00.08 am.
ทำไมถึงมีผู้หญิงยืนฉี่อยู่ในห้องน้ำ?ผมมาอยู่ที่ร้านเหล้าที่ลัลทำงานอีกครั้งเพราะเขาชวนอีกแล้ว คราวนี้แยกกันมา ลัลให้จ๊ากมารับช่วงบ่ายๆ เพราะจะไปช่วยเจ้าของร้านซื้อของ ส่วนผมก็ยืมรถเขาไปช่วงสองทุ่ม พอมาถึงร้านก็เริ่มมีคนแล้ว ผมนึกอยากเข้าห้องน้ำเลยแวบไปก่อนจะเห็นอะไรประหลาด...
มีผู้หญิงผมสีดำยาวเลยบ่าเล็กน้อย สวมชุดเดรสสีอ่อนถกกระโปรงยืนหันหน้าให้กับโถฉี่ ผู้ชายทุกคนในห้องน้ำต่างจับจ้องสิ่งประหลาดตรงหน้านี้ แต่เจ้าตัวดูไม่ได้สนใจอะไร
อันที่จริง ผมน่าจะเดาได้แต่แรกแล้วว่าเขาคือลัล...
และเมื่อเขาทำธุระเสร็จ ใบหน้าสวยนั่นก็หันมาสบตากับผม เขาเดินไปล้างมือแล้วเดินออกจากห้องน้ำไป ไม่มีการส่งเสียงทักทายใดๆ ผมถอนหายใจ คิดว่าทำไมเขาถึงไม่ใช้ห้องน้ำที่มีประตูทำธุระไปนะ ออกมายืนฉี่ทั้งๆ กระโปรงแบบนี้โคตรเป็นเป้าสายตาเลย...แต่มันก็แปลกตาดีเหมือนกัน เผลอยกยิ้มขำให้กับสภาพเด็กดื้อ ก่อนทำธุระของตัวเองให้เรียบร้อย
เสร็จแล้วก็เดินออกไปยังตัวร้าน ที่นั่งประจำของเขาถูกจับจองไว้ก่อนแล้ว โดยหญิงสาวที่นั่งเอาเท้าพาดต้นขาอีกข้างอย่างไม่นึกกลัวว่ากระโปรงจะเปิด ใช่ ผู้หญิงประหลาดนั่นคือลัลเองนั่นแหละ
“ทำไมแต่งตัวอย่างนี้ล่ะ” ผมเอ่ยถามเมื่อนั่งลงฝั่งตรงข้าม คนสวยทำหน้ามุ่ย เหมือนไม่พอใจที่โดนจับแต่งตัวเช่นนี้
“ดุ๊กดิ๊กกลับมาเยี่ยม เลยโดนจับแต่ง”
“...” ผมไม่มีคำพูด เพราะไม่เข้าใจคำตอบของเขา พอเจ้าเด็กนี่เห็นว่าผมทำหน้างง เลยช่วยอธิบายเพิ่ม
“ดุ๊กดิ๊กเป็นเพื่อนสาวที่คณะ ชอบจับผมแต่งตัวแบบนี้บ่อยๆ”
“อ้อ แล้วนายก็ยอมหรือ”
“ผมขัดใจเขาไม่ได้ แถมเอาชุดผมไปซ่อนอีก”
เขาเฉลย ทำหน้าเบ้ ยกเบียร์ตรงหน้าซดอึกๆ
“เฮ้ ถ้าเมาไม่ต้องเข้าบ้านเลยนะ”
เขาหยุดกระดกเบียร์ในมือ หันมาจ้องหน้าผม
“มาร้านเหล้าแล้วจะให้ทำอะไรล่ะ กินบิงซู?”
“อย่ากวน”
“งั้นคุณก็หาอะไรให้ผมทำหน่อยสิ”
จบประโยค ผมมองหน้าเขาที่บัดนี้โดนแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางบางๆ ลัลหน้าสวยอยู่แล้ว พอได้แต่งแต้มนิดๆ หน่อยๆ ก็ออกมาดูดี แถมใส่ชุดอย่างนี้อีก จะไม่แปลกใจเลยถ้าหากมีคนคิดว่าเขาเป็นผู้หญิงจริงๆ
ลัลเปลี่ยนท่านั่งเป็นไขว่ห้าง เริ่มท้าวคางมองผม
“จ้องขนาดนี้ไปหลังร้านมั้ย”
“หึ”
ผมหลุดขำ ส่ายหัวให้ความคิดเขา ในหัวหมอนี่มีแต่เรื่องแบบนี้หรือไง
“คิดว่านายแต่งแบบนี้ก็น่ารักดี”
คราวนี้คนน่ารักเบิกตาโตเล็กน้อย ก่อนเฉไฉหันไปมองทางอื่น ผมคิดว่าเขาคงเขิน พอเห็นลัลในมุมแบบนี้ก็คิดว่าน่ารักกว่าตอนเป็นเด็กขี้ยั่วตั้งเยอะ แต่ก็ไม่อยากให้เขาเขินนานๆ กลัวว่าเจ้าเด็กไม่ดีจะลุกหนีไปก่อน ผมจึงชวนเขาคุย
“แล้วไหนล่ะเพื่อนที่ว่า”
ลัลหันกลับมาสบตากับผม ชี้มือไปทางซ้าย ส่วนที่เป็นบาร์ “ตรงนั้น”
ผมหันไปเห็นเจ้าจ๊ากอยู่กับใครสักคน ผู้ชายคนนั้นไว้ผมสั้น สวมเสื้อเชิร์ตลายดอกกับกางเกงขายาวห้าส่วน การแต่งตัวดูดี ไม่มีส่วนไหนบอกว่าเขามีหัวใจเป็นสาว ทว่าท่าทางกลับเห็นได้ชัด ผมจึงเดาได้ว่าเขาคือดุ๊กดิ๊ก
“ไม่ไปอยู่กับเพื่อนล่ะ”
“ก็คุณอยู่นี่”
“...ไปคุยกับเพื่อนก็ได้ ฉันไม่ว่าหรอก”
“ไม่เอาหรอก”
“...ทำไมล่ะ ไม่คิดถึงเพื่อนหรือไง”
“เดี๋ยวมีหมามาคาบคุณไป”
ผมหลุดขำพรืด จะมีใครมาสนใจผมกัน ดูตัวเองเสียก่อนเถอะ ล่อสายตาเสียขนาดนี้
“ไม่มีใครมาหรอก ไปเถอะ”
เขาพ่นลมหายใจ “ตอนแรกผมก็คิดว่าคุณโง่นะ แต่ตอนนี้คิดว่าน่าจะซื่อบื้อมากกว่า”
“อะไร”
เขากลอกตา ส่วนผมขมวดคิ้วสงสัย และเขาก็ลุกออกจากโต๊ะเพื่อเดินไปหาเพื่อนๆ กระโปรงสั้นเหนือเข่าของเขาสะบัดพริ้วจนเห็นขาอ่อน ทำให้ผมเข้าใจหัวอกคนเป็นพ่อที่มีลูกสาวแล้ว อยากจะหาผ้ามาคลุมไม่ให้ใครเห็นเรียวขาขาวๆ นั่น แล้วก็นึกแปลกใจตัวเองที่จู่ๆ ก็หวงทั้งๆ ที่เป็นแค่คนข้างบ้าน ผมท่าจะเป็นเอามาก
ผมมองตามเขาไปเพราะไม่รู้จะมองอะไรในร้าน ลัลเอนตัวพิงกับเคาท์เตอร์บาร์ พูดคุยกับเพื่อนสนุกสนาน ชุดเดรสสีอ่อนขับให้เขาดูมีออร่า สว่างจ้ามากกว่าเดิม และไม่แปลกใจเลยถ้าหากเข้าจะเป็นเป้าสายตาให้ทั้งร้าน
คนมองลัลจนแทบจะไม่มีใครสนวงดนตรีอยู่แล้ว
ระหว่างนั้น มีผู้หญิงเดินมาขอชนแก้วกับผมสองสามคน ผมยินดีผูกมิตร แต่ไม่คิดจะมีปฏิสัมพันธ์มากไปกว่านี้ พวกเธอสวยดี แต่สวยได้ไม่เท่าครึ่งหนึ่งของเด็กข้างบ้าน ให้ตาย...พอเจอลัลแล้วสเปกผมก็สูงขึ้นอย่างนั้นหรือ ผมไม่ควรเอาเขาเป็นเกณฑ์วัดใครด้วยซ้ำ เพราะเขาอยู่สูงจากมาตรฐานเกินไป
ระหว่างความคิด ก็มีผู้หญิงอีกคนเดินมาขอชนแก้วด้วย ผมยกยิ้ม หยิบแก้วเบียร์ที่เป็นของลัลมาชนกับหล่อนตามมารยาท ทว่าก่อนจะได้ยกดื่มนั้นกลับมีมือขาวของใครบางคนโผล่มาจากด้านหลัง กำมือรอบมือผมแล้วพาแก้วเบียร์เข้าปากตัวเองไป
ลัลยกยิ้มมุมปากให้หญิงสาว เธอหน้าเสียเล็กน้อยก่อนเดินจากไป
ส่วนต้นเหตุก็เดินไปนั่งฝั่งตรงข้าม เอ่ยขึ้นอย่างมั่นใจ
“ผมบอกแล้ว”
“ก็...ไม่คิดว่าตัวเองจะหน้าตาดี”
“มีใครบอกคุณหรือ?”
ไอ้เด็กเปรต ผมไม่ได้เข้าร้านแบบนี้นานแล้ว จำศีลเป็นฤาษีเฝ้าถ้ำอยู่เป็นปี ห่างหายแอลกอฮอล์และแสงสีไปนานจนคิดว่าสภาพตัวเองคงไม่ได้ดูดีเหมือนแต่ก่อน แต่การที่ยังคงมีคนเข้าหาผมอยู่นั่นทำให้ผมเริ่มมั่นใจในตัวเองขึ้นมาหน่อยๆ
ลัลยกคิ้วสองข้างส่งเป็นคำถามอีกรอบ ก่อนยกเบียร์ซดจนหมดแก้ว เขามองไปรอบร้านก่อนเอ่ย
“กลับกันเถอะ”
“หือ ร้านยังไม่ปิดเลย”
“วันนี้ขอเลิกงานไวแล้วกัน”
“ทำไมล่ะ”
เขาลุกขึ้นยืน ปรายตามองมาที่ผม “อยากกอดคุณ”
เชื่อว่าถ้ากำลังดื่มน้ำอยู่ผมคงสำลัก แต่เพราะนั่งเฉยๆ เลยทำได้แค่หัวเราะกับคำพูดของเขา ลัลรอให้ผมลุกขึ้นพร้อมกัน ก่อนเป็นฝ่ายเดินนำไป
“ไม่เปลี่ยนชุดหรือ”
“ดุ๊กดิ๊กไม่ยอมบอกว่าเอาชุดผมไปไว้ไหน” เขาว่าพลางจับชุดเดรสสีอ่อนบนตัว “นี่ก็ชุดดุ๊กดิ๊ก กลับไปทั้งอย่างนี้ก็ไม่เป็นไรหรอก แลกกัน” ว่าจบก็รอให้ผมเปิดรถให้ ผมทำตาใจเขาอย่างว่าง่าย
“แล้วออกมาแบบนี้ไอ้จ๊ากไม่ว่าเอาเหรอ”
“ไม่ว่าหรอก ก็หักเงินเอา”
พอเขาเข้าไปนั่งในรถเสร็จ ผมก็เข้าไปนั่งฝั่งคนขับบ้าง ก่อนสตาร์ทรถ ขับออกจากร้านไป ระหว่างทางเราไม่ได้คุยกัน จนผมมาถึงบ้านตัวเอง เปิดประตูรั้วนำรถของเขาเข้าโรงจอดรถที่บ้านผมอย่างไม่ถามความเห็นเจ้าของรถ เพราะคิดว่ายังไงเจ้าเด็กดื้อก็คงจะอ้อนขอนอนด้วยเหมือนทุกครั้ง และครั้งนี้เขาทำตามข้อตกลง คือไม่เมา
แต่ว่านะ... “แล้วคิดว่าฉันจะยอมกอดนายเหรอ”
“...ไม่กอดหรือ”
เขาช้อนตามถาม ผมยักไหล่ เดินเข้าตัวบ้าน เขาเดินตามมาพร้อมกับล็อกประตูให้ เดินมาสวมกอดผมจากข้างหลัง
“ไม่กอดจริงๆ เหรอ”
ผมหมุนตัวไปจ้องหน้าเขา โยกหัวเบาๆ “ทำไมถึงต้องอยากกอดนายล่ะ”
“ผมไม่น่ากอดหรือ”
“หาเหตุผลอื่นไม่ได้หรือไง”
ทีนี้เขานิ่งเงียบ ก้มหน้าฝังจมูกบนหน้าอกผมไปพักนึง
“ผมคิดว่า ถ้าเป็นคุณก็คงได้”
“ได้อะไร”
“เป็นโลกให้ผมได้...” ครานี้ช้อนตาขึ้นมามอง ท่าไม้ตายเขาเลยล่ะ “ได้ไหม”
ใช่ว่าไม่เข้าใจความหมายที่ลัลต้องการบอก แต่ที่ไม่ยอมตอบเป็นเพราะความสับสนอยู่ภายในใจต่างหาก ผมชอบเขา แน่ล่ะ ลัลเป็นคนที่ใครเห็นก็คงชอบ แต่ถ้าถามว่าเขาจะกลายมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตได้ไหม...ผมตอบยาก เราเจอกันแค่สองเดือนกว่าอยู่เลย แต่ไม่ปฏิเสธว่าผมอยู่กับเขาแล้วก็มีความสุขดี ถึงอย่างนั้นมันก็มีตัวแปรมากกว่าหนึ่งหรือสอง
ลัลใช้ดวงตาสีสวยจ้องผมในความเงียบ จนหมดความอดทน เขาพ่นลมหายใจพรืด ปล่อยแขนออกจากตัวผม หมุนตัวเดินไปห้องน้ำ
และก่อนที่เขาจะได้เข้าไปหลบตัวในห้องเล็ก ผมก็คว้าเขามากอด
“อย่าใจร้อนสิ” ผมกระซิบบอกเขาที่ข้างหู ลัลหดคอหนีเมื่อโดนเล่นงานจุดอ่อน
ผมเอาคางพาดไหล่เขา กระชับอ้อมกอด บอกไม่ถูกว่าอารมณ์ตัวเองตอนนี้เป็นยังไง ลัลเข้ามาในช่วงที่ไม่ทันได้ตั้งตัว แถมวิธีเข้าหาก็ประหลาด ผมไม่คิดว่าเขาจะจริงจังอะไรขนาดนี้ รวมถึงตัวเองก็ไม่กล้าจริงจังกับใครอีกเช่นกัน...
ลัลอกหักมาเป็นปี ทำใจไม่ได้สักที ผมเข้าใจ...ที่น่าเจ็บใจก็คือผมก็เป็นเหมือนเขา
เพียงแค่วิธีการหาทางออกของผมไม่ใช่การดื่มเหล้าจนเมามาย หรือการไปหาใครต่อใครมานอนกอดแทนคนเก่า
แต่ที่ผมทำคือการหลีกหนีจากสภาพแวดล้อมเดิม ย้ายตัวเองมาอยู่ที่ใหม่ หลีกหนีจากผู้คน หนีจากการมีปฏิสัมพันธ์กับใคร การอยู่คนเดียวคือทางออกของผม ทั้งที่ตั้งใจเช่นนั้น แต่ไม่เคยไล่ลัลออกไปจากชีวิตได้สักที
“กอดผม...”
“...กอดอยู่นี่ไง”
“งั้นปล่อยเลย เดี๋ยวผมกอดคุณเอง”
ผมหัวเราะขำ กระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น ไม่ยอมให้คนเด็กกว่าได้ทำตามใจ เขาฟึดฟัด พยายามดิ้นหนี ผมเลยช่วยทำให้เขาใจเย็นด้วยการจูบลงขมับขวา ก่อนล้วงเข้าไปในกระโปรงสีสวย
ลัลชะงัก เขาหยุดดิ้นแล้ว เปลี่ยนมาเป็นเกร็งตัวแทน ท่าทางน่ารักจนน่ามันเขี้ยว ผมกดจูบลงที่ใบหูของเขาอีกที จนคนโดนแกล้งร้องครางเสียงแผ่ว อีกมือของผมไม่หยุดนิ่ง ล้วงลูบต้นขาขาวใต้กระโปรงไล่ขึ้นไปจนถึงขอบบ็อกเซอร์ ผมใช้นิ้วเกี่ยวให้มันลงมาในระยะที่พอจะเข้าไปรุกรานส่วนกลางลำตัวของเขาได้
เขาขดตัวงอเป็นกุ้งเมื่อผมเริ่มสัมผัสส่วนนั้นที่เริ่มจะตื่นสู้มือ ลัลพยายามหันมาทว่าผมล็อกตัวเขาไว้แน่น เด็กน้อยเลยได้แต่ร้องเสียงแผ่ว ดิ้นพล่านไปมา
“คุณ...”
“หืม”
“กอดผมนะ...” เขาครางเสียงเบาจนแทบไม่เป็นภาษาเมื่อผมเริ่มขยับมือ เขาพยายามตะกายเอื้อมมือตัวเองมาแตะตัวผม ไล่ไปจนถึงส่วนนั้น เขาแตะอยู่สองสามที “ตรงนี้...เอาเข้ามานะ”
รับคำสั่ง ผมกัดไหล่เขาเบาๆ ใช้เวลาไม่นานในการปลดซิปเอาเจ้าหนูของตัวเองออกมาสัมผัสอากาศข้างนอก ผมจับสะโพกของเขามั่น บีบให้ต้นขาของเขาชิดกัน เอ่ยกระซิบข้างหู
“ยืมหน่อยนะ”
พร้อมกับแทรกตัวไประหว่างร่องขา ลัลสะดุ้งจนต้องเอื้อมมือไปจับขอบประตู ยันไว้ไม่ให้ตัวเองล้มลงไป ส่วนผมขยับมือช่วยเขาพร้อมกับเริ่มขยับสะโพกของตัวเองเบาๆ ในตอนนี้ผมไม่มีความคิดจะทำอะไรเขาจริงจัง แต่ก็ห้ามใจยากเหลือเกินที่จะไม่สัมผัสเขาในยามที่ลัลอยู่ในสภาพน่ากอดเช่นนี้
อย่างน้อยก็มาคนละครึ่งทาง
ผมถูของตัวเองกับต้นขาขาว เสียดสีกับส่วนอ่อนไหวของเขา ขยับมือรูดรั้งแก่นกลางของอีกฝ่าย ลัลส่งเสียงร้องไม่เป็นศัพท์ออกมาเป็นระยะ เขาก้มหน้าจนเส้นผมสีดำยาวไหลลงไปข้างหน้า เปิดให้เห็นต้นคอขาวราวกับเชิญชวนให้ชิม
ผมทำตามคำเชิญ ก้มลงกัดต้นคอสวยเบาๆ
และทันใดนั้น ลัลก็กรีดร้องลั่น ตัวเขาสั่น กระตุกเกร็งสองสามที สองมือที่จับขอบประตูคลายออก เขาเกือบจะทิ้งตัวลงไปนั่งบนพื้น เสียแต่ผมเกี่ยวเอวเขาไว้ และสัมผัสได้ถึงน้ำเหลวสีขุ่นที่ไหลออกมาตามระหว่างขา
ลัลหอบแรง พยายามหันหน้ามามองผมทว่าหันมาได้นิดเดียวก็รีบหันหนี ผมเห็นว่าเขากัดปากตัวเอง ใบหูแดงและคิดว่าหน้าของเขาก็คนต้องแดงจัดไม่แพ้กันแน่ๆ
“แพ้ตรงนี้เหรอ” ผมถาม ใช้มืออีกข้างที่ไม่ได้กอดเอวเขาอยู่สัมผัสบนต้นคอ
“อย่าจับนะ” เขาร้อง รีบใช้สองมือตัวเองยกมาปิด ท่าทางน่ารักจนผมหลุดหัวเราะขำ ก่อนก้มลงจูบฝ่ามือที่พยายามปกปิดจุดอ่อนของตน
“อือ...”
ลัลพยายามบิดตัวหนีสัมผัส แต่ไม่สามารถหลุดจากกรงอ้อมกอดของผมได้
“เด็กน้อย งั้นวันนี้เอาเท่านี้ก่อนแล้วกันเนอะ” ผมกระซิบที่ใบหูเขา ลัลหดคอหนี และก่อนที่เขาจะได้ตอบอะไรกลับมาผมก็ปล่อยให้เขาเป็นอิสระ ลัลรีบหันมาจ้องหน้าผม สลับกับส่วนกลางลำตัวที่ผมเก็บเข้ากางเกงไปแล้ว
“แล้วคุณ...”
“ฉันจัดการตัวเองได้น่า นายไปอาบน้ำไป”
“แต่คุณ...”
“เด็กดีต้องเชื่อฟังผู้ใหญ่นะรู้มั้ย” ผมบอก กระซิบใส่เขาพร้อมกับแกล้งลูบต้นคอขาวเบาๆ ลัลรีบหดคอบิดตัวหนี แล้วเขาก็ลงไปนั่งแหมะบนพื้นหน้าห้องน้ำ กุมต้นคอตัวเองไว้ จับจ้องผมด้วยใบหน้าแดงซ่าน
❍
นิดหน่อยๆ
ขอบคุณทุกการติดตาม
#ณพระจันทร์