Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 16
บรรยากาศเดิมๆ
เงินเดินมานั่งที่โต๊ะหินอ่อนเก่าๆ ใต้ต้นไม้ไม่ห่างจากที่ขรรค์กำลังทำงานเท่าไหร่ แม้ว่าตัวเองจะมีงานต่อ แต่ก็ขอมาอยู่กับคนรักในคุ้มกับเวลาที่สุด
ขนาดเจอกับอินทัชเมื่อกี้ ยังคุยกันได้ไม่เท่าไหร่ ก็ต้องขอตัวมาก่อน ทั้งๆ ที่เขาน่าจะช่วยอินทัชรดน้ำผักเมื่อกี้ก็ได้ แต่เงินก็กลัว...กลัวว่าเวลาแบบนี้มันจะไม่มีอีก
ยังกลัวขรรค์นี้เขาไปอีก...
“ไม่ไปเข้าเวร เดี๋ยวก็สายหรอก”
“สายแต่มีความสุขเงินก็ยอมนะขรรค์” หมอหนุ่มตอบทั้งๆ ที่กำลังนั่งเท้าคางมองคนรักในชุดเสื้อกล้ามอวดแขนและอกที่แข็งแรง... ขุดดินท่ามกลางแสงแดด มันดูมีเสน่ห์มาก...
ผู้ชายบ้านๆ ตัวใหญ่ๆ ผิวเข้มๆ หน้าตาก็หล่อเข้มแบบไทยๆ
“ขรรค์ไม่อยากเป็นสาเหตุที่ทำให้เงินเกงานนะ”
“เงินไม่ได้จะเกซะหน่อย เดี๋ยวก็ไปแล้วเถอะ”
“จริงๆ แล้วเงินไม่ต้องตื่นแต่เช้ามาหาขรรค์ก็ได้นะ ค่อยมาตอนเลิกงาน จะได้พักผ่อนแบบเต็มที่” ร่างสูงพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่จริงจัง
เพราะหลังจากที่กลับจาบ้านสวนของขรรค์วันนั้น เงินก็มาหาเขาที่บ้านพักตอนเช้าตรู่ตลอด เห็นแล้วเขาก็เหนื่อยแทนคนรัก
“ก็เงินอยากเห็นหน้าขรรค์นี่นา อยากเห็นทั้งตอนเช้า กลางวัน เย็นเลย ตลอดเวลาเลย”
ถึงจะกลับมาคบกันแต่ขรรค์ก็ไม่ได้เอ่ยชวนคนรักมาอยู่ด้วยกันแบบแต่ก่อน เพราะกลัวว่าตัวเองจะเอาแต่ใจกับเงินมาก จนเงินไปทำงานไม่ได้ เพราะการได้อยู่ใกล้ๆ คนที่เรารัก แบบที่สามปีไม่เคยเห็นหน้า ไม่เคยแตะเนื้อต้องตัวกันมันจะมีความต้องการมากขนาดไหน
ขรรค์ก็เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่มีความต้องการกับคนที่ตัวเองรัก
“ขรรค์ก็อยากเห็นเงินตลอดเวลาเหมือนกัน”
ไม่มีวันไหนเลยที่สามปีมานี้ขรรค์จะไม่ปรารถนาที่อยากจะเห็นรัก อยากโอบกอด อยากเช็ดน้ำตา ไม่เคยลืมรักนี้เลย นั่นเป็นเพราะว่าเกือบสิบปีที่เรารู้จักกัน สิบปีที่ได้รักกัน มันกลายเป็นความผูกพันไปแล้ว
“ไม่จริงหรอก...” เงินแย้ง
“ข่ะ...”
ยังไม่ทันที่ร่างสูงจะแย้งร่างโปร่งกลับไป หมอหนุ่มที่มองนาฬิกาข้อมือตัวเองอยู่ถึงกับอุทานออกมาเสียงดัง ก่อนจะมองหน้าเขาอย่างลนลาน
“อ๊ะ!!”
“มีอะไรหรือเงิน”
“ใกล้ถึงเวลาเข้าเวรแล้ว เงินไปก่อนนะขรรค์ อย่าลืมหาอะไรกินด้วยล่ะ อย่าทำแต่งานอย่างเดียว”
“ครับ...เงินก็เหมือนกัน อย่าทำงานหนักจนลืมเวลา”
“ครับผม!” ร่างโปร่งลุกขึ้นแล้วส่งยิ้มหวานให้ขรรค์ ส่วนขรรค์ก็ยิ้มน้อยๆ ให้ตามฉบับของตนเอง มองร่างของหมอตัวขาวเดินจากไปด้วยสายตาที่ทอดมองอย่างอบอุ่น
อะไรในตัวของเขาถึงให้ผู้ชายสมบูรณ์แบบอย่างเงินมารัก เงินเป็นผู้ชายในฝันของสาวๆ ผู้ชายที่ผู้ชายหลายๆ คนต่างก็อิจฉา...ทั้งหน้าตา รูปร่าง ฐานะ
ขรรค์ไม่ได้คิดน้อยเนื้อต่ำใจแล้วนะเงิน ขรรค์แค่รู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นเจ้าของเงิน
“หน้าตาอิ่มเอม มีความสุขเชียวนะ”
“ครับคุณราม”
“ก็ดีแล้ว ดีใจที่แกมีความสุข ยอมรับแล้วก็สู้กับมันบ้าง ตอนนี้แกมีทุกอย่างแล้วนะเว้ย ไม่ใช่ขรรค์คนจนๆ บ้านนอกๆ คนนั้นแล้วนะ” รามินทร์พูด
“ผมก็ยังเป็นผมนั่นแหละครับคุณราม”
“เออๆ ฉันไม่เถียงคนชอบถ่อมตัวเองแบบแกแล้ว”
“ไม่ทราบว่าคุณรามเรียกผมมาทำไมหรือครับ” ขรรค์ที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับผู้เป็นนายถามขึ้นมาเมื่อไม่เห้นว่านายท่านของตนไม่ยอมพูดธุระที่เรียกเขาเข้ามาสักที
“เออใช่! พอดีว่าที่โรงพยาบาลเขาจะจัดสวนน่ะ ไว้ให้คนไข้ผ่อนคลายพักผ่อน ทางโรงพยาบาลมีงบน้อย ไม่อยากจ้างพวกผู้รับเหมา หมอเงินก็เลยเสนอมาว่าทางรีสอร์ทเราสามารถช่วยได้ แต่ฉันกะจะทำให้โรงพยาบาลฟรีเป็นการบริจาคซึ่งมันก็เป็นการดีนะ...รีสอร์ทได้ชื่อเสียงด้วย ได้บุญด้วย เลยกะจะส่งแกกับไอ้จักรไปดูแลงานนี้ แกคิดว่ายังไง”
พอได้ฟังที่เจ้านายพูดตาเขาก็ลุกวาวขึ้นมาทันที ได้ทำงานใกล้ๆ กับคนรัก เป็นอะไรที่ไม่ต้องปฏิเสธแล้วล่ะ
“ผมจะทำครับ แล้วไซต์งานก่อนสร้างล่ะครับ ให้พี่จักรมามันจะดีเหรอครับ” ขรรค์ทำหน้าสงสัย
“ไม่หรอก ที่นั่นใกล้จะเสร็จแล้วล่ะ ที่เหลือก็ให้พวกคมมันจัดการไป”
“ถ้าอย่างนั้นจะให้ผมเริ่มงานวันไหนครับ”
“แล้วแต่แก...แต่งานนี้ฉันต้องการให้แกสองคนทำด้วยกันเพราะมันงานถนัดของทั้งแกแล้วก็ไอ้จักรมัน แล้วก็เป็นหน้าตาของรีสอร์ทด้วย ไว้ใจคนอื่นไม่ได้ ผลงานของแกสองคนก็เยอะ ฉะนั้นก็ฝากด้วย ฉันไม่ดูแบบแปลนอะไรทั้งนั้น จะรอเซ็นอนุมัติงบอย่างเดียว ที่เหลือ แล้วแต่พวกแก” รามินทร์ตอบแล้วก็อธิบาย
ร่างสูงใหญ่ไม่แปลกใจหรือรู้สึกอะไรกับคำสั่งของรามินทร์เลยสักนิด เพราะคำสั่งแบบนี้มีมาบ่อยๆ รามินทร์ไว้ใจให้ขรรค์ทำงานโดยที่ไม่ต้องตรวจสอบอะไร รอเซ็นงบประมาณอย่างเดียว ซึ่งนั่นมันทำให้ขรรค์ ไม่กล้าคิดทรยศผู้มีพระคุณอย่างรามินทร์
ผู้เป็นทั้งนาย และเจ้าชีวิต...
“ขอบคุณที่ไว้ใจผมนะครับ ผมสัญญาว่าจะทำงานนี้ให้ดีที่สุด”
“อืม...ไปบอกไอ้จักรด้วยก็แล้วกัน ยังไงแกก็เป็นหัวหน้าคนงานอยู่แล้ว อยากได้ใครไปช่วยก็เอาไป ยกเว้นไว้คนเดียว...อย่ายุ่งกับ ‘มัน’ เข้าใจนะ” รามินทร์เน้นเสียงคำว่ามัน จ้องตากับขรรค์อย่างจริงจัง ซึ่งขรรค์ก็รู้ว่านั่นหมายถึงอะไร แล้วก็หมายถึงใคร
เพราะอินทัชค่อนข้างจะสนิทกับจักรและเงิน ก็เลยเลี่ยงที่จะไม่ให้สามคนนี้อยู่ด้วยกันสินะ
“รับทราบครับ”
“อือ...เริ่มงานได้แล้วไป มีอะไรก็บอก”
“ครับ ขอบคุณครับ”
ขรรค์ยืนขึ้นแล้วโค้งสี่สิบห้าองศาให้กับเจ้านายก่อนจะเดินออกจากห้องทำงานของรามินทร์ไปเพื่อไปหาจักรมาคุยรายละเอียดของงานโดยไม่ปล่อยให้เสียเวลาไปอย่างเปล่าประโยชน์
“พี่จักร!”
“อ้าว? ไอ้ขรรค์ มีอะไรวะ เราไม่ได้เจอกันมานานแล้วนะว่าไหม” จักรที่กำลังทำงานอยู่หยุดงานนั้นแล้วเดินมาหาขรรค์ทันที
“มีงานว่ะพี่!”
“ก็ทักทายกันหน่อยก็ไม่ได้เนอะ เฮ้อ...ว่ารายละเอียดมา” จากนั้นสองร่างสูงก็ยืนคุยงานกันอยู่สักพักก่อนจะตกลงทุกอย่างได้อย่างลงตัว
“ตามนี้ใช่ไหม แค่นี้นะ?”
“อือ...”
“งั้นพรุ่งนี้ไปดูสถานที่ กูจะได้ร่างแบบได้” จักรบอก
“อืม ตามนั้น” ขรรค์พยักหน้าเบาๆ ด้วยสีหน้านิ่งๆ
“ได้ข่าวว่าดีกับคนรักแล้วเหรอวะ เลี้ยงฉลองกันมะ” จักรยักคิ้วอย่างกะล่อนไปให้ขรรค์ ซึ่งคนตัวสูงกว่าก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมาอย่างระอา
“ไม่เอาดีกว่าพี่”
“ทำไม...”
“เขาไม่ชอบให้ฉันกินเหล้า” สิ้นคำตอบของขรรค์ก็ทำให้จักรเบะปากอย่างหมั่นไส้
“เออๆ งั้นก็เชิญมึงแสนดีไปก็แล้วกัน กูไปทำงานต่อล่ะ วันสุดท้ายแล้วนี่” จักรหัวเราะที่จู่ๆ ตัวเองก็ได้ทำงานที่ไซต์งานเป็นวันสุดท้ายแบบกระทันหัน
แต่ก็ยังดีที่มีงานเข้ามาเพิ่ม แถมยังเป็นงานที่ชอบอีกด้วย...
ตกเย็น
ขรรค์กลับไปบ้านพักของคนงานที่อยู่ในรีสอร์ทประมาณห้าโมงกว่าๆ ซึ่งบ้านเขาจะแยกออกมาจากคนงานอื่นๆ เนื่องจากมีความเป็นส่วนตัวสูงมาก เขาเก็บอุปกรณ์ทำงานเอาไว้แล้วถอดรองเท้าเปิดประตูเข้าไปใบบ้านเล็กๆ แคบๆ แต่เพราะเขาไม่ค่อยอยู่กับบ้านเท่าไหร่เลยไม่รู้สึกว่ามันแคบ
ร่างสูงอาบน้ำเสร็จแล้ว อยู่ในชุดกางเกงขายาวแล้วก็เสื้อกล้ามสีดำมันเป็นชุดนอนของเขาเอง กะว่าจะออกไปทานข้าวที่โรงครัวแล้วค่อยกลับมาเตรียมงานในวันพรุ่งนี้
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“เงินเหรอ” พึมพำชื่อคนรักเบาๆ ก่อนจะเดินไปเปิดประตูบ้าน สิ่งที่เห็นคือคนรักที่มาในชุดเดี๋ยวกับเมื่อเช้า สองมือถือถุงกับข้าวมาด้วย
“ขรรค์! เราซื้อข้าวมาฝาก ไปกินกันเถอะ เงินหิวมากๆ เลย” ร่างโปร่งเดินผ่านร่างสูงเข้าไปในบ้านของคนรักอย่างเคยชิน เดินไปที่ห้องครัวแล้วก็จับนั่นนี่ เทนู่เทนี่จนโต๊ะอาการเต็มไปด้วยอาหารมากมายที่ขรรค์รู้ดีว่ามันเป็นของโปรดเขาทั้งนั้น มีอยู่อย่างเดียวที่เป็นของโปรดของเงิน
“เป็นไง น่ากินใช่ไหมล่า กินเถอะ เงินหิวม๊ากมาก นี่เป็นข้าวเที่ยงเลยนะ” คุณหมอหนุ่มนั่งลงอย่างรีบร้อน เพราะความหิวกำลังจะทำให้เขาตาลาย
“ก็บอกให้หาอะไรกินไม่ใช่หรือ ทำงานจนลืมกินหรือว่าไม่ใส่ใจตัวเอง” เสียงดุๆ ของขรรค์ถามขึ้น ทำเอาคนรักไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมอง ขรรค์เลยต้องนั่งลงตรงกันข้ามเผื่อว่าเงินจะเห็นหน้าเขาบ้าง
แต่คนสูงสองเมตรอย่างเขาแม้จะนั่งเงินก็มองไม่เห็นหน้าหรอก
“ก็เงินไม่ว่าง ไม่เป็นไรหรอกตอนอยู่ที่กรุงเทพบางวันก็ไม่ได้กินด้วยซ้ำ” คำบอกเล่าของเงินทำให้ขรรค์ไม่พอใจ
“ทำไมถึงต้องอด”
“เอ่อ...ก็มันไม่ว่างนี่นา ขรรค์ก็รู้ว่าเคสที่กรุงเทพเยอะขนาดไหน เงินไม่ได้พักหรอก”
“ต่อจากนี้เงินต้องกินข้าวให้ครบทุกมื้อ ขรรค์จะเป้นคนควบคุมเอง”
“แล้วตอนเที่ยงล่ะ” เงยหน้าจากอาหารขึ้นสบตากับคนรัก
“ขรรค์ก็จะไปบังคับถึงที่โรงพยาบาลเลย”
“ว่างเหรอ...”
“ทำเป็นไม่รู้ เงินไปเสนออะไรทางโรงพยาบาลล่ะ คุณรามจะให้ขรรค์ไปจัดสวนให้น่ะ” พอขรรค์พูดจบ เงินก็ยิ้มออกมาตาหยี
“จริงเหรอ! เงินก็แค่แนะนำเอง ไม่คิดว่าทางโรงพยาบาลจะจัดการตามที่บอก”
“อือ...แล้วเป็นทางรีสอร์ทบริจาคไปด้วยนะ ไม่ใช้งบโรงพยาบาล”
“ว้าว!! คุณรามนี่ใจดีจังนะ ถ้าตัดเรื่องอินออกไปคงจะดีที่สุดเลยล่ะ” เงินพูดชื่นชมก่อนที่ประโยคสุดท้ายจะทำหน้าแบบไม่พอใจออกมา
“ทุกอย่างมันมีเหตุ และมีผลนะเงิน สิ่งที่คุณรามทำมันก็ไม่ถูกหรอก แต่นั้นก็เพราะเขาเลือกแล้ว รอดูผลที่จะตามเถอะ ขรรค์ว่าคุณรามคงรู้ดี”
“อือ...กินข้าวเถอะขรรค์ เดี๋ยวจะเย็น”
“ครับ”
ทั้งสองนั่งคุยกันไปทานอาหารเย็นกันไปอย่างมีความสุขและสนุกสนาน ส่วนใหญ่จะเป็นหมอเงินที่ชวนคุยนั่น พูดนี่ ขรรค์มีหน้าที่ฟังอย่างเดียว แต่ใบหน้าก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
รอยยิ้มที่มีความสุข...ที่หายไปนานถึงสามปี...ตอนนี้เขายิ้มได้อีกครั้ง
พอทานอาหารเสร็จแล้ว เจ้าของบ้านก็ทำหน้าที่เอาจานไปล้างเพราะไม่อยากให้เงินที่เพิ่งเลิกงานเหนื่อยๆ มาทำ คุณหมอสุดหล่อนั่งมองขรรค์เดินไปมาทำนู่นทำนี่ด้วยรอยยิ้ม
มันจะดีมากเลยถ้าได้อยู่ด้วยกัน...
แล้วเงินจะไม่รอให้ขรรค์ชวนแล้ว ถ้าขรรค์ชวนคงจะเฉาตายไปก่อนพอดีล่ะสิ
“ขรรค์...”
“หืม...ว่าไง” ร่างสูงที่กำลังกลาดบ้านหันมาถามคนรักที่นั่งอยู่บนโซฟาตัวเก่าๆ ของเขา
“เงินมาอยู่ด้วยได้ไหม”
ร่างสูงชะงักกึก ค่อยๆ วางไม้กวาดก่อนจะเดินมานั่งข้างๆ กับคนรัก เอื้อมมือคว้ามือขาวๆ เนียนของหมอหนุ่มมาจับเอาไว้
“เงิน...ฟังนะ”
“อือ...เงินเข้าใจแล้ว ขรรค์ไม่อยากให้มาก็ไม่เป็นไร...เงินก็ขอไปงั้นๆ แหละ ไม่ซีเรียส” ร่างโปร่งยิ้มออกมาอย่างไม่ใส่นัก ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงกำลังรู้สึกผิดหวังอยู่
คนตัวใหญ่ใช่ว่าจะไม่รู้ว่าคนรักกำลังฝืนยิ้มออกมา
“มันไม่ใช่อย่างนั้นนะเงิน”
“อ่าใช่...เงินเข้าใจๆ ไม่ต้องพูดแล้วขรรค์ เงินเข้าใจ”
“เงินเข้าใจอะไร? ขรรค์ยังไม่พูดเลย”
“ก็เข้าใจว่าขรรค์ไม่อยากให้เงินอยู่ด้วยไง ขรรค์ชอบความเป็นส่วนตัว ถ้ามีเงินอยู่ด้วยอาจจะไม่มีความสุขก็ได้ แล้ว...อื้อ!!”
ปากช่างจ้อที่ชอบพูดอะไรแบบไม่ฟังเหตุผลถูกปิดด้วยริมฝีปากหนาของขรรค์ที่กำลังโมโหเพราะเงินไม่ฟังเหตุผลเขาเลย คิดเป็นตุเป็นตะเอาเอง จากที่คิดว่าจูบปิดปาก ขรรค์ก็รับรู้ได้ถึงความรู้สึกเดิมๆ ที่เคยมีมาตลอดเจ็ดปีที่คบกัน เรื่องกอด หอม จูบ แล้วก็เรื่องบนเตียงมันเป็นเรื่องธรรมดาของเขาสองคน
แต่นี่เป็นครั้งแรกในรอบสามปีที่จูบกัน หัวใจของทั้งสองคนเลยเต้นแรกผิดปกติอย่างตื่นเต้น ริมฝีปากของทั้งคู่หยอกล้อกันและกันตามแรงอารมณ์ที่พาไป กลิ่นกายหอมสะอาดของหมอเงินทำให้ร่างสูงใหญ่อยากสูดดมเรื่อยๆ ปลายลิ้นทั้งสองเกี่ยวกันไปมา ผลัดกันไล่ต้อน มือไม้ก็ลูบไล้ไปตามร่างกายของคนรัก จนทั้งคู่ผละออกมามองตากันอย่างมีความหมาย ไม่ทันไรก็รู้สึกถึงพลังดึงดูดที่ดึงดูดให้พวกเขาสองคนแลกสัมผัสหวานกันอีกครั้ง
อีกครั้ง...
และอีกครั้งอย่างไม่รู้เบื่อ
จุ๊บ! จ๊วบ...
“อืม...”
“อือ”
เสียงครางในลำคออย่างพึงพอใจของทั้งสองดังออกมา ต่างก็พากันจมปลักอยู่กับสัมผัสที่อ่อนหวานนี้ กอบโกยราวกับว่าจะไม่มีครั้งต่อไป...
ผ่านไปเกือบสิบนาทีกว่าที่ทั้งคู่จูบกันอยู่บนโซฟาตัวเก่าในบ้านพักของขรรค์ พอต่างคนรู้สึกว่ามันนานเกินไปก็ต่างผละออกมา ร่างโปร่งหน้าแดงซ่านหลบสายตาขรรค์ ส่วนขรรค์เองก็เขินไม่ต่างกัน หันหน้าหนี ทั้งสองคนนั่งมองไปยังทีวีที่ไม่ได้เปิดแบบเงียบ ไม่มีใครเปิดปากพูดขึ้น
“เอ่อ/เอ่อ” พอจะพูดก็ดันพร้อมกันอีก
“ขรรค์พูดก่อน/เงินพูดก่อน”
หมอเงินกับขรรค์หันมามองหน้ากันแล้วก็หัวเราะเสียงดังออกมา เงินกุมท้องตัวเองเพราะหัวเราะมากจนเกินไป จนขรรค์เองก็หัวเราะแต่ไม่ได้มากขนาดท้องแข็งเหมือนคนรักของตน
“ตลกเนอะ ฮ่าๆ”
“หึหึ...ขรรค์ก็ว่างั้น”
พอทั้งสองหัวเราะกันเสร็จ เงินก็พูดขึ้นมา
“ทั้งๆ ที่แต่ก่อนเราไม่เห็นต้องเขิน ต้องอายเลย”
“นั่นเป็นเพราะเราไม่ได้เจอกันนาน ไม่ได้ทำกันนานเหรือเปล่า”
“อื้อ เงินก็คิดว่างั้น”
“เงินน่ะดื้อ...ไม่ชอบฟังขรรค์แบบไหนก็ยังเหมือนเดิม” ขรรค์พูดเสียงจริงจัง ทำเอาร่างโปร่งต้องหันมามองด้วยสีหน้าสงสัย
“ก็มันจริงไหมล่ะ แล้วขรรค์เองก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเหมือนกัน ชอบปิดปากเงินยังไงก็ปิดแบบนั้น” เถียงกลับไปอย่างไม่ยอม
บรรยากาศเก่าๆ เริ่มกลับเข้ามาอีกครั้ง...
“ได้ผลดีไหมล่ะ”
“เฮอะ!! กลับบ้านดีกว่า พรุ่งนี้มีเวรเช้า” ร่างโปร่งว่าพลางลุกขึ้น แต่ก็ถูกมือใหญ่คว้าแขนเอาไว้ ทำให้คนที่ยืนอยู่ต้องหันมามองขรรค์ด้วยสีหน้างงๆ
หมับ!
50%
ตัดให้ค้าง...สวัสดีนักอ่านชาวเล้านะคะ ขอบคุณที่หลงมาอ่านเรื่องกากๆ พล็อตบ้านๆ เรื่องนี้น่อ คนเขียนเป็นแค่มือสมัครเล่นอาจจะดูหลวมหรือไม่ดียังไง ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
ถ้ามีอะไรอยากจะถาม หรืออยากจะไปคุยเล่นไปที่แฟนเพจน้า คุยกันได้ ยูกิฉีดยาแล้ว ฮ่าๆ
https://www.facebook.com/sawachiyuki/