!”

   “ทำอะไรน่ะ” ถามพร้อมทั้งลูบแขนที่มีรอยแดงจากการหยิก ก่อนจะลูบหัวผมไปมา “คิดถึงจัง”

   ผมโผเข้ากอดติณห์ทันที เจ้าตัวหัวเราะ ลูบหลังผมไปพลาง

   “นาก็คิดถึงติณห์” ผมบอกกับอกกว้าง

   “ฮิ้วว~ มาสร้างโลกส่วนตัวอะไรกันตรงนี้คร้าบ ที่นั่งอยู่นี่คนนะ ไม่ใช่หัวหลักหัวตอ” เสียงเต็นท์ครับ ตามด้วยเสียงโห่จากรอบวง

   ผมเขินว่ะ...

   แต่ไม่ปล่อยเว้ย คนมันคิดถึง ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ผมจะกอดติณห์อย่างนี้แหละ

   “นั่งดีๆ ไม่เมื่อยหรอครับ” ติณห์ถาม ผมส่ายหน้า

   แล้วเจ้าตัวก็ผละออกจากผม ยกแขนขึ้นพาดกับพนักพิง ผมเลยขยับเข้าไปใกล้และพิงตัวกับคนที่ไม่ได้เจอกันนาน

   “มาได้ไง” ผมถาม

   “หนีมา” ติณห์ ยิ้มจนตาหยี

   “ทิ้งงานมาหรอ”

   “เปล่านะครับ”

   “ไม่ต้องห่วงหรอกนานา พี่ส่งพี่ตุลย์ไปทำงานแทนติณห์แล้ว ค่าตัวแพงมากขอบอก เงินในบัญชีพี่ลดฮวบ”

   “มั่วแล้วเต็นท์ พี่จ่ายแค่ 40% อีก 60% ผมเป็นคนจ่าย” ถึงกับหัวเราะกันรอบวงเลยทีเดียว

   เมื่อติณห์มา ริต้าก็แนะนำแมทธิวให้ทุกคนรู้จักอย่างเป็นทางการ ได้ความว่าแมทเป็นคนอังกฤษเจอกับริต้าตอนที่เธอไปหาติณห์เมื่อสามปีที่แล้ว และหลังจากนั้นทั้งคู่ก็ติดต่อเรื่อยมา จนกลายเป็นแฟนกัน

   “พ่ม อยาก แถ่ง งัน ขับ ริต้า” ครับ ทั้งประโยคฟังรู้เรื่องคำเดียว ‘ริต้า’ (จริงๆมันคือ ผมอยากแต่งงานกับริต้าอะครับ)

   ได้รู้เพิ่มมาอีกหน่อยว่าคนที่สอนภาษาไทยให้กับแมทก็คือริต้านั่นแหละครับ

   “นาครับ” ติณห์ก้มลงมากระซิบ

   “หืม”

   “คืนนี้ไปนอนกับผมที่คอนโดนะ”

   ฟู่... หน้าผมเองครับ หน้าผมเดือดแล้วครับ

   “นานา หน้าแดง ไม่สบายหรอ” ไอ้หอกวุ้น เสือกมาช่างสังเกตอะไรตอนนี้ ทั้งโต๊ะเลยหันมามองผมหมดเลย

   “เออ ไม่สบายหรอนานา” เสียงไอ้พี่แซนด์ครับ

   “ปะ เปล่า สบายดี”

   ได้ยินไอ้คนข้างๆมันหัวเราะ ผมเลยตีแขนมันแรงๆไปทีนึง

   ชิ...ขี้แกล้งดีนัก

   :: แถม ::

   “อะ ต...ติณห์ อ๊าา”

   “อย่าเกร็งสิครับคนดีของผม”


   

แอร๊ยย อย่ามาแอบดูนานากับติณห์สิคะ  :z1:
วันนี้อัพอีก 1 ตอน แอบเหนื่อยค่ะ

คงมาต่อในวัน-สองวันนี้
ขอบคุณทุกท่านที่ยังติดตามค่ะ
 :pig4:

'สวนส้ม'

ออฟไลน์ nan239

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ดีใจที่มาต่อนะค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ hotladyanyavee

  • ขึ้นจากเกาะ มาใช้ชีวิตบนอ่าวนาง มันก็อินดี้ไปอีกแบบ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2384
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-10
ดีใจจังมาต่อแล้ว หายไปนานเลย

ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41
เป็นกำลังใจให้จ้า :mew1:
+1และเป็ด

สวนส้ม

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 18 คุณแม่

   <Tinn Talk>

   (คิดอะไรอยู่ติณห์ ทำไมถึงกลับมากลางคันแบบนี้)

   “ผมไม่ได้กลับมากลางคันครับพ่อ งานของผมเสร็จตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้วด้วยซ้ำ”

   (ติณห์...)

   “แค่นี้ก่อนะครับ ที่นี่มันดึกแล้ว”

   พูดจบผมก็วางสาย รู้สึกเหนื่อยหน่ายกับชีวิตอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน หลายครั้งที่ผมคิด...ทำไมชีวิตผมมันถึงได้วุ่นวายขนาดนี้ อิจฉาเต็นท์กับพี่ตุลย์ ทำไมพ่อไม่หาคู่หมั้นให้พวกพี่บ้างนะ จะได้มีคนมานั่งกลุ้มเป็นเพื่อนผมไง

.
.

.
.

   วันนี้ครอบครัวของริต้ามาทานอาหารเย็นที่บ้านผม พ่อกับพี่ตุลย์กลับมาจากอังกฤษแล้ว มื้อจะเรียกว่าพร้อมหน้าพร้อมตาก็คงไม่ผิดนัก

   “แม่คิดแล้วนะจ๊ะติณห์ เราควรจะจัดงานกันภายในสองอาทิตย์นี้เลย”

   “อะไรนะครับ? / แม่คะ?” ผมกับริต้าแย้งขึ้นพร้อมกัน

   “ก็ดีแล้วนี่ลูก ยิ่งเร็วเท่าไรยิ่งดี” ประโยคหลังคุณแม่ของริต้าจ้องเธอเขม็ง

   ริต้าก้มหน้า

   “แต่ว่ายังไงมันก็เร็วไปนะครับคุณน้า”

   “ไม่หรอกจ้ะติณห์ มันไม่เร็วเลยถ้าเทียบกับความร้อนใจของน้าตอนนี้” เธอพูดด้วยรอยยิ้ม แต่ผมกลับรู้สึกว่ามันไม่ได้ยิ้มเลย “ฉันลองไปหาสถานที่จัดงานแล้วนะคะ มีที่นึงที่ถูกใจมาก ถ้าพี่ภาสว่างๆ เราไปดูกันนะคะ”

   “ริน ทานข้าวเถอะ เดี๋ยวข้าวเย็นหมด” คุณพ่อของริต้าพูด เธอจึงหยุดพูด และเริ่มทานข้าว

   ผมมองหน้าเสียๆของริต้าอย่างให้กำลังใจ

.
.

.
.

   “เลือกเลยจ้ะ ติณห์ ริต้า ชุดของร้านนี้เป็นของเพื่อนแม่เอง มีแต่สวยๆทั้งนั้น”

   คุณแม่ของริต้าบอกพลางยิ้ม เธอเอาหนังสือชุดหมั้นมาให้ผมและริต้าดู ผมเปิดดูผ่านๆ ไม่ได้สนใจ ริต้าเองก็มีอาการไม่ต่างกัน

   “แม่คะ...” ริต้าเรียก “ริต้า คือ...”

   “อะไรจ๊ะลูก” ริต้าทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ผมรู้ว่าคุณน้าเห็น...แต่ไม่ใส่ใจ

   “ริต้าไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ”

   ไม่รอเสียงอนุญาต ริต้าออกจากห้องไปแล้ว

   “ติณห์อยากไปเข้าห้องน้ำบ้างมั้ยจ๊ะ” เธอถาม แววตาไม่มีรอยยิ้ม

   “ก็ดีครับ”

   แล้วผมก็ลุกออกมา

   ผมเข้ามาในห้องน้ำ วักน้ำล้างหน้าแรงๆหลายครั้ง ไม่เข้าใจความคิดของคุณน้าในตอนนี้ เธอก็เห็นว่าริต้าไม่มีความสุขกับสิ่งที่เธอทำ แล้วทำไมยังบังคับกันได้นะ ผมพอจะดูออกว่าพ่อของผมกับคุณพ่อของริต้าเริ่มลังเลถึงการคลุมถุงชนครั้ง

   ...แต่กับคุณนายรรินแล้ว ใจของเธอยังแน่วแน่ไม่เปลี่ยนแปลง

   ผมออกมาจากห้องน้ำพร้อมริต้า เห็นคราบน้ำตาจางๆ มือถือโทรศัพท์อยู่

   “สบายใจขึ้นมั้ย” ผมถาม

   ริต้าส่ายหน้า ยิ้มทั้งน้ำตา

   “ติณห์” ผมหันไปตามเสียงเรียก “โอเคมั้ยไอ้น้อง”

   “ไม่เลย” ผมตอบเต็นท์ “พี่จะไปไหน”

   “ทำธุระเว้ย ไปก่อนล่ะ เดี๋ยวไม่ทัน”

   ผมมองเต็นท์จนลับสายตา

   “ไปกัน ริต้า”

.
.

.
.

   “เลือกได้รึยังลูก มีแต่ชุดสวยๆ ลูกแม่เลยเลือกไม่ถูกล่ะสิ” คุณน้าเข้ามาพูดคุยกับริต้าอย่างหยอกล้อ

   “ค่ะ ริต้าเลือกไม่ถูก” ริต้าตอบ เสียงสั่น

   “คิกๆ ว่าแล้วเชียว งั้นชุดนี้...”

   “ริต้า!!”

   “แมทธิว!?”

   ผมมองแขกคนใหม่ที่พรวดพราดเข้ามา แมทธิวหอบน้อยๆ คงรีบมาน่าดู

   ริต้าวิ่งเข้าไปหาแมทธิวก่อนจะสวมกอดพร้อมๆกับร้องไห้

   “ริต้า! ทำแบบนี้ได้ยังไงลูก นี่ต่อหน้าพี่ติณห์นะ!” คุณน้าอึ้งได้ซักพักก่อนจะเข้าไปดึงตัวริต้าออกมาจากอ้อมกอดของแมทธิว

   “ฮือๆๆ คุณแม่อย่าบังคับริต้าไปมากกว่านี้เลย ฮืออ ริต้ารักแมทธิว และไม่มีวันเปลี่ยนใจไปรักใคร” ริต้ากอดแมทแน่น เธอยื้อกับคุณแม่อย่างไม่ยอม

   “ริต้า!! ปล่อยผู้ชายคนนั้นเดี๋ยวนี้”

   “ไม่ค่ะ! ฮึก ฮืออ แมท”

   “ริต้า!!” คุณน้าแผดเสียง หน้าแดงจัดด้วยความโกรธ

   แมทธิวมองหน้าคุณน้านิ่ง ผมเห็นความวูบไหวในดวงตาสีฟ้านั่น

   “Enough” แมทธิวพูดเสียงเรียบ “Don’t hurt her anymore”

   “กรี๊ดดดดดด!! ปล่อยลูกสาวฉันเดี๋ยวนี้ ฉันไม่สนว่าแกเป็นใคร แต่ลูกของฉันต้องแต่งงานกับตาติณห์คนเดียว!!!” คุณน้าตะกันลั่นบ้าน

   พ่อของผมกับริต้าวิ่งมาดู

   ”เกิดอะไรขึ้นริน” คุณพ่อของริต้าวิ่งเข้ามาถาม

   “ไม่ต้องมายุ่งกับริน! พี่ภาส บอกให้ยามมาลากตัวเด็กนี่ออกไปจากบ้านพี่สิคะ!”

   “ริน ใจเย็นก่อนนะ” พ่อผมพยายามเกลี้ยกล่อม

   “ริต้า ออกไปก่อนไปลูก” คุณพ่อของริต้าบอก

   “ไม่ได้! แม่ไม่อนุญาต ก็ดี...ไหนๆก็มาแล้ว ก็มาคุยซะให้รู้เรื่อง!”

.
.

.
.

   “ริต้ากำลังจะหมั้น เธอควรจะเลิกกันเดี๋ยวนี้”

   “คุณแม่!?”

   “ริน ใจเย็นก่อน ฟังลูกบ้างสิ”

   “รินไม่ฟัง ยังไงริต้าก็ต้องแต่งงานกับติณห์คนเดียว”

   “ริน พี่ลองมาคิดเรื่องนี้หลายครั้งแล้วนะ พี่คิดว่า...”

   “พี่ภาส! อย่าบอกนะคะว่าพี่ภาสเห็นดีเห็นงามกับลูกๆอีกคน รินพยายามเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกของเรานะคะ ทำไมไม่มีใครเข้าใจรินเลย”

   “คุณแม่คะ...” ริต้าแทรกขึ้นบ้าง “แต่ต้ากับพี่ติณห์ไม่ได้รักกัน”

   “นั่นไม่ใช่เหตุผล....”

   “แล้วเหตุผลแค่ไหนถึงจะพอครับคุณน้า” ผมพูดขึ้น ทั้งห้องอยู่ในความเงียบ

   “I love Rita, don’t tore us apart…please”

   แมทกับริต้ากุมมือกัน ผมมองหน้าตาที่เริ่มเหยเกของคุณน้า

   “โทษนะครับ ผมพาคนมาส่ง” เสียงกวนๆดังขึ้นท่ามกลางความอึดอัดภายในห้อง

   พวกเรามองเต็นท์ที่ยืนอยู่หน้าประตู ก่อนผมจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นคนที่เดิมก้มหน้าก้มตาเข้ามา

   “นานา!?”




ตอนนี้แอบสั้น ฮาา

แล้วเจอกันใหม่ตอนหน้า (เร็วๆนี้)
ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจค่ะ
 :pig4:

'สวนส้ม'

ออฟไลน์ hotladyanyavee

  • ขึ้นจากเกาะ มาใช้ชีวิตบนอ่าวนาง มันก็อินดี้ไปอีกแบบ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2384
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-10
แอบมาสั้นๆอะ งาานนี้ คุณน้ารินของริต้า คงโดนรุม แต่ไง
ก็ขอให้ผ่านไปได้นะ เอาใจช่วยนานา แมทธิว ติณห์

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0
โอ้ว์วววว  ประเจ้า    นึกว่าตาฝาด



T^T    ในที่สุดก็มาต่อแล้ว     ดีใจอย่างแรง   

สวนส้ม

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 19 ใกล้เข้ามา

   Rrrrr Rrrrr

   “ครับ?” ผมกดรับสายเบอร์แปลกที่โทรเข้ามา

   (นานาอยู่ไหน)

   “นั่นใครครับ?”

   (นี่พี่เต็นท์ไงคร้าบคุณน้อง) เจ้าของชื่อตอบกลับมาแบบกวนๆสไตล์เจ้าตัว (ทีนี้บอกได้ยังว่าอยู่ไหน)

   “อยู่หอสมุดกลาง พี่เต็นท์มีไรรึเปล่า”

   (รออยู่นั่นแหละ มีเรื่องคุยด้วย)

   พอพูดจบก็วางสายไป ผมมองโทรศัพท์อย่างงงๆ ไม่รู้มีอะไรพี่แกถึงได้เกิดอยากคุยกับผมขึ้นมา แต่ที่แน่ๆตาขวาผมแม่งกระตุกอีกแล้วอะ กูหนีตอนนี้ทันมั้ยวะ นี่ไม่ใช่อะไรเลยนะครับ บอกตรงๆว่าสัญชาตญาณล้วนๆ

   ไม่กี่นาทีต่อมาพี่เต็นท์ก็เดินเข้ามาอย่างหล่อ ทำเอาสาวๆที่นั่งอาศัย wifi ฟรีในหอสมุดเงยหน้าขึ้นมายิ้มหวานแทบไม่ทัน แล้วพี่เต็นท์ก็ไม่ลืมที่จะยิ้มตอบไปด้วย
งมั้ยเรา
   ....หน้าตาดีทั้งครอบครัวล่ะครับ เริ่มหมั่นไส้นิดนึงละ

   “ว่างมั้ยเรา” พี่เต็นท์ถามหลังจากนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามผม

   “ว่างมั้งครับ” ผมตอบไปกลางๆ เพราะที่มาหอสมุดตอนนี้ก็ไม่ได้ขยันอะไรหรอกครับ ช่วงนี้แม่งเรียนไม่รู้เรื่องด้วยสาเหตุที่พวกคุณก็รู้ว่าคืออะไร เลยว่าจะมาหาความรู้เข้าหัวซะหน่อย จะได้รอดโปร รอดเอฟกันไป

   “งั้นมากับพี่หน่อยดิ”

   “พี่เต็นท์จะพานาไปไหนล่ะ” เอาล่ะครับ ตาขวาแม่งกระตุกยิกๆเลย

   “สูดอากาศบริสุทธิ์ รับลมชมวิว”

   “……” ช่วยตอบให้ตรงคำถามหน่อยเถอะครับ โอเค มันอาจจะตรงคำถาม แต่ถามว่ามันมีสาระอะไรอยู่ในนั้นมั้ย? บอกได้คำเดียวว่าไม่มี

   “ลุกๆ นี่เป็นคำสั่งของพี่ชายสามี เอ๊ย พี่ชายแฟน” ผมล่ะอยากจะพุ่งเข้าไปกระชากหน้าม้าพี่แกจริงๆ โดยเฉพาะไอ้ท่าเอามือปิดปากตอน(จงใจ)พูดผิดนั่นน่ะ (ถึงมันจะเป็นเรื่องจริงก็ตามที อ๊าก)

   “ครับๆ เร่งอยู่ได้”

   สุดท้ายก็ต้องยอมมันอยู่ดีครับ นานาเศร้า เฮ้อ

.
.

.
.

   ผมยืนค้างอยู่ตรงประตูหน้าบ้านของติณห์ ไม่รู้ว่าทำไมพี่เต็นท์แม่งต้องพาผมมาสูดอากาศบริสุทธิ์ รับลมชมวิวห่าเหวอะไรที่นี่ด้วย ผมรู้รับรู้ได้เลยว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ แล้วไอ้อะไรที่ว่านั่นมันต้องมีผมเป็นผู้เกี่ยวข้องด้วยอย่างแน่นอน คิดแบบนั้นตาขวาแม่งยิ่งกระตุกหนัก กระตุกขนหนังตากูจะหลุดออกมาแล้วนะเนี่ย

   “เข้าไปดิ มารออะไรล่ะ” ไอ้พี่เต็นท์ครับ

   “พี่เต็นท์พานามาที่นี่ทำไมอะ”

   “พอดีข้างในเค้ากำลังมีเรื่องกัน พี่ว่านามาด้วยน่าจะดี”

   อ่า... นั่นสินะ ผมมาด้วยมันคงจะวุ่นวายดี...

   “ไปเร็ว” ไม่รอคำตอบ พี่เต็นท์ลากผมเข้ามาเลยครับ

   ผมเดินผ่านห้องมาสองห้อง และเริ่มได้ยินเสียงอะไรแว่วๆมาจากห้องใหญ่ข้างหน้า จับใจความไม่ค่อยได้ เพราะผมเริ่มหูอื้อตาลายไปหมด ใจมันเต้นไม่เป็นส่ำ ทั้งกลัว ทั้งกลัวทั้งประหม่า ผมขืนตัวไม่ยอมเดินไปตามแรงพี่เต็นท์ แต่เพราะพี่เต็นท์แรงเยอะกว่าผมเลยโดนลากไปจนได้

   “พะ พี่เต็นท์”

   พี่เต็นท์ไม่หันมามองผมแม้แต่นิด จนเรามาถึงหน้าห้องนั้น

“โทษนะครับ ผมพาคนมาส่ง” พี่เต็นท์แทรกกลางปล้องท่ามกลางเสียงจอแจ ผมค่อยๆเดินก้มหน้าเข้าไป เพราะมั่นใจว่าคนที่พี่เต็นท์พูดถึงคือผมชัวร์ๆ

“นานา!?”

ต...ติณห์” ผมเรียกเสียงเครือ ยิ่งเงยหน้ามองรอบห้องแล้วผมยิ่งสาปแช่งให้ไอ้พี่เต็นท์มันตายซะเดี๋ยวนี้ สูดอากาศบริสุทธิ์บ้าบออะไร นี่มันโคตรของโคตรความอึดอัดต่างหาก

คนที่ผมจำได้ว่าเป็นพ่อของติณห์ถอนหายใจยาวอย่างสะกดอารมณ์ก่อนจะมองไปที่ตัวต้นเหตุข้างๆผมซึ่งกำลังยักคิ้วท้าทาย สายตาคุณภาสกรพอจะมองออกได้ว่าเสร็จงานนี้ไปเอ็งตายแน่

ติณห์เดินมาหาผมโดยไม่สนใจสายตาใครทั้งสิ้น

“มาได้ไงครับ” ติณห์ถามทั้งที่คงรู้คำตอบอยู่แล้ว เพราะเค้ากำลังส่งสายตาอาฆาตไปให้พี่เต็นท์อยู่ อีกฝ่ายก็ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไร ยักไหล่อย่างไม่ยี่หระแล้วเดินออกไป

“นั่นใครอีก!?” เสียงหวานแหบถามอย่างไม่สบอารมณ์

“นาไปรอด้านนอกนะครับ เสร็จแล้วผมจะพากลับหอนะ” ติณห์ไม่ได้ตอบคำถาม แต่กลับพูดและใช้มือลูบหัวผมแทน ผมรู้สึกว่ากลัวน้อยลง

“ตาติณห์!!” เสียงเดิมแว้ดขึ้นพร้อมกลับเข้ามากระชากแขนติณห์อย่างแรง ตาสวยหวานนั่นถลึงมองผมอย่างกลั้นอารมณ์ไม่อยู่

“ริน พอได้แล้ว ผมว่าคุณเริ่มพูดไม่รู้เรื่องแล้วนะ” ชายวัยกลางคนที่ผมไม่รู้จักเข้ามาห้าม แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผลเท่าไรนัก

“ทุกคนเป็นอะไรกันไปหมดคะ!? ลืมไปแล้วหรอว่าครอบครัวของเรามีสัญญาอะไรกัน! รินคงผิดเองที่ปล่อยให้เรื่องทุกอย่างมันยืดเยื้อมาขนาดนี้...” เธอพูด พร้อมกับปรายตามองทุกๆคน รวมถึงผม “และไม่ว่าจะอะไร ถึงพี่ภาส ริต้า ติณห์ คุณ หรือไม่ว่าไม่ใคร...” อีกครั้งที่เธอมองมาที่ผม “จะคัดค้านการหมั้นครั้งนี้ก็ไม่เป็นไร เพราะรินจะจัดการทุกอย่างเอง! งานหมั้นจะจัดอาทิตย์หน้า รับรู้ไว้ด้วยค่ะ!”

“ริน!?” 

ผู้หญิงคนนี้...คงบ้าไปแล้วแน่ๆ




มาแบบเงียบๆ
 :hao5:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-10-2013 22:51:10 โดย สวนส้ม »

tegomon

  • บุคคลทั่วไป
 :z13: :z13: :z13: :z13:

สนุกค่ะ ทำไมไม่มาต่อ อีก อ่ะคะ

ออฟไลน์ Yunatsu

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +233/-5
โอ้ยยยย นึกว่าตาฟาดดดมาต่อแล้วววววว

คิดถึงนานาโครตตตตตตตต


มาต่ออีกน้า ให้จบน้า อย่าหายไปก่อนน้าาาาา
 :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ l3iZal2l2e

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-0
กรี๊สสสสสสสส มาต่อแล้ววววววว
สงสารริต้าสุดๆ มีแม่แบบนี้.... ไม่สนความรู้สึกของคนเป็นลูกเลย
 :hao5:

สวนส้ม

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 20 ณ ร้านพิซซ่า

   ผมมองบัตรเชิญในมือเงียบๆ มันไม่ใช่ใบเดิมกับที่คุณพ่อของติณห์ให้ไว้ เพราะกำหนดการของงานมันเร็วกว่าเดิม

   วันเสาร์นี้...

   ผมซุกหน้าลงกับเข่าทั้งสองข้าง รู้สึกสิ้นหวังอย่างบอกไม่ถูก ผมโทรหาติณห์ไม่ติด ติณห์เองก็ไม่ได้โทรหาผม ไม่รู้ว่างทางนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง มีเพียงข้อความหนึ่งที่ส่งมาถึงผมเมื่อเย็น

   ‘นามาได้มั้ย ต้าอยากให้นามา ขอร้อง’

   “นานา”

   “หื้ม” ผมส่งเสียงในลำคอตอบไอ้กราฟทั้งๆที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองมัน

   “ให้กูไปเป็นเพื่อนปะวะ”

   “เค้าไม่ได้เชิญมึงเหอะ ฟาย”

   “มึงแหละควาย บัตรของมึงอะมัน VIP พาเพื่อนไปด้วยได้สองคนเว้ย”

   “มึงคิดว่ากูส่งฝาไปชิงโชครึไงถึงได้บัตรมา” ผมด่า แต่ก็ยิ้มไปด้วย

   “มึงยิ้มแล้ว” กราฟเดินเข้ามาโยกหัวผม “มึงอย่าทำหน้าแบบนี้สิวะ มันไม่เหมาะกับมึงเลยรู้ตัวรึเปล่า”

   “ขอโทษ”

   “กูเข้าใจ” มันตอบพร้อมกับมองนาฬิกา “ไปดูหนังกันปะ อีกเดี๋ยวไอ้วุ้นก็จะเลิกเรียนแล้ว”

   ถ้าหาอะไรทำผมคงหายฟุ้งซ่าน ผมหวังว่าตัวเองจะสบายใจขึ้นนะ

   “เอาดิ”

.
.

.
.

   “ดูเรื่องไรดีวะมึง” ไอ้กราฟถามขณะที่เราอยู่บนบันไดเลื่อน

   “หนังผีปะ…..โอ๊ย! เจ็บนะไอ้กราฟฟ” ไอ้วุ้นเสนอแต่โดนกราฟสกัดดาวรุ่งไว้ ซึ่งผมก็พอจะรู้เหตุผลล่ะครับ

   “ดูหนังผีทีไรมึงก็กลัวจนนอนไม่หลับมาเดือดร้อนพวกกูทุกที”

ใช่ครับคือไอ้วุ้นมันเป็นพวกกลัวผี แต่ก็ชอบดูหนังผี แล้วพอมันดูทีไรมันก็กลัว สุดท้ายเดือดร้อนพวกผมจนไม่ได้หลับไม่ได้นอน

“ดูไอ้นั่นดีกว่า อนิเมฯที่พึ่งเข้าอะ” ไอ้กราฟเสนอ

“ดีเหมือนกัน ไม่หนักสมองดี” ผมสรุป

พวกเราเคลื่อนพลไปที่โรงหนัง กว่าจะถึงเวลาก็ประมาณชั่วโมงครึ่ง ไอ้วุ้นมันหิวเพราะพึ่งเลิกเรียนพวกผมเลยจะไปหาอะไรกินกันก่อนครับ

“น้องนา” พวกผมที่กำลังจะลงบันไดเลื่อนหันไปมองพร้อมกัน

ผู้ชายสองคนที่ผมจำหน้าได้ดี คนนึงใบหน้าพิมพ์เดียวกับติณห์แต่ดูเข้มขรึมกว่า อีกคนมีใบหน้าหล่อเหลาอ่อนโยน...มั้ง

“พี่นายน์ พี่ตุลย์หวัดดีครับ” ผมยกมือไหว้ ไอ้วุ้นกับไอ้กราฟก็ไหว้ตามแบบงงๆ “พี่ชายติณห์ชื่อพี่ตุลย์ ส่วนคนนี้พี่นายน์ ส่วนนี่เพื่อนผมชื่อวุ้นเส้นกับกราฟครับ” ผมแนะนำ

“ดีครับ” พี่นายน์ทักทาย และหันไปยิ้มให้ไอ้วุ้น ไม่รู้คิดไปเองรึเปล่า แต่ผมกลัวรอยยิ้มนั่นจัง บรื๋อ~

“พวกผมกำลังจะไปทานข้าว ไปด้วยกันมั้ย” พี่ตุลย์ถามขึ้นแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย “ผมเลี้ยงเอง”

มีเหตุอะไรที่จะไม่ไปล่ะครับ ของฟรี สบายละไอ้นานา หุหุ

พี่นายน์ให้ไอ้วุ้นเป็นคนเลือกร้านโดยไม่ถามเจ้ามือซักคำ แต่พี่ตุลย์ก็ไม่ได้ค้านอะไร ไอ้วุ้นเลยเลือกร้านพิซซ่าที่มันบ่นอยากกินเมื่อสองสามวันก่อน คือมันชวนผมแหละครับ แต่ผมไม่มีอารมณ์มา คนมันเฮิร์ทอะครับ ไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไร

“น้องวุ้นเป็นเพื่อนน้องนาหรอครับ พี่ไม่เคยเห็นหน้าเลย” พี่นายน์เปิดประเด็น

“ใช่ครับ วุ้นก็ไม่เคยเห็นหน้าพี่นายน์เหมือนกัน” ไอ้วุ้นตอบไปยิ้มไปตามประสาคนอัธยาศัยดี

“ไม่เห็นแปลก กูยังไม่เห็นจะเคยเห็นหน้ามันเลย” ไอ้กราฟโพล่งขึ้นมา พี่นายน์มองหน้ามันเลิกคิ้วสูง

“ก็ใช่มั้ง แต่ต่อไปเราอาจจะเจอกันบ่อยๆ” พี่นายน์ตอบพร้อมกับรอยยิ้มกวนตีน (นี่ผมไม่ได้คิดไปเองนะครับ ผมเห็นพี่นายน์ยิ้มยังรู้สึกอยากโดดถีบอะ)

“หรอครับ แต่อย่าเจอกันดีกว่า” ไอ้กราฟตอบหน้านิ่ง

“พี่ก็ไม่ได้อยากเจอน้องกราฟนี่ครับ อยากเจอน้องวุ้นมากกว่า”

“ถามมันรึยังว่าอยากเจอพี่รึเปล่า”

“ทำไมต้องอยากเจอหรือไม่อยากเจอล่ะ ไม่เห็นเกี่ยวอะไรกันเลย” พี่นายน์ตอบด้วยรอยยิ้มกวนตีนขั้นแอดวานซ์

“กวนตีน

“เอ่อ...” ผมกับไอ้วุ้นมองหน้ากัน แล้วหันไปมองพี่ตุลย์แบบขอความช่วยเหลือ แต่รายนั้นเล่นอ่านหนังสือไม่สนใจชาวบ้านชาวช่องเลย

คือบางทีมึงก็ช่วยทุกข์ร้อนกับเรื่องที่ขึ้นหน่อยนะครับพี่

“น้องกราฟนี่ไม่น่าเป็นเพื่อนกับสองคนนี้เลยนะครับ หน้าตาไม่เข้าพวกเลย” ดูเหมือนพี่นายน์จะไม่จบนะครับ

“เรื่องของกู” อะ...ไอ้กราฟใจเย็น ยังไงนั่นก็พี่มึงหลายปีนะ

“พี่ขอเบอร์น้องวุ้นไว้ได้มั้ยครับ จะได้ติดต่อกัน”

เสือก” ไอ้กราฟ...

“ใครกันแน่ครับ”

ปึก!

ไอ้กราฟทุบโต๊ะแล้วยืนจ้องหน้าพี่นายน์ คนในร้านหันมามองกันเต็ม แต่อีกคนดูจะไม่ทุกข์ไม่ร้อน ยังยิ้มยั่วไอ้กราฟอยู่ ผมกับไอ้วุ้นมองหน้ากันเลิกลั่ก อยากจะขอความเห็นจากพี่ตุลย์แต่แม่งคงกำลังอินกับหนังสือ...

แม่งเอ๊ยย กูเครียด!

“ดะ...เดี๋ยววุ้นไปห้องน้ำก่อนนะครับ”

“พี่ไปด้วย”

“กูไปด้วย” พอพี่นายน์จะตามไอ้วุ้น ไอ้กราฟก็โพล่งขึ้นมา

แล้วทั้งสามก็จรลีไป

เหลือผมกับพี่ตุลย์...

ผมมีอะไรอยากถามหลายอย่าง แต่ไม่กล้าอะ

“ติณห์สบายดีไม่ต้องห่วง”

“เอ๋ ครับ?”

“สองคนนั้นไปได้ซักที รำคาญ” พี่ตุลย์วางหนังสือ ใช้มือคลีงดวงตาเบาๆ

ว่าแต่ที่พี่พูดหมายความว่าไงครับ นานาตามไม่ทัน

“ถ้าไม่นับเรื่องสุขภาพจิต ร่างกายก็ดูแข็งแรงดี”

“ครับ” ผมตอบ ก้มหน้าลง แค่คิดว่าติณห์ต้องมีความรู้สึกแบบผม ผมก็เจ็บแล้ว เพราะผมเป็นทุกข์มากเลย ติณห์คงทุกข์กว่าผมหลายเท่า

“อย่าทำหน้าแบบนั้นเลย น้องผมมาเห็นคงไม่สบายใจ”

“ผมไม่รู้ว่าต้องทำอะไรหรือยังไง ผมช่วยอะไรติณห์ไม่ได้ ผมมันแย่จริงๆ”

หมับ

พี่ตุลย์เอื้อมมือมาลูบหัวผม ภาพข้างหน้ามันเบลอ น้ำตาเอ่อขึ้น

“ไม่เป็นไร ทุกคนอยู่ข้างนานา......ยกเว้นคุณน้ารินนะ” พี่ตุลย์พูดติดตลก ผมอมยิ้ม

“ขอบคุณครับ”

ผมว่าที่คนทั้งบ้านนี้มีเหมือนกันก็คือความอบอุ่นครับ ถึงพี่ตุลย์จะเป็นคนนิ่งๆ พี่เต็นท์ดูกวนตีนปนทะเล้น ติณห์ดูสุภาพเย็นชา แม้แต่คุณพ่อของพวกเค้า ทั้งหมดเป็นคนอบอุ่น อยู่ด้วยแล้วสบายใจเป็นที่สุด

ขอบคุณสวรรค์ที่ทำให้ผมมาเจอกับพวกเค้า ผมเชื่อว่าเราจะผ่านทุกอย่างไปได้

“พิซซ่าได้แล้วค่ะ”

พิซซ่าถาดใหญ่สองถาด อันนึงเป็นฮาวายเอี้ยน อีกอันเป็นชีส แป้งหนานุ่มน่าลิ้มลองเป็นที่สุด ไหนจะชีสที่เยิ้มออกมา...

น้ำลายไหลละครับ

พี่ตุลย์ตักฮาวายเอี้ยนกับชีสให้ผมอย่างละหนึ่ง ก่อนจะตักให้ตัวเองบ้าง ปกติที่ร้านพิซซ่าจะมีช้อนกับส้อมให้ใช่มั้ยครับ แล้วส่วนใหญ่เราจะใช้ช้อนส้อมกินกัน คือนึกภาพออกปะครับว่าพี่ตุลย์แกดูผู้ดีจ๋าตั้งแต่หน้าตา นิสัย การแต่งตัว ทรงผมยันกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆที่ผมได้กลิ่น แต่พี่แกกลับใช้มือยัดพิซซ่าเข้าปากทันทีไม่มีลังเล

แล้วอย่างนี้จะให้ไอ้นาซึ่งดูเหมือนคนใช้ที่พี่ตุลย์พามาด้วยใช้ช้อนส้อมกินมันก็ดูกระไรอยู่ ผมเลยใช้มือเปิบนั่นแหละครับ

หลังจากนั้นบรรดาอาหารที่สั่งไว้ก็ตามมาอย่างอย่างมากมาย ผมรีบยัดพิซซ่าเลยครับ อยากกินไก่กับขนมปัง โฮะๆๆๆๆ

ปึก!

ไอ้กราฟเดินเข้ามาทิ้งตัวลงนั่งอย่างแรง หน้ามันบูดบึงเหมือนกับโกรธใครมาทั้งชาติ ตามมาด้วยพี่นายน์ที่ดูอารมณ์ยิ่งกว่าตอนออกไป และสุดท้ายคือไอ้วุ้นที่นั่งลงด้วยใบหน้างงๆซึ่งเป็นใบหน้าปกติของมัน

“ไอ้กราฟเป็นไรวะ” ผมกระซิบถาม วุ้นเว้นส่ายหน้า

แต่ผมว่า...ปากไอ้กราฟมันดู...บวมๆเจ่อๆนะครับ หรือผมคิดไปเอง?

“มองหน้าหาพ่อมึงหรอครับไอ้นานา จะแดกมั้ยพิซซ่าน่ะ” ไอ้กราฟหันมาแยกเขี้ยวใส่ ผมได้ยินพี่นายน์หัวเราะอย่างอารมณ์ดี

สรุปมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ครับ ใครรู้ช่วยบอกผมหน่อย





พิซซ่ามาเสิร์ฟแล้ว เอ้ย ไม่ใช่~~
ก่อนอื่นกราบขอโทษเป็นครั้งที่พันล้าน
ผิดสัญญาหลายรอบ (ไม่ขอแก้ตัวใดๆ) แต่ยังมีคนเข้ามาอ่าน  :hao5:
ขอบคุณจริงๆค่ะ
ย้ำอีกครั้งว่านิยายเรื่องนี้กำลังจะจบแล้ว(จริงๆ)
และมันจะไม่เป็นนิยายรายปีแล้วนะเออ ช่วงนี้มีงานนิดหน่อย แต่จะมาอัพเรื่อยๆ
ส่วนเรื่องที่นานาสงสัยก็ไปเดากันเอง  :laugh:

เมื่อเรื่องนี้จบแล้วก็จะลงเรื่องสั้นที่แต่งเอาไว้ค่ะ
ช่วยกันติดตามด้วยน้า
สุดท้าย ขอบคุณอีกครั้งค่ะ  :pig4:

'สวนส้วม'

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ koikoi

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +311/-13
พี่นายกับกราฟมันยังไงอยู่นา

ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
ยัยคุณรินนี่บ้าไปแล้ว
นานาอย่าพึ่งเศร้าน้าาา

ออฟไลน์ l3iZal2l2e

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-0
กราฟกะพี่นายน์ๆๆๆๆๆๆ  :hao6:
รอๆๆดูว่าวันงานจะเกิดอะไรขึ้น
ทุกคนจะต่อต้านแม่ของริต้ายังไง
 :hao7:

สวนส้ม

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 21 หนี

   ก่อนวันงานหมั้นของติณห์ 1 วัน

   ผมมานั่งหน้าสลอนอยู่ในสวนบ้านติณห์ด้วยความงง ผมโดนลักพาตัว เอ๊ย ไม่ใช่! ถูกพี่เต็นท์ถูลู่ถูกังมาที่นี่ตั้งแต่เรียนเสร็จ ตอนนี้ผมกำลังนั่งมองพี่ตุลย์รัวแป้นคีย์บอร์ดด้วยสีหน้าผ่อนคลาย (ความจริงคือหน้านิ่ง แต่ผมเดาว่าพี่ท่านกำลังสบายอกสบายใจสุดๆ) ส่วนไอ้คนที่ลากผมมาน่ะหายหัวไปไหนก็ไม่รู้

   นานากลุ้ม

   “น้ำฝรั่งค่ะ” สาวใช้ในบ้านยกแก้วน้ำสีเขียวอ่อนมาให้ ผมยิ้มขอบคุณเธอ

   “ขอชามะนาวให้ผมแก้วนึงนะ” พี่ตุลย์เงยหน้าจากคีย์บอร์ดมาบอกสาวใช้คนเดิม เธอพยักหน้าก่อนจะเดินออกไป

   พี่ตุลย์มองหน้าผมแล้วมองจอโน้ตบุ๊คต่อ เหมือนผมไม่มีความน่าสนใจอะไร

   ...เอ่อ

   “มานั่งทำอะไรตรงนี้” เหมือนโดนถามว่ามึงมาทำเหี้ยอะไรตรงนี้ นี่มันที่ทำงานกูนะเว้ย อะไรแบบนี้อะครับ (เจ็บได้อีก)

   “ไม่รู้อะครับ พี่เต็นท์เอามาปล่อย”

   “น่ารำคาญจริง” อันนี้ไม่รู้ว่าหมายถึงพี่เต็นท์หรือหมายถึงผมนะครับ แต่ผมว่าหมายถึงไอ้พี่เต็นท์ชัวรัอะ

   แล้วบรรยากาศก็เข้าสู่ความเงียบ...

   เงียบ...

   เงียบ...

   ปึกปัก ปึกปัก ปึกปัก ตึกๆๆๆๆๆ > พี่ตุลย์รัวคีย์บอร์ดอย่างเมามัน

   คลิกๆ คลิกๆ ตึกๆๆๆ > พี่ตุลย์เริ่มขมวดคิ้ว สงสัยหุ้นตก

   “ขึ้นไปหาติณห์ไป เห็นหน้าแล้วทำงานไม่ได้” อ้าว...

   “ผมจะขึ้นไปไงอะครับ” พี่ตุลย์มองหน้า

   “บินมั้งครับ”

   อ๊ากกกก! (เอามือทึ้งหัว)

   “รู้มั้ยทำไมนานาถึงมานั่งที่นี่ได้”

   “………” คำถามไม่ค่อยเคลียร์ครับ ไม่รู้จะตอบยังไง

   “คุณน้ารินไม่อยู่ จะกลับเย็นๆ ตอนนี้มีโอกาสก็รีบขึ้นไปหาติณห์ซะสิ” พี่ตุลย์ยกแก้วกาแฟดำขึ้นจิบ “ชั้นสอง ห้องที่สามจากซ้ายมือ”

   “ขอบคุณครับ”

   ผมไหว้พี่ตุลย์ก่อนจะเดินเข้าในตัวบ้าน

   ผมก้าวขึ้นบันไดขั้นสุดท้ายก็ต้องชะงัก...

   ที่บอกว่าทางซ้ายมือนี่แม่งซ้ายมือถ้าหันหน้าเข้าหรือหันหน้าออกวะ! (กูนี่มีปัญหาได้กับทุกอย่างจริงๆ)

   ผมเลือกตัวเลือกแรกก่อน ค่อยๆเปิดประตูเข้าไป ในห้องมืดมากครับ ผมคลำหาสวิตซ์ ภาวนาให้นี่เป็นห้องนอนของติณห์ แต่ถ้าไม่ใช่ก็โกย

   พรึ่บ!

   ไฟเปิด ผมมองร่างสูงคุ้นเคยนอนคุดคู้อยู่บนเตียง ความรู้สึกแรกที่เต็มตื้นขึ้นมาคือความคิดถึง

   ผมพึ่งเคยเข้ามาในห้องติณห์เป็นครั้งแรก ห้องกว้างมาก สีของห้องเป็นโทนสีฟ้า ทำให้ห้องดูน่าอยู่ สว่าง แล้วก็สบายตา แปลกใจนิดนึงที่ห้องมันดูหวานๆกว่าที่คิด แต่พอคิดถึงนิสัยน่ารักเป็นบางทีของติณห์แล้วมันก็แอบเข้ากันอยู่นะ

   ผมค่อยๆนั่งลงบนเตียงของติณห์ ติณห์เหมือนหลับอยู่ ผมไม่อยากปลุก เลยนั่งมองหน้าติณห์อยู่อย่างนั้น แล้วเมื่อไรก็ไม่รู้ที่ผมเผลอหลับไป...ข้างๆกัน

.
.

.
.

   “อืออ” ผมขยับตัว มันอึดอัดแปลก

   ฟอดด!

   มีอะไรนุ่มๆกดลงบนแก้มผมและค้างไว้อย่างนั้น แถมยังรู้สึกอึดอัดมากกว่าเดิม

   อะไรนุ่มๆที่ว่ากำลังลากต่ำลง เรื่อยมาถึงคอ มันคลอเคลียซักพัก ก่อนจะ...กัด!

   “โอ๊ยย” ผมสะบัดตัวอย่างแรง ลืมตาขึ้นกะจะถีบไอ้สิ่งที่ทำร้ายคอผม แต่… “ติณห์!?”

   ติณห์นอนกอดผมอยู่ ยิ้มจนตาปิด

   “ขอโทษ เจ็บหรอ”

   “ก็เจ็บสิ” ผมขมวดคิ้ว

   “คิดถึง” ติณห์บอก ไม่ละสายตาจากผม ผมเขินนิดๆ

   “คิดถึงเหมือนกัน”

   ติณห์ยิ้ม ริมฝีปากของเราประกบกัน นุ่มนวล อ่อนโยน และอ้อยอิ่ง มันนานจนอากาศของผมหมด ติณห์ถึงยอมปละออก

   “มาได้ไงครับ” ถาม ทั้งที่ปากเราคลอเคลียกันไม่ห่าง

   “พี่เต็นท์พามา” ผมตอบ “ทำไมติณห์ไม่ไปหานาล่ะ”

   “ผมโดนกักบริเวณน่ะ ออกจากบ้านไม่ได้”

   “แล้วกินข้าวหรือเปล่า” ผมถามด้วยความเป็นห่วง ติณห์ดูซูบกว่าที่จำได้

   “วันนี้ยังเลยครับ แล้วนาล่ะ กินข้าวน้อยหรอ แก้มหายหมดแล้ว” ติณห์พร้อมกับไล้มือไปตามแก้มและสันกรามของผม

   “ไม่ค่อยอยากกิน” ผมซุกหน้าลงกับอกติณห์ตอบเสียงอู้อี้ “อยากให้มากินด้วยกัน”

   ติณห์ลูบหัวผม น้ำตาผมเอ่อจนเกือบจะล้นออกมา...

.
.

.
.

   พี่ตุลย์ชวนผมให้อยู่ทานข้าวเย็นด้วยกัน แต่ผมกลัวคุณแม่ของริต้ากลับมา เลยจะขอตัวกลับก่อน เพราะผมได้ยินว่าคุณน้ารินมักจะพาริต้ามาที่นี่ทุกวัน เพื่อคอยสังเกตไม่ให้ติณห์ไปไหนมาไหนด้วย

   “ไม่เป็นไร อยู่กินเถอะ” พี่ตุลย์ตอบเสียงเรียบ

   ผมลังเล กำลังจะตอบปฏิเสธแต่ก็มีเสียงค้นเคยดังขึ้น

   “อยู่กันพร้อมหน้าเชียว” พี่เต็นท์ปรากฏตัวพร้อมกับว่าที่เจ้าสาวของติณห์

   “นานา” ริต้ายิ้มกว้าง ถลาเข้ามากอดจนผมเซเกือบล้ม ดีที่ติณห์ประคองไว้ “ดีใจจังที่เจอ”

   “พาริต้ามาได้ไง” ติณห์ถามสิ่งที่ผมกำลังสงสัย

   “บังเอิญไปเจอคุณน้ารินทำธุระอยู่แถวๆตะเข็บชายแดนกรุงเทพฯ มือมันไม่รักดีเลยปล่อยลมยางรถคุณน้าเฉยเลยว่ะ น่าจะกลับมาช้าซักสองสามชั่วโมง” พี่เต็นท์บอกพร้อมยิ้มชั่วร้าย

   เชื่อเถอะ ผมเห็นพี่ตุลย์ยิ้มชั่วร้ายกว่า

   น่ากลัวว่ะ

   ว่าแต่ที่หายหัวไปทั้งวันนี่ขับรถตามคุณน้ารินไปหรอครับ แล้วปล่อยกูทิ้งไว้กับพี่ตุลย์ตั้งนานสองนานแทนที่จะพาขึ้นไปหาติณห์เลย มันน่าจริงๆ

   “เรามากินข้าวเย็นกันให้สบายเถอะ อย่างน้อยๆก็ก่อนพรุ่งนี้” 

   บรรยากาศมื้อเย็นก็สบายๆเป็นกันเองครับ พักเดียวแมทธิวก็มา ผมคิดว่าวันนี้ริต้ายิ้มได้กว้างที่สุดเลยล่ะครับ

   “นานา พรุ่งนี้จะมาใช่มั้ย” ริต้าถามเสียงเศร้า ผมยิ้มให้เธอ

   “มาสิ เพื่อนนาจะหมั้นทั้งคน ไม่มาได้ไง” ติณห์บีบมือผมแน่น

   “ขอบคุณนะ”

   เฮ้อ... คิดถึงพรุ่งนี้แล้วท้อครับ

.
.

.
.

   งานหมั้นถูกจัดเรียบๆที่รีสอร์ทแห่งหนึ่ง แน่นอนผมพาไอ้วุ้นกับไอ้กราฟมาด้วย ผมเข้าไปทักทายพี่นายน์กับพี่ตุลย์ ซึ่งดูเหมือนจะทำให้ไอ้กราฟไม่สบอารมณ์มาก ผมแอบเห็นติณห์แว้บนึงไม่เข้าไปทัก เพราะเจ้าตัวกำลังวุ่นกับการรับแขก

   คนที่ดูมีความสุขที่สุดในวันนี้ก็คงไม่พ้นคุณแม่ของริต้า เพราะเธอเอาแต่ยิ้มไม่หุบตั้งแต่ผมเข้ามางานแล้ว ส่วนคุณพ่อของติณห์และริต้าก็คุยกับแขกทั่วๆไป

   ผมยังไม่เห็นริต้าเลยครับ พี่เต็นท์กระซิบมาว่าคงยังอยู่ในห้องแต่งตัว

   “คุณคะๆ”

   “ครับ?” ผมหันไปตอบรับหญิงวัยกลางคนที่เข้ามาสะกิด

   “คุณนานาใช่มั้ยคะ”

   “ใช่ครับ” ผมตอบอย่างสุภาพ แม้จะมั่นใจว่าไม่เคยเห็นเธอคนนี้มาก่อนแน่นอน

   “คุณริต้าเรียกค่ะ บอกว่าอยากพบคุณ”

   “ครับ ขอบคุณครับ” ผู้หญิงคนนั้นออกไปแล้ว ผมเลยหันไปบอกไอ้เพื่อนตัวดีทั้งสอง “กูไปหาริต้าแป๊บนะ เดี๋ยวกลับมา”

   ผมเดินลัดเลาะออกมาจนถึงห้องแต่งตัวของริต้า ผมเคาะประตูสองสามครั้งริต้าก็ออกมาเปิดประตูให้

   วันนี้ริต้าสวยมากเลยครับ เธอแต่งชุดไทยสีชมพูอ่อน ผมยาวเป็นลอนสวยถูกรวบขึ้นทั้งหมดทิ้งปอยผมหน้าไว้นิดหน่อย แต่งหน้าอ่อนๆ เธอเหมือนนางฟ้าจริงๆเลย

   “นั่งก่อนสิ” เธอลากเก้าอี้มาให้ผมตรงหน้าโต๊ะเคริ่องแป้ง ส่วนตัวเองก็นั่งลงบนเก้าอี้อีกตัว

   ผมแอบเห็นคราบน้ำตาจางๆ คิดว่าเธอคงร้องไห้ก่อนที่ผมจะมาถึง

   “ต้าไม่คิดว่ามันจะมาถึงเร็วแบบนี้”

   เธอบีบมือเธอเบาๆเพื่อให้กำลังใจ

   “ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วยนะ” เธอหันมาถามผม น้ำตาไหลลงมาตามพวงแก้มสีชมพูอ่อน

   “อย่าร้องไห้สิ เดี๋ยวไม่สวยนะ” ผมไม่รู้จะปลอบเธอยังไงเลยได้แต่พูดติดตลก

   “นาโกรธต้าหรือเปล่าที่ต้าจะหมั้นกับพี่ติณห์”

   “ไม่ นาไม่เคยโกรธต้าหรือโกรธใครทั้งนั้น” ผมบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ทุกคนมีเหตุผลเป็นของตัวเอง ทั้งคุณพ่อของติณห์แล้วก็คุณพ่อคุณแม่ของต้าด้วย”

   “แต่ต้าโกรธ” ริต้าพูดด้วยสีหน้าเจ็บปวด “โกรธคุณแม่ที่คอยบังคับต้า โกรธคุณพ่อที่ไม่ยอมห้ามอะไรเลย โกรธคุณพ่อของพี่ติณห์ที่เห็นดีเห็นงามกับเรื่องมาตั้งแต่ต้น ต้าโกรธ...”

ริต้าสะอื้นเสียงเบา ผมทำได้แค่ลูบหัวเธอแค่นั้น

...ผมเองไม่ใช่พ่อพระที่ไหน ผมก็เคยนึกโกรธทุกคน แต่ก็อย่างที่ผมบอก ทุกคนมีเหตุผลเป็นของตัวเอง ถ้าคิดในมุมของคุณน้าริน เธอก็แค่อยากเห็นลูกสาวมีอนาคตกับคนที่ดี และแค่ถูกความคิดนั้นครอบงำ

“นานา”

“ครับ”

“ทำอะไรเพื่อต้าซักอย่างได้มั้ย”

“ได้สิ บอกมาเลย ถ้าทำได้ นายินดี” ริต้ายิ้มให้ผม

“ยื่นมือมาสิ หลับตาด้วยนะ”

ผมทำตามที่เธอบอก ริต้าจับข้อมือของผมไว้ ผมรู้สึกถึงโลหะเย็นๆ ผมเดาว่ามันคงเป็นสร้อยข้อมือหรือนาฬิกา แต่...

กริ๊ก! กริ๊ก!

“นานา ต้าขอโทษ”

ผมไม่เข้าใจว่าเธอขอโทษอะไร ริต้าปล่อยมือผมแล้ว ผมจะชักมือกลับแต่มันติด!? เมื่อลืมตาผมถึงได้รู้ว่าไอ้โลหะเย็นๆนั่นคือกุญแจมือ!!!??

“ริต้า!?” ริต้ายืนน้ำตาไหลอยู่ไม่ห่างจากผม ในมือของเธอถือเชือกเส้นยาวไว้ด้วย

“ต้าขอโทษที่ทำแบบนี้กับนานา แต่ถ้าต้าทำกับพี่คนใช้ในบ้าน พวกเค้าต้องโดนไล่ออกออกแน่” เธอพูดพร้อมเข้ามามัดผมติดกับเก้าอี้

นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย!!??

“ริต้า...ริต้าจะทำอะไร”

“ต้าจะหนี” บอกพร้อมกับมัดปมเชือกให้แน่น “ปกติคุณแม่จะเฝ้าต้าทั้งวัน แต่วันนี้ไม่แล้ว...”

“ริต้า...”

“ฝากจดหมายนี้ให้คุณแม่ด้วยนะ” เธอวางจดหมายไว้บนตักของผม

“ริต้า เดี๋ยว...อื้อๆๆๆๆ”

ไม่ๆๆ ทำไมริต้าต้องเอาผ้ามาปิดปากผม?

“อื้อๆๆๆๆ อื้ออออ” ผมพยายามเบี่ยงตัวหลบผ้าที่จะมาปิดตา แต่เพราะโดนมัดอยู่เลยทำอะไรไม่ได้มาก

สุดท้ายโลกของผมก็มีแต่ความมืด...

“นานาเป็นเพื่อนรักของต้า ต้าขอบคุณแล้วก็ขอโทษสำหรับเรื่องในวันนี้จริงๆ”

เธอทิ้งไว้เพียงคำพูดแค่นั้น ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ

อ่า

ใครก็ได้มาช่วยนานาที!!!!!





ริต้าหนีไปซะงั้น แถมนานายังโดนมัดอีก
โปรดติดตามตอนต่อไป อุอิ

 :L2:

'สวนส้วม'
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-12-2013 14:53:38 โดย สวนส้ม »

ออฟไลน์ A-J.seiya*

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +306/-8
โอยยยยยยยยยยยยย
คิดว่าตาฝาดอ่ะ ฮือออ พี่ติณห์มาต่อแล้ววววววว
ขอบคุณมากๆเลยนะคะ
ยังรออ่านอยู่นะ
กอดคนแต่งแรงๆ 1 ที
นานาของเจ้!!!!!!!!

สวนส้ม

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 22 พอ

   < Tinn  talks >

   “ติณห์ลูก... วันนี้หล่อจริงๆเลย” คุณน้ารินเอ่ยชม ผมได้แต่ยิ้มให้บาง   ๆ...แบบไม่ค่อยเต็มใจนัก

   วันนี้ผมไม่ได้ไปเรียน เพราะต้องมาเป็นเพื่อนคุณพ่อเตรียมงานหมั้นตั้งแต่เช้า ผมพึ่งแต่งตัวเสร็จเมื่อกี้ ออกมาก็เจอคุณน้ารินยิ้มหวานรออยู่ ผมมองหานานาที่ไม่รู้ว่ามาถึงรึยัง

   “ผมขอตัวไปทางนั้นนะครับ” ผมบอกคุณน้าริน เธอพยักหน้าแล้วหันไปสนกระถางดอกไม้ข้างๆแทน

   ผมเดินไปหาพี่ตุลย์ที่กำลังสนอกสนใจดอกกล้วยไม้หลากสีอยู่ ถึงพี่ผมจะบ้างานขนาดไหน แต่จริงๆแล้วเค้าชอบพวกธรรมชาติมากเลยครับ โดยเฉพาะดอกไม้กับทุ่งหญ้าเขียวๆ (บอกไว้เผื่อสาวแถวนี้อยากได้(?)พี่ตุลย์ครับ ฮ่าๆ)

   “พี่ตุลย์”

   “…” ไม่ตอบ แค่หันมาเลิกคิ้วให้

   “เห็นนานามั้ย”

   “จะไปรู้มั้ยครับ พึ่งมาถึงเหมือนกัน”

   อีกหนึ่งสิ่งที่พวกคุณควรรู้ไว้คือ พี่ชายคนโตของผมคนนี้ มีบุคลิกนิ่งๆก็จริง แต่มันแค่ภายนอกครับ ถ้านับจริงๆแล้ว ความกวนตี... เอ้ย เอากวนเฉยๆก็พอเนอะครับ แฮ่ม... ความกวนกับความเจ้าเล่ห์เต็นท์ก็สู้ไม่ได้หรอกครับ ฉลาดแต่แกมโกง อย่างกับพวกจิ้งจอก

   สรุปแล้ว เป็นผู้ชายที่ไม่น่าเข้าใกล้ด้วยสุดๆเลยครับ

   “ตุลย์!” เสียงพี่นายน์ครับ

   “…หืม”

   “มีอะไรกินมั่ง หิวว่ะ”

   “ถามเจ้าของงานสิ”

   “อะไรวะมึงนี่...มีอะไรกินมั่งวะติณห์” หันมาถามผมเหมือนรู้จักกันมานาน

   “ไม่ทราบเหมือนกันครับ”   

   จริงๆพี่นายน์นี่ ถ้าไม่นับเรื่องจะมอมนานาตอนนั้น ผมว่าก็เป็นคนดีคนนึงครับ เพียงแต่...ที่คบกับพี่ตุลย์ได้ก็เพราะคงมีนิสัยบางอย่างที่เหมือนกัน แล้วไอ้สายตาแพรวพราวตลอดเวลาแบบนั้นก็คงไม่พ้นความเจ้าเล่ห์พอๆกัน

   “แล้วน้องนานามารึยังล่ะ?” ผมหันไปหาคนถาม

   “พี่นายน์จะรู้ไปทำไมครับ?” สายตาไม่น่าไว้ใจจริงๆ

   “ฮ่าๆ พี่ก็แค่อยากรู้ว่าน้องกราฟ...อืม น้องวุ้นมาด้วยรึยังน่ะ”

   “…”

   “ว่าไง?”

   “ยังไม่เห็นเลยครับ”

   “เดี๋ยวก็มาเองนั่นแหละ” พี่ตุลย์บอก ผมกับพี่นายน์พยักหน้ารับพร้อมกัน

   ผมขอตัวออกมาจากสองคนนั้น อยากจะเดินดูรอบๆงาน เจอผู้ใหญ่ที่ผมรู้จักบ้างไม่รู้จักบ้าง แขกเริ่มทยอยมาแล้ว ผมยังไม่เห็นพวกนานาเลย

   “ติณห์”

   “ครับคุณพ่อ”

   “ไปรับแขกกับคุณน้ารินสิ เห็นถามหาอยู่”

   “ครับ”

   ผมกับคุณพ่อเดินไปหน้างานด้วย เห็นเต็นท์กำลังคุยกับคุณน้ารินเรื่องรถโดนปล่อยลมตอนไปธุระ

   “จริงๆเลยนะเต็นท์ น้าแค่ไปจัดการงานไม่ถึงสองชั่วโมง ดันมีมือดีมาปล่อยลมยางรถน้าซะได้ กว่าจะได้กลับบ้านก็ดึกดื่นแล้ว”

   “แค่จังนะครับ วันนั้นคุณน้าคงโชคไม่ดีเท่าไร”

   “นั่นน่ะสิ นี่ถ้าแถวนั้นมีกล้องวงจรปิด น้าคงแจ้งตำรวจให้ติดคุกซะให้เข็ด”

   “ฮ่าๆๆ ช่างเถอะครับ ถือว่าปล่อยนกปล่อยปลา คุณน้าก็คิดมากเรื่องนี้เลยครับ ยังไงก็ผ่านมาแล้ว”

   “จ้ะๆ”

   ไม่รู้จะด่าว่าอะไรครับ คนที่ปล่อยลมรถคุณน้ารินก็เต็นท์นั่นแหละ หน้าตาไม่ได้มีความสำนึกแม้แต่น้อย แถมยังคุยกันถูกคออีก

   พูดไม่ออกเลยครับ...

   “ติณห์มาพอเลยดีเลย มาไหว้เพื่อนน้าสิจ๊ะ พี่ภาสก็มารู้จักกับเพื่อนรินด้วยสิคะ”

   ผมกับคุณพ่อก็ได้แต่ยอมเข้าไปหาคุณน้ารินแต่โดยดี เต็นท์หันมายกนิ้วโป้งให้ผม...

   อยากให้คุณน้ารินเธอเห็นจริงๆ

.
.

.
.

   “เห็นนามั้ยเต็นท์”

   “เมื่อกี้เห็นอยู่กับพวกพี่ตุลย์อะ แล้วทำไมยังไม่ไปเตรียมตัว ใกล้ได้เวลาแล้วไม่ใช่หรอ”

   ผมถอนหายใจ พยักหน้าช้าๆ

   ...เวลาไม่เคยคอยใครจริงๆ

   “ติณห์ คุณพ่อให้มาตาม” เสียงพี่ตุลย์เรียก

   พวกผมสามคนเดินเข้าไปในงานด้วยกัน

   แขกผู้ใหญ่ของฝ่ายผมและริต้านั่งอยู่ มีแขกอีกหลายๆท่านนั่งพูดกันอยู่ แต่ริต้ายังไม่มา ผมเดินไปข้างๆคุณพ่อ

   “พร้อมหรือยังเรา” คุณพ่อถาม ผมไม่ตอบ ยิ้มให้อย่างเดียว

   “รอริต้าสักครู่นะคะ แกคงเขิน ไม่ยอมออกมาจากห้องแต่วตัวแน่ๆ” คุณน้ารินบอกกับคุณพ่อผม แล้วหันไปยิ้มให้แขกคนอื่นๆ

   คุณน้ารินให้คนไปตามริต้า ผมมองแขกรอบๆ เจอกับกราฟกับวุ้นเส้น...แต่ไม่มีนานา?

   นานาไปไหน?

   “คุณรินคะๆ!! แย่แล้วค่ะ!!!” สาวใช้ที่คุณน้ารินให้ไปตามริต้าเมื่อครู่วิ่งกระหืดกระหอบกลับมา คนในงานมอวเป็นตาเดียว

   “อะไรกันนงค์! เสียงดังทำไม แขกตกใจหมด...ขอโทษนะคะทุกท่าน” ดุเสร็จยังไม่วายหันไปขอโทษคนในงาน

   “แย่แล้วค่ะคุณผู้หญิง คุณหนูริต้า คุณหนู...”

   “อะไรล่ะ พูดมาสิ ริต้าทำไม!?”

   “คุณหนูหายไปแล้วค่ะ เหลือแต่เด็กผู้ชายเพื่อรคุณหนูถูกมัดอยู่ในห้องค่ะ!”
   
   “ว่าไงนะ!/ไอ้นา!?” สามเสียงโพล่งขึ้นพร้อมกัน เสียงแรกเป็นของคุณน้ารินกับคุณพ่อของเธอ อีกเสียงเป็นของกราฟ...

   ผมพุ่งไปหากราฟทันที

   “นานาไปไหนกราฟ วุ้น”

   “มันหายไปเพราะริต้าให้คนมาตามอะพี่ ตอนนี้ยังไม่กลับมาเลย ผมว่า...”

   อย่าบอกนะว่าคนที่โดนมัดอยู่นั่นนานา!?

   “ติณห์ ตุลย์ เต็นท์ ไปดูที่ห้องแต่งตัวก่อน! พ่อจะตามรถพยาบาลเอง!”

   เกิดเหตุชุลมุนในชั่ววินาที ผมเห็นจากหางตาว่าคุณน้ารินทรุดไปแล้ว ผม กราฟ วุ้นเว้น เต็นท์ พี่ตุลย์และพี่นายน์วิ่งไปห้องแต่วตัวพร้อมกัน

   ปัง!

   “นานา!!”

   “อื้อออออืออออ อื้ออๆๆๆๆๆ”

   ผมวิ่งไปหานานาที่ถูกมัดไว้กับเก้าอี้ ทั้งปากทั้งตาก็ถูกปิดไว้หมด

   “ฮ้าา อึก” ผมแก้ผ้าปิดปากและผ้าปิดตาออก นาหอบหายใจอย่างหนัก หน้าแดงมาก

   ถึงจะผิดสถานการณืไปหน่อย แต่นาตอนนี้น่ารักชะมัด...

   ฟอด!

   “เฮ้ย! ทำบ้าไรเนี่ย!!”

   “ก็อยากน่ารักทำไมล่ะครับ”

   ป้าบ!

   “โอ๊ย!”

   “หื่นเลือกเวลาหน่อยไอ้น้องเวร” เต็นท์เดินเข้ามาตบหัวผมจนมันสะบัดไปอีกทาง

   โหดไปนะครับบางที...

   “ฝากตบอีกทีดิพี่เต็นท์”

   “ได้ครับน้องสะใภ้”

   ป้าบ!

   “พอ!” สองทีก็มึนแล้วครับ มือคนหรือว่าอะไร ทำไมมันหนักแบบนี้วะ!

   “ติณห์ แก้มัดให้นาก่อน”

   ผมทำตามที่นาบอก (มัดแน่นอยู่เหมือนกันครับ แก้ยากพอตัวเลย) นานาลูบตามแขนที่โดนมัด ผมเลยถอดสูทตัวนอกของนาออก ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตตรงข้อมือออก ก่อนจะค่อยถกแขนเสื้อขึ้นเบาๆ แขนขาวตอนนี้มีแต่รอยเชือกแดงๆ บางจุดเริ่มเขียวช้ำ ผมลูบรอยพวกนั้นเบาๆ

   “เจ็บมากมั้ยครับ คนดี”

   นานายิ้ม ส่ายหน้า ผมกุมมือทั้งข้างของนานา แล้วยกขึ้นมาจูบ

   “อะแฮ่ม! พี่ขัดเวลาหวานหน่อยนะ น้องริต้าไปไหนครับน้องนานา” คำถามจากพี่นายน์ทำให้นาตาโต แล้วมองซ้ายมองขวา เหมือนหาอะไรซักอย่าง

   “อันนี้รึเปล่านานา” พี่ตุลย์เดินไปเก็บซองจดหมายที่ตกอยู่ไม่ห่างจากเก้าอี้นัก

   “ครับๆ อันนี้ริต้าฝากนาไว้...”

   ปัง!

   “ริต้า!!”

   คุณน้ารินเปิดประตูเข้ามาอย่างแรง หน้าสวยยังคงซีด ไร้สีเลือดฝาดและยังมีคราบน้ำตาจางๆอยู่

   “รินไปโรงพยาบาลก่อนเถอะ เดี๋ยวคุณจะแย่เอานะ!”

   “ไม่!! รินไม่ไป... ฮึก ไหน ทั้งนั้น ฮือ ลูกหายไปทั้งคน คุณจะให้รินมัวห่วง อึก ฮึก ตัวเองหรอคะ!?”

   “ถ้ารินยังเป็นอย่างนี้ จะเอาแรงที่ไหนไปตามหาริต้าล่ะ ไปหาหมอก่อนนะ”

   “ฮือๆ ทำไมเป็นแบบนี้ ฮึก ทำไมลูกทำกับเราแบบนี้คะ ฮืออ”

   ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ นานาสะกิดผม บอกให้ผมพาไปหาคุณน้าริน

   “คุณน้าครับ” เธอเงยหน้าขึ้นมาตามเสียงเรียก ผมยังประคองนานาไม่ห่าง

   “ริต้าฝากจดหมายนี้ไว้ ก่อนจะไปครับ บอกให้ผมเอาให้คุณน้าด้วย”

   คุณน้ารินรับจดหมายด้วยมืออันสั่นเทา เธอเปิดจดหมายนั้นอ่านช้าๆ ดวงตากลมเหมือนริต้าสั่นระริก มีเสียงสะอื้นตามมาไม่ขาด

   “ริต้าลูก... แม่ขอโทษ”

.
.

.
.

   งานหมั้นถูกยกเลิกไปแล้ว คุณพ่อกับพี่ตุลย์เป็นคนจัดการเรื่องทั้งหมด คุณน้ารินรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลมาเกือบอาทิตย์แล้ว อีกสองสามวันหมอคงให้กลับบ้านได้ ผมพานานาไปเยี่ยมท่านทุกวัน และบอกเรื่องของเราให้ผู้ใหญ่ท่านทราบ คุณน้ารินดูตกใจนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร แถมยังจะเอ็นดูนานาด้วยซ้ำ

   ครอบครัวริต้าจ้างนักสืบแล้ว แต่ยังไม่ได้เรื่องอะไร ไม่มีใครเห็นเนื้อหาในจดหมายที่ริต้าเขียน แต่คุณน้ารินเก็บมันไว้กับตัวตลอด เธอบอกว่าจะเก็บไว้เตือนใจตัวเอง...

   “วันนี้มารับแม่กลับบ้านด้วยหรอนานา ดีใจจัง”

   “ครับ”

คุณน้ารินคว้านาเข้าไปกอด เลยกลายเป็นว่านานาเป็นลูกคนที่สองของคุณน้ารินไปซะแล้ว

“มาปอกผลไม้มาให้แม่กินอีกนะลูก แม่จะได้มีเพื่อนคุย”

“ครับคุณแม่”

“ริต้า...ติดต่อมาบ้างมั้ย...” นานาหน้าหมองลง

“ยังเลยครับ แต่คุณแม่ไม่ต้องห่วงนะครับ ริต้าต้องติดต่อกลับมาหานาแน่”

“จ้ะ”

เห็นแบบนี้ผมก็สบายใจ คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกแล้ว

ฟ้าหลังฝน ย่อมสดใสเสมอครับ




ตอนหน้าจบแล้วค่ะ ขอบคุณที่ติดตาม
 :pig4:

สวนส้ม

  • บุคคลทั่วไป
บทสุดท้าย

คุณน้ารินออกจากโรงพยาบาลแล้ว แต่สีหน้าของเธอยังคงเป็นทุกข์ ผมได้แต่หวังว่าริต้าจะติดต่อกลับมาเร็วๆ

ผมพยายามให้กำลังใจคุณน้าริน ไม่ให้เธอคิดไปว่าที่ริต้าหนีไปเป็นความผิดของตัวเอง เพราะผมก็เข้าใจความรู้สึกของคนเป็นแม่ว่าอยากให้ลูกมีความสุขกับสิ่งที่ดีที่สุด แม้ท่านจะลืมไปว่าสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับท่าน อาจไม่ดีที่สุดสำหรับเรา

...แต่ยังไงซะมันก็คือความรักและความหวังดี จากคนที่รักเรามากที่สุดในโลก

“คิดอะไรอยู่ครับ หืม” ผมหลุดจากภวังค์กลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง

ติณห์ละสายตาจากโน้ตบุ๊คขึ้นมาถามผมที่เหมือนจิตใจจะล่องลอยไปที่แสนไกล

“กำลังคิดถึงใครบางคน” ผมตอบ ยิ้มทะเล้น

“คิดถึงผมหรือเปล่า” ติณห์เลื่อนตัวมากอด แล้วก็ขโมยหอมแก้มผมไปฟอดใหญ่ด้วยอะ

“อยู่ใกล้กันขนาดนี้จะคิดถึงทำไม”

“แล้วคิดถึงใครล่ะ” คิ้มเข้มขมวดมุ่น ผมไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่าติณห์จะขี้หึงแบบนี้ (เขิน)

“ใครดีน้า” ผมทำท่าคิด แต่คงคิดนานไปหน่อย ติณห์เลยดันผมลงกับโซฟาที่นั่งอยู่แล้วตามมาคร่อมทับอย่างรวดเร็ว

“คิดถึงใครหืม ผมเสียใจจริงๆนะ ถ้านานาคิดถึงคนอื่นถ้าไม่ใช่ผม” พูดชิดริมฝีปาก ก่อนมันจะกดลงมาแผ่วเบา

ผมหลับตา ปล่อยให้ติณห์ดูดดุนอย่างเอาแต่ใจ

แกร๊ก

“ว้าย!”

เสียงร้องบาดหูทำเอาผมผลักติณห์ออกอย่างรวดเร็ว และความจริงที่อยู่หน้าประตูทำเอาผมอยากมุดดินหนี คุณพ่อของติณห์ พี่เต็นท์ พี่ตุลย์ คุณน้ารินกับสามีของเธอ...

อ๊าก มากันครบเลยนี่หว่า!

“คือ คือ...ผม เอ่อ...”

ผมลืมไปได้ยังไงว่าอยู่ที่ห้องนั่งเล่นบ้านติณห์ที่ใครจะเปิดมาเมื่อไรก็ได้น่ะ!

“โอย...” เสียงโอดโอยจากวัตถุขนาดใหญ่ข้างโซฟา ให้ตายสิ ผมอยากจะถีบเจ้าของเสียงซ้ำ ไอ้บ้า! ทำอะไรไม่ดูสถานที่ แบบนี้นานาเสียหายนะครับ

“แหม นานาไม่เห็นเขินรุนแรงแบบนั้นเลยน้า พวกพี่ก็เข้าใจว่าเป็นแฟนกันก็ต้องอะจึ๋ยๆ” ไม่ต้องมองหน้าก็รู้ได้เลยว่าเสียงนี้เป็นของพี่เต็นท์ชัวร์ แล้วไอ้อะจึ๋ยๆนี่มันอะไรฟะ ฮึ่ย (เขิน)

“แม่ก็ขอโทษนะจ๊ะที่มาขัดจังหวะ แหม...” หน้าคุณน้ายังแดงเรื่ออยู่เลย อ๊าก ฆ่าผมที

“คือ... แล้วมีอะไรรึเปล่าครับ มากันพร้อมหน้าเลย” เอาวะ กูเปลี่ยนเรื่องด้านๆแบบนี้แหละ ทุกคนช่วยลืมเรื่องเมื่อกี้ไปทีนะครับ พลีสส

“เอ้อ เกือบลืมไปเลย ว่าจะชวนไปกินข้าวข้างนอกน่ะ ตุลย์บอกเบื่อๆเลยจะออกไปเปลี่ยนบรรยากาศ” คุณพ่อติณห์เป็นคนอธิบาย มันช่างพอดีกับอาการท้องร้องของผมซะเหลือเกิน ผมเลยตกลงไปด้วย

“นานา รอผมด้วยสิ โอย จุกชะมัด” ฮึ่ยย อุตส่าห์ลืมไปแล้วนะว่ามีสิ่งที่มีชีวิตที่ชื่อว่าติณห์อยู่ด้วย มันน่ากระทืบซ้ำมั้ยเนี่ย

“เดินตามมาเองเถอะ ฮึ”

.

.
.

ร้านนี้บรรยากาศดีมาก ตั้งอยู่ริมน้ำ อาหารก็อร่อย ผมว่าคงทำให้หลายคนคลายคิดถึงริต้าลงไปบ้าง

“ติณห์ๆ ยืมไอแพดหน่อย”

ผมว่าจะเอามาเล่นเฟสบุ๊คซักหน่อย ช่วงนี้ไม่ค่อยติดตามข่าวสารบ้านเมืองอะไรเลย ก่อนอื่นบอกไอ้กราฟก่อนว่าผมกินข้าวแล้ว ไม่ต้องรอ ผมเช็คกระดานข้อความไปเพลินๆ แล้วก็มีข้อความใหม่เข้ามา

ตื๊อ ดึง

ข้อความ...

จากริต้า! O_O!!!!

ผมลอบมองหน้าทุกคน แล้วค่อยๆกดเปิด มันเป็นรูปริต้าถ่ายคู่กับแมทธิว ทั้งคู่ดํมีความสุขดี และข้อความอีกข้อความคือ ‘ขอโทษนะเรื่องวันนั้น’ และ ‘คิดถึงทุกคนมากๆ โดยเฉพาะคุณพ่อกับคุณแม่’

ผมตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก ผมควรจะบอกใครก่อนดี ติณห์ดีมั้ย หรือควรบอกทุกคนไปเลยทีเดียว (สับสนในชีวิตหนักมาก)

“ทะ ทุกคน” เมื่อคิดได้ว่าทุกคนก็ล้วนเป็นครอบครัวของริต้า ผมจึงเรียกความสนใจจากอาหารมาเป็นหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกของผมแทน “คือ ริต้า...ริต้าส่งข้อความมา”

เหมือนเวลาถูกสตั๊นไปสองวิ และก็เกิดความโกลาหลขึ้น

“ริต้าหรอ?” > ติณห์

“ส่งอะไรมาๆ >O<” > พี่เต็นท์

“ให้แม่ ให้แม่เถอะ ริต้าลูก ฮือ” > คุณน้าริน

เอ่อ ผมควรทำยังไง

หมับ

แต่ยังไม่ทันได้ประมวลคำเดิม ไอแพดก็ถูกแย่งจากมือโดยพี่ตุลย์ และถูกส่งต่อให้คุณน้ารินทันทื ทั้งโต๊ะเงียบสนิท ทุกสายตามองไอแพดเหมือนริต้าจะกระโดดออกมาจากจอทัช สกรีนได้

...อ้าว ตลกผิดเวลา นานาขอโทษครับ ( . . )

“ริต้า ไม่เป็นไรก็ดีแล้วลูก...” คุณน้ารินยิ้มกว้างที่สุดตั้งแต่ริต้าหายไป

ผมและคนอื่นๆยิ้มตาม ผมรู้สึกว่ากลิ่นไอแห่งความสุขค่อยๆปกคลุมพวกเราอย่างช้าๆ

.
.

.
.

มืดแล้ว ผมยังอยู่ที่บ้านของติณห์ เสียงหัวเราะดังมาจากในบ้าน เรามีงานเลี้ยงเล็กๆ ที่คุณน้ารินเสนอให้จัดเพราะริต้าส่งข่าวมา แต่ผมขอตัวออกมาที่สวนหลังบ้าน มองดาวที่อยู่เต็มฟ้า แปลกนะ ทั้งๆที่ที่นี่คือกรุงเทพ แต่ผมกลับเห็นดาวชัดเจน

วันนี้เป็นที่ดีจริงๆ

ผมนั่งลงกับพื้น ก่อนจะตัดสินล้มตัวนอนหงาย มองดาวกับพระจันทร์

ฟุ่บ

“แอบออกมาไม่บอกกันเลยนะ” ติณห์นั่งลงข้างๆ

ผมเหลือบมอง และกลับมาสนใจท้องฟ้าเหมือนเดิม

“ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าจะมีวันนี้” ผมพูดไปยิ้มไป

ติณห์ล้มตัวนอนบ้าง

“ใช่ ไม่น่าเชื่อเลย ตั้งแต่ที่ผมโกหกพี่เต็นท์ว่าเราเป็นแฟนกัน ฮะฮะ”

นั่นสินะ... คิดๆดูแล้วเรื่องมันไร้สาระสิ้นดี ไอ้พี่เต็นท์นั่นแหละ ดันบ้าจี้เชื่อ

“ติณห์” นอนตะแคงตัวไปหาติณห์

“หืม” ติณห์หันมามองตาผม

“ติณห์จะรักนาไปตลอดมั้ย”

ไม่มีคำตอบ ติณห์รวบผมเข้าไปกอด หูของผมแนบอยู่กับอวัยวะที่เรียกว่า ‘หัวใจ’ ที่มันเต้นแรง

...ไม่ต่างจากของผมตอนนี้

“นารู้มั้ย ตั้งแต่วันที่ผมรู้สึกตัวว่าหัวใจมันเต้นแรงขนาดนี้เพราะใคร.... ไม่มีวันไหนที่ผมรู้สึกว่ามันจะเต้นเป็นจังหวะเหมือนเดิมได้เลย”

“…..”

“หรือถ้ามันจะเต้นช้าลง มันอาจจะหยุดเต้นไปเลยก็ได้นะ ฮะ ฮะ”

“บ้าหรอ พูดอะไรไม่รู้” ผมตอบเขินๆ ให้ตายสิ ติณห์ทำให้ผมเขินได้ทุกวันทุกเวลาจริงๆ นี่เราคงลืมไปแล้วสินะว่าที่นี่คือสวนหลังบ้านน่ะ ไม่ได้โรแมนติกเลย...

เอ๊ะ แต่ก็มีดาวเต็มฟ้านี่นา คงจะเรียกได้ว่าโรแมนติกเหมือนกันล่ะมั้ง

“แล้วนาล่ะ”

“หืม นาทำไมหรอ”

“นาจะรักติณห์ตลอดไปมั้ย นาจะเลิกรักติณห์หรือเปล่า”

ผมส่ายหัวดิก

“นาจะเลิกรักติณห์ได้ไง ในเมื่อหัวใจนาก็เต้นแรงได้ขนาดนี้เพราะติณห์เหมือนกัน”

ฟอด

ติณห์ก้มลงมาหอมแก้มเบาๆ ผมเลยยื่นหน้าไปจุ๊บติณห์บ้าง (เขินตัวเองว้อย)

“ติณห์รักนานะ”

คำบอกรักแสนหวาน สายตาที่อ่อนโยน อ้อมกอดที่อบอุ่น

“นาก็รักติณห์”

…ผมเป็นผู้ชายที่อิจฉาที่สุดในโลกสินะ ถึงมีแฟนน่ารักแบบนี้

END






หลังจากที่เข็นกันมาเป็นปี เรื่องนี้ก็จบได้อย่างแฮปปี้
ขอบคุณคนอ่านทุกท่านที่คอยเป็นแรงผลักดันให้มีวันนี้ได้ (กรี๊ดดด)

มิตรรักแฟนเพลงท่านใดยังไม่เบื่อกัน อาจจะมีเรื่องสั้นออกมาให้อ่าน
แต่คิดว่าจะแต่งให้จบก่อน จะได้ไม่รอกันนานแบบนี้ (แต่ความเร็วการแต่งก็ยังเท่ากับหอยทากเป็นอัมพาต ไม่รู้ติดนิสัยเขียนนิยายวันละนิดมาจากไหน T^T)

แล้วเจอใหม่โอกาสหน้านะคะ

'สวนส้วม'



**เพิ่มเติม สำหรับเรื่อง นายน์และกราฟ นะคะ
สำหรับคู่นี้คงเป็นตอนสั้นๆประมาณ 2-3 ตอน
จะนำมาลงทีเดียวเมื่อแต่งจบนะคะ (เป็นตอนพิเศษ ไม่เกี่ยวกับคู่หลัก)
เนื้อเรื่องก็เรื่อยๆ ส่วนจะแฮปปี้ เอนด์หรือเปล่า.. ก็รอลุ้นกันค่ะ
รักคนอ่านนะคะ บายๆ
 :katai5: (แอบหนี)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-05-2014 21:18:48 โดย สวนส้ม »

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
 :mew1: ขอบคุณที่มาต่อจนจบจ้า

อยากอ่านตอนพิเศษ นายน์กราฟ อ่ะ รู้สึกเหมือนคู่นี้มีซัมติง  :hao7:

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0
ขอบใจจ้าที่มาต่อจนจบ

เราแอบแวบ เข้ามาดูบ่อย ๆ เลยว่าอัพรึยัง

ขอบคุณค่ะ  ^3^

ออฟไลน์ Tennyo_Y

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 739
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
เป็นพระเอกที่น่ารักชะมัด นายเอกก็น่ารักมาก ส่วนนายกราฟ อย่างอ่านมากกกกกกกกกก

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด