เส้นที่หก
“ เฮ้ คุณหมอนิทาน ตื่นได้แล้วคุณ! จะหมดเวลาเยี่ยมคนไข้แล้วนะ -- ”
เสียงใครกรอกข้างหูผมล่ะเนี่ย หลอนได้ที่เลยกู ผมกระพริบตาทันทีที่ลืมตาแล้วปะทะกับแสงไฟนีออนอ่อนๆ ในห้องพักผู้ป่วย ทำเอาผมแสบตาไปพอสมควรจนต้องหลับตาไว้ก่อนแล้วค่อยๆลืมตาช้าๆ 1...2...3....
“ เฮ้ย!!!”
“ เป็นอะไรล่ะคุณร้องซะลั่นบ้านลั่นช่อง กลัวหมอไม่รู้รึไงว่าคุณฟื้นแล้ว - - อะไรของคุณเนี่ย ”
ไอ้คุณการณ์ ครับ มันมานั่งอยู่ข้างๆโซฟาที่ผมนอนอยู่ ส่วนในมือน่าจะเป็นสำลีแอมโมเนีย ที่ไว้ปฐมพยาบาลคนเป็นลม สงสัยหมอแผนกนี้ไม่ดูแลผม เลยให้คนป่วยดูแล(ว่าที่)หมอแทน ซะงั้น
พอผมลุกขึ้นนั่งคุณการณ์มันก็ขยับตูดมานั่งโซฟาเดียวกับผมทันที อารมณ์ ณ บัดนี้ ตกใจปนแปลกใจ(ต่างกันมั้ย?) ผสมกัน ผมหันไปมองเขานิดนึงก่อนจะหันกลับมาอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นว่าเขามองผมอยู่ จู่ๆก็รู้สึกประหม่าชอบกล
“ คุณฟื้นแล้วหรือ?” ผมถามเขาก็จริงแต่ไม่ได้มองหน้าหรอก
“ แหม ถ้าไม่ฟื้นแล้วผีที่ไหนจะมีคุยกับคุณล่ะ ตลกเนอะ” เขาหัวเราะร่าพร้อมยิ้มให้ผม(ที่พยายามเป็นอย่างสูงในการแอบมองเขาทางหางตา)
ทั้งห้องเงียบไปหมดราวกับว่าจะไม่มีเรื่องคุย เรื่องถาม หรืออะไรกันอีก ทั้งๆที่ผมเชื่อว่า ทั้งผมและคุณการณ์ ทั้งๆที่ถ้าเป็นคนอื่นเขาต้องคุยกันเป็นล้านประโยคแล้ว
“ นิทาน..” เขาเป็นคนทำลายความเงียบระหว่างเราขึ้นมาก่อน ผมหันไปมองเขา คราวนี้เขามองไปที่แขนตัวเองที่มีผ้าพันแผลอยู่คล้ายๆจะเข้าเฝือกแต่ไม่ใช่ คิดว่ากระดูกแค่ร้าวเลยเข้าเฝือกไม่แข็งมาก
“ ทำไมครับ? ”
“ เปล่าหรอก.. คุณชื่อเพราะดี ”
“เหรอครับ ใครๆก็บอกอย่างนั้น แม่คุณก็ด้วย ”
แปลกที่ประโยคสนทนาราวกับว่าเรารู้จักกันมาพักหนึ่งแล้ว ทั้งๆที่มันควรจะเริ่มจาก ‘คุณชื่ออะไร’ หรือ ‘คุณรู้ชื่อผมได้ไง’ อะไรทำนองนี้แต่เปล่าเลย ประโยคที่เราคุยช่างเรื่อยเปื่อย..
มากกกกกกกกกกกกกกกก
“ คุณดูแขนผมซิ หักแน่ๆเลย ความจริงผมแค่ถูกถุงลมนิรภัยกระแทกแขนเฉยๆ แต่เพราะคุณเป็นลมนั้นแหละ คุณล้มทับแขนผม หมอให้ผมเข้าเฝือกเลย เห็นมั้ย!”
“ บ้า... คุณไม่ได้เอาแขนมารับผมไว้สักหน่อย”
“ แต่ผมเอาแขนเปิดประตูน้า...มันเลยไปกระแทกประตูอีกทีไง ” เขาทำท่าทางจำลองการเปิดประตูให้ผมดู ผมมองดูเขายิ้มๆ คนบ้าอะไรว่ะ นิสัยกวนตีนชะมัดแถมแถเก่งเป็นที่หนึ่งอีกต่างหาก
“ แต่ผมก็ขอบคุณนะ ที่คุณช่วยชีวิตผมน่ะ นิทาน....”
ผมชอบเวลาที่เขาเรียกชื่อผมจัง มันเป็นน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความอบอุ่นและอ่อนโยน ซึ้งในใจจนผมเคลิ้มอยากให้เรียกชื่อเราบ่อยๆ
“นิทาน...”
“นิทาน...”
“ เฮ้! นี่คุณเหม่ออะไรครับ ฟังผมบ้างรึเปล่า จ้องหน้าผมอยู่ได้ ผมหล่อมากนักหรือไง? ” หมอนั้นเอามือมาโบกไปมาที่หน้าผมพร้อมใช้เสียงที่ดังกว่าเดิมเรียก ทำให้ผมสะดุ้ง ก็ผมมองหน้าเขาจริงนี่นา
คุณเคยรู้สึกคุ้นหน้าใครมั้ย?
ผมรู้สึกคุ้นหน้าเขาเอามากๆเลยล่ะอย่างกับเคยพบเจอกันมาก่อนเป็นชาติๆแล้ว หรือมันจะเป็นสิ่งที่เนื้อคู่เขาเป็นกัน
ความผูกพันที่มองเห็นไม่ได้ แต่สัมผัสได้..
“ เปล่านี่ ...คุณหลงตัวเองชะมัด อีกอย่างผมก็แค่ช่วยคุณในฐานะผู้ร่วมโลกเท่านั้นเอง ” ผมเบนหน้ากลับมาทันที คุณเคยเป็นมั้ย อารมณ์ที่คิดว่า ถ้าเรายังมองหน้าเขาอยู่ เขาต้องจับได้แน่ๆเลยว่าเราโกหก นั่นแหละผมตอนนี้ ความจริงผมเป็นคนที่โกหกแล้วหน้าตายมาก แต่กับเขา ผมกลัวว่าจะโกหกไม่เนียนเหลือเกิน..
“ แน่เหรอคุณ ไม่ใช่ฐานะอื่นเหรอ?” การณ์ทำเสียงล้อๆ ผมต้องหันไปเพื่อที่จะปรามเขาแต่ ก็ต้องตกใจเมื่อเขาเป็นฝ่ายที่โน้มหน้ามาทางผมจนหน้าเราห่างกันไม่มาก จู่ๆในวินาทีนั้น อะไรบ้างอย่างในใจมันทำให้ผมรู้สึกร้อนๆไปทั่วใบหน้า แต่ตายังจ้องไปที่เขาในขณะที่เขาก็มองที่ผม เราจ้องกันไปได้สักพักในความเงียบ จู่ๆเขาก็ร่นหน้าเข้ามาใกล้ผมอีก คราวนี้ไม่ถึงคืบด้วยซ้ำ แต่เขายังไม่หยุดจนเมื่อจมูกเราแตะกัน..
“ มีคนบอกว่าว่าคุณจูบผมด้วยแหละ” น้ำเสียงเจ้าเล่ห์ชิบ - -
“ แถวบ้านผมไม่เรียกจูบ เรียกผายปอด กรุณาดูที่เจตนาอย่าได้ไปตัดสินที่การกระท...”
จุ๊บ..
“ O_O !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! ”
“ คุณว่า ผมเจตนาจะบอกอะไรหรือครับ? ” เขาละริมฝีปากออกจากปากผมอย่างรวดเร็ว.....
ช็อค อึ้ง มากกกกก การณ์มันจุ๊บผม เบาๆแค่แป๊ปเดียว แต่ผมนี่ดิ กลายร่างกายเป็นหินไปแล้ว
เป็นหินที่ไม่ธรรมดา เพราะผมเอาแต่จ้องหน้ามัน O O
โอ้มายกอดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
“ ผมเจตนาดีนะ .. ”
แถวบ้านผมเรียกขโมยจูบนะโว้ยย! เจตนาดีมาก ไอ้บ้าการณ์!!!
.
.
.
.
“ อ้าวคุณอย่านิ่งดิ แน่ะ! มองหน้าผมทำไมอ่ะ? มองหา
‘เนื้อคู่คุณ’ เหรอ? ”
วาจาที่กวนบาทาขณะนี้ ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะโดนถีบตกโซฟาตาย แต่เป็นเพราะเป็นเขา ผมยอมรับเลยว่า...
‘เขินว่ะ ><’
------
สวัสดีครับก่อนอื่นต้องของออกตัวเเรงๆไว้ก่อนเลยว่า ผมไม่ใช่ น้องภัส หรือ Pazz คนเเต่งเรื่องนี้ คือพอดีว่า เหตุเกิดเมื่อหลายวันที่เเล้ว ภัสมันโทร(คนเขียนเรื่องนี้ชื่อภัสนะครับ) บอกว่าให้ช่วยเอานิยายต้นฉบับของมันไปโพสที่เล้าเป็ดหน่อย ไอ้ผมไม่ได้มีความเชี่ยวชาญในการโพสปกติเคยเเต่อ่านก็เลยศึกษาวิธีอยู่นาน (ความจริงได้ ชื่อล็อกอินกับรหัสผ่านพร้อมนิยายมาตั้งเเต่วันที่ 31 ก.ค.เเล้ว เเต่ผมอู้เอง --) เลยเพิ่งมาโพสวันนี้
ส่วนเหตุที่น้องภัสผู้น่ารัก ใช้ให้ผมมาโพสเพราะว่าน้องภัสภูมิเเพ้กำเริบครับ เเพ้อากาศรุนเเรง บวกกับน้องเป็นทั้งหอบหืดเเละภูมิเเพ้เลยอาการเเย่กว่าคนอื่นๆไปนิดนึง สภาพตอนที่ไปเยี่ยมที่บ้าน ปรากฏว่าอ้วกทั้งวัน ใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ข้างชักโครก - - ตอนผมไปเยี่ยมก็อ้วกครับ ผมถามว่าทรมาณมั้ย น้องมันบอกว่า อ้วกมากๆน้ำหนักลดดี(ดูน้องมันซิ!) ตอนนี้ก็ใกล้หายป่วยเเล้วครับเหลือเเต่อาการเพลีย ส่วนเรื่องที่ผมอัพเเทนเพราะว่า น้องเล่นคอมไม่ได้(ไม่มีเเรงเล่นเห็นมันบอก) ยังไงก็เป็นกำลังใจให้มันหายป่วยเร็วๆด้วยนะครับ 555
อ๋อเกือบลืมไป ผมไม่ใช่พี่ชายหรือเพื่อนของน้องมันนะ ผมเป็นเเค่รุ่นพี่ที่สนิทเฉยๆ ผมชื่อ สีฟ้า นะครับ(มีใครอยากรู้ชื่อผมมั้ยเนี่ย 55)
เเล้วเจอกันในเรื่องเล่าของผมนะ(เร็วๆนี้) ผมจะให้ไอ้น้องภัสนี่เเหละมันโพสให้ 55555