เรื่อง เลห์รัก บทประพันธ์ของ "ใบปอ"
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่อง เลห์รัก บทประพันธ์ของ "ใบปอ"  (อ่าน 168998 ครั้ง)

ออฟไลน์ tianqin

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +270/-1
ลมหนาวมาแล้ว อยากให้หนาวอย่างนี้ไปนานๆจัง

ขอบคุณทุกคอมเมนท์นะคะ อ่านต่อเลยคะ

...........

อากาศยามเช้าค่อนข้างเย็น  ลมทะเลพัดแรงจนร่างผอมแทบเซ  ซันเหลียวมองรอบกายอย่างชื่นชม  ความงดงามลงตัวของการตกแต่งสถานที่ให้เข้ากับธรรมชาติบอกถึงเม็ดเงินมหาศาลที่ถูกทุ่มลงมาที่นี่เพื่อความบันเทิงเล็กๆน้อยๆของตระกูลแฮมิลตัน จากทางเดินที่เชื่อมต่อกับหมู่อาคารเห็นร่างสูงโปร่งวิ่งเหยาะๆขึ้นเนินมาและโบกมือทักทายมาแต่ไกล 
         “อรุณสวัสดิครับคุณกาย” ชายหนุ่มวิ่งมายืนหอบอยู่ตรงหน้า
         “อรุณสวัสดิ์ครับคุณแจ็ค…เมื่อคืนซุบอร่อยมากเลยครับ”
         “ซุบอะไรครับ?”
         “อ้าว!ก็ซุบข้นที่ส่งมาเมื่อคืนไงครับอร่อยมากเลย”
         “แต่เมื่อคืนคุณเท็ดสั่งงดอาหารนี่ครับ เห็นว่าคุณกายหลับตั่งแต่ตอนเย็น  คุณเท็ดบอกว่าจะหาอะไรทานเองไม่ให้ส่งอาหารมาให้”
         “หมายความว่าซุบนั่น…”
         “อรุณสวัสดิ์แจ็ค  มาแต่เช้าเชียว”  ชายหนุ่มโผล่มาทักทายจากระเบียงชั้นบนก่อนจะเดินลงมา  คลุมผ้าที่ถือมาบนไหล่ผอมแล้วดึงมาโอบไว้
         “อรุณสวัสดิ์ครับคุณเท็ด คุณริชสั่งไว้ว่าคุณเท็ดตื่นเช้า ให้มาเร็วหน่อยครับ”
         “งั้นเหรอ  แล้วเวลาริชกับราเชลมาพักละ?”
         “หึๆก็สายหน่อยครับ  บางวันก็บ่ายๆ”
         “นินทาเจ้านายเดี๋ยวฉันจะกลับไปฟ้องริช”
         “อ๊ะ!…อย่านะครับ ขืนไปฟ้องคุณริชต้องบ่นผมตายเลย ว่าเอาเรื่องจริงมาเล่าหึๆ”  แจ็คทำหน้าทะเล้นตาเป็นประกายอย่างเจ้าเล่ห์  ทำให้เท็ดอดหัวเราะตามไม่ได้  แม้แต่ซันก็พลอยอมยิ้ม หน้าเป็นสีระเรื่อขึ้นเล็กน้อย เมื่อนึกว่าทำไมริชกับ ราเชลถึงตื่นสาย
         “ไปเดินเล่นกันไหม?” ชายหนุ่มก้มลงชวนคนในอ้อมแขน ตาโตเป็นประกายอย่างยินดี
         “ไปครับ”
         “งั้นก็ไปเปลี่ยนเป็นชุดที่หนากว่านี้หน่อยดีไหม?”
         “ครับ” เด็กหนุ่มวิ่งขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างกระตือรือร้น
         “แจ็ค…นายดู…สดชื่นขึ้นนะ”
         “ครับ…ที่นี่ช่วยให้ผมดีขึ้น”
         “หมายความว่านายลืมรามอสได้แล้ว”
         “ไม่ครับ…คุณรามอสยังคงอยู่ในใจผม….ทั้งเสียงหัวเราะ… รอยยิ้ม…สิ่งดีๆทุกอย่าง  เหมือนเขายังอยู่กับผมตลอดเวลา”
         “นายไม่โกรธเขาหรือไงที่ทำให้นายเจ็บอย่างนั้น?”
         “ไม่หรอกครับ คุณอาจจะว่าผมโง่ก็ได้ถ้าผมจะบอกว่าผมนึกไม่ออกด้วยซ้ำว่าคุณรามอสเคยทำอะไรไม่ดีกับผม คุณรามอสเป็นคนที่ผมรัก รักมากที่สุด แต่สำ หรับคุณรามอสผมไม่ใช่คนที่คุณรามอสต้องการ  แล้วผมจะยื้อเขาไว้ได้ยังไงครับ”
         “นายไม่ใช่คนโง่หรอกแจ็ค แต่นายเป็นคนดีมากไป  บางทีถ้านายหัดร้ายหัดยื้อแย่งเสียบ้าง  นายอาจจะสมหวังก็ได้”
         “แต่นั่นไม่ใช่ตัวผม ผมคงเป็นพวกน้ำเน่ามั้งครับ ประเภทพระเอกผู้เสียสละอะไรแบบนั้น…หึๆอย่าใส่ใจเลยครับ” เสียงหัวเราะนั้นเฝื่อนปนขมขื่น  เท็ดทำได้เพียงตบไหล่แจ็คเบาๆ หน้าเผือดสีเปลี่ยนเป็นแย้มยิ้มเมื่อร่างผอมบางวิ่งตัวปลิวลงมาจากชั้นบน ท่าทางตื่นเต้น  แก้มซีดๆดูมีน้ำมีนวลขึ้น
         “ไปเดินเล่นด้วยกันไหมครับคุณแจ็ค?”
         “โอ๊ย! ผมเดินทุกวันอยู่แล้วครับ เห็นทีจะต้องขอบาย”แจ็คโบกมือปฏิเสธว่อน
         “งั้นเราไปกันเถอะ”
         “แล้วอาหารเช้าจะให้เขาตั้งโต๊ะกี่โมงดีครับ?”
         “สัก 8 โมงแล้วกันกายเคยกินมื้อเช้าตอนนั้น  อ้อ!ขอเป็นข้าวต้มนะ”
ชายหนุ่มพูดพร้อมกับโอบร่างผอมให้เดินไปด้วยกัน เด็กหนุ่มเงยขึ้นมองอย่างประหลาดใจจนลืมมือที่โอบกระชับอยู่บนไหล่
         “ทราบได้ยังไงครับว่าผมกินมื้อเช้ากี่โมง?”
         “ถามจากซูหลินน่ะ”
         “ถามกระทั่งเรื่องนี้เลยหรือครับ?”
         “ก็…นะ”ชายหนุ่มตอบยิ้มๆตาคมเป็นประกายพราวจนเด็กหนุ่มหน้าร้อนผ่าว  หัวใจไหวระทึกอย่างขัดเขินปนยินดีที่ชายหนุ่มให้ความสนใจแม้แต่เรื่องเล็กๆน้อยๆที่เขานึกไม่ถึง  มีพนักงานของรีสอร์ทเดินสวนมาเป็นระยะๆ  ส่วนใหญ่เท็ดจะทักทายอย่างสนิทสนม  สายตาทุกคนมักจะจับจ้องมือที่โอบอยู่บนไหล่จนเด็กหนุ่มเขิน  ดูเหมือนเท็ดก็สังเกตเห็นมือจึงเลื่อนจากไหล่มากุมมือเล็กไว้ แล้วเดินเคียงกันลัดเลาะไปเรื่อยๆ บางครั้งก็บันทึกภาพเด็กหนุ่มด้วยกล้องดิจิตอลตัวจิ๋ว  จนบ่ายคล้อยชายหนุ่มจึงให้รถไฟฟ้ามารับกลับที่พัก
         “ป่านนี้แจ็คคงบ่นเราแย่เลยครับ”
         “ทำไมล่ะ?”
         “ก็เขาเตรียมอาหารเช้าไว้แล้ว แต่เราเล่นออกมากินตามร้านชาวบ้านทั้งสองมื้อเลย”
         “เขารู้แล้วล่ะ”
         “อ้าว!ใครบอกละครับ?”
         “ก็ร้านที่เราไปน่ะเป็นคนของรีสอร์ททั้งนั้นแหละ พอเราไปทานเขาโทรบอกแจ็คให้เรียบร้อยแล้ว”
         “หมายความว่าชาวบ้านที่นี่ทั้งหมดเป็นคนที่ทำงานให้กับรีสอร์ทหมดเลยหรือครับ?”
         “ใช่ ทุกคนที่นี่ถือว่าทำงานให้กับบริษัทแฮมิลตัลทั้งนั้น แม้แต่ลูกๆของพนัก งานก็มีสวัสดิการ  มีโรงพยาบาลและมีโรงเรียนให้เรียน  วันหลังพี่จะพาไปดู”
         “ขอบคุณครับ…อยากให้ซูหลินมาด้วยจัง…ถ้าซูหลินมาเห็นที่นี่ต้องตาค้างแน่ๆ”
         “เอาสิวันหลังเราพาซูหลินมาเที่ยวกัน”
         “จริงๆนะครับ?”
         “พี่ไม่เคยโกหกกาย”น้ำเสียงหนักแน่นนั้นแฝงบางอย่างไว้ด้วยแน่นอน ซันเงยขึ้นสบตาเท็ดนิ่ง  สายใยแห่งความรู้สึกถ่ายทอดจากดวงตาคมชัดเจน  ความอบอุ่นแผ่ซ่านทั้งใจและมีความรู้สึกขัดเขินปะปนมาด้วย  เด็กหนุ่มหน้าร้อนผ่าวจนต้องหลบตา  ทุกครั้งที่ต้องใกล้ชิดกันทำไมเขาถึงต้องรู้สึกเช่นนี้ก็ไม่รู้  เมื่อคืนก็เหมือนกัน ‘จริงสิเมื่อคืน’ 
         “เอ่อ…เมื่อคืน…คุณเป็นคนทำซุบเหรอครับ?”
         “พี่ทำเองแหละ”
         “ขอบคุณครับ  อร่อยมากจริงๆ”
         “ก็พี่ทำให้กายกินมาตั้งแต่เด็ก  ไม่ชอบก็เกินไปละ”
         “ผมเคยชอบกินซุบนี่หรือครับ?”
         “เคยสิ…บางครั้งต้องทำให้กินติดๆกันทุกวันจนเบื่อนั่นแหละถึงจะยอมให้เปลี่ยนเป็นอย่างอื่น”
         “ผม…เกรงใจจริงๆครับที่กลายเป็นภาระให้คุณ”
         “กายไม่เคยเป็นภาระสำหรับพี่นะ กายเป็นคนที่พี่รักมากที่สุดแล้วจะเป็นภาระได้ยังไง  เอ่อ….พี่หมายถึงเป็นน้องที่พี่รักมากน่ะ”  คำอธิบายร้อนรนทำให้หัวใจพองฟูแฟ่บลงทันควัน  ความน้อยใจปนหวาดหวั่นกลับมาเยือนอีกครั้ง
         “ถ้าวันหนึ่งผมเกิดจำได้แล้วผมพบว่าตัวเองไม่ใช่กายละครับ  คุณจะทำยังไงกับผม?”
         “ไม่มีวันนั้นหรอกเพราะน้องคือกายแน่นอน”
         “แต่ผมก็แค่คล้ายๆคนในรูปนะครับ  แล้วมันก็ผ่านมาตั้งเกือบ7ปีแล้ว  ผม…กลัวว่าผมจะไม่ใช่”
         “อย่าคิดอะไรให้มากเลย….แล้ว…เมื่อไหร่กายจะเลิกเรียกพี่ห่างเหินอย่างนั้นซะทีล่ะ”
         “ก็…เอ่อ…ขอโทษครับ” 
         “พี่ไม่ได้บังคับกายหรอกนะ  ถ้ากายยังไม่สนิทใจที่จะเรียก‘พี่’ก็ไม่เป็นไร  แต่ถ้ากายวางใจในตัวพี่เมื่อไหร่พี่ก็อยากได้ยินกายเรียกว่าพี่สักครั้ง”
         “ครับ…พี่…พี่เท็ด” หางเสียงนั้นยังลังเลปนเก้อเขิน
         “กาย…”  ชายหนุ่มรวบร่างเพรียวเข้ามากอดแน่นอย่างตื้นตัน
         “เอ่อ…ผมหายใจไม่ออกแล้วครับ”
         “อะ…ขอโทษนะ  พี่ลืมตัวไปหน่อย….เจ็บหรือเปล่า?”
         “ไม่ครับ…ผมร้อนขอไปอาบน้ำดีก่อนนะครับ” อ้อมแขนร้อนผ่าวคลายออกเด็กหนุ่มก้มหน้างุด  เท็ดอมยิ้มเมื่อหน้าเรียวแดงกล่ำ  ท่าทางขัดเขิน และทำท่าจะหนีขึ้นบ้านดื้อๆ 
         “เล่นน้ำตกกันดีกว่า”
         “แต่ว่าเราไม่ได้เตรียมเสื้อผ้ามานะครับ”
         “โธ่!อยู่ติดบ้านแค่นี้จะเป็นอะไรไปล่ะ”ชายหนุ่มเดินนำไปยังน้ำตกส่วนที่ค่อนข้างลึก  ก่อนจะหันมา กวักมือเรียก  ซันลังเลชั่วขณะก่อนจะถอดรองเท้าออกแล้วค่อยๆลุยน้ำตามลงไป  สายน้ำเย็นเฉียบทำให้รู้สึกสะท้านเมื่อแรกสัมผัส หากแต่ครู่เดียวร่างกายก็เริ่มปรับสภาพได้  แต่สิ่งที่เด็กหนุ่มตื่นตาก็คือฝูงปลาสีสดใส
         “โห! ปลาเยอะจังครับ  ดูสิครับมันเชื่องมากเลย”
ปลาว่ายเข้ามาหาเป็นหมู่ เพราะเป็นปลาเลี้ยงจึงคุ้นกับคนมาก  เด็กหนุ่มเล่นน้ำอย่างสนุกเพราะทุกครั้งที่เขาเซจะมีอ้อมแขนกว้างโอบรับไว้ตลอดจนมั่นใจได้ว่าเท็ดจะคอยดูแลเขาให้ปลอดภัยได้เสมอ  ความห่างเหินระมัดระวังของซันลดลงไปอย่างรวดเร็วโดยไม่รู้ตัว 
         “พอได้แล้วละ  กายหนาวจนปากเขียวแล้ว”
         “ครับ…พรุ่งนี้เรามาเล่นน้ำอีกได้ไหมครับ?”
         “ทำไมจะไม่ได้ล่ะ  แต่ตอนนี้ขึ้นจากน้ำด่วนจี๋!”
         “โห!…หนาวๆๆๆ…น้ำอุ่น!  น้ำอุ่น….อ้าว!” เด็กหนุ่มหยุดวิ่งหันกลับไปมองข้างหลัง  เท็ดเดินตามเขามาติดๆในมือถือรองเท้าของเขามาให้ด้วย
         “ขอโทษครับ…ผมถือเองครับ”
         “ไม่เป็นไรหรอก  หนาวไม่ใช่เหรอ รีบขึ้นไปอาบน้ำเร็วเดี๋ยวจะไม่สบายนะ”
         “เอ่อ…ขอบคุณครับ”
เมื่อกลับออกมาจากห้องน้ำก็ไม่เห็นเงาของชายหนุ่มแล้ว  รอยน้ำที่เขาทำเปื้อนไว้ตามพื้นก็ถูกเช็ดเรียบร้อย  แม้แต่รองเท้าคู่โปรดก็ถูกเช็ดจนสะอาดและวางไว้ให้ที่ชั้น  ซันยืนมองรองเท้านิ่งนาน  แม้แต่ตอนนี้เขาก็ยังรู้สึกหน้าร้อนผ่าว หัวใจยังไหวระทึกและอิ่มเอิบ  นับแต่เจอกันจนบัดนี้ผู้ชายคนนี้ทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ในความฝันเสมอ  เป็นฝันที่เขาไม่อยากจะตื่น  อ้อมแขนอบอุ่นรอยยิ้มอ่อนโยน และดวงตาคมที่ทำให้หน้าร้อนผ่าวทุกครั้ง 
                   ……………
          ‘ที่นี่คือที่ไหน?’ ซันเดินวนเวียนไปมาอย่างงุนงง รอบๆตัวเขาเต็มไปด้วยหมอกหนาทึบ
         ‘เท็ด  คุณอยู่ที่ไหน?’  เด็กหนุ่มสะอื้นเหลียวมองรอบๆอย่างตื่นตระหนก  ชื่อแรกที่เรียกหาคือคนที่เขาคิดคำนึงอยู่ตลอดเวลา
         ‘เท็ด…พี่อยู่ที่ไหน?’
 เสียงสะท้อนกลับมามีเพียงเสียงสะอื้นเท่านั้น  ซันพยายามเดินฝ่าไปเรื่อยๆ เมื่อหมอกจางลงก็เห็นร่างสูงยืนอยู่ไม่ไกล  เด็กหนุ่มโผเข้าไปกอดอย่างยินดี
         ‘เท็ด  พี่หายไปไหนมา ผมตามหาพี่อยู่นะ แล้วที่นี่ที่ไหนเหรอ?’ 
ใบหน้าของชายหนุ่มเย็นชา ดวงตาที่จองมองดูเขาว่างเปล่า 
         ‘เธอเป็นใคร?’
         ‘อะไรนะ!  พี่พูดอะไร  ผมคือน้องของพี่ไม่ใช่เหรอ  ผมคือกายไง’
         ‘ไม่ใช่  เธอไม่ใช่กาย  นี่ไงกายฉันหาเขาเจอแล้ว’
 ร่างหนึ่งก้าวออกมาจากเงามืดด้านหลัง  หนุ่มน้อยหน้าสวยเหมือนในรูปยืนมองเขาเขม็ง  สายตานั้นทั้งเยาะหยันและดูแคลน
         ‘ฉันคือกาย  ฉันกลับมาหาพี่ฉันแล้ว  นายเป็นใคร ทำไมมาแอบอ้างชื่อฉัน’ 
         ‘ผมเปล่า…ผม…เท็ด…ฮึก!…พี่บอกว่าผมคือกายไม่ใช่เหรอ?’ 
หางเสียงเริ่มสั่นเครือและเปลี่ยนเป็นสะอื้น  มือเขาถูกชายหนุ่มปัดทิ้งอย่างไม่ใยดี  สายตาที่มองดูเขาทั้งเยาะหยันและรังเกียจ
         ‘กายเป็นน้องที่ฉันรัก   แต่เธอไม่ใช่  เธอรู้สึกกับฉันแบบไหน  น่าจะละอายบ้างนะ  ฉันเป็นผู้ชายปกติไม่ใช่พวกวิปริตอย่างเธอหรอก  กายไม่ใช่คนแบบเธอ  ออกไปให้พ้นบ้านฉันได้แล้ว  คนน่ารังเกียจ  สกปรก’
         ‘ไม่นะ…เท็ดอย่าทิ้งผม…ไม่…ผมไม่ได้เป็นแบบนั้น…อย่าทิ้งผมเลย…เท็ด…เท็ด…ฮือ!’
         “ไม่!!!!……...”   เด็กหนุ่มผวาลุกขึ้นนั่ง  เหงื่อซึมทั่วตัว  ฝัน…นี่เขาฝันไปเท่านั้นหรือ?  ซันงอเข่าขึ้นมากอดไว้แน่นน้ำตายังไหลไม่หยุด  เขาไม่อยากให้ความฝันนี้เป็นจริงเลย  หากเขาไม่ใช่กายเล่า…หากสักวันกายตัวจริงกลับมาแสดงตัวเขาจะเป็นอย่างไร  เท็ดจะต้องทิ้งเขาไป  เท็ดจะเลิกสนใจใยดีในตัวเขา ความรักความอบอุ่นที่เขาได้รับอยู่ขณะนี้จะกลายเป็นอดีต  และเท็ดอาจโกรธที่เขาเข้ามาสวมรอยแทนน้องที่เท็ดรัก  แล้วยิ่งถ้าเท็ดรู้ว่าเขาคิดอย่างไร…เท็ดก็จะต้องรังเกียจที่เขาเป็นพวกวิปริต  ไม่!เท็ดต้องไม่รู้โดยเด็ดขาด เขาต้องไม่ให้เท็ดรู้  เขาคงทนไม่ได้หากต้องเห็นสายตารังเกียจขยะแขยงจากเท็ด  เด็กหนุ่มปิดปากแน่นกันไม่ให้เสียงสะอื้นลอดออกมา  ทั่วร่างสั่นสะท้านราวกับจับไข้  ความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั้งกาย  เวลาเกือบเดือนที่ได้ใกล้ชิดกันทำให้เขาแน่ใจแล้วว่าเขากำลังหลงรักเท็ด  พี่ชายที่แม้จะไม่ได้ร่วมสายโลหิต  หากแต่ความรักความห่วงใยที่เท็ดแสดงออกก็ทำให้เด็กหนุ่มละอายแก่ใจทุกครั้งที่เผลอรู้สึกเกินเลย  รอยยิ้มอ่อนโยนอ้อมแขนอบอุ่นที่ทำให้เขาร้อนเหมือนจะละลาย  ความรู้สึกหวานหวิวทุกคราที่มือร้อนสัมผัส  จุมพิตอ่อนโยนที่อยากให้ลึกซึ้งดื่มด่ำยิ่งกว่านี้  ซันซุกตัวลงใต้ผ้าห่ม ลูบไล้ไปทุกที่ที่อยากให้เท็ดสัมผัส  เนื้อตัวร้อนผ่าวบิดเร่าอย่างทรมาน 
         ‘เท็ด…เท็ด…ผมรักคุณ…ผมจะทำยังไงดี…ผมรักคุณขนาดนี้…รู้สึกกับคุณขนาดนี้…แล้วผมจะเป็นน้องคุณได้ยังไง?ผมรักคุณ…รัก…’
..

ออฟไลน์ tianqin

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +270/-1
....
         ซันสูดลมหายใจลึก  อากาศเย็นเฉียบยามเช้าช่วยขับไล่ความอ่อน
เพลียไปได้บ้างหากแต่ความทุรนทุรายในใจกลับไม่บรรเทาลง  อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองไปยังระเบียงห้องนอนข้างๆ  คนห้องโน้นน่าจะตื่นแล้ว อาจจะกำลังอาบน้ำ  เด็กหนุ่มยืดออกไปจนสุดตัวเพื่อมองหน้าต่างห้องข้างๆให้ถนัดขึ้น
         “ระวังตกนะ” ซันสะดุ้งจนเกือบหล่นระเบียงดีที่แขนแข็งแรงรวบเอวไว้ก่อน
         “อะ…พี่เท็ด….เอ่อ…ตื่นนานแล้วเหรอครับ?” เด็กหนุ่มก้มหน้างุด  แก้มนวลแดงกล่ำเพราะเขินที่ถูกจับได้ว่าแอบมอง  เสียงหัวเราะหึๆอยู่ข้างหู  กลิ่นอาฟเตอร์เชฟหอมบางเบา วงแขนอุ่นโอบรัดแน่นหนาจนหลบเลี่ยงไม่ได้
         “แอบดูอะไรหือ?…อย่างนี้ต้องทำโทษ”
         “ทำ…ทำยังไงครับ?”
         “อืม…งั้นบอกอรุณสวัสดิ์ก่อน”
         “อรุณสวัสดิ์ครับ”
         “แค่นี้เหรอ?…ไม่ใช่มั้ง…เวลาพี่ทักกายพี่ทำไง…..ว่าไง…เร็ว”  ซันหน้าแดง แตะปากไปที่คางบุ๋มเบาๆก่อนจะถูกหอมกลับจนสองแก้มแทบช้ำ  เด็กหนุ่มซุกหน้ากับอกกว้างความไม่สบายใจหายไปเกือบหมด มือใหญ่ลูบผมให้เขาเบาๆความรู้สึกอบอุ่นถ่ายทอดถึงกันโดยไม่ต้องมีคำพูด
         “วันนี้พี่ต้องไปบริษัทนะ…บ่ายๆคงกลับ…กายจะเอาอะไรไหม?”
         “ไม่ครับ…เอ่อ…”
         “หืม…มีอะไร?”
         “เปล่าครับ แล้วไม่ทานอาหารเช้าก่อนเหรอครับ?”
         “ไม่ละ พี่มีนัดตอนเก้าโมงต้องรีบไป พี่ให้แจ็คมาคอยอยู่เป็นเพื่อนแล้ว อยากได้อะไรก็บอกแจ็คนะ  เสร็จธุระแล้วพี่จะรีบกลับ”
         “ครับ”  เด็กหนุ่มใจหาย  ความเหงาความว้าเหว่กลับมาเยือนอีกครั้ง  เมื่อครู่เขาเกือบขอตามไปด้วยแล้วด้วยซ้ำแต่ก็เกรงจะเป็นการรบกวนเพราะเท็ดไปทำงานไม่ได้ไปเที่ยว   
          ซันจ้องมองเครื่องบินเล็กที่ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าด้วยความอาวรณ์  ก่อนจะรีบหันหลังให้  เพราะซูหลินเคยบอกเขาว่าเวลาไปส่งใครอย่ามองจนลับตา เพราะอาจต้องจากกันตลอดไป  แจ็คมายืนรออยู่ข้างรถแล้ว  ในมือหิ้วถุงใบใหญ่มาด้วย
         “วันนี้คุณกายมีโปรแกรมจะไปไหนหรือเปล่าครับ?”
         “ไม่ละครับ  คุณแจ็คเอาอะไรมาครับเยอะเลย”
         “ก็มีหนังใหม่ๆหลายเรื่อง  มิวสิควีดีโอ  แล้วก็นี่ครับสารคดีชีวิตสัตว์”
         “ขอบคุณครับ งั้นผมกลับบ้านก่อนนะครับ”  ซันหิ้วกล่องซีดีกลับมาบ้านพักด้วย  อาหารเช้าถูกจัดเตรียมไว้เรียบร้อย  ทั้งที่กลิ่นหอมน่ากินแต่เขากลับกลืนไม่ลงจนพนักงานที่มาเก็บโต๊ะทำท่าไม่สบายใจ บ้านดูเงียบและวังเวงอย่างประหลาด  เสียงนาฬิกาเดินดังจนน่ารำคาญ  เด็กหนุ่มเปิดโทรทัศน์ดูช่องโน้นทีช่องนี้ที แต่กลับไม่มีรายการน่าดูเลยสักช่องจึงกดรีโมทปิดอย่างหงุดหงิด  ซันคว้าหมอนออกมานอนที่ระเบียง  สายตาจับจ้องอยู่แต่ทิศที่เครื่องบินเล็กไป  จนไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าแจ็คขึ้นมาบนบ้านตอนไหน 
         “อ้าว!คุณแจ็ค”
         “ดูหนังที่ผมให้มาหรือยังครับ”
         “ยังเลยครับ…ว่าจะดูพร้อมคุณแจ็ค”
         “มาครับผมเปิดให้” แจ็คเลือกสารคดีที่ซันเคยชอบมาเปิดและชวนคุยไปด้วย  เด็กหนุ่มอือออไปตามเรื่อง  แต่แจ็คก็ดูออกว่าซันดูไม่รู้เรื่อง  สายตาคอยแต่เหลือบมองนาฬิกาเป็นระยะๆสลับกับการลุกออกไปมองข้างนอก เมื่อไม่เห็นมีวี่แววว่าเครื่องบินจะมาก็กลับมานั่งขมวดคิ้วนิ่ง  อีกสักพักก็ลุกไปดูอีก  จนในที่สุดแจ็คก็ปิดโทรทัศน์
         “เบื่อหรือครับ?”
         “ขอโทษครับ…คุณแจ็คคงรำคาญผม”
         “เปล่าครับไม่ได้รำคาญ  แต่กำลังจะชวนคุณกายไปเดินเล่นย่อยอาหารซะหน่อย  เมื่อครู่นี้ทานมากไปชักจะท้องอืด”
         “ก็…ก็ดีนะครับ”
แต่เดินกันได้ครู่เดียวเด็กหนุ่มก็เบื่อ  จึงย้อนกลับมานั่งเล่นที่น้ำตกข้างบ้าน  น้ำเย็นฉ่ำใสจนเห็นปลาแหวกว่ายเป็นหมู่  ซันวักน้ำเล่นเหม่อลอย  บางครั้งก็เผลอถอนใจยาว  แจ็คมองกิริยานั้นอย่างขำๆ  เกือบเดือนที่ทั้งคู่มาอยู่ที่นี่เท็ดไม่เคยห่างจากเด็กหนุ่มเลยสักครั้ง‘กาย’เองก็ดูมีความสุขสดชื่นอยู่เสมอ   แต่พอเท็ดไม่อยู่เขาเลยได้เห็นอีกบุคลิกของกาย  ตาโตดูเศร้าเหงาจนน่าสงสาร  แจ็คจึงหากิจกรรมมาให้เด็กหนุ่มทำเพื่อให้ลืมๆไปบ้าง
         “คุณกายเคยทำเค็กไหมครับ?”
         “ครับ…ขอโทษครับ  คุณแจ็คว่าอะไรนะครับผมไม่ทันฟัง”
         “คุณกายเคยทำเค็กไหมครับ?”
         “ไม่เคยครับ  ผมทำอาหารไม่เก่ง”
         “อยากหัดไหมครับ  ผมรู้มาว่าคุณเท็ดชอบทานเค็กกล้วยหอม” 
         “อยากครับ  อยากหัด”ตาโตเป็นประกาย ท่าทางกระตือรือล้นทำให้ชายหนุ่มพอใจ
         “งั้นไปหาเชพของหวานมือหนึ่งกันดีกว่าครับ”
      
   
         “เป็นไงบ้างครับเชพลูกศิษย์คนนี้?”
         “คะแนนความตั้งใจเอาไปร้อยเปอร์เซนต์เลย…นี่ใช่ลูกเศรษฐีแน่หรือเปล่าแจ็ค?”
         “ทำไมครับ?”
         “คือ…ฉันเห็นมือเขาเป็นรอยแตกด้านเชียว  แล้วยัง…เอ่อ!…รอยแผลที่หน้านั่นอีก”
         “อุบัติเหตุน่ะครับ”
         “น่าสงสาร…ผ่าตัดไม่ได้เหรอ?”
         “คงรอให้แข็งแรงหน่อยมั๊งครับ  คุณกายนะผอมจะแย่”
         “นั่นสิ!อย่างนี้ต้องทำของอร่อยๆให้กินเยอะๆ”
         “เอาเลยครับ  เลี้ยงให้อ้วนปี๋เลยยิ่งดี  เผลอๆจะได้รางวัลจากคุณเท็ดด้วย”
         “เอ่อ!…ขอโทษครับ นี่!…ใช้ได้หรือยังครับ?”เด็กหนุ่มถามอย่างเกรงใจ เกรงจะขัดจังหวะการคุยของทั้งสอง
         “หน้าตาน่ากินมากครับคุณกาย…สนใจจะเป็นเชพของหวานเหมือนผมไหมครับ?”
         “โห!อย่าให้ถึงขนาดนั้นเลยครับ  นี่ก็ไม่รู้ว่าจะทานได้หรือเปล่า”
         “อ๊ะๆ! พูดอย่างนี้ถือว่าดูถูกคนสอนนะครับ”
         “ปะ…เปล่าครับ!…ผมหมายถึงตัวเองจะฝีมือไม่ดีเท่าที่สอนต่างหากครับ”
         “ผมล้อเล่นหรอกน่า…ไหนขอชิมชิ้นที่อบเผื่อเสียดีกว่า  อื้อ!ใช้ได้เลยละ  สมแล้วที่เป็นลูกศิษย์ผม”ทั้งสามหัวเราะขึ้นพร้อมกัน  เสียงเครื่องบินทำให้ซันชะงัก  ตาเป็นประกายอย่างยินดี
         “เท็ดกลับมาแล้ว! คุณแจ็คครับพาผมกลับไปที่บ้านที”
         “อ้าว!ไม่ไปรับที่ลานจอดละครับ?”
         “ผมจะเอาเค็กไปเซอร์ไพร์ทเท็ดน่ะครับ  เชพครับขอบคุณมากครับ”
         “ไม่เป็นไรครับ  วันหลังมาเรียนใหม่นะครับ”
         “ขอบคุณครับ  เร็วครับคุณแจ็ค”
         “ได้เลยครับ”แจ็คอมยิ้ม มองตามร่างบางที่รีบร้อนขึ้นบ้านจนแทบจะไม่ได้กล่าวลาเขาด้วยซ้ำ   
ซันค่อยๆจัดเค็กลงจานอย่างบรรจง  ก่อนจะวิ่งไปชะโงกดูกระจก
         “ว้า!หน้ามันเชียว”  เด็กหนุ่มเปิดน้ำล้างหน้าและเช็ดแรงๆจนแก้มเป็นสีระเรื่อ
‘นี่เราทำยังกับภรรยาที่รอสามีกลับมาเลย’หน้าเรียวแดงกล่ำรีบถอยออกห่างกระจก  เสียงย่ำขึ้นบันไดทำให้หัวใจเต้นระทึกอย่างยินดี
         “กาย…พี่กลับมาแล้ว”เด็กหนุ่มรีบออกมาต้อนรับ รอยยิ้มบนใบหน้าจางหาย  ตาเบิกกว้างเมื่อเห็นผู้ที่ก้าวตามชายหนุ่มขึ้นมาบนบ้าน หน้าเรียวซีดขาวเหมือนกระดาษ เท็ดตกใจรีบเข้ามาประคอง
         “กาย!…กายเป็นอะไรไป…จะเป็นลมหรือเปล่า?”
         “ปะ…เปล่าครับ”
         “สวัสดีครับ”ผู้ที่เข้ามาใหม่ทักทายขึ้นก่อน สายตาที่มองมาดูไม่เป็นมิตรผิดกับหน้าที่ยิ้มหวาน
         “กายนี่จีนส์เป็นลูกป้าแมรี่  เขาขอตามมาที่นี่ด้วย”
         “สวัสดีครับยินดีที่ได้รู้จัก” ซันตอบกลับเสียงแผ่ว 
         “ผมอยากเจอคุณกายมาตั้งนานแล้ว  ดีจังที่คุณยังไม่ตายเลยได้เจอตัวจริง  ใครๆก็บอกนะครับว่าเราหน้าเหมือนกันมาก” มือเรียวขาวยืนมาแตะพอเป็นพิธี  หางตาชำเลืองมองมือที่ค่อนข้างหยาบของซัน               
         วูบแรกที่เห็นซันใจหายวาบเพราะคิดว่าเท็ดเจอกายตัวจริงแล้ว จีนส์หน้าเหมือน‘กาย’ในรูปถ่ายที่เท็ดเคยให้เขาดูมาก  สายตาของจีนส์จ้องเขม็งทำให้เขาต้องเบนหลบไม่อยากให้เห็นรอยแผลเป็นที่หน้าแต่ดูเหมือนจีนส์จะเห็นเข้าแล้ว 
         ‘ใครๆว่าเรากับกายหน้าเหมือนกัน นี่หรือกาย?ทั้งผอมทั้งโทรมแถมมีแผลเป็นน่าเกลียดอีก ขานั่นก็พิการไม่ใช่เหรอ…นี่ถ้าไม่ได้แอบได้ยินน้าดาน่าคุยกับแม่เราคงไม่กล้ามา  ไม่น่าเชื่อว่าเท็ดยังทนรักคนที่พิการได้ แต่…กายเป็นอย่างนี้ เท็ดก็น่าจะเปลี่ยนใจมาหาเราง่ายกว่าที่คิดนะสิ’  จีนส์ลอบยิ้มด้วยความยินดี
         “พี่เท็ดที่นี่สวยมากเลย  ผมอยากเดินเล่นรอบๆพาผมเดินเที่ยวหน่อยสิครับ”
ซันรีบเบือนหน้าหนีเมื่อเห็นท่าทางออดอ้อนเบียดกระแซะของจีนส์กับเท็ด รู้สึกหงุดหงิดที่ได้เห็นคนอื่นสนิทสนมกับเท็ดแบบนี้ 
         “จีนส์!”เสียงหนักเย็นชาทำให้ซันเหลียวมองอย่างแปลกใจ ไม่เคยสักครั้งที่เขาจะได้ยินเท็ดทำเสียงอย่างนี้ จีนส์หน้าเสียรีบปล่อยมือจากแขนและถอยออกห่างอย่างเกรงกลัว  หัวใจที่บอบช้ำของซันค่อยชุ่มชื่นขึ้นเพราะสายตาที่เท็ดมองมาที่เขายังคงอ่อนโยนไม่เปลี่ยนแปลง
         “หน้าซีดๆไปนอนพักหน่อยดีไหม?…ไว้แดดร่มๆพี่จะพาไปเที่ยวที่โรงเรียน  วันนี้มีของมาแจกเด็กๆเยอะเลย” น้ำเสียงปลอบประโลมห่วงใยเหมือนจะเข้าใจความกังวลของซันได้ดี  จีนส์ตาขุ่นเดือดดาลจนอยากจะกรีดร้องออกมา แต่ก็ฝืนทนเพื่อรักษามาดเด็กดีเอาไว้
         “อ้าว!แล้วเท็ดจะไม่พาผมไปเดินเที่ยวหน่อยเหรอ?”
         “ตอนบ่ายๆเราก็จะไปกันอยู่แล้วนี่”
         “แต่ผมอยากไปตอนนี้นี่นา นะครับนะน้าาา”   จีนส์อ้อนเสียงหวานขยับจะเข้ามากอดแต่พอเห็นสายตาของชายหนุ่มก็ชะงัก  เท็ดเดินไปโอบไหล่ผอมบางออกไปนอนบนเก้าอี้ยาวที่ระเบียง  จีนส์หน้างอแต่ก็เดินตามออกไปเงียบๆทั้งที่ความจริงอยากจะวิ่งเข้าไปแทรกระหว่างคนทั้งสอง  ร่างสูงคุกเข่าลงข้างเก้าอี้พร้อมกับคลี่ผ้าห่มคลุมให้ซันจนถึงคอ  นิ้วยาวเกลี่ยเส้นผมที่ปิดหน้าผากออก ก้มลงจุมพิตเบาๆที่รอยแผลเป็น  ซันหน้าแดงหลบตาอย่างเขินๆ  แต่จีนส์คอแข็งด้วยความโกรธ
         “กินยาแล้วใช่ไหม?”
         “ครับ”
         “งั้นก็นอนพักสักหน่อย…วันนี้ไปไหนมาบ้าง?”
         “ไป….ไม่ได้ไปไหนไกลครับ  ก็อยู่แถวๆนี้”
         “เบื่อไหม?”
         “ก็…เหงามากกว่าครับ” ตาคมเป็นประกายวาววับ  ยิ้มกว้างอย่างยินดี ยกมือเล็กขึ้นแนบแก้มขณะที่อีกมือยังประคองอยู่ที่ศรีษะของเด็กหนุ่ม จีนส์มือสั่นใจหายวาบเมื่อเห็นเท็ดปฏิบัติต่อกาย พยายามกล้ำกลืนความขมขื่นไว้สุดความสามารถ
         “เท็ดครับ…ผมอยากไปเดินเล่น  อยากเล่นน้ำด้วย  พาไปหน่อยนะครับ”
ชายหนุ่มเหลียวกลับไปมองข้างหลังอย่างแปลกใจ  เขาลืมจีนส์ไปเลยเพราะมัวแต่ดีใจที่รู้ว่ากายก็คิดถึงเขาเวลาที่เขาไม่อยู่
         “จะไปตอนนี้เลยเหรอ?”
         “ครับอยากไปตอนนี้  คุณกายคงไม่ว่านะครับ ถ้าจะขอยืมตัวพี่เท็ดสัก 2-3 ชั่วโมง”
         “ก็…แล้วแต่พี่เท็ดเถอะครับ”เสียงตอบรับเบา สายตาหลุบต่ำไม่กล้ามองหน้าทำให้จีนส์เดือดดาล
         “งั้นรอเดี๋ยว”  ซันใจหายวาบ  รู้สึกในท้องปวดมวนขึ้นมาทันที
         “ว้าว!พี่เท็ดใจดีจัง ขอบคุณครับ” ชายหนุ่มลุกกลับเข้าไปในห้อง  จีนส์เหลือบมองซันและส่งยิ้มหวาน  ตาโตเป็นประกายเจิดจ้าและท้าทายอยู่ในที 
         “คุณกายคงเหงาแย่เลยสิครับเวลาพี่เท็ดไม่อยู่”
         “ครับเหงามาก  เพราะปกติพี่เท็ดจะอยู่ข้างๆผมตลอดเวลา  พอเขาไม่อยู่เหมือนกับอวัยวะส่วนหนึ่งในร่างกายหายไปเลย”ซันตอบหน้าซื่อๆแต่จีนส์หน้าแดงกล่ำเผลอเม้มปากแน่น ยังไม่ทันปะทะคารมต่อเท็ดก็ออกมา ในอ้อมแขนมีแฟ้มหลายเล่ม อีกมือก็หิ้วกระเป๋าโน๊ตบุ๊คออกมาด้วย ชายหนุ่มกางโน๊ตบุ๊คลงบนโต๊ะพับตัวเล็ก แล้วดึงแฟ้มออกมาเปิดหลายๆเล่มพร้อมกัน
         “อ้าว!ก็ไหนพี่เท็ดว่าจะพาผมไปเดินเล่นไงครับ?”
         “ก็บอกแล้วว่าเดี๋ยว ไม่เกิน5นาทีน่า”
         “ก็ได้ครับ…คุณกายจะไปเดินเล่นด้วยกันไหมครับ?”
         “เอ่อ…ผม…”
         “จะไปเดินเล่นได้ยังไง หน้าซีดออกนอนพักเถอะ”  ชายหนุ่มพูดแทรกขึ้นโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นจากแฟ้มจึงไม่เห็นสายตาตัดพ้อของซัน และสายตาแวววาวด้วยความยินดีของจีนส์
         “ครับ…เชิญคุณจีนส์ตามสบายนะครับ”ซันพูดเสียงแห้งอย่างน้อยใจ ขยับลุกขึ้นนั่งเตรียมจะหนีเข้าห้อง
         “อ้าว!แล้วกายจะไปไหน?” ชายหนุ่มเงยขึ้นเมื่อรู้สึกว่าร่างบนเก้าอี้ขยับ   เด็กหนุ่มก้มลงตบหมอนวางคืนที่ไม่ยอมสบตา
         “ผมรู้สึกเพลียๆจะขอไปนอนในห้องครับ”
         “เป็นอะไรมากหรือเปล่า?”  ซันพยายามปรับสีหน้าหันกลับมาสบตาชายหนุ่ม
         “เปล่าครับ…คุณ…พี่เท็ดพาจีนส์ไปเที่ยวเถอะครับผมไม่เป็นอะไรมากหรอก”
         “ไม่เป็นอะไรแน่นะ”สายตาของเท็ดดูกังวลและห่วงใยทำให้ซันต้องฝืนยิ้ม 
         “ครับ”
         “งั้นเราไปกันเถอะครับพี่เท็ด”จีนส์รีบเข้ามานั่งข้างๆแต่ชายหนุ่มกลับลุกไปนั่งจนชิดเก้าอี้นอน หลังมือแตะหน้าผากเล็กอย่างกังวล  จีนส์คอแข็งหน้าร้อนผ่าวด้วยความโกรธ กับเขาเท็ดทั้งดุทั้งผลักไสแต่ทีกายกลับเข้าไปประคับประคองจนแทบอุ้มอยู่แล้ว จีนส์มัวแต่โกรธจนไม่ได้ยินเสียงขึ้นบันไดจึงสะดุ้งเฮือกเมื่อมีเสียงคนพูดจากด้านหลัง
         “เห็นที่ฟร้อนบอกว่าคุณเท็ดให้ผมมาหา”
         “อ้อ!มาพอดี  จีนส์เขาอยากไปเดินเที่ยวรอบๆแล้วก็อยากเล่นน้ำด้วย  แจ็ค ช่วยพาเขาไปทีนะ” จีนส์ผงะหน้าซีดด้วยความตกใจและผิดหวังอย่างรุนแรง ตกใจที่ต้องเจอคนที่รู้เรื่องเลวร้ายในอดีตและผิดหวังเมื่อได้รู้ว่าเท็ดไม่ได้แยแสเขาเลย
         “อ้าว! ก็ไหนพี่เท็ดว่าจะพาผมไปเที่ยวยังไงละครับ?”
         “พี่บอกว่าให้รอหมายถึงรอแจ็คมาพาไป พี่มีงานอีกตั้งเยอะแล้วกายก็ไม่ค่อยสบายอยู่จะออกไปเที่ยวเล่นได้ยังไง  ให้แจ็คพาไปแล้วกันนะ”
         “ไม่เอา!ผมจะให้พี่เท็ดพาไปนี่นา”  จีนส์มองเท็ดอย่างน้อยใจ  ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้  ซันหัวใจพองฟูด้วยความยินดีที่เท็ดให้ความสำคัญกับเขาที่สุด แต่ด้วยมารยาททำให้ต้องฝืนพูดดีทั้งๆที่ไม่เต็มใจ
         “เอ่อ…ผมไม่เป็นอะไรมากหรอกครับ  พี่เท็ดจะพาคุณจีนส์ไปก็ได้”
         “ไม่ล่ะ เดี๋ยวตอนบ่ายพี่ก็ต้องพากายไปที่โรงเรียนอยู่แล้วขี้เกียจออกไปหลายรอบ…กายนอนพักเถอะนะ…ถ้าไม่หลับตอนบ่ายไม่ให้ไปเที่ยวนะจะบอกให้”
         “โธ่! ขู่ยังกับผมเป็นเด็ก”
         “งั้นสิ…ก็กายน่ะผอมจนตัวเหลือนิดเดียวนี่นา”
         “เท็ด!…ผมไม่ยอมนะ!…ผมไม่ไปกับอะ…กับแจ็คหรอกนะ”  จีนส์กรีดเสียงแทรกขึ้นมาเมื่อเห็นเท็ดหยอกเย้ากายจนลืมเขา  ชายหนุ่มมองจีนส์นิ่งใบหน้าเรียบเฉย
         “ถ้าไม่ไปก็ตามใจ  แจ็คกลับไปทำงานเถอะ  ขอโทษด้วยที่เรียกมา” 
         “ไม่เป็นไรครับ  สำหรับคุณเท็ดและคุณกายผมยินดีรับใช้เสมอ”   พูดจบแจ็คก็หันกลับออกไปดื้อๆ จีนส์ตาลุกวาบ ความโกรธ ความริษยา ความน้อยใจ ที่พยายามอดกลั้นมาตลอดขาดผึง  เสียงเล็กหวีดสูงอย่างเกรี้ยวกราด
         “หมายความว่าไง?…แจ็ค!…ไอ้แจ็ค!หมายความว่าถ้าเป็นฉันแกจะไม่รับใช้งั้นเหรอ นี่หยุดนะ!  กลับมาเดี๋ยวนี้!”
         “จีนส์!…อย่ามาหยาบคายที่นี่ไม่งั้นจะส่งกลับเดี๋ยวนี้  ที่แอบขึ้นเครื่องมานี่พี่
อุตสาห์ไม่เอาเรื่องแล้วนะ  ถ้ายังทำตัวมีปัญหาพี่จะส่งกลับ!”
         “ผม…เอ่อ…ขอ…ขอโทษครับ…ฮือ!”เด็กหนุ่มร้องไห้โฮ  น้ำตาไหลอาบแก้ม  ก่อนจะวิ่งหนีลงไปข้างล่าง  เท็ดถอนใจยาวส่ายหน้าอย่างระอา เอนตัวลงท้าวศอกทั้งสองข้างกับเก้าอี้ที่ซันนั่งอยู่  เด็กหนุ่มมองหน้าคร้ามอย่างเห็นใจ  ความหวั่นไหวหายไปเกือบหมด
         “ไม่ตามไปหรือครับ?”
         “ช่างเถอะ…ปล่อยให้สงบสติอารมณ์ไปก่อน  ทั้งพ่อเขาทั้งป้าแมรี่ตามใจกันจนเสียเด็ก  ถ้าไม่รีบแก้ไขตอนนี้ต่อไปจะใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้ยังไง”
         “จีนส์เขาแอบขึ้นเครื่องมาหรือครับ?”
         “ใช่…กว่าพี่จะรู้ก็เกือบถึงเกาะอยู่แล้ว ถ้าไม่ติดว่าน้ำมันมีจำกัดจะให้เขากลับไปส่ง  นี่เลยต้องพามาด้วย ทนรำคาญหน่อยนะกาย” ชายหนุ่มเงยขึ้นมองคนบนเก้าอี้  ประโยคหลังทอดอ่อนอย่างเอาใจ  ซันยิ้มฝืนๆหน้าหมอง
         “ไม่เป็นไรครับ…เขา…สวยนะครับ  หน้าก็เหมือนในรูปถ่ายเลย”
         “แต่เขาไม่ใช่กาย! กายเลิกกังวลเรื่องที่ไม่ใช่ตัวจริงซะทีเถอะนะ  พี่รับรองว่าน้องคือกายของพี่แน่นอน”
         “แต่…ครับผมจะพยายามเลิกคิดเรื่องนี้”
         “ดีมาก  ตอนนี้ก็นอนได้แล้ว  พี่จะทำงานอยู่ตรงนี้แหละ”
         “ทานขนมไหมครับ?”
         “ก็ดีนะ สั่งเผื่อพี่ด้วยแล้วกัน” เด็กหนุ่มอมยิ้มรีบลุกเข้าไปในห้อง ก่อนจะกลับออกมาพร้อมกับจานขนม
         “อ้าว!แล้วกายไม่กินเหรอ?”
         “อันนี้เอามาให้พี่เท็ดโดยเฉพาะครับ”
         “ขอบใจนะ…อืม..อร่อยแฮะไม่หวานมากเหมือนคราวที่แล้ว”
         “พี่เท็ดชอบใช่ไหมครับ?”
         “ชอบสิอร่อยมากเลย  กายไม่ลองหน่อยเหรอ?”
         “ตอนทำก็ชิมจนเหนื่อยแล้วครับ”
         “เหรอ….หือ! กายเป็นคนทำเหรอ?”
         “ครับ…อยู่ว่างๆก็เลยไปลองหัดดู ก็สนุกดี” ซันตอบรับด้วยท่าทางเขินๆ
         “ขอบใจนะที่อุตสาห์ทำให้พี่….อร่อยที่สุดเท่าที่พี่เคยกินเลย”
         “ผมดีใจที่ได้ทำอะไรให้พี่บ้าง…ถึงจะแค่เล็กน้อยก็ยังดี…พี่เท็ดทำอะไรให้ผมเยอะจนผมไม่รู้จะตอบแทนยังไงแล้ว”
         “สิ่งที่กายให้พี่น่ะมากกว่าที่พี่ให้กายอีกนะ”
         “สิ่งที่ผมให้เหรอครับ?…อะไรครับ…ผมจำได้ว่าไม่เคยทำอะไรให้พี่สักอย่าง”
         “แค่ได้กายกลับมา…แค่นี้พี่ก็ดีใจที่สุดแล้ว  พี่ไม่อยากได้อะไรอีก นอกจากขอแค่มีกายอยู่ด้วยพี่ก็พอใจแล้ว  ถึงกายจะจำพี่ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แต่พี่อยากให้กายรู้ว่าน้องเป็นคนสำคัญที่สุดในชีวิตพี่นะ…แต่ตอนนี้นอนพักก่อนดีไหม?” ซันหน้าร้อนซู่ รีบล้มตัวลงนอนและดึงหมอนมาปิดหน้า  คำพูดของเท็ดทำให้หัวใจเขาเต้นระรัว   รู้สึกเหมือนถูกสารภาพรัก  คำว่าคนสำคัญสะท้อนกลับไปกลับมาในหัวจนหลับไป   เท็ดเงยหน้าจากแฟ้ม  ความจริงงานก็ไม่ได้รีบอะไรนักหนา แต่เขาอยากมีข้ออ้างที่จะอยู่กับกายโดยไม่ให้จีนส์ต้องเสียใจมากนัก แต่สุดท้ายเขาก็เลี่ยงไม่พ้น ชายหนุ่มจ้องหน้าเรียวเนิ่นนานก่อนจะก้มลงจุมพิตแก้มนวลเบาๆ  ในอกหนักอึ้งด้วยความกังวล  กลัวเหลือเกินว่าจีนส์จะทำให้กายกลับไปซึมเศร้าอีก  เวลาเกือบเดือนที่เข้าเพียรพยายามสร้างความคุ้นเคยกับกายกำลังเป็นไปได้ดี แต่ดูจากวันนี้อาจจะไม่ราบรื่นอย่างที่หวังเสียแล้ว หากจีนส์ยุ่งยากนักเขาอาจจะต้องใจร้ายกับจีนส์อีกก็ได้
 
         จีนส์กัดปากแน่น น้ำตาไหลพรากลงมาโดยไม่ต้องเสแสร้งอีก ภาพที่เห็นทำให้หัวใจเจ็บราวกับถูกฉีกทึ้ง  เขาอุตสาห์วิ่งลงไปนอนซบร้องไห้อยู่ริมหาดตั้งนาน  แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าเท็ดจะตามไปจึงย้อนกลับมาที่บ้านแต่กลับต้องมาเห็นภาพบาดใจ  เท็ดไม่ได้ใยดีเขาสักนิด  ตั้งแต่เขาวิ่งหนีลงไปจนป่านนี้ชายหนุ่มคงยังไม่ได้ขยับไปไหนแน่ๆ  มือใหญ่ยังประคองมือกายไว้แนบแก้ม  สายตาจับจ้องราวกับจะกลืนกินกายเข้าไปทั้งตัว
         จีนส์ถอยกรูดก่อนจะวิ่งไปยังน้ำตก โดดลงไปในธารน้ำ เข้าไปยืนกลางสายน้ำเย็นเฉียบที่ตกลงมาค่อนข้างแรง กรีดร้องออกมาจนสุดเสียง ให้สายน้ำพัดพาเอาเสียงและน้ำตาของเขาไป  ความเย็นของน้ำไม่ได้ช่วยบรรเทาความเร่าร้อนของใจได้เลย ภาพระหว่างเท็ดกับกายหมุนเวียนเข้ามาราวกับภาพยนต์ที่ฉายซ้ำๆ จีนส์ทรุดลงในน้ำ สายน้ำยังตกลงบนศรีษะไม่หยุดทำให้ภาพที่มองเห็นพร่าเลือน  เด็กหนุ่มนั่งเหม่อ  แล้วปล่อยให้ตัวเองจมลงไปในน้ำที่ลึกเพียงอกเท่านั้น
         แจ็คทนดูอยู่ไม่ไหว  แม้จะนึกสมน้ำหน้าที่เห็นจีนส์เจ็บซะบ้างแต่พอเห็นท่าทางขาดสติของเด็กหนุ่มเขาก็อดสงสารไม่ได้  เพราะถึงอย่างไรเขาก็รู้ดีว่ารสชาดของรักที่ไม่สมหวังนั้นมันขมขื่นเพียงใด  ชายหนุ่มตรงเข้าไปลากร่างอ่อนปวกเปียกขึ้นมาจากน้ำ  แม้จะแทบไม่มีแรงดิ้นแล้วแต่จีนส์ยังก่นด่าได้หยาบคายเหมือนเดิม  ชายหนุ่มแบกร่างบางขึ้นพาดบ่าพาไปยังเรือนรับรองหลังที่ห่างออกมาพอสมควร  เพราะไม่อยากให้เท็ดเห็นสภาพของจีนส์ตอนนี้  เขาไม่อยากให้เท็ดสงสารจนเผลอทำร้ายความรู้สึกของกายได้  เพราะกว่าเท็ดจะทำให้กายเปิดใจได้ขนาดนี้ชายหนุ่มต้องอดทนเหลือเกิน  หากเขาพาจีนส์ไปตอนนี้ความพยายามทั้งหมดของเท็ดอาจสูญเปล่าก็ได้ 
         แจ็ควางร่างเปียกโชกลงบนเก้าอี้รับรอง  วิ่งไปหยิบผ้าขนหนูมา3-4ผืนแล้วถอดเสื้อผ้าของจีนส์ออกจนหมด ใช้ผ้าขนหนูถูทั้งตัวจนผิวซีดๆเริ่มเป็นสีชมพูระเรื่อ  จึงสวมเสื้อคลุมให้แล้วพาไปนอน  จีนส์ยังสะอื้นแผ่วๆตาลอยคว้างไม่มีจุดหมาย  เลิกดิ้นรนขัดขืนแม้ชายหนุ่มจะเช็ดตัวแรงๆก็ไม่ขยับ  แต่พอแจ็คจะออกไปจากห้องกลับผวามายึดแขนเขาไว้แน่น 
         “อย่าไป…อยู่ก่อน…อยู่กับผมก่อน…อย่าไป….อย่าทิ้งผมเลย….ฮือ” แจ็ค ลังเล แต่พอเห็นดวงตาที่เต็มไปด้วยความว้าเหว่ก็อดใจอ่อนไม่ได้  จึงทรุดลงนั่งบนเตียงตามแรงดึง  ชายหนุ่มสะดุ้งเมื่อร่างบางซุกเข้ามาอยู่กับอกและกอดเขาไว้แน่น น้ำตาร้อนๆซึมผ่านเสื้อเขาจนเปียกชุ่ม ชายหนุ่มถอนใจยาวลูบผมนิ่มชื้นอย่างสงสาร ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนเตียงโดยมีร่างบางซุกซบอยู่ในอ้อมแขน…….
..........

จีนส์น่าสงสารเหมือนกันนะ :o12:

ขอบคุณคะ :pig4:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
จีนส์เหมือนเด็กโหยหาความรักเนอะ    :เฮ้อ: เท็ดต้องรับบทนักนิดนึง  :L2:

ขอบคุณคนโพสต์จ้า  :pig4:

namtaan

  • บุคคลทั่วไป
ไม่ว่าความจำเ่ก่าหรือใหม่ กายก็รักเท็ดอยู่ดี
ต้องเจออะไรกันอีกบ้างนี่คู่นี้
จีนส์ก็น่าสงสาร รักเท็ดมาตั้งเจ็ดปี ยาวนานมาก
บวก 1 แต้ม ขอบคุณนะคะ

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
บอกไม่ถูกไม่รู้ว่า จะเห็นใจหรือจะรำคาญจีนส์ดี  :serius2:

hene2526

  • บุคคลทั่วไป
เด็กมันน่าสงสาร...แต่หนูก็ไม่ควรทำตัวอย่างนี้นะ

ออฟไลน์ thaitanoi

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1451
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-2
จีนส์น่าสงสารแต่ทำตัวไม่น่ารักเลย

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
วันนี้มามั๊ยเอ่ย  :monkeysad: :monkeysad:

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
นั่นสิ วันนี้มาต่อหรือเปล่า  :z3:

ออฟไลน์ tarkung

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 997
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
จะติดตามต่อไปนะครับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ tianqin

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +270/-1
ขอบคุณสำหรับทุกข้อความนะคะ มาอ่านกันต่อเลยคะ
..........

         แจ็คบิดตัวอย่างเมื่อยขบ  สะบัดแขนแรงๆเพื่อลดอาการชา  จีนส์ยังหลับสนิท  มีคราบน้ำตาเป็นทางทั่วแก้มเนียน  แจ็คก้มลงมองร่างบนเตียงเงียบๆ  เขาไม่อยากทิ้งไปก่อนที่จีนส์จะตื่น แต่ก็พอจะรู้ว่าตื่นขึ้นมาเห็นเขาจีนส์ก็คงอาระ-วาดจนอารมณ์เสียด้วยกันทั้งสองฝ่ายเป็นแน่  ชายหนุ่มตัดสินใจกลับออกมาก่อน 
         ท้องฟ้าด้านทิศตะวันออกเริ่มเป็นสีระเรื่อ  ชายหนุ่มสูดลมหายใจลึกเพื่อให้สมองโปร่ง  อดไม่ได้ที่จะครุ่นคิดถึงคนที่เพิ่งจากมา  บางครั้งจีนส์ก็ทำให้เขานึกถึงตัวเอง  คนที่ขาดไปทุกอย่าง ทั้งความรัก ความอบอุ่น ครอบครัว หรือแม้แต่คนรัก  แต่เขาขาดเพราะเป็นลูกกำพร้า ส่วนจีนส์ขาดเพราะต้องการมากเกินไป  เขารู้ว่าเขาไม่ชอบจีนส์ส่วนหนึ่งมาจากอคติส่วนตัว  จีนส์เคยสอดแทรกเข้ามาในช่วงที่เขามีความสุขกับรามอส  การที่จีนส์มาที่นี่ทำให้บาดแผลของเขาเปิดขึ้นมาอีก  และนั่นน่าจะเป็นสิ่งที่ทำให้เขาตั้งแง่เอากับจีนส์ไปทุกเรื่อง  จะว่ากันตามความจริงจีนส์ก็แค่เด็กมีปัญหาคนหนึ่ง  ไม่ใช่คนเลวร้ายมากมายอย่างที่เขารู้สึก
         “แจ็คเอ้ย!แกมันพาลชัดๆพาลกระทั่งเด็ก เฮ้อ!ก็เด็กกว่าไม่กี่ปีแถมแสบขนาดนี้สงสารไม่ค่อยลงเลยให้ตาย” ชายหนุ่มบ่นกับตัวเองไปตลอดทางโดยไม่รู้ว่ามีสายตาคู่หนึ่งจับจ้องจากข้างหลัง
         จีนส์ดึงม่านปิดช้าๆกลับไปทิ้งตัวลงบนเตียง  น้ำตาที่เหือดแห้งไหลออกมาอีก  วูบหนึ่งในช่วงที่ทุกข์ทรมานเขาอยากให้คนที่แจ็ครักเป็นเขาไม่ใช่รามอส  หากเป็นเช่นนั้นเขาคงเลิกรักเท็ดได้ไม่ยาก แต่แจ็คก็ไม่เคยมีสายตาให้เขาเช่นกัน ทำไม?…ทำไมถึงไม่มีใครที่รักเขาจริงๆสักคน? 
         “ทำไมพี่ถึงไม่รักผมล่ะเท็ด?…ทำไม? คอยดูนะกาย!ฉันจะแพ้แค่วันนี้เท่านั้น อีกไม่นานหรอกฉันต้องชนะและเท็ดจะเป็นของฉัน!”

         “กายวันนี้พี่ไปประชุมนะ  เย็นๆพี่กลับจะเอาอะไรหรือเปล่า?”
         “ผม…อยากไปด้วย”ซันหลุดปากออกไปอย่างที่ใจคิด  เท็ดชะงักจ้องมอง
เด็กหนุ่มอย่างประหลาดใจ  ก่อนจะถอนใจอย่างเสียดาย
         “พี่ก็อยากพากายไปนะ แต่พี่ต้องประชุมทั้งวันคงไม่มีเวลาพากายไปไหน  เอาอย่างนี้สิถ้ากายอยากไป  ครั้งหน้าพี่จะพากายเที่ยวให้ทั่วเลย”
         “ไม่เป็นไรครับผมพูดเล่น  พี่เท็ดไปทำงานเถอะครับ”
         “กาย…ไม่โกรธพี่นะ?”
         “โธ่!บอกแล้วไงครับว่าผมพูดเล่น  อย่ากังวลเลยครับ  ไปเถอะครับเดี๋ยวสาย”
         “งั้นพี่ไปนะ  ดูแลตัวเองดีๆล่ะอย่าไปไหนคนเดียว  จะเอาอะไรก็เรียกใช้ได้ทุกคน  วันนี้คงได้เพื่อนคุยเยอะแน่”
         “ทำไมครับ?”
         “วันนี้เป็นวันตัดแต่งสวน  ที่นี่เขาทำพร้อมกันทั้งบริเวณเลย”
         “น่าสนุก  ถ้าผมจะไปดูพี่คงไม่ว่าอะไรนะครับ?”
         “เอาสิ  แต่อย่าเพิ่งไปตอนนี้ล่ะเขากำลังจะใช้พวกเครื่องตัดหญ้า เดี๋ยวจะเป็นอันตราย”
         “รีบไปเถอะครับ…เดี๋ยวเข้าประชุมสาย”   เท็ดโอบไหล่บางให้ขึ้นรถไปที่ลานจอดเครื่องบินด้วยกัน  ซันส่งเอกสารให้เมื่อเห็นนักบินให้สัญญาณ  ชายหนุ่มหันมามองเขาอย่างเป็นห่วง
         “แล้วพี่จะรีบกลับ” เท็ดก้มลงจูบแก้มเนียนเบาๆก่อนจะผละวิ่งไปยังเครื่องบิน  ซันหน้าร้อนวาบเหลียวมองรอบตัวอย่างเขินๆกลัวจะมีคนเห็น  เครื่องบินเริ่มเคลื่อนไปตามรันเวย์  ซันชะเง้อมองตามหัวใจกระตุกวูบเมื่อเห็นจีนส์นั่งเคียงข้างเท็ด
หมายความว่าอย่างไร?ทำไมจีนส์ถึงได้ไปกับเท็ด…เท็ดไม่บอกเขาสักคำว่าจีนส์จะไปด้วย ทีกับเขาเท็ดอ้างว่าไม่มีเวลาพาเที่ยวไม่ยอมให้เขาไปแต่ทำไมถึงให้จีนส์ไป?     
         ‘ไม่!เราจะไม่มีวันยอมเสียเท็ดให้ใคร…ไม่มีวัน…’
         ‘จะทำยังไงดีล่ะ!เด็กคนนั้นหน้าตาเหมือนกับคนในรูป แล้วยังสนใจเท็ดจนออกนอกหน้า’   
         ‘เราต้องไม่แพ้’ 
         ‘แต่…เราเป็นแค่น้องนะ  ถึงเราจะเป็นกายตัวจริงเราก็เป็นแค่น้อง’   ความคิดสองฝ่ายตีกันจนปวดหัว  ซันเดินคิดไปจนไม่รู้ทิศทาง  เสียงทักทำให้เขาสะดุ้ง
         “คุณกายมาทำอะไรที่นี่ครับ?”
         “ผม…เหงาครับ  เลยออกมาเดินเล่น”
         “เหงา…คุณเท็ดไปประชุมสินะครับ”
         “ครับ…คุณแจ็คจะไปไหนครับ?”.
         “อ๋อ!จะเอาอาหารไปส่งที่โรงเรียนนะครับ เราส่งกันอาทิตย์ละครั้ง”
         “ผมไปด้วยนะครับ”
         “อย่าเลยครับผมกลับเย็น  ถ้าคุณเท็ดกลับมาแล้วไม่เจอคุณกายจะโกรธเอา”
         “เท็ดเขาไม่มีเวลามาสนใจหรอกครับเพราะเขาไปพาจีนส์ด้วยคงอีกนานกว่าจะกลับ” ซันก้มหน้าเท้าเขี่ยทรายเล่นอย่างเหงาๆ แจ็คเม้มปากตาเป็นประกายเรืองด้วยความโกรธเมื่อรู้ว่าจีนส์เริ่มคายพิษอีกแล้ว 
         “จีนส์เขาไปกับคุณเท็ดหรือครับ?”
         “ครับ”
         “คงแอบขึ้นเครื่องอีกแล้ว คุณกายอย่าสนใจเลยครับ คุณเท็ดไม่เคยคิดอะไรกับเขาหรอก” น้ำเสียงปลอบประโลมหากแต่หนักแน่นทำให้ซันใจชื้นขึ้น 
         “แต่…เขาสวยมากนะครับ ถึงจะเป็นผู้ชายก็เถอะ…ถ้าพี่เท็ดจะคิดก็คง…”
         “ไม่มีวันครับ…เอาอย่างนี้ไหมครับเรามาพิสูจน์กันว่าคุณเท็ดแคร์ใครมากว่าระหว่างคุณกายกับจีนส์”
         “ยังไงครับ?”
         “เรามาเล่นเกมกันดีกว่า  เรียกว่าเกมวัดใจก็ได้  สนไหมครับ?”
         “ฟังดูน่าสนุกนะครับ”
         “งั้นเริ่มจากคุณกายไปที่โรงเรียนกับผมวันนี้เลย”
         “ผมจะไปโน๊ตบอกพี่เท็ดที่โต๊ะก่อนนะครับ”
         “โอ๊ะ!อย่าเชียวครับ  นี่แหละครับจุดเริ่มต้นของเกม  ว่าไงครับสนใจจะเล่นหรือเลิก?”
         “เอ่อ….ก็….ครับก็ลองดู”
         “งั้นไปครับขึ้นรถเดี๋ยวผมจะเล่าแผนการให้ฟัง”
            …………….
         “กาย!…กาย!…นี่มีใครเห็นคุณกายบ้าง” 
         “……….”  คนงานแต่งสวนเหลียวมองหน้ากันแล้วก้มหน้ากันหมด ชายหนุ่มหน้าเผือดในอกร้อนราวกับไฟสุม  น้ำเสียงเข้มขึ้นโดยไม่รู้ตัว
         “ฉันถามว่ามีใครเห็นคุณกายบ้าง….อะไร!นี่อยู่กันเต็มบ้านแต่ไม่มีใครเห็นคุณกายเลยหรือไง?”
         “คงไปเที่ยวกับแจ็คมั้งครับ  เห็นสนิทกันออกพี่เท็ดอย่าไปสนใจเลย”
         “อย่ามาวุ่นวายตอนนี้จีนส์ไปบ้านพักเธอได้แล้ว” จีนส์โดนดุจนหน้าเจือน ยิ่งมีสายตานับสิบคู่มองมาก็ยิ่งเสียหน้ามากขึ้น เด็กหนุ่มสะบัดหน้าวิ่งหนีออกไป แต่เท็ดไม่แม้แต่จะเหลือบมอง 
         “ฉันถามว่ามีใครเห็นคุณกายบ้าง?…..ว่าไงมีใครเห็นบ้าง…งั้นไปตามคนมาออกหาคุณกายเดี๋ยวนี้เลยเร็ว” คนงานชายค้อมศรีษะรับคำสั่งลนลานออกมา  เป็นจังหวะที่รถไฟฟ้าคันหนึ่งเลี้ยวเข้ามาพอดี
         “อ้าว!นั้นจะรีบไปไหนกันครับ?”
         “แจ็คมาพอดี  นายเห็นกายบ้างหรือเปล่า?”
         “เห็นครับ”หลายคนแอบถอนใจอย่างโล่งอก เท็ดถอนใจเฮือกสีหน้าดีขึ้นทันที
         “ที่ไหน?”
         “เมื่อเช้าคุณกายตามผมไปที่โรงเรียนด้วยครับ  แต่พอชวนกลับ  คุณกายก็ไม่ยอมมาด้วย  เห็นบอกว่าอยากดูพระอาทิตย์ตกคนเดียว  ท่าทางเศร้าๆ”
         “อยู่ที่โรงเรียนใช่ไหม?”
         “ครับ  นี่ผมก็กำลังจะไปตามเพราะนี่ก็ใกล้เวลาน้ำขึ้นแล้วเดี๋ยวกลับไม่ได้กันพอดี”
         “ทำไม?”  ใบหน้าของเท็ดเผือดสีลงอีกครั้ง
         “ก็ผมเห็นเดินไปทางปลายแหลม  พอผมบอกเรื่องน้ำกำลังจะขึ้นก็เห็นบอกว่าจะไปเดินเล่นเดี๋ยวเดียวแล้ว…อ้าว!คุณเท็ดจะไปไหนครับ?”
         “นายลงก่อนแจ็ค  ขอยืมรถหน่อย”
         “ได้ครับ”แจ็คยืนมองตามท้ายรถอย่างขันๆอยากให้กายได้เห็นท่าทางลนลานของเท็ดจะได้รู้ว่าตัวเองสำคัญขนาดไหน
.........


ออฟไลน์ tianqin

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +270/-1
.....
         “กาย….ทำไมทำแบบนี้จะให้พี่คลั่งตายหรือไง?อย่าเป็นอะไรนะกาย  บ้าชิบ!รถนี่ทำไมมันช้านัก”  ชายหนุ่มเร่งความเร็วจนสุดเท่าที่รถไฟฟ้าจะเร่งได้แต่ก็ยังไม่เร็วเท่าใจที่รุ่มร้อนของเขาต้องการ  หาดด้านเชิงเขาปราศจากผู้คน  เท็ดโดดลงจากรถวิ่งวนไปทั่ว  ในอกเดือดพล่านเมื่อไม่เห็นวี่แววของคนที่เขากำลังตามหา
         “กาย!…กาย!…น้องอยู่ไหนน่ะกาย…กายน้องอยู่ที่ไหน?”
         “เท็ดครับ…ผมอยู่นี่” ร่างบางโบกมือให้ท่าทางดีใจทำท่าจะลงน้ำมาหา  ชายหนุ่มใจหาย ตะโกนห้ามจนเด็กหนุ่มตกใจ
         “อย่า!…กายอย่าข้ามมา!ตรงนั้นน้ำไหลลอดข้างใต้แรงมาก  อยู่นั่นแหละเดี๋ยวพี่ไปหา”
         “แต่ว่า….”
         “อย่าไปไหนนะกาย!อยู่ตรงนั้นเดี๋ยวพี่มา รอเดี๋ยว! อย่าข้ามมาเด็ดขาดเข้าใจไหม!บนนั้นยังปลอดภัยอย่าข้ามนะ”
         “ครับ…เท็ดมาเร็วๆนะ”
         “เดี๋ยวเดียวที่รักเดี๋ยวพี่มา  อย่าข้ามเด็ดขาด!”   เท็ดวิ่งย้อนกลับมาที่รถ  คว้าได้เชือกขดใหญ่กับผ้าพันคอผืนยาว ‘คงจะของแจ็คยืมหน่อยนะ’  ชายหนุ่มรีบย้อนกลับไปที่ชายหาดชี้ให้เด็กหนุ่มดูว่าเขาจะไปหายังไง
         ซันพยักหน้าท่าทางที่เหลียวมองคลื่นแล้วกลับมามองเขานั้นตื่นกลัวจนชายหนุ่มสงสาร  เขาไต่ขึ้นเขาอย่างรวดเร็ว  นี่เป็นทางเดียวที่จะเข้าไปหาซันได้อย่างปลอดภัยที่สุด เพราะบริเวณที่เด็กหนุ่มอยู่น้ำกำลังจะท่วมในไม่ช้า   ทันทีที่เท้าแตะพื้นร่างบางก็โผเข้าหา  เขากอดรัดไว้แน่นด้วยความห่วง  เด็กหนุ่มหน้าซีด  ตาโตตื่นตระหนกเนื้อตัวเปียกปอนและเย็นเฉียบ
         “กาย…พระเจ้า!นี่น้องมาที่นี่ทำไมมันอันตรายมากนะ  แล้วทำไมตัวเปียกอย่างนี้หือ?”
         “ผมไม่ได้ตั้งใจ  ผมเผลอคิดอะไรไปเดี๋ยวเดียว รู้สึกตัวอีกทีก็มาติดอยู่ที่นี่แล้ว  จะข้ามคลื่นก็แรงมาก  กำลังหาอยู่พอดีว่าจะข้ามไปทางนั้นแต่พี่มาถึงซะก่อน”
คำอธิบายของซัน ทำให้เท็ดเย็นวาบตลอดไขสันหลัง หากเขามาช้ากว่านี้อีกนิดเด็กหนุ่มต้องตัดสินใจข้ามทางนั้นแน่
         “ขอบคุณพระเจ้า!…ตรงนั้นน่ะอันตรายที่สุดเพราะมันมีโพรงข้างใต้เต็มไปหมด  ข้างบนน้ำถึงได้หมุนแบบนั้น ข้างล่างน้ำก็แรงมาก  มีคนตายมาเท่าไหร่แล้วรู้ไหม?”   ชายหนุ่มเขย่าร่างในอ้อมแขนอย่างลืมตัว  เด็กหนุ่มปากสั่นหน้าเผือดด้วยความเสียใจ
         “ผม…ขอโทษครับ…ขอโทษที่ทำให้ยุ่งยาก….ขอโทษ”  เท็ดได้สติเมื่อเห็นเด็กหนุ่มร้องไห้ 
         “กาย…อย่าร้องไห้…พี่ไม่ได้ตั้งใจ…อย่าร้อง…ชู่ว!”
         “แต่คุณโกรธ…แล้ว…แล้ว…ผมก็ทำตัวให้คุณลำบาก  ผม…ฮึก”
         “อย่าร้องไห้….คนดีของพี่…อย่าร้องไห้สิ  พี่ขอโทษที่พี่โวยวาย….เพราะพี่ตกใจ  อย่าเสียใจเลยนะ” ชายหนุ่มกอดร่างบางแน่น  เช็ดน้ำตาให้เบาๆก่อนจะช้อนหน้านวลขึ้น สายตาที่สบกันสื่อถึงบางอย่างเหมือนเด็กหนุ่มกำลังจะเปิดใจให้เขา  น้ำกระเซ็นขึ้นมาโดนตัวทำให้ชายหนุ่มได้สติ รีบดึงร่างบางออกมาให้พ้นระยะของคลื่น 
         “เรากลับไปคุยกันที่บ้านนะ”
         “ครับ…แล้วเราจะกลับกันยังไง?”
         “เดี๋ยวเราจะปีนย้อนกลับขึ้นไปด้านนี้แหละ   แต่ตอนนี้เปลี่ยนเสื้อก่อนดีกว่า”
         “พี่เท็ดอย่าถอดให้ผมเลยครับ  มันเริ่มจะหนาวมากแล้วนะครับ  เดี๋ยวจะไม่สบาย”
         “พี่นะไม่เป็นอะไรหรอก  กายนั่นแหละใส่ไว้ก่อน  เอ้าเปลี่ยนเสื้อสิ”
         “ผม…ไม่…ไม่ต้อง” ซันอึกอัก เขาไม่อยากให้ชายหนุ่มเห็นรอยแผลน่าเกลียดบนตัว 
         “ทำไมล่ะ…หรือว่าอาย  งั้นพี่หันหลังให้ก็ได้………..เสร็จหรือยัง?”
         “ครับ”
         “งั้นมานี่เถอะ  เอ้ามาสิ”   ชายหนุ่มหลังให้แล้วย่อตัวลงต่ำ
         “จะ…จะทำอะไรครับ?”
         “ก็ขี่หลังพี่ไง”
         “แต่ให้ผมเดินเองก็ได้”
         “ไม่ได้…กายยังเจ็บขาอยู่ไม่ใช่เหรอแล้วทางที่จะไต่ขึ้นไปน่ะมันลำบาก  เพราะฉะนั้นขึ้นมาซะดีๆ”
         “แต่ผมตัวหนักนะครับ”
         “ตัวแค่นี้นะหนัก  พี่อุ้มอยู่ทุกวันทำไมไม่เห็นหนักเลย  มาน่าเราจะได้รีบกลับ  นี่จะค่ำแล้วด้วย”  เด็กหนุ่มเลิกอิดเอื้อนรีบเข้ามาโอบรอบคอแข็งแรงไว้  เท็ดสอดผ้าที่หยิบมาจากรถพันตัวเด็กหนุ่มให้ติดกับเขากันตก  ดึงขาเรียวให้โอบรอบเอวแล้วค่อยๆลุกขึ้น  ซันซุกหน้ากับซอกคอของชายหนุ่ม หัวใจเต้นระทึกด้วยความตื่นเต้น  เท็ดเริ่มไต่กลับขึ้นทางเดิมช้าๆโดยอาศัยเชือกที่ผูกไว้ข้างบนคอยประคองให้ปลอดภัยยิ่งขึ้น  ชายหนุ่มอมยิ้มเมื่อรู้สึกว่าน้ำหนักตัวของเด็กหนุ่มพอๆกับเป้ที่เขาเคยใช้เวลาปีนเขา  แต่เป้ใบนี้มีความสำคัญยิ่งกว่าชีวิตเสียอีก 
         “ขอโทษครับ…หนักไหม?”
         “หนัก…หนักกว่ามดนิดหนึ่ง”
         “คงเป็นมดยักษ์เพราะหนักเกือบ50กิโลแล้ว”
         “หึๆๆ…”
         “ขำอะไรครับ?”
         “ขำลูกลิง”
         “ลูกลิง…งั้นเท็ดก็เป็นพ่อลิงแหละ”เสียงหัวเราะเบาๆข้างหูทำให้ชายหนุ่มขนลุก  อารมณ์ที่ไม่น่าจะเกิดในสถานะการณ์อย่างนี้กลับปะทุขึ้นอย่างรวดเร็ว  ชายหนุ่มสูดลมหายใจลึก  พยายามตั้งสมาธิอยู่กับจังหวะการไต่ขึ้นข้างบน แต่กลิ่นหอมอ่อนๆกับเนื้ออุ่นนิ่มที่แนบชิดอยู่ข้างหลังกลับรบกวนเขามากขึ้นทุกที ชายหนุ่ม
สาวเชือกขึ้นก่อนจะเปลี่ยนมาผูกยังต้นไม้อีกฝากเพราะทางลงก็ชันไม่แพ้กัน  กว่าจะลงมาถึงพื้นเหงื่อก็ซึมทั้งตัวทั้งๆที่อากาศค่อนข้างเย็นจัด เท็ดรีบปลดผ้าที่พันเขากับเด็กหนุ่มออกเพราะเริ่มควบคุมตัวเองลำบากขึ้นทุกที  แรกๆที่ถูกเขากอดกายก็มักจะขัดเขินบ้างแต่ระยะหลังก็เริ่มจะชิน  แต่แปลกที่เขาไม่ได้หวั่นไหวมากขนาดนี้  อาจเป็นเพราะเขามักกอดเด็กหนุ่มด้วยความรัก สงสาร ห่วงใย  แต่วันนี้เนื้อตัวที่บดเบียดเสียดสีกันทำให้เขาเกิดความปรารถนา  เด็กหนุ่มห่อไหล่ด้วยความหนาว  แต่พอเริ่มเดินเท็ดก็สังเกตเห็นอาการเขยกขาได้ชัดเจน  ชายหนุ่มจึงช้อนร่างบางขึ้นอุ้มพาไปที่ยังจุดที่จอดรถซึ่งถนนค่อนข้างห่างจากหาดด้านนี้พอสมควร เด็กหนุ่มตัวแข็งไปครู่หนึ่งท่าทางตกใจเพราะยังไม่ทันตั้งตัวแต่ครู่เดียวก็ยอมซุกซบอยู่กับอกเขาแต่โดยดี  ชายหนุ่มสูดลมหายใจลึกอีกครั้ง  มันเป็นความทรมานที่แสนหวาน ได้กอดคนที่รักไว้กับอกอีกครั้ง แม้จะได้แค่กอดแต่สำหรับเขาแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว  หากเทียบกับเมื่อ 2เดือนที่แล้วนั้นเขากอดกายได้เพียงแค่ในฝันเท่านั้น 
         “พี่เท็ดครับ”
         “หืม?”
         “ถ้าผมตายไปตอนนี้ผมคงมีความสุข”  ชายหนุ่มสะดุ้งใจหายวาบ ก้มลงมองร่างในอ้อมแขนโดยอัตโนมัติ 
         “อย่าพูดอย่างนี้นะ!…ตายอะไรกัน  ไม่เอาพี่อยู่ทั้งคนจะไม่มีใครหรืออะไรมาทำร้ายกายของพี่ได้หรอกน่า”เด็กหนุ่มเงยขึ้นสบตาเขาช้าๆ สายตาที่มองเขาคลอด้วยน้ำใสๆ 
         “ผมแค่สมมุติ  สมมุติว่าผมตายไปตอนนี้ผมคงมีความสุข”
         “ทำไมล่ะ?”
         “ก็ผมจะตายอย่างอบอุ่น มีพี่เท็ดอยู่ข้างๆ  เมื่อก่อนตอนอยู่ที่เกาะผมกลัวเสมอเวลาคิดว่าถ้าผมตายจะไม่มีใครอยู่ข้างๆเลย  มันเจ็บปวดและว้าเหว่มาก”
         ‘กาย…พี่ขอโทษ…พี่ขอโทษที่ทำให้น้องต้องทุกข์ทรมานเพียงลำพังอยู่ตั้ง 7 ปี  ถ้าเลือกได้พี่จะขอรับความทุกข์นั้นไว้เอง  พี่จะไม่มีวันยอมให้น้องต้องเจอเรื่องแบบนี้เด็ดขาด’ ชายหนุ่มค่อยๆวางร่างผอมลงบนเบาะรถแต่ยังกอดไว้แน่น
         แสงสลัวของอาทิตย์ยามเย็นค่อยๆเลื่อนหายไป  ความมืดแผ่ออกปกคลุมทั่วบริเวณอย่างรวดเร็ว  ลมเริ่มแรงยิ่งขึ้นอากาศก็เย็นยะเยือก  ซันซุกหน้ากับอกกว้าง ฟังเสียงหัวใจของชายหนุ่มอย่างเป็นสุข  อากาศเย็นรอบกายแทบจะไม่กระทบผิวเขาเลยเพราะถูกห่อหุ้มไว้ด้วยกำแพงเนื้อ  เสียงหัวใจของเท็ดยังเต้นระรัวกล้ามเนื้อตึงแน่นโอบกระชับ
         “หนาวไหม?”
         “ไม่ครับ  แต่พี่คงหนาว”
         “พี่ไม่เป็นไร  เรากลับกันเถอะลมเริ่มแรงแล้ว” ชายหนุ่มขับรถกลับมายังบ้าน-พัก  ยังไม่ทันถึงก็เจอแจ็คขับรถมาตามกับคนงานอีก4-5คน 
         “เป็นอะไรหรือเปล่าครับคุณเท็ดคุณกาย?”
         “ไม่เป็นไร  นี่จะไปตามเหรอ?”
         “ครับ  ผมเห็นหายไปนานเลยจะพาคนออกไปตาม”
         “ฉันไม่ค่อยชำนาญปีนเขาเท่าไหร่เลยช้านิดหน่อย  แจ็คพรุ่งนี้ฝากเก็บเชือกด้วยนะ  มันทำท่าจะมืดเลยไม่ได้กลับขึ้นไปเอา”
         “ได้ครับ  คุณเท็ดกับคุณกายปลอดภัยแล้วพวกผมก็ขอตัวกลับก่อนนะครับ”
         “ขอบใจมากแจ็ค  ขอบใจนะทุกๆคน”
         “ไม่เป็นไรครับ”ซันเหลือบมอง  เห็นแจ็คแอบหลิวตาให้จึงก้มหน้าเพื่อซ่อนยิ้ม  ทันทีที่รถจอดสนิทร่างบอบบางก็ก้าวเข้ามาหา
         “พี่เท็ดถอดเสื้อทำไมครับหนาวจะแย่ เกิดไม่สบายไปใครจะดูแล  คุณกายรู้ไหมครับใครๆเข้าวุ่นวายกันทั้งรีสอร์ทเพราะทุกคนเขาเป็นห่วงคุณกาย….” 
ซันหน้าเผือดด้วยความโกรธ  แต่เท็ดกลับเข้าใจว่าเด็กหนุ่มเสียใจจึงรีบกันจีนส์ออกห่าง
         “จีนส์กลับไปบ้านเธอได้แล้ว”
         “แต่ผมเป็นห่วงพี่เท็ดนี่ครับ  เป็นห่วงคุณกายด้วยกลัวว่าจะไปติดอยู่ที่ปลายแหลม  เห็นพวกคนงานบอกว่าที่นั่นมีคนตายมาเยอะ  นี่ถ้าพี่เท็ดไม่…”
         “เราสองคนปลอดภัยและสบายดี  กลับได้แล้วพี่จะพากายไปพัก”  ชายหนุ่มอุ้มร่างผอมขึ้นบ้านไปอย่างรวดเร็ว  จีนส์กัดปากแน่นจนได้ลิ้มรสคาวของเลือด  ‘เกลียด…เกลียดมันที่สุด  ทำไมต้องกลับมา  ทำไมไม่ตายๆไปเสีย’
         ซันลอบมองชายหนุ่มเป็นระยะๆ เท็ดหน้าเครียดจัด  ดวงตาหม่น  ตั้งแต่กลับมาจนกระทั่งมื้อค่ำผ่านไปชายหนุ่มแทบจะไม่พูดกับเขาเลย ซันเม้มปากอย่างน้อยใจ  ดูเหมือนเขาจะเป็นภาระให้เท็ดมากเกินไป 
         “ผมง่วงแล้วขอตัวนะครับ”
         “อืม”เท็ดตอบรับสั้นๆสายตาจับจ้องไปที่บ้านพักของจีนส์  ซันรีบเข้าห้องโถม-ตัวลงบนเตียง  ตัวเขาสั่นกระบอกตาร้อนผ่าว  ท่าทางของเท็ดเหมือนไม่สบายใจคงเพราะพูดกับจีนส์แรงไป  ทั้งที่เขาหลงดีใจว่าเท็ดแคร์เขามากกว่าจีนส์เพราะตอนที่ชายหนุ่มไปตามก็ดูห่วงใย  แต่ความจริงเท็ดแคร์จีนส์มากกว่าเขา หูเขาคงแว่วไปเองที่ได้ยินชายหนุ่มเรียกเขาว่า‘ที่รัก’
         ‘เท็ด…ผมไม่อยากเสียพี่ไป…ไม่อยากให้พี่รักใคร…ทำไมผมต้องเป็นน้องพี่ด้วย….ทำไม…พระเจ้าทำไมผมถึงรักเขานัก  ท่านทำให้ผมรักเขาแต่ท่านกลับให้เขารักคนอื่น  ท่านโหดร้ายกับผมเหลือเกิน’
         ลมทะเลเย็นเฉียบบาดเข้าไปถึงกระดูกช่วยบรรเทาความรุ่มร้อนในใจ ชายหนุ่มตัดสินใจกลับบ้านพักเมื่อแน่ใจว่าสามารถควบคุมความปราถนาของตัวเองไว้ได้แล้ว  แค่เพียงสัมผัสผิวเผินก็ทำให้เขาร้อนทั้งตัว จนไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้า   เกรงว่าเด็กหนุ่มจะรู้ว่าเขาคิดไปไกลแค่ไหน 
         ชายหนุ่มยืนนิ่งอยู่หน้าประตู  อยากเข้าไปหา  อยากกอดเหมือนอย่างเคย แต่ขืนทำอย่างนั้นเขาคงควบคุมตัวเองไม่ไหว เท็ดถอนใจยาวเดินกลับมาห้องตัว-เอง  หน้าต่างระเบียงเปิดไว้ตลอดแนวทำให้ห้องเย็นเยือก   มือที่เอื้อมไปจับบานเลื่อนชะงักค้าง  เท็ดขมวดคิ้วพยายามตั้งใจฟังแต่เสียงแผ่วๆนั้นหายไปแล้ว  ชายหนุ่มส่ายหน้านึกขันที่หูแว่ว
         “ฮือ…ช่วยด้วย…ไม่อย่า…อย่า…ผม…โอ๊ย!”
         “กาย!!!” เท็ดกระโจนออกจากห้องแทบไม่ทัน  ใจหายวาบเมื่อพบว่าประตูอีกห้องถูกล็อคแน่น
         “กาย!…กาย!…เปิดประตูให้พี่กาย! กาย! พระเจ้า! กาย!”  ชายหนุ่มตัดสินใจกระแทกสุดแรงแต่ประตูไม้สักกลับไม่สะเทือน ชายหนุ่มวิ่งกลับเข้าไปในห้องและปีนข้ามระหว่างระเบียงโดยไม่กลัวตก  โชคดีที่หน้าต่างระเบียงยังเปิดอยู่  เท็ดลอดเข้าไปอย่างทุลักทุเลเพราะตัวเขาใหญ่กว่าหน้าต่างมาก 
         ชายหนุ่มก้าวพรวดเดียวเข้าไปชิดเตียง  แสงไฟจากระเบียงส่องให้เห็นร่างบนเตียงกำลังดิ้นทุรนทุราย  เท็ดช้อนร่างบางขึ้นกอดไว้แน่น  ซันเกร็งทั้งตัว  เหงื่อซึมทั้งๆที่ตัวเย็นเฉียบ  มือกำแน่น  ใบหน้าบิดเบี้ยวราวกับเจ็บปวด  น้ำตาไหลพรากและหายใจแรงจนหอบ
         “กาย! กายตื่นสิกาย น้องเป็นอะไรไป? กาย!ทำไมเป็นอย่างนี้? กาย! กาย!”
         “อย่า!…ไม่!…อย่า…ผมเจ็บ….โอ๊ย!…เจ็บ…ช่วยด้วย…ผมเจ็บ…หนาว….หนาว….ทุกคนทิ้งผม….ทิ้งกันหมด…เจ็บ….เท็ด…พี่ทิ้งผม!…เจ็บ!”  ชายหนุ่มตัวสั่นกอดร่างในอ้อมแขนแน่น  พยายามเรียก
         “กาย! พี่อยู่นี่แล้ว กายตื่นสิกาย ตื่น! พี่อยู่ตรงนี้ ลืมตาสิกาย มองพี่…พี่อยู่นี่…พี่ไม่ได้ทิ้งน้องนะ…ตื่นสิกาย…พี่อยู่นี่…กายพี่รักกายนะ…พี่รักกาย…พระเจ้า…อย่าทำร้ายกายอีกเลย  หากพระองค์อยากลงโทษโปรดมาลงที่ผม แต่อย่าทำร้ายกายอีกเลยได้โปรด” เด็กหนุ่มยังคงสะอื้นและเพ้อเป็นระยะๆ  แต่อาการเกร็งค่อยๆลดลง  เท็ดใจชื้นเมื่อรู้สึกว่าสัมผัสของเขาทำให้กายดีขึ้น  ชายหนุ่มช้อนร่างบางขึ้นมากอด  พูดปลอบโยนตลอดเวลา  มือก็ลูบไล้ไปทั่วทั้งตัว  ไม่นานนักเด็กหนุ่มก็หยุดดิ้นรน  แต่น้ำตายังไหลไม่หยุด  เท็ดจูบซับให้จนหน้าเขาชื้นไปด้วย 
         “อย่าทิ้งผม…อย่าไป…เท็ด…ฮือ…อย่าทิ้งผม”
         “กายพี่อยู่นี่ พี่อยู่กับน้อง พี่ไม่ได้ทิ้งไปไหน………กาย!…โอ!พระเจ้า น้องรู้สึกตัวแล้วใช่ไหม? กายตอบพี่หน่อย…กาย”
         “….พี่เท็ด…ผม…เจ็บ…เลือดออกเต็มไปหมด…เจ็บหน้า…เจ็บ…”ตาโตปริ่มด้วยน้ำตา  ความหวาดกลัวยังเต้นระริกอยู่ในดวงตา  ดูเหมือนเด็กหนุ่มยังไม่รู้สึกตัวเต็มที่
         “แค่ความฝันเท่านั้น….กาย…มองพี่…เห็นไหม  พี่อยู่นี่  อยู่กับกาย  น้องแค่ฝันร้ายเท่านั้น…เห็นไหม?…แผลนี่มันหายแล้ว…ไม่เจ็บแล้วใช่ไหม?” ชายหนุ่มจุมพิตบนแผลนูนยาวแผ่วเบา  ร่างในอ้อมแขนถอนสะอื้น  สายตาจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าเขามือสั่นระริกยกขึ้นลูบไล้ทั่วใบหน้า ชายหนุ่มตะแคงหน้าไปจุมพิตที่มือเย็นเฉียบเบาๆ  ปากซีดขยับพูดแต่ไม่มีเสียง  นานช้ากว่าเสียงแหบเบาจะหลุดออกมา 
         “…เท็ด!…” เด็กหนุ่มร้องไห้โฮ  และกอดรอบคอเขาแน่น  เท็ดลูบผมนิ่มชื้นเหงื่อแผ่วเบา  น้ำตาร้อนๆเปียกคอเขาจนชุ่ม  ครู่หนึ่งเสียงลมหายใจก็สม่ำเสมอเท็ดค่อยๆวางร่างในอ้อมแขนลง  แต่อาการผวาสุดตัวทำให้เขาต้องอุ้มกลับขึ้นมาใหม่ 
         “เท็ด…อย่าทิ้งผม…” 
         “ชู่ว!…พี่ไม่ไปไหนหรอก…หลับเสียที่รัก  พี่จะอยู่กับกาย”  ชายหนุ่มนอนลงบนเตียงโดยมีร่างบางซุกซบอยู่ในอ้อมแขน  มือเล็กยังกำเสื้อเขาไว้แน่น ชายหนุ่มจูบทั่วหน้าเนียนโดยเฉพาะแผลเป็นข้างแก้ม  ในอกเขาอัดแน่นและเจ็บปวด  ลำคอตีบตัน  หัวตาร้อนผะผ่าวแต่ไม่มีน้ำ ฝันร้ายที่ตามหลอกหลอนกายคงเกิดจากอุบัติ-เหตุครั้งนั้น  “พี่ขอโทษ…พี่ทำให้น้องเจ็บถึงเพียงนี้…พี่ขอโทษ…กาย…กายของพี่”
.........


ขอบคุณที่ติดตามอ่านคะ :pig4:

namtaan

  • บุคคลทั่วไป
น่าสงสารทั้งกายและเท็ด
เมื่อไรจะเข้าใจอีกฝ่ายนะเนี่ย
จีนส์ก็ยังไม่เลิกรา งานนี้คงต้องพึ่งแจ็ค
บวก 1 แต้มนะคะ ขอบคุณค่ะ

hene2526

  • บุคคลทั่วไป
พระเจ้าคงอยากพิสูจนจิตใจของคนทั้งสอง ว่ามีความมั่นคงต่อกันแค่ไหน...เป็นกำลังใจให้นะครับ

ออฟไลน์ bigbeeboom

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 381
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
แม่เจ้า เข้มข้นไปทุกทีๆแล้ว สนุกมากมาย ลุ้นตลอดเวลา

เวลาเท็ด ไม่อยุ่ก็เสียวจีนส์แทนกายเหมือนกันนะ นั่น  :serius2:

สู้ๆๆทั้งคนเขียน คนโพส แล้วก็กายกับเท็ด ด้วยนะจ๊ะ

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
 :monkeysad: ทั้งสับสนกับตัวเอง สับสนกับคนรอบข้าง งานนี้จะงัดเอาลูกยั่วแบบในอดีตมาใช้ก็คงไม่ได้  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
สงสารกายอะ ตอนที่เจ็บแถมอยู่ตัวคนเดียวแบบนั้น คงเป็นอะไรที่แย่จนไม่รู้จะเปรียบกับอะไร  :m15:

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
อยากอ่านตอนต่อไปแล้วอะ วันนี้มาหรือเปล่าค่ะ  :z3:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
ดูจากสถิติแล้ว น่าจะมาพรุ่งนี้  :monkeysad: แต่อยากอ่านเหมือนกัน  :z3:

ออฟไลน์ tianqin

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +270/-1
มาแล้วคะ ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนท์เลยนะคะ
..................

         ซันสูดอากาศยามเช้าอย่างสดชื่น  สายลมเย็นเฉียบบอกถึงฤดูหนาวที่กำลังจะมาเยือนในไม่ช้า  ไหล่บางห่อนิดๆด้วยความหนาว  พระอาทิตย์ดวงโตกำลังพ้นขอบฟ้า  แสงสีทองแต่งแต้มจนขอบฟ้างดงามอย่างน่าพิศวง  
         “ไม่หนาวเหรอ?”   อ้อมแขนอุ่นโอบรัดจากเบื้องหลัง ซันอมยิ้มเอนซบลงบนอกกว้างอย่างเป็นสุข  นี่คือกิจวัตรประจำวันที่เพิ่มขึ้นอีกอย่าง ระหว่างเขากับเท็ด  ชายหนุ่มย้ายมานอนข้างเตียงเขาทุกคืน แล้วออกมาดูพระอาทิตย์ขึ้นด้วยกันทุกเช้า  และเขาก็ยินยอมอยู่ในอ้อมอกอุ่นนี้อย่างเต็มใจ  การที่มีจีนส์เข้ามาทำให้เขาตระหนักว่าหากไม่ยึดไว้ให้มั่น เท็ดอาจหลุดมือไปซึ่งเขาจะไม่มีวันยอม  เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าความฝันที่น่ากลัวกลับทำให้เขาโชคดี นับแต่คืนนั้นชายหนุ่มก็ย้ายเข้ามานอนอยู่ข้างเตียงเขาทุกคืน ทั้งๆที่ช่วงเวลานั้นผ่านไปแล้ว แต่ดูเหมือนเท็ดจะเจ็บปวดมากกว่าเขา   ซันลอบยิ้มเมื่อนึกถึงบางคืนที่เขาไม่ได้ฝัน แต่ก็ยังกรีดร้องเพื่อให้ชายหนุ่มกอดปลอบเขาทั้งคืน
         “วันนี้มีประชุมไม่ใช่หรือครับ?”
         “อืม…”
         “พี่เท็ดครับ…วันนี้พี่มีประชุมไม่ใช่เหรอ?”  ซันถามย้ำเมื่อเห็นแขนที่โอบรัดยังแน่นกระชับไม่มีทีท่าว่าชายหนุ่มจะขยับเขยื้อน  น้ำเสียงตอบรับเกียจคร้านราวกับเพิ่งตื่นนอน
         “ก็…นะ  มีประชุมกับบริษัทลูกค้าอีกสองราย”
         “แล้ว…ไม่รีบไปอาบน้ำอีกหรือครับ?”
         “กาย…อยู่คนเดียวได้นะ”
         “โธ่!อยู่คนเดียวที่ไหนครับ….คนก็อยู่กันเต็มรีสอร์ท”
         “พี่ไม่อยากไปเลย…แต่วันนี้เป็นเรื่องสำคัญ”
         “พี่เท็ดอย่าห่วงเลยครับ…ไปอาบน้ำเถอะเดี๋ยวสายนะครับ”
         “พี่ไปเตรียมตัวก่อนแล้วกัน  กายสั่งให้เขาตั้งโต๊ะเลยก็ได้”
         “ครับ”  ปากอุ่นจุมพิตที่ศรีษะเขาเบาๆก่อนจะผละออกไป  ซันกดโทรศัพท์ไปสั่งอาหารแล้วจึงเดินเลาะเรื่อยออกมาที่ระเบียงด้านหน้า  ดอกไม้ในสวนกำลังบานสะพรั่งส่งกลิ่นหอมอวล  แต่บรรยายกาศสดใสกลับจางหายไปเมื่อร่างบอบบางเดินลิ่วมาตามทางเดินระหว่างบ้านพัก  ซันสูดลมหายใจลึกเพื่อปรับสมองและอารมณ์ให้พร้อมเผชิญหน้ากับจีนส์
         “ตื่นเช้าจังครับคุณกาย”
         “ก็เหมือนทุกๆวันแหละครับ  คุณจีนส์ละครับจะไปไหน?”
         “อ๋อ!ก็มาหาพี่เท็ดนั่นแหละครับ  จะมากินอาหารเช้าด้วยเหมือนเคย…เอ่อคุณกายคงไม่ว่าอะไรนะครับเพราะตอนที่คุณกายยังไม่มาผมกับพี่เท็ดเคยทานด้วยกันที่ฟาร์มบ่อยๆ  แทบจะกลายเป็นครอบครัวเดียวกันอยู่แล้วละครับ”
         “เหรอครับ…แปลกนะครับเท็ดไม่เคยเล่าเรื่องคุณให้ฟังเลย เล่าแต่เรื่องพ่อแม่  แล้วก็เรื่องสมัยเด็กๆ” จีนส์เม้มปากตาลุกวาบด้วยความโกรธกลับเปลี่ยนเป็นประกายอย่างเจ้าเลห์
         “คุณหมอคงห้ามไว้ เพราะไม่อยากให้คุณกายไม่สบายใจมั้งครับ  เห็นพี่เท็ดบอกว่านอกจากความจำเสื่อมแล้วยังขาพิกะ….เอ่อ…ยังเดินไม่ค่อยถนัดด้วยหรือครับ?”  
         ซันยิ้มเย็นแต่หัวใจร้อนวาบราวกับถูกนาบด้วยเหล็กร้อน  นี่เท็ดเล่าเรื่องของเขาให้เด็กนี่ฟังถึงขนาดนี้เชียวหรือ? เสียงจากประตูด้านหลังแม้จะเบาแสนเบา แต่ก็ทำให้วาจาเผ็ดร้อนถูกกลืนกลับไป ปากอิ่มคลี่เป็นรอยยิ้มหมอง ดวงตาหลุบมองพื้นบดบังประกายกล้าไว้
         “ก็เป็นบ้างครับ เวลาเดินมากๆจะปวดขึ้นมา….ก็อย่างนี้แหละครับ สมองก็เสื่อมขาก็พิการ  ความจริงก็น่าจะตายไปแล้วด้วยซ้ำ แต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงรอดมาได้ น่าขัน!”  หางเสียงเศร้าสร้อยนั้นทำให้คนที่ยืนอยู่หลังประตูทนไม่ไหว ซันกับจีนส์สะดุ้งพร้อมกันเมื่อชายหนุ่มก้าวพรวดออกมา  คว้าร่างผอมมากอดแน่นดึงศรีษะทุยให้ซุกอยู่กับอก
         “กลับไป..”   น้ำเสียงของเท็ดเรียบเรื่อย  แต่สายตาที่มองจีนส์เย็นเยือกอย่างน่ากลัว
         “อะ…อะไรครับ?”  จีนส์ถามอย่างงุนงง  แต่เมื่อสบตากันก็ถอยกรูด
         “กลับไปบ้านพักเธอซะ  แล้วอย่ามาที่นี่อีก! รู้นะจีนส์ว่าทำไม”
         “พี่เท็ด!” จีนส์อุทานอย่างตกใจ  สายตาของเท็ดเป็นประกายกร้าวและเกรี้ยวกราด  เด็กหนุ่มวิ่งหนีออกมาด้วยความตกใจและเสียใจ  ไม่เข้าใจว่าทำไมเท็ดจึงผลักไสเขาเหลือเกินทั้งๆที่เขาดูดีและเหนือกว่ากายทุกอย่าง  เด็กหนุ่มวิ่งลงมาจนชนกับแจ็คเต็มแรง ดีที่ชายหนุ่มคว้าไว้ทันไม่อย่างนั้นจีนส์คงเจ็บตัว
         “นี่จะซ้อมวิ่งไปโอลิมปิคหรือไง?”จีนส์สะบัดแขนวิ่งหนีไปโดยไม่ตอบโต้  แจ็ค
มองตามอย่างงงๆ  ก่อนจะได้คำตอบเมื่อเห็นร่างที่ยืนกอดกันอยู่ที่ระเบียงบ้านพักบนเนิน  แม้จะไม่ได้ยินเสียงแต่ท่าทางของเท็ดก็บอกอะไรเขาได้มากพอควร  แจ็ค อมยิ้มถอยออกมาก่อนที่ทั้งสองจะเห็นเขา  ชายหนุ่มยอมเสียมารยาทลอบมองคนทั้งคู่อยู่นานจนกระทั่งทั้งสองหายเข้าไปในบ้านจึงกลับไปที่รถ  ยังไม่ทันจะสตาร์ทรถเสียงวิทยุมือถือก็ดังขึ้น  
         “ว่าไง?”
         “คุณเท็ดสั่งยกเลิกอาหารเช้ากับยกเลิกเข้าแผ่นดินใหญ่ครับ”
         “แจ้งนักบินหรือยัง?”
         “ยังครับ”
         “แจ้งนักบินก่อนส่วนฝ่ายอาหารเดี๋ยวฉันจัดการเอง”
         “ครับผม”
         “คุณเท็ดเบี้ยวประชุมละสิท่า  งานนี้ต้องบอกคุณริช”   แจ็ครำพึงอย่างขันๆก่อนจะรีบกลับไปโทรไปบอกกองเชียร์สำคัญของเท็ด เสียงริชบ่นอุบอิบที่ต้องไปประชุมแทนเพราะเท็ดเพิ่งโทรมาขอร้อง  งานนี้คนที่ขาดทุนที่สุดสงสัยจะเป็นจีนส์เพราะนอกจากจะแทรกเข้าไปไม่สำเร็จคงจะถูกเท็ดดุเอาอีกด้วย  
               
         “คุณเท็ดครับ!”พนักงานที่ดูแลบ้านพักของจีนส์วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาขณะที่เท็ดและซันกำลังรับประทานอาหารเช้า
         “มีอะไร?”
         “คุณจีนส์ไม่สบายครับ ท่าทางจะเป็นมาก ผมจะพาไปหาหมอก็ไม่ยอม ใช้ให้ผมมาตามคุณ”
         “งั้นช่วยไปรับหมอให้ทีนะ  เดี๋ยวพี่จะไปดูจีนส์หน่อย กายอยู่คนเดียวได้นะ?”
         “ขอผมไปด้วยสิครับ”  
         “อย่าไปเลย  จีนส์เขาเพิ่งมาจากทางเอเชียป่วยเป็นอะไรเราก็ยังไม่รู้  กายเองก็ยังไม่ค่อยแข็งแรง  ถ้าเกิดติดไข้ขึ้นมามันจะยุ่ง”
         “งั้นฝากบอกจีนส์ด้วยนะครับว่าขอให้หายเร็วๆ”
         “พี่จะบอกให้”  
เมื่อเขามาเดินถึงบ้านจีนส์รถที่ไปรับหมอก็มาถึงเช่นกัน  นายแพทย์หนุ่มลงจากรถอย่างเร่งรีบ  เท็ดเดินนำขึ้นไปบนบ้านพักของจีนส์    
         “พี่เท็ด…พี่เท็ด…ช่วยผมด้วย…หนาว…ปวดหัว…พี่เท็ด”
         “เชิญครับหมอ  ทางนี้เลยครับ”
         “เป็นไงบ้างครับเดี๋ยวขอหมอวัดไข้สักนิดนะครับ”จีนส์ลืมตาขึ้นมอง  หน้านวลแดงกล่ำด้วยพิษไข้
         “ไม่เอา…พี่เท็ด…มาหาผมหน่อย…พี่เท็ด”  แพทย์หนุ่มเหลือบมองเท็ดอย่างแปลกใจ  แม้จะพอรู้มาบ้างว่าชายหนุ่มพาน้องมารักษาตัวที่นี่แต่เพิ่งรู้ว่ามีมาอีกคน  เท็ดถอนใจอย่างอึดอัด  เขาสงสารจีนส์แต่ก็ไม่อยากทำอะไรให้เด็กหนุ่มมีความหวังขึ้นมาอีก  
         “จีนส์อย่างอแงเป็นเด็กไปหน่อยเลย”
         “ไม่เอาผมอยากอยู่กับพี่”
         “ให้หมอตรวจก่อน”
         “วัดไข้หน่อยนะครับ  เจ็บคอไหมครับ  ไอด้วยหรือเปล่า?…อ้าปากหน่อยครับ เอาละครับนอนพักเยอะๆอีกไม่กี่วันก็หาย”
         “เป็นไงครับหมอ?”
         “ก็แค่ไข้หวัดน่ะครับ  เห็นว่าเพิ่งกลับมาจากทางเอเชีย?”
         “ครับ  ไปสิงค์โปร์มา”
         “ร่างกายคงยังปรับตัวไม่ทัน  เพราะที่นี่เริ่มย่างเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว  อากาศก็ค่อนข้างเย็น  เดี๋ยวผมจะฉีดยาให้  แล้วก็จะจัดยาไว้ให้ทานด้วย  เอ…แล้วใครจะมาดูแลคุณจีนส์ละครับ?”
         “ผมเองครับ”  เท็ดเหลียวกลับไปทางต้นเสียง  
         “อ้าว! แจ็คมาได้ไง?”
         “ผมเจอคุณกาย  เห็นว่าคุณจีนส์ไม่สบายผมเลยจะมาดูแลให้ครับ”
         “ไม่เอา!…แค็กๆ…ไปให้พ้น!…เท็ดครับ…ผมไม่ให้คนอื่นมายุ่งกับผมนะ”  ร่างบางยืนพิงกรอบประตูโอนเอนไปมาเหมือนจะล้ม  ดวงตาคลอด้วยน้ำตาเป็นประกายกร้าวอย่างโกรธแค้น  ทำไมจะไม่รู้ว่าแจ็คต้องการกันเขาให้ออกห่างเท็ด
         “จีนส์!ลุกออกมาทำไม?  กลับไปนอนเดี๋ยวนี้เลย”
         “ผมไม่ให้คนอื่นมาดูแลผม…ถ้าพี่เท็ดไม่เต็มใจจะอยู่กับผม  ผมก็จะอยู่คนเดียว  แต่…แค็กๆ…ผมไม่ให้คนอื่นมายุ่งกับผมแน่”  แจ็คทำหน้าเฉยแต่นัยต์ตามีแววไม่พอใจ  
         “แต่…เอ่อ…พี่…”ยิ่งเท็ดทำหน้าอึดอัดจีนส์ก็ยิ่งน้อยใจมากขึ้น
         “ผมอยู่คนเดียวก็ได้……พี่เท็ดไม่ต้องมาสนใจผมหรอก”  จีนส์เสียงสั่น น้ำตาไหลพรู เท็ดถอนใจเฮือกใหญ่  
         “…เอาเถอะพี่จะอยู่ดูแลจีนส์เอง”
         “คุณเท็ด!”  
         “พี่เท็ด! ขอบคุณครับ  ขอบคุณ ผมมีแต่พี่คนเดียว  แม่ก็อยู่ไกลเหลือเกิน”
         “คุณเท็ดแล้วคุณกายละครับ จะทิ้งไว้ที่บ้านคนเดียวได้ยังไง?”แจ็คถามอย่างร้อนรน  ยิ่งเห็นสายตาเย้ยหยันของจีนส์ก็ยิ่งเจ็บใจ
         “ฉัน…เอ่อ!…คงไปๆมาๆแหละนะ”
         “เอ่อ! ขอหมอออกความเห็นหน่อยนะครับ ถ้าคุณไปๆมาๆอาจจะเอาหวัดไปติดคุณกายได้นะครับ  คุณเท็ดร่างกายแข็งแรงถึงรับเชื้อก็อาจจะไม่เป็นอะไร  แต่คุณกายยังอ่อนแออยู่มาก หมอว่ายังไงหาคนไปอยู่เป็นเพื่อนคุณกายดีกว่านะครับ”
         “งั้นนายแหละแจ็คไปอยู่กับกาย”  จีนส์ได้ทีรีบรุกฆาต  แต่พอสบกับตาคมที่มองอย่างรู้ทันก็หน้าแหยแสร้งทำเป็นไอแก้เก้อ
         “พี่ว่าจีนส์ไปนอนจะดีกว่านะ เร็ว!เสียเวลาคุณหมอ…ฝากจีนส์ไว้ก่อนจะครับคุณหมอ”
         “นั่นพี่เท็ดจะไปไหน…ไม่เอานะอย่าไป”
         “พี่จะไปเอาเสื้อผ้า แล้วเลิกโวยวายได้แล้ว  เธอไม่ใช่เด็กแล้วนะจีนส์”
         “แต่ผมไม่อยากฉีดยาอ่ะ”
         “ต้องฉีด  ฝากเดี๋ยวนะครับหมอ”
         “ได้ครับ ไม่ต้องเป็นห่วง”  ชายหนุ่มรีบลงมาเพื่อกลับไปยังบ้านพัก  ทันได้เห็นท้ายรถไฟฟ้าของแจ็ควิ่งขึ้นไปที่บ้านพักโดยไม่รอเขา
         
         “ถ้างั้นผมก็ไปได้สินะครับ”
         “ครับคุณเท็ดคงไม่ว่าอะไร”
เสียงใสทำให้ชายหนุ่มก้าวขึ้นบันไดเร็วขึ้น  ทันได้เห็นกายปล่อยมือจากแขนของ แจ็ค  ทั้งคู่กลับมามองเขาพร้อมกัน
         “คุยอะไรกันอยู่” ชายหนุ่มขมวดคิ้ว เมื่อเห็นสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสผิดปกติของแจ็คเพราะเมื่อครู่เขาแน่ใจว่าแจ็คโกรธที่เขาจะไปดูแลจีนส์แต่ตอนนี้กลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
         “พี่เท็ด…คุณแจ็คบอกว่าคุณจีนส์ป่วยมาก”
         “ใช่…พี่ต้องไปดูแลถึงยังไงก็เป็นลูกป้าแมรี่”ชายหนุ่มรีบอธิบายเหตุผลเพราะไม่อยากให้กายเข้าใจเขาผิดๆ  
         “ครับ….ผมเข้าใจ”
         “แล้วเมื่อครู่นี้คุยเรื่องอะไรกัน?” ชายหนุ่มทรุดลงนั่งข้างๆกาย แขนพาดไปโอบไหล่แสดงความเป็นเจ้าของ  แจ็คอมยิ้มมองออกไปข้างนอกไม่ยอมสบตาด้วย
         “อ๋อ! คุณแจ็คชวนไปเที่ยวเกาะคู่แฝดคืนนี้ครับ”
         “ทำไมต้องไปตอนกลางคืน?”
         “ที่เกาะคู่แฝดเขาจะมีงานแต่งงานครับ  เจ้าสาวเป็นลูกหัวหน้าเกาะ  ทางเราก็สั่งซื้อของจากทางเกาะนี้ก็ค่อนข้างสนิทสนมกับหัวหน้าพอสมควร  คุณริชให้ผมเอาของขวัญไปให้  เขาจัดแบบชาวเกาะแท้ๆซึ่งหาชมยากมาก  แล้วก็จัดใหญ่ด้วยครับผมเลยว่าจะพาคุณกายไปดู” แจ็คยิ้มหน้าซื่อแต่ตาเป็นประกายแปลกๆ
         “แต่…”
         “นะครับ…ขอผมไปนะครับผมอยากเห็น เคยเห็นคนที่บ้านซูหลินเขาแต่งเหมือนกันแต่เขาจัดแบบประเพณีจีน  แต่แบบชาวเกาะผมยังไม่เคยเห็นเลย  เท็ดให้ผมไปนะครับ”
         “ก็…ก็ได้…แล้วจะไปกันยังไง?”
         “ตอนแรกว่าจะเอาเรือเร็วไป  แต่ถ้าคุณกายไปด้วยคงเอาเฮลิคอปเตอร์ไป”
         “มีเฮลิคอปเตอร์ด้วยเหรอ?”
         “มี 3 ลำครับ  เพิ่งสั่งมาเมื่อ 4-5 เดือนก่อน”
         “เท็ดให้ผมไปนะครับ”เท็ดก้มมองตาโตที่จ้องเขาอย่างมีความหวังด้วยความเอ็นดู
         “ตามใจกายแล้วกัน  ดีเหมือนกันอยู่ที่นี่คนเดียวคงเหงา”
         “ขอบคุณครับ”
         “ฝากด้วยนะแจ็ค”  
         “ครับ…ผมจะดูแลอย่างดีเลย” ชายหนุ่มลุกขึ้นเพื่อไปเตรียมเสื้อผ้าไปค้างเฝ้าจีนส์ แต่ก็ยังเหลือบเห็นท่าทางขยิบตาเหมือนเป็นสัญญาณบางอย่างของกายกับแจ็ค    จะว่าไปกายกับแจ็คก็วัยไล่เรี่ยกันจึงดูสนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว
         “อย่าล้ำเส้นแล้วกันแจ็ค ถึงเป็นนายฉันก็ไม่ไว้หน้าหรอกนะ” ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเองเบาๆ

...........

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ tianqin

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +270/-1
......
         “เท็ด…เท็ด…พี่เท็ดครับ”
         “หืม…ว่าไงจะเอาอะไรเหรอจีนส์?” 
         “ผมเรียกตั้งนาน…ใจลอยไปถึงไหนครับ หรือว่าห่วงคนไปเที่ยว?” จีนส์ทำเสียงขึ้นจมูกอย่างหงุดหงิด
         “จีนส์จะเอาอะไร?”
         “ผมอิ่มแล้ว”
         “งั้นก็ทานยาหลังอาหารซะ…นอนพักให้มากๆจะได้หายเร็วๆ”  ชายหนุ่มส่งยาให้  จีนส์รับยาและยึดปลายนิ้วเขาไว้  พร้อมกับช้อนตาขึ้นมองเขาอย่างมีความหมาย
         “ผมชักไม่อยากหายเสียแล้ว”
         “ทำไมล่ะ?”  ชายหนุ่มถามทั้งๆที่พอจะรู้คำตอบ
         “ก็ผมจะได้มีเท็ดอยู่ข้างๆแบบนี้ไงครับ…ผมอบอุ่นมากเวลาที่เท็ดอยู่กับผม”  จีนส์โอบรอบเอวแข็งแน่นไม่ยอมปล่อยแม้ว่าชายหนุ่มจะพยายามแกะออก 
         “จีนส์อย่าทำอย่างนี้…ปล่อยพี่ซะ…จีนส์พี่บอกให้ปล่อย!”
         “ไม่เอา!…ทำไมพี่ต้องรังเกียจผมนัก…ทีกับกายพี่ทั้งกอดทั้งจูบ  แต่กับผมพี่ทำเหมือนผมเป็นขยะ  พี่ใจร้ายกับผมที่สุด!”  มือข้างหนึ่งเลื้อยขึ้นโอบรัดรอบคอแต่เท็ดปลดออกอย่างรวดเร็ว
         “อย่าทำอย่างนี้เลยจีนส์….ปล่อยสิพี่ไม่อยากใช้กำลังกับเธอ”
ชายหนุ่มแกะมือที่ยึดเอวเขาออกจนได้  จีนส์น้ำตาคลอเม้มปากแน่น  ทำท่าจะร้องไห้  เท็ดถอนใจยาวลุกออกไปนอกห้อง
         “พี่จะไปไหน?”
         “พี่จะอยู่ข้างนอก  อยากได้อะไรก็เรียกแล้วกัน”  ชายหนุ่มตอบโดยไม่หันกลับมามองหน้า  จีนส์น้ำตาร่วงพรูกรีดเสียงด้วยความคับแค้นใจ
         “ทำไม…ทำไมถึงใจร้ายกับผมนัก…พี่รังเกียจผมที่ผมเคยถูก…ใช่ไหม?”  ชายหนุ่มถอนใจเฮือกหันกลับมาเผชิญหน้า  ไม่มีความรังเกียจ  ชิงชังหรือรำคาญอย่างที่เด็กหนุ่มคาดกลับเห็นเพียงสายตาที่มองมานิ่งๆ
         “พี่บอกแล้วไงว่าพี่ไม่เคยรังเกียจจีนส์ แต่พี่คิดเสมอว่าจีนส์เป็นน้อง”
         “แล้วทำไมกับกายพี่ถึงไม่คิดบ้างล่ะว่าเขาเป็นน้อง  เขาโตมากับพี่แท้ๆ”
         “พี่ก็ไม่รู้…รู้แต่ว่าพี่รักกาย รักมาก”  หางเสียงที่ทอดอ่อนราวกับลำลึกถึงคนที่
เอ่ยถึงทำให้จีนส์แทบกรีดร้องด้วยความคับแค้น  ในท้องปั่นป่วนด้วยความริษยาและชิงชัง
         “แล้วถ้ากายเคยโดนแบบผมล่ะ…ไปติดอยู่ที่เกาะตั้งนานอาจจะเคย…”
         “พี่ไม่สนว่ากายจะเคยเป็นยังไง…แต่พี่อยากให้จีนส์รู้ไว้ว่าถ้าใครแตะกายพี่ทำให้มันเสียใจไปตลอดชีวิต”  ชายหนุ่มพูดสวนขึ้นก่อนที่จีนส์จะพูดจบ  ตาคมเป็นประกายกร้าว แต่น้ำเสียงเย็นชา
         “ทำไมพี่จะฆ่าเขาหรือไง?”
         “บางครั้งความตายก็ไม่ใช่เรื่องน่ากลัวที่สุดหรอกจีนส์  ยังมีอีกหลายอย่างที่ทำให้คนเราอยากตายให้พ้นมากกว่าต้องเจอกับสภาพนั้น”ชายหนุ่มยิ้มเย็นแต่จีนส์หนาววาบตลอดสันหลัง 
         “พี่ขู่ผม…พี่คิดว่าผมจะทำร้ายกายเหรอ?”
         “พี่รู้ว่าเธอจะไม่มีวันทำร้ายกาย…เพราะพี่จะไม่ยอมให้มันเกิด  จำไว้นะจีนส์พี่จะไม่อดทนอีกถ้าเธอทำให้กายเดือดร้อน”
         “พี่เท็ด!”  เด็กหนุ่มหน้าซีด ผงะถอยจนชนหัวเตียง  ชายหนุ่มหมุนตัวออกจากห้องเป็นจังหวะเดียวกับที่หัวหน้าบอร์ดี้การ์ดร่างใหญ่วิ่งขึ้นมาหน้าเครียด
         “คุณเท็ดครับ!…คุณเท็ด!”
         “มีอะไรเจฟ?” 
         “คนขับเครื่องบินวิทยุมา  บอกว่าคุณกายกับแจ็คมีเรื่องที่เกาะคู่แฝดครับ”
         “แล้วกายเป็นอะไรหรือเปล่า?”  ชายหนุ่มแทบเขย่าร่างหนาตรงหน้า 
         “ยังไม่ทราบครับเพราะขาดการติดต่อไป  เรากำลังจะไปที่เกาะ”
         “ผมไปด้วยเร็วเข้า”  เท็ดวิ่งนำลงบันได เจฟฟรี่วิ่งตามมาติดๆ 
         “แต่เราต้องไปเรือเร็วนะครับ…คนขับเครื่องบินอีกคนลาหยุด”
         “ไม่เป็นไรผมขับเอง”ร่างบอบบางถลาออกมาเกาะที่ระเบียงร้องเรียกจนเสียงแห้ง“พี่เท็ดครับ…พี่จะทิ้งผมไว้คนเดียวเหรอ?…พี่เท็ด!”
         “นายไปตามพยาบาลมาดูแลคุณจีนส์ด้วย ไปเจฟ”ชายหนุ่มหันไปสั่งพนัก- งานที่ดูแลบ้านพักของจีนส์ก่อนจะวิ่งออกไปขึ้นรถกับเจฟฟรี่เพื่อไปยังลานจอดเครื่องบิน
         “พี่เท็ด!…พี่เท็ด!…อย่าทิ้งผมสิ…พี่เท็ด!” เด็กหนุ่มกรีดร้องไล่หลังไปอย่างคับแค้น  จีนส์กำมือแน่นในใจภาวนาให้เท็ดไปช่วยกายไม่ทัน 
         “ขออวยพรให้แกไปนรก!”
         
         ทันทีที่จอดเครื่องบินเสร็จ  เท็ดก็วิ่งเข้าไปยังลานกว้างที่ใช้จัดงาน  ชาวบ้านยังจับกลุ่มพูดคุยกันเซ็งแซ่ บรรยากาศเคร่งเครียดจนสัมผัสได้ ซันกับแจ็ค นั่งอยู่ในเพิงที่ตกแต่งด้วยดอกไม้  มีคนรายล้อมอยู่รอบๆ
         “เกิดอะไรขึ้น?”
         “พี่เท็ด!!คุณเท็ด!”
         “ฉันถามว่าเกิดอะไรขึ้น…กาย…นี่เลือดนี่…น้องบาดเจ็บที่ไหน?”ชายหนุ่มแตะไปทั่วร่างบางเมื่อเห็นรอยเลือดเป็นหย่อมตามอกและไหล่  มีรอยแตกที่มุมปากและรอยแดงช้ำบริเวณโหนกแก้มข้างขวา
         “เปล่าครับ…ไม่ใช่เลือดผม…นี่เลือดแจ็ค”
         “แจ็คนายบาดเจ็บเหรอ?”ชายหนุ่มหันกลับมาหา  แจ็คนั่งหน้าเซียวบนศรีษะมีผ้าพันไว้มีรอยเลือดซึมออกมาเล็กน้อย  ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ 
         “นิดหน่อยเท่านั้นครับ”
         “ใครทำ!!!”  ชายหนุ่มถามเสียงเย็นทั้งที่ในอกร้อนด้วยความโกรธ
         “ลูกชายฉันเอง…”  เสียง  ‘ดัง’ ‘ห้วน’  เอ่ยขึ้นเบื้องหลัง เท็ดหมุนตัวไปเผชิญหน้า  บุรุษวัยประมาณ50ปีร่างผอมสูงผิวคล้ำ  ยืนเด่นล้ำออกมานอกกลุ่ม  แจ็ครีบลุกขึ้นแนะนำ
         “คุณเท็ดครับนี่ท่านหัวหน้า…ท่านหัวหน้าครับคุณเท็ดเป็นพี่ชายคุณกาย  เป็นเจ้าของคนหนึ่งที่รีสอร์ทแฮมิลตัน”  เสียงคนรอบกายพึมพำขึ้นพร้อมกัน  ทุกคนมีท่าทางไม่สบายใจ
         “ต้องขอโทษด้วย…ขอโทษจริงๆที่เกิดเรื่องขึ้น….ฉันสัญญาไม่เกินเที่ยงพรุ่งนี้เราจะลากตัวมันมาให้ได้  พวกมันต้องได้รับโทษตามกฎของเราแน่นอน”  น้ำเสียงนั้นแม้จะห้วนหากแต่หนักแน่น  ความจริงใจฉายชัดออกมาทั้งสีหน้าและแววตา
         “ผมดีใจที่ได้ยินคำนี้…เพราะไม่อย่างนั้นผมคงต้องจัดการด้วยตัวเอง”
         “หรือเธอจะเป็นคนลงโทษมันก็ได้  ฉันจะให้คนส่งมันไปให้เธอ”
         “ไม่จำเป็นครับ…ผมเชื่อในความยุติธรรมของคุณ”
         “เธอพูดราวกับรู้จักฉันมาก่อน”
         “ผมอาจจะไม่เคยพบคุณอย่างเป็นทางการ  แต่ผมเคยทราบกิตติศัพท์ของคุณจากริช แฮมิลตันมาแล้ว”
         “งั้นฉันคงไม่ต้องพูดอะไรอีก  หวังว่าความสัมพันธ์ของเราทั้งสองเกาะจะยังเหมือนเดิม”
         “แน่นอนครับ…แต่ตอนนี้ผมขอพาน้องกับคนของผมกลับ”
         “เชิญ…ทางเราต้องขอโทษเธอสองคนอีกครั้ง”
         “แค่เรื่องเข้าใจผิดกันอย่าให้กลายเป็นเรื่องใหญ่เลยครับ” ซันพูดขึ้นด้วยเสียงอ่อยๆรู้สึกผิด  เหมือนเรื่องที่เกิดขึ้นจะมีสาเหตุมาจากเขา
         “ไม่ได้หรอก กฎต้องเป็นกฎ  ไม่อย่างนั้นเราก็ปกครองกันไม่ได้  พรุ่งนี้ฉันจะลงโทษพวกมันอย่างหนัก”
         “ถ้าอย่างนั้นพวกผมขอตัว”
         “แล้วเจอกัน”
         “กายมากับพี่ แจ็คด้วย  เจฟคุณกลับกับนักบิน”
         “ครับ”  แจ็คกับซันแอบสบตากัน  แล้วตามมาขึ้นเฮลิคอปเตอร์ลำที่เท็ดขับ  ตลอดทางไม่มีใครพูดอะไรเลยบรรยากาศเครียดจนน่าอึดอัด 
         
         “เจ็บมากไหม?”  ชายหนุ่มแตะยาลงบนรอยช้ำแผ่วเบา 
         “ไม่เท่าไหร่หรอกครับ…เอ่อ…”
         “เสร็จแล้ว…อย่าลืมกินยาด้วยล่ะ….แจ็คอย่าเพิ่งกลับ” ชายหนุ่มสั่งโดยไม่หันไปมอง 
         “ครับ”  แจ็ครับคำเสียงหนักแน่น
         “พี่เท็ดครับอย่าลงโทษแจ็คเลยนะครับ…แจ็คเขาเจ็บมากกว่าทุกคนเพราะเขาคอยมาดูแลผม  เขาพยายามปกป้องผมแล้วนะครับแต่พวกมันมีหลายคนผมก็เลยโดนลูกหลงนิดหน่อย…อย่าโกรธแจ็คเลยนะครับ”  ซันหน้าเสีย เหลือบมองแต่แจ็คไม่ยอมเงยขึ้นสบตา  เท็ดหน้าเครียดแต่น้ำเสียงยังอ่อนโยน
         “พี่จะคุยกับแจ็คเอง…กายไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าดีกว่า”
         “แต่…ครับ”  เด็กหนุ่มถอนใจเบาๆแล้วลุกกลับเข้าห้องนอน  เท็ดพยักหน้าให้แจ็คตามลงมาข้างล่าง
         “เล่ามาแจ็คมันเกิดอะไรขึ้น”
         “เราเอาของขวัญไปให้ท่านหัวหน้ากับเจ้าสาว  พวกนั้นจับกลุ่มดื่มเหล้ากันอยู่ในงานพอเราลงมาร่วมงานพวกมันก็เข้ามา พยายามจะดึงคุณกายไปเต้นกับมัน ตอนแรกผมคิดว่ามันเข้าใจผิดว่าคุณกายเป็นผู้หญิง แต่จริงๆแล้วมันรู้ว่าคุณกายเป็นผู้ชาย  มันพยายามจะลากคุณกายออกไป  พอผมขวางเลยเกิดตะลุมบอนกัน    แต่ท่านหัวหน้าให้คนเข้ามาช่วย  พวกมันกลัวความผิดเลยหนีเข้าป่า ท่านหัวหน้าก็ให้คนออกตามครับ  แต่คนขับฮ.คงตกใจเลยวิทยุมาแจ้งทางนี้”
         “แต่กายบาดเจ็บ”  ชายหนุ่มกอดอกทอดสายตาออกไปยังสวนดอกไม้  แจ็คหน้าเผือดลงเพราะรู้สึกผิด
         “ครับ…ผมดูแลไม่ดี  ผมขอรับผิดชอบทุกอย่าง”
         “ดี…งั้นไปดูแลจีนส์จนกว่าจะหาย” 
         “แต่…”
         “ทำไม…ไหนว่ายอมรับผิดทุกอย่างไง?” แจ็คมองแผ่นหลังกว้างอย่างอึดอัด 
         “ครับ”
         “งั้นไปคืนนี้เลยนะ”
         “แล้วถ้าคุณจีนส์ไม่ยอม”
         “บอกเขาว่าถ้าเขาไม่ยอมฉันจะส่งเขาไปนอนที่โรงพยาบาล”
         “ครับ”  ร่างสูงโปร่งเดินตัดไปยังทางเชื่อมกับบ้านพักของจีนส์ เท็ดมองตาม อมยิ้มนิดๆอย่างนึกขันที่หาวิธีลงโทษได้ชนิดที่แจ็คจะเข็ดไปอีกนาน
               
         เจ้าหน้าที่ที่เฝ้าอยู่หน้าจอมอนิเตอร์บิดตัวอย่างเมื่อยขบ  ลุกขึ้นไปชงกาแฟแก้ง่วง ขณะที่ยกกาแฟขึ้นจิบ สายตาก็กวาดไปตามหน้าจอที่เรียงรายกันก่อนจะสะดุดกึกอยู่ที่จอริมสุด  ภาพที่ปรากฏคือท้ายเรือ  ซึ่งถูกดันไปซ่อนไว้ที่ซอกหิน  แต่ขนาดของเรือทำให้ส่วนท้ายโผล่ออกมา  จึงรีบคว้าวิทยุขึ้นมาแจ้งให้เจฟฟรี่ทราบ
         บอร์ดดี้การ์ดที่เดินกันขวักไขว่ทำให้ชายฉกรรจ์5คนที่แอบซุ่มอยู่ไม่ห่างจากโรงจอดเครื่องบินเหลียวมองหน้ากันอย่างตื่นตระหนก  พวกมันเป็นเพียงนักเลงหัวไม้ธรรมดา ที่ตามลูกพี่มาเพราะเงินและเหล้าที่ลูกพี่เอามาล่อให้มาช่วยเผาครื่องบิน  แต่เมื่อมาเจอสภาพที่เหมือนกองทัพย่อยๆอย่างนี้ก็ถอดใจกันหมด  แม้แต่ซูมานเองก็หนาววาบทั้งตัว  มันไม่เคยมาที่นี่  แม้จะรู้ว่าพ่อและชาวเกาะได้อาศัยค้าขายกับที่นี่จนทำให้ชาวบ้านได้มีกินมีใช้แต่มันไม่เคยช่วยพ่อทำมาหากิน  นี่ถ้าไม่เพราะเจ็บใจที่โดนไอ้หนุ่มหน้าอ่อนนั้นทำให้ถูกไล่ออกจากเกาะมันคงไม่ดั้นด้นมาแก้แค้นถึงที่นี่ 
         “ไหนแกว่ามียามแค่ไม่กี่คนไงแล้วนี่ทำไมถึงเดินกันเต็มไปหมด”หนึ่งในห้าถามเสียงสั่นๆอย่างหวาดวิตก 
         “จะไปรู้เรอะ…เอางี้เรากลับไปตั้งหลักกันก่อนดีกว่า”ซูมานตวาดเบาๆก่อนจะเตรียมถอยกลับ  แต่กลับมีเงาคนพรวดเข้ามาหา  เล่นเอาทั้ง5ผวาพร้อมกัน 
         “โธ่โว้ย!เกือบยิงดิ้นแล้ว  ตามมาทำไมแกมีหน้าที่เฝ้าเรือนะ”
         “ลูกพี่มียามมาที่เรือเราเต็มไปหมด” เจ้าคนมาใหม่หอบแฮ่กเพราะเพิ่งเผ่นหน้าตั้งมาเมื่อเห็นยามเกือบสิบคนลงไปยังบริเวณที่จอดเรือ
         “บ้าฉิบ…เอาไงกันดี”  ซูมานหน้าเสียเหลียวมามองคนอื่นๆอย่างตกใจ 
         “ไปทางโรงพยาบาลสิลูกพี่ทางนั้นไม่ค่อยมีคน”
         “แกรู้ได้ไง?”
         “ฉันเคยมาส่งของกับหัวหน้าแล้วก็เคยไปขอรับยาที่นั่นด้วย”
         “งั้นแกนำไป”ร่างหนาล่ำแบบมะขามข้อเดียวนำลิ่วอย่างชำนาญทำให้คนเหลือใจชื้นขึ้น
         
         “ยังเจ็บอยู่หรือเปล่าครับ”ซันหมุนถุงยาในมือเล่นขณะที่เดินเคียงกับแจ็คเพื่อกลับบ้านพัก 
         “ไม่เท่าไหร่หรอกครับ  จริงๆแล้วคุณกายไม่ต้องมากับผมก็ได้”
         “คุณแจ็คเจ็บตัวก็เพราะช่วยผมจะให้ผมอยู่เฉยๆได้ยังไง”  เด็กหนุ่มท้วงเสียงเบา
         “แต่มาหาหมอแค่นี้คุณกายไม่ต้องมาด้วยก็ได้  มืดแล้วด้วยเดี๋ยวคุณเท็ดจะเป็นห่วง”
         “แค่นี้เอง  อีกอย่างผมบอกพี่เท็ดไว้แล้วว่าจะมากับคุณแจ็คไม่เห็นพี่เท็ดว่าอะไรเลย”
         “ครับตามใจก็แล้วกัน  เอ๊ะ…”  แจ็คผงะและเลื่อนขึ้นบังหน้าเด็กหนุ่มเมื่อจู่ๆก็มีชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งโผล่พรวดออกมาจากพุ่มไม้ข้างหน้า  พวกมันส่องปืนมาทางพวกเขาอย่างรวดเร็ว
         “หยุดนะอย่าขยับ…ฮะฮ้า..นี่มันไอ้หน้าสวยกับกับไอ้แจ็คนี่หว่า…จุ๊ๆๆเจอโชคจนได้สิน่า”
         “อย่ายุ่งกับคุณกายนะ  มีอะไรก็มาตกลงกับฉัน”  แจ็คใจหายวาบเมื่อเห็นคนที่นำหน้าได้ถนัด   
         “แกนั่นแหละเลิกยุ่งได้แล้ว…ไงจ๊ะคนสวยมาด้วยกันหน่อยสิ”  ตาโปนกลอกกลิ้งไปมาอย่างตื่นเต้น  เมื่อเห็นเด็กหนุ่มถอยหนี  เพื่อนร่วมแก๊งค์เหลียวมองกันอย่างงุนงง
         “แกจะทำอะไรวะซูมาน?”
         “ฉันจะเอาไอ้หน้าสวยนี่ไปด้วย”
         “แกจะบ้าเหรอ…จะเอามันไปทำไมให้เป็นภาระ”
         “ที่ฉันต้องลำบากอย่างนี้ก็เพราะมัน  ยังไงฉันก็ไม่ปล่อยมันแน่”
         “คุณกายวิ่ง!”แจ็คผลักเด็กหนุ่มให้วิ่งหนีขณะที่เขากระโจนเข้าใส่คนที่อยู่ใกล้สุด  ซูมานเดือดโมโหเมื่อเห็นพรรคพวกถูกซัดลงไปกองต่อหน้า
         “เฮ้ย!…แส่นักนะมึงฮึ่ม!” เปรี้ยง!!เสียงปืนแผดขึ้นในระยะกระชั้นชิด  แจ็ค
ทรุดฮวบลงไปโดยไม่มีเสียงร้อง  ซันผวาเข้าไปหาอย่างลืมตัว
         “แจ็ค!….โอ๊ย!”  ซูมานใช้ด้ามปืนฟาดเข้าที่ท้ายทอย  ร่างบางเอนลู่ลงยังไม่ทันถึงพื้นซูมานก็คว้ามาพาดไหล่อย่างรวดเร็ว
         “ซูมานจะบ้าเรอะ”  เจ้าคนเดิมพยายามห้ามปรามแต่ซูมานตาขุ่น อีกฝ่ายจึงได้แต่เงียบพรรคพวกที่เหลือเมินไปทางอื่นไม่มีใครอยากเสี่ยงให้ซูมานหงุดหงิด
         “เอาน่า…รีบไปเถอะ”
         “เฮ้ยนั่นเรือขนยานี่หว่า” หนึ่งในหกตาไวเหลือบไปเห็นเรือที่กำลังเข้าเทียบท่าหน้าโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่สามคนที่ลงมาช่วยขนถ่ายยาและเวชภัณฑ์เหลียวล่อก- แล่กเพราะตกใจเสียงปืน  ต่างพาโดดหนีลงน้ำเมื่อพวกมันสาดกระสุนเข้าใส่  ชายฉกรรจ์ทั้ง 6 รีบโดดลงเรือก่อนจะขับหนีออกไป
         
         “พวกมันไปทางไหน”เท็ดถามอย่างร้อนใจ เจฟฟรี่ยิ้มเหี้ยมเมื่อหน้าจอปรากฏจุดสีแดงแสดงถึงที่ตั้งของเรือ  โชคดีที่มันใช้เรือของรีสอร์ทหนีเพราะเรือที่นี่ทุกลำถูกติดตั้งเรดาห์เพื่อป้องกันการถูกขโมยเพียงแค่คลิกเบาๆแผนที่แสดงที่ตั้งของเกาะแก่งต่างๆก็ซ้อนทับบริเวณที่เรือมุ่งไป
         “เจอแล้วครับรู้สึกว่าจะเป็นเกาะร้าง”
         “ไกลไหม?”
         “ไม่ครับห่างจากเราไปไม่มาก  แต่น้ำค่อนข้างแรงเมื่อก่อนพวกโจรสลัดชอบเข้าไปหลบเจ้าหน้าที่ที่นั่น  เดี๋ยวนี้ไม่มีคนอยู่เพราะไม่มีแหล่งน้ำจืดแล้ว”
         “เจฟฟรี่คุณไปกับผม  ส่วนพวกที่เหลือให้ใช้เรือเร็วตามไป”
         “ครับผม”

         “เสียงเฮลิคอปเตอร์จะทำให้พวกมันรู้ตัวนะครับ”เจฟฟรี่ท้วงเบาๆขณะที่เท็ดสั่งให้ร่อนลงบริเวณหน้าหน้าผาโล่ง
         “รู้ก็ช่าง  ยังไงต้องไปให้ถึงตัวกายเร็วที่สุด” เท็ดตอบเสียงกร้าวก่อนจะโดดลงแล้วก้มตัวต่ำวิ่งนำออกไป  เจฟฟรี่ให้สัญญาณลูกน้องสามคนวิ่งตามเขามาอีกสามอยู่เฝ้าเฮลิคอปเตอร์  เสียงคลื่นที่ค่อนข้างดังทำให้การเคลื่อนไหวของผู้ติดตามทำได้ง่าย  กล้องอินฟราเรดถูกแจกจ่ายไปยังการ์ดทุกคน  การเคลื่อนไหวในความมืดจึงไม่ใช่อุปสรรค  ผิดกับกลุ่มผู้ถูกล่าที่หนีกันหัวซุกหัวซุนในความมืด  อาศัยเพียงความชำนาญของคนนำเท่านั้น
         ซูมานหอบแฮ่กแต่ก็ไม่ยอมวางร่างอ่อนปวกเปียกบนบ่า  อาศัยความชำนาญเร่งรุดขึ้นไปบนเขาอย่างรวดเร็ว  ลูกน้องที่ติดตามอยู่หลังสุดถูกกระชากลงไป  สันมือที่ฟาดเข้าท้ายทอยทำให้มันสลบไปอย่างรวดเร็ว  แขนขาถูกมัดไพล่หลังและถูกโยนซุกไว้ในพงหญ้า  การ์ดแต่ละคนตามเก็บศัตรูได้อย่างว่องไวและเงียบกริบ  แต่ครู่เดียวก็ไม่เห็นวี่แววของซูมานและพรรคพวกที่เหลือ
         “เราคลาดกับมันจนได้…เอาไงดีครับหรือจะปลุกไอ้พวกนี้ขึ้นมาถาม” ลูกน้องคนหนึ่งหันมาหา  เจฟฟรี่เหลือบมองสีหน้าร้อนรนของเท็ดอย่างเข้าใจ 
         “พวกถูกทิ้งให้รั้งท้ายมันคงไม่รู้ทางขึ้นเขาเหมือนกัน  ลองเสียงตามขึ้นไปแล้วกัน  นายสองคนดูทางนี้ไว้  ถ้าพวกที่มาทางเรือตามมาทันให้รีบขึ้นไปฉันจะเปิดสัญญาณไว้”
         “ครับผม”  เจฟฟรี่หันไปพยักหน้า  คนที่ชำนาญการแกะรอยนำขึ้นไปอย่างระมัดระวัง  เท็ดก้าวตามไปอย่างร้อนรน  ทันทีที่เข้าสู่แนวซอกเขาคนนำก็ชะงักและให้สัญญาณ  เจฟฟรี่กับเท็ดหลบเข้าหลังพุ่มไม้อย่างรวดเร็ว
         “คุณเท็ดครับ…นั่น…”  กล้องจับภาพชายสองคนที่กำลังเดินงุ้มง่ามลงมา  เสียงพวกมันบ่นพึมพำอย่างหงุดหงิด
         “หายหัวไปไหนกันวะ  ตามมาอยู่ดีๆเสือกหายเงียบกันไปหมด  หลงทางอีกตามเคย”
         “เฮ้ย! หรือว่าถูกไอ้พวกนั้นมันตามเก็บไปแล้ว”
         “ไม่มีทางมืดออกอย่างนี้มันจะตามเราทันได้ไงวะ  พวกมันไม่ใช่คนแถวนี้ไม่มีทางรู้จักเกาะนี้หรอก”
         “แต่พวกมันหายเงียบแบบนี้….”  เสียงคุยชะงักค้างเมื่อรู้สึกเย็นวาบ  เพราะเงาคนที่รายล้อมขึ้นรอบตัว
         “อย่าขยับ!สมองแกกระจายแน่…พวกที่เหลืออยู่ไหน” เจฟฟรี่ถามเสียงเย็นจากด้านหลัง  เจ้าคนตัวอ้วนหมุนตัวกลับพร้อมกับปืน  แต่เจฟฟรี่จับลูกโม่ไว้ แล้วกระชากจนมันถลาเข้ามา หมัดหนักๆกระแทกบริเวณลำคอได้ยินเสียงอึกก่อนที่ร่างอ้วนจะลงไปนอนชักดิ้นชักงอแล้วแน่นิ่งไป  เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นชั่วพริบตาทำให้อีกคนตะลึงมันรีบชูมือขึ้นสูงตัวสั่นพับๆ  เจฟฟรี่ปราดเข้ามาดึงแขนมันไพล่หลังแล้วใส่กุญแจมืออย่างรวดเร็ว
         “อย่าฆ่าผมเลยครับ ผมแค่ถูกบังคับให้มาช่วย ทั้งหมดเป็นแผนของไอ้ซูมานคนเดียวครับ…อย่าฆ่าผมเลย”
         “บอกมาว่ามันเอาเด็กคนนั้นไปไว้ไหน?แล้วฉันจะไม่ฆ่าแก”เท็ดกดปากกระบอกปืนลงบนแก้มที่เหงื่อแตกพลั่ก
         “ยะ…อยู่ในกระท่อมบนเขาครับ  ซูมานมันเอาไปที่นั่นแล้วไล่ให้พวกผมลงมาตามคนที่เหลือ”
         “แล้วมีใครอยู่อีก?” เจฟฟรี่ถามเพื่อความรอบคอบ
         “ไม่มีแล้วครับ…ซูมานมันกลัวพวกผมขอแบ่งมันเลยไล่พวกผมออกมา”คำว่า ‘ขอแบ่ง’ ทำให้เท็ดเลือดขึ้นหน้า
         “สัตว์นรก! เร็วเจฟ”  ชายหนุ่มวิ่งนำอย่างร้อนใจ 
         “ครับผม…จัดการมันที” เจฟฟรี่รีบรุดตาม  ด้ามปืนของการ์ดถูกฟาดเสยเข้าปลายคางร่างผอมทรุดฮวบโดยไม่มีเสียง  การ์ดที่เหลือรีบตามนายไปทันที
         เท็ดหยุดอยู่ริมกระท่อมอย่างร้อนใจ  เขาเกือบพรวดพราดเข้าไปแต่เจฟฟรี่ห้ามไว้เกรงว่าอาจจะมีพวกมันซ่อนอยู่  กองไฟจากหน้ากระท่อมส่องให้เห็นบริเวณรอบๆได้ลางๆ  ไม่มีวี่แววของคนที่ควรจะเฝ้ายาม  รอบบริเวณเงียบสนิท  เงียบจนเกินไป  เจฟฟรี่ให้สัญญาณลูกน้องก่อนจะกระจายกันโอบล้อมกระท่อมไว้  แล้วค่อยๆคืบคลานเข้าไป  ชายหนุ่มยึดไหล่เท็ดไว้ขณะที่ลูกน้องหันมาพยักหน้าก่อนจะเคลื่อนตัวไปยังด้านข้างกระท่อมด้านที่มืดที่สุด  เจฟฟรี่มองไปรอบๆ ไม่มีพวกมันอยู่ในระยะที่กล้องอินฟราเรดจะจับได้  ชายหนุ่มถอดแว่นติดกล้องออกเก็บก่อนจะหันมาพยักหน้ากับเท็ดเมื่อลูกน้องให้สัญญาณแล้วพุ่งเข้าไปที่กระท่อม  ประตูกระท่อมเปิดออกอย่างง่ายดายผิดคาด  ร่างที่ม้วนไปกับพื้นค่อยๆยันตัวขึ้นหลังที่กำบังจ้องมองดูความเคลื่อนไหวในกระท่อม  เป็นจังหวะเดียวกับที่เท็ดกับเจฟฟรี่วิ่งเข้ามาถึง  เท็ดใจหายวาบเมื่อเห็นเงาคนนอนอยู่ที่พื้นกลิ่นเลือดคาวคลุ้งทำให้เขาสะท้านทั้งตัว
         “กาย…ไม่!”
         “เดี๋ยวครับ”
เจฟฟรี่ยึดไหล่เขาไว้แล้วดึงเอาไฟฉายกำลังสูงออกมา  ทันทีที่ไฟสว่างทั้งหมดก็ชะงักกึก  ร่างที่นอนเหยียดอยู่ที่พื้นนั้นเปลือยเปล่าใบหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเคราพับไปด้านข้าง  ลำคอถูกเชือดจนเกือบขาดออกจากร่าง  เลือดสดๆไหลนองเต็มพื้น  คนของเจฟฟรี่รีบก้มลงสำรวจที่ศพ
         “ศพยังอุ่นอยู่เลยครับ  เพิ่งตายไม่ถึงชั่วโมงแน่”
         “แล้วกายล่ะ..กายหายไปไหน?”
         “พวกมันอาจหักหลังกันเองก็ได้ครับ”
         “แต่เมื่อครู่คนที่เราจับได้บอกว่าซูมานไล่พวกมันลงมา…ไอ้คนนี้น่าจะเป็น
ซูมานแต่คุณกายจะหายไปไหนหรือว่ามีพวกอื่น…เอ๊ะ!”เจฟฟรี่ก้มลงดูที่พื้นก่อนจะชี้ให้เท็ดดู  รอยเลือดหยดเป็นทางไปยังหน้ากระท่อมและหายไปในพงหญ้า  ทั้งสามออกตามโดยไม่ต้องบอก  เจฟฟรี่ปล่อยให้ลูกน้องแกะรอยนำทาง  ส่วนเขาร่นลงไปคุ้มกันให้เท็ดด้านหลัง  ทั้งหมดตามรอยเลือดจนมาถึงร่องน้ำแห้งซึ่งเต็มไปด้วยวัชพืชรกเรื้อ  คนแกะรอยยังคงนำบุกเข้าไปเรื่อยๆ  เท็ดก้าวตามกระชั้นชิดหัวใจร้อนราวกับอยู่กลางกองไฟ  ในใจภาวนาเพียงให้กายปลอดภัยเท่านั้น
จู่ๆผู้ที่นำทางก็หยุดชะงัก  แล้วให้สัญญาณ  เท็ดขยับจะตามแต่เจฟฟรี่ดึงแขนเขาไว้  แล้วลากให้ถอยหลัง  คนนำชี้ไปยังพุ่มไม่รกข้างหน้าเจฟฟรี่พยักหน้ารับก่อนจะอ้อมไปด้านข้าง  เสียงกรวดพลิกเบาๆทันใดนั้นร่างหนึ่งก็โถมออกมาด้านที่เท็ดยืนอยู่  ชายหนุ่มเบียงตัวหลบกับกระชากร่างที่พุ่งออกมากดลง  คมมีดที่กรีดผ่านทำให้เจ็บแปลบที่แขน  เขาจับแขนเล็กๆบิดมือจนมีดหล่น  จึงเตะมีดออกห่างเป็นจังหวะเดียวกับที่เจฟฟรี่กับลูกน้องวิ่งมาถึง  แสงจากไฟฉายกราดเข้าจับร่างที่กำลังดิ้นรนได้ถนัด
         “กาย!!”   เท็ดเผลอปล่อยมือที่ยึดออกโดยอัตโนมัติ  เด็กหนุ่มจึงคว้าก้อนหินฟาดเข้าใส่  ชายหนุ่มทำได้เพียงปัดป้องเท่านั้น
         “คุณกาย!!  อย่าครับพวกเราเอง”
         “กาย…อย่ากาย…พี่เอง…กาย”  เจฟฟรี่กับลูกน้องพยายามจะเข้ามาช่วย  แต่ยิ่งคนมากเด็กหนุ่มก็ยิ่งบ้าคลั่งมากขึ้น   เท็ดแย่งก้อนหินออกได้สำเร็จและรวบแขนทั้งสองข้างไว้ได้   แต่เด็กหนุ่มก็กัดไหล่เขาจนเลือดซึมออกมา  เจฟฟรี่พยายามจะดึงกายออกแต่เท็ดห้ามไว้
         “อย่าเจฟ…ไม่ต้อง…กาย…กายได้ยินพี่ไหม….กาย…พี่เอง…พี่เท็ดไงล่ะกาย….ได้ยินพี่ไหม?…พี่ตามมาช่วยน้องแล้วไงกาย…กาย…พี่เอง”  ชายหนุ่มใช้เสียงปลอบประโลมทั้งที่เจ็บแปลบไปทั้งไหล่  คมเขี้ยวที่ฝังอยู่บนไหล่ดูเหมือนจะชะงักค้าง  ไม่กดหนักเหมือนตอนแรกและค่อยๆคลายออกในที่สุด  เท็ดคลายมือที่ยึดแขนทั้งสองของเด็กหนุ่มออก  เปลี่ยนมากอดร่างบางแนบอก  เด็กหนุ่มเงยขึ้นมองเขาช้าๆแสงไฟจับใบหน้าของชายหนุ่มชัดเจน ร่างในอ้อมแขนสั่นเทิ้มก่อนจะหลุดเสียงสะอื้นแผ่วๆแล้วก็พับลู่ลงไป
         “กาย!…กาย!…น้องเป็นอะไร…กายตื่นสิกาย!”
         “คุณเท็ดครับดูเหมือนคุณกายจะถูกยิงที่ขา”
         “ไหน!…โอ….กาย…เร็วเจฟเราต้องพากายไปหาหมอ”
         “เดี๋ยวครับ…ขอผมห้ามเลือดก่อน…ใจเย็นๆครับคุณเท็ดคุณกายปลอดภัยแน่…เชื่อผมเถอะครับ”
         “กาย…พระเจ้า…ได้โปรดคุ้มครองกายด้วยเถิด…ทำไมเรื่องพวกนี้ถึงเกิดกับน้องไม่หยุด…กายอย่าเป็นอะไรนะกาย”    เท็ดถอดเสื้อออกห่อร่างบางไว้เมื่อเห็นท่อนล่างที่เปลือยเปล่า นอกจากเสื้อขาดๆไม่มีอาภรณ์ใดปกปิดอยู่อีกเลย  ทั้งหมดพากันย้อนกลับมายังกระท่อมก็พบว่า  พวกที่ตามมาทางเรือเร็วมาถึงแล้วเช่นกัน   จึงวิทยุเรียกเฮลิคอปเตอร์ขึ้นมารับเพราะลานหินหน้ากระท่อมกว้างพอที่จะจอดเฮลิคอปเตอร์ได้   เท็ดอุ้มเด็กหนุ่มไปขึ้นเครื่องโดยมีการ์ดคนหนึ่งตามไปด้วย  ส่วนเจฟฟรี่ยังคงอยู่จัดการเคลียร์พื้นที่
.................

พระเจ้า…ได้โปรดคุ้มครองกายด้วยเถิด :serius2:

ขอบคุณคะที่ติดตาม :pig4:

hene2526

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ thaitanoi

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1451
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-2
ทำไมต้องเกิดเหตุร้ายๆกับกายมากมายเหลือเกิน  มาติดตามครับ

ออฟไลน์ tawanna

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
มาติดตาม อย่างใกล้ชิด

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
กรี๊ดดดดดดดดดด กาย เจ็บตัวอีกแล้ว ไอ้พวกนี้ฆ่ามานนนนนนนน  :angry2:  :fire:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10

namtaan

  • บุคคลทั่วไป
สงสารกายจังเลย ต้องเจ็บตัวอีกแล้ว แถมยังต้องสะเืทือนใจซ้ำอีกด้วย
สงสารเ็ท็ดด้วย กายเจ็บ เท็ดก็เจ็บไปด้วย
บวกอีก 1 แต้มนะคะ ขอบคุณมากค่ะ

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
ดันค่ะดัน ถ้าวันนี้ไม่มา พรุ่งนี้มาต่อน้า พลีสสสสสสสส   :monkeysad: :monkeysad:

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
มาช่วยคุณ THIP ดันและรอ
โอม จงมา จงมา จงมา จงมา จงมา  :z3:

ออฟไลน์ tianqin

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +270/-1
ขออภัยที่ให้รอนะคะ มาเอาใจช่วยหนูกายกันต่อเลยคะ

........
เนื่องจากกระสุนไม่ถูกที่สำคัญ  เพียงแต่เสียเลือดมากไปเท่านั้น  กาย
จึงถูกส่งมาพักยังห้องพิเศษในเช้าวันรุ่งขึ้น  ส่วนแจ็คยังไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากห้องฉุกเฉินแม้อาการจะอยู่ในขั้นปลอดภัยแล้วก็ตาม  
         เท็ดกุมมือของเด็กหนุ่มไว้แน่น  แม้จะได้รับการยืนยันว่ากายปลอดภัยแต่เขาก็ยังกลัว   เกรงว่าหากปล่อยมือไปเขาอาจจะไม่ได้กายกลับมาอีกตลอดกาล  ชายหนุ่มไม่สนใจผู้คนรอบข้าง  ไม่กิน  ไม่นอน  ไม่ขยับเขยื้อนไปไหน  เจฟฟรี่สบตากับแพทย์ก่อนจะถอยออกมาเมื่อไม่มีทีท่าว่าชายหนุ่มจะได้ยินเขาเรียก
         “ขืนปล่อยไว้แบบนี้ฉันเกรงว่าคนที่จะแย่จะเป็นคุณเท็ดมากกว่าคุณกาย”  ศัลย์แพทย์วัยกลางคนเอ่ยขึ้นอย่างร้อนใจ
         “จะให้ผมทำยังไงละครับ…เรียกก็แล้วขอร้องก็แล้วก็เอาแต่นั่งเฉย…ตั้งแต่ผมมาถึงก็ถามผมแค่อาการของแจ็คแล้วก็อยู่ในสภาพนั้นตลอดเลย”
         “ฉันว่านายแจ้งให้คุณริชมาดูดีกว่านะ”
         “รออีกสักสองสามวันเถอะครับ…ขอผมเคลียร์ทางนี้ให้เรียบร้อยก่อน  ยังไม่อยากให้คุณริชมาตอนนี้เพราะสถานการณ์ยังไม่ค่อยน่าไว้ใจนัก”
         “เออ!จะทำอะไรก็รีบๆเข้า…บอกตรงๆนะฉันไม่อยากมีคนไข้เพิ่มขึ้นมาอีกหรอก”  หางเสียงสะบัดอย่างหงุดหงิดเพราะความเป็นห่วง
         “ครับผม”  เจฟฟรี่รับคำเอาใจรุ่นพี่ที่เป็นทั้งที่ปรึกษาและอดีตพี่เลี้ยงของริช
ทั้งสองเหลียวกลับไปมองคนที่อยู่ในห้องก่อนจะหันมาสบตาแล้วถอนใจเฮือกใหญ่พร้อมกัน
         แม้เสื้อผ้าเต็มไปด้วยคราบเลือด  เลือดที่แขนและไหล่แห้งกรังแต่เท็ดก็ไม่สนใจจะทำแผล  จนแพทย์ต้องมาขู่ว่าจะไม่ให้เฝ้ากายเพราะตัวเขาสกปรกอาจจะทำให้กายติดเชื้อ  นั่นแหละชายหนุ่มจึงยอมอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า  แล้วกลับมานั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียงอย่างรวดเร็ว  
           
         “กาย!…กาย!…หมอครับไหนว่าเขาปลอดภัยแล้วไง?”
         “ใจเย็นๆครับ…แค่แผลอักเสบทำให้เขามีไข้เท่านั้น” เสียงถกเถียงวุ่นวาย  คนจำนวนมากพยายามยึดแขนขาเขาไว้  เด็กหนุ่มพยายามดิ้นรนเขาจะไม่มีวันยอมให้พวกมันเอาเขากลับไปแน่ ร่างกายเขาหนักและหนืดไปด้วยยางเหนียวคาว  พวกมันมัดเขาไว้ด้วยเชือกที่ทำจากเลือดหรือไง  เมฆหมอกหนาทึบทำให้เขาหายใจไม่ออก  
         “คุณเท็ดครับถอยก่อน…หลีกทางให้หมอก่อนครับ”
         “หมอทำไมกายเป็นอย่างนี้ล่ะ…กาย…กาย…อย่าเป็นอะไรนะ…กาย”
         “หมอช่วยน้องผมด้วย…”
หมอกหนาหนักดึงเขากลับเข้าไปอีกครั้ง  เขากำลังถูกเผาในกองไฟร้อนๆ  พวกมันคงกะเผาเขาให้ตาย‘เท็ด…ช่วยผมด้วย…พี่สัญญาว่าจะอยู่กับผม…ไม่…ไม่…อย่ามา…ถ้าเท็ดมาพวกมันต้องทำร้ายเท็ด…เท็ดพี่รู้ไหมว่าผมรักพี่…ผมรักพี่….’
         “กาย…อย่าเป็นอะไรนะกาย ..ลืมตาสิกายพี่อยู่นี่…กาย…” เสียงกระซิบนั้นคุ้นเคยจนเขาต้องหยุดฟัง‘เสียงเท็ด!พี่เท็ดช่วยด้วย!…ช่วยผมด้วย!’แสงสว่างเลือนลางส่องเข้ามาในหมอกหนาทึบ มือเย็นๆวางบนหน้าผากเขาแล้วลูบไล้แผ่วเบา  ไฟที่เผาเขาดูจะร้อนน้อยลง
         “พี่รักกายนะ…อย่าทิ้งพี่ไปนะที่รัก”เสียงสุดท้ายในอนุสติอันลางเลือนทำให้เขายินดี‘เท็ดรักเรา…รัก!’จุมพิตอ่อนหวานดูดดื่มทำให้เขากลับเข้าสู่ความมืดอีกครั้งแต่คราวนี้ไม่มียางเหนียวคาวอีกต่อไป  ความเย็นฉ่ำสบายค่อยๆโอบล้อมเขาไว้

         จนเกือบเที่ยงคืนของอีกวันเด็กหนุ่มจึงรู้สึกตัว เปลือกตากว้างขยับเบาๆก่อนจะลืมขึ้นช้าๆเท็ดลุกพรวดขึ้นชะโงกเข้าไปจนชิด ตาโตลอยคว้างครู่หนึ่งจึงค่อยมีแววว่าจำเขาได้  เด็กหนุ่มครางเสียงแหบเบาเหมือนลูกแมว
         “อือ….”
         “กาย…กายน้องฟื้นแล้วใช่ไหม…กายได้ยินไหมพี่เอง…กาย….”เด็กหนุ่มกระ-พริบตาถี่พยายามจะพูดออกมา
         “…น้ำ…” เท็ดหันไปคว้าแก้วน้ำมาหยดลงไปเล็กน้อย  เด็กหนุ่มร้องประท้วงอย่างขัดใจ
         “เดี๋ยวนะต้องจิบทีละนิดก่อน…เป็นไงบ้างเจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”
         “…ผมเจ็บ…ขา”  แม้เสียงที่ตอบจะแหบแห้งแต่ปฏิกริยาที่ตอบสนองก็บอกให้รู้ว่าเด็กหนุ่มรู้สึกตัวเต็มที่เล้ว  
         “เจ็บมากไหม…พี่เรียกหมอให้เอาไหม?”
         “ไม่มากครับ”
         “อืม…ตัวไม่ร้อนแล้ว…ดีจังไข้ลดแล้ว” ชายหนุ่มอังมือกับหน้าผากชื้นเหงื่อ  ห้องที่ค่อนข้างสลัวทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกกลัว
         “เปิดไฟ…ก่อน…ได้ไหม…ครับ?”
         “เอาสิเดี๋ยวนะ…แสบตาไหม?”
         “ไม่..เป็นไรครับ…เอ๊ะ!…” แสงไฟจับใบหน้ามันเยิ้มของชายหนุ่มได้ชัดเจน  รอยหนวดเป็นปื้นเขียวทั้งคางและแก้ม  โหนกแก้มมีรอยเขียวปนม่วงบางแห่งช้ำจนกลายเป็นสีดำ  ที่คิ้วมีรอยแปะพลาสเตอร์  ดวงตาแดงกล่ำ  ผมที่ค่อนข้างยุ่งเสยไว้ลวกๆ  เสื้อผ้ายับย่น
         “เป็นอะไรหรือเปล่า?”
         “ทำไมพี่เท็ด…ดู…เหมือนไม่ได้นอนเลยครับ”
         “พี่ดูแย่มากเลยเหรอ?”  ชายหนุ่มยกมือขึ้นลูบหน้าเพลียๆ  
         “ผมนอนไปนานแค่ไหนครับ?”
         “ประมาณสองวัน”
         “สองวัน…พี่ไม่ได้นอนเลยงั้นเหรอครับ?”
         “ก็…นอนบ้าง…”  เด็กหนุ่มส่ายหน้าอย่างไม่เชื่อ  
         “แล้วที่หน้าพี่โดนอะไรมา?”
         “เอ่อ…คงเป็นตอนที่ชุลมุนกันละมั้ง…พี่ก็จำไม่ได้”
         “ชุลมุน…จริงสิแจ็คละครับ…แจ็คเป็นไงบ้าง…ผมเห็นเขาถูกยิง”
         “แจ็คปลอดภัยแล้ว…ไว้แข็งแรงแล้วพี่จะพาไปเยี่ยม”
         “พี่รู้ได้ไงครับว่าผมถูกจับตัวไป”
         “เจฟกับพี่ตามพวกมันไปติดๆ  มาคลาดกันตอนที่มันพากายขึ้นเขา”
         “ขึ้นเขา…ที่ไหนครับ…พวกมันเอาผมไปเผาไม่ใช่เหรอ?”
         “ไม่ใช่หรอกน้องไข้ขึ้นต่างหาก…ว่าแต่ใครเป็นคนยิงกายจำได้ไหม…กาย…เป็นอะไรไป”
         “ผม…ผมจำไม่ได้…แผลนี่ผมถูกยิงเหรอครับ…แล้ว…ทำไมผมจำอะไรไม่ได้เลย…ผมจำได้แต่ถูกพวกมันตีหัว…ผมอยู่ในเรือ…ไม่รู้…ผมจำไม่ได้แล้ว” เด็กหนุ่มตัวสั่นด้วยความกลัว
         “กาย…อย่ากังวลนะ  นอนเถอะจำไม่ได้ก็ช่างเดี๋ยวพี่จะตามหมอให้” เท็ดรีบกอดปลอบเด็กหนุ่มพร้อมทั้งกดสัญญาณที่หัวเตียง ครู่เดียวแพทย์ก็เข้ามาดูอาการของเด็กหนุ่มแล้วฉีดยาให้
         “หมอครับทำไมกายจำอะไรไม่ได้เลยละครับ”  ชายหนุ่มเหลียวกลับไปมองร่างบางที่หลับไหลด้วยฤทธิ์ยาอย่างเป็นห่วง
         “อาจเป็นผลมาจากการถูกฟาดที่ศรีษะหรืออาจจะยังช๊อคอยู่ก็ได้ครับ…ตอนนี้กำลังรอผลการวิเคราะห์สมองอยู่…ถ้าหากไม่เป็นอะไรมากนัก…คุณกายคงเริ่มจำได้เร็วๆนี้”
         “ถ้าเป็นอย่างนั้นผมก็โล่งใจ”
         
         ในม่านหมอกที่หนาทึบเด็กหนุ่มคอยๆเดินลัดเลาะไปเรื่อยๆจนถึงประตูบานหนึ่งที่แง้มอยู่ มีแสงไฟลอดออกมา  จึงลองเปิดเข้าไป  แสงไฟสว่างวาบจนตาพร่า  ชายร่างบางตาคมเหมือนเหยี่ยวพลิกข้อมือสลับไปมาแทบมองไม่ทัน  ก่อนจะยื่นวัตถุในมือมาให้  มือเล็กๆขาวซีดยื่นออกไปรับมีดมาถืออย่างตื่นเต้น  น่าแปลกที่เด็กหนุ่มรู้สึกว่านั่นเป็นมือของเขา
         ‘กายต้องจำไว้นะ  เรามีกำลังน้อยกว่าอย่าปะทะโดยตรง ตั้งสติให้ดี  ต้องรู้จักประเมินกำลังศัตรู  ปล่อยทำให้มันตายใจว่าเราอ่อนแอและไร้ทางสู้ แล้วอาศัยทีเผลอ ที่สำคัญต้องไม่ลังเล ไม่มีใครช่วยเราได้ตลอดเวลาเราต้องช่วยตัวเราเองก่อนแล้วพระเจ้าจึงจะช่วยเรา’
         ‘ครับ’  
         ‘โรเจอร์…กายน่ะเพิ่งจะสิบขวบเท่านั้นนะทำไมต้องสอนเรื่องพวกนี้ด้วย’ ร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่มุมห้องมีสีหน้ากังวล  โรเจอร์เม้มปากแน่น  ตาเป็นประกายกร้าวอย่างเคียดแค้นและเจ็บปวด
         ‘แต่ตอนที่จีจี้ถูกทำร้ายเธอก็เพิ่งสิบขวบเหมือนกัน…ฉันจะไม่มีวันยอมให้กายต้องเป็นเหมือนจีจี้อีกคน’  
         ‘ผมอยากเรียนครับรอน’ เสียงที่ลอดจากปากเขาเล็กและแหลมเหมือนเสียงเด็ก‘งั้นก็แล้วแต่กายเถอะ…อย่าหักโหมก็แล้วกัน  เราน่ะยังไม่แข็งแรงนะอย่าลืม’  
         ‘ครับผม…มาฝึกกันต่อครับโรเจอร์’
         จู่ๆประตูก็ปิดลง  เด็กหนุ่มรีบเปิดประตูใหม่  แต่คราวนี้กลายเป็นโรงงานเก่าๆรกร้าง…เด็กหนุ่มค่อนข้างผอมหน้าแดงกล่ำด้วยความเมา  กำลังคลายเชือกที่รัดข้อมือเขาออก
         ‘นายน่ารักจริงๆเลย รู้ว่ายอมอย่างนี้ตั้งแต่แรกฉันก็ไม่ต้องใช้กำลังหรอกดูสิหน้าสวยๆช้ำหมด  มานี่มาฉันจะพานายขึ้นสวรรค์เองรับรองนายจะลืมลูกเศรษฐีขี้เบ่งอย่างแฮมิลตันได้สนิทเชียว  นายนี่สวยทั้งตัวเลยโอ๊ะ!….ล้อเล่นน่า  นายชอบแบบรุนแรงเหรอ…วางมีดดีกว่ากาย…ฉะ…ฉันมีเครื่องมือเล่นสนุกกว่านั้นเยอะเลย…อย่า!…กาย…อย่า!…อ๊ากกกกก!!!!….’  มีดคมวาวกรีดลงบนหน้าปรุอย่างชำนาญ  ร่างผอมแห้งพยายามกระเสือกกระสนหนี  แอลกอฮอล์ในเลือดช่วยเร่งให้เลือดไหลมากขึ้น สีแดงฉานสาดกระจายเป็นวงกว้าง  กลุ่มคนที่ตั้งใจจะมาช่วยเขาถึงกับผงะเมื่อเห็นผู้ลักพานอนเกลือกกลิ้งอยู่ในกองเลือด  ส่วนเขานั่งมองผลงานเฉยสายตาทุกคู่มองเขาอย่างประหลาดใจปนสยดสยอง
         ประตูปิลงอีกครั้ง  เด็กหนุ่มลังเลที่จะเปิดแต่ความอยากรู้ทำให้เขาดันประตูที่แง้มอยู่นิดๆออก แสงสว่างจ้าบอกให้รู้ว่าเป็นช่วงเวลากลางวัน  เขากำลังอยู่ในห้องเรียนมีเด็กหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่นั่งอยู่บนขอบหน้าต่างใกล้ๆ
         ‘กาย…ถามหน่อยเถอะโรเจอร์สอนอะไรนาย….’
         ‘ศิลปะ….’
         ‘ศิลป…ศิลปะอะไรทำไมมันถึงได้…โหดแบบนั้น….’  
         เด็กหนุ่มอ้าปากจะตอบแต่ห้องกลับมืดอย่างฉับพลัน…เขาพยายามจะขยับแต่เจ็บไปหมดทั้งตัว  มือหยาบกร้านกำลังลูบไล้ไปมาบนตัวทำให้เขาขยะแขยงจนอยากจะอาเจียร
         ‘แกนี่สวยจริงๆขนาดหน้ามีแผลยังสวยขนาดนี้ถ้าไม่มีแผลจะสวยขนาดไหน…น่ามาสนุกกันดีกว่าอย่าดิ้นไปเลยฉันขี้เกียจทำให้หน้าสวยๆนี่มีแผลเพิ่มขึ้น…ไหนดูหน่อยซิว่าข้างในน่ากินแค่ไหน…’  เสื้อที่เขาสวมถูกกระชากจนกระดุมขาดทั้งแผง  เด็กหนุ่มพยายามรวบไว้  แต่มันกลับเลื่อนมาปลดกระดุมกางเกงยีนส์แล้วกระชากออก  ขอบกางเกงครูดกับสะโพกจนแสบ
         ‘อย่า!!!…’
         ‘อึ๋ยแผลเต็มเลย  แต่ไม่เป็นไรถือว่า สนุกชั่วคราวเดี๋ยวแกก็ได้ไปเกิดใหม่แล้ว  อธิฐานดีๆล่ะเผื่อชาติหน้าจะไม่ต้องมีแผลทุเรศพวกนี้โอ๊ะ!’   เด็กหนุ่มถีบมันออกห่างแล้วรีบตะเกียกตะกายหนี
         ‘…จะหนีไปไหนห๋า!! …พูดดีๆไม่ชอบใช่ไหม…’   เปรี้ยง!!!!  เด็กหนุ่มสะท้านทั้งตัวเจ็บแปลบบริเวณต้นขาจนต้องทรุดลงกองกับพื้น  กลิ่นเนื้อไหม้จากการยิงในระยะเผาขนทำให้เขาขนลุก  ความชิงชังแล่นพล่านไปทั้งสมอง  สายตาที่พร่าเลื่อนปะทะเข้ากับบางอย่าง และคว้าไว้ได้ขณะที่ขาถูกกระชากกลับไปยังที่เดิม  ความเย็นของวัตถุในมือกับความแปลบปลาบที่ปลายนิ้วบ่งบอกถึงความคมกริบของใบมีดเดินป่าเล่มใหญ่  แม้จะไม่ค่อยเหมาะมือนักแต่ก็ใช่ว่าเขาจะใช้ไม่เป็น  เด็กหนุ่มยิ้มเหี้ยมเมื่อมือหยาบพลิกร่างอ่อนปวกเปียกของเขาให้หงายขึ้น  มือด้านหนึ่งดันคางของมันไว้มีดหนาหนักถูกตวัดสวนขึ้นเต็มแรง  เลือดร้อนๆฉีดพรมลงมาบนใบหน้าเขาจนตาพร่า  ใบหน้าของคนที่อยู่ข้างบนยังคงงุนงงและเหลือกลานด้วยความเจ็บปวด  มันไม่มีโอกาสจะรับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น  วิญญาณก็หลุดออกจากร่างไป ร่างหนาหนักยังเกร็งกระตุก  เด็กหนุ่มใช้แรงเท่าที่มีผลักร่างที่ทาบทับออกไปก่อนจะรีบลุกขึ้น  ความเจ็บปวดบริเวณต้นขาไม่สามารถหยุดเขาไว้ได้  ในสมองของเขาเดือดพล่านด้วยความคั่งแค้น รังเกียจ เขาจะไม่มีวันยอมให้ใครหน้าไหนทำกับเขาได้เด็ดขาด  เด็กหนุ่มมุ่งเข้าหาความรกทึบของต้นไม้  ต้นขาร้อนราวกับถูกเผาไหม้  กลิ่นเลือดคาวคลุ้งชวนให้คลื่นเหียน  เขาล้มลุกคลุกคลานไปตลอดทางแม้จะรู้ดีว่ารอยเลือดอาจนำพวกมันมาถึงตัว  แต่ตอนนี้ไม่มีเวลากลบเกลื่อนร่องรอยแล้ว  ขาสั่นเทาพาเขามาถึงร่องน้ำแห้งที่เต็มไปด้วยวัชพืชรกทึบ  สายตาของเขาเริ่มพร่าเลือน  รู้ว่าเสียเลือดไปมากแต่เขาหยุดไม่ได้  เสียงย่ำสวบสาบทำให้เขารู้สึกขมในปาก  ในที่สุดพวกมันก็ตามาทัน  เด็กหนุ่มกัดฟันลุกขึ้นแล้วพาตัวเองเข้าไปยังความรกทึบของพงหญ้า  ย่ำเข้าไปเรื่อยๆจนกระทั่งไม่สามารถไปได้อีกต่อไป  คงถึงวันสุดท้ายของเขาแล้ว  เด็กหนุ่มกอดมีดแน่นกระชับ  แหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้า  สุดท้ายเขาก็ต้องตายอย่างโดดเดี่ยวอยู่ดี  อ้อมแขนอุ่นที่คอยคุ้มครองปกป้องก็อยู่ไกลเกินไป  แต่อย่างน้อยเขาก็เคยได้รับ  เด็กหนุ่มสูดลมหายใจลึกยาว  เสียงย่ำตามมาหยุดอยู่ไม่ห่าง  พวกมันมีไม่ต่ำกว่าสองแน่  เอาเถอะขอแค่สักคนที่ไปนรกพร้อมเขาก็พอ    ‘เท็ดผมรักพี่…ลาก่อน’
      
 ...       

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด