ตอนที่ 06
จูบดีกว่าหอม
“สวัสดีครับแม่” มันมาอีกแล้วครับ
ผมได้ยินเสียงนี้ทุกสองถึงสามวันตลอดทั้งเดือน ยิ่งตอนนี้ตาลปิดเทอมแล้วที่บ้านยิ่งครื้นเครงเข้าไปใหญ่เมื่อมันมา อย่างเช่นวันนี้ที่แม่ยอมออกจากร้านมารอต้อนรับอย่างดิบดีพร้อมกับขนมที่หอบหิ้วมาหลายกล่อง
คือมันก็เอาของฝากมาให้นะ แต่ทำไมบ้านเราต้องเอาของมาฝากมันอีกต่อด้วยก็ไม่รู้
“สวัสดีจ้าหนูพีท เข้ามาก่อนเร็ว” แม่ผมเองครับ ท่านใจดี วงเล็บว่ากับมันเท่านั้น
แม่ผมเป็นคนตัวเล็กแบบที่ยัยตาลได้ไปเต็มๆ ดีอยู่อย่างที่ผมเหมือนพ่อก็เลยสูงชะลูดอยู่ที่หนึ่งร้อยแปดสิบพอดี อย่าถามว่าผมสูงขนาดนี้ทำไมดูเตี้ยกว่ามัน
มันไม่ใช่คนไงครับผมฟันธง!
คนไทยแท้แต่แม่งเกือบร้อยเก้าสิบ ผ่าเหล่าผ่ากอจริงๆเลยให้ตาย
“พี่พีทมานี่เร็ว วันนี้ตาลช่วยแม่ทำขนมด้วยล่ะ มาช่วยชิมหน่อยว่าอร่อยหรือเปล่า” น้องสาวผมก็ต้อนรับขับสู้มันดีไม่ต่างกับแม่เท่าไหร่ อยากเข้าไปขัดนะครับแต่ทำไมได้
เหตุที่เป็นแบบนี้คงเริ่มตั้งแต่ต้นเดือนก่อน...
ไม่อยากพูดถึงว่ะแม่ง!
“พวกพี่เป็นอะไรกันน่ะบอกตาลมานะ!” น้องผมพูดใส่เสียงดังแล้วจ้องมาตาขวาง
ไม่รู้จะบอกยังไงเหมือนกันก็เลยลากมันเข้ามาในบ้านแถมท้ายด้วยลากขึ้นห้องไปคุยเพราะกลัวว่าใครในบ้านจะกลับมาได้ยินอีก นั่นมันศักศรีทั้งชีวิตเลยนะครับ!
“สรุปว่ายังไงอ่ะ พี่เล่ามาเดี๋ยวนี้นะ”
“ก็ไม่มีอะไรหรอกน่า”
“ไม่มีอะไรที่ไหนกัน ตาลเห็นพี่พีทหอมแก้มพี่เต็มสองตาเลย ไม่เชื่อดูนี่” พูดจบก็ยืนโทรศัพท์มาตรงหน้าผมเหมือนที่เคยทำเวลาจะให้ดูอะไร
สิ่งที่เห็นทำให้ตกใจยิ่งกว่ารูปที่มันแบกผมขึ้นรถเสียอีก จะคว้ามือถือกรอบสีชมพูแปร๋นนั่นมาลบก็ไม่ทันเจ้าของที่ดึงกลับคืนแล้วเอาไปซ่อนไว้ข้างหลัง
ไม่ต้องถามเลยครับว่ารูปอะไร ก็รูปที่มันก้มลงหอมแก้มผมพอดิบพอดีนั่นไงล่ะ
“ลบเดี๋ยวนี้นะยัยตาล แล้วแกถ่ายรูปพี่ทำไมเนี่ย”
“ไม่เอาไม่ลบ ตอนแรกตาลจะถ่ายรูปพี่พีทต่างหาก อย่ามาเปลี่ยนเรื่องเลย บอกมาก่อนว่าเกิดอะไรขึ้นกับพี่ถึงได้ยอมผู้ชายด้วยกันแบบนั้นน่ะ”
“ยอมอะไรวะ พี่ไม่ได้ยอมเว้ย! ไม่เห็นหรือไงว่ามันเล่นทีเผลอน่ะ” พูดไปแล้วก็ยังเซ็งไม่หาย ตัวใหญ่แต่ไวปานวอกแบบนั้นใครมันจะหลบทัน
“ไม่รู้ล่ะ ปกติเพื่อนผู้ชายเขาคงไม่ทำอะไรแบบนั้นกันหรอก”
“จะให้เล่าอะไรวะแม่ง” สบถกับตัวเองแล้วนั่งลงบนเตียงอย่างหมดแรง
ทำให้กูเจอปัญหานะมึงนะเชี่ยพีท เจออีกกูซัดไม่เลี้ยงแน่ ฮึ่ม!
“งั้นพี่ไม่ต้องเล่า เดี๋ยวตาลถามเองพี่ก็ตอบมาแล้วกัน” ประโยคแรกแอบดีใจที่ไม่ต้องเล่าอะไรให้มันฟัง พอมาถึงประโยคที่สองเล่นเอาปวดหัวหนึบ
“พี่ไม่ใช่เพื่อนกันใช่ไหม”
“เออ! ไม่เคยญาติดีกับมันด้วยเถอะ”
“จริงๆเห็นหน้าไม่พอใจของพี่ตอนที่พี่พีทเขาพูดด้วยก็พอจะรู้แหละ อย่าบอกนะว่าแผลที่ปากเขานั่นฝีมือพี่น่ะ”
“ก็ใช่ แล้วทำไมวะ ผู้ชายมีเรื่องกันนิดหน่อยจะเป็นไรไป”
“พี่จะบ้าเหรอ นั่นเขาใช้หน้าตาทำมาหากินนะ!”
“เรื่องของมันสิ มันมาหาเรื่องพี่ก่อนนี่”
เหมือนว่าเรื่องจะกลายเป็นการทะเลาะกันของเราแทนมากกว่าการตอบคำถามธรรมดาผมจึงยกมือห้ามให้ตาลรู้ตัวก่อนที่เธอจะชะงักแล้วทำท่าคิดคำถามต่อไปแทน
“แล้วนี่พี่เป็นแฟนกันหรือเปล่า” ตรงประเด็นมากครับน้องสาว แต่แกลืมไปใช่ไหมว่าพี่พึ่งชกมันไปน่ะแล้วแฟนที่ไหนเขาทำกันแบบนั้นวะ ผมไม่ได้ซาดิสนะเออ
“ไม่ใช่!”
“งั้นพี่พีทหอมแก้มพี่ทำไมน่ะ”
“จะไปรู้มันหรือไง แกไปถามมันเองง่ายกว่าเปล่าวะ” บอกไปแบบเซ็งๆเพราะคำถามไม่ได้ไปไกลกว่าเรื่องเล็กๆน้อยๆเลย แล้วที่พูดไปแบบนั้นเพราะคิดว่าน้องมันคงไม่ได้คุยกับเชี่ยพีทมันอีกครั้งหรอก
“อ่ะ จริงด้วย งั้นเดี๋ยวตาลโทรถามพี่พีทเอง” พูดจบก็รีบลุกออกไปจากห้องทันทีจนห้ามไม่ทัน
“เฮ้ย! ไปขอเบอร์กันมาเมื่อไหร่วะ” ตะโกนถามไล่หลังไปก่อนที่ประตูจะปิดแต่คำตอบที่ได้มาทำให้แทบลมจับ
“ไม่ใช่แคร์เบอร์นะพี่ ที่อยู่บ้านเราก็เขียนให้พี่เขาไปกลัวว่าพี่เขาลืมอ่ะ”
เจริญล่ะน้องสาว หาปัญหามาให้พี่ชายตัวเองได้นะ
บ้านผมอยู่ในโซนบ้านจัดสรรที่ออกจะทางเลี้ยวเยอะแถมภายนอกก็ดูจะเหมือนกันหมด อุตส่าห์เบาใจว่ามันคงมาอีกไม่ถูกแต่ดูว่าตอนนี้แค่ถามยามหน้าหมู่บ้านก็คงจะเชิญมันมาหาให้ถึงที่เชียวล่ะ
ว่าแต่ว่าไอ้พีทมันจะตอบคำถามยังไงกันนะ
หลังจากวันนั้น อีกวันเชี่ยพีทก็มาที่บ้านจริงยัยตาลรีบไปรับหน้าเต็มที่แถมยังคุยกันอย่างสนิทสนมเกี่ยวแขนเขามาในบ้านด้วยตัวเอง ไม่รู้ว่าพูดคุยอะไรกันไปบ้างเมื่อวานนี้ถึงได้ดูจะเข้าขากันสุดๆ
พีทมันเวียนมาเที่ยวที่บ้านผมจนสนิทกับแม่ด้วยแต่ดูเหมือนพ่อจะเข้าข้างผมอยู่เพราะดูจะไม่พอใจเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าไม่พอใจที่มันเข้าใกล้แม่หรือไม่พอใจที่มันตัวติดกับลูกสาวสุดที่รักกันแน่ พี่เติ้ลยังไม่เคยเจอกับมันเพราะตอนนี้ติดธุระที่ญี่ปุ่นกับเจ้านายอยู่แต่ก็โทรมาถามไถ่เรื่อยๆ ส่วนผมนั้นก็โดนมันตอดเล็กตอดน้อยตลอดผมก็ตอกมันกลับด้วยมือบ้างเท้าบ้างไปตามความเหมาะสม เห็นโอดโอยไปหาน้องสาวผมจนน่าหมั่นไส้
“วันนี้มาเย็นเลยนะจ๊ะ แม่นึกว่าจะไม่มาเสียแล้ว” แม่ผมพูดกับมัน
มันมาผิดเวลามากครับ ถึงจะโทรมาบอกน้องสาวผมก่อนแล้วว่าวันนี้จะมาหาแต่ปกติก็ไม่เคยมาเกินเวลาบ่ายกว่าๆแต่นี่เล่นซะเกือบหกโมงเย็น ฟ้าเริ่มจะมืดแล้วด้วยก็ยังจะดั้นด้นมาอีก
“ผมหาของสำคัญไม่เจอน่ะครับ แต่ตอนนี้เจอแล้วก็เลยรีบมาครับแม่” เรียกแม่เต็มปากเต็มคำเลยนะมึง ถ้าไม่ติดว่ามันเคยเล่าว่ามันไม่มีพ่อแม่แล้วผมจะพูดให้หน้าหงายเลย
“คุณ ผมหิวแล้วนะเมื่อไหร่จะคุยกันจบ” พ่อพูดเสียงเข้มพลางเดินลงจากบันได
“คุณก็ รอหน่อยสิคะ งั้นหนูพีทอยู่กินข้าวกับแม่นะลูก”
“ผมกำลังหิวเลยครับ” เอ่อ... มึง ปฏิเสธบ้างเป็นไหมวะ
แล้วครอบครัวเราสี่คนกับอีกหนึ่งส่วนเกินก็นั่งกินข้าวเย็นด้วยกัน พ่อผมนั่งหัวโต๊ะ ผมกับแม่นั่งตรงข้ามกัน ข้างๆแม่เป็นตาลส่วนข้างๆผม เหอะ จะใครอีกล่ะ ก็ไอ้ส่วนเกินไงครับ
“เต้ก็ตักอาหารให้พีทเขามั่งสิ” แม่ผมสั่ง นี่ว่าจะอยู่เงียบๆไม่สนมันแล้วเชียวนะ จากนั้นผมก็ตักกับข้าวให้มันเหมือนที่แม่ว่า คนนี้ขัดไม่ได้ครับ
แดกไปเยอะๆเลยผักน่ะมีประโยชน์
ว่าจะแกล้งสักหน่อยแต่ก็คงล้มเหลวเมื่อมันหันมายิ้มหวานแล้วจ้วงเข้าปากอย่างแช่มชื่นเหมือนเดิม
“เต้ก็กินเยอะๆนะ เนื้อมีประโยชน์” ว่าแล้วมันก็ตักหมูบ้างต้มปลาบ้างลงในจานผม รู้สึกว่าตัวเองเลวมากตงิดๆเมื่ออีกฝ่ายเอาแต่ของชอบมาให้แบบนี้
ก็ไม่ได้พูดอะไรตอบกลับไปแล้วก็ตักกินจนอิ่มโดยมีมันตักกับข้าวให้จนแทบไม่ได้แตะช้อนกลางเอง แล้วผมจะปฏิเสธทำไมล่ะในเมื่อที่มันตักมาให้แต่ละอย่างของชอบผมทั้งนั้นเลย
“ว่าแต่หนูพีทจะไปเรียนต่อที่ไหนจ๊ะ” แม่ผมถามลูกรักคนใหม่เสียงหวาน
“มหาลัยเอกชนเครือเดียวกับของโรงเรียนน่ะครับ”
“เราไม่ไปสอบที่ไหนบ้างเหรอ เต้เขาก็ไม่ยอมไปสอบเลยชอบบ่นว่าที่ไหนก็เหมือนกันแม่ก็หนักใจ เห็นบอกรอแอดมิดชั่นอย่างเดียวก็พอ” แม่บ่นกระทบผม
“งั้นมาเรียนที่เดียวกับผมไหมครับ”
แค่กๆ
พีทมันพูดชวนครับ นี่เล่นสำลักน้ำที่กำลังยกดื่ม แม่ผมก็ดูจะเห็นด้วยดูจากแววตาที่เป็นประกายนั่น
“ก็ดีสิ”
“ไม่เอานะแม่! ที่นั่นไกลนะ” รีบขัดก่อนที่แม่จะตกลงปลงใจไม่งั้นคนที่ซวยน่าจะเป็ผมเอง มันต้องวางแผนอะไรไว้แน่ๆล่ะครับ ไอ้นี่ไว้ใจได้ที่ไหน หน้าตาน่ะคนดีของสังคมแต่เบื้องลึกผมเจอมาเองผมรู้
เหตุการณ์วันนั้นมันฝังใจจริงๆ
“ที่โรงเรียนเราไกลกว่าอีกนะ เกรดเราก็ใช่ว่าจะดีไปติดต่างจังหวัดจะทำยังไง” แม่หันมาพูดเสียงดุ
“เด็กผู้ชายนะคุณ ไปเรียนไกลก็ไม่เห็นจะเป็นไร” ขอบคุณครับพ่อ พ่อทำให้ผมรู้ว่ายังมีคนหนุนหลังผมอยู่
“หยุดเลยคุณน่ะ ชอบให้ท้ายจนลูกจะเสียคนอยู่แล้ว ท้าตีท้าต่อยจนเจ็บกลับมาบ่อยๆไม่เห็นหรือยังไงคะ อยู่ใกล้ตานี่ดีที่สุดแล้ว” คราวนี้แม่หันไปว่าพ่อแทนจนพ่อต้องพยักหน้าเงียบๆ
แม่ผู้ชนะเสมอ...
ผมเสียคนหนุนหลังให้กับคำว่าเกลียมัวไปแล้วครับ
“แต่ค่าเรียนมันแพงนะแม่”
“เราน่ะหยุดเลย แม่ตัดสินใจแล้ว ไปเรียนที่เดียวกับหนูพีทเขานั่นแหละ ส่วนเรื่องเงินแม่หาได้จ๊ะ” มาเป็นชุดแบบไม่ถามไม่ไถ่สวัสดิภาพลูกในวันข้างหน้าสักคำ
คุยกันอีกนิดหน่อยก่อนจะย้ายไปนั่งคุยกันที่ห้องนั่งเล่นอีกที พ่อขอตัวขึ้นไปนอนดูทีวีข้างบนส่วนแม่กับตาลก็ผูกขาดการพูดคุยกับพีทมันจนผมแทรกแทบไม่ได้ ไม่รู้เหมือนกันว่าคุยอะไรกันมากมายขนาดนั้น
ไปๆมาๆก็หันมาถามเรื่องคณะที่ผมจะเรียนบ้าง นี่คือสรุปว่าผมคงต้องไปเรียนที่เดียวกับมันจริงๆแล้วล่ะเพราะในบ้านคุณแม่เขาใหญ่สุดแบบไม่มีใครกล้าขัด
“แม่ มันดึกแล้วนะ ปล่อยมันกลับบ้านได้แล้วมั้ง” ผมบอกเพราะดูเวลาเกือบจะห้าทุ่มแล้ว
เอาอะไรมาคุยกันมากมายครับ มันก็มาบ่อยยังจะมีอะไรคุยกันได้อีกเรอะ!
“ทำไมพี่ชอบขัดอยู่เรื่อยเลยนะ” อ่าว... โดนอีกแล้วผม
ช่วงนี้ทำอะไรก็ผิดตลอดครับ ยิ่งวันไหนที่มันมาผมทำอะไรก็ยิ่งผิดกว่าเดิม ใช่สิ นั่นมันลูกรักคนใหม่นี่นะ เหมือนจะได้กลิ่นหัวเน่าของตัวเองลอยมาตามลมหน่อยๆ
“งั้นผมว่าเดี๋ยวผมกลับก่อนดีกว่านะครับ”
“วันนี้นอนที่นี่ไหมลูก พรุ่งนี้แม่จะได้ทำข้าวต้มกุ้งให้กิน เห็นว่าเราชอบนี่” เอาใจใหญ่เลยครับ แต่แม่จะให้มันนอนที่นี่จริงเหรอ
“ที่นอนมันก็มีปล่อยมันไปเถอะน่า”
“ลูกคนนี้นี่ยังไงไม่ห่วงเพื่อนเราบ้างเลย กลับบ้านดึกๆมันอันตรายนะ ไม่รู้ล่ะแม่จะให้นอนนี่แหละ” หันมาดุแล้วทำตาเขียวจ้องผมแบบนั้นคิดว่าผมจะยอมหรือครับ
เอาเลยครับผมไม่ขัด!
ก็ผมยังไม่อยากถูกหักเงินค่าขนมเท่าไหร่นี่นะ
“ดีเลย งั้นพี่พีทก็นอนห้องพี่เต้นะ” หันขวับกับประโยคนี้ของน้องสาวตัวเอง
“ไม่เอา! ให้ไปนอนห้องอื่นสิ เตียงพี่ไม่ได้ใหญ่ขนาดพอที่จะให้ผู้ชายตัวโตสองคนนอนได้หรอกนะ” ต้องรีบแย้งก่อนที่จะสายเกินแก้ แค่คิดก็เสียวสันหลังวาบเลยถ้าจะให้นอนด้วยกันอีกที
แล้วสรุปมันไปพูดอะไรกับน้องผมวะยัยตาลถึงได้พยายามจะให้เรานอนด้วยกันเหลือเกิน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกครับที่น้องผมเสนอ แต่ทุกครั้งมันมาตอนบ่ายไงพอจะกลับก็ยังไม่เย็นมากก็เลยไล่กลับได้
เอ... หรือมันวางแผนให้ตัวเองมาช้าวะ
เหมือนผมจะกลายเป็นโรคคิดมากไปแล้ว
เพราะมันเลย! เชี่ย!
“เตียงหกฟุตมันใหญ่นะพี่เต้”
“ให้มันไปนอนห้องพี่เติ้ลดิ”
“ห้องพี่เติ้ลมีแต่เอกสารอะไรไม่รู้เยอะแยะ พี่เขายังไม่ให้เราเข้าไปเลยแล้วจะยอมให้คนอื่นเข้าไปได้ยังไง” ก็จริงของตาลมัน แต่มันใช่เรื่องของผมที่ต้องแบ่งที่นอนให้มันเหรอวะ
“งั้นก็ปล่อยให้มันกลับไปนอนที่บ้านมันดิ”
“ผมกลับไปนอนที่คอนโดก็ได้ครับแม่ น้องตาล อยู่คนเดียวก็เหงาๆบ้างแต่ก็สะดวกดีครับ”
“นี่เราอยู่คนเดียวเหรอเนี่ย งั้นแม่ให้นอนนี่แหละ”
“แม่!”
“หยุดเลยเต้! แม่ตัดสินใจแล้ว เข้าใจนะ” หันมาดุผมอีกทีแล้วก็ไปปลอบมันต่อ
แม่หลงกลมันแล้วนะ เมื่อกี้ผมเห็นมันแอบยิ้มด้วย!
ดูเต้จะยังไม่ชอบผมเอามากๆเลย เจอกันทีไรก็เห็นมองตาขวางแถมมือและเท้ายังไวพอที่จะทุบผมอีกต่างหาก เห็นทีกว่าจะได้มาเป็นของตัวเองจริงๆผมคงน่วมไปทั้งตัว
เต้กำลังอาบน้ำอยู่ล็อกประตูซะแน่นหนาเสียด้วยสิ คิดว่าจะเข้าไปแกล้งสักหน่อยแต่ดูอีกคนจะรู้ทันเสียแล้ว น่าเสียดายอยู่หรอกแต่ถ้ารุกมากไปจะกลายเป็นเกลียดกันเปล่าๆก็เลยได้แต่ตอดเล็กตอดน้อยไปเรื่อยก่อน
อยู่ว่างๆก็สำรวจห้องนอนของเขาที่ออกจะรกไปสักหน่อยแต่ก็เหมาะกับลักษณะนิสัยของเจ้าตัวดี ห้องทั้งห้องเต็มไปด้วยหนังสือกีฬาแล้วก็หนังสือจำพวกรถหรือดูอีกทีคือหนังสือนางแบบที่ถ่ายกับรถ ก็พอจะเข้าใจนะครับ พอเห็นอะไรที่ดูจะเต็มไม้เต็มมือแบบนั้นผู้ชายอย่างเราก็ออกจะกระชุ่มกระชวยหัวใจ
ตู้ไม้ใบใหญ่แล้วก็เตียงหกฟุตปูด้วยผ้าปูสีดำสนิทรวมไปถึงปลอกหมอน ทั้งห้องมีแค่นี้จริงๆนะครับ ขนาดนาฬิกาปลุกหรือโคมไฟก็ยังไม่มี อาจจะเพราะส่วนใหญ่ไม่ได้อาศัยอยู่ที่นี่ก็ได้ โรงเรียนของเต้ไกลครับ เขาอาจจะอยู่หอแล้วของส่วนใหญ่ก็คงอยู่ที่นั่น
คิดอะไรเองอยู่เงียบๆก็นึกไปถึงเรื่องของตาลที่โทรไปหาเขาเมื่อเดือนก่อน
คำถามแรกถูกส่งออกมาว่าเขากับเต้เป็นแฟนกันหรือเปล่า ออกจะตกใจอยู่บ้างแต่พอฟังจากน้ำเสียงแล้วดูจะตื่นเต้นมากกว่าโกรธก็เลยตอบไปตรงๆว่าใช่ เสียงกรี้ดเบาๆที่ลอดเข้ามาทำให้ต้องหัวเราะหน่อยๆ นั่นทำให้รู้ว่าพี่น้องคู่นี้ดูจะไฮเปอร์เหมือนกันสุดๆ
จะว่าไปผมยังไม่เคยเจอพี่คนโตของบ้านเลย
สรุปว่าที่โทรคุยทั้งหมดก็ไม่ได้มีอะไรมากแค่เล่าบางส่วนให้ฟังซึ่งส่วนใหญ่ผมก็มโนไปเอง อย่างเช่นบอกว่าเต้เขินที่จะบอกว่าผมกับเขาเป็นแฟนกันเป็นต้น
เห็นว่าตาลจะคอยช่วยเขาเพราะเขาไปบอกว่าเต้กำลังโกรธเขาอยู่ ผมว่าผมชักจะโกหกคล่องขึ้นเยอะ
ก็นะ... ผมไม่ใช่คนดี เต้เขาคิดถูกแล้วล่ะ หึหึ
“มึงจะนั่งยิ้มคนเดียวอีกนานไหม กูโคตรหลอน” เขาไม่เคยพูดดีๆกับผมจริงๆนะเนี่ย
กางเกงนอนขายาวตัวเดียวเปลือยแผ่นอกที่นูนเด่นพร้อมกับกล้ามท้องที่ขึ้นเป็นลูกสวย มองตั้งแต่หัวจรดเท้าดูยังไงก็ผู้ชายทั้งแท่งแต่ไหงมองแล้วน่ากินแบบนี้ก็ไม่รู้
ปุ!
เสื้อนอนกับกางเกงขายาวถูกโยนลงบนหน้าผมเต็มๆ เจ็บนิดๆเพราะเจ้าตัวคงไม่ได้ออมแรงแถมยังตั้งใจโยนสุดๆ ถนอมผมนี่ไม่เคยเลยจริงๆ
“ไปอาบน้ำไป ถ้ายังไม่อาบมึงก็กลับไปนอนบ้านซะ” ไล่ตลอดเลย
“ครับๆ”
อาบน้ำไม่นานก็เดินออกมาเห็นเต้หลับไปแล้ว เขานอนฝากหนึ่งของเตียงในท่านอนหงายนิ่งๆปล่อยลมหายใจออกมาเบาๆสม่ำเสมอให้รู้ว่าหลับไปแล้ว เสื้อก็ยังไม่ใส่อยู่แบบนั้นทั้งๆที่เปิดแอร์ไว้ยี่สิบสององศา อีกอย่างที่ผมได้รู้ตอนนี้คือเขาเป็นคนขี้ร้อน
อ้อ... เป็นคนที่ไม่ระวังตัวเองด้วย
เขาลืมไปแล้วหรือเปล่าว่าผมเคยจับเข้ากดมาก่อนน่ะ หรือผมควรทบทวนความทรงจำของเราสองคนดี ซึ่งนั่นเป็นอะไรที่น่าสนใจอยู่
ปีนขึ้นเตียงไปนั่งมองอีกคนที่หลับตาพริ้มจนอดไม่ได้ที่จะก้มลงไปหอมแก้มเบาๆ เต้ขยับตัวเหมือนจะรำคาญแต่ก็ยังไม่ตื่นผมก็เลยกดจมูกลงข้างแก้มอีกครั้งแรงๆ
ผลัก!
ฝ่าเท้าเข้าเต็มๆท้องน้อยจนหงายหลังเกือบตกเตียง บอกคำเดียวว่าจุกครับถึงแม้กล้ามท้องผมจะแน่นแต่ถ้าโดนกระแทกจังๆก็ตัวงอได้เหมือนกัน
“มึงจะนอนดีๆไม่เป็นหรือไง ทำกูขนลุกอีกแล้วนะสัด”
“ผมไม่ได้ทำอะไรมากสักหน่อยก็แค่หอมแก้มเอง” พูดแล้วก็ขยับเข้าไปใกล้อีกคนที่ชูหมัดขู่ก็เลยชะงักไป
“ถึงโดนมึงเอาไปครั้งนึงแต่กูยังไม่สาวแตกป่ะ จะคิดว่าทำบุญให้มึงไปแล้วกัน ถ้าอยู่ๆให้ผู้ชายตัวควายๆแบบมึงมากอดมาหอมกูยอมไปนอนกับไอ้ด่างข้านบ้านว่ะ” บางทีผมก็คิดว่าเต้เป็นคนที่พูดตรงมากทีเดียว รู้สึกเขาจะไม่มีอาการเขินอายสักนิดเมื่อพูดถึงเรื่องที่เราเคยทำอะไรกันไป
“ผมก็ไม่ได้จะทำอะไรมากนี่ ถ้ายอมให้ผมหอมแก้มผมจะไม่ทำอะไรอีกเลย จริงๆนะ”
“แล้วทำไมกูต้องยอมมึงน่ะ ฝันอยู่หรือไงวะ อยากฝันก็นอนไป” รู้สึกเขาจะไม่ชอบใจจริงๆนะครับ เห็นลูบแขนตัวเองเบาๆคงรู้สึกขนลุกขนพองเมื่อผู้ชายด้วยกันไปหอมอย่างที่ว่ามา
“งั้นเรามาทำอย่างอื่นกันดีกว่า” แต่ผมยังไม่ยอมแพ้หรอกน่า
“หยุด! มึงหยุด” ถึงอีกคนจะพยายามห้ามแต่มีหรือที่ผมจะฟังเลยกระโจนเข้าหาก่อนที่เขาจะตั้งตัวทัน
ตัวน่ะตั้งไม่ทันครับแต่เท้าตั้งทันยันท้องผมไว้ก่อนที่จะถีบเข้าให้อีกรอบตามมาด้วยหมัดที่สวนเข้าข้างแก้มเต็มๆ เจ็บตัวทุกทีแต่ก็ไม่เคยจำจริงๆผม
กำลังมึนๆนอนแผ่อยู่บนเตียงเต้ขึ้นมาคล่อมเอวยกหมัดขึ้นเหมือนกำลังจะชกลงมา ตอนแรกนึกว่าจะโดนอีกก็เลยนอนหลับตารอรับชะตากรรม ผิดคาดนิดหน่อยที่อยู่ๆรู้สึกว่ารอบตัวนิ่งสนิทก็เลยลืมตาขึ้นมาดู
ใบหน้าที่ห่างกับคืบเดียวกับดวงตาสีดำเข้มที่จ้องกลับมาทำให้หัวใจเต้นตึกตักก่อนที่ริมฝีปากของเขาจะแนบลงมา
นี่คือผมโดนชกจนสลบแล้วฝันหรือเปล่า...
เจ็บ!
แผลที่มุมปากเมื่อชนเข้ากับปากของอีกคนที่บดเบียดมาทำให้รู้ว่านั่นไม่ใช่ความฝัน ความนุ่มนิ่มที่สัมผัสได้เหมือนจะทำให้ตัวลอยๆยอมให้อีกคนเป็นฝ่ายนำแต่โดยดีเพราะรู้ว่าเต้ไม่ยอมเป็นผู้แพ้แน่ๆ ขืนดึงดันไปจะอดเสียเปล่าๆ
ปลายลิ้นที่นุ่มนิ่มจนน่าแปลกใจสำหรับผู้ชายสอดลึกเข้ามาในปากกวาดควานหาลิ้นของผมที่หยิบยื่นให้ด้วยความยินดี ดูดดึงสลับกันจนรู้สึกชาออกจะสะดุ้งเป็นพักๆเมื่อความเจ็บปวดที่มุมปากเกิดขึ้นขณะบดคลึงเคล้าด้วยกัน รสจูบช้าๆค่อยๆเปลี่ยนเป็นรุนแรงและดุดันขึ้นจนหายใจหายคอแทบไม่ทันแต่ด้วยประสบการณ์ที่มีทำให้รู้วิธีหายใจ
จูบกับผู้ชายมันดีอยู่อย่าง ไม่ต้องมาคอยระวังว่าอีกคนจะรู้สึกอย่างไร แค่ใส่ให้เต็มที่ยังไงก็รู้สึกดีแน่ๆ
อยู่แบบนั้นไม่รู้นานเท่าไหร่ก่อนที่เต้จะผละออกไปแล้วล้มตัวนอนข้างๆ
“หลับไปเลยมึงไม่ต้องมาแอบหอมกูอีกกูไม่ชอบ ไม่งั้นกูถีบออกห้อง”
“คุณจูบผม”
“แล้วไงวะก็แค่จูบ อีกอย่างมึงจะได้ไม่ต้องมาแอบตอดเล็กตอดน้อยกูอีก”
“ให้ผมหอมไม่ดีกว่าจูบหรือยังไงครับ” ผมสงสัยสุดๆเลยนะ
“มันดีกว่าตรงไหนวะ มึงนี่แม่งไม่เข้าใจอะไรเลย” ผมว่าเป็นคนอื่นก็ไม่เข้าใจอ่ะ
ยอมจูบแต่ไม่ยอมให้หอม? เหมือนตรรกะในระบบความคิดของเขาจะผิดที่ตรงไหนสักที่หรือเปล่า
แต่แบบนี้ผมก็ชอบนะ หึหึ
tbc
--------------------
ลงช้าเพราะช่วงนี้งานเยอะ แต่จะพยายามมาลงเรื่อยๆเนอะ