]ลงใหม่แล้วกันเนอะ เอาตอนใหม่ไปด้วยเลย
*************************************************
ตอนที่21
“พี่ทำไมไม่เปิดไฟล่ะ.....แล้วกี่โมงแล้วนี่”
ผมพูดเบาๆครับ แทบจะกระซิบ
เหมือนผมถามกับตัวเองมากกว่า อีกอย่างนึงก็หน้าพี่เค้าอยู่ห่างกับผมนิดเดียวเอง ผมรู้สึกกลัวนิดๆ
“เกือบหกโมงแล้ว นอนเพลินเลยนะเรา หึ หึ” พี่ต่ายเอามือมาขยี้หัวผม
“ไหนโอมเขยิบหน่อยซิ มาคุยกันก่อน”
ผมขยับตัวเลื่อนให้พี่ต่ายนั่งพิงหัวเตียง ผมก็นั่งข้างๆพี่เค้าแหล่ะครับ ยังงัวเงียนิดหน่อย
“พี่เข้ามาได้ไงพี่”
ผมยังไม่หายสงสัย ว่าอยู่ดีๆทำไมพี่ต่ายมาอยู่ในห้องผม แล้วทำไมเราต้องมานั่งคุยมืดๆ สลัวๆแบบนี้ พี่ต่ายยังไม่ทันตอบ ผมเลยจะลุกไปเปิดไฟ
“จะไปไหน” พี่ต่างดึงมือผมไว้ครับ
“ไปเปิดไฟไงพี่......มันมืด”
“คุยก่อนซิ.....เดี๋ยวค่อยเปิด”
“มันแปลกๆนะพี่ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”
“ไม่มีใครเข้ามาหรอก เค้ารู้ว่าโอมหลับ”
“ตกลงพี่เข้ามาได้ไง ยังไม่ตอบผมเลย”
เอ้าคุยก็คุย แล้วมือไม่ปล่อยเลยนะ ชอบจับมือผมจริงๆเลย นี่ถ้าคิดตังค์เป็นชั่วโมงตอนจับมือผมคงได้เงินเยอะละ
“แม่โอมให้พี่มาอาบน้ำ ให้ผ้าขนหนูมา แต่ไม่ได้ให้เสื้อ พี่เลยว่าจะยืมเรา”
“แล้วจะคุยอะไรล่ะพี่......พี่กระต่ายไม่หนาวเหรอเดี๋ยวผมไปหยิบเสื้อให้”
พอได้ยินผมเรียกชื่อเต็มๆของพี่เค้า พี่ต่ายแอบยิ้ม
“ไม่หนาวหรอก.........พี่อุ่นในหัวใจ” พี่ต่ายพูดเสียงกระซิบ แถมทำแววตาวิบวับให้ผมด้วยซิ เอ่อ......ผมอึ้งอีกละ
เอ....แต่สถานการณ์ชักล่อแหลม แล้วสถานที่มันบ้านผม ป๋า แม่ พี่อิง อยู่กันเต็มบ้าน
ตื่นเต้นเว้ย เอาไงดีว้า เอาไงดี......จังหวะนี้...... เผ่นดีกว่า
“ผม ......”
ยังไม่ทันพูดอะไรเลยครับ แค่ขยับตัวนิดเดียวกำลังจะลุกขึ้น กลายเป็นว่าผมโน้มตัวไปหาพี่ต่ายเอง พอดีกับพี่ต่างดึงตัวผมเข้าไปหา เลยกลายเป็นว่าผมเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของพี่ต่ายเข้าไปแล้ว
เราสองคนไม่ได้พูดอะไรกัน ได้ยินแต่เสียงลมหายใจของกันและกัน ร่างกายเราแนบชิดกันผมได้กลิ่นสบู่จางๆจากตัวพี่ต่าย รับรู้ได้ถึงไอร้อนจากร่างกายของเราสองคน ผมว่าผมได้ยินเสียงหัวใจเต้น ตึกตัก ตึกตัก แต่ไม่แน่ใจว่าเป็นเสียงของใครระหว่างผมกับพี่ต่าย สงสัยเราจะเป็นโรคหัวใจเต้นแรงกันทั้งคู่
“ตอนนี้โอมคิดยังไงกับพี่” เสียงพี่ต่ายสั่นนิดๆ ผมสัมผัสได้กับลมหายใจร้อนของ
พี่ต่ายที่อยู่ที่ลำคอผม ตัวพี่ต่ายสั่นนิดๆ ผมก็สั่น........แต่สั่นสู้
ผมไม่รู้จะตอบยังไง เมื่อเช้าที่เราไปเที่ยวกัน บางครั้งผมรู้สึกเหมือนไปกับพี่ชาย แต่ส่วนใหญ่ทุกๆช่วงเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน ผมมีความสุขมาก
ผมรู้สึกอิ่มใจกับการเอื้ออาทรเล็กๆน้อยๆที่พี่ต่ายดูแลผม
ผมใจเต้นแรงเวลาเราสัมผัสตัวกันถึงแม้เราจะไม่ตั้งใจ
ผมอายเวลาที่ผมแอบมองร่างกายของพี่ต่าย
ผมดีใจเวลาที่ป๋ากับแม่กับพี่อิง เข้ากันได้ดีกับพี่ต่าย
“ความรู้สึกของพี่ที่มีต่อโอม มันมากขึ้นไปเรื่อยๆ”
“ ทุกๆช่วงเวลาที่เราได้อยู่ไกล้กันพี่มีความสุข” เสียงพี่ต่ายนุ่มนวลมากครับ ทำเอาผมเริ่มเคลิ้ม
พี่ต่ายคลายอ้อมกอดลงจากตัวผม จับไหล่ผมไว้ทั้งสองข้าง ตอนนี้ตัวเราอยู่ตรงข้ามกัน มองหน้ากัน แววตาพี่ต่ายที่มองมาที่ผมทำให้ผมไม่กล้าสบตาอีกแล้ว
“ผมก็มีความสุขเวลาอยู่กับพี่”
ผมตัดสินใจพูดสิ่งที่ผมรู้สึกออกไปด้วยเสียงแผ่วเบา แกล้งเสมองไปที่คอพี่ต่าย ไม่กล้าสบตาพี่ต่ายตรงๆ
แล้วพี่ต่ายก็ค่อยๆใช้สองมือประคองหน้าผม แล้วค่อยๆโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ผม ผมต้องหลับตาตอนที่พี่ต่ายค่อยๆมอบสัมผัสที่แสนอบอุ่นให้กับริมฝีปากผม มันไม่ได้แผ่วเบาเหมือนขนนุ่นเหมือนกับสัมผัสวันนั้นที่รถติดไฟแดง แต่มันทำให้ผมรับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่ทะนุถนอม ความห่วงใย ความอบอุ่น ที่พี่ต่ายมีมาให้ผม
ผมเปิดปากรับความรู้สึกทั้งหมดที่พี่ต่ายมีให้ผม ผมรู้สึกดีมากๆ ผมไม่รู้ว่ามันจะเป็นยังไงต่อไป จะไปไกลกันแค่ไหน ถ้าผมไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าพร้อมเสียงตะโกนของพี่อิงที่กำลังขึ้นมา
“โอม !!!!! ต่ายทำไมยังไม่ลงไปอีก แม่ให้มาตามไปกินข้าว เดี๋ยวก็กลับดึกหรอก เฮ้อ ทำไรกันอยู่ว่ะ”
ผมผลักพี่ต่ายกระเด็น แล้วกระโดดตีลังกาหน้ารวดเดียวไปเปิดไฟเลยครับ ถ้ากรรมการยิมนาสติกลีลามาเห็น คงรีบให้คะแนนผมเต็ม พี่อมรเทพ แววแสง คงอยากได้ผมไปเป็นรุ่นน้อง
แล้วรีบกระโดดไปที่ตู้เสื้อผ้า คว้าเสื้อยืดมาตัวนึงหยิบมามั่วๆ โยนไปให้พี่ต่ายที่ตอนนี้นั่งทำหน้างงๆอยู่ที่พื้นแถมโชว์อนาคอนดาให้ผมอยู่ ผมไม่มีเวลาดูมันหรอกครับ ไม่มีเวลาแล้ว
ผมรีบดึงกระเป๋าใส่เสื้อผ้าที่วางอยู่มาแกล้งทำเป็นนั่งลงจัดของอยู่ มือไม้สั่นไปหมดหยิบของเข้าๆออกๆ เหมือนเป็นโรคพาคินสัน หายใจหอบแรงไม่รู้ตัว
พี่อิงเปิดประตูทันทีโดยไม่เคาะ มารยาทดีอีกล่ะพี่ผม พอดีกับพี่ต่ายใส่เสื้อเสร็จ
“เสียงอะไรโครมครามหึ ชอบทำเสียงตึงตัง ไม่อายต่ายมันบ้าง”
พี่อิงคงได้ยินตอนผมกระโดดมาเปิดไฟ แล้วเหลือบไปมองพี่ต่ายที่นั่งเจี๋ยมเจี้ยมอยู่บนเตียง พร้อมนุ่งผ้าขนหนูกับเสื้อผมที่.......
“ต่ายมึงใส่เสื้ออะไรน่ะ เน่าชิบหาย...... โอมทำไมไม่เอาเสื้อที่มันดีกว่านี้หน่อยให้เค้ายืม บ้าเหรอ เสื้อตั้งแต่สมัยไหนว่ะ อุบาทว์”
ก็ผมชอบใส่เสื้อเก่าๆอยู่บ้าน อย่างที่ทำตอนอยู่กรุงเทพฯ แล้วไอ้ตัวที่โยนให้พี่เค้ามันย้วยมากเลยครับตรงชาย แต่มันรัดตรงตัวพี่เค้า เพราะพี่ต่ายตัวสูงใหญ่กว่าผม ถึงแม้เสื้อผมมันจะย้วยเละยังไง มันก็ยังคับอยู่ดี ไม่รู้พี่เค้ายัดลงไปได้ยังไง ผมก็ขำแทบตายแต่ต้องกลั้นหัวเราะเอาไว้
“กู...กู... หยิบมาเองแหล่ะ เกรงใจโอม” พี่ต่ายพูดอ้อมๆแอ้มๆครับ แล้วมองหน้าผมแบบว่าฝากไว้ก่อน
“ผมก็บอกพี่แล้วไม่เชื่อว่าอย่าเอาตัวนี้ มันเก่าเห็นไม๊ผมโดนพี่อิงว่าเลย” ผมพูดไปยิ้มไป พี่อิงไม่เห็นครับหันหลังอยู่ ผมทำท่าหัวเราะแบบไม่มีเสียง
“เออๆ เปลี่ยนซะ ทุเรศว่ะ กูก็บอกโอมแล้ว เสื้อตัวนี้กูเห็นมันใส่ที่ไรกูรักสะอาดทันที”
“มันเกี่ยวไรกันว่ะ” พี่ต่ายงง ผมก็เง็งครับ
“ก็กูอยากไปจับแม่งมา ถอดทำผ้าขี้ริ้วนะซิ555 ท่าทางจะเนื้อนุ่มดี ซับน้ำด้วย” ผมละเบื่อพี่ผมจริงๆครับ มุขบ้าอีกล่ะ
“แล้วสองคนเป็นอะไร เป็นไข้แดดเหรอ หน้าแดงทั้งคู่ ไรว่ะแค่เดินป่าไม่กี่กิโลเอง แล้วเหงื่อแตกพลั่กอีก แอร์ก็ออกจะเย็น”
พี่ผมชักจะฉลาดแล้ว ต้องรีบให้ออกไปโดยด่วน ผมเลยรีบบอกพี่อิงว่า
“ไม่ได้เป็นอะไรหรอกน่า เดี๋ยวเค้าเก็บของเสร็จแล้วลงไปเอง”
“เออ....เร็วรีบลงไป เค้ารอกินข้าวกันอยู่อย่าช้าล่ะ” พี่อิงบอกก่อนเปิดประตูออกไปครับ
พอพี่อิงลงไปเราสองคนถอนหายใจเฮือกใหญ่เลยครับ
แล้วพี่ต่ายเดินมาเขกหัวผม
“โอ๊ย ทำไรพี่ ผมเจ็บน่ะ”
“อยากมาแกล้งพี่ทำไม ดูซิ เอาเสื้ออะไรมา ถอดก็ไม่ออก”
ผมได้แต่ยืนหัวเราะจนปวดท้องครับ
ก็พี่ยัดเข้าไปได้ยังไง๊ มันคับขนาดนั้น พี่ต่ายพยายามถอดอย่างทุลักทุเล แต่มันติดตรงหน้าอก แป๊ปเดียวครับแคว๊กกกก......ขาดเลยครับเสื้อตัวโปรดของผม
“เฮ้ย น้องย้วย ขาดเลยอ่ะพี่”ผมรีบไปรับเสื้อจากพี่ต่ายครับ เอามาพลิกๆดู
“โหยจะซ่อมได้ไม๊เนี่ย ขาดขนาดนี้ สงสัยต้องเป็นเป็นผ้าขี้ริ้วจริงๆแล้วมั๊งเนี่ย” ผมเริ่มโอดครวญ
“พี่ไปซ่อมให้ แต่ซ่อมแล้วพี่ขอได้ไม๊”
“พี่จะเอาไปทำไม พี่ก็ใส่ไม่ได้”
ผมหันไปถามพี่ต่ายที่ยืนเปลือยอกอยู่ เออ...ผมลืมเอาเสื้อใหม่ให้พี่เค้าเลย ผมเลยเดินไปหยิบเสื้อให้พี่ต่ายใหม่
“พี่จะเอาไปเป็นที่ระลึก เวลาเอามาดูพี่ก็จะได้นึกถึงเรื่องวันนี้ของเรา”
แล้วพี่ต่ายก็ทำปากส่งจูบมาให้ผม แถมด้วยยิ้มหล่อๆแบบของพี่
ผมรีบเอาเสื้อตัวใหม่ยัดใส่มือพี่ต่าย ยกกระเป๋าของผม เปิดประตู แล้วบอกพี่ต่ายว่า
“ผมลงไปก่อนนะพี่เดี๋ยวรีบตามลงไปล่ะ”
รีบวิ่งลงบันไดไปเลยครับ ไม่ไหวแล้วครับ เพิ่งนึกได้ว่าทำอะไรลงไป มันเขินครับ
***********************************************************
หลายคนคงผิดหวังไปต่อว่าพี่เอิงกันเอาเองครับ