21
รับผิดชอบ
เมื่อลูซบอกว่าจะเอาอาหารมาส่งตอนพักกลางวัน เจ้าตัวก็มาจริงๆ ภรรยาคนสวยบรรจงเปิดข้าวกล่องที่เตรียมมาให้กับสามี
“ลูซทำซูชิมาให้ริวจัง แล้วก็ทำข้าวหน้าหมูด้วยน้า ริวจังน่าจะชอบ”
“อ่า ก็ดี”
แม้จะบอกแบบนั้น แต่กระเพาะของเขามันเริ่มทำงานอย่างรุนแรง เพียงแค่ได้กลิ่นอาหารและเห็นอาหารที่ลูซทำมา
…นี่ล่ะ เสน่ห์ปลายจวักฉบับลูซ…
ภรรยาคนสวยคลี่ยิ้มหวาน จัดเรียงอาหารในกล่องไว้ตรงหน้าริว
“เดี๋ยวลูซป้อนให้น้า”
“ไม่ต้องๆ ฉันตักกินเองได้น่า”
ริวพยายามปัดมือลูซให้ออกห่าง แต่สุดท้ายก็แพ้ลูกตื้อของลูซ เขาคีบซูชิป้อนริวชายหนุ่มจำใจต้องอ้าปากรับ แต่ลึกๆแล้วก็อยากจะทานอยู่พอดี
“อร่อยไหมริวจัง”
สามีตัวเล็กยังคงเคี้ยวซูชิในปากตุ้ยๆ ลิ้มรสความอร่อยจากข้าวและปลาดิบ ฝีมือทำอาหารของลูซไม่ใช่ธรรมดา เรียกว่าเชฟชั้นเยี่ยมมาเองเลยก็เป็นได้ เขารู้สึกได้ว่าช่วงนี้เขาเจริญอาหารกว่าเมื่อก่อนมากพอสมควร
“นี่น้ำ”
ลูซดูแลริวไม่ต่างกับภรรยาที่แสนดีและรักเทิดทูนสามี ทุกวันที่เขากลับไป ลูซจะคอยมาช่วยเขาถือกระเป๋า นำสูทไปเก็บอยู่เสมอ
จะว่าไปแล้ว ริวเองก็รู้สึกมีความสุขโดยที่ไม่รู้ตัว ความคิดที่จะเลิกรากับลูซเริ่มจะเลือนหายไปทีละน้อย เพราะความรักและความเอาใจใส่ของลูซส่งมาให้ริว จนชายหนุ่มสามารถรับรู้ได้ แต่ถึงกระนั้น ริวก็ไม่เคยแม้แต่จะบอกว่าชอบ หรือรักแม้แต่คำเดียว ความคิดในสมองของเขายังคงสั่งการว่าเขาไม่มีวันจะรักผู้ชายด้วยกันเด็ดขาด ส่วนเรื่องเซ็กที่เข้ากันได้ ก็คงเป็นเพียงเพราะความต้องการของร่างกายเท่านั้น
“ฉันอิ่มแล้ว”
ริวได้แต่ยกมือปรามไม่ให้ลูซป้อนอาหารเขาไปมากกว่านี้ ภรรยาคนสวยรีบหยิบน้ำชาเขียวส่งให้สามี
“งั้นดื่มน้ำนะริวจัง”
น้ำชาเขียวถูกดื่มไปเกือบหมดแก้ว พักนี้ริวรู้สึกว่าร่างกายเขาเหมือนจะมีเนื้อหนังมากกว่าแต่ก่อน นั่นอาจจะเป็นเพราะอาหารที่ลูซทำมาถูกปากจนเขาทานมากกว่าปกติ
“กลับไปได้แล้วไป”
“ขอลูซดูริวจังทำงานได้ไหม ลูซคิดถึงริวจังม๊ากมาก”
พูดไปก็กางแขนออกกว้างๆ เป็นเชิงอธิบายให้เห็นภาพว่าเขาคิดถึงสามีมากจริงๆ ริวแอบขำกับท่าทางที่ไม่เข้ากับตัวโตๆ
“ริวจังขำอะไร”
“เปล่าสักหน่อย”
ชายหนุ่มทำเป็นเฉไฉไปเรื่อย เขาลุกขึ้นจะเดินไปเข้าห้องน้ำ แต่ลูซก็เข้ามาขวาง ไม่ยอมให้ผ่านไปได้
“ไม่ได้นะริวจัง ถ้าไม่บอก จะต้องถูกลงโทษ”
“ลงโทษอะไร”
ริวกอดอก เชิดหน้าเล็กน้อย เป็นเชิงถามว่าจะลงโทษยังไงกับเขา ลูซคลี่ยิ้มหวานแล้วก้มหน้าลงไปหาคนตัวเล็ก
“ก็แบบนี้ไงริวจัง”
เอ่ยจบก็ใช้มือใหญ่ทั้งสองประกบเข้ากับแก้มนิ่ม กดจูบลงมาอย่างหวานซึ้ง ริวอึ้งไปชั่วขณะ ยกมือดันแผ่นอกแกร่ง ในคราแรกตั้งใจว่าจะผลักออกแต่มือเล็กทำได้แต่เพียงขยำเสื้อตัวบางที่ลูซใส่อยู่
เขาหลับตาพริ้มรับจูบที่แสนหวานและเต็มไปด้วยความรัก หัวใจของริวเอิบอิ่มขึ้นมา โดยที่เจ้าตัวไม่อยากหาเหตุผล
“ตั้งใจทำงานนะริวจัง แล้วลูซจะรอริวจังกลับบ้าน”
เมื่อจูบเสร็จ ภรรยาคนสวยก็กระซิบบอกอย่างน่ารัก ริวได้แต่ยืนหน้าแดง ใจของเขาเต้นรัว ราวกับกลองที่ถูกรัวตี
…ทำไมถึงได้คิดไปได้ว่าลูซน่ารักขึ้นมาเสียอย่างนั้น ทั้งๆที่เป็นผู้ชายตัวโต…
-------+++++-------
วันนี้ก็เป็นเหมือนทุกวัน ที่ริวทำงานจนถึงเวลาเลิกงาน ทุกวันนี้เขาไม่ค่อยได้นัดไปสังสรรค์กับวาโยสักเท่าไหร่นัก จนโดนเพื่อนตัวดีโทรมาแซว
[อะไรกันวะ พอมีเมียแล้วลืมเพื่อนเหรอ]
“บ้าน่า จะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไง”
[ไม่ใช่หลงเมียไปแล้วเรอะ]
ริวได้แต่หัวเราะขำขัน อย่างเขาเนี่ยนะจะไปหลงเสน่ห์ของลูซ ผู้ชายด้วยกัน ไม่เห็นจะมีอะไรน่าสนใจ แต่ทำไมช่วงนี้เวลาที่เขานึกถึงเรือนร่างของลูซทีไร เลือดลมในกายก็สูบฉีดเสียรุนแรง
…เขาอาจจะบ้าไปแล้ว…
[แล้วเย็นนี้ว่างหรือเปล่า ฉันว่าจะชวนแกออกมาดื่ม สาวๆที่นี่ แซ่บๆทั้งนั้นเลยนะเว้ย]
“ไม่ไหวว่ะ วันนี้เหนื่อยมากเลย กว่าจะเคลียร์งานเสร็จ จะเป็นลมแล้วเนี่ย”
[อะไรวะ เพื่อนชวนแล้วไม่สนใจเหรอ ใจร้ายจังเลยแฮะ]
“ก็คนมันเหนื่อยจริงๆนี่หว่า”
[เหนื่อยจริง หรือคิดถึงเมียวะ]
วาโยเอ่ยปากแซวไม่หยุด ริวส่ายหน้าไปมาช้าๆ เรื่องอะไรที่เขาจะต้องไปยอมรับว่าเขาคิดอะไรกับผู้ชายด้วยกัน เรื่องแบบนั้น มันจะไปเกิดขึ้นได้ยังไง
“แกนี่ท่าจะบ้า นั่นมันผู้ชายนะเว้ย! ฉันรู้สึกแย่จะตาย”
[งั้นเหรอ งั้นทำไมไม่เลิกกันสักทีล่ะวะ]
ริวเจ็บแปลบขึ้นมาที่ใจ เมื่อได้ยินคำว่าเลิก เขารู้สึกไม่ดีขึ้นมา แต่ก็ยังปั้นหน้า ทำเป็นไม่รู้สึกรู้สาอะไร
“ก็มันยังไม่ได้โอกาสนี่หว่า”
[ไม่ใช่ว่าอยากจะอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิตหรอกนะ]
ใบหน้าของลูซลอยขึ้นมาในความทรงจำ ทั้งรอยยิ้มสวย และท่าทางที่ดูบ้าๆบอๆแต่พอดูไปนานๆ กลับรู้สึกว่าน่ารัก ทำให้ริวเผลอยิ้มขึ้นมา
[เฮ้ย ไอ้ริว นี่ตายไปแล้วเหรอวะ]
เมื่อเห็นเพื่อนรักเงียบไปนาน วาโยก็รีบถามออกไปทันที ริวหลุดออกมาจากภวังค์ความคิดต่างๆ
“เมื่อกี้แกว่าอะไรนะ”
[ดูท่าแกจะเหนื่อยเอามากเลยนะเนี่ย]
“ก็ประมาณนั้นล่ะ”
[งั้นฉันไม่กวนแกดีกว่า รีบกลับบ้านไปพักผ่อนเลยไป ดูท่าจะเริ่มเบลอๆ พูดไม่รู้เรื่องแล้วเนี่ย]
วาโยเป็นห่วงเพื่อนรักด้วยใจจริง ริวตอบกลับ
“เออๆ ขอบใจว่ะ”
หลังจากวางสายวาโยไปแล้ว ริวก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
นี่เขากำลังเป็นอะไรกันแน่ ทำไมพักนี้ถึงได้ชอบคิดถึงแต่ใบหน้าสวยของลูซ แถมยังเผลอไปนึกถึงรูปร่างสมส่วนไปด้วยมัดกล้ามเนื้อน่ามอง ทั้งที่เป็นเพศเดียวกัน
“ไม่ใช่ แกชอบนมอวบๆ ใหญ่ๆ เต็มมือต่างหาก”
ถึงพยายามบอกกับตัวเองแบบนั้น แต่ริวก็ยังไม่วายคิดถึงใบหน้าสวยของลูซ เขารีบเก็บของแล้วออกจากห้องเพื่อตรงกลับไปที่บ้าน
“กลับมาแล้วเหรอริวจัง”
เสียงทุ้มดังเหมือนทุกวัน กายสูงใหญ่รีบเดินเข้ามาหาเขา ช่วยเขาถึงกระเป๋า และรับเสื้อสูท
“อืม กลับมาแล้ว”
พอริวตอบ ลูซก็ก้มลงมาหอมแก้มอย่างรวดเร็ว พลางหัวเราะคิกคักอย่างมีความสุข เดินควงแขนสามีเข้าไปในบ้าน
“ริวจังหิวไหม เดี๋ยวนั่งก่อนนะ ลูซจะไปเอาน้ำกับขนมมาให้”
ไม่ทันที่ริวได้เอ่ยปากบอกอะไรทั้งนั้น ลูซก็รีบเข้าครัว เพียงครู่ก็มาพร้อมทั้งขนมและน้ำ ริวมองอาหารตรงหน้า ยกแก้วน้ำขึ้นจิบ
เขาคิดมากตั้งแต่ออกจากที่ทำงาน ว่าเขาคิดยังไงกับลูซกันแน่ ชายหนุ่มนั่งหน้าเครียด ลูซยื่นหน้าเข้าไปใกล้
“มีอะไรหรือเปล่าริวจัง ดูเครียดจังเลย”
ริวสะดุ้งเมื่อจู่ๆ ลูซก็ยื่นหน้ามา เขาส่ายหน้าไปมา
“ไม่มีอะไร นายเอาหน้าออกไปห่างๆหน่อย มันอึดอัด”
“แต่ลูซชอบอยู่ใกล้ๆริวจังนี่นา”
ลูซเข้ามานั่งเบียดริว พลางเอนศีรษะซบกับไหล่เล็กอย่างมีความสุข ริวแอบเหลือบมองลูซเป็นระยะ
“อ้าว พี่ริน วันนี้กลับมาเร็วจังเลยนะครับ”
เมื่อเห็นพี่สาวเดินเข้ามาในบ้าน ริวก็เอ่ยทักทันที รินเหลือบตามองน้องชายและน้องสะใภ้ เธอหย่อนกายนั่งลงบนโซฟา
“หวานกันจังเลยนะ”
“เปล่าสักหน่อยครับ”
มือเล็กดันลูซให้ออกห่าง ลูซยู่หน้าเล็กน้อย แต่ก็คลี่ยิ้มอย่างมีความสุข เพราะคิดว่าริวจังของเขาอาจจะเขินอายก็เป็นได้
“คุณริวคะ มีคนมาขอพบค่ะ”
คนรับใช้ในบ้านวัยกลางคน เดินเข้ามาแจ้งให้ริวได้รับรู้ ชายหนุ่มขมวดคิ้วอย่างงุนงง เขาสงสัยว่าใครมา
“ใครเหรอครับ”
“ไม่ทราบค่ะ ดิฉันไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน”
ดูท่าแล้วจะไม่ใช่เพื่อนสนิทของเขาเป็นแน่ ริวพยักหน้ารับรู้
“แล้วผู้หญิงหรือผู้ชายล่ะ”
“ผู้หญิงค่ะ”
ลูซที่ได้ยินคำตอบแบบนั้น ก็เริ่มหน้าบึ้งที่มีผู้หญิงมาหาริวถึงในบ้านแบบนี้ เขาหันขวับไปมองสามี ริวไม่พูดอะไร แต่ก็รู้สึกร้อนตัวขึ้นมาถึงความผิดของตัวเอง
“ไปเชิญเธอเข้ามาเถอะ”
รินเป็นคนตัดสินใจให้ เพราะริวไม่ยอมพูดอะไรสักที คนรับใช้จึงรับคำสั่ง แล้วออกไปเชิญให้แขกคนนี้เข้ามา
“มาแล้วค่ะ”
ทั้งสามที่นั่งอยู่ในห้องรับแขกได้แต่หันไปมองหญิงสาวที่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่ตกใจ คนที่ตกใจมากที่สุดคงไม่พ้นริว เพราะเขาพอจะนึกออกว่าเคยหลับนอนกับเธอมาครั้งหนึ่ง แต่ที่สำคัญก็คือ ท้องของเธอใหญ่โตจนตกใจ
“เอ่อ เธอมาได้ยังไง”
ริวได้แต่ถามอย่างแปลกใจ เขาเริ่มรู้สึกไม่ค่อยดีนัก เหมือนรับรู้ถึงเรื่องราวเลวร้ายที่อาจจะเกิดขึ้นหลังจากนี้
“สวัสดีค่ะ ฉันชื่อมีนา”
เธอหันไปทักทายริน แล้วหันไปมองลูซที่นั่งขมวดคิ้ว ใบหน้าดูไม่ค่อยพอใจ เธอค่อยๆเหยียดยิ้ม ใบหน้าของเธอไม่ได้สวยเท่าลูซ แถมยังทำศัลยกรรมมาอีกด้วย
“เอ่อ เธอท้องอย่างนั้นเหรอ”ริวถามอย่างแปลกใจ
“ค่ะ ฉันท้อง ท้องมาหกเดือนแล้วค่ะ”
“แล้วเธอมาที่นี่มีธุระอะไร”
ลูซเป็นฝ่ายถามขึ้น เพราะทนกับความอึดอัดไม่ไหว มีนาเหยียดยิ้มหวาน แล้วเอ่ยขึ้นด้วยดวงตาที่แนวแน่
“ฉันมาหาพ่อของเด็กค่ะ”
พอได้ยินแบบนั้น ทุกคนก็ตาโต รินหันไปมองริว และลูซ
“พ่อ เธอไม่ได้หมายถึง น้องชายฉันหรอกนะ”
“ค่ะ ริวเป็นพ่อของเด็กในท้องฉัน ฉันมาที่นี่ก็เพื่อให้เขารับผิดชอบ”
ริวแทบจะล้มตึง เขาหันไปมองลูซที่ทำหน้าไม่พอใจเป็นอย่างมาก ภรรยาคนสวยพูดเสียงเรียบ
“ฉันไม่เชื่อ เธอโกหก”
“งั้นก็ลองถามริวดูสิคะ ว่าฉันเคยนอนกับเขาไหม”
ลูซหันขวับไปมองสามี ใบหน้าหวานง้ำงอ เต็มไปด้วยความสงสัย
“ตกลงมันยังไงกันแน่ริวจัง ริวจังไม่เคยนอนกับเธอใช่ไหม”
“เอ่อ”ริวอึกอัก
“ก็พูดมาสิริว ว่าเด็กในท้องใช่ลูกของนายหรือเปล่า”รินเร่งเร้า ด้วยใบหน้าที่เคร่งเครียด
“ฉันเคยนอนกับมีนา!”
เมื่อทนต่อแรงกดดันจากพี่สาวและภรรยาไม่ไหว ชายหนุ่มก็โพล่งออกมา ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ราตรีและสามีได้เดินเข้ามาในบ้าน
“นี่มันอะไรกัน”
เธอค่อนข้างตกใจ หันไปมองลูกชาย ทุกคนคงคิดว่าลูซคงสติแตกไปแล้ว แต่ชายหนุ่มก็ยังเอ่ยต่อ
“แล้วเด็กในท้องใช่ลูกของริวจังหรือเปล่า”
“ฉันไม่รู้ แต่ฉันคิดว่าฉันป้องกันแล้ว”
คืนนั้นที่นอนกับมีนา เขาเมามาก แต่เขาก็คิดว่าสวมถุงยางป้องกันทุกครั้งที่มีเซ็กกับคนแปลกหน้า
“คุณริวไม่ได้สวมถุงยางค่ะ ฉันเองก็เมา ก็เลยไม่ได้ป้องกัน”
“แล้วทำไม เธอถึงเพิ่งมาหาริวตอนนี้ เธอบอกว่าท้องหกเดือนแล้วนี่”ลูซถามต่อ
“ค่ะ ตอนแรกฉันก็คิดว่าจะทำแท้ง แต่เพราะโดนเพื่อนๆห้ามเอาไว้ ก็เลยเก็บเด็กไว้ เมื่อก่อนฉันก็คิดว่าจะเลี้ยงลูกแค่คนเดียวก็ได้ แต่ฉันคนเดียวเลี้ยงไม่ไหวจริงๆค่ะ ค่าใช้จ่ายก็เยอะ ฉันเลยอยากให้เด็กคนนี้มีพ่อ ให้เขาได้รับสิ่งดีๆ ก็มาหาเขาที่นี่”
คนที่หัวใจแทบจะหยุดเต้น ไม่ใช่แค่ลูซ แต่ราตรีฟังแล้วก็แทบจะเป็นลม ไม่คิดว่าลูกชายของเธอจะพลาดท่าเสียทีรุนแรงขนาดนี้
“อย่างนั้นเหรอ…”
ริวรู้สึกแปลกใจที่ลูซไม่ลุกขึ้นหนี แต่กลับนั่งสงบจนดูเหมือนว่าไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น
“ถ้าทุกอย่างเป็นเรื่องจริง แสดงว่าเด็กในท้องของเธอก็คือลูกของริวจัง”
คนที่พูดไม่ออกคือริว เขาเป็นห่วงทั้งความรู้สึกของมารดา และที่สำคัญในตอนนี้คือลูซ ที่ไม่เหมือนเดิม ทั้งสายตาท่าทางดูเย็นชาจนน่ากลัว แต่เพียงครู่ลูซก็คลี่ยิ้ม แต่ไม่ว่าจะมองยังไง มันก็ไม่ใช่รอยยิ้มแห่งความยินดี
“แล้วเธอต้องการให้ริวจังรับผิดชอบยังไงล่ะ”
ราตรีถูกประคองให้นั่งลง มีนาเอ่ยต่อ
“ฉันอยากอยู่ที่ในฐานะภรรยาองคุณริว”
ลูซหัวเราะในลำคอเบาๆ แล้วร้องเหอะ เขาหันไปมองราตรี
“คุณแม่ครับ ลูซเป็นสะใภ้ของที่นี่ และได้แต่งงานกันแล้ว ลูซมีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจเรื่องนี้ไหมครับ”
ราตรีมองลูกสะใภ้อย่างชื่นชม ลูซเป็นคนที่เข้มแข็ง และคงไม่คิดจะหนีปัญหา เธอพยักหน้าเบาๆ
“ในฐานะภรรยาคงไม่ได้ เพราะฉันคือภรรยาของริวจัง เธอเองก็ไม่ได้คบกับเขา แล้วสิ่งที่เชื่อมเธอกับริวจังเอาไว้ก็คือลูก ในยุคนี้ มีลูกด้วยกันก็ไม่แปลว่าสามีภรรยาจะต้องแต่งงานกัน แล้วอยู่ด้วยกันเสมอไป”
“แล้วคุณจะพรากแม่ พรากลูกหรือไง!”
“ฉันให้เธออยู่ที่นี่ก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่ฐานะภรรยาของริวจัง เธอจะอยู่ฐานะแม่ของลูกริวจังเท่านั้น ไม่ว่ายังไง สะใภ้ของที่นี่ก็คือฉัน”
“ริว แล้วนายจะเอายังไง”
รินหันมาถามน้องชาย ริวสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ เขารับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดจากลูซ ถึงแม้ชายหนุ่มจะไม่ได้บอกด้วยคำพูดก็ตามที แต่สีหน้าท่าทางที่ไม่เหมือนเดิม ก็ทำให้ริวได้เข้าใจ
“ครับ ตามลูซบอกเลยครับ”
“ไม่ได้นะคะ! แบบนี้มีนาไม่ยอม มีนาเป็นภรรยาของคุณนะคะริว”
“ถ้าเธอไม่ยอม เมื่อเด็กเกิดมา คงได้มีขึ้นศาลกัน ก็เลือกเอาแล้วกันนะ ว่าจะให้ทำยังไง”
คราวนี้รินเข้าข้างริว ท่าทางของเธอก็ไม่คิดที่จะยอมง่ายๆ มีนาจึงได้แต่หัวฟัดหัวเหวี่ยงอย่างไม่พอใจ
“ก็ได้ค่ะ แต่พวกคุณต้องให้มีนาอยู่ที่นี่”
“ได้…ช่วยไปจัดห้องให้เธอที”
“ให้มีนาอยู่กับริวไม่ได้เหรอคะ มีนาท้องแก่แล้ว อยากมีคนดูแล”
ลูซสูดลมหายใจช้าๆ เหมือนสะกดกลั้นอารมณ์ของตัวเอง แต่เพียงครู่เขาก็ระบายยิ้มหวาน
“ทุกคนที่นี่จะช่วยดูแลเธอเอง รวมถึงฉันด้วย”
-------+++++-------
“ลูซ เดี๋ยวก่อน”
ริวรีบเดินตามลูซเข้ามาในห้องนอน เขาจับแขนของภรรยาเอาไว้ ลูซถอนหายใจเล็กน้อยแล้วหันมายิ้มให้กับคนรัก
“มีอะไรเหรอริวจัง”
“นายโกรธฉันใช่ไหม ที่ฉันทำผู้หญิงท้อง”
“ควรโกรธดีไหมน้า ถ้าโกรธแล้ว ริวจังจะจูบแก้มลูซเป็นการง้อเหรอ”
“อย่ามาทำตลกนะลูซ ฉันกำลังจริงจัง”
“ลูซไม่โกรธริวจังหรอก ไม่ว่าจะยังไง ลูซก็รักริวจัง ลูซรอเวลาที่จะได้เป็นเจ้าสาวของริวจังมาตั้งหลายปี เรื่องอะไร ลูซจะต้องยอมแพ้ด้วยล่ะริวจัง”
“จริงเหรอ”
ลูซรั้งร่างเล็กเข้ามากอด ใบหน้าหล่อซบกับแผ่นอกกว้าง เขามองไม่เห็นหน้าของลูซ จึงไม่รับรู้ว่าในดวงตาคู่สวยฉายแววแห่งความเจ็บปวดมากแค่ไหน
“จริงสิริวจัง ลูซจะไม่ยอมเลิกกับริวจังหรอก เพราะริวจังเป็นของลูซ และลูซก็เป็นภรรยาของริวจังนี่นา”
“ฉันนึกว่านายอยากจะเลิกกับฉันเดี๋ยวนี้เลย”
“แล้วริวจังอยากเลิกกับลูซเหรอ”
เขาดันร่างเล็กออกห่างเพียงนิด ก้มลงมางับจมูกสวย ริวเบือนหน้าหนี แล้วเอ่ยเสียงแผ่ว
“ไม่รู้สิ”
“ว้า ไม่ใช่อยากจะบอกเร็วๆเหรอว่า เลิกกับฉันซะ เพราะฉันมีลูกแล้วน่ะ”
ลูซเอ่ยติดตลก น้ำเสียงขบขัน ริวยกมือฟาดแขนลูซไปแรงๆหนึ่งทีราวกับหมั่นไส้
“เงียบไปเลยเจ้าบ้า ฉันจะไปอาบน้ำแล้ว”
ว่าจบก็รีบเดินเข้าไปในห้องน้ำทันที ริวปิดประตูห้องน้ำแล้วเอนกายหลังชนประตู เขายกมือลูบหน้า ความรู้สึกเครียดและกังวลมากล้นจนแสดงออกทางใบหน้าให้เห็น
“นี่มันเรื่องอะไรกัน”
ถ้าเป็นเมื่อก่อน ริวคงได้ร้องไชโย ที่เขาหาวิธีจะเลิกกับลูซได้แล้ว แต่ตอนนี้กลับไม่เป็นอย่างนั้น เขากลับเครียดและคิดมากจนไม่รู้จะทำอย่างไรดี
“ยิ้มสิวะ แกอยากเลิกกับเจ้านั่นไม่ใช่เหรอ”
ไม่รู้ว่าความรู้สึกของเขาเปลี่ยนไปตั้งแต่ตอนไหน แต่ริวก็ไม่คิดจะยอมรับความคิด ศักดิ์ศรีที่เขาเคยยึดถือเอาไว้มันค้ำคอ จนเขาไม่กล้าที่จะเชื่อว่าตัวเองได้ตกหลุมรักลูซไปแล้ว
แล้วยิ่งมีเรื่องที่เขาทำผู้หญิงท้องอีก นั่นแสดงว่าเขากำลังจะกลายเป็นพ่อคน เขาควรจะสนใจเรื่องลูกมากกว่ามาสนใจความรู้สึกของตัวเองในตอนนี้
ชีวิตที่ปกติ คือมีครอบครัว พ่อแม่ลูก ผู้หญิงได้ครองรักกับผู้ชาย เขาได้แต่งงานกับเพศตรงข้ามและมีลูกด้วย แล้วจะได้เป็นครอบครัวสุขสันต์ ทั้งที่เมื่อก่อนเคยจิตนาการว่าต้องมีชีวิตแบบนั้น แต่ตอนนี้ในหัวเขา ภาพเหล่านั้นกลับเลือนราง ราวกับตัวเองไม่เคยได้ปรารถนาที่จะสร้างมันมาก่อน
100%
ท่านใดที่ต้องการซื้อเล่มนิยาย สามารถติดต่อได้ที่เพจจ้า
https://web.facebook.com/akikoneko17fiction/