Chapter 14 : You left my heart a mess.
แมทธิวจอดรถยุโรปคันหรูของตัวเองที่ใช้มาตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัย ของขวัญจากการสอบเข้าได้ที่เขาคิดมาตลอดว่าแม่ซื้อมันให้ ก่อนจะได้รู้ความจริงเมื่อไม่นานมานี้ว่าแท้จริงแล้วมันมาจากเอดิสัน คุณพ่อชาวต่างชาติที่ตอนนี้ใช้ชีวิตอยู่บ้านเกิดเมืองนอนที่ยุโรปกับคู่ชีวิตเพศเดียวกัน
ขายาวก้าวลงจากรถแล้วเดินควงกุญแจด้วยมือข้างหนึ่ง ในขณะที่มืออีกข้างถือถุงใส่สารพัดของกินที่ตัวเองอุตส่าห์เหยียบรถออกไปซื้อมาจากข้างนอก
ร่างสูงวางข้าวของลงบนโต๊ะกินข้าว แล้วเดินขึ้นบันไดไปยังห้องนอนเพื่อปลุกให้คนที่น่าจะยังหลับอยู่ลุกขึ้นมากินข้าวเย็นด้วยกัน
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
แมทธิวเคาะประตูเบาๆ แค่พอเป็นพิธี แล้วผลักประตูเข้าไปในห้อง ดวงตาคมหรี่ลงแล้วเปลี่ยนเป็นเบิกกว้าง...
...เมื่อพบกับความว่างเปล่าในห้อง
“พี่แมน!?”.
.
.
“พี่แมน!?” ถุงโจ๊กร่วงลงจากมือหนา แมทธิวที่เพิ่งบึ่งรถกลับมาจากซื้อข้าวและยาแทบจะทรุดลงกับพื้นตามถุงใส่โจ๊ก เมื่อเปิดประตูห้องของชายหนุ่มรุ่นพี่เข้ามาเพื่อพบกับความว่างเปล่า
พี่แมนไปไหน!?
แมทธิวตั้งสติ ตรงปรี่ไปกระชากผ้าห่มออกจากเตียง คราบเลือดและน้ำกามบนนั้นยังอยู่ครบถ้วน เสียงหัวใจในอกของหนุ่มลูกครึ่งเต้นระรัวไม่เป็นจังหวะ ความรู้สึกผิดถาโถมเข้ามา
ร่างสูงลนลานวิ่งไปเปิดประตูห้องน้ำ ความว่างเปล่าทำให้ชายหนุ่มกระแทกมันปิดตามเดิม แล้ววิ่งออกจากห้องนอนมาด้านนอก สอดส่องสายตาหาร่างที่ควรนอนซมเพราะพิษไข้อยู่บนเตียงไปทั่ว
‘ฉันจะย้ายออกพรุ่งนี้’ประโยคนั้นดังซ้ำขึ้นมาในหัว แมทธิวล้วงโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกง แล้วกดโทร.หาแมน
ขออย่าให้เป็นอย่างที่คิดเลย....
I’m so sorry but I love you ทา คอจิซมัลอียา มลรัซซอ อีเจยา อารัซซอ~
I’m so sorry but I love you นัลคาโรอุน มัล...~เสียงเรียกเข้าภาษาประหลาดแต่แมทธิวคุ้นเคยมันเป็นอย่างดีทำให้สีหน้าของหนุ่มลูกครึ่งดีขึ้น ร่างสูงเดินตามเสียงไป... มันดังมาจากในห้องนอน แปลว่าแมนอาจจะยังอยู่ในนั้น
โทรศัพท์ของแมนนอนคว่ำหน้าอยู่บนพื้น มือใหญ่ค่อยๆ เอาโทรศัพท์ออกห่างจากหู แล้วกำมันแน่นอย่างไม่รู้ตัว แมทธิวก้มลงหยิบโทรศัพท์ของแมนขึ้นมาดู...
“Fuck!!!”
.
.
.
“ฮัลโหล พี่หมอ...” เสียงของแมนดังมาจากห้องนอน ดึงความสนใจของแมทธิวที่หลงคิดว่าเหตุการณ์กำลังจะซ้ำรอย แมทธิวหันไปมองตามเสียง จังหวะหัวใจที่เต้นรัวค่อยๆ กลับสู่สภาวะปกติ ร่างสูงเดินย่องไปหน้าประตูห้องน้ำ หูตั้งใจฟังบทสนทนาที่เล็ดลอดออกมา
“ผมกลับไปเป็นเหมือนตอนนั้นอีกแล้ว ทำไงดี?”
“...”
“!” แมนผงะไปเล็กน้อยเมื่อเห็นร่างสูงเจ้าของห้องนั่งเอาศอกเท้าเข่าอยู่บนเตียง แมทธิวหันมาหาเขาตามเสียงเปิดประตู ก่อนจะลุกขึ้นตรงมาประชิดตัว
“หยุดอยู่ตรงนั้น” แมนชี้นิ้วไปที่หน้าแมทธิว แล้วทิ่มนิ้วลงกับพื้นตรงจุดที่ห่างกับตัวเองไปเกือบเมตร ร่างสูงทำตามอย่างว่าง่าย แต่ไม่วายส่งสายตาอ้อนวอนมาให้
“พี่แมน ฟังผมอธิบายก่อน...”
“ฉันไม่ต้องการฟังคำแก้ตัว พาฉันกลับเดี๋ยวนี้” แมนขมวดคิ้วไม่พอใจกับบทสนทนาที่คล้ายกับตัวเองเป็นนางเอกในละครหลังข่าว แมทธิวทำปากยู่เล็กน้อย แล้วใช้ทีเผลอสวมกอดแมนซึ่งกำลังยืนมึนอย่างรวดเร็ว
“พี่แมน อย่าเพิ่งกลับเลยนะ” แมทธิวก้มหน้าผากลงแตะกับหน้าผากแมน ริมฝีปากอมยิ้มเมื่อเห็นแววตาตระหนกที่อีกฝ่ายแสดงออกมา “พี่แจงอุตส่าห์ให้ลางานตั้ง 7 วัน”
อ๋อ นี่สมคบคิดกันหมดเลยสินะ...
“พาฉันกลับ... เดี๋ยวนี้!” แมนผลักอกแมทธิว ใบหน้าเรียบเฉยและแววตาเอาเรื่อง
“มันมืดแล้วพี่แมน...”
“พาฉันกลับ...”
“ให้โอกาสผมไม่ได้เลยเหรอพี่แมน?” แมทธิวรวบมือแมนที่ปัดป่ายเขาให้ออกห่าง เมื่อเขาทำท่าจะสวมกอดอีกครั้ง แมนทำหน้าหงิกไม่พอใจเมื่อถูกรวบมือ “ผมขอแค่ 7 วัน...”
“...แล้วยังไง?”
“ถ้า 7 วันนี้พี่ไม่รู้สึกอะไรเลย ผมพร้อมจะทำทุกอย่างที่พี่ต้องการ... ไม่เว้นแม้แต่หายไปจากชีวิตพี่ ตลอดไป”
“...”
“...” ความเงียบโรยตัวเมื่อสองสายตาสบประสานเพื่อลองใจกัน แมนเผยอปากคล้ายจะพูด ในหัวพยายามเรียบเรียงประโยคเพื่อต่อรอง
“ฉันขอถามอีกครั้ง ทำแบบนี้... ต้องการอะไร??”
“...ต้องการหัวใจพี่” แมทธิวยกมือแมนมาวางแนบแก้มตัวเอง ชายหนุ่มรุ่นพี่เก็บอาการคันแก้มยุกยิก แล้วเลิกคิ้ว พลางพูดเสียงเรียบ
“เกือบ 3 ปีเลยนะ ไม่สายไปหน่อยหรือไง?”
“มันอาจจะสายไปสำหรับครั้งนั้น แต่ผมกำลังจะเริ่มใหม่ตอนนี้ไงครับ”
“...”
“ความรู้สึกที่พี่เก็บไว้ทั้งหมดตอนนั้น ช่วยให้มันกับผมพร้อมโอกาสพิสูจน์ตัวเองอีก 7 วันได้ไหมครับ”
“...” แมนกัดริมฝีปากแน่นมาก ก่อนจะกระชากมืออกจากการเกาะกุม แล้วสะบัดหน้าหนี “ฉันไม่ให้!!!”
“ทำไม?...” น้ำเสียงของแมทธิวหล่นวูบ แมนหันกลับมามองหางตาตกๆ ของอีกฝ่ายด้วยอาการยุกยิกหัวใจ
.
.
.
“.....เพราะฉันรู้ว่าถ้าเป็นนาย แค่วันเดียวก็หวั่นไหวแล้วไงโว้ย ไม่เอาหรอก อยู่ด้วยกันตั้ง 7 วัน เขินตายห่าพอดี” แมนทรุดลงนั่งยองๆ แล้วยกมือปิดหน้า เสียงหัวเราะร่วนของแมทธิวที่ดังเข้ามาในโสตประสาทยิ่งทวีความร้อนบนใบหน้าแมนขึ้นไปอีก
สาบานว่าผ่านมาทั้งชีวิตไม่เคยจินตนาการถึงจุดนี้มาก่อน พี่แมนทำตัวไม่ถูกจริงๆ
“ฮ่าๆๆ คนเก่งของผม ไปกินข้าวกันนะ”
“คือจำเป็นต้องจูงมือ?...” แมนก้มมองมือตัวเองแล้วเงยหน้ามองท้ายทอยของร่างที่เดินนำเขาลงบันไดไปที่โต๊ะกินข้าว
“จำเป็นครับ เผื่อพี่หนีผมไปอีก” ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่ก็ปล่อยมือเขา แล้วเดินหายเข้าไปในครัว แมนมองตามแมทธิวเงียบๆ แล้วเบ้หน้า
ทำมาเป็นพูด... ใครกันแน่ที่หนี
“หาเชือกมาผูกติดกันไว้เลยไหมล่ะ?” แมนบ่นพึมพำคนเดียว แต่คนที่เพิ่งขนถ้วยชามออกจากครัวมาได้ยินชัดแจ๋ว
“เป็นความคิดที่ดีนะครับ”
“พี่แมนกินอะไรดี?” แมทธิวหยิบถุงใส่อาหารออกมาวางเรียงตรงหน้า “มีโจ๊กหมู กับไก่ ผมไม่แน่ใจว่าพี่ชอบกินอะไรเลยซื้อมาทั้งสองอย่าง”
“อือ...” แมนหลุบตามองเมนูที่แมทธิวว่า ก่อนจะเหลือบมองถุงพลาสติกที่อยู่ตรงหน้าแมทธิว
“ฉันอยากกินเกี๊ยวกุ้งตรงหน้านายอะ ได้ไหม?”
“เอ่อ... ครับ” แมทธิวมองถุงข้างชามเปล่าของตัวเอง “ได้สิครับ”
“หึ ล้อเล่น ฉันไม่แย่งของโปรดนายหรอก” แมทธิวมองรอยยิ้มมุมปากของแมน หัวใจชุ่มชื้นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
“พี่จำได้ด้วยว่าผมชอบกินอะไร... ดีใจจัง”
วืด... แมนได้ยินเสียงอย่างนั้นจริงๆ ในหัว ก่อนที่เขาจะแกล้งกระแอมเบาๆ แล้วเป็นเทโจ๊กใส่ถ้วยกลบเกลื่อน
“นานไหมครับ?”
“...ฮึ่ม อะแฮ่ม หืม?” ...นานอะไร? แมนเลิกคิ้วถาม พลางเอาช้อนคนๆ เขี่ยๆ โจ๊ก
“ก็พี่ชอบผมอยู่นานไหมครับ กว่าเราจะรู้จักกัน” แมทธิวเท้าคางจ้องแก้มที่เริ่มขึ้นสีของแมนยิ้มๆ
“...” แมนเม้มปากแน่น
นานไหม... ก็ตั้งแต่แมทธิวยังเป็นเด็กมัธยมกางเกงน้ำเงินเดินร่อนไปร่อนมาให้โดนถ่ายรูปลงเพจเฟซบุ๊กนับครั้งไม่ถ้วนน่ะ
‘นั่งเลยครับพี่’ภาพความประทับใจแรกที่แมนเจอแมทธิวตัวเป็นๆ สละที่นั่งให้บนรถไฟฟ้าอย่างบังเอิญยังตราตรึงใจมาจนวันนี้ ทุกๆ อีเวนท์ที่แมทธิวทำ แมนตามเก็บไม่มีตกหล่นนับจากวันนั้น และมันช่างเป็นความสุขล้นเหลือที่แมทธิวเปลือยท่อนบนมาเคาะประตูห้องขอบ็อกเซอร์ที่ปลิวมาตกห้องเขาวันนู้น
ทุกเหตุการณ์ชัดเจนในความทรงจำของแมน ยิ่งกว่าบทเรียนที่เคยเรียนบทไหนๆ
“เอ้า พี่แมนหน้าแดงใหญ่แล้ว คิดอะไรอยู่ครับ?”
“มะ... ไม่ ไม่นี่ โจ๊กมันร้อนเฉยๆ” แมนปฏิเสธลิ้นแทบพันกัน แมทธิวยิ้มขำ
“งั้นเปลี่ยนคำถามเป็น... ทำไมพี่ถึงชอบผมเหรอครับ?”
“...” เออ... นั่นสิ มันก็มีหลายปัจจัย ให้แยกย่อยบรรยายเป็นหัวข้ออาจจะต้องขอเวลาสัก 3 วันในการเรียบเรียงและนำเสนอ
เอาเป็นสรุปสั้นๆ ว่ามันเริ่มจากคลั่งไคล้ และกลายเป็นหลงรักเมื่อได้ใช้เวลาร่วมกันพอไหม?
“เพราะนายหล่อและน่ากินมาก” แมนพูดเบาๆ จงใจกวนประสาท แต่ด้วยระยะห่างแค่นี้ มีเหรอแมทธิวจะไม่ได้ยิน
“.......แล้วผมอร่อยจริงๆ ไหมครับ”
“แค่ก... แค่กๆ ฮึ่ม แค่ก” แมนคว้าน้ำมากระดกแก้อาการสำลักโจ๊ก สายตาอาฆาตถูกส่งไปให้คนตรงหน้า
“ฮ่าๆๆ”
“ตาฉันบ้าง นายบอกว่าจะจีบฉัน นายชอบฉันจริงๆ หรือเพราะอะไร!?”
“วนมาเรื่องนี้อีกและ... ถ้าไม่ชอบจะจีบไหมครับ”
แปร๊ด! แมนหน้าแดงก่ำ ไม่รู้ว่าเพราะสำลักหรือเพราะเขิน
“คนอย่างนายจะมาชอบอะไรฉัน”
“ก็ชอบเพราะแบบนี้ไงครับ” แมทธิวยืนนิ้วไปจิ้มแก้มแดงๆ ของแมน เขาชอบตอนเห็นหน้านิ่งๆ ของแมนแสดงสีหน้าที่หลากหลายและแสดงปฏิกิริยาแบบเกินจะคาดเดา มันดึงดูดชวนให้อยากมองไม่รู้เบื่อ “เหคุผลมากกว่านี้ พี่ต้องเปิดโอกาสให้ผมเข้าไปอยู่ในโลกของพี่นะ แล้วจะบอกให้ฟังจนเบื่อเลยว่าทำไมต้องเป็นพี่”
“ถึงวันนั้นนายจะไม่พูดแบบนี้”
“พูดแบบนี้แสดงว่าให้โอกาสผม?”
“เอ๊า ถ้าไม่ให้โอกาสจะนั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้ไหม? อุ๊บ!” แมนยกมือขึ้นปิดปาก แล้วหลับตาปี๋ด้วยความเจ็บใจ ทำไมเดี๋ยวนี้เขากลายเป็นคนพูดอย่างที่คิดไปซะทุกอย่างเลยเนี่ย...
แต่ก็ใช่ ถ้าไม่ให้โอกาสป่านนี้เขาโทร.เรียกใครมารับกลับไปแล้ว
“ฮ่าๆๆ ขอบคุณครับพี่แมน ขอบคุณจริงๆ”
“...” แมนเม้มปากแน่น และเบนหน้าหนี แมทธิวยื่นมือไปหยิกแก้มหนุ่มรุ่นพี่เบาๆ แต่เจ้าตัวเกร็งคอหลบจนคอย่นเป็นชั้น
“กินข้าวเถอะพี่แมน กินให้หมดด้วย พี่ผอมลงไปเยอะเลยนะ รู้ตัวเปล่า”
ผอมบ้าอะไร เหนียงออกไม่เห็นเหรอ... แมนบ่นในใจแต่ก็ยิ้มหวานประชดใส่แมทธิว
ความเงียบโรยตัว แมนนั่งกินโจ๊กพลางเหลือบมองร่างสูงที่กดๆ จิ้มๆ โทรศัพท์อย่างคลางแคลงใจ
นี่ไม่ใช่ฝันซ้อนฝันซ้อนๆๆ ฝันใช่ไหม?
เพราะถ้าใช่มันคงเป็นฝันดีที่เขาจะไม่ขอตื่นขึ้นมาอีกเลยล่ะ
.
.
.
“อุ๊บ! ฮ่าๆๆ” แมทธิวงอตัวขำเมื่อเห็นแมนใส่เสื้อยืดของตัวเองเดินมาหยุดตรงหน้า ร่างสูงบนโซฟาไล่สายตามองแมนที่ดูผอมลงไปอีกเมื่ออยู่ในเสื้อยืดตัวใหญ่ของเขา
ไหล่เสื้อตกมาอยู่ตรงต้นแขน กับความยาวเกินพอดีจนแทบเป็นเดรส กางเกงบอลตัวโคร่งยาวเลยเข่าลงมานิดหน่อย ภาพรวมของชายหนุ่มรุ่นพี่ตอนนี้เหมือนพวกศิลปินฮิปฮอป
“ขำอะไร เอารหัสไวไฟมา”
“เดี๋ยวผมกดให้ มันยาวครับ” แมนยื่นโทรศัพท์ให้แมทธิวแต่โดยดี ก่อนจะยกแขนยืนกอดอกมองแพขนตาสีอ่อนของรุ่นน้องที่ก้มหน้าจิ้มแป้นพิมพ์ “พี่แมน ให้ผมกลับไปเอาเสื้อผ้าให้ไหมครับ?”
“หืม ก็ดีนะ พาฉันกลับไปส่งด้วย”
“ไม่เอาแบบนั้นสิครับ”
“งั้นก็ไม่ต้อง อ้อ... มีสายชาร์จไหม?” แมนรับโทรศัพท์จากแมทธิว หนุ่มลูกครึ่งพยักหน้า
“มีครับ อยู่ในห้องนั่นแหละ ลองหาดูนะ” ใบหน้าคมประดับรอยยิ้มไม่พอ แววตายังยิ้มอย่างมีความหมาย
“ยิ้มอะไร?” แมนเอาโทรศัพท์ชี้หน้าแมทธิว ร่างสูงกลั้นยิ้ม ก่อนจะพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา
“ก็อันเดอร์แวร์ พี่แมนจะใส่ของผมเหรอครับ?”
“...” มันปรี๊ด... แมนเข่นเคี้ยวฟัน ใบหน้าเห่อร้อนเพราะความเขิน “ไม่รู้!”
เขาก็แค่ไม่อยากให้แมทธิวรู้รหัสเข้าห้อง ไม่ได้จะเนียนใส่เสื้อผ้าร่างสูงนั่นเลยสักนิด
ไม่มี ไม่เล้ย... เชื่อแมนสิ!
.
.
.
“เฮือก!” เสียงหอบหายใจดังมาจากร่างที่นอนหลับอยู่ข้างๆ แมทธิวละสายตาจากแท็บเล็ตในมือก็เห็นแมนลืมตาโพลงท่ามกลางแสงไฟสลัว หนุ่มรุ่นพี่หอบหายใจเบาๆ ก่อนจะเบะปากคล้ายจะร้องไห้ออกมา
“พี่แมน?” แมทธิววางแท็บเล็ตลงข้างตัว ก่อนจะขยับไปประคองให้แมนลุกขึ้นนั่ง แมนทำสีกน้าสงสัย ก่อนจะเปลี่ยนเป็นคลายกังวลในเวลาไล่เลี่ยกัน
“แมทธิว...” ชายหนุ่มรุ่นพี่จ้องหน้า และเรียกชื่อเขาเสียงเบา แมทธิวระบายยิ้มให้คนตรงหน้า ก่อนจะยื่นมือไปประคองใบหน้าเรียว
“ว่าไงครับ?” แมนมองตามมือที่ไล้กรอบหน้าตัวเองเบาๆ แล้วช้อนตาขึ้นสบกับนัยน์ตาสีประหลาดของแมทธิว “ฝันไม่ดีเหรอ?”
“...อือ” แมนเบือนหน้าหนีสัมผัสนั้น ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนตามเดิม ร่างโปร่งพลิกตัวนอนตะแคงหันหลังให้แมทธิว มือเรียวข้างหนึ่งแอบยกขึ้นจับหน้าอกข้างซ้ายของตัวเองที่เต้นตุบๆ จนปวดหนึบ
ไม่รู้ว่ามันเต้นรัวขนาดนี้เพราะฝันร้าย หรือเพราะการกระทำของร่างสูงเมื่อกี้กันแน่
“ฝันเกี่ยวกับผมด้วยใช่ไหม” แมนถูกบังคับให้พลิกตัวมาเจอกับใบหน้าแมทธิวในระยะประชิด เขากัดริมฝีปากแน่น
อัลบั้มภาพความทรงจำถูกเปิดขึ้นทุกครั้งที่เราสบตากัน...
“พี่แมน มีอะไรอยากให้ผมทำไหม?” อย่า... อย่าเอาใบหน้าลูกครึ่งๆ มาใกล้ แล้วทำน้ำเสียงกระเง้ากระงอดใส่กันแบบนี้ “อดีตผมคงกลับไปแก้ไขไม่ได้ แต่ผมจะทำปัจจุบันให้ดีที่สุด..”
แมนยกนิ้วขึ้นแตะริมฝีปากของร่างสูง และส่ายหน้าเป็นเชิงให้หยุดพูด
“...แค่ทำให้ฉันแน่ใจว่าทั้งหมดนี้คือความจริงก็พอ” นัยน์ตาสีเข้มของแมนจ้องลึกไปในนัยน์ตาสีอ่อนของแมทธิว ริมฝีปากบางยิ้ม มือใหญ่ยกมือที่ทาบอยู่บนริมฝีปากตัวเองมาสอดประสานนิ้วมือแน่น ก่อนที่แมทธิวจะขยับร่างตัวเองเข้าสวมกอดแมนไว้หลวมๆ
“งั้นผมกอดพี่ไว้อย่างนี้ดีไหม ตื่นมาพี่จำได้รู้ว่าผมไม่ได้หนีไปไหน และทุกอย่างก็ไม่ใช่ความฝัน”
“...” เอ๊ะ... กล้ามเนื้อปากแมนเป็นอะไรมากไหม ทำไมมันควบคุมไม่ค่อยจะอยู่ แล้วยิ่งสบตากับร่างสูงในความมืดยิ่งเกินจะกลั้นยิ้ม สุดท้ายชายหนุ่มจึงตัดสินใจฝังหน้าลงกับแผ่นอกกว้าง ปากก็บ่นพึมพำอู้อี้ “ขี้โม้จริงๆ”
“ฮ่าๆ ฝันดีครับ” แมทธิวกดริมฝีปากลงบนกลุ่มผมของร่างในอ้อมกอด ก่อนจะร้องโอดโอยเพราะโดนแมนหยิกเข้าที่เอว “โอ๊ยๆ... หยิกผมทำไม?”
“ทีหลังก็อย่าทำแบบนี้สิ มันเขินโว้ย!!!”
ขอบคุณนะคะ