ตอนที่ ๔ด้วยความตกใจผมรีบลืมตาขึ้นดู พี่เป้เอานิ้วที่เปื้อนเลือดมาให้ผมดู
“ออกมาตรงไหนพี่ ออกตามไรฟันเหรอ” ถามไปงั้นแหละ ไม่ได้อยากสนใจเท่าไร
“ติณกระเด้าตูด พี่นะ ไม่ได้กระเด้าปาก เลือดถึงจะได้ออกที่ฟัน” แน๊ะ ยอกย้อน
“พูดว่าเอาเถอะพี่ ผมว่ามันจะเข้าใจง่ายกว่ากระเด้านะ”
“ฮึก ๆ ๆ ฮือ” อ้าวร้องไห้ไปใหญ่พูดแค่นี้ ไม่ได้ด่านะ
“พี่จะเป็นอะไรไหม พี่จะตายไหม ฮึก ๆ ๆ ฮือๆ” คุณพี่เป้ ถ้าแค่นี้ตาย ลูกค้าผมตายไปเป็นสิบแล้ว เอาวะเอาใจลูกค้าหน่อย
“ไม่เป็นไรหรอกพี่ เดี๋ยวมันก็หยุด ผมพาไปล้างนะ” ผมจูงแขนพี่เป้เข้าไปล้างเลือด เปิดฝักบัวฉีดไปที่ก้นแก
“ซี๊ดดด แสบจังติณ” น้ำเฉย ๆ พี่ไม่ใช่พริกขี้หนู อะไรจะแสบมากมายขนาดนั้น ผมล้างจนเห็นว่าไม่มีคราบเลือดแล้ว ผมจึงล้างน้องชายผมต่อ พอจับ ๆ ล้าง ๆ มันสู้มือผมขึ้นมาอีก พี่เป้ มองเห็นก็น่าแดงทำเป็นมองข้างฝา
“เป็นไรพี่” แกเอามือมาชี้ที่น้องชายผม
“ทำไมเหรอ
“มันแข็งอีกแล้ว” แกมองแบบอาย ๆ
“มิน่าว่าทำไมเลือดพี่ถึงออก มันใหญ่อย่างนี้นี้เอง” ผมเห็นท่าทางแกแล้วตลกดี ไม่เหมือนลูกค้าคนก่อน ๆ ผม พอเห็นน้องชายผมตื่นก็จับ เข้าปากกันหมด ผมเลยคิดแกล้งแก ผมเอาผมเอาไปจับมือพี่เป้ แล้วเอามาจับน้องชายผมที่กำลังตื่นตัวอย่างเต็มที่ เท่านั้นแหละครับ ตัวพี่สั่นเหมือนเจ้าเข้า
“ฮึๆๆ กลัวเหรอครับ”
“ป่าว แค่มันใหญ่พี่เลย เอ่อ” ทำไมทำตัวไร้เดียงสาแบบนี้ ปวส. ๒ แล้วนะ สู้น้องมิ้นที่อายุ ๑๔-๑๕ ไม่ได้เล๊ย ผมก้มลงไปจูบหน้าผากแล้วไล่ลงมาตามจมูก มาหยุดที่ปาก สอดลิ้นเข้าไป ครั้งนี้พี่เป้ตอบโต้ มือพี่เป้ ยังจับน้องชายผมไว้แน่นจนผมคิดว่ามันจะขาดติดมือแกไป
“อืม” แล้วผมก็หยุดแล้วเดินออกมานอกห้องน้ำ ๕๕๕๕ ปล่อยให้แกหน้าแดง และตกตลึงอยู่ในห้องน้ำ
“พี่ ผมจะกลับแล้วนะ” พี่เป้รีบวิ่งออกมาจากห้องน้ำ พร้อมกับเอาฝ่ามือปิดน้องชายไว้ แล้วรีบมานุ่งผ้าเช็ดตัว
“อะ นี้เงิน” พี่เป้ยื่นเงินมาให้ผม
“พี่ให้เพิ่มนะ”
“ให้เพิ่มทำไม ผมทำพี่เลือดออกนะ”
“ไม่เป็นไร พี่ก็ไม่ได้เป็นไรแล้วนิ” แล้วหน้าแดงทำไม ผมรีบรับเงินเพราะนี้ก็ตี ๕ แล้ว
“ผมไปแล้วนะครับพี่เป้ อย่าลืมนะครับ อย่าเล่าเรื่องผมให้ใครฟังนะครับ”
“ครับพี่ไม่เล่า ติณ”
“อะไรพี่”
“มาหาพี่อีกได้ไหม วันหลัง”
“พี่ผมนะไม่”
“พี่รู้” พี่เป้ชิงพูดขึ้นก่อน ที่ผมจะพูดอะไรต่ออีก
“พี่รู้ว่า ติณไม่ชอบรับแขกเดิมซ้ำ ๆ แต่แบบว่าออกมากินข้าวหรือกินเหล้ากับพี่แค่นั้นก็ได้ไม่ได้ถึงกับต้องมาแบบนี้”
“ผมไม่ค่อยว่างหรอกพี่ ไม่รับแขกผมก็อยู่กับเมีย ผมคงออกไปแดกข้าวกับพี่ไม่ได้” ผมพูดจบก็เดินออกจากห้องเลย ก่อนออกมาผมเห็นพี่เป้ทำหน้าเศร้าทันที ที่ผมตอบไปแบบนั้น ช่างเถอะผมไม่อยากให้เกย์หรือกระเทยมาผูกมัด หรือแม้แต่ผู้หญิง ผู้ชายคนไหน ผมไม่อยากมีปัญหา กว่าผมจะกลับมาถึงห้องก็เกือบ ๖ โมงเช้า แนนยังนอนหลับ ผมค่อย ๆ แทรกตัวเข้าไปนอนแล้วกอดแนนไว้ แล้วก็หลับไปด้วความอ่อนเพลีย ผมตื่นมาอีกทีก็บ่ายโมงกว่า
“แนนคราบบบบ” ผมเรียกแนนที่ตอนนี้นั่งดูทีวีอยู่
“จ๊า ตื่นแล้วเหรอ หิวยัง เมื่อคืนหนักละสิ กลับมากี่โมงละ” แนนพูดเหมือนน้อยใจ
ผมลุกขึ้นไปกอดแนนไว้
“อืม ขอโทษนะมื่อคืน กินมากไปหน่อย แนนไม่โกรธนะ” แล้วผมก็หอมแก้มแนนเบาๆ
“จะโกรธเรื่องไร แค่ไปกินเหล้าไม่ได้ไปเที่ยวผู้หญิง หรือว่าไป หึ”
“ใครจะไป แฟนออกจะน่ารักแบบนี้” ก็แฟนผมน่ารักจริง ๆ นี้
“ไปอาบน้ำเร็ว แนนซื้อกับข้าวมาไว้ให้แล้วนะ ข้าวหมูกรอบของชอบติณไง”
“ไม่กิน”
“เอ๊า ทำไมละ ก็ติณชอบไม่ใช่เหรอ แนนไปซื้อเจ้าประจำของติณเลยนะตั้งไกล” สีหน้าแนนดูผิดหวังมากที่ผมตอบไปว่าไม่กิน
“เก็บไว้กินตอนเย็น เดี๋ยวติณอาบน้ำเสร็จแล้วเราไปดูหนังกัน แล้วก็ออกไปกินข้างนอกเลยไง”
“จ๊า” สีหน้าแนนดูสดชื่นขึ้นมาอีกครั้ง ผมรีบ ๆ เข้าไปอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อย และก็พาแนนออกไปดูหนังกินข้าว จนเย็นกลับมา ผมก็กินข้าวหมูกรอบที่แนนซื้อให้ ผมคิดว่าผมมีความสุขแล้วสำหรับการใช้ชีวิตแบบนี้ จนวันจันทร์ผมก็ต้องไปโรงเรียนอีกครั้ง
“ไอ้เหี๊ยะติณ”
“ไงไอ้ชาติหมา”
“อ้าวเห้ย ปกติมึงเรียหกูว่าหมาชาติ ไม่ใช่เหรอ ทำไมวันนี้เปลี่ยนเป็นชาติหมาวะ”
“แล้วมัน แตกต่างกันตรงไหนระหว่างหมาชาติกับชาติหมา”
“พวกมึงจะเถียงกันอีกนานไหม กูจะหลับ” เสียงไอ้อ้นครับแทรกมา
“เพี๊ยะ” ผมกับไอ้ชาติครับตบหัวมัน
“จะหลับหาเตี่ยมึงเหรอไอ้อ้น นี้เพิ่ง ๘ โมงเช้า มึงเพิ่งตื่นนะ” ผมตวาดมันไป
“เหรอ” อ้าวไอ้นี้ สงสัยพวกผมตบหัวมันบ่อย ๆ สมองเคลื่อนที่จริง ๆ ไอ้อ้นก็เป็นแบบนี้มานานแล้วครับ การตอบสนองทางด้านร่างกายกับคำพูดมันจะช้ากว่าปกติชนทั่วไป ยกเว้นเรื่องผู้หญิงเร็วมาก แต่มันก็มีดีนะมันหล่อและเรียนเก่ง บางครั้งผมก็สงสัยว่ามันฉลาดได้ไง มาเรียนก็ขาด ๆหาย ๆจะสอบก็ไม่เห็นอ่านหนังสือ(รวมถึงผมกับไอ้ชาติ ๕๕๕) แต่ผลออกมาได้เอเกือบทุกวิชา ส่วนไอ้ชาตินี้เหรอครับ ไวทุกอย่าง ปากหมา กวนตีน แต่ทั้งหมดของไอ้ชาติและไอ้อ้น มีอยู่ในตัวผมหมด หลังจากอาจารย์เข้าห้อง พวกผมก็ยังคุยกันเหมือนไม่ได้เจอกันมา ๗ ชาติ
“ไอ้คุณสามหนุ่มนรกแตก จะคุยกันอีนานไหมคะ ถ้าจะคุยกันเชิญด้านนอกคะ พวกคุณคือจุดอ่อน” นี้ครับอาจารย์สิริพร ที่ปรึกษาสุดน่ารักของพวกผม เป็นคู่กัดกับพวกผมมาตั้งแต่ ปวส.๑ เป็นกันเอง สนุกเฮฮา แต่ด่าเจ็บมาก พวกผมเคารพท่านมากเลยนะครับอาจารย์สิริพร
“อาจารย์ครับปล่อยเถอะครับ ผมหิวข้าวแล้ว” ไอ้อ้นครับ ยกมือแล้วลุกขึ้นพูด แหมมีมารยาทซะด้วยเพื่อนกู
“ไอ้คุณอ้น ถ้าจำไม่ผิดเดี๊ยนเพิ่งสอนได้ไม่ถึง๒๐นาที และที่สำคัญนี้เพิ่งคาบแรก ไม่ใช่คาบ ๓ ที่คุณอ้นจะไปแดก ข้าวได้ค่ะ” พูดเพราะไหมครับอาจารย์ผม
“ไอ้คุณติณคะ ช่วยดึงขาหน้าเพื่อนคุณนั่งลงด้วยคะ” น่ากลัวจริง ๆ ผู้หญิงที่ไม่ได้แต่งงานเนี๊ยะ พวกผมนั่งเรียนจนเกือบจะหมดคาบของอาจารย์สิริพร ท่านอาจารย์ก็ด่าส่งท้ายนิดหน่อย
“นี้คือความหวังดีที่ อาจารย์คนนี้จะมีให้กับศิษย์ที่ คิดว่าเมื่อไรพวกแกจะจบ ๆ แล้วออกไปจากชีวิตเดี๊ยนซักที”
“โห้....จารย์” พวกผมประสานเสียงกลับไปทันที พวกผมออกจะน่ารัก
“ไม่ต้องมาโห่ ฮา ป่าเถื่อนแถวนี้ เดี๋ยวตบด้วยกำลังภายใน” แร๊ง
“อาทิตย์หน้าจะสอบกันแล้วรบกวนและขอไหว้วาน ให้ทุกท่านผู้เจริญแล้วอ่านหนังสือกันด้วยอย่ามัวแต่แดกเหล้า”
“โห้.....อาจารย์กินที่ไหน” ต้องเถียง ๆ
“อย่ามาเถียงให้เปลืองน้ำบ่อน้อย เข้าห้องมากลิ่นเหล้า กลิ่นเบียร์ นี้หึ่งเชียว” จมูกดีจริง ๆ อาจารย์เรา
“ส่วนใครที่หนังสือยังอยู่บนหิ้ง ไม่เคยเอามาจับมาเปิดก็จับมันหน่อยจะหมดเทอมแล้วเดี๋ยวมันจะเสียใจ ได้เขาไปแล้วทิ้งขว้าง แล้วไอ้คุณชาติ คุณอ้น คุณติณ จะส่งไหมคะ รายงาน เดี๊ยนให้ส่งมาตั้งแต่อาณาจักรสุโขทัยเพิ่งลงเสาเอก ตอนนี้เสาหักหมดแล้วคะ จะเอาไหมค่ะคะแนนนะ”
“เอาครับอาจารย์ วันศุกร์นะครับเดี๋ยวพวกผมเอาไปส่ง รับรองเช้าตรู่ รายงานของพวกผมจะอยู่บนโต๊ะอาจารย์เลยครับ” ไอ้ชาติตะโกนบอกอาจารย์ไป
“หวังว่าเดี๊ยนคงไม่ต้องทวงอีกครั้งด้วยการจุดธูปอันเชิญนะคะ”
“แรงนะอาจารย์” ผมตะโกนแซวไปบ้าง
“กับพวกเสือ สิงห์ กระทิง แรด กระซู่ กรูปรี ชะนีไพร่อย่างพวก แก ถ้าไม่แรง มันคงไม่ซึมเข้ากะโหลกหนา ๆ แถมพอความรู้เจาะเข้าไปแล้วยังไม่พบสมองอีกเจอแต่หัวกลวงๆ”
“โห้........” พวกผมประสานเสียงกันอีกครั้ง
“เอาละ ๆ อย่าลืมมาสอบด้วย ถ้ายังไม่ตายก็ขอให้ลากสังขารมาสอบ แล้วไม่ต้องสักลาย ๙ คัมภีย์ ๑๘ สูตรอภินิหาร ลงบนแข้งขา แขน อีกนะ ขี้เกียจไล่ออกจากห้อง เลิกเรียนได้”
“นักศึกษาเคารพ”
“สวัสดีครับ” ยังไม่ทันสิ้นเสียงพวกผมก็หลุดออกมาจากห้องเรียนแล้ว
พวกผมนั่งเรียนต่ออีกสองคาบอย่างขะมักเขม้น จนพักเที่ยง ต้องรีบไปโรงอาหาร เพราะเดี๋ยวไปช้าจะไม่มีเก้าอี้นั่ง ผมให้ไอ้อ้นไปหาที่นั่ง ส่วนผมกับไอ้ชาติไปซื้อข้าว
“มึงจะกินไร” ไอ้ชาติถามผม
“ข้าวหมูกรอบ”
“มึงไม่เบื่อเหรอ กูเห็นมึงแดกทุกวัน”
“แล้วมึงเสือกไร กูชอบกูจะกินมีปัญหาไหม”
“ว่าแต่มึงจะกินไร”
“ก๋วยเตี๋ยวน้ำตก”
“ว่าแต่กู กูก็เห็นมึงกินแต่ก๋วยเตี๋ยวจนหน้ามึงจะเป็นเส้นหมออ้อยอยู่แล้ว”
“ก็กูชอบ”
“มึงอย่าลืมซื้อไปให้ไอ้อ้นนะ” ผมบอกกับไอ้ชาติแล้วรีบเดินไปที่ร้านข้าวหมูกรอบเจ้าประจำ “เจ๊พิเศษเหมือนเดิมเพิ่มหมูเพิ่มไข่ ในราคา ๒๐”
“รีบๆเลยไอ้ติณเจ๊รอขายให้มึงเนี๊ยะ ขายเสร็จเจ๊จะเก็บกลับบ้าน”
“ทำไมละเจ๊ จะรีบกลับไปหาผัวเหรอ”
“ก็กำไรล้วน ๆ ไง พิเศษบ้านญาติแกสิ ๒๐ ตักข้าวเอง ใส่หมูกูลงไปอีกครึ่งโล ไข่อีก ๒ ฟอง” เจ๊เจ้าของร้านครับ แกเป็นกระเทย แกชอบผมตั้งแต่ ปวช.๑ แกบอกว่าผมเป็นรักแรกพบ ๕๕๕ ตลก เวลาผมมาซื้อแกก็ชอบจับโน้น จับนี้ผม ผมก็เล่น ๆ กับแกไปนาน ๆ ก็กลายมาเป็นพี่เป็นน้องกับผม ผมชอบมาคุยกับแกตลกดี เวลาผู้ชายมาซื้อแกแถมทุกราย สวนผมเหรอตักเองเลย ผมเคยถามแกเล่นๆ ว่ายังอยากได้ผมไหม คำตอบคือ
“เจ๊ขอ สองรอบ” ๕๕๕ พอผมได้ข้าวแล้วก็จะกลับโต๊ะ แต่นั้นที่เดินมา พี่เป้ นี้ สองวันท่านมาผมลืมพี่เป้ไปเลย เพราะอะไรเหรอครับ เพราะผมก็คิดว่าพี่แค่ก็ลูกค้าคนหนึ่งเท่านั้นเอง วันนี้พี่เป้ใส่ชุดช็อปทำให้ดูแปลกตา น่ารักแบบใสๆ แกเดินมากับกลุ่มอิเล็กฯ แกเดินมาหยุดที่ร้านเดียวกับผม พอแกจะสั่งก็เห็นผม เหมือนพี่เป้ตลึงไปชั่วขณะ ผมยิ้มให้แกไปตามมารยาท
“เจ๊ไปกินข้าวก่อนนะ” ผมหันไปมองเจ๊แสบ (เจ๊เจ้าของร้านชื่อแสบ) ผมรีบเดินออกจากร้าน
“ติณ”.............................................