“ไอ้โม”
“มีไรมึง โทรมาดึกดื่น”
“กูแบบ…”
“น้ำเสียงฟังดูไม่ค่อยดีเลยนะ มึงโอเคมั้ย”
ธนิกยกมือขึ้นลูบใบหน้าก่อนจะพ่นลมหายใจออกมา “ไม่ว่ะ แย่เหี้ยๆ”
เสียงหัวเราะดังลอดมาตามสาย “เรื่องน้องขวัญสินะ”
ธนิกไม่ตอบคำถาม แต่เพื่อนอย่างปฐพีก็คงรู้ดีว่าระยะหลังมานี้ความเครียดของเขามีอยู่เรื่องเดียวเท่านั้น มีแค่เรื่องของ ขวัญพัฒน์ ที่ติดแน่นอยู่ในหัว ทำยังไงก็ไม่ยอมหยุดคิดเสียที
“นายพรานอยากกลับตัวเป็นคนดีขึ้นมาหรือไง คงเพราะกระต่ายที่กำลังล่าทั้งน่ารักและก็น่าสงสาร”
“น่ากินด้วยไอ้สัด”
คนต่อประโยคลอบกลืนน้ำลายพลางมองคนที่กำลังนอนหลับอย่างไม่ระวังตัวอยู่บนเตียงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย เสื้อยืดตัวบางที่ขวัญพัฒน์สวมใส่เลิกขึ้นสูงจนเห็นหน้าท้องเนียนขาว ธนิกไล้สายตามอง วนเวียนอยู่อย่างนั้น ความคิดที่จะปู้ยี้ปู้ยำเดือดพล่านอยู่ในใจและตอนนี้กำลังบังคับให้มือปลาหมึกของตัวเองไม่ยื่นไปวอแวกับผิวกายของคนน่ารัก
อยากบีบ อยากขย้ำ
“ธนิก มึงต้องใจเย็นๆ นะเพื่อน มึงจะกินน้องขวัญไม่ได้” ปฐพีเอ่ยเตือนไม่จริงจัง ได้ยินเสียงเพลงดังคลอมาด้วย เจ้าเพื่อนตัวดีตอนนี้คงกำลังฟังเพลงคลาสิกและนั่งจิบไวน์อย่างที่ชอบทำเป็นแน่
“กูเคยกินมาแล้ว” ธนิกตอบเสียงพร่า หวนนึกถึงค่ำคืนที่ได้กลืนกินขวัญพัฒน์ ครั้งแรกที่คนน่ารักมอบให้เขานั้นช่างหวานล้ำจับใจ “แล้วก็อยากจะกินอีก น้องก็เหมือนเชิญชวน ทั้งจูบ ทั้งกอด ทั้งหอมแก้มกู ยิ้มหวานให้ด้วย แต่กูเป็นเหี้ยไรถึงทำไม่ลง ทั้งที่อยากใจจะขาด อยากทำมากๆ”
ขวัญพัฒน์ที่เป็นคนนวดมือดีให้เมื่อชั่วโมงก่อนนั้นมองเขาตาปรอย พอมองสบตาก็จะยิ้มให้ เข้ามาหอมแก้มบ้าง จูบที่ริมฝีปากของเขาบ้าง แสดงออกอย่างเปิดเผยว่ากำลังเชิญชวนให้สัมผัส แต่เขากลับทำแค่หอมหน้าผากแล้วกล่อมนอน ทั้งที่ส่วนกลางกายนั้นดีดดิ้นจะเข้าไปสำรวจขวัญพัฒน์ทุกซอกทุกมุม ทว่ากลับไม่กล้าแม้แต่จะยื่นมือออกไปสัมผัส
“มึงแค่จะโทรมาระบายเรื่องนี้ใช่มั้ย” ปฐพีไม่บิดปังความหมั่นไส้ “ถ้าใช่กูจะได้นอน ไอ้เหี้ยขี้อวด น้องอาจจะไม่ได้อ่อยมึงก็ได้ มึงคิดไปเอง”
ทำตาปรอยมองมาขนาดนั้น กูอยู่บนยอดเขาที่สูงที่สุดในประเทศไทยมองลงมาก็ยังรู้เลย!
“มึงต้องมาเห็น อ้อนมากๆ อ้อนจนใจกูสั่นไปหมดแล้ว” ธนิกเสียงเครือ เผลอยื่นมือไปลูบเอวของขวัญพัฒน์ สัมผัสผะแผ่วเพื่อไม่ให้รบกวนการนอน
“พอ! ถ้ามึงไม่เลิกอวด กูจะวาง! ไอ้เหี้ย สงสารคนไม่มีใครให้กอดอย่างกูบ้างโว้ย!”
ธนิกหัวเราะ อารมณ์ดีขึ้นมาเล็กน้อย “ขวัญตัวหอมมากไอ้โม ทั้งที่ขับวินตากแดดมาตลอด ทำไมแม่งไม่ดำบ้างวะ ขาวเกือบทุกส่วนเลยเวรเอ้ย กูจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว กูจะทนทุกคืนได้ยังไงโดยไม่ทำเรื่องไม่ดี”
ปฐพีสบถมาตามสาย เสียงเพลงคลาสสิกหายไปแล้ว มันคงไม่มีอารมณ์สุนทรีย์จะฟัง “ธนิกครับ เข้าเรื่องเถอะครับเพื่อน มึงจะเป็นไอ้โรคจิตแล้วรู้ตัวมั้ย”
“เออๆ ขอกูระบายหน่อยดิวะ กูแม่ง...จะบ้าตายเพราะขวัญอยู่แล้ว น่ารักฉิบหาย มีแต่คำว่าน่ารักๆ เต็มหัวกูไปหมดเลยตอนนี้ น้องแม่งดี...ดีมาก ดีกับใจกูสุดๆ”
ใบหน้าตอนยิ้มว่าน่ารักแล้ว ใบหน้าตอนหลับนั้นน่ารักกว่าอีกหลายเท่า ขวัญพัฒน์คงไม่รู้ว่าเขานั้นต้องหักห้ามใจตัวเองมากแค่ไหน ทำไมถึงเอาแต่ทำตัวน่ารัก พูดแต่ถ้อยคำที่เขาอยากฟัง มองเขาด้วยความจริงใจ เปิดเผยความรู้สึกให้ได้เห็น หัวใจของเขาเกือบวายทุกครั้งที่ร่างกายถูกมือนุ่มนั้นสัมผัส ขวัญพัฒน์จูบไม่เก่ง ความร้อนแรงก็ไม่มี ไม่ประสีประสาเรื่องอย่างว่าเลยแม้แต่น้อย ทว่ากลับปลุกให้ร่างกายของเขาร้อนผ่าวจนเกือบยั้งตัวเองไม่อยู่
อยากทำ อยากทำ อยากทำ!
ขวัญพัฒน์น่ารัก ยิ่งได้รู้จัก ยิ่งได้อยู่ใกล้ๆ ยิ่งน่ารักขึ้น บิตความน่ารักขึ้นทุกวินาที ทุกนาที ทุกชั่วโมง แม้รู้ว่าเขาจะรู้สึกอย่างนี้ไม่ได้ แต่ก็ยากเหลือเกินที่จะหักห้ามใจ
“ธนิก ยังอยู่มั้ยวะ” เสียงของปฐพีดังขึ้น แต่เหมือนดังมาจากที่ไกลๆ แต่นั่นก็พอแล้วที่ทำให้เขารู้ตัวว่าตอนนี้กำลังสร้างร่องรอยดูดกัดไว้ตรงโคนขาด้านในของขวัญพัฒน์ ได้ยินเสียงเจ้าตัวครางฮือก็ยิ่งยากจะถอยหนี อยากกระทำชำเราให้ยิ่งทำเสียงน่ารักมากกว่านี้ เขาใช้ลิ้นดูดดุนด้วยความมันเขี้ยว เป็นนานกว่าจะยับยั้งตัวเองได้
“โอเค กูสงบใจได้แล้ว” ธนิกเช็ดมุมปาก มองรอยสีกลีบกุหลาบอย่างพอใจ “เรื่องที่กูให้สืบดู ได้ความว่าไงบ้าง”
“ยังไม่ได้อะไร เขมินทราระวังตัวแจ ส่วนอาแขไขก็ยังไม่เคลื่อนไหว แต่น่าจะรู้แล้วว่าตอนนี้ขวัญอยู่กับมึง”
เขมินทรากับแขไข ศัตรูตัว ข ที่ยากจะรับมือ
ธนิกยกมือขึ้นลูบคาง สีหน้าครุ่นคิด ก่อนจะทอดมองขวัญพัฒน์ที่เพิ่งพลิกตัวนอนตะแคง กางเกงใส่นอนเลิกขึ้นจนเห็นอะไรต่อมิอะไร เขาข่มใจ ดึงกางเกงลงปิดให้ “ไม่รู้ว่าขิมต้องการอะไรจากขวัญ แต่กูว่าไม่น่าใช่เรื่องดี มึงตามดูให้หน่อยก็แล้วกัน กูไม่สบายใจจริงๆ ที่รู้ว่าขวัญติดต่อกับขิม”
“อย่างเด็กนั่นคิดเรื่องดีก็แปลกแล้ว” ปฐพีตอบกลับเสียงขุ่น “ตั้งแต่รู้จักมันมา กูยังไม่เคยเห็นมันคิดดีกับใคร แม้แต่กับมึงที่มันบอกว่ารักหนักหนา แต่สุดท้ายก็...”
“ช่างเถอะน่า” ธนิกตัดบท ไม่อยากฟังเพื่อนรื้อฟื้นความหลัง “เรื่องมันผ่านมาแล้ว”
“มึงก็พูดแบบนี้ทุกที ปกป้องมันตลอด มึงเกือบพังเพราะมันมาแล้วนะ จำไม่ได้รึไงวะ” ปฐพีเตือนความจำ ขัดใจกับการไม่เจ้าคิดเจ้าแค้นของธนิก ทั้งที่เพื่อนอย่างเขาอยากเอาคืนให้สาสมกับเรื่องที่เขมินทราก่อเอาไว้
คนไม่ลืมบอกเสียงแผ่ว “จำได้ กูไม่เคยลืม”
“มึงยังรักมันอยู่เหรอ”
“เปล่า” เขาปฏิเสธ “กูแค่รู้สึกผิด”
“แล้วกับน้องขวัญล่ะ”
“สงสาร”
“ปากแข็งไอ้เหี้ย”
ธนิกหัวเราะชอบใจกับคำด่าของเพื่อน “เออน่า กูจะคิดอะไรก็ไม่มีประโยชน์หรอก ยังไงสุดท้ายก็เป็นไปไม่ได้อยู่ดี กูถูกสาปไว้แล้ว”
ความรักที่แม้จะรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ก็ยังไม่สามารถควบคุมไม่ให้เกิดขึ้นได้ คงต้องโทษขวัญพัฒน์ที่เอาแต่ทำตัวน่ารัก เขาแพ้...แพ้หมดทุกทาง แต่ก็ยังหลอกตัวเองว่าสามารถหักห้ามใจได้ ทั้งที่แค่เห็นใบหน้าเศร้าสร้อยของขวัญพัฒน์ หัวใจของเขาก็ปวดร้าวขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้
“ถามจริงนะ” ปฐพีเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เพราะน้องหน้าเหมือนกันหรือเปล่าวะ ความรู้สึกเก่าๆ ก็เลยกลับมา”
“ไม่เหมือน” เขาเสียงขุ่น ไม่ต่างจากความขุ่นมัวที่เกิดขึ้นในใจ “ขวัญไม่เหมือนขิม ไม่มีอะไรเหมือนกัน อย่าเอาไปเทียบ กูไม่ชอบฟัง”
ขวัญพัฒน์ไม่มีทางเหมือนเขมินทรา พอๆ กับที่เขมินทราก็ไม่สามารถน่ารักได้เท่าขวัญพัฒน์ แม้จะเป็นฝาแฝด แต่ทุกคนบนโลกก็ไม่มีใครเหมือนใคร ทุกคนมีเอกลักษณ์ของตัวเองเหมือนอย่างที่เขามองเห็นถึงความต่างนั้น
ยิ่งได้รู้จักก็ยิ่งไม่เหมือน
“แต่สองคนนี้เป็นพี่น้องกัน ถึงน้องขวัญจะน่ารัก นิสัยดี แต่มึงก็ระวังตัวไว้ดีกว่า โดนหักหลังซ้ำซ้อนมันไม่เท่หรอกมึง มันดูโง่”
ธนิกคลี่ยิ้มเมื่อได้ฟังคำเตือน “คนสุดท้ายในโลกที่จะทำร้ายกูก็คือขวัญ ขวัญไม่มีวันหักหลัง ขวัญเป็นเด็กดี”
“ธนิก กูก็ไม่ได้อยากสงสัย แค่เห็นใบหน้าที่เหมือนเขมินทรากูก็อดระแวงไม่ได้ มันเหมือนไอ้เด็กนั่นในร่างคนดีที่กูไม่เคยจินตนาการถึง กูช่วยมึงมาตั้งแต่แรกแล้วกูก็ไม่อยากให้มึงพังไม่เป็นท่า มึงพยายามมากกว่าคนอื่น แม้พ่อมึงจะไม่เห็น แต่กูเห็น มึงรับปากกูมาดิว่าจะไม่ทิ้งสิ่งที่มึงทุ่มเทมาทั้งชีวิตเพื่อคนเพียงคนเดียว”
ปฐพีนั้นเป็นเพื่อนกับธนิกมาตั้งแต่จำความได้ ด้วยเพราะมารดาของธนิกสนิทกับมารดาของเขา สำหรับเขาแล้วธนิกเป็นเหมือนคนในครอบครัว เป็นเหมือนพี่น้องที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันมา พวกเขาเข้าใจซึ่งกันและกันเพราะต่างก็ไม่เป็นที่ต้องการของผู้เป็นพ่อ ธนิกพยายามมากแค่ไหนเขานั้นรู้ดียิ่งกว่าใคร แค่เพราะอยากเป็นที่รัก อยากเป็นที่ภูมิใจ ธนิกรักและเคารพคนคนนั้นเหมือนพ่อแท้ๆ ของตัวเอง แต่สุดท้ายก็ถูกหักหลัง สุดท้ายก็เป็นได้แค่คนนอกที่ไม่ได้มีสายเลือดเดียวกัน
“เออน่า กูไม่ทำเรื่องที่จะทำให้แม่เสียใจอีกแล้ว อีกอย่างต่อให้กูอยากทิ้ง แต่ขวัญก็คงไม่ยอมหรอก”
ขวัญพัฒน์คงไม่มีวันยอมทำเรื่องที่จะเป็นการทำร้ายเขา ขวัญพัฒน์เด็กดีของเขาแม้จะรู้ว่าตัวเองต้องเจ็บแต่ก็ยังอยากอยู่เคียงข้างกัน ไม่ว่าเขาจะมอบความเจ็บปวดแบบไหนให้ เขาก็แน่ใจว่าขวัญพัฒน์คงยินดีรับไว้โดยไม่กล่าวโทษหรือโกรธเกลียด และเพราะเป็นแบบนั้น สิ่งที่ตั้งใจจะทำจึงคลาดเคลื่อนไปหมดทุกอย่าง เขาต้องเปลี่ยนแผนการครั้งแล้วครั้งเล่า เปลี่ยนจนตอนนี้เริ่มจะพังไม่เป็นท่า
“ก็ดี จำคำพูดมึงไว้” ปฐพีเน้นย้ำมาตามสาย “ยังไงถ้ามีอะไรคืบหน้า กูจะบอกให้รู้ มึงก็เตรียมตัวรับมือกับพวกอาแขด้วยละกัน คงหาทางที่จะเอาตัวน้องขวัญไปแน่ๆ”
“ก็ลองมาดู กูก็อยากจะรู้นักว่าจะทำยังไง”
“น้ำเสียงมั่นใจมาก”
“ตอนนี้ใครก็เปลี่ยนใจขวัญไม่ได้หรอกว่ะ น้องแม่งรักกูมากเหี้ยๆ”
แค่นึกถึงความรักของขวัญพัฒน์ ธนิกก็ยิ้มกว้างเต็มใบหน้า เขาก้มลงจูบกลีบปากบาง บดคลึงเล็กน้อยให้คนน่ารักส่งเสียงครางออกมา
“โอ๊ย กูฟังแล้วผื่นจะขึ้น ตอนไอ้ขิมมึงก็พูดอย่างนี้แหละ แล้วเป็นไง สุดท้ายมันก็คิดจะเอาทุกอย่างที่เป็นของมันคืน ความโลภมันไม่เข้าใครออกใครเว้ย”
“แต่ไม่ใช่กับขวัญ ไม่ใช่กับเด็กดีของกูแน่ๆ แค่นี้นะเว้ยไอ้โม กูทำธุระต่อก่อน”
“ธุระเหี้ยไร ดึกขนาดนี้”
“บอกให้โง่!”
ธนิกกดวางสายก่อนจะวางโทรศัพท์มือถือลงบนโต๊ะข้างหัวเตียง เขาขยับตัวเล็กน้อย จัดท่าทางได้ตามต้องการแล้วก็ดึงขวัญพัฒน์มาในอ้อมแขน คนน่ารักกอดตอบพลางซุกศีรษะกับอกของเขา เสียงงึมงำไม่ได้ศัพท์แต่ริมฝีปากนั้นคลี่ยิ้ม
“ฝันดีครับเด็กดีของพี่” ธนิกบอกเสียงแผ่ว จูบที่หน้าผากลาด หนึ่งครั้ง สองครั้ง และอีกหลายครั้งอย่างห้ามตัวเองไม่ไหว
อยากให้ฝันถึงพี่...แต่ก็กลัวว่าจะเป็นฝันร้าย ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะเป็นฝันดีให้กับขวัญเหมือนกัน
พี่ขอโทษ
......................To be continue.........................
หายไปเกือบครบอาทิตย์แล้ว โอ๊ยยย เราขอโทษมากๆ เลยค่า เพิ่งจัดการพี่คิงเสร็จไปปปป แพ็กแบบหลังอาน เอ้ย หลังขดหลังแข็ง
ขอบคุณทุกความคิดเห็นค่า ขอบคุณสำหรับคำผิดด้วยนะคะ เดี๋ยวแก้ไขค่าาาา