{OMEGAVERSE} ║PREY เหยื่อ ◑║ แจ้งข่าวรวมเล่ม p.10
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: {OMEGAVERSE} ║PREY เหยื่อ ◑║ แจ้งข่าวรวมเล่ม p.10  (อ่าน 47451 ครั้ง)

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
ปัง!!!
   
มือหนาทุบลงบนโต๊ะเสียงดังลั่นราวกับอัดความกราดเกรี้ยวทั้งหมดลงไป เหล่าอัลฟ่าปากมากจึงพากันเก็บปากเงียบสงบเสงี่ยมและตัวสั่นเทา
   
เพราะพวกเขาเผลอไปล้ำเส้นกันเสียแล้ว..
   
“ก็เพราะพวกคุณคิดกันแบบนี้ไง ปัญหามันถึงไม่จบไม่สิ้นกันสักที!” แม้จะยังควบคุมอารมณ์ได้ดีแต่น้ำเสียงของโลกันต์กลับเหมือนเสียงของพยัคฆ์ที่กำลังขู่คำรามอย่างกราดเกรี้ยว “เออ ต่อให้ผมฆ่าพวกเขาทั้งหมดปัญหามันก็ไม่จบหรอก คิดเหรอว่าโอเมก้าที่ไม่ได้อยู่ระบบจะยอมให้เราทำแบบนั้น คิดเหรอว่ากับแค่การมีปืนกับอำนาจทหารในมือจะสามารถทำอะไรก็ได้ ถ้าพวกคุณคิดแบบนั้นพวกคุณมันก็แค่เศษสวะ พวกคุณเอาแต่ทำร้ายพวกเขาทั้งๆ ที่พวกเขาก็เป็นคนเหมือนกับคุณ โอเมก้าก็เป็นคน เขาไม่ใช่สัตว์เลี้ยง เขามีคุณค่ายิ่งกว่าหมาแมวที่พวกคุณโปรดปรานซะอีก และที่ผมเรียกรวมตัวพวกคุณวันนี้ก็เพราะจะเตือนให้ระวังตัวกัน ไม่ใช่มาด่าผม คิดเหรอว่าผมไม่พยายามทำงาน ถ้าพวกคุณเก่งกว่าผมกันมากก็มาสมัครเป็นตำรวจแล้วขึ้นมาเป็นพลเอกแทนผม ถึงตอนนั้นจะทำอะไรก็ทำ ผมจะไม่ขัดแม้แต่คำเดียว!”
   
ยิ่งพูดเสียงก็ยิ่งกระชากจนน่ากลัว ความไม่พอใจอัดมวลอยู่ในท้องพร้อมจะระเบิดออกมา ถ้าเกิดยังมีใครกล้าตะโกนด่าทั้งเขาทั้งภรรยาเขาอีก คงจะทนไม่ได้แน่
   
สำหรับโลกันต์แล้วอัลฟ่าเป็นเผ่าพันธุ์ที่โหดร้าย มีสติปัญญาที่ดีเลิศและพละกำลังที่เหนือกว่าสายพันธุ์อื่นๆ แต่กลับไม่คิดจะให้ความช่วยแต่กลับแต่งตั้งตัวเองให้กลายเป็นชนชั้นปกครอง ช่วงชิงความสะดวกสบายจากชนชั้นอื่นและไล่เหล่าเบต้าโอเมก้าไปทำงานที่ต่ำกว่าตัวเอง
   
“ขยะแขยงว่ะ! มีเมียเป็นโอเมก้าแล้วโง่ตามรึไงวะ ถึงไปช่วยพวกมัน”
   
แต่ก็ยังไม่วายมีคนที่กล้าเถียงขึ้นมา เส้นความอดทนของโลกันต์ขาดผึงแทบจะกระโจนลงจากเวทีลงไปซัดอีกฝ่ายที่กล้าปากดีให้รู้แล้วรู้รอด แต่แน่นอนว่าตำแหน่งพลเอกยังล่ามข้อเท้าเอาไว้อยู่ จึงได้ขบเคี้ยวฟันอย่างกราดเกรี้ยว
   
“ชู่ว ไม่เอา ไม่โกรธนะครับ พี่เสือ”
   
โลกันต์หน้ายู่เมื่ออ่านปากคนรักของตัวเองที่พยายามเรียกร้องความสนใจเขาสุดฤทธิ์ พยายามทำให้เขาอารมณ์เย็นลง ทั้งๆ ที่ควรจะเป็นฝ่ายโกรธด้วยซ้ำเพราะโดนเหน็บแนมถึงเพียงนั้น
   
เห็นไหมล่ะ ว่าโอเมก้าไม่ได้เลวร้ายซะหน่อย ทำไมผู้คนถึงได้อคติกันนักนะ
   
นัยน์ตาสีดำของพลเอกแม้จะอยู่ดูดุดันต่อผู้อื่นแต่มันก็เคลือบความผิดหวังเอาไว้
   
“เหตุผลหลักที่ผมเรียกพวกคุณมาที่นี่ก็เพื่อให้ระวังตัวเอาไว้และให้ระวังสิ่งนี่ด้วย” มือหนาหยิบขวดน้ำหอมในขวดธรรมดาราคาถูกหาได้ทั่วไปในท้องตลาดขึ้นมาชูให้ทุกคนเห็น “นี่คือน้ำหอมที่พวกโอเมก้าที่พวกคุณรังเกียจนักหนาผลิตขึ้นมา มันมีฤทธิ์ทำให้พวกคุณไม่ได้สติมีอารมณ์ทางเพศเหมือนตอนที่เจอพวกโอเมก้าฮีทใส่ แต่น้ำหอมนี้มันไม่ได้ทำให้คุณมีเรี่ยวแรงกระชุ่มกระชวยขึ้นมา” รอยยิ้มมุมปากโลกันต์ทำเอาคนมองเสียวสันหลังวาบ “ตรงกันข้าม มันจะทำให้คุณอ่อนแอไร้เรี่ยวแรงเหมือนที่พวกโอเมก้าเป็นเวลาฮีท พวกเขาจะยินยอมให้คุณกระทำย่ำยีตามอำเภอใจเพราะสัญชาตญาณดิบที่ปะทุขึ้นมา แน่นอนเมื่อพวกคุณโดนไอ้น้ำหอมนี้บ้าง พวกคุณก็จะกลายเป็นแค่เหยื่อเชื่องๆ ให้พวกโอเมก้าเลยล่ะ”
   
ไม่ว่าเปล่าเปิดฝาน้ำหอมที่ถูกนำไปเจือจางแล้วออก กลิ่นฟีรีโมนโอเมก้าพวยพุ่งและแพร่กระจายในพริบตา
   
คราวนี้ไม่มีเสียงฮือฮา ทุกคนต่างพากันกลืนน้ำลายเอือก ขนาดยืนอยู่ไกลยังได้กลิ่นฮอร์โมนโอเมก้าอย่างชัดเจน สติปัญญาคล้ายกับถูกมอมเมาให้รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวและแน่นอนว่ามันไม่มีอะไรเลยสำหรับโอเมก้าแม้แต่นิดเดียว
   
“ผมจึงขอประกาศให้ช่วงนี้พวกคุณระมัดระวังตัวให้ดีเพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่าพวกโอเมก้าสามารถทำอะไรได้มากกว่าน้ำหอมหรือเปล่า ตอนนี้พวกเราก็พยายามทำงานกันอยากหนักพยายามหาตัวหัวหน้าของกลุ่มกบฎเพื่อหยุดยั้งเรื่องทั้งหมด”
   
ในขณะที่พลตำรวจเอกกำลังพูดชี้แจ้งเกี่ยวกับรายละเอียดต่างๆ ประธานหนุ่มวัยกลางคนของบริษัทยักษ์ใหญ่ตระกูลกิลลาสก็ยืนครุ่นคิดด้วยสีหน้าเคร่งเครียดเพราะรับรู้ถึงการระบาดของน้ำหอมโอเมก้าได้สักพักใหญ่ๆ แล้ว
   
ทั้งๆ ที่พยายามจะค้นหาต้นตอแต่ทุกครั้งที่เข้าใกล้ความจริงก็เหมือนกับว่าหายไปซะเฉยๆ ราวกับมีคนตั้งใจกลบเกลื่อนช่วยเหลือความกลุ่มคนพวกนี้ที่อาศัยอยู่ในซ่องนกพิราบ
   
มีสมมุติฐานหนึ่งที่อยู่ในใจเหมันต์แต่เจ้าตัวก็ไม่อยากจะยอมรับนัก
   
เพราะสมมุติฐานที่ว่านั้นคือเป็นคนของเขาเองที่เกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนี้ ตลาดซ่องนกพิราบคือตลาดกลางแลกเปลี่ยนสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ การจะกระจายสินค้าสามารถทำได้อย่างง่ายดายถ้าหากคิดจะทำจริงๆ
   
ยิ่งคิดใบหน้าคมคายก็ยิ่งขมวดคิ้วมุ่นจนทำให้ดูน่ากลัว
   
นัยน์ตาหมาป่าดูดุดันจนแทบทำให้คนที่ลอบมองอยู่ไกลๆ หายใจได้ไม่ทั่วท้องด้วยความหวาดกลัวว่าตัวเองทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจอะไรรึเปล่าแต่แน่นอนว่าสำหรับเรื่องทุกอย่างก็ย่อมมีข้อยกเว้น
   
“สวัสดีค่ะ คุณเหมันต์ ไม่ได้พบกันนานเลยนะคะ”

คนที่อยู่ในแวดวงการสวมหน้ากากเข้าสังคมย่อมไม่กลัวและสนใจสีหน้าของอีกฝ่ายที่อยากคุยด้วยนัก สิ่งสำคัญที่พวกเขาสนใจจากคู่สนทนาคือผลประโยชน์เสียมากกว่า

“สวัสดีครับ คุณวิภาดา” เหมันต์ยิ้มนุ่มนวลให้กับหญิงสาวอัลฟ่าวัยกลางคนที่ยังสามารถรักษาใบหน้าอ่อนเยาว์ด้วยวิธีทางการแพทย์ที่เจ้าตัวเชี่ยวชาญและเป็นผู้สอนด้วยตัวเอง เสื้อผ้าที่สวมนั้นเป็นสีขาวปลอดแต่สร้อยและกำไลข้อมือกลับประดับประดาด้วยสีทอง เพชร และอัญมณีราคาแพงสีสันแปลกตา

“ยังรูปหล่อเหมือนเดิมเลยนะคะ” หญิงสาวยิ้มแต่เหมันต์ก็ดูออกว่ามันเป็นการยิ้มตามมารยาท

“ขอบคุณครับ” เหมันต์ยังตอบรับอย่างนุ่มนวลแม้ว่าจะพอเดาสาเหตุที่คนใหญ่คนโตอย่างคุณวิภาดา นฤภัทร ภรรยาของนายแพทย์นพวิทย์ นายแพทย์ชื่อดังที่ถูกตั้งฉายาว่าหมอเทวดาพ่วงด้วยตำแหน่งผู้ถือหุ้นในโรงพยาลเครือนฤภัทรและโรงเรียนนฤภัทรนานาชาติที่เพิ่งถูกเปิดมาไม่กี่ปี่มานี้พยายามเข้าหาตัวเอง

หนึ่งในเหตุผลหลักเหมือนหลายๆ คนก็คือต้องการผูกมิตรกับเขา

ส่วนเหตุผลที่สองก็คือต้องการอะไรจากเขาและคุณหญิงวิภาดา นฤภทัรก็เป็นคนประเภทหลัง
   
“ตอนนี้ทางพี่เนี่ยก็กำลังทำโรงเรียนกันอยู่” แพทย์หญิงยิ้มและพูดด้วยน้ำเสียงน่าฟัง “ถ้าคุณเหมันต์สนใจจะเอาเงินมาลงทุนด้านการศึกษาก็ติดต่อมาได้นะคะ ทางเราคิดค่าผ่านทางไม่แพง ถ้าสนใจยังไงก็ให้ติดต่อมาทางเมลล์ก็ได้นะคะ”
   
“ครับ”
   
เหมันต์ตอบรับเพียงเท่านั้นก่อนจะตอบรับไปตามเรื่องตามราวด้วยอารมณ์ที่ไม่คงที่นัก
   
สิ่งที่ตระกูลนฤภัทรกำลังทำอยู่นั้นคือการรับฟอกเงินผ่านทางสถานศึกษา การนำเงินมาลงทุนกับการศึกษานั้นมีการยกเว้นภาษี พวกคนหัวใสจึงพากันนำผลกำไรมาลงทุนกับธุรกิจโรงเรียนเพื่อให้ผลกำไรทั้งหมดของตัวเองไม่ต้องเสียภาษี นับว่าเป็นการกระทำที่ไม่โปร่งใสนักแต่ก็มีหลายคนที่เลือกที่จะทำอยู่ดี
   
หากแต่สิ่งที่ทำให้เหมันต์หงุดหงิดไม่สบอารมณ์จริงๆ นักกลับไม่ใช่เรื่องนี้
   
แววตาสัตว์ป่าดุดันจนแทบจะฉีกกระชากคนผ่านทางสายตาให้เป็นพันๆ ชิ้นก็คือแววตาของเหมันต์ตอนนี้
   
คนตรงหน้าคือแม่ของจ้าว แม่แท้ๆ แม่ผู้บังเกิดเกล้าให้กำเนิดฝาแฝดคู่หนึ่งออกมา เลี้ยงดูจนโตก่อนจะผลักไสให้ลูกชายคนหนึ่งของตัวเองต้องตายทั้งเป็นด้วยคำหลอกลวงของใครบางคน
   
ทั้งๆ ที่เขารู้จักจ้าวไม่ถึงสิบปีเขากลับเชื่อมั่นว่าจ้าวไม่ได้ทำคดีฆาตกรรมบ้าๆ นั่น แล้วทำไมคนที่เป็นผู้ให้กำเนิดอย่างคนตรงหน้าถึงเลือกที่จะไม่เชื่อ คนเป็นพ่อแม่ควรจะรู้สึกตัวจ้าวดีกว่าคนนอกอย่างเขาด้วยซ้ำ
   
ทำไม?
   
หมาป่าหนุ่มรู้สึกไม่พอใจเอามากๆ คนที่สามารถช่วยเหลือจ้าวได้ถ้าคิดจะทำกลับไม่คิดจะช่วย เหตุผลหนึ่งที่เหมันต์คิดออกคือครอบครัวของจ้าวใช้เวลาอยู่ด้วยกันไม่มากนัก ก็เหมือนกับพ่อของเขาก็ไม่ค่อยมีเวลาให้สักเท่าไหร่ในตอนเด็ก มีแต่แม่ที่คอยดูแลและสอนเรื่องราวต่างๆ ให้เขา
   
ความสัมพันธ์ในครอบครัวนี้คงจะเปราะบางมาก คล้ายกับเส้นเอ็นที่กำลังจะขาดตลอดเวลา ตอนนี้เส้นเอ็นเหลือเพียงหนึ่งเส้นก็คือจันทร์ แต่เขาก็พอจะเดาได้ว่าจันทร์คงจะได้ความรักน้อยพอๆ กัน เพราะเขารู้ว่าคนประเภทนี้ให้ความสำคัญกับชื่อเสียงเงินตรามากกว่าชีวิตครอบครัว
   
สำหรับเหมันต์แล้วทั้งชื่อเสียงกับเงินตราก็เหมือนเสือร้าย หากคิดจะขึ้นไปบนหลังมันแล้วก็ยากที่จะลงมาเพราะทันทีที่ขึ้นไป ผู้คนรอบตัวก็จะเปลี่ยนแปลงไป ในยามที่มองมักจะมีความชื่นชมและริษยาแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่านั้น มีหลายคนที่หลงระเริงอยู่บนหลังเสือและในที่สุดก็โดนมันแว้งกัดจนตาย
   
“คุณเหมันต์เนี่ย ยิ่งดูพี่ก็ยิ่งเสียดาย”
   
อยู่ดีๆ น้ำเสียงที่เปลี่ยนไปของอีกฝ่ายเล่นเอาเหมันต์เลิกคิ้วงุนงง
   
แพทย์สาววัยกลางคนที่ยังสวยสดอยู่ถอนหายใจอย่างเสียดาย “นี่ถ้าพี่มีลูกสาวอัลฟ่าสักคนนะ คงจะยกให้คุณเหมันต์ไปแล้ว ทั้งรูปหล่อทั้งหน้าที่การงานดีขนาดนี้”
   
น่าแปลกที่เหมันต์รู้สึกอยากหลุดขำมากเมื่อนึกถึงหน้าคนในห้องที่ใช้นามสกุลนฤภัทรมาเหมือนกัน แต่สีหน้าก็ยังคงความสุขุมไว้อย่างสมบูรณ์แบบ
   
“ครับ” เหมันต์ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ
   
“นี่พี่เสียดายจริงๆ นะ” วิภาดากล่าวย้ำ “ถ้าเกิดจันทร์ ลูกของพี่เป็นผู้หญิงก็คงจะดี เราทั้งสองคนจะได้เป็นครอบครัวเดียวกัน พี่น่ะ อยากมีหลานตาสีเทาแบบเหมันต์”
   
และตาที่วิภาดาชื่นชมนักหนาก็มองกลับมาที่ตนเองอย่างเย็นชาจนเธอรู้สึกหน้าชา แม้จะยังรักษารอยยิ้มเอาไว้ได้แต่ก็หวาดกลัวขึ้นมาแปลกๆ
   
“ครับ”
   
เหมันต์ก็ยังตอบรับเพียงเท่านั้นและไม่มากกว่านั้น ในใจรู้สึกหงุดหงิดไม่พอใจเอามากๆ กับความคิดที่ไม่เหมือนผ่านการคิดของหญิงสาว เอาเข้าจริงในยุคสมัยตอนนี้ไม่ควรจะสนใจด้วยซ้ำว่าเพศอัลฟ่าคืออะไร เพราะการอุ้มบุญต่างๆ ที่ใช้โอเมก้าทำมีอย่างถูกกฎหมายแล้ว แต่ที่เขาโมโหที่สุดคือหญิงสาวไม่คิดจะภูมิใจในตัวลูกชายของตัวเองสักนิด ถ้าเกิดเธอพูดถึงจ้าวในแง่นั้น เขาคงทนฟังนิ่งๆ ไม่ได้
   
“งั้นผมก็ขอจบการประชุมเพียงเท่านี้ ถ้าพวกคุณได้เบาะแสหรือโดนทำร้ายก็ติดต่อทางตำรวจได้ทันทีตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง”
   
เมื่อพลเอกหนุ่มประกาศขอจบการประชุม เหมันต์ก็ไม่ลังเลที่จะยกมือไหว้หญิงสาวเพื่อที่จะขอตัวกลับไปทำธุระของตัวเองต่อ แน่นอนว่าอย่างแรกที่ต้องทำคือกลับไปที่ห้องเพื่อคุยกับจ้าวตรงๆ เรื่องเมื่อวาน เขาไม่ชอบอะไรที่ไม่ชัดเจน ถ้าเกิดว่าเขาทำในสิ่งที่จ้าวไม่ชอบ เขาจะได้เว้นระยะห่างไปเลยมันจะได้ไม่เกิดขึ้นอีก
   
“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”
   
“เดี๋ยวลูก”
   
เหมันต์มองสีหน้าครุ่นคิดของหญิงสาวก่อนที่เธอจะทำหน้าเหมือนตัดสินใจได้
   
“ถ้าเหมันต์ชอบจันทร์ ก็บอกพี่ได้นะ พี่ช่วยได้” เธอยิ้มให้เหมันต์ราวกับไม่เคยพูดประโยคเมื่อกี้ “พี่อยากเป็นครอบครัวเดียวกันจริงๆ ถ้าสนใจยังไงก็โทรหาพี่ได้เลย ระดับเหมันต์แล้วพี่เชื่อว่าหาเบอร์พี่ได้ง่ายๆ เลยล่ะ”
   
“…ครับ”
   
เหมันต์ก็คือเหมันต์สามารถคงความเย็นชาไว้ได้อย่างเสมอต้นเสมอปลายและเดินหนีออกมาทันทีเพราะเบื่อที่จะคุยแล้วและเหตุผลอีกอย่างก็คือคิดถึงคนที่บ้านที่ไม่รู้ว่าทำอะไรอยู่ กังวลว่าอีกฝ่ายจะนั่งร้องไห้คนเดียวอีก แน่นอนว่ามันเป็นสิ่งที่เหมันต์ไม่อยากให้เกิดขึ้นสักนิด
   
ระหว่างที่คิดเรื่อยเปื่อยและกำลังจะเดินออกจากห้อง หางตาก็เหลือบไปเห็นคนที่คุ้นหน้าคุ้นตาพอดี แม้สีหน้าของเหมันต์จะยังนิ่งสงบแต่ในใจตื่นตระหนกไม่น้อย
   
ข้าว?
   
ร่างผอมบางคล้ายจ้าวที่กอดแขนเสี่ยตัวอ้วนตรงนั้นกำลังยิ้มจนตาหยีแม้ว่าจะโดนอัลฟ่าอีกคนที่อ้วนพอกันลูบสะโพกอยู่
   
“…”
   
“…”
   
และทั้งสองก็เผลอสบตากันโดยบังเอิญพอดี แน่นอนว่าข้าวตกใจมากจนหน้าเหวอแต่ก็ต้องรีบยิ้มโง่ๆ ให้กับผู้บริหารค่ายเพลงที่ถูกใจเขาและเสนอตัวเป็นคนรับเลี้ยง แต่เมื่อเสี่ยเผลอเขาก็พยายามส่งสายตาขอความช่วยเหลือให้กับคุณเหมันต์เพราะถ้าให้เลือกเป็นเด็กเลี้ยงจริงๆ เขาขอเป็นคุณเหมันต์ยังจะดีกว่า โปรไฟล์ก็ดี หน้าตาก็ดี ไหนจะเงินจำนวนมหาศาลในบัญชีที่สามารถเลี้ยงพวกเขากับน้องๆ ได้สบายอีก
   
แต่น่าเสียดายที่เหมันต์ไม่สนใจ สาวเท้าออกจากห้องอย่างไม่ไยดี
   
ทิ้งให้ข้าวขบเคี้ยวฟันอย่างเสียดาย
   
เพราะเขาเองก็มีดีไม่แพ้กับพี่จ้าวหรอก!

---------------

ตัวละครลับที่คาดว่ามีแค่คุณ lizzi ที่รุ้จัก 5555 :katai2-1:

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
อ้อหออออ อห ข้าว! โห ดีแล้วล่ะที่จ้าวเลือกทำแบบนั้นกับข้าว

ตอนนั้นคิดว่าอะไรของจ้าวล่ะนั่น แต่พอมาตอนนี้เออๆดีมากๆเลย

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ดีแล้วที่จ้าวมองข้าวได้ขาด  เกลียดจริงๆ

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
บ้าบอ
ขายลูก ทอดทิ้งลูก

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ผิดหวังในตัวข้าวจริงๆ หวังว่าจะไม่สร้างความเดือดร้อนให้จ้าวนะ

ออฟไลน์ angel_Z4

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
เป็นนิยายที่ดีจริงๆ อินมากจนร้องไห้ตามเลยล่ะค่ะ :mew4:

ออฟไลน์ gackmanas

  • I Remember your Eyes..
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
ตอนที่ 25

เสียงน้ำตกจำลองดังเป็นจังหวะคลอกับเสียงนกร้องและปลาที่กระโดดดำผุดดำว่ายเป็นบางครั้ง ตามกิ่งก้านต้นไม้ที่ยื่นเข้าไปในฝั่งของคลองนั้นถูกพาดด้วยเสื้อสีขาวบางที่ถูกใครบางคนใส่มา ในส่วนของอีกก้านที่เยื้องกันนั้นก็เป็นกางเกงขาสั้นสีดำ
ร่างผ่ายผอมที่เพิ่งตัดสินใจเปลื้องผ้าตัวเองไปหยกๆ นั่งแช่เท้าในน้ำเย็นเฉียบ จดจ้องภาพของตัวเองที่ถูกสะท้อนกลับมาจากผิวน้ำด้วยความรู้สึกประหลาดนิดหน่อย จนอดไม่ได้ที่จะลูบตามไหปลาร้าตามอกของตัวเองที่เริ่มจะกลับมามีเนื้อหนังบ้างหลังจากแห้งมานานหลายปี ซึ่งมันก็น่าจะเป็นผลมาจากการนอนหลับที่เต็มอิ่มและเขาสามารถกินอาหารได้เต็มที่โดยไม่ต้องหวาดระแวงหรือกลัวอะไร

แต่ที่ยังขัดหูขัดตาก็คือสีผมที่ยังคงกระดำกระด่างเหมือนหมาเป็นขี้เรื้อนอยู่อย่างงั้น จ้าวขมวดคิ้วเซ็งๆ เพราะถึงผมจะนุ่มขึ้นมาจากเดิมมากแต่สีก็สวยไม่ถูกใจเขาอยู่ดี

กา!

จ้าวสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงอีกาตะโกนข้างหู ยังไม่ทันได้หาต้นเสียงก็พบว่ามันลงจอดบนหัวตัวเองแล้ว นัยน์ตาโศกเจือประกายขบขันก่อนที่จะเอื้อมมือขึ้นไปอุ้มเจ้าอีกาลงมาวางบนตัก

“กลับมาเยี่ยมเหรอ?” พูดติดตลกเพราะเจ้าอีกาก็หายตัวไปหลายวันจนจ้าวคิดว่ามันบินไปที่อื่นแล้ว

กา!

เจ้าอีกาขยับหัวไปมาก่อนที่จะวางสิ่งของที่อยู่ในปากลงบนตักจ้าวและร้องกาๆ เชิงอวด มันทำขนพองขึ้นอย่างพึงพอใจเมื่อเจ้าลูบตัวมันอย่างเอ็นดูและทะนุถนอม

“ขอบใจ” จ้าวยิ้มนิดๆ หยิบช้อนแกงธรรมดาที่ไม่รู้เจ้านี่ไปขโมยมาจากไหนแต่ก็คงมีมูลค่าไม่น้อยในสายตามัน เขาเคยได้ยินว่าพวกอีกาเฉลียวฉลาดจนสามารถเรียนรู้การให้และตอบแทนได้ ไม่คิดว่าเจ้าอีกาที่ดูงงๆ อย่างเจ้าตัวนี้จะเป็นไปกับเขาด้วย

กา!

มันร้องกาซ้ำอีกครั้งก่อนที่จะตีปีกบินพึ่บพั่บขึ้นไปเกาะบนกิ่งไม้ นัยน์ตาสีดำวาววับของมันจดจ้องจ้าวนิ่ง เอียงคอไปมาก่อนจะไซร้ขนตัวเองต่อเพื่อทำความสะอาด

จ้าวหัวเราะเสียงแผ่วก่อนที่จะมองพื้นที่แปลกตารอบตัวเอง ซึ่งตั้งแต่เกิดมาเขาก็ไม่เคยไปสถานที่แบบนี้ด้วยซ้ำ นัยน์ตาโศกมองฝูงปลาที่ว่ายผ่านเท้าตัวเองอย่างเพลินตา

ทั้งเขาและจันทร์แทบไม่ได้มีโอกาสออกไปเที่ยวไหน ช่วงชีวิตในวัยเด็กจนถึงวัยรุ่นถูกกักขังอยู่ในโรงเรียนและบ้าน สิ่งที่เปิดโลกสองพี่น้องที่สุดก็มีแค่อินเทอร์เน็ตและทีวี

แม้ว่าจะเรียกร้องอยากดูของจริงแค่ไหนแต่คำตอบที่ได้ก็คือไร้สาระ อยากดูนักก็เปิดช่องสารคดีสิ มีปัญหาหรือฟุ้งซ่านมากนักก็อ่านทบทวนในสิ่งที่เรียนสิ นี่แทบจะไม่มีเวลาแล้วนะ ยังไม่กระตือรือร้นกันอีก

นั่นเป็นสิ่งที่จ้าวกับจันทร์รับรู้ตอนที่เพิ่งอายุได้เจ็ดขวบ ทั้งเขาทั้งน้องเกาะขาพ่อคนละข้าง ออดอ้อดขอไปเที่ยวอย่างครอบครัวอื่นๆ บ้าง เป็นการเที่ยวจริงๆ ไม่ใช่การออกไปข้างนอกเพื่อเข้าสังคม แน่นอนว่าสำหรับจันทร์และจ้าวมันน่าเบื่อยิ่งกว่าโดนอ่านหนังสือทั้งอาทิตย์ซะอีก

หากแต่คำร้องขอก็ไม่เคยไปถึง ทุกครั้งมักจะถูกปัดตกตั้งแต่พี่ชา พวกเขาสองพี่น้องก็ได้แต่จมปลกกันอยู่สองคน วางแผนลับๆ ไปเที่ยวกันเองสองคน ก่อนจะล่มแทบทันทีเพราะไม่มีใครนั่งรถโดยสารเป็นและไม่มีเงินด้วย
และจนถึงตอนนี้พวกเขาสองพี่น้องก็ยังไม่มีโอกาสเที่ยวด้วยกันอยู่ดี

จ้าวหัวเราะเจือเสียงสะอื้น แม้แต่ตอนที่เขากลายเป็นหัวหน้าวงทีมมูนไลท์ เขาก็ยังหาโอกาสไปเที่ยวอย่างวัยรุ่นทั่วไปไม่ได้อยู่ดี การโด่งดังเป็นเรื่องที่ดีก็จริงแต่ก็ทำให้เขางานรัดตัวจนขยับไปไหนแทบไม่ได้ วาทกรรมที่ว่าด้วยช่วงชีวิตวัยทำงานมีเงินแต่ไม่มีเวลาว่างนั้นเป็นของจริง จ้าวที่เข้าสู่ช่วงเวลาการทำงานเร็วเกินไปก็ได้แต่เที่ยวนิดๆ หน่อยๆ ไม่ถึงวัน

ซึ่งในความจริงแล้วหลังจากคอนเสิร์ตครั้งใหญ่ที่สุดของตัวเอง จ้าวก็กะว่าจะพักงานตัวเองไปสักพักเพื่อออกไปผจญโลกกว้างคนเดียว แต่มันก็ดูเหมือนเขาจะตัดสินใจช้าเกินไป พอเรื่องทุกอย่างเกิดขึ้นเขาก็ได้ไปทัวร์คุกฟรีห้าปีเลยทีเดียว

นัยน์ตาโศกสั่นระริกก่อนที่จ้าวจะสะบัดหัวไล่ความคิดเศร้าๆ ออกจากหัว พยายามทำตัวให้มีความสุขกับการมาพักผ่อนหย่อนใจในน้ำตกจำลองในโซนป่าของคฤหาสน์ตระกูลกิลลาส ซึ่งออสตินแนะนำให้มาหลังจากเขาไปถามหาที่เงียบสงบเหมาะสำหรับการใช้สมาธิในการทำอะไร

ใช่ เขายังคงคิดเพลงของคุณเหมันต์อย่างขะมักขเม้นและที่แน่ๆ คิดต่อไม่ออกด้วย

จ้าวหัวเราะกับตัวเอง อาการตันนี่เกิดขึ้นเสมอไม่ว่าจะแต่งเพลงไหนก็ตาม บางครั้งท่อนฮุ้คบางท่อนก็ใช้เวลาถึงสามวันในการแต่ง แต่เพลงไหนโชคดีหน่อย หัวแล่น วันเดียวก็จบ

ของพวกนี้เป็นอะไรที่ต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเอาวิชาการที่ร่ำเรียนในหนังสือมาปรับแต่งแล้วใช้ได้เลย การแต่งเพลงมันใช้มากกว่านั้น สำหรับจ้าว จ้าวใช้ทุกอย่างของตัวเองในการแต่งเพลงขึ้นมาเพลงหนึ่ง ทั้งประสบการณ์ ความรู้สึก ทุกสิ่งทุกอย่างที่ถาโถมเข้ามาในช่วงนั้นพอดี

แช่เท้าในน้ำไปสักพักก็เริ่มรู้สึกเบื่อ ในหัวมีอยู่สองทางที่สับสนระหว่างเดินเล่นกับโดดลงน้ำเลย

แน่นอนว่าอย่างหลังชนะ

ตูม!

ผิวน้ำกระเพื่อมและสาดออกมาทั่วบริเวณเพราะถูกแรงกระทบรุนแรงในพริบตา ฝูงปลาแตกกระเจิงเช่นเดียวกับเจ้าของแรงกระแทกที่ตะเกียกตะกายขึ้นจากน้ำแล้วหัวเราะร่าไม่ต่างจากเด็กไม่กี่ขวบ

จ้าวหัวเราะ อุณภูมิน้ำที่กำลังพอดีไม่ร้อนจนเกินไปนักทำให้รู้สึกสดชื่นจนหัวปลอดโปร่งไปหมด ยิ่งไอน้ำที่ตอนแรกกระเซ็นใส่เสื้อจ้าวจนชื้นกลายเป็นเครื่องทำความเย็นชั้นดีเลยทีเดียว จ้าวว่ายไปนั่งบนโขดหินใต้น้ำตกอย่างนึกสนุก ทำตัวเหมือนในหนังจีน ที่พวกผู้คนชอบมาฝึกกำลังภายในกัน

เพราะเป็นน้ำตกจำลองน้ำที่ตกลงกระทบจึงไม่แรงมากนัก อารมณ์คล้ายกับถูกฝนพรมมากกว่าโดนน้ำสาด ซึ่งถ้าหากเป็นน้ำตกจริงๆ จ้าวตอนนี้คงรู้สึกไม่ต่างกับโดนกระสุนที่มีลูกเป็นจำนวนอนันต์ยิงใส่อย่างไม่หยุดไม่หย่อน

หากแต่น้ำบริเวณนี้ก็เย็นกว่าบริเวณอื่นๆ เพราะบริเวณเหนือน้ำตกจำลองนั้นถูกปกคลุมด้วยแมกไม้นานาพรรณช่วยลดอุณหภูมิแสงแดดได้เป็นอย่างดี จ้าวหลับตาพริ้มนึกถึงเนื้อเพลงที่ตัวเองเขียนต่อไม่ออกสักทีในหัว พยายามร้อง

ริมฝีปากบางเฉียบเผลอร้องสิ่งที่อยู่ในหัวโดยไม่รู้ตัว น้ำเสียงทุ้มนุ่มนวลน่าฟังขับร้องออกมาเสียงแผ่วเบาแต่ก็สามารถจับใจคนฟังได้ไม่ยาก

“โลกของฉันมันล่มสลายไปแล้ว ทุกอย่างมันเป็นสีดำ  ไม่มีเธอ ไม่มีฉัน ไม่มีใคร” น้ำเสียงของจ้าวแผ่วเบาลงเมื่อต้องร้องท่อนที่ถ่ายทอดออกมาจากความรู้สึกตัวเองจริงๆ “มีเพียงความตายอันเป็นนิรันดร์เท่านั้น ที่จะปลดปล่อยความทุกข์ทรมานของฉันได้ มีเพียงมันเท่านั้น..”

โดยไม่รู้ตัวน้ำตาหยดนึงไหลออกจากนัยน์ตาโศกแต่ร่างผอมก็ยังร้องต่อ

“ได้โปรด รับมีดของฉันแล้วแทงฉันให้ตายเถิด ได้โปรด เพราะฉันทนความเจ็บปวดนี้ไม่ไหวแล้ว ได้โปรด ก่อนที่ฉันจะเจ็บปวดจนตาย”

น้ำที่เย็นเฉียบที่ไหลกลิ้งเล่นตามร่างผอมไม่อาจเทียบได้กับความเค็มในลำคอที่จุกขึ้นมาอย่างเจ็บปวด ทุกครั้งที่คิดจะร้องเพลงสำหรับจ้าวแล้วมันคือความเสี่ยงอย่างหนึ่ง เพราะเขาจะกลับไปจมอยู่กับมันเพื่อเข้าถึงอารมณ์ความรู้สึกตอนนั้นให้มากที่สุดเพื่อที่จะถ่ายทอดออกมาได้ดีที่สุด

แม้นจะเจ็บปวนเจียนตายแต่จ้าวก็เลือกที่ยอมรับมัน

“ความสุขของฉันมันลดลง ลดลงเรื่อยๆ ทั้งที่ฉันไม่ได้ต้องการแบบนั้น ใครก็ได้ช่วยหยุดมันที ใครก็ได้ เพราะฉันทนมันแทบไม่ไหวแล้ว”

ฉับพลันนัยน์ตาโศกที่คลอหน่วงด้วยน้ำตาก็ลืมตาขึ้นมองไปข้างหน้าราวกับเห็นร่างของใครบางคนยืนอยู่ข้างหน้าตัวเอง

“และเป็นคุณที่เข้ามา คุณแย่งมีดจากผมแล้วสวมกอดอย่างอบอุ่น คุณพร่ำบอกถึงความดีงามในตัวผมที่ผมไม่เคยคิดจะเห็นค่ามัน”

จ้าวร้องต่อไปเรื่อยๆ อย่างเหม่อลอยแต่ท่วงทำนองก็ยังสมบูรณ์แบบไม่มีที่ติ ท่อนเมโลดี้อะไรต่างๆ จ้าวนั้นคิดคร่าวๆ ไว้หมดแล้วเหลือเพียงเนื้อเพลงบางท่อนที่ยังคิดไม่ออกและยังไม่พอใจเท่าที่ควร

น้ำเสียงทุ้มนุ่มนวลน่าฟังจึงหยุดลง จ้าวขมวดคิ้วมุ่นครุ่นคิดหาคำในหัวพยายามหาอะไรที่ตัวเองชอบมากที่สุดในตัวคุณเหมันต์มาลงในเนื้อเพลง เผื่อว่าเพลงจะถูกใจเขามากขึ้น

ความรู้สึกคุ้นเคยที่ได้กลับมาทำในสิ่งที่ตัวเองชอบทำเอาจ้าวรู้สึกคล้ายกับไปเป็นจ้าวคนเดิมที่แสนเลือนรางในความทรงจำอีกครั้ง

เขาได้แต่งเพลง… ได้ร้องเพลง..

ความสุขของเขามันง่ายดายเพียงเท่านี้เอง

แต่ก็มีคนหลายคนที่พยายามขัดขวางมันจนจ้าวลืมไปหมดว่าการมีความสุขต้องทำยังไง ยากรึเปล่า เขาจะมีสิทธิ์จะมีความสุขอีกใช่ไหม และแน่นอนว่าไม่มีใครตอบคำถามนี้ได้นอกจากตัวเขาเอง

รอยยิ้มมุมปากปรากฎบนใบหน้า จ้าวผลุดลุกขึ้นยืนมองรอบๆ ตัวเองอีกครั้ง

เมื่อก่อนทุกครั้งที่เขาร้องเพลงมักจะมีคนฟังอยู่เสมอ ยืนกันละลานตาจนนับไม่ไหวว่ามีกี่คนที่ชื่นชอบตัวตนและเพลงของเขา แต่ตอนนี้ไม่มีใครที่ยืนฟังเขานอกจากตัวเขาเอง

แต่เขาก็ยังรู้สึกมีความสุข

จ้าวหัวเราะออกมา เขายึดติดกับคนอื่นจนลืมไปแล้วว่าความสุขจริงๆ ของตัวเองนั้นเป็นยังไง เขาตอนที่ค้นพบว่าตัวเองชอบร้องเพลงก็ตอนได้ยินเสียงสะท้อนตัวเองในห้องน้ำ ถึงมันจะไม่เพราะอะไรมากมายแต่ก็ทำให้เขารู้สึกเหมือนได้เปิดโลกใบใหม่เลยทีเดียว เขาเริ่มรวบรวมคนเพื่อสร้างวง ไปเล่นตามที่สาธารณะหาค่าขนมกินเล่นเป็นครั้งคราว (แน่นอนว่าต้องอ้างว่าไปทำรายงานบ้านเพื่อน)

กร็อบ

“!!”

จ้าวแทบหลุดอุทานดังลั่นออกมารีบมองหาต้นเสียงที่ทำให้เขาหัวใจแทบวาย

“..คุณเหมันต์?”

อดีตนักร้องดังหน้าแดงเถือกเมื่อพบว่าคุณเหมันต์มองตัวเองอึ้งๆ ก่อนจะกระแอมในลำคอเชิงกลบเกลื่อนแต่ก็ไม่สามารถปกปิดร่องรอยขวยเขินบนใบหน้าได้อยู่ดี

“…ขอโทษที่มาขัดจังหวะ”

เหมันต์พูดเสียงปกติพยายามมองไปทางอื่นเพื่อไม่ให้จ้าวเขินตายไปซะก่อน

“..เอ่อ” จ้าวหาคำพูดของตัวเองแทบไม่เจอ รู้สึกเขินอายจนทำตัวไม่ถูก ถึงเขาจะไม่ใช่ผู้หญิงที่ต้องมาเขินอายร่างกายที่เปลือยท่อนบนก็เถอะ แต่ภาพเหตุการณ์เมื่อวานก็ยังชัดเจนอยู่ในหัวอยู่ดี อีกทั้งร่องรอยบนร่างเขาก็ยังไม่ทันเลือนหาย มันจึงเป็นหลักฐานชั้นดีเลยว่าทุกอย่างในตอนนั้นเกิดขึ้นจริงไม่ว่าจะเพราะอารมณ์ชั่ววูบหรือโดยเจตนาก็ตามที

“มาทำอะไรตรงนี้”

“…”

“จ้าว?”

เหมันต์ขมวดคิ้วงุนงงที่จ้าวไม่ยอมตอบสักทีทั้งๆ ที่ผ่านมาได้เกือบนาทีแล้ว เลยเบนสายตากลับมาที่จ้าวและพบว่าจ้าวกลับมาใส่เสื้อผ้าครบชุดแล้วแต่ก็ยังนั่งริมฝั่งหน้าแดงเถือก เบิกตากว้างขึ้นไปอีกเมื่อเห็นเขามองไม่วางตา

“ผม ผมมาแต่งเพลงครับ” จ้าวก้มหน้างุดรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งตัวจนเหมือนจะละลายไปให้ได้ เขาเขินคุณเหมันต์มากจริงๆ เพราะมันเป็นครั้งแรกของเขาที่ถูกกระทำแบบนั้น ถึงจะเคยมีแฟนมาก่อนก็เถอะแต่ก็ไม่เกินเลยกันมาขนาดนี้ แล้วเขากับคุณเหมันต์เป็นอะไรกันล่ะ ถึงได้ทำแบบนั้น

ยิ่งคิดจ้าวก็ยิ่งรู้สึกเขินจนทำตัวไม่ถูก

“แต่งเพลงใหม่เหรอ แต่งจบรึยัง? ให้ฉันฟังได้ไหม” เหมันต์สาวเท้าไปหาจ้าวที่อยู่อีกฝั่งและทรุดตัวนั่งลงข้างๆ

“ยัง ยังครับ” จ้าวพูดเสียงสั่นเผลอเอามือลูบคอตัวเองที่ยังแสบนิดๆ จากการกัดของใครบางคน “มีอะไรรึเปล่าครับ ทำไมไม่โทรหาผมล่ะ”

“อืม ก็มีจริงๆ นั่นแหละ” เหมันต์ไม่ได้มองหน้าจ้าวแต่มองเสื้อสีขาวที่โดนไอน้ำจนเปียกชุ่มทำให้ไม่สามารถทำหน้าที่ของเสื้อได้ดีนัก มันแนบไปกับลำตัวจนเห็นโครงร่างของร่างกายได้อย่างชัดเจน ไม่รู้ทำไมจึงเผลอกลืนน้ำลายเอือกไปเสียอย่างนั้น

ร่างผอมนั่งตัวแข็งมองมือตัวเองที่กำแน่นอย่างประหม่า

“ฉันจะคุยเรื่องเมื่อวาน”

จ้าวสะดุ้งนิดๆ ราวกับแมวที่ถูกเหยียบหางแต่ก็ไม่พูดอะไร

เพราะเขาก็อยากได้คำอธิบายเรื่องเมื่อวานเหมือนกัน…

“ฉันยอมรับว่าที่ทำไปเมื่อวาน ฉันตั้งใจ” ถึงแม้ตอนนั้นสติหายไปชั่ววูบแต่เหมันต์ก็มั่นใจว่าต่อให้ตัวเองมีสติครบดีก็คงอดไม่ได้ที่จะทำอยู่ดี “ฉันชอบเธอ”

นัยน์ตาโศกเบิกตากว้างและเผลอเงยหน้าขึ้นไปสบตากับคุณเหมันต์ แน่นอนว่าจ้าวหน้าแดงเถือกแต่เหนือสิ่งอื่นใดนั้นกลับรู้สึกดีใจมากกว่า

“ผมก็ชอบคุณเหมันต์เหมือนกัน”

“ไม่ จ้าวมันไม่เหมือนกัน” เหมันต์นวดขมับตัวเอง “ฉันไม่ใช่แค่ชอบเธอ แต่ฉันอยากครอบครองเธอไว้เป็นของฉันคนเดียว เข้าใจรึเปล่าว่ามันหมายถึงอะไร?”

จ้าวหลุดหัวเราะแม้ว่าจะรู้สึกเขินมากก็ตามที “คุณเหมันต์ ผมไม่ใช่เด็กนะ ผมก็ยี่สิบสี่แล้ว เรื่องเมื่อวานผมก็ยอมให้คุณทำด้วย ถ้าผมคิดจะขัดขืนผมก็ทำได้แต่ผมก็ไม่ได้ทำ”

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
แปลกที่ยิ่งพูดจ้าวก็รู้สึกเหมือนยิ่งเข้าตัวจนไม่อยากพูดต่อ แต่เพื่อความสัมพันธ์ที่ชัดเจนและยั่งยืน เขาก็ต้องจำยอมทิ้งศักดิ์ศรีที่มีอยู่น้อยนิดของตัวเอง

จ้าวมองหน้าเหมันต์ที่ดูประหลาดใจและเขินอย่างเห็นได้ชัด ทั้งๆ ที่คุณเหมันต์ก็อายุไม่น้อยแล้วแต่จ้าวกลับรู้สึกว่าอีกฝ่ายดูน่ารักมาก

“ผมก็อยากครอบครองคุณไว้คนเดียวเหมือนกัน”

เขาอยากจะเก็บความอ่อนโยนใจดีของคุณเหมันต์ไว้คนเดียวไม่แบ่งมันให้ใคร

เขาเสียมามากพอแล้ว

ตอนนี้เขาอยากจะเป็นฝ่ายที่ได้รับบ้าง

“…!”

การจู่โจมรวดเร็วดั่งสัตว์ป่าที่เฝ้ารอโอกาสนี้มานานเล่นเอาจ้าวตกเป็นเหยื่ออย่างง่ายดาย หนำซ้ำยังเป็นเหยื่อด้วยความเต็มใจ ขยับศีรษะและเปิดปากรับเอาความรู้สึกของคุณเหมันต์ที่ถาโถมเข้ามาอย่างรุนแรงราวกับหมาป่าที่เพิ่งหลุดจากกรง
มือหนาช้อนตัวจ้าวมาวางไว้บนตักและปล่อยริมฝีปากออกเพื่อเปิดโอกาสให้จ้าวพูดอะไรบ้าง

จ้าวหน้าแดงก่ำเมื่อสัมผัสได้ถึงอะไรสักอย่างที่โดนสะโพกตัวเองเต็มๆ

“มันเป็นแบบนี้ตั้งแต่วันนั้นแล้ว” เหมันต์พูดเขินๆ “ขอโทษนะ จ้าว ฉันไม่ได้บอกชอบเธอเพราะเรื่องนี้หรอก แต่มันเป็นแบบนี้ไปเอง”

หมาป่าหนุ่มพูดอย่างรู้สึกผิดก่อนจะเข้าสู่โหมดจริงจัง นัยน์ตาสีเทาดุดันมองตาจ้าวเพื่อยืนยันความหนักแน่นในคำพูดของตัวเอง
“ฉันชอบเธอจริงๆ นะจ้าว ฉันเต็มใจที่จะปกป้องและเป็นที่พึ่งให้ คราวหลังถ้าอยากได้อะไรก็บอกฉัน ไม่ต้องเกรงใจกันหรอก”

เหมันต์ดึงมือผอมของจ้าวที่เต็มไปด้วยร่องรอยบาดแผลทั้งจากการทำร้ายตัวเองและโดนทำร้ายขึ้นมาจูบเบาๆ อย่างอ่อนโยนก่อนจะไล่พรมจูบตามข้อมือที่มีบาดแผลเยอะไม่ต่างจากส่วนอื่นของร่างกาย

หัวใจของเหมันต์เจ็บแปลบ จ้าวโดนทำร้ายมามากจริงๆ

“ก่อนหน้านั้นเธออาจจะไม่มีใครแต่ตอนนี้เธอมีฉัน คุณเหมันต์ ประธานบริษัทกิลลาส ฉันอาจจะไม่ได้ใหญ่โตคับฟ้าอะไรแต่ฉันก็มั่นใจว่าสามารถปกป้องเธอได้แน่ๆ”

ตัวของจ้าวสั่นระริกจนเหมันต์ตกใจแต่พอเห็นรอยยิ้มกับน้ำตาบนใบหน้าจ้าวก็โล่งอก เพราะกลัวว่าตัวเองจะเผลอพูดทำร้ายจ้าวโดยไม่รู้ตัว

“ฮึก ขอบคุณ”

จ้าวสะอื้นจนตัวโยนแม้ว่าจะยิ้มอยู่แต่ก็ดูน่าสงสารมากอยู่ดี

“ถ้าดีใจก็อย่าร้องไห้สิ”

“ฮึก คุณไม่รู้หรอกว่าผมต้องอยู่คนเดียวมานานขนาดไหน” จ้าวปาดน้ำตาตัวเองป้อยๆ พยายามหยุดร้องแต่ความตื้นตันใจมันก็ชนะจนบ่อน้ำตาแตก “พอเฮียสามตาย ผมก็ไม่มีใครเลย ฮึก ไม่มีใครพยายามช่วยผมอย่างจริงจัง ถึงซินจะพยายามมากก็เถอะแต่ผมก็รู้ว่าผมมันตัวภาระของซิน ผมไม่สมควรได้รับความใจดีจากใครเพราะผมไม่สามารถตอบแทนมันได้”

เหมันต์ช่วยเช็ดน้ำตาให้จ้าวแต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จอยู่ดี

นัยน์ตาโศกยังมีน้ำตาไหลบ่าออกมาเรื่อยๆ ราวกับความเจ็บปวดนั้นได้ปะปนออกมาด้วย

“ผมร้องไห้ไปก็ไม่เคยมีใครได้ยิน ผมอยู่ในคุกก็มีแต่คนเหยียดหยามสมเพช ไม่มีใครชอบผมเพราะผมมันเป็นฆาตกรหื่นกาม ฮึก ผมรู้ตัวเองดีว่าถ้าผมไม่ได้ทำก็ไม่ต้องไปสนใจ แรกๆ ผมก็ทนได้นะแต่พอมันพูดทุกวัน ผมก็รู้สึกเหมือนจะเป็นบ้า”

จ้าวมองเหมันต์นิ่งก่อนจะสะอื้นออกมา

“ขอบคุณจริงๆ นะครับ ที่ช่วยผมไว้”

ทุกคนที่รู้จักเขาเป็นการส่วนตัวล้วนคิดว่าเขาเข้มแข็ง สามารถเผชิญปัญหาทุกอย่างได้จึงเลือกที่จะปล่อยผ่านเขาไปเพราะคิดว่ายังไงเขาก็สามารถเข้มแข็งได้ด้วยตัวเอง

ทั้งๆ ที่ควรจะเป็นแบบนั้น แต่จ้าวกลับทำไม่ไหว เจ็บปวดกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองจนแทบจะสูญเสียตัวตนของตัวเองไป จนกลายเป็นคนที่ไม่กล้าเปิดใจให้ใครเพราะกลัวว่าจะถูกทอดทิ้งไว้เบื้องหลังอีก

จ้าวจึงไม่เคยยอมรับความช่วยเหลือจากใครเลย ทั้งจากไนท์ ซิน หรือแม้แต่คุณเหมันต์ในตอนแรกก็ยังลังเลที่จะรับด้วยซ้ำ หากให้ความช่วยเหลือแล้วเห็นว่าเขาไร้ค่าเกินกว่าจะช่วยแล้วทอดทิ้งในภายหลัง ถึงตอนนั้นเขาคงเจ็บปวดจนทนไม่ได้แน่

“อืม ฉันยินดี”  เหมันต์คลี่ยิ้มและลูบหัวจ้าวอย่างเบามือ

“ขอบคุณจริงๆ นะครับ” จ้าวพยายามหายใจฟืดๆ พยายามหยุดร้องตามที่เหมันต์พูด “ถ้ามีโอกาสผมจะตอบแทนคุณเหมันต์ให้ได้เลย”

“ไม่ต้องตอบแทนหรอก ฉันไม่ได้ต้องการอะไร” เหมันต์ยิ้มละมุนละไมกว่าเดิมทำเอาจ้าวเขินนิดๆ เพราะเพิ่งสังเกตว่าคุณเหมันต์ยังอยู่ในชุดสูทและดูดีมากด้วย เหมือนเพิ่งไปงานกาล่าหรืองานสำคัญอะไรสักอย่างมา

“แล้วจะทำยังไงกับเจ้านี่ดีครับ” จ้าวพูดพึมพำเสียงเบาพยักพเยิดไปยังเบื้องล่างที่ยังคงแข็งขืนดุนสะโพกจ้าวอย่างดุดัน

“เธอเลือก” เหมันต์ยังคงยิ้มละมุนแต่จ้าวกลับสัมผัสได้ถึงความชั่วร้ายแปลกๆ

“..กลางป่าเลยเหรอครับ”

จ้าวพูดเสียงสั่น

“เธอเลือก”

คำตอบยังคงเป็นคำตอบเดิม จ้าวมือไม้สั่นอย่างประหม่าเพราะเหมือนโดนกดดันจากข้างล่างอยู่กลายๆ ถึงแม้คุณเหมันต์จะยังคงสีหน้ายิ้มระรื่นไว้ได้แต่เขาก็มั่นใจว่าคงอดกลั้นความทุกข์ทรมานเอาไว้ด้วย

แต่จ้าวก็ลังเลไม่นานนักตัดสินใจดึงมือหนาของคุณเหมันต์เข้าหาตัวก่อนที่จะอ้าปากรับสองนิ้วเข้าไป

เพราะนี่คือคำตอบของจ้าว…

“…”

ทั้งๆ ที่คิดว่าตัวเองเป็นผู้คุมเกมแต่ทุกอย่างกลับตาลปัตร ลิ้นเล็กๆ ที่พยายามเลียปลายนิ้วของเขาราวกับยั่วยวนจนเหมันต์ปวดหนึบจนทนแทบไม่ไหว

สัมผัสชื้นแฉะที่ไล้วนปลายนิ้วทำเส้นเอ็นการยับยั้งชั่งใจของเหมันต์ขาดผึงทีละเส้นและมาขาดจริงๆ เมื่อถูกงับเบาๆ คล้ายกับหยอกเย้าให้สติหลุด

“อย่าโกรธฉันทีหลังแล้วกัน”

เหมันต์คำรามแล้วก้มหน้าซุกไซร้ตัวจ้าว กลิ่นหอมเฉพาะตัวทำเอาสติมอมมัวอีกครั้งแต่ก็ไม่ได้ทำให้สติหายไปเหมือนคราวก่อน มีแต่ความต้องการที่ชัดเจนจนคิดอย่างอื่นไม่ออกเลยทีเดียว

“อื้อ อย่ากัดสิ”

เสื้อขาวบางของจ้าวถูกดึงออกและพาดไว้บนไหล่ลวกๆ ร่องรอยเก่าที่ยังไม่ทันหายดีถูกสร้างใหม่ขึ้นอีกครั้งและชัดกว่าเดิมราวกับป่าวประกาศให้ทุกคนรู้ถึงสถานะพิเศษของอีกฝ่าย ตามหน้าอกและลำตัวจ้าวถูกเหมันต์สำรวจซุกไซร้แทบจะทุกตารางนิ้ว

เหมันต์ค่อยๆ เลื่อนต่ำลงมาเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงจุดหนึ่งที่ถูกจ้าวดันหัวเอาไว้ไม่ให้สำรวจต่ออย่างดื้อดึง

“ไม่เอาครับ ตรงนี้ห้ามยุ่ง”

ลนลานพูดหน้าแดงก่ำน้ำตาคลอแต่เหมันต์ก็ไม่ฟัง ดึงกางเกงของจ้าวออกและสำรวจต่อราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่สนใจแม้จะถูกทึ้งผมตัวเองตอนที่รับอะไรบางอย่างของจ้าวเข้าไปในปาก

“อ๊า”

จ้าวครางหน้าแดงก่ำพยายามขัดขืนแต่ก็พ่ายแพ้ ตัวสั่นระริกจนกระทั่งเผลอปลดปล่อยในปากคุณเหมันต์ก็เนื้อตัวอ่อนยวบไร้แรงขัดขืนอีกต่อไป

เหมันต์เลียริมฝีปากก่อนจะแสยะยิ้มชั่วร้ายที่ทำเอาจ้าวอยากจะวิ่งหนีให้รู้แล้วรู้รอด

“ต่อไปตาฉัน”

“..ครับ”

จ้าวรับคำเสียงแผ่วหลับตาหยีไม่กล้ามองสิ่งที่จะเกิดขึ้นใดๆ ในโลกอีกต่อไป

เพราะเขารู้ว่าอะไรที่น่ากลัวมากๆ กำลังจะเกิดขึ้น!

เหมันต์ถอดเสื้อสูทตัวนอกออกมาปูบนพื้นหญ้าเพื่อที่จ้าวจะได้ไม่รู้สึกคันหรือเจ็บตัวนัก ต้องขอบคุณที่ตัวเขาใหญ่กว่าจ้าวพอตัวทำให้เสื้อสูทนี่สามารถเป็นผ้าปูรองให้จ้าวได้สบายๆ

นัยน์ตาสีเทาเปล่งประกายระยับ หมาป่าหนุ่มล่าเหยื่อสำเร็จและกำลังจะกินเหยื่อในไม่ช้า หูทั้งสองข้างของมันตั้งชันอย่างกระตือรือร้น หางบนสะโพกส่ายไปมาอย่างพึงพอใจ

“…ฮื่อ”

จ้าวยกมือขึ้นปิดหน้าตัวเองอย่างอับอายเมื่อเผลอครางออกมา นิ้วร้อนที่รุกล้ำเข้ามาในส่วนที่ไม่เคยมีใครแตะต้องนั้นดูลามกจนจ้าวยังจะตายๆ ไปซะตอนนี้

เพราะในความรู้สึกประหลาดมันก็มีความพึงพอใจแฝงอยู่ในนั้น
   
“เจ็บรึเปล่า?”
   
เหมันต์ถามด้วยความเป็นห่วงเพราะจ้าวหน้าแดงเอามากๆ ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าเพราะอากาศที่ร้อนหรืออะไร
   
“ไม่ ฮึก ไม่ครับ” จ้าวส่ายหน้าดิก “อย่าถามอะไรผมตอนนี้เลยนะ ผมขอร้อง”
   
“งั้นถ้าเจ็บบอกฉันนะ” ร่างหนาพูดเสียงพร่าเมื่อปลดเข็มขัดตัวเองออกและปลดซิปกางเกงให้สิ่งที่ทนทุกข์ทรมานมาตั้งแต่เมื่อวานได้ออกมาสักที
   
“…” จ้าวที่มองลอดช่องว่างระหว่างนิ้วรู้สึกเหมือนจะเป็นลม ขนาดตัวที่แตกต่างกันเท่าตัวทำให้เขาพอจะทำใจไว้อยู่แล้วว่าขนาดของไอ้นั้นคงจะต่างกันระดับหนึ่งแต่ก็ไม่คิดว่าจะต่างมากขนาดนี้!
   
“ตายแน่ จ้าว ตายแน่”
   
“…พูดว่าอะไรนะ”
   
จ้าวหลับตาหยีพูดเสียงเบา “เปล่าครับ ไม่มีอะ--!” ยังพูดไม่ทันจบประโยคก็สัมผัสได้ถึงอุณหภูมิร้อนระอุที่รุกล้ำเข้ามาในร่างกายอย่างอุกอาจ นัยน์ตาโศกเบิกตากว้างอย่างตื่นตระหนก เคราะห์ดีที่มันยังไม่ได้เข้ามาทั้งหมด ยังมีช่วงเวลาให้จ้าวได้พักหายใจหายคอบ้าง
   
“ไม่ต้องกลัว จ้าว”
   
เหมันต์พูดเสียงพร่าทั้งๆ ที่ตัวสั่นระริก ใบหน้าคมคายเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อและเส้นเลือดที่ปูดขึ้นมาอย่างเคร่งเครียด การโดนตอดรัดอย่างรุนแรงนั้นทำให้รู้สึกเจ็บปวดมากกว่ารู้สึกดี
   
“ฮึก” จ้าวสะดุ้งเมื่อโดนกัดเลียยอดอก ยิ่งโดนฟันคมขยี้เข้าแรงๆ นั่นเล่นเอาจ้าวรู้สึกเสียววูบในช่องท้องเผลอผ่อนคลายก่อนจะรู้สึกตัวอีกทีเมื่อถูกกระแทกเข้ามาในครั้งเดียว
   
และห้วงทำนองที่ถูกบรรเลงด้วยคุณเหมันต์ก็เริ่มต้นขึ้น
   
หมาป่าหนุ่มกัดกินเนื้อนุ่มอย่างตะกละตะกลาม หูอื้ออึงตาลายเพราะนี้เป็นครั้งแรกจริงๆ ที่ได้เนื้อที่ถูกใจ ไม่ใช่เนื้อที่กินอย่างขอไปทีเพื่อสนองสัญชาตญาณร่างกายไม่ให้ตึงเครียดเกินไป
   
“!!!”
   
จ้าวเบิกตากว้างพยายามเรียกคุณเหมันต์ให้ช้าลงหน่อยแต่พอจะพยายามพูดอะไรก็ถูกปิดด้วยริมฝีปากของอีกฝ่ายและรู้ตัวอีกทีคือโดนพลิกตัวคว่ำก่อนจะถูกกัดกินมากกว่าเดิม
   
เสียงคำรามต่ำๆ ในลำคออย่างพึงพอใจของเหมันต์เล่นเอาจ้าวยอมเงียบไม่เรียกร้องอะไรอีก ไม่ใช่เพราะไม่อยากร้องขอแต่เพราะไม่มีโอกาสได้ขอเลยต่างหาก
   
ผ่านไปนานมากในสายตาจ้าว ทุกอย่างก็ยังไม่จบลง จ้าวรู้สึกโดนรีดน้ำจนหมดแรงแต่คุณเหมันต์ก็ยังแรงดีไม่มีตกจนจ้าวสงสัยว่าไปกินกระทิงแดงมากี่ขวดถึงคึกขนาดนี้
   
“คุณเห..มันต์”
   
จ้าวเรียกเสียงแผ่วมองใบหน้าคมคายที่ดูพึงพอใจอย่างเห็นได้ชัด
   
“ครับ”
   
เหมันต์หอมแก้มจ้าวดังฟอดก่อนจะซุกไซร้คอหอมกรุ่นไม่มีเบื่อ ถูกมอมเมาด้วยกลิ่นเฉพาะตัวของจ้าวเล่นสติแทบไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
   
“ผมอยากอาบน้ำ”

ความจริงแล้วจ้าวไม่ได้อยากอาบน้ำเพียงแต่หาข้ออ้างเท่านั้น ไม่อย่างนั้นเขาก็มีลางสังหรณ์ว่าคงจะโดนไปอีกสักพักใหญ่ๆ กว่าคุณเหมันต์จะพากลับห้อง
   
นัยน์ตาโศกสั่นระริก เขาไม่เคยคิดเรื่องแบบนี้ก็จริงแต่ก็ไม่คิดว่าครั้งแรกของตัวเองจะเป็นในป่า ทั้งๆ ที่ความจริงควรจะเป็นห้องนอนสักห้องที่เหมาะสมมากกว่าที่นี้มากกว่า
   
“อืม”
   
“..ฮื่อ”
   
จ้าวรู้สึกถึงความแข็งขืนในตัวก็รับรู้ได้ทันทีว่าคำร้องขอตัวเองส่งไปไม่ถึงคุณเหมันต์ พอประจักษ์ถึงความจริงที่จะต้องโดนกินอีกรอบจ้าวก็รู้สึกเหมือนได้รับรู้ถึงตัวตนที่ซ่อนลึกในตัวคุณเหมันต์ที่ถ้าไม่ใช่สถานการณ์แบบนี้คงไม่มีโอกาสได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัวแน่ๆ
   
หมาป่าตัวร้ายที่กินจุและตะกละตะกลามราวกับว่าเป็นมื้อสุดท้ายในชีวิต!

   
Rrr
   
เสียงโทรศัพท์แผดเสียงข้างหูจนจ้าวที่หลับไปครึ่งวันยอมงัวเงียตื่นขึ้นมารับสาย โดยไม่ได้เอะใจสักนิดว่าไนท์เอาเบอร์ของตัวเองมาจากไหนเพราะมันเป็นเครื่องใหม่ที่คุณเหมันต์เพิ่งให้มา
   
“ครับ จ้าวพูดครับ”
   
[ จ้าว กูไนท์นะ ]
   
“อืม มีอะไรเหรอ”
   
จ้าวยังคงกึ่งหลับกึ่งตื่น สับสนระหว่างห้วงความฝันกับความเป็นจริง
   
[ เป็นยังไงบ้าง มาอยู่กับกูไหม กูพร้อมที่จะช่วยมึงนะ ]
   
น้ำเสียงร้อนรนในสายทำให้จ้าวรู้สึกผิดขึ้นมานิดๆ ที่ไม่สามารถตอบรับความรู้สึกของไนท์ได้
   
“กูสบายดี ไนท์ มึงไม่ต้องเป็นห่วง คุณเหมันต์ดูแลกูดีมาก”
   
[ …มึงไม่ได้โดนบังคับให้พูดใช่ไหม ]
   
“เปล่า กูพูดจริงๆ”
   
[ เป็นกูไม่ได้เหรอว่ะ จ้าว.. กูรักมึงจริงๆ นะ ]
   
ปลายสายพูดเสียงเครือจนจ้าวรู้สึกเจ็บปวด
   
“ขอโทษ ไนท์ กูขอโทษ”
   
[ ..ช่างเหอะ มึงมีความสุขกูก็ดีใจแล้ว เออ พวกเพลงที่มึงปล่อยออกมา คุณเหมันต์เป็นคนช่วยมึงใช่ไหม ]
   
“อืม คุณเหมันต์จัดการให้กูหมดเลย”
   
[ งั้นคุณเหมันต์ก็ไว้ใจได้สินะ โอเค งั้นกูจะคุยเรื่องงานจริงๆ ละ คือตอนนี้พวกโอเมก้าอ่ะ กำลังรวมกลุ่มกันเพื่อปฏิวัติ มึงจำไอ้วุ้นที่เป็นโอเมก้าเพื่อนเราได้ป่ะ มันอ่ะ เป็นเฮดหลักในกลุ่มเลย มันอยากได้คนมาเป็นสื่อกลางในการประชาสัมพันธ์ว่ะ ]
   
“หมายถึงกูใช่ไหม?”
   
[ อืม ก็มันเห็นมึงกำลังเล่นประเด็นชนชั้นพอดีก็เลยอยากจะลองชวนมึงมาเป็นคล้ายๆ พรีเซนเตอร์ให้ ]
   
จ้าวขมวดคิ้วมุ่น
   
“กลุ่มมึงคงไม่ใช่พวกคนที่กำลังก่อจราจลจนมีคนตายช่วงนี้ใช่ไหม”
   
[ กลุ่มนั้นนั่นแหละ ไม่มีใครอยากให้มันเกิดขึ้นหรอก แต่ทุกการเปลี่ยนแปลงมันก็ต้องมีการสูญเสียและผู้เสียสละ ไอ้ข่าวนั้นก็มีแต่พวกกูที่ตาย ไม่มีอัลฟ่าสักคนที่ตาย ]
   
“ไนท์ กูไม่ใช่สายนั้น กูอยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลงก็จริงแต่กูไม่อยากให้ใครตาย”
   
[ เปลี่ยนใจเมื่อไหร่ก็โทรมาล่ะกัน ทางเลือกของมึงมีไม่เยอะหรอก มึงก็รู้ว่าสันติวิธีมันเป็นยังไง โอเมก้าแม่งตายเอาๆ จนจะหมดอยู่ละ กูว่าถ้าจะตายทั้งทีก็สู้กลับสักหมัดสองหมัดค่อยตายยังจะดีกว่าอีก ]
   
“ถ้ามึงจะโทรมาเพื่อคุยเรื่องนี้กูขอวางนะ กูไม่อยากทำจริงๆ”
   
จ้าวพูดเสียงแผ่ว ภาพลักษณ์ในสังคมตอนนี้ของเขากำลังเป็นไปในทิศทางบวก ขืนไปเข้าร่วมกับพวกหัวรุนแรงคงไม่วายโดนฉุดกระชากกลับไปภาพลักษณ์เดิมอย่างฆาตกรโรคจิต
   
[ จ้าว ตอนนี้มึงก็เป็นโอเมก้าแล้ว มึงน่าจะเข้าใจนะว่าพวกนั้นรู้สึกยังไงกับแต่ละวัน ]
   
“แค่กูคนเดียวมันทำให้อะไรเปลี่ยนแปลงไม่ได้หรอก ไนท์ กูรู้ตัวดีและกูก็พยายามทำในสิ่งที่กูพอจะทำได้ กูก็แค่อยากให้มันดีขึ้นมาบ้าง สักนิดก็ยังดี”
   
[ นี่ไง มึงก็มาร่วมกับพวกกูก็จบ พวกกูมีวิธีของพวกกูอยู่ อีกไม่นานมันจะสำเร็จแต่กูบอกมึงไม่ได้ว่ามันคืออะไร ]
   
“กูขอคิดก่อนแล้วกัน”
   
จ้าวตัดสินใจตัดสายทิ้งด้วยความรู้สึกหนักอึ้ง
   
ไม่รู้ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าเรื่องหนักหนาสาหัสกำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า
   
และเขาก็จะเป็นหนึ่งในนั้นที่ต้องทนรับชะตากรรมกับมัน

=================

งานดราม่าคืองานหลัก งานหวานเป็นแค่รายได้พิเศษ

 :z13:

ขอบคุณทุกคอมเมนต์นะคะ แจกดอกไม้คนละช่อ  :L1: :L1: :L1:

ออฟไลน์ kanj1005

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
ไนท์เอาเบอร์โทรมาจากไหน  ข้าวรึเปล่า

กำลังจะมีสุข งานทุกข์ก็เหมือนจะมา
เอาจริงไม่ชอบน้ำหอมที่โอเมก้าใช้ทำลายแอลฟ่า  เหมือนอาชญากรรม

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
คุณเหมันต์!!!! โอ้วววว หื่นได้ใจมาก555 ขอหวานๆเป็นงานหลักได้ไหม อิอิ

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
แหม่ พี่เหมันต์กินดุมากกกก

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
เป็นห่วงจ้าว ถ้าร่วมมือกับกลุ่มของไนท์มันจะอันตรายเกินไปรึป่าว ปรึกษาคุณเหมันต์ด้วยนะ

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
 :ling2: เอ้าดอร์ กลางป่ากลางเขาเลยนะคะ เหิกกก

ว่าแต่นะ ไนท์เอาเบอร์จ้าวมาจากไหน แล้วคงไม่ได้มาดีแน่ๆ

จ้าวต้องคุยกับคุณเหมันต์ก่อนนะจ้าว ไม่เอาแบบเดิมแล้วนะ

ออฟไลน์ fxxg0430

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
จ้าวอย่าไปเชื่อมันนนน ฮื้อ ไม่อยากให้จ้าวไปยุ่งกะเรื่องการเมืองหรือแก้แค้นอะไรเลย ปลูกกระท่อมน้อยในป่าอยุ่กับคุณเหมันต์อย่างสงบสุขสองคนไม่ได้เหรอคะ อยากให้น้องมีความสุขแล้วอ่าา

ออฟไลน์ gackmanas

  • I Remember your Eyes..
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ทำไมมีดราม่าเข้ามาหาจ้าวตลอด ๆๆๆๆๆๆ
บรรยากาศฟิวกู๊ดข้างบนหายวับไปเลยย งื้ออออ

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
ตอนที่ 26
   

บรรยากาศในห้องประชุมบริษัทนั้นเย็นเยียบและน่าสะพรึงกลัวราวกับอยู่ในสุสานสักแห่งที่ขึ้นชื่อเรื่องความเฮี้ยน บรรดาผู้บริหารระดับสูงในบริษัทต่างถูกเรียกตัวกันมาประชุมกันโดยไม่รู้วัตถุประสงค์ของการประชุม
   
รู้เพียงว่ามันเป็นคำสั่งด่วนของ ‘ท่านประธาน’ เท่านั้น
   
เสียงเปิดอ่านแผ่นกระดาษทีละแผ่นเล่นเอาเหล่าผู้เข้าร่วมประชุมหายใจกันได้ไม่เต็มปอด มีไม่กี่ครั้งนักที่ท่านประธานจะดูโกรธมากขนาดนี้ สีหน้าคมคายที่มักจะถูกชื่นชมตอนนี้หยาบกระด้างราวกับจะฆ่าทุกคนที่พูดขัดหู
   
แน่นอนว่าไม่มีใครกล้ากินแม้แต่กาแฟที่ถูกเตรียมให้แม้แต่คนเดียว
   
มีเพียงแก้วกาแฟดำรสเข้มรสโปรดของท่านประธานที่ถูกกินดับอารมณ์ไปแล้วครึ่งแก้ว
   
“ที่ผมเรียกพวกคุณมาในวันนี้เพราะผมอยากรู้เหตุผลว่าทำไม”
   
เสียงของเหมันต์ก้องกังวานแม้ว่าจะไม่ได้ใช้ไมค์ในการพูด นัยน์ตาสีเทานั้นวาวโรจน์ มือที่ถือเอกสารสั่นระริกด้วยความกราดเกรี้ยวที่อดรนทนไม่ได้
   
“ทำไมถึงการฆ่ากันในอาณาเขตของเรา ทำไมถึงมีพนักงานโอเมก้ากับอัลฟ่าของเราหายไป ทำไมถึงมีการลักลอบส่งน้ำหอมโอเมก้าในเขตของเราโดยที่คนของเรารับรู้แต่ไม่คิดจะขัดขวาง!”
   
มือหนาทุบเอกสารปึกใหญ่ที่รายงานว่าด้วยการลอบกระทำผิดของพนักงานที่ถูกจับได้แต่ยังไม่ได้แจ้งให้พนักงานผู้นั้นรับรู้ มีทั้งภาพทั้งลายมือการยืนยันรับรองต่างๆ ที่พนักงานลอบทำกันเองใต้จมูกของประธานบริษัทที่นั่งหัวโด่อยู่
   
“ผมไม่ได้โง่! เข้าใจไหม ผมไม่ได้โง่ พวกคุณเห็นว่าผมเงียบคิดว่าผมมันโง่นักสิ ใช่ไหมล่ะ” เหมันต์แค่นเสียงหัวเราะ “ถึงบริษัทเราจะมีนโยบายสนับสนุนความเท่าเทียมแต่ก็ไม่ได้หมายตวามว่าคุณจะทำอะไรก็ได้ พวกคุณมีอะไรก็ต้องผ่านผมก่อน”
   
ผู้บริหารบางคนนั่งตัวแข็งรู้สึกถึงเหงื่อเย็นที่ไหล่พลั่กเต็มหลัง พยายามนั่งนิ่งไม่ส่งสายตาให้พวกเดียวกันที่คุณเหมันต์กำลังกล่าวถึง พวกเขาพยายามสวดภาวนาในใจให้เวลานี้จบลงสักทีไม่เช่นนั้นก็คงจะต้องใช้แผนนั้นที่เคยตระเตรียมกันไว้
   
“คะ คุณเหมันต์ครับ ผม ผมอธิบายได้!”
   
ผู้บริหารระดับสูงซึ่งเป็นโอเมก้าที่ถูกเหมันต์แต่งตั้งขึ้นยกมือสั่นๆ ของตัวเองขึ้นและเมื่อได้รับการพยักหน้าเชิงอนุญาตให้พูดก็รีบพูดทันทีก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้พูดอีก
   
“คือ คือพวกผมน่ะกลัวว่าท่านจะไม่ชอบใจกับการกระทำของพวกเรา พวกเราเลยไม่ได้ปรึกษาท่านครับ แต่ แต่ผมรับประกันด้วยชีวิตของผมเลยนะครับว่าพวกเราไม่ได้ทำให้บริษัทเสื่อมเสียเลยแม้แต่น้อย! พวกเรา พวกเราแค่พยายามจะทำเพื่อสังคมให้ดีขึ้นครับ ผมก็อยากเป็นหนึ่งในนั้นด้วย”
   
“ด้วยการฆ่าอัลฟ่า?” เหมันต์พูดเสียงเย็นเยียบแววตาดุร้ายคล้ายกับหมาป่าที่จะตะครุบเหยื่อเพื่อฉีกทึ้งกิน
   
“เปล่า เปล่าครับ พวกเรา พวกเราไม่ได้อยากให้เป็นแบบนั้น”
   
โอเมก้าหนุ่มพูดแทบไม่เป็นภาษาด้วยความหวาดกลัว ลืมสิ้นถึงความข้อตกลงในกลุ่มที่ว่าด้วยการห้ามยอมรับว่าตัวเองเป็นคนทำไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
   
เพราะพวกเขาจะไม่ยอมรับว่าตนเองเป็น ‘อาชญากร’ เด็ดขาด!
   
เบต้าวัยกลางคนซึ่งเข้าร่วมโครงการเหมือนกันลอบเตะขาเชิงเตือน โอเมก้าหนุ่มจึงได้สติแต่ก็ไม่ทันกาลเพราะนัยน์ตาสัตว์ร้ายได้จับจ้องมาอย่างใคร่รู้เสียแล้ว
   
“รู้อะไรไหมว่าเมื่อวานผมไปประชุมแต่เช้าด้วยเรื่องอะไร”
   
เหมันต์พูดเสียงเนิบๆ นิ่งๆ หากแต่ตราตรึงเข้าไปในหัวเจ้าโอเมก้าหนุ่มที่พลาดครั้งใหญ่และพยายามมองด้วยท่าทีน่าเห็นใจ พยายามร้องขอความเมตตาจากเหมันต์เหมือนที่เคยทำอีก
   
แต่น่าเสียดายที่มันไม่ได้ผล ถ้าเป็นอีกคนทำอาจจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้บ้าง
   
“เพราะน้ำหอมโอเมก้า อัลฟ่าถึงถูกฆ่าไปเป็นร้อยๆ คน ผมไม่รู้หรอกนะว่าจะทำเพื่อเรียกร้องสิทธิ์หรืออะไร แต่มันไม่ถูกต้อง ถึงพวกอัลฟ่าจะโหดร้ายก็จริงแต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่สมควรตาย ของอันตรายพรรค์นี้ไม่ควรจะมีด้วยซ้ำ บอกผมมาว่าแล็บที่ผลิตของพวกนี้มันอยู่ที่ไหน”
   
“ผม ผมไม่รู้” โอเมก้าหนุ่มลนลานพูดและมันก็เป็นความจริงที่ว่าไม่มีใครรู้ที่มาแน่ชัดของของพวกนั้นเพราะรู้ตัวอีกที น้ำหอมที่ทุกคนต้องการใช้งานก็มาอยู่ในมือแล้ว
   
“ผมขอยื่นคำขาดนะ” เหมันต์คำราม “ถ้าจะทำเรื่องพวกนี้ก็ลาออกไปซะ! ผมไม่สนับสนุนการฆ่าล้างกันทุกรูปแบบ ผมไม่สนหรอกว่าพวกคุณจะทำงานดีแค่ไหน ยังไงบริษัทของเราก็มีคนสมัครเป็นพันๆ คนทุกปีอยู่แล้ว เริ่มแรกอาจจะยากหน่อยแต่ผมมั่นใจว่าคนที่ภักดีต่อผมสามารถสอนงานได้”
   
“แต่ แต่ไม่มีที่ไหนรับโอเมก้าเข้าทำงานตำแหน่งใหญ่ๆ แบบนี้นะครับ” โอเมก้าหนุ่มเจ้าปัญหาน้ำตาแตกทันที “ผมเพิ่งซื้อรถไปเอง”
   
“อยากได้โอกาสจากผมครั้งที่สอง? แต่ขอโทษด้วยที่ผมให้โอกาสคนแค่ครั้งเดียวครับ” นัยน์ตาหมาป่าวาวโรจน์ “สุนัขที่เคยแว้งกัดเจ้าของแล้วครั้งหนึ่ง คุณจะรู้ได้ยังไงว่าไม่มีครั้งต่อไป ผมไม่เสี่ยงด้วยหรอกนะ วันดีคืนดีพวกคุณอาจจะฆ่าผมแทนก็ได้ ทั้งๆ ที่ผมก็ดีกับพวกคุณกว่าใครๆ”
   
คำพูดของท่านประธานนั้นถูกทุกประโยค ไม่มีบริษัทไหนที่ให้สวัสดิการเท่าเทียมที่เพศเท่าบริษัทตระกูลกิลลาสแล้ว ซึ่งนโยบายว่าด้วยความเท่าเทียมก็เพิ่ง   มีขึ้นตอนที่เหมันต์เป็นประธานบริษัท
   
“พวกเราขอโทษจริงๆ ครับ”
   
โอเมก้าหนุ่มอีกคนผลุดลุกขึ้นตามด้วยอีกหลายๆ คนที่ยอมจำนนอย่างง่ายดาย อย่างไรก็ตามสิ่งที่ท่านประธานพูดก็เป็นเครื่องยืนยันได้ดีว่าพวกเขาถูกจับได้แล้ว ไม่มีประโยชน์ที่จะปิดบังอีกต่อไป
   
“ที่พวกผมทำไปก็เพื่อสนองนโยบายของบริษัทครับ ฮึก ผมได้รับความเท่าเทียมที่นี้ ผมก็อยากให้คนอื่นๆ ได้รับมันบ้าง”
   
“ผมไม่อยากให้ญาติผมต้องร้องไห้อีกแล้ว ฮึก เขาเข้าทำงานบริษัทของเราไม่ได้ต้องกลายเป็นพนักงานทำความสะอาดห้องน้ำที่โดนกลั่นแกล้งทุกวัน”
   
“ขอโทษด้วยที่ผมไม่ได้ใจดีขนาดนั้น” สีหน้าของเหมันต์เย็นชาและหยิบกระดาษขึ้นมาแผ่นหนึ่ง “หลังจากวันนี้พวกคุณทุกคนที่มีรายชื่อในกระดาษแผ่นนี้” น้ำเสียงทุ้มกดหนักในประโยคสุดท้าย “ไปหางานใหม่ซะ ผมไล่พวกคุณออก”
   
เหล่าคนที่ลุกขึ้นยืนหน้าชาโดยความตกตะลึงเพราะไม่คิดว่าบทลงโทษที่ตนเองรับจะรุนแรงขนาดนี้ จากที่เคยคาดเดากันเองว่าถ้าคุณเหมันต์จับได้จะเป็นยังไงและพวกเขาก็ทายกันว่าอย่างมากก็แค่พักงานสักเดือนสองเดือน ไม่ร้ายแรงกว่านั้น
   
ซึ่งมันอาจจะเป็นเช่นนั้นถ้าเกิดไม่มีอัลฟ่าตายเป็นร้อยๆ คนและเงินของบริษัทหายไปก้อนใหญ่หลายล้าน เหล่าพนักงานหลายฝ่ายทั้งฝ่ายบัญชีและตำแหน่งต่างๆ รวมหัวกันคดโกงเงินของบริษัทเพื่อนำเงินไปเป็นกองกลางให้กับกลุ่มก้อนของตัวเองโดยไม่สนใจว่าบริษัทจะเป็นเช่นไรเมื่อโดนจับได้ว่าเป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่กับกลุ่มอาชญากรรม
   
พวกเขาไม่เคยคิด ไม่เคยสนใจ เพราะไม่เคยอยู่ในตำแหน่งประธานบริษัทที่ต้องดูแลทุกคนที่อยู่ใต้บังคับบัญชา พวกเขาไม่เคยได้ดูแลลูกน้อง ไม่เคยเป็นผู้จ่ายเงินเดือน จึงไม่เคยรู้เลยว่าการคดโกงในองค์กรมันร้ายแรงขนาดไหน
   
สำหรับเหมันต์แล้ว ลูกน้องเหล่านี้ก็เป็นเพียงคนเห็นแก่ตัวที่พยายามเปลี่ยนแปลงสังคมด้วยการใช้ทรัพยากรของอัลฟ่าที่รังเกียจนักหนาอีกที เขาจะไม่โกรธมากขนาดนี้ถ้าเงินในบริษัทถูกนำไปใช้ด้วย
   
“ไม่ ผมไม่ยอม!!!”
   
“ไม่!!! พวกเราไม่ได้ทำผิดอะไรสักหน่อย แค่พักงานเดือนสองเดือนก็น่าจะพอแล้วนี่นา”
   
ความไม่พอใจระลอกใหญ่เกิดขึ้น อัลฟ่าหนุ่มร่างกำยำหัวสมัยใหม่ซึ่งเหมันต์เพิ่งให้ตำแหน่งไปหยกๆ ถลาตัวเข้ามาใกล้ตั้งใจจะกระชากคอเสื้อเพื่อระบายด้วยความเดือดดาลและขาดสติ
   
เพราะตำแหน่งที่ใกล้กันมากทำให้ออสตินที่ยืนเฝ้าระวังอยู่อีกฝั่งถลาเข้ามาช่วยได้ไม่ทัน มือแข็งแกร่งกำลังจะคว้าคอเสื้อของเหมันต์ตั้งใจจะต่อยสักหมักสองหมัดเรียกสติโง่เง่าของท่านประธาน
   
“!!!”
   
หากแต่มือกลับหยุดชะงักทันทีเมื่อสบเข้ากับนัยน์ตาสีเทาที่วาวโรจน์ สัญชาตญาณบางอย่างในตัวอยู่ๆ ก็แสดงขึ้นมาด้วยการถอยกลับไปยืนที่เดิมด้วยเนื้อตัวสั่นเทา
   
ทั้งๆ ที่เป็นอัลฟ่าเหมือนกันแต่กลับรู้สึกว่าคุณเหมันต์นั้นเป็นอัลฟ่าที่เหนือกว่า!
   
กลิ่นฟีโรโมนอัลฟ่ารุนแรงลอยฟุ้งจากสูงใหญ่ของท่านประธานบริษัทที่ผลุดลุกขึ้นยืนและมองเหล่าผู้ทรยศด้วยสายตาคุกคามเชิงสมเพชจนผู้คนเหล่านั้นนั่งก้มหน้านิ่งตัวสั่นงก
   
สำหรับผู้เข้าร่วมประชุมทุกคนแล้วนี้เป็นครั้งแรกจริงๆ ที่สัมผัสได้ถึงความเป็นอัลฟ่าพิเศษของคุณเหมันต์ ความทระนงตนในสายเลือดและความแข็งกร้าวขับให้บุคลิกที่มักจะดูสุขุม ใจดีกลายเป็นอีกคนที่ดูทรงอำนาจและน่าเกรงขาม
   
“ออกไปจากบริษัทผมเดี๋ยวนี้!”
   
ตอนนี้พวกเขาราวกับลูกสัตว์อ่อนแอ ไม่ว่าจะเป็นโอเมก้า เบต้า หรืออัลฟ่า ต่างพากันสั่นเทาไม่มีใครสามารถต่อกรกับท่านประธานบริษัทที่กลายเป็นหมาป่าดุร้ายได้สักคน
   
หากแต่ความอ่อนแอและจนตรอกก็มักจะทำให้เกิดความกล้าหาญแปลกประหลาดขึ้นมา โอเมก้าหนุ่มคนเดิมที่นั่งน้ำตารื้นตัดสินใจใช้วิธีการฉุกเฉินในกลุ่มที่ถูกประกาศไว้ว่าต้องฉุกเฉินจริงๆ ถึงจะใช้วิธีนี้
   
ทันทีที่ป้อนคำสั่งฉุกเฉินลงในกลุ่มก็เผยรอยยิ้มออกมา
   
เพราะมันน่าจะซื้อเวลาให้พวกเขาได้หลบหนีไม่มากก็น้อย
   
สิ่งที่พวกเขามั่นใจได้คือคุณเหมันต์ไม่มีวันปล่อยพวกเขาออกจากบริษัทอย่างลอยนวล การคดโกงในบริษัทเป็นข้อห้ามข้อใหญ่อยู่แล้ว สิ่งที่รอพวกเขาอยู่คือคำฟ้องต่างๆ ที่สู้ยังไงก็ไม่มันวันชนะเพราะทนายมือดีแทบทุกคนล้วนเป็นคนรู้จักของคุณเหมันต์
   
และแน่นอนว่าการกระทำนี้ก็แลกกับความโกรธเกรี้ยวมหาศาลของท่านประธาน!

   

วันนี้อากาศมืดครึ้มไม่สดใสทั้งๆ ที่พยากรณ์อากาศบอกว่าวันนี้ไม่มีฝน ราวกับเป็นลางบอกเหตุร้ายบางอย่างจนจ้าวอดครั่นเนื้อครั่นตัวไม่ได้  นัยน์ตาโศกมองรอบๆ ตัวอย่างหวาดระแวง ถึงแม้จะมีบอดี้การ์ดมายืนคุมเชิงอยู่ใกล้ๆ แต่ก็อดกลัวไม่ได้อยู่ดี
   
“หวังว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นนะ”
   
จ้าวบ่นพึมพำกับตัวเองขณะที่มือยังคงเคาะกับกระดาษ แต่งเพลงใหม่สำหรับอัลบั้มไปพลางๆ คำพูดของไนท์เมื่อวานเล่นเอาสติของจ้าวกลับมาชัดเจนอีกครั้ง การอยู่ภายใต้อาณัติของคุณเหมันต์นั้นมันปลอดภัยจนเขาผ่อนคลายและแทบจะลืมเป้าหมายหลักของตัวเองไปแล้ว
   
เป้าหมายที่ว่าด้วยการเรียกร้องสิทธิ์ที่ให้ตัวเองและเหล่าโอเมก้า แต่เอาเข้าจริงจ้าวก็รู้สึกเจ็บปวดไม่เท่าเดิมแล้วเพราะความอ่อนโยนที่คุณเหมันต์มีให้ บาดแผลเหวอะหวะตามตัวคล้ายจะจางลงจนแทบไม่รู้สึก
   
มันเป็นความรู้สึกที่ดีจนจ้าวอดยิ้มไม่ได้ มือหนาที่รวบมือเขาไปจับราวกับเป็นสิ่งที่ล้ำค่าที่สุด คอยประคับประคองไม่ให้ตัวตนที่แสนแตกร้าวของเขาแตกเป็นเสี่ยงไปจริงๆ
   
หากแต่สัมผัสอ่อนโยนก็เทียบไม่ได้กับความดุดันในวันนั้น จ้าวหน้าแดงเถือกเมื่อคิดถึงเรื่องกลางป่า ถึงแม้คุณเหมันต์จะกัดกินเขาอย่างตะกละตะกลามแต่เสียงกระซิบข้างหูก่อนจะเขาจะหลับไปนั้นก็ชัดเจนจนลืมเคืองเรื่องปวดเนื้อตัวไปเลย
   
‘พี่รักจ้าวนะ’
   
แค่คิดจ้าวก็รู้สึกเขินจนทำตัวไม่ถูก นึกรำคาญตัวเองที่มีอาการคล้ายกับเด็กไม่ประสีประสาเรื่องความรักแล้วอยู่ๆ ก็มีคนมาสารภาพรักใส่ ถึงมันจะไม่ใช่ครั้งแรกที่ถูกบอกรักแต่จ้าวกลับรู้สึกว่าครั้งนี้มันสำคัญกับเขามากจริงๆ
   
เขาได้เป็นคนสำคัญของใครสักคนแล้ว
   
เขามีคุณค่าไม่ได้ไร้ค่าอย่างที่ทุกคนว่า
   
คำพูดของผู้คนที่พูดออกไม่โดยไม่ตระหนักนั้นยังคงชัดเจนในใจจ้าวอยู่เสมอ
   
‘สันดารต่ำ! ฆ่าผู้หญิง คนอย่างมึงมันไร้ค่าไม่น่าเกิดมาเลยว่ะ!’
   
จ้าวไม่แน่ใจนักว่าใครเป็นคนพูดประโยคนี้แต่มันก็ยังวนเวียนอยู่ในหัวเขาตลอดห้าปี ถึงเขาจะไม่ได้ทำแต่เขาก็เจ็บปวดที่มีคนด่าว่าถึงขนาดนั้น ทั้งๆ ที่ไม่ได้รู้ความจริงด้วยซ้ำว่าคืออะไร
   
ในขณะที่คิดอย่างใจลอยก็เกิดเหตุการณ์ที่จ้าวคาดการณ์ไว้ขึ้น บอดี้การ์ดร่างใหญ่ที่ถูกใช้ให้มาดูแลความปลอดภัยเปิดทางให้แทบจะทันทีกับผู้ที่เดินเข้ามาในห้องนอนจ้าวอย่างถือวิสาสะ
   
“!”
   
จ้าวเบิกตากว้างเมื่ออยู่ๆ โดนกระชากตัวขึ้นพาดบ่า ยังไม่ได้ทันได้ขัดขืน ผู้ติดตามอีกสองสามคนที่ตามมาด้วยก็พากันลงมือมัดมือมัดเท้าและใช้เทปปิดปาก แน่นอนว่าทุกอย่างเกิดขึ้นในพริบตาและเรี่ยงแรงของจ้าวก็ไม่ได้มากพอที่จะขัดขืนด้วย
   
นัยน์ตาโศกสบมองคนที่ตนเพิ่งคุยในโทรศัพท์ด้วยความไม่พอใจนัก
   
คิง..
   
“บอกแล้วว่ามึงมีทางเลือกไม่เยอะหรอกจ้าว”
   
คิงลูบใบหน้าจ้าวด้วยรอยยิ้มพอใจก่อนจะขมวดคิ้วแทบจะทันทีเมื่อเห็นร่องรอยตามคอของจ้าวที่ถึงแม้จะถูกปิดด้วยปลอกคอเหล็กแต่ก็ยังเป็นจ้ำให้เห็นชัดเจนอยู่ดี
   
“หมายความว่าไงวะ จ้าว มึงไปเอาใครมา!”
   
ใบหน้าของมือเบสประจำวงมูนไลท์บิดเบี้ยว มองจ้าวด้วยสายตาดุดันอย่างไม่พอใจแต่ยังไม่ทันโวยวายก็ถูกอีกคนที่มาด้วยเอ่ยเตือนดุๆ
   
“มึงอย่าเพิ่งมีปัญหาตอนนี้ คิง เรามีเวลาไม่มากนะ”
   
คิงขบเคี้ยวฟันไม่พอใจและเดินนำออกไปก่อนที่จะควบคุมตัวเองไม่ได้ รู้สึกหงุดหงิดงุ่นง่านที่จ้าวเลือกคนอื่นที่ไม่ใช่ตนเอง ทั้งๆ ที่ระยะเวลาที่รู้จักกันมาก็นานมากพอที่จะเป็นคนรู้ใจกันได้ จ้าวดีกับเขามากกว่าคนอื่นๆ ในวง เขารู้สึกได้และยินดีที่ได้รับความใจดีนั้นไว้แต่เพียงผู้เดียว
   
เขาทนไม่ได้หรอกที่เห็นจะจ้าวเป็นของใคร แค่วันนั้นเขาก็ฝืนแทบตายแล้ว เขาไม่ได้อยากกลับบ้าน เขาอยากอยู่กับจ้าว อยากเป็นที่พึ่งพาให้จ้าวและอยากได้จ้าวเป็นของตัวเองคนเดียว!
   
“ส่วนมึง จ้าว”
   
โอเมก้าร่างโปร่งที่จ้าวรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาแต่นึกไม่ออกยิ้มให้บางๆ
   
“หลับไปก่อนนะ”
   
สิ้นคำท่อนไม้ที่ถูกพกมาด้วยก็ฟาดที่ท้ายทอยของจ้าว เพียงครั้งเดียวจ้าวก็นิ่งงันไป มือบางจับใบหน้าจ้าวและตามตัวเพื่อเช็คว่าแกล้งหลับหรือไม่ เมื่อพบว่าเป็นความจริงก็ปล่อยไปและรีบเดินทางกลับสู่ฐานลับทันที
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-06-2018 23:06:47 โดย Foggy Time »

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
“อืมมม”
   
จ้าวครางในลำคอเมื่อรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาและความเจ็บปวดก็ปรากฎแทบจะทันที ร่างผอมร้องอูยเบาๆ เมื่อแตะท้ายทอยตัวเองแล้วเจ็บมาก นัยน์ตาโศกกวาดตามองพื้นที่รอบตัวก็พบว่าตัวเองนั้นได้นั่งอยู่มุมห้อง ข้อเท้าถูกล่ามด้วยตรวนโลหะที่แสนจะคุ้นเคยจนอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเซ็งๆ
   
เรื่องบ้าๆ เกิดขึ้นอีกแล้วและเกิดขึ้นกับเขาอีกแล้ว
   
ซวยชะมัด
   
จ้าวกลอกตาเบื่อหน่าย ไม่มีความตื่นตระหนกเพราะเคยเจอหนักกว่านี้และแน่นอนว่าเมื่อลุกขึ้นนั่งก็เป็นสัญญาณว่าตื่นแล้ว จึงสามารถเรียกความสนใจจากผู้คนที่นั่งกันได้เป็นอย่างดี
   
“พี่จ้าวตื่นแล้ว!”
   
“ที่เป็นนักร้องคนนั้นน่ะนะ ตื่นแล้วเหรอ!”
   
จ้าวมองความวุ่นวายตรงหน้าราวกับไม่ใช่เรื่องของตัวเอง ใช้ความใจเย็นของตัวเองสำรวจพื้นที่รอบๆ เพื่อหาทางหนีทีไล่และสำรวจไปในตัวว่าตัวเองถูกพามาที่ไหนกันแน่
   
นัยน์ตาโศกเบิกตากว้างนิดๆ เมื่อพบว่าตัวเองเหมือนอยู่ในโถงมืดสลัวขนาดใหญ่ที่รวบรวมโอเมก้าไว้เป็นจำนวนมาก มีตั้งแต่เด็กเล็กไปจนถึงวัยชราแต่จำนวนที่มากที่สุดคือวัยรุ่น วัยที่เหมาะสมสำหรับการปฏิวัติมากที่สุด
   
วิทยุที่ตั้งอยู่มุมห้องเปิดเพลงที่ตัวเองร้องออกมาตอนที่ยังเป็นวงมูนไลท์ เสียงเพลงขับกล่อมให้บรรยากาศละมุนละไมลง เหล่าโอเมก้าดูจะสนใจเขาอย่างเห็นได้ชัดพากันมามุงจนแทบสำรวจต่อไม่ได้
   
จ้าวกลืนน้ำลายเอือกถอยหลังจนชนกำแพงเมื่อโอเมก้ามุงขยับเข้ามาใกล้เขาเรื่อยๆ
   
“ถอยไปหน่อย ถอยครับ อย่าเพิ่งมากรี๊ดกร๊าดกันตอนนี้ ขอพี่ใหญ่คุยก่อนนะครับ”
   
และในที่สุดโอเมก้ามุงก็ถูกแหวกออกด้วยร่างโปร่งที่ดูจะตำแหน่งใหญ่ในที่แห่งนี้ ใบหน้าหวานที่ติดจะดูหยิ่งยโสในทิฐิโผล่เข้ามาในความทรงจำของจ้าวอีกครั้ง
   
ใครนะ..
   
จ้าวขมวดคิ้ว เขาคุ้นตั้งแต่ก่อนที่จะสลบแล้วว่าเป็นใครแต่ก็ยังนึกไม่ออกอยู่ดี
   
“จำกูไม่ได้เหรอจ้าว” แม้แต่น้ำเสียงที่พูดยังหวานนุ่มนวล “กูขนมไง”
   
“!!!”
   
จ้าวตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวทันทีเพราะมีความทรงจำร่วมกันที่ไม่ดีสักเท่าไหร่
   
เพราะความเป็นอัลฟ่าจ้าวจึงมักจะได้รับสิทธิพิเศษมากกว่าใครๆ แม้แต่การขึ้นร้องเพลงก็ยังได้ขึ้นเป็นวงแรกๆ ตามคำสั่งของผู้อำนวยการทั้งๆ ที่มีวงที่ลงทะเบียนจองไว้ก่อนเป็นเดือนแล้ว
   
วงๆ นั้นคือวง ‘SWEET CANDY’
   
วงของขนมที่เป็นวงเล็กๆ มีนักร้องนักดนตรีเป็นโอเมก้าทั้งหมดซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยในโรงเรียนชื่อดังแห่งนี้ การเป็นโอเมก้าแล้วสามารถเข้ามาอยู่ในโรงเรียนชั้นนำแบบนี้ได้มีอยู่ไม่กี่อย่างคือฐานะทางบ้านดีหรือเป็นเด็กเลี้ยงของอัลฟ่าบางคนที่หมายมั่นให้เป็นภรรยาในอนาคต
   
เขายังจำความโกรธและน้อยเนื้อต่ำใจของขนมได้ มือเล็กนั่นต่อยหน้าเขาไปครั้งก่อนจะตะคอกใส่เขาด้วยความกราดเกรี้ยว เพราะเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นหลังเลิกเรียนจึงไม่มีใครสักคนที่เข้ามาห้าม ใบหน้าของจ้าวเป็นรอยช้ำไปหลายวันแต่จ้าวก็ไม่ได้บอกใครถึงสาเหตุที่แท้จริง
   
หลังจากนั้นขนมก็เกลียดเขาเข้าไส้ มักจะกลั่นแกล้งเขาด้วยวิธีการเด็กๆ อย่างการซ่อนของ ขโมยเงิน หรือแม้แต่ขัดเท้าให้ล้มตอนที่เดินผ่าน แน่นอนว่าจ้าวไม่เคยล้มเพราะรู้ทันก่อน
   
และหลังๆ มันก็หนักขึ้นเรื่อยๆ จนจ้าวทนไม่ไหวตะคอกใส่หน้าไปครั้งหนึ่ง การกระทำชั่วร้ายของขนมจึงหยุดลง เหลือเพียงความขุ่นเคืองใจที่ดูจะมากจนสามารถถมทะเลสาบหน้าโรงเรียนได้
   
“ทำหน้างี้คงจำได้แล้วสินะ” ขนมหัวเราะ นัยน์ตาที่ใส่คอนแท็กเลนส์สีฟ้าสดใสเข้ากับผมสีเหลืองอ่อนที่เพิ่งไปย้อมมาสดๆ ร้อนๆ “ไม่เป็นไรจ้าว ถึงโตๆ กันแล้ว กูก็ยังไม่ชอบหน้ามึงอยู่ดี”
   
จ้าวเม้มปากแน่นไม่รู้จะพูดอะไร เขาเองก็ไม่ชอบขนมเหมือนกัน ที่ชอบมากลั่นแกล้งเขาอย่างไร้สาเหตุ เขาพอจะเข้าใจได้ถึงความโกรธที่โดนเขาแย่งเวทีไปจนไม่ได้ขึ้น แต่เรื่องมันก็ผ่านมาหลายปีแล้วจะมารื้อฟื้นอะไรอีก
   
“งั้นเข้าเรื่องกันเลย” ใบหน้าน่ารักฉีกยิ้มหวานขัดกับเรื่องที่กำลังจะพูด “มึงถูกพาตัวมาที่นี่ในฐานะของตัวประกันและจะเป็นคนที่ออกสื่อให้กับพวกเราด้วย”
   
“ก็บอกแล้วไง ว่าไม่เอา!” สีหน้าของจ้าวเย็นชา รู้สึกเดือดดาลไม่น้อยที่ตัวเองกลายเป็นเครื่องมือในการต่อกรกับคนอื่นๆ ราวกับเป็นเพียงสิ่งของที่คิดจะทำอะไรก็ทำ ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าคุณเหมันต์รู้ว่าเขามาอยู่ที่นี่จะร้อนรนขนาดไหน ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องเกิดเรื่องบ้าๆ นี่ขึ้นหลังจากที่เขาเพิ่งมีความสุขไปเอง
   
“โทษที มึงไม่ได้อยู่ในฐานะที่ต่อรองได้ว่ะ จ้าว” ขนมหัวเราะและชี้ไปที่ปลอกคอเหล็กซึ่งมีอุปกรณ์ตัดสัญญาณขนาดกะทัดรัดติดอยู่ “พวกกูเป็นคนประดิษฐ์ไอ้เครื่องนี้ขึ้น ถ้ามึงขัดขืนพวกกูจะเอามันออกแล้วให้น้องมึงมาตามจับมึงไปเลย”
   
สิ้นประโยคของขนม สติของจ้าวก็กลับมาชัดเจนและเข้าใจถึงสถานะที่โคตรจะเป็นรองของตัวเองขึ้นมาทันที ความหดหู่สิ้นหวังที่เคยจางหายไปแล้วกลับมาชัดเจนอีกครั้ง มันเกาะตามตัวจ้าวราวกับปรสิตและกอดรัดแน่นคล้ายกับคิดถึงนักหนา
   
“…ถ้าเป็นตัวแทนแล้วต้องทำอะไรบ้าง”
   
จ้าวยังคงสีหน้าเยือกเย็นเอาไว้ได้แม้ว่าจะรู้สึกสิ้นหวังเต็มทน การถูกจับมาที่นี้ก็เหมือนกลายเป็นเบี้ยล่างในคุกอีกครั้งแต่ดีหน่อยที่ครั้งนี้เขาไม่ถูกจับตรวนทั้งมือทั้งเท้าแล้วต้องเจอนักโทษคนอื่นแทบทุกวัน
   
ไม่ว่าจะที่ไหน ทุกคนก็ต่างมองเขาไม่ใช่คน เป็นเพียงอะไรสักอย่างที่สามารถทำประโยชน์ได้สินะ
   
ร่างผอมคิดด้วยความเศร้าหมองนึกคิดถึงคุณเหมันต์ขึ้นมาทันที ถ้าเลือกเกิดได้ เขาไม่อยากเกิดเป็นตัวเอง เขาไม่อยากเป็นนักร้องแล้ว ไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น เขาไม่อยากให้ใครมาใช้ประโยชน์จากเขาอีกแล้ว
   
ถ้าเขาไม่เกิดมาตั้งแต่แรก เขาก็คงไม่เจ็บปวดมากขนาดนี้สินะ
   
“ก็ง่ายๆ แค่พูดตามที่พวกกูเขียนให้ก็เท่านั้น” ขนมยิ้มอย่างพอใจเมื่อเห็นสีหน้าเศร้าหมองของจ้าว “เข้าใจความรู้สึกของกูรึยังล่ะ จ้าว กูรู้สึกแบบมึงทุกวันตั้งแต่เกิดมาเลยว่ะ”
   
“โอเค ตกลง กูจะเป็นตัวแทนให้พวกมึง เป็นทุกอย่าง จะส่งกูไปตายก็ได้ เชิญตามสบายเลย”
   
จ้าวหลับตาเอนหลังพิงกำแพงรู้สึกเหนื่อยล้าทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำอะไร
   
ความฮึกเหิมที่เคยมีตอนอยู่กับคุณเหมันต์ค่อยๆ จางลง มีแต่ความอ่อนล้าที่เพิ่มขึ้นในชีวิต แม้แต่ความสุขอย่างการแต่งเพลงจ้าวก็ไม่คิดอยากจะทำแล้ว
   
เขาเหนื่อย เหนื่อยมากจริงๆ
   
นัยน์ตาโศกที่ซ่อนหลังเปลือกตาสั่นระริกเมื่อนึกถึงสัมผัสอบอุ่นที่โอบกอดตัวเองอย่างอ่อนโยนผิดกับตอนนี้ที่อากาศเย็นเยียบจนเนื้อตัวสั่นเทา อากาศที่ใช้หายใจก็อึดอัดจนไม่อยากหายใจอีก
   
ขนมเลิกคิ้วงุนงงเพราะไม่คิดว่าจ้าวจะยอมจำนนอย่างว่าง่าย ภาพที่ยังคงติดตามาถึงตอนนี้คือการตะคอกใส่หน้าเขาอย่างถือวิสาสะ ขนมยังคิดตลอดและคิดเสมอว่าสันดารคนไม่มีวันเปลี่ยน เช่นเดียวกับจ้าวที่ต้องแย่เหมือนเดิม
   
“ไอ้เหี้ยขนม!”
   
ร่างโปร่งสะดุ้งเฮือกก่อนที่จะร้องโอดโอยเมื่อโดนผลักออกให้พ้นทาง
   
“มึงทำอะไรจ้าว มึงทำอะไรจ้าว! ไอ้สัตว์!”
   
สภาพของคนมาใหม่ไม่ต่างกับหมาบ้านัก ความสงบสุขุมหายไปหมดตั้งแต่ตัดสินใจเข้าร่วมกลุ่มกบฎโอเมก้า ใบหน้าที่เคยถูกยอมรับว่าดูดีพอจะเป็นดาราได้ตอนนี้ค่อนข้างโทรมเพราะเครียดเรื่องจ้าวจนไม่มีเวลาดูแลตัวเอง ในหัวมีเพียงการหาทางช่วยเหลือจ้าวทุกวิถีทางและทำให้จ้าวเป็นของตัวเองให้ได้สักที
   
คิงจับไหล่จ้าวโดยลืมไปโดยสิ้นเชิงว่าจ้าวไม่ชอบให้โดนจับตัวถ้าไม่ใช่คนสนิทจริงๆ “จ้าว ไอ้ขนมมันทำอะไรมึง ทำไมหน้ามึงเหมือนจะร้องไห้ บอกกูสิ เล่าให้กูฟังก็ได้ กูเป็นเพื่อนมึงนะ จ้าว”
   
การรักข้างเดียวก็เหมือนมีหอกแหลมคมที่จออยู่ที่ปลายคอ ถ้าหากอีกฝ่ายรับรักก็จะดึงด้ามหอกออกไป แต่ถ้าไม่ หอกนั้นก็จะแทบทะลุคอหอยทำลายล้างผลาญทุกอย่างตามปริมาณความรักที่มี
   
แน่นอนว่าสำหรับคิงแล้วจ้าวคือทุกอย่างในชีวิต เคยวาดฝันเอาไว้ด้วยซ้ำว่าจะขอแต่งงานสักวัน จัดงานแต่งหรูหรา เชิญเพื่อนในห้องมาร้องเพลง และอาจจะมีลูกเล็กน่ารักสักสองสามคนไว้เป็นโซ่ทองคล้องใจ
   
มันควรจะเป็นอย่างนั้นแต่มันก็ไม่ได้เป็น หอกจึงแทงทะลุทะลวคิงไปทั้งตัวจนสติพร่าเลือน ความเจ็บปวดที่กระจ่างชัดกระตุ้นให้ทำอะไรสักอย่างเพื่อคลายความเจ็บปวดลง ซึ่งคิงก็เลือกทางที่เลวร้ายที่สุดคือการยอมเป็นพวกของกบฎโอเมก้าที่มีสิทธิ์ตายได้ตลอดเวลา วันไหนที่ถูกจับได้ว่าซ่อนตัวอยู่ที่ไหน วันนั้นก็คงจะเป็นวันตายของทุกคน
   
เพราะรัฐบาลประเทศนี้ไม่เคยไว้ชีวิตใครที่คิดกบฎ!
   
“กูโอเค คิง” จ้าวลืมตาขึ้นมองอย่างเย็นชา โกหกคำโตเพราะไม่อยากได้รับความสงสารจากใคร โดยเฉพาะกับคนตรงหน้าที่ทรยศความไว้ใจของเขาด้วยการพรากเขาจากสรวงสวรรค์มาลงนรกอีกครั้ง ถ้าหากเขาเป็นอีกาจริงๆ คงไม่วายถูกไนท์จับถอนขนออกจนหมด กลายเป็นอีกาขนโกร๋นในกรงทองที่เจ้าตัวพยายามสร้างขึ้นมาให้เขา
   
“แม้แต่ตอนนี้มึงก็ยังโกหกกู!” คิงคำรามอย่างเดือดดาล “กูทิ้งทุกอย่างในชีวิตกูเพื่อมึงเลยนะ ทำไมมึงถึงไม่รักกูบ้าง”
   
“ก็อย่างที่กูเคยบอกมึง” จ้าวยิ้มเหยียด “มึงมันก็แค่เพื่อน”
   
นัยน์ตาสีดำของคิงแทบจะกลายเป็นสีแดงฉานอย่างดุร้าย เนื้อตัวสั่นระริกด้วยความโกรธระคนผิดหวัง แค่นเสียงพูดลอดไรฟันออกมา “งั้นตอบกู มึงไปเอาใครมา!!!”
   
“ไม่ใช่เรื่องที่มึงต้องรู้ว่ะ” จ้าวหัวเราะใส่ “หน้าที่ของกูที่นี่ก็มีแค่เป็นตัวแทนพวกมึง กูไม่ได้มีหน้าที่ต้องมาตอบคำถามมึงทุกข้อหรือต้องรับรักมึงว่ะ”
   
จ้าวพยายามรักษาสีหน้าให้นิ่งสงบแม้ว่าจะถูกกำไหล่แน่นจนเจ็บ
   
“กูรักมึงมากนะจ้าว กูถึงพยายามช่วยมึง ทั้งๆ ที่ตัวกูก็ไม่ได้มีความสามารถมากมายอะไร”
   
คิงพูดเสียงสั่นเทา รู้สึกเจ็บปวดเมื่อเลิกคอเสื้อของจ้าวออกก็เห็นร่องรอยเต็มคอกับไหล่ไปหมด กลิ่นอัลฟ่าจางๆ ที่ยังติดบนตัวบอกได้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
   
“กูไม่เคยขอให้มึงช่วย”
   
“หึ” คิงพยายามหัวเราะแม้จะรู้สึกเจ็บจนหน้าชา “วันนั้นกูไม่น่าไปช่วยมึงเลย น่าจะปล่อยให้มึงโดนจับไป จะได้ตายๆ ไป กูจะได้ไม่ต้องเจ็บขนาดนี้”
   
“…”

จ้าวพูดแดกดันไม่ออกเมื่อสบตากับคิงแล้วเห็นความเจ็บปวดร้ายแรง
   
“โอเค จ้าว วันนี้กูยอมแพ้”
   
คิงปล่อยมือจากไหล่จ้าวและยกขึ้นสองข้างเชิงยอม มองใบหน้าที่จนถึงตอนนี้ก็ยังน่ามองด้วยความเศร้าสลดและตระหนักว่าตัวเองไม่เคยเป็นอะไรกับจ้าวเลย
   
ไม่เคยเลยจริงๆ
   
ร่างสูงที่ผอมลงมากเดินออกไปโดยไม่ลืมคว้าไหล่ขนมไว้แน่นและพูดเสียงลอดไรฟัน
   
“ถ้ามึงคิดจะแกล้งจ้าว มึงโดนกูแน่”
   
ขนมแค่นเสียงหึไหวไหล่อย่างไม่สนใจ ทั้งๆ ที่ในใจก็หวาดหวั่นไม่น้อยเพราะถ้าหากต้องสู้กันจริงๆ เขาคงจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้อย่างง่ายดาย
   
เมื่อคิงเดินจากไป ขนมก็กลับเข้าสู่โหมดวางก้ามอีกครั้ง นั่งยองๆ ตรงหน้าจ้าวอย่างคุกคามและสบกับนัยน์ตาโศกที่ตอนนี้กลับมาเย็นชา
   
“พรุ่งนี้มึงต้องเข้าไปคุยกับหัวหน้ากลุ่มเรา”
   
“วุ้น?”
   
ขนมเลิกคิ้วเมื่อจ้าวรู้หนึ่งในคนที่สำคัญที่สุดกลุ่ม “ไม่ใช่ มึงไม่รู้จักหรอก เขาเป็นเบต้า”
   
“…อืม”
   
จ้าวครางตอบในลำคอก่อนจะทิ้งตัวใส่กำแพง พยายามหลับเพื่อหนีความเป็นจริงที่เป็นอยู่ เขาเหนื่อยที่จะคุยกับคนที่เกลียดเขาแล้ว เขาคิดถึงบ้าน เขาไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว
   
“…”
   
ขนมพูดอะไรไม่ออกเมื่อพยายามหาเรื่องอีกฝ่ายเต็มที่แต่กลับได้ความเฉยชาตอบกลับและเมื่อลองสำรวจร่างกายจ้าวก็พบว่าผอมลงกว่าที่เคยเห็นในทีวีมาก ผอมจนไม่คิดว่าคนที่ประสบความสำเร็จมากขนาดนั้นจะตกต่ำได้ขนาดนี้
   
ความรู้สึกที่ไม่คิดจะมีให้อีกฝ่ายอยู่ๆ ก็เกิดขึ้นจนขนมรู้สึกรับไม่ได้
   
เขาเกลียดจ้าวจะตาย ไม่วันที่เขาจะเห็นใจจ้าวหรอก!
   
ขนมพยายามคิดอย่างนั้นแต่พอเห็นใบหน้าเศร้าหมองของจ้าวก็ใจอ่อนยวบ ยิ่งเห็นอีกฝ่ายกอดตัวเองที่ตัวสั่นเทาก็รู้สึกผิดจนทนไม่ได้
   
พวกเราตัดสินใจพลาดไปรึเปล่านะที่ดึงจ้าวมาร่วมด้วย..?
   
หากแต่รู้สึกผิดไปก็เปลี่ยนอะไรไม่ได้อยู่ดี ขนมถอดเสื้อคลุมตัวเองคลุมตัวจ้าวก่อนที่จะเดินจากออกมาโดยไม่พูดอะไร แม้ว่าเสื้อคลุมตัวนั้นจะราคาแพงระยับและตัวเองจะรักมันมากก็ตามที
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-06-2018 23:02:52 โดย Foggy Time »

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
มันต้องเจ็บอีกกี่ครั้งกับการโดนคนใกล้ตัวหักหลัง :hao5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ kanj1005

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
รู้สึกว่าโอเมก้าพวกนี้เห็นแก่ตัวและขี้ขลาด
ขนาดความต้องการของตัวเองก็ไม่กล้าพูด  ต้องไปบังคับจับจ้าวมาเป็นฉากบังหน้า 
เรื่องนี้จ้าวน่าสงสารสุด ชีวิตมีแต่เรื่องทุกข์ ไม่ว่าครอบครัวหรือเพื่อน

ออฟไลน์ GMT101

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 234
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-2

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
สงสารจ้าวที่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ซ้ำๆ พี่เหมันต์รีบมาช่วยน้องเร็วค่ะ

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
 :angry2: :angry2: นั่นไงมาแล้ว กรี๊ดดด  :z3:  :z6:

เขาเรียกอะไรอ่ะ บางบทหรือบางคำของตัวละครเหมือนผู้แต่ง

สลับชื่อกันอะค่ะ เดี๋ยวคิง เดี๋ยวไนท์ หรือแม้แต่พาร์ทขนมอยู่ๆ

ก็กลายมาเป็นข้าวอะค่ะ


ใบหน้าของมือเบสประจำวงมูนไลท์บิดเบี้ยว มองจ้าวด้วยสายตาดุดันอย่างไม่พอใจแต่ยังไม่ทันโวยวายก็ถูกอีกคนที่มาด้วยเอ่ยเตือนดุๆ
   
“มึงอย่าเพิ่งมีปัญหาตอนนี้ ไนท์ เรามีเวลาไม่มากนะ”
   
คิงขบเคี้ยวฟันไม่พอใจและเดินนำออกไปก่อนที่จะควบคุมตัวเองไม่ได้

   
มันควรจะเป็นอย่างนั้นแต่มันก็ไม่ได้เป็น หอกจึงแทงทะลุทะลวงไนท์ไปทั้งตัวจนสติพร่าเลือน ความเจ็บปวดที่กระจ่างชัดกระตุ้นให้ทำอะไรสักอย่างเพื่อคลายความเจ็บปวดลง ซึ่งคิงก็เลือกทางที่เลวร้ายที่สุดคือการยอมเป็นพวกของกบฎโอเมก้าที่มีสิทธิ์ตายได้ตลอดเวลา วันไหนที่ถูกจับได้ว่าซ่อนตัวอยู่ที่ไหน วันนั้นก็คงจะเป็นวันตายของทุกคน




ขนมพูดอะไรไม่ออกเมื่อพยายามาเรื่องอีกฝ่ายเต็มที่แต่กลับได้ความเฉยชาตอบกลับและเมื่อลองสำรวจร่างกายจ้าวก็พบว่าผอมลงกว่าที่เคยเห็นในทีวีมาก ผอมจนไม่คิดว่าคนที่ประสบความสำเร็จมากขนาดนั้นจะตกต่ำได้ขนาดนี้
   
ความรู้สึกที่ไม่คิดจะมีให้อีกฝ่ายอยู่ๆ ก็เกิดขึ้นจนข้าวรู้สึกรับไม่ได้


ออฟไลน์ lcortsess

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 173
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-3
คือแบบ... อยากให้มาแต่งรวดเดียวจบ 5555
รอ น่าาาาาา

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
ตอนที่ 27
   

แกร๊ง แกร๊ง
   
เสียงโซ่กระทบกันเป็นจังหวะเมื่อร่างผอมเดินลากเท้าไปยังห้องประชุมส่วนตัวซึ่งเป็นห้องที่ถูกแยกออกไปอย่างเห็นได้ชัด มีคนเฝ้าประตูตลอดเวลาอย่างแน่นหนาราวกับว่าภายนอกห้องมีสิ่งสำคัญที่แม้แต่คนในก็ไม่อาจไว้ใจได้อยู่
   
ใบหน้าของจ้าวยังคงเฉยชาไร้ความรู้สึก ไม่สนใจที่จะสวมเสื้อที่คิงเตรียมให้ด้วยซ้ำ ปล่อยให้เนื้อตัวเปลือยเปล่าโชว์ร่องรอยบาดแผลจากการทำร้ายกับร่องรองบางอย่างที่เริ่มจางลง ด้วยความหวังว่าพวกนั้นจะปราณีเขาบ้าง แค่นี้บาดแผลในชีวิตเขาก็เยอะมากพอแล้ว อย่าได้เพิ่มมันอีกเลย
   
จ้าวหลับตาเดินอย่างสงบเพราะไม่มีความจำเป็นต้องลืมตาด้วยซ้ำในเมื่อข้อมือก็ถูกมัดด้วยเชือกและมีคนจูง ส่วนข้อเท้าที่เหลือปลายโซ่ยาวๆ ก็มีคนถือเดินตามหลังให้
   
เรียกได้ว่าตอนนี้กลับคือสู่นรกอย่างสมบูรณ์แบบ
   
ไร้ซึ่งโอกาส ไร้ซึ่งอิสรภาพ ไร้ซึ่งความเมตตา
   
มีเพียงความทะเยอทะยานที่จะนำพาชีวิตเน่าเฟะนี่ออกไปจากนรกแห่งนี้ได้
   
ท่ามกลางความเงียบงันมีเพียงเสียงหัวเราะของจ้าวดังเสียงผะแผ่ว ทุกสายตาล้วนจับจ้องไปยังร่างโอเมก้าคนใหม่ที่ถูกพาตัวเข้ามายังรังอย่างเอิกเกริก ไม่ว่าใครก็ล้วนรู้จักจ้าวทั้งนั้น ทั้งในด้านนักร้องเพลงดาวรุ่งในอดีตจนถึงฆาตกรเลือดเย็น มีหลายสายตาที่ชื่นชมแต่ก็มีอีกหลายสายตาที่หวาดกลัว
   
แต่น่าแปลกนักที่เสียงหัวเราะของจ้าวกลับทำให้ทุกคนขนลุกชัน แม้จะเป็นเพียงแค่เสียงแต่ก็สัมผัสได้ถึงความสิ้นหวัง ความเจ็บปวดและความสมเพชในตัวเอง บาดแผลน่าสยดสยองมากมายทั้งบนหน้าท้องแผ่นอกหรือแม้แต่แผ่นหลังชวนให้กลืนน้ำลายเอือกด้วยความหวาดกลัว โดยเฉพาะรอยสักอีกาดำที่ถูกแทงทะลุลำตัวนั้นราวกับตอกย้ำชีวิตของจ้าวได้ดี
   
ชีวิตที่ถูกฆ่าทั้งเป็น!
   
ก่อนที่จะเข้าไปในห้องจู่ๆ ร่างผ่ายผอมก็หยุดเดินแล้วก็ฮัมเพลงขึ้นมา ไม่สนใจว่าตัวเองจะโดนกระชากข้อมือให้เดินต่อหรือเข่ากระแทกเข้าที่สะโพก
   
รอยยิ้มปรากฎบนริมฝีปากบางเฉียบ
   
“หมาป่า! หมาป่า! หมาป่า!”
   
ทั้งๆ ที่ควรจะร้องด้วยน้ำเสียงระคนหวาดกลัวแต่มันกลับถูกร้องด้วยน้ำเสียงเย้นหยันติดตลก
   
“พวกลูกแกะตะโกนกันอย่างหวาดผวา แต่เจ้าหมาป่าไม่สนใจ ยังคงเล็งปืนไปที่พวกมัน!”
   
จ้าวร้องถึงแค่นั้นแล้วก็หยุดร้องแล้วหัวเราะออกมาเสียงดังลั่นด้วยความไม่เข้าใจนัก ทั้งๆ ที่เขาเองก็พยายามในแบบของเขาเพื่อช่วยเหลือคนพวกนี้แต่ตอนนี้กลับถูกคนพวกนี้เล่นงานเอาเสียเอง
   
เป็นเรื่องตลกร้ายจนอยากขำให้ตายจริงๆ
   
“ใครมันโง่บอกว่าพวกแกะไม่ทำร้ายกันเอง” นัยน์ตาโศกฉายประกายขบขันเมื่อเห็นสีหน้าที่ดูจะหวาดกลัวในตัวเองอย่างเห็นได้ชัดของคนอื่น “พวกมันกินเนื้อกันเองเลยด้วยซ้ำว่ะ”
   
ร่างผอมทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนจะเดินเข้าไปในห้องด้วยตัวเอง

   


ห้องประชุมไม่ได้ใหญ่เท่าที่จ้าวคาดคะเนไว้ มันเป็นเพียงห้องขนาดไม่ใหญ่นักแต่กลับอัดทุกสิ่งทุกอย่างที่น่าจะสำคัญสำหรับกลุ่มไว้แทบทุกตารางนิ้ว บริเวณรอบผนังสามด้านถูกวางด้วยตู้ขนาดใหญ่ ภายในตู้ที่ดูจะใหญ่และแข็งแรงมากที่สุดหลังกระจกใสมีขวดน้ำหอมบรรจุขวดวางเรียงรายอยู่เป็นจำนวนมาก ส่วนตู้ที่เล็กกว่าสองตู้นั้นมีทั้งเอกสารและอุปกรณ์ต่างๆ อยู่เต็มไปหมด
   
ในอีกด้านหนึ่งที่ไม่มีตู้นั้นเป็นโต๊ะที่ถูกวางด้วยคอมพิวเตอร์และโน๊ตบุ๊ค บริเวณผนังมีจอภาพแสดงผลอยู่เกือบยี่สิบจอ แสดงพื้นที่เข้าออกในอาคารทั้งหมดอีกทั้งยังมีจอเฉพาะห้าจอที่แสดงพื้นที่พิเศษสลับไปมาอยู่เป็นพักๆ และบริเวณสุดท้ายก็คือกลางห้องซึ่งมีโต๊ะยาวหนึ่งตัวและเก้าอี้ไม่กี่ตัววางล้อมรอบที่เหลือเป็นถังสีที่ถูกนำมาวางเพิ่มใช้กึ่งเก้าอี้
   
แน่นอนว่าเก้าอี้แทบทุกตัวล้วนถูกครอบครองด้วยกลุ่มหัวหน้าหลักของที่แห่งนี้แล้ว มีทั้งโอเมก้า อัลฟ่า หรือแม้แต่เบต้าที่กำลังนั่งบนเก้าอี้และถังอย่างสบายอกสบายใจ แม้สีหน้าบางคนจะนิ่งสนิทก็ตามที
   
จ้าวนั่งลงบนถังที่ดูไม่จืดนักแล้วมองเหล่าหัวหน้าที่กำลังจะมอบคำสั่งแรกให้กับตัวเอง
   
“ก่อนอื่นเลย ขอแนะนำตัวก่อนนะ”
   
นัยน์ตาโศกมองคนที่นั่งตรงข้ามกับตัวเองด้วยความรู้สึกประหลาดใจนิดๆ เพราะอีกฝ่ายเป็นเบต้าร่างใหญ่ที่ดูจะไม่มีชีวิตดราม่าอะไรเท่าพวกโอเมก้านัก
   
“ฉันชื่อสิต จะเรียกเฮียสิตก็ได้” ใบหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเครายิ้มให้จ้าวอย่างเป็นมิตร “เป็นหัวหน้ากลุ่ม Revenge of Raven (การแก้แค้นของอีกา)”
   
จ้าวพยักหน้าเล็กๆ มองด้วยความเฉื่อยชา ไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะพยายามทำตัวดีกับตัวเองแค่ไหน ตราบใดที่ข้อมือยังถูกมัดและโซ่ตรวนยังคงอยู่ เขาก็ไม่มีความจำเป็นต้องเป็นมิตรกับใครเพราะสถานะของเขาตอนนี้ไม่ต่างกับสัตว์สักตัว
   
“ฉันมีหน้าที่เกี่ยวกับการวางแผนแล้วก็ตัดสินใจแผนการใหญ่ๆ ว่าควรทำรึเปล่า” แม้จะถูกตอบรับอย่างเย็นชาแต่สิตก็ยังยิ้มแย้มอย่างอารมณ์ดี “เอาเป็นว่าฉันจะแนะนำคนอื่นให้ด้วยเลยแล้วกันจะได้ไม่ต้องเสียเวลาพูดทุกคน”
   
สิตชี้ไปทางชายร่างเล็กหลังค่อมสวมเสื้อสีดำทึบอีกทั้งยังสวมเสื้อกันหนาวมีฮู้ดปิดบังใบหน้าไปเกือบครึ่ง มีเพียงนัยน์ตาเล็กๆ สีฟ้าสว่างที่ดูง่วงงุนปรากฎให้เห็น “นี่ชื่อไอที จะเรียกไอก็ได้ มันเชี่ยวชาญเรื่องอิเล็กทรอนิกส์แทบทั้งหมด ทั้งเรื่องแฮคข้อมูลหลายๆ อย่าง ถ้านึกอะไรเกี่ยวกับคอมไม่ออกก็ให้มาหามันนะ อ้อ ลืมไป ที่คอนายก็ได้ไอเนี่ยแหละเป็นคนทำให้”
   
“…”
   
จ้าวไม่ตอบนั่งนิ่งงันราวกับไร้วิญญาณ
   
“ส่วนไอ้แว่นนี่ไอ้เงิน” สิตทุบหลังอัลฟ่าข้างๆ แรงจนได้ยินเสียงอั่ก แน่นอนว่าเจ้าของชื่อมองกลับด้วยความไม่พอใจนัก “มันเป็นฝ่ายการเงินควบคุมบัญชีทั้งหมดแล้วก็ควบตำแหน่งคนออกภาคสนามด้วย”
   
สิตยังแนะนำเรื่อยๆ อย่างไม่ลดละเพราะหวังว่ามันจะช่วยให้จ้าวเปิดใจให้กับพวกเขาบ้าง เผื่อว่า ‘อะไรๆ’ จะง่ายขึ้น ก่อนจะชี้ไปที่คนที่นั่งใกล้จ้าวสุด “นั่นชื่อไอ้ขุน เป็นคนที่มีหน้าที่คุยกับพวกที่ยังอยู่ในสังคมแต่ยังไม่กล้าปลีกตัวออกมาช่วยแล้วก็เป็นคนหารายได้สนับสนุนหลักให้กลุ่มเรา”
   
ใบหน้านิ่งเฉยเผยรอยยิ้มมุมปากให้จ้าวอย่างเป็นมิตร จ้องเนื้อตัวขาวๆ ของจ้าวด้วยแววตาพราวระยับ ไม่สนใจทั้งบาดแผลและร่องรอยใดๆ เพราะเขาก็อยากเป็นอีกคนที่ได้ลองลิ้มรสเนื้อรสเลิศนี้บ้าง
   
จ้าวมองสายตานั้นด้วยความเบื่อหน่าย คนที่ฉลาดมักจะใช้ความเจ้าชู้ของตัวเองได้อย่างมีไหวพริบ อาจจะหลอกนอนกับอัลฟ่าสักคนแล้วกล่อมด้วยคำพูดหวานหูเพื่อรีดไถเงินมาสนับสนุนกลุ่มก้อนของตัวเอง ยิ่งใบหน้าที่ดูหล่อเหลาและสุขุมราวกับคุณชายสักคนแล้ว ไม่ยากเลยที่ผู้คนจะหลงเชื่อเอาง่ายๆ ราวกับเด็กไม่กี่ขวบที่เชื่อเรื่องราวทั้งหมดของนิทานว่ามันเป็นความจริง
   
ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงแล้วอาจจะเป็นคนด้วยซ้ำที่เป็นฝ่ายลักพาตัวจากเจ้าหญิงแทน
   
“แล้วก็นี่..”
   
สิตยังเอ่ยไม่จบประโยคจ้าวก็พูดตัดขึ้นมา นัยน์ตาโศกสั่นระริกเมื่อเห็นว่าเพื่อนของตัวเองนั้นเปลี่ยนไปมากจนจำแทบไม่ได้ “…วุ้น”
   
“ดีใจที่เจอมึงอีกนะ” วุ้นยิ้มและหัวเราะเสียงแผ่วกับแววตาประหลาดใจของจ้าว แต่จะไม่ให้แปลกจะก็คงจะเห็นเป็นไม่ได้เพราะทั้งใบหน้าและร่างกายเขาล้วนไม่สมประกอบเหมือนในวัยเยาว์ เขาเสียแขนข้างขวาและลูกตาซ้ายกับการขายอวัยวะเพื่อเอาเงินมาหล่อเลี้ยงชีวิตเล็กๆ ที่กำลังจะอดตายเพราะเขาหาเงินได้ไม่มากพอ ก่อนที่ความพยายามจะสูญเปล่าเพราะลูกของเขาได้ตายไปก่อนที่เขาจะกลับมา
   
ซึ่งเงินที่ถูกส่งให้ซื้อข้าวให้ลูกกลับถูกป้าที่ฝากเลี้ยงนำไปซื้อเหล้ายามากินจนเมาแอ๋ ขนาดลูกเขาตายไปแล้วยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ เอาแต่ตะโกนโหวกเหวกโวยวายว่าขอเงินอีก แค่ขวดเดียวมันจะพออะไร
   
มันเป็นความทรงจำอันเจ็บปวดและร้าวรานจนวุ้นไม่อยากนึกถึงมัน ลูกของเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครเป็นพ่อแต่ใบหน้าน้อยๆ นั้นก็น่ารักน่าชังจนเขาพยายามสุดชีวิตในการเลี้ยงดูแม้ว่าตัวเองจะสุขภาพไม่ค่อยดีก็ตาม
   
แต่ทุกอย่างมันก็ช้าเกินไป
   
“เกิดอะไรขึ้น” จ้าวถามเสียงแผ่ว
   
วุ้นหัวเราะพลางโบกมือ “ไม่มีอะไรหรอก อุบัติเหตุน่ะ ตอนนี้มันไม่เจ็บแล้ว” ทำท่าทีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับแขนและเบ้าตาของตัวเองที่ถูกปิดด้วยผ้าปิดตาสีดำเพื่อไม่ให้ดูน่ากลัวนัก
   
“รู้จักกันมาก่อนงั้นเหรอ ดีแล้ว” สิตพูดอย่างดีใจ “วุ้นนี่ถือเป็นคนที่สำคัญอันดับต้นๆ ของกลุ่มเราเลยเพราะวุ้นเป็นคนรวบรวมและปลุกระดมพวกโอเมก้าแทบจะทั้งหมด แล้วอีกอย่างคือเชี่ยวชาญการหนีมาก”
   
“...บอกผมทำไม”
   
จ้าวถามเสียงแผ่วหลับตาอย่างเหนื่อยอ่อน บาดแผลบนร่างไม่ได้ช่วยอะไรเลยในเมื่อสิ่งที่ทุกคนบนโลกเห็นเขาคือเป็นผลประโยชน์ที่มีชีวิต ไม่ต้องสนใจหรอกว่ามันรู้สึกยังไง ขอแค่ได้ผลประโยชน์มากตามที่ต้องการก็พอ
   
“เห็นไหมว่าที่นี่เรามีผู้เชี่ยวชาญของแต่ละด้าน” เบต้าหนุ่มวัยกลางคนยังพูดอย่างใจเย็นและมีรอยยิ้มแม้ว่าจะถูกแดกดันก็ตาม “และที่เราต้องการเพิ่มคือผู้เชี่ยวชาญด้านการประชาสัมพันธ์และเราก็เลือกนายไง จ้าว นายจะเป็นความหวังใหม่ให้กับกลุ่มอีกาของเรา”
   
“ผมไม่ต้องการ” จ้าวแค่นเสียงหัวเราะ “แต่ยังไงผมก็ต้องทำอยู่ดีใช่ไหมล่ะ โอเค เชิญเลย จะสั่งอะไรมาก็เชิญ ผมจะทำทุกอย่างที่คุณบอก ยังไงพวกคุณก็ไม่คิดจะปล่อยให้ผมกลับไปอยู่แล้วใช่ไหมล่ะ”
   
แม้จ้าวจะหัวเราะแต่ในใจกลับร่ำไห้ หัวใจในอกสั่นระริกด้วยความเจ็บปวดเมื่อต้องทนทรมานกับเรื่องเดิมและเรื่องใหม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ราวกับต้องคำสาปร้ายที่ไม่มีวันแก้ได้
   
“ไม่จ้าว เข้าใจผิดแล้ว” สิตส่ายหัว “เรากำลังขอความร่วมมือจากจ้าวต่างหาก เราอยากได้คนที่ทำงานเพื่อกลุ่มด้วยความเต็มใจ ไม่ใช่การบังคับ”
   
“แล้วล่ามผมไว้ทำไม” อารมณ์ของจ้าวที่พยายามจะนิ่งสงบเริ่มเดือดพล่าน
   
“เราแค่ต้องการที่จะแน่ใจว่านายจะไม่หนีไปไหน”
   
“ไอ้เวรเอ้ย!!” จ้าวตะคอกนัยน์ตาโศกแดงก่ำอย่างดุร้าย “มึงมีสิทธิ์อะไรมาบังคับกูวะ มึงมีสิทธิ์อะไร! กูไม่เคยเป็นหนี้บุญคุณใครโดยเฉพาะกับพวกมึง!”
   
แกร๊ง!
   
ข้อเท้าที่ตรวนด้วยโซ่ถูกพันเข้ากับเก้าอี้ไว้แน่นเพื่อป้องกันจ้าวคลุ้มคลั่งออกไปทำร้ายใคร แต่มันกลับไม่ช่วยให้ความโกรธของจ้าวบรรเทาลง หนำซ้ำยังเติมเชื้อไฟจนแทบจะฆ่าทุกคนให้ตายทั้งเป็น
   
หากแต่ยิ่งขัดขืนก็เหมือนยิ่งทำร้ายตัวเอง ข้อเท้าเริ่มช้ำม่วงและมีรอยถลอกซิบเลือด ข้อมือเป็นแผลถลอกจนเลือดซึมออกมาได้กลิ่นคาวจางๆ  และในที่สุดความโกรธของจ้าวก็ลดลงแทนที่ด้วยความเจ็บปวดทั้งร่างกายและจิตใจที่เจ็บปวดแสนสาหัส
   
“กูทำผิดอะไรวะ! ฮึก ถึงจับกูมา กูทำอะไรผิด กูมีความสุขมากเกินไปเหรอ ที่ต้องทำแบบนี้กับกู ให้กูอยู่สงบๆ บ้างไม่ได้รึไงวะ ฮืออออ”
   
จ้าวปล่อยโฮออกมาอย่างอดไม่ได้ เขาทนการถูกข่มเหงไม่ไหวแล้ว เขาถูกบังคับให้เข้าร่วมกับกลุ่มหัวรุนแรง ทั้งๆ ที่ทุกอย่างในชีวิตกำลังไปได้สวย
   
“ใจเย็นๆ จ้าว ใจเย็นๆ ถ้าไม่อยากเข้าร่วมกับกลุ่มเรา งั้นเปลี่ยนเป็นแลกเปลี่ยนกันอย่างสมราคาไหม”
   
การร้องไห้ของจ้าวไม่ได้ทำให้สิตรู้สึกอะไรสักนิด อุดมการณ์สุดโต่งอันแข็งแกร่งที่ไหลเชี่ยวอยู่ในสายเลือดคือสิ่งที่สำคัญที่สุด เขาจะต้องทำมันให้สำเร็จโดยไม่สนวิธีการ ไม่สนว่าจะต้องฆ่าใครไปบ้าง เพื่อที่จะได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
   
“ปล่อยผมกลับบ้านนะ ฮึก ถือว่าขอร้องในฐานะโอเมก้าก็ได้”
   
“จริงสิ นายเคยบอกว่าตัวเองไม่ได้ฆ่าพริมนี่ อยากให้พวกเราช่วยหาหลักฐานให้ไหม” สิตเลือกที่จะทำหูทวนลมไม่สนใจคำขอร้องของจ้าว “สนใจไหม?”
   
จ้าวอับจนคำพูด นัยน์ตาโศกแทบไร้ประกายชีวิตเพราะรู้ว่าต่อให้ร้องขอให้ตายยังไงก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ก็เหมือนตอนที่อยู่ในคุกที่ต้องยอมรับทุกอย่างแม้ว่าจะไม่ยินยอม ตอนนี้ก็เป็นแค่อีกครั้งนึงที่มันเกิดขึ้นเท่านั้น
   
“…ผมอยากไปบ้านของตระกูลนฤภัทร”
   
อย่างน้อยๆ ครั้งนี้เขาก็มียังมีโอกาสได้ต่อรองเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองบ้าง ถึงแม้มันจะไม่เท่าเทียมและคุ้มค่าแต่เขาก็มีทางเลือกไม่มากนัก
   
“หมายความว่าไง คนที่บ้านนายมีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมงั้นเหรอ” สิตถามอย่างสนใจเพราะนี่นับเป็นข่าวใหม่และใหญ่สุดๆ เลยทีเดียวสำหรับคนที่ติดตามข่าวเรื่องจ้าวอยู่
   
“คุณไม่จำเป็นต้องรู้”
   
“เฮ้ๆ เราเป็นพวกเดียวกันน่า จ้าว เปิดใจหน่อย บอกเลยว่าไว้ใจเราได้ แค่นายพูดออกมา พวกเราก็พร้อมที่จะเชื่อและช่วยเหลือ”
   
“…”
   
จ้าวหลบสายตาไม่สนใจและไม่คิดจะหลงกลไปกับคำพูดสวยหรูที่แฝงไปด้วยคมดาบที่มองไม่เห็น เขาเรียนรู้มามากพอแล้ว
   
หัวหน้ากลุ่มอีกายังคงยิ้มอยู่แม้จะเริ่มรู้สึกขุ่นเคืองในใจเช่นเดียวกับคนอื่นที่เริ่มไม่พอใจในตัวจ้าวที่ทำตัวน่ารำคาญ ทั้งๆ ที่ตกที่นั่งลำบากเหมือนกันแต่กลับเลือกที่จะนั่งเฉยไม่คิดจะทำอะไรสักนิดเพื่อเปลี่ยนแปลงโลกอันเน่าเฟะที่ทุกคนทุกข์ทนอาศัยอยู่อย่างทรมาน
   
“พูดตรงๆ นะจ้าว ฉันไม่เข้าใจนายสักนิดว่ากำลังคิดอะไรอยู่”
   
ในเมื่อไม้อ่อนไม่ได้ผลสิตจึงใช้ไม้แข็ง
   
ความโกรธที่อัดแน่นในทุกอณูของลมหายใจทำให้จ้าวเงยหน้าขึ้นมาสบตาด้วยนัยน์ตาลุกวาว ถึงแม้จะเป็นแค่อีกาขนโกร๋นจนอัปลักษณ์แต่ก็ดุร้ายจนไม่สามารถมีใครเข้าใกล้ได้
   
“ถ้าพวกเราต้องการ เราสามารถฆ่านายได้ง่ายๆ เลยด้วยซ้ำ แต่เราไม่คิดจะทำเพราะอยากให้นายเป็นพวกพ้องที่ดีของเรา ช่วยเราสานฝัน เป็นฟั่นเฟือนอีกตัวที่จะทำให้ความฝันของโอเมก้าทุกคนสำเร็จ”
   
“ผมไม่สนใจว่าพวกคุณจะรู้สึกยังไง” จ้าวพูดเสียงกร้าว “แต่ที่ผมสนใจคือผมอยากกลับบ้าน!!!”
   
“อย่าโลกสวยนักเลย จ้าว” สิตทอดถอนใจอย่างเบื่อหน่าย “กรงทองของนายไม่มีวันปลอดภัยตลอดไปหรอก ไม่อย่างนั้นพวกฉันจะพาตัวนายออกมาได้ยังไง”
   
“พวกสารเลว”
   
“พูดผิดแล้วจ้าว แสนดีต่างหาก” เบต้าหนุ่มยิ้มอ่อนโยน “ใครจะไปรู้ว่าวันดีคืนดีอาจจะมีคนในขายข่าวให้จันทร์มาตามจับนายก็ได้ นี่มากับพวกเราก็ถือว่าโชคดีมากแล้วนะเพราะพวกเราไม่ฆ่าพวกเดียวกันเองโดยไม่จำเป็น”

ยิ่งคุยกันก็เหมือนคุยไม่รู้เรื่องจนจ้าวตัดสินใจตัดบท แม้จะโกรธจนแทบบ้าแต่ก็ทำได้เพียงกล้ำกลืนมันลงไปและเจรจากับอีกฝ่ายเพื่อผลประโยชน์อันน้อยนิดของตัวเอง
   
“โอเค ผมจะเป็นตัวแทนพวกคุณเอง” ร่างผอมพูดอย่างเย็นชา “แต่คุณต้องพาผมเข้าบ้านตระกูลนฤภัทรให้ได้”
   
สิตคลี่ยิ้มการค้าออกมาอย่างสุขสม
 
“ตกลง”
   
เพราะการลงทุนครั้งนี้ได้ผลกำไรงามทีเดียว

   

ท่ามกลางความวุ่นวายในตอนกลางวันที่ทุกคนพากันสัญจรกันอย่างคึกคัก จู่ๆ จอแอลอีดีขนาดยักษ์ และสื่อต่างๆ ที่เป็นอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดก็ดับลบและกระพริบเปิดอีกครั้งด้วยภาพสัญลักษณ์แปลกตาบางอย่าง มันเป็นภาพกราฟฟิกอีกากระพือปีกที่มีเพียงเส้นไม่กี่เส้นแต่กลับรู้สึกได้ถึงความทรงพลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นกลุ่มเลือดและซากศพหมาป่าขนาดยักษ์รอบตัวที่ตายกันอย่างน่าสยดสยอง
   
ทุกคนตกอยู่ในความเงียบสงัดจดจ้องหน้าจอภาพที่กระพริบร่างเหล่าหมาป่ายักษ์ให้หายไปก่อนจะปรากฎขึ้นมาใหม่ราวกับย้ำเตือนถึงการมาของอีกา ที่ทรงพลังถึงขนาดฆ่าหมาป่าที่แทนสัญลักษณ์ของเหล่าอัลฟ่าได้!
   
[ นี่เป็นข้อความแรกของกลุ่มเรา กลุ่มแห่งความหวังของโอเมก้าหรือเรียกอีกอย่างว่ากลุ่ม Revenge of Raven แปลตรงตัวก็คือการแก้แค้นของเหล่าอีกา จุดประสงค์หลักของกลุ่มเราคือต้องการความเท่าเทียมในสังคมโดยเฉพาะกับพวกโอเมก้า เราต้องการให้โอเมก้า เบต้า และอัลฟ่ามีสิทธิ์เท่าเทียมกันจริงๆ ไม่ใช่แค่คำพูดลอยๆ เราอยากจะขอให้ทุกฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้องรีบทำตามที่เราร้องขอ ก่อนที่เราจะลงมืออีกครั้ง]
   
น้ำเสียงที่ดังออกมาจากภาพนั้นมั่นคงสม่ำเสมอและเด็ดขาด มีหลายคนที่จำเสียงได้ ต่างพากันตื่นตกใจฮือฮากันยกใหญ่ทั้งเรื่องที่จ้าวเป็นคนพูดและงุนงงว่าจ้าวกำลังพูดถึงอะไร สำหรับอัลฟ่าเบต้าหลายคนนั้น โอเมก้าก็ไม่ต่างอะไรกับสัตว์ชั้นต่ำและไม่ใช่คนเหมือนตัวเอง จึงไม่เข้าใจมากๆ ว่าจ้าวต้องการอะไรกันแน่ สิทธิ์ปกติทางสังคมรัฐบาลก็ให้แล้ว ยังจะต้องการอะไรอีก
   
[ และสิ่งสุดท้ายที่เราอยากจะบอกก็คือ เราไม่ใช่กลุ่มอาชญากรรม พวกคุณไม่ต้องกลัว ]
   
เมื่อจ้าวพูดจบทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง หน้าจอยักษ์ฉายโฆษณาซ้ำวนไปวนมาเช่นเดียวกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ที่ทำตามหน้าที่ตัวเองเช่นเดิมอย่างขยันขันแข็ง
   
สิ่งที่หลงเหลือคือตะกอนความสงสัยในใจผู้คน

อาจจะเป็นความหวาดระแวง ความหวาดกลัว หรือแม้แต่ความใคร่รู้

แน่นอนว่ามันไม่สำคัญว่าจะเป็นตะกอนใด เพราะสิ่งที่กลุ่มอีกาพวกนี้ต้องการคือการได้ประกาศถึงการมีอยู่ของตัวเองเท่านั้น!

=========

ตอนนี้สั้นไปนิดเพราะคาดว่าจะไปทดกับตอนหน้าที่แบบ  :z6: ทำใจรอเลยนะคะ 5555

เจอกันตอนหน้าค่า  :hao7:

ออฟไลน์ lcortsess

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 173
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-3
คนเขียน ง่าาาาาาา :katai1:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
สงสารจ้าว

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
หัวร้อนเลยยยยยยย ทำไมจ้าวต้องเจอคนเฮงซวยพวกนี้ด้วย
สงสารจ้าวจริงๆ

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ทุกคนต้องการเข้าจ้าวเพื่อประโยชน์ส่วนตัว  หัวร้อนนน :katai1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด