ตอนที่ 5"ทางนี้ค่ะ"รัตน์ที่ดูร้อนรนแปลกๆเดินออกมาหาผมทันทีที่ผมเดินเข้าไปในบริษัท แถมยังรีบมากจนถึงขนาดใช้ลิฟต์ผู้บริหารในการส่งตัวผมขึ้นไปพบกับเจ้านายของเธออีกด้วย
ทันทีที่ลิฟต์เปิด รัตน์ก็แทบจะลากผมให้เดินตามเธอไปยังห้องท่านประธานที่ผมเพิ่งออกมาได้ไม่นานทันที หล่นอทำหน้าเคร่วเครียดราวเกิดเรื่องร้ายแรงอะไรขึ้น
"เกิดอะไรขึ้นรึเปล่าครับเนี่ย"ผมดูสภาพโต๊ะเลขาที่ค่อนข้างจะยุ่งเหยิงผิดกับที่ผมเห็นเมื่อเช้าอย่างแปลกใจ
"อ่า..ก็นิดหน่อยน่ะค่ะ"รัตน์หันมายิ้มแห้งๆตอบ ก่อนจะกลับคืนสู่มาดเลขาสาวสุดแสนจะมั่นใจทันทีที่มีเสียงตอบรับจากด้านในให้เธอเข้าไปได้จากเจ้านายผู้แสนเข้มงวด
"คุณมาผิดจังหวะจริงๆค่ะเกล ยังไงก็ขอให้โชคดีนะค่ะ"รัตน์ทำหน้าเหมือนกำลังจะจัดงานศพให้ผมแล้วรีบพาผมเข้าไปส่งไว้ให้บอสคนใหม่ที่กำลังนั่งทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ที่โต๊ะกลางห้อง
"ขอตัวนะค่ะ"
หลังจากรัตน์ออกไป ห้องทั้งห้องก็อยู่ในบรรยากาศเงียบสนิทราวกับไม่มีสิ่งมีชีวิต เสียงเดียวที่เกิดขึ้นในห้องคือเสียงของเครื่องปรับอากาศจากเพดานที่ส่งเสียงครางต่ำๆแผ่วเบาเท่านั้น
ผมยืนอยู่กลางห้องกว้างหลุบตาลงเล็กน้อยเป็นมารยาทเพื่อรอคำสั่งจากนายจ้างคนล่าสุด แต่จนแล้วจนรอด ผมก็ยังไม่เห็นว่าอีกฝ่ายจะสั่งงานอะไรผมสักอย่าง
บางทีเขาอาจจะต้องการรู้ขีดความอดทน....
เมื่อคิดได้แบบนั้น ผมจึงเลือกที่จะยืนต่อไปเงียบๆก้มหน้า พยายามไม่ขยับเขยื้อนมากเกินไปกว่าความจำเป็น แม้ในใจจะเริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายก็ตามที ความจริงถ้าไม่มีอะไรจะใช้ก็น่าจะบอกให้ออกไปข้างนอก ไปศึกษางานคร่าวๆหรืออะไรก็ได้....
แล้วก็ผ่านไปราวชั่วโมงที่ผมยืนนิ่งอยู่เช่นนั้น ไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหน ผมถอนหายใจ ตัดสินใจกระทำกริยาที่เรียกได้ว่าค่อนข้างเสียมารยาท
ผมช้อนตามองตำแหน่งโต๊ะท่านประธาน และก็ต้องสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเห็นสายตาคมปลาบจ้องกลับมาทั้งๆที่ไม่ได้เตรียมใจเผื่อเอาไว้
"นั่งสิ"ในที่สุดคำที่ผมมรอคอยก็เอ่ยออกมาจากปากหนักๆของอีกฝ่ายจนได้ ผมเดินช้าๆด้วยกลัวล้มจากการที่ยืนแข็งเป็นหินอยู่นานจนไปถึงเก้าอี้แล้วจึงนั่งลง
"อายุเท่าไหร่"ผมงง กับคำถามที่ไม่คาดคิดว่าจะได้รับ มองหน้าอีกฝ่ายงงๆชั่วครู่ก่อนจะรู้ตัวแล้วดึงใบหน้าเฉยชากลับมาใช้
"26 ครับ"เขาดูแปลกใจเล็กน้อยกับอายุของผม แต่สุดท้ายก็ทำเพียงพยักหน้าเบาๆอย่างรับรู้แล้วยื่นแห้มเอกสารอันโตมาให้ผมหนึ่งตั้ง
"คัดแยกเอกสารให้เสร็จภายในเย็นนี้"
เย็นนี้ในที่นี้น่าจะหายถึงเวลาเลิกงาน....ซึ่งเหลืออีกเพียงสองชั่วโมงกว่าเท่านั้น!!
"เชิญ"ผมลุกขึ้นยืนโค้งหัวให้งามๆแสดงความนอบน้อม แล้วจึงเดินฉับๆถือแฟ้มกองโตออกไปอย่างทุลักทุเลด้วยเวลาไม่เคยคอยใคร ผมจริงจังกับการทำงานเสมอ เมื่อรับค่าจ้างมาแล้วก็ต้องจัดการงานให้ดีที่สุด
ทันทีที่ผมเปิดประตูออกมา ร่างเล็กๆของหญิงสาวคนหนึ่งก็ขวางหน้าเอาไว้จนผมเกือบทำแฟ้มตกหมดทั้งกอง
"ว๊าย!"ผมเห็นแวบๆว่าอีกฝ่ายเป็นหญิงอายุค่อนข้างมากอยู่ในชุดพนักงานทำความสะอาด หล่อนยืานมือมาพยายามจะช่วยคว้าแฟ้มเหล่านั้นเอาไว้ให้
ทุกอย่างดูเป็นภาพสโลวโมชั่น กองแฟ้มค่อยๆโค่นลงอย่างช้าๆพร้อมๆกับกระดาษบางส่วนในแฟ้มที่เผยอแลบออกมาทำท่าว่าจะปลิวหลุดได้ทุกเมื่อ
ควับ!
ทันใดนั้นเอง มือเรียวขาวของใครคนหนึ่งก็รับกองแฟ้มพวกนั้นเอาไว้ได้อย่างทันท่วงทีแถมยังช่วยพยุงเขาไว้ให้ไม่ล้มจากการเอนตัวไปด้านหลังเพื่อเบรกไม่ให้ชนกับป้าแม่บ้าน
"ระวังหน่อย"ดวงหน้าคมดุที่ผมเพิ่งเห็นไปเมื่อกี้นี้มาโผล่อีกครั้งในระยะที่เรียกได้ว่าใกล้พอจะได้เห็นขี้แมลงวันเล็กๆที่ใต้ตาข้างซ้าย แถมด้วยลมหายใจระอุ่นอุที่เป่ารดบนแก้ม
"เอ่อ...อะ ขอบคุณครับ"ผมเร่งดึงสติกลับมาอย่างรวดเร็ว พยายามเมินดวงตาคมเข้มที่หล่อเหลาเกินกว่าจะเป็นเพียงประธานบริษัท แล้วจึงรีบหยิบเอาแฟ้มที่อยู่บนมือเจ้านายมาไว้กับตัวเองทันที
"เอ่อ อิ่มขอโทษค่ะคุณศร พอดีคุณรัตน์เธอฝากให้อิ่มช่วยพาคุณเลขาคนใหม่ไปที่โต๊ะน่ะค่ะแล้วพอดีอิ่มไปขวางทางพอดีคุณเลขาเลยล้ม อย่าไปตำหนิคุณเลขาเลยนะค่ะ"
ป้าแกละล่ำละลักตอบหน้าซีดเผือด มือซีดปากสั่นจนน่ากลัว
"ช่างเถอะ กลับไปทำงานได้แล้ว"
"ครับ"ผมรับคำค่อยๆพยุงกองแฟ้มให้มั่นคงกว่าเดิมแล้วเดินตามป้าอิ่มที่คอยแนะนำสถาณที่ต่างๆในชั้นบนให้ผมได้ทราบ โต๊ะเลขาตอนนี้ไม่มีร่องรอยของข้าวของเครื่องใช้ของพนักงานก่อนหน้านี้เลยแม้แต่น้อย มีเพียงเอกสารบางส่วนที่สำคัญๆจัดวางเอาไว้ในลังข้างโต๊ะเท่านั้น บนโต๊ะมีเพียงโพสอิทที่เขียนด้วยลายมือประณีตที่น่าจะเป็นของรัตน์
'ศึกษาเอกสารในลังด้วยนะค่ะ'
แค่นั้นเองจริงๆ
ผมก้มลงมองนาฬิกาก่อนจะถลึงตาโต เมื่อเห็นว่าเวลาล่วงเลยมาได้ครึ่งชั่วโมงแล้ว
ผมกล่าวขอบคุณป้าอิ่มที่เดินเอาน้ำมาให้ก่อนจะเปิดแฟ้ม อ่านเอกสารแต่ละแผ่นในนั้นคร่าวๆให้พอจับใจความถึงความสำคัญได้แล้วแยกออกเป็นกองๆ เอกสารสำคัญสมควรอ่านเร่งด่วน พวกที่ยังรอก่อนได้ และพวกที่มีตัวเลขแปลกๆ
หลังจากนั่งหลังขดหลังแข็งแยกอยู่นานทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อยผมใช้เวลาอีกเล็กน้อยในการนำทั้งหมดจัดใส่แฟ้มเพื่อนำไปส่งให้กับประธาน
อีกประมาณยี่สิบนาทีจะถึงเวลาเลิกงาน นับว่าผมจัดการงานได้เร็วกว่าที่คาดไว้มากทีเดียว ผมลุกขึ้นบิดตัวไปมาเล็กน้อยให้คลายความเมื่อยขบ แล้วกดอินเตอร์โฟน
"เอกสารที่ท่านสั่งพร้อมแล้วครับจะให้นำไปให้เลยไหมครับ"
"เอาเข้ามาเลย"
ผมหอบหิ้วเอกสารอย่างทุลักทุเลอีกครั้งไปยังหน้าห้องท่านประธาน เคาะประตูสามครั้งแล้วยืนรอสักพักก่อนประตูอัตโนมัติจะเปิดอ้าออก
"นี่เป็นเอกสารที่สมควรจัดการเร่งด่วน มีทั้งเรื่องงบประมาณของโรงงานสร้างใหม่$^#@#@&#@@"ผมร่ายยาวอธิบายเอกสารแต่ละกอง กินเวลาไปราวๆเกือบสิบนาที พออธิบายจบท่านประธานก็พยักหน้าเป็นเชิงรับรู้
"เอกสารที่รัตน์ทิ้งเอาไว้ให้ คุณก็อย่าลืมอ่านด้วยล่ะ"ท่านประธานกล่าวเนิบๆสายตายังคงจับจ้องไปตามตัวอักษรบนหน้ากระดาษอย่างคร่ำเคร่ง
"ครับท่านประธาน"
"เชิญ"ประตูเปิดขึ้นอีกครั้ง พร้อมผมที่ก้าวเหยาะเดินออกไป ก่อนประตูจะปิด ผมได้ยินเสียงแว่วๆมา"ผมชื่อ ศรวิชย์ โปรดจำเอาไว้ด้วย"
ผมเก็บของที่ไม่ค่อยจะมีมากนักบนโต๊ะทำงานของตัวเองมองนาฬิกาจนแน่ใจแล้วว่าถึงเวลาเลิกงาน ผมจึงเดินลงจากตึกโดยใช้ลิฟต์พนักงาน
และผมก็เพิ่งนึกสงสัยขึ้นมา
คุณศรวิชย์นั่งอยู่บนเก้าอี้ประธานห่างจากประตูห้องราวๆเกือบสิบเมตรได้ ความเร็วการปิดของประตูห้องมันเร็วเกินกว่าที่ใครจะรีบออกมารับตัวผมและแฟ้มได้
เขาทำได้ยังไงกัน....>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>.
ขอโทษ อย่าโกรธกันนะที่หายไป
พอดียุ่งๆกับการดูหนังค่ะ
เรื่องพระเอกของเรื่องนี้....น่าจะรู้อยู่แล้วมั้ง?
ขอบคุณทุกๆคอมเม้นท์ค่ะ