อู่ซ่อมรัก. 18
ถึงวันนี้ไม่มีความจำเป็นที่จะหาคำอธิบายเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างกันอีกแล้ว ทั้งความห่วงใยและการแสดงออกระหว่างกันก็ทำให้รับรู้และเข้าใจได้ไม่ยากว่าเราเป็นอะไรกัน
“ช่วงนี้ผมยุ่งมากเลย มีปัญหาเรื่องงานหลายอย่างที่ต้องสะสาง”
คุณทัศนัยดูเหนื่อยมากจริง ๆ และมิ่งก็ไม่อยากให้ต้องลำบากด้วยการไปรับเงินทุกสิ้นเดือนที่อู่ เลยเอาเงินมาให้ด้วยตัวเอง
“ผมมารบกวนหรือเปล่าครับ”
คุณทัศนัยส่ายหน้าและมองหน้าของมิ่งยิ้ม ๆ
“มิ่งมาก็ดีแล้ว คิดถึงจัง”
แล้วคำพูดหวาน ๆ ที่คุณทัศนัยบอกก็ทำให้มิ่งต้องเมินหน้าหนีและไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี คุณทัศนัยเป็นแบบนี้ ชอบพูดให้รู้สึกดี และก็ชอบทำดีด้วยทุกอย่าง ถึงแม้จะเหนื่อยล้าจากการทำงาน แต่ทุกเช้าก็ยังส่งข้อความมาทักทายเป็นประจำสม่ำเสมอ
“หนูพิมพาเป็นยังไงบ้าง ถามถึงลุงทัศบ้างหรือเปล่า”
ชวนคุยเรื่องลูกสาวและมิ่งก็ยิ้มได้และเริ่มเล่าเรื่องลูกให้ฟัง
“สอบได้ที่หนึ่งครับ”
“เก่งมากหนูพิมพาของลุงทัศ”
ชมหนูพิมพาด้วยความภาคภูมิใจเมื่อได้รู้ถึงความสำเร็จก้าวแรกของเด็กหญิงตัวน้อยที่คุณทัศนัยรู้สึกเหมือนเป็นลูกของตัวเอง
“เดี๋ยวผมเคลียร์งานเสร็จแล้ว ต้นเดือนหน้าเราไปหาลูกกันนะ”
ไม่ได้เรียกว่าหนูพิมพา แต่เรียกว่าลูกอย่างเต็มปากเต็มคำและมิ่งก็พยักหน้ารับ
“มิ่ง”
“ครับ”
“โทษนะ”
คุณทัศนัยถือวิสาสะดึงมือมิ่งมาจับเอาไว้ และมิ่งก็มองตามสิ่งที่คุณทัศนัยทำด้วยความสงสัย กรรไกรตัดเล็บถูกหยิบมาจากลิ้นชักและคุณทัศนัยก็ตัดเล็บมือของมิ่งทีละเล็บอย่างตั้งใจ มือของคนเป็นช่างทั้งแห้งทั้งหยาบกร้าน และบางครั้งเนื้อตัวก็มอมแมมเพราะอยู่กับเครื่องยนต์ทุกวันมีแต่กลิ่นน้ำมันเครื่อง ไม่มีตรงไหนน่ามองน่าเข้าใกล้เลยสักนิด
“คุณทัศไม่รังเกียจเหรอครับ”
มองคนที่กำลังตัดเล็บให้และรู้สึกว่าเสียงของตัวเองที่เอ่ยถามคงเบามาก ไม่รู้ว่าทำไมคุณทัศนัยถึงดีด้วยขนาดนี้ ไม่รู้จริง ๆ ว่าทำไมตัวเองถึงโชคดีได้รับความรักมากมายขนาดนี้
“ทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะ”
คุณทัศนัยเงยหน้าขึ้นมองและส่งยิ้มบาง ๆ ให้
“คนเราดูกันแค่ร่างกายภายนอกหรือแค่เสื้อผ้าหน้าผมอย่างเดียวเหรอ”
“เปล่าครับ”
มิ่งส่ายหน้าและมองเล็บมือของตัวเองที่ถูกตัดให้จนสะอาดเรียบร้อยแล้ว
“นั่นแหละ ผมก็ไม่ใช่คนที่จะคบหากับใครเพียงเพราะรูปร่างหน้าตาและสิ่งที่เห็นจากภายนอกเหมือนกัน”
+++
เป็นเรื่องปกติที่คุณทัศนัยจะทำงานยุ่งมากจนไม่มีเวลากินข้าว และเป็นเรื่องปกติที่มิ่งจะมาหาคุณทัศนัยด้วยตัวเองอยู่บ่อย ๆ เพื่อดูแลตอบแทนในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่พอทำได้
“มีแกงแล้วก็กับข้าวอย่างอื่นครับ”
“ผมเลยทำให้มิ่งต้องเดือดร้อนไปด้วยเลย”
ดึกแล้วและคุณทัศนัยที่อาบน้ำเสร็จเรียบร้อยและอยู่ในชุดลำลองก็เดินมากินข้าวที่มิ่งซื้อมาให้
“จะสี่ทุ่มแล้วคุณทัศเพิ่งได้กินข้าว แบบนี้ไม่ดีนะครับ”
“ผมก็รู้ว่าไม่ดี ตอนแรกก็ว่าจะฝากลูกน้องซื้อแต่ก็ทำงานเพลินจนลืม”
มิ่งยืนอยู่ที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามและคุณทัศนัยก็มองหน้ามิ่งและยิ้มบาง ๆ
“แผนเรียกร้องความสนใจให้มิ่งมาหา ดูเหมือนจะสำเร็จไปได้ด้วยดีเลยนะ”
“แผนแบบนี้ไม่ดีหรอกครับ คราวหน้าคุณทัศไม่ต้องวางแผนนะครับ แค่บอกผมก็มาแล้ว”
“มิ่งจะมาหาเพราะคิดถึงผมใช่มั้ย”
แกล้งพูดจาหยอกล้อใส่ คุณทัศนัยรู้สึกว่าตัวเองมีความสุขมากขึ้นทุกวัน และมิ่งก็ส่ายหน้าและหยิบเงินที่ต้องจ่ายชำระในทุกสิ้นเดือนออกมานับ
“ก็ผมต้องมาใช้หนี้คุณทัศทุกเดือนอยู่แล้วนี่ครับ ถ้าไม่ได้ใช้หนี้ผมจะคาใจจนนอนไม่หลับ”
“บอกว่าคิดถึงผมบ้างก็ได้นะ ดูสิตอนนี้ผมน้อยใจมิ่งแย่แล้ว”
มิ่งหัวเราะด้วยความขำและมองหน้าของคุณทัศนัยยิ้ม ๆ
“ผมก็คิดถึงคุณทัศทุกวันอยู่แล้วนี่ครับ คุณทัศก็น่าจะรู้เรื่องนี้ดีกว่าใคร”
คุณทัศนัยที่กำลังกินข้าวอยู่ถือช้อนชะงักนิ่งค้างและหัวใจพองโตเพราะสิ่งที่มิ่งพูด วางช้อนลงและลุกขึ้นมาหาคนที่พูดเรื่องที่ทำให้เก็บความรู้สึกที่มีเอาไว้ไม่ไหว
“ผมว่าแบบนี้มันไม่ไหวหรอกนะมิ่ง”
มิ่งไม่เข้าใจว่าคุณทัศนัยพูดอะไร แค่บอกว่าคิดถึงไม่เห็นต้องลุกขึ้นมาประชิดตัวขนาดนี้ก็ได้
“คุณทัศ...ผม...ผมพูดอะไรไม่ดีไปหรือเปล่าครับ”
“ทำไมถึงพูดให้ผมดีใจแบบนี้ล่ะ มิ่งก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าผมคิดกับมิ่งยังไง”
เรื่องนั้นรู้ดี เข้าใจและรับรู้มานานแล้ว และมิ่งก็ได้แต่มองหน้าของคุณทัศนัยที่วันนี้สายตาที่มองมาแตกต่างจากทุกวัน
สายตาของคุณทัศนัยดูต้องการ โหยหาและเปิดเผยความรู้สึกทุกอย่างที่เก็บเอาไว้ในใจออกมาทั้งหมด
“ผมต้องกลับแล้วครับ”
“วันนี้มิ่งไม่กลับได้มั้ย”
มิ่งไม่รู้จะตอบยังไง ได้แต่ยกแขนขึ้นกันตัวเองเอาไว้ ตอนที่ถูกรั้งเข้ามากอดเอาไว้โดยไม่ทันตั้งตัว หน้าคงแดงและไม่รู้จะใช้วิธีไหนถึงจะจัดการความรู้สึกที่มีตอนนี้ได้ และคุณทัศนัยที่ได้เห็นท่าทีลุกลี้ลุกลนและไม่เป็นตัวของตัวเองของมิ่งก็ยิ้มกว้าง
ยิ่งเห็นยิ่งชอบ ยิ่งเห็นยิ่งอยากมอง ยิ่งเห็นยิ่งรู้สึกอยากแกล้งเพราะมันดูน่ารักและน่าแกล้งจนทำให้อดใจไม่ไหวจนต้องยื่นหน้าเข้าไปใกล้อีกนิด
“นะมิ่ง วันนี้อยู่ค้างที่นี่กับผมเถอะ อย่ากลับเลย”
“คุณทัศครับ เดี๋ยวก่อนครับ คุณทัศ ผมไม่...”
“มิ่งอยากพูดอะไรกับผมก็พูดเถอะ ผมอยากฟังทุกอย่างที่มิ่งพูด”
ไม่รู้ต้องทำยังไงถึงจะหนีจากสถานการณ์แบบนี้ได้ พูดไม่ออกและหัวใจก็เต้นรัวจนเหมือนจะทะลุออกมาจากอก
“คุณทัศพอแล้วครับ”
มิ่งเบี่ยงหน้าหลบตอนที่คุณทัศนัยกดปลายจมูกลงมาที่ข้างแก้มหนัก ๆ และไม่ปล่อยให้หนี
“พออะไร มิ่งต้องบอกให้ชัดเจนสิ”
ไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว ยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งไม่เป็นตัวของตัวเอง ยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งจะเตลิดได้ง่าย ๆ มิ่งค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองคุณทัศนัยอย่างช้า ๆ และดวงตาของคุณทัศนัยที่มองมาก็เปิดเผยความในใจออกมาทั้งหมด
“มิ่ง...”
“ครับ”
ขานรับเสียงเบาและสบตากับคุณทัศนัยตรง ๆ
“รู้ใช่มั้ยว่าผมรักมิ่ง”
รู้ว่ารัก รู้ว่าชอบ รู้ว่าความรู้สึกที่มีระหว่างกันมันชัดเจนมาพักใหญ่แล้ว และมิ่งก็รู้ว่าวันหนึ่งก็หลีกเลี่ยงเรื่องนี้ไม่ได้ ถ้าหนีไม่ได้ก็แค่ต้องยอมรับความจริงเท่านั้น
มิ่งไม่ได้ขัดขืนแต่ค่อย ๆ ยกแขนขึ้นโอบรัดไปที่รอบคอของคุณทัศนัยอย่างช้า ๆ และคุณทัศนัยก็นึกแปลกใจกับสิ่งที่มิ่งทำ
ดวงตาที่มองมามีความรู้สึกต้องการอยู่เต็มเปี่ยมและมิ่งก็มองหน้าคุณทัศนัยนิ่ง ๆ และเอ่ยถาม
“ผมหนีไม่ได้ใช่มั้ยครับ”
กระซิบถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาและคุณทัศนัยก็พยักหน้ารับและแตะฝ่ามือเบา ๆ ที่ข้างแก้มของมิ่งและลูบไล้เล่น
“ถึงขนาดนี้แล้ว อย่าหนีผมเลย”
“งั้น...ถ้าหนีไม่ได้แล้ว คุณทัศอยากทำอะไรผมก็ทำ”
TBC.