เพลงรักที่หายไป
เพลงที่ 10 ซักกะนิด
ศิลปิน ทาทายัง
หลังจากกลับมาถึงบ้าน หนูด้วงรีบขึ้นมาบนห้องนอนเพื่อจะหาที่เก็บกล่องถุงยางอนามัยที่ตัวเองเหมาซื้อมา หนูด้วงกลัวว่าน้องแฝดจะมาเห็นแล้วจะเกิดคำถามอีก ไม่รู้ว่าเด็กทั้งคู่จะยอมรับได้แค่ไหนที่พ่อของตัวเองจะมารักกับผู้ชายด้วยกัน รู้ดีว่าเด็กขนาดน้องแฝดต้องใช้เวลาทำความเข้าใจกับความรักแบบนี้ ก็เหมือนกับที่ตัวเองก็เคยสับสนมาก่อน ตอนนี้หนูด้วงถึงได้อยากให้เด็กทั้งคู่รักตัวเองให้ได้ก่อนที่จะรู้ความจริง
“ทำอะไรครับ” ระหว่างที่ให้น้องแฝดไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเพราะโอบอุ้มจะพาทั้งคู่ไปเล่นน้ำทะเล เขาเลยเดินตามหนูด้วงเข้ามาในห้องนอนก่อน
“หนูจะซ่อนของ ไม่อยากให้น้องแฝดมาเห็นอีก”
“มาคุยกันก่อน” โอบอุ้มดึงหนูด้วงให้มายืนใกล้ๆ รั้งเอวคอดเอาไว้แล้วกดจูบที่หน้าผาก
“หนูขอโทษนะครับที่ไม่ระวัง” หนูด้วงเสียงอ่อย
“พี่ไม่ได้จะตำหนิ พี่แค่อยากถามว่าหนูจะซื้อมาทำไมเยอะแยะครับ”
หนูด้วงไม่รู้จะตอบว่ายังไงเลยได้แต่หน้าซุกไปที่อกของพี่โอบ วันนี้สมองมันดันตันเอาเสียดื้อๆ คำถามอะไรก็ดูจะตอบยากไปหมด
“ตอบไม่ได้เหรอ งั้นพี่เปลี่ยนคำถาม”
“ดีฮะ” หนูด้วงเงยหน้ามายิ้มเมื่อไม่ต้องตอบคำถามที่ยังหาคำตอบไม่ได้
“คิดว่าพี่ควรใช้ของพวกนี้สักกี่วันดีถึงจะหมด หนึ่งวันหรือสองวัน” โอบอุ้มหยอกเย้า
หนูด้วงทำตาโตเมื่อได้ยินคำถาม จากที่ซุกอกของพี่โอบอยู่ก็เดินไปนั่งที่เตียงแล้วเทกล่องถุงยางอนามันออกมาจากถุงหูหิ้ว นิ้วเรียวเล็กเริ่มจิ้มไปที่กล่องถุงยางที่ละกล่อง ปากบางขมุบขมิบนับจำนวน
“มีตั้งสามสิบห้าอัน หนูมาค้างได้แค่วันศุกร์กับเสาร์ แปลว่าเรามีเวลาแค่สองวัน อืม...ถ้าใช้สักวันละห้าอันก็ตกอาทิตย์ละสิบอัน สามสี่อาทิตย์ก็คงหมดฮะ” หนูด้วงยิ้มร่าเมื่อคราวนี้มีคำตอบให้พี่โอบแล้ว
โอบอุ้มอมยิ้มหลังจากได้ยินคำตอบ เขาเดินไปนั่งข้างๆ เชยคางอีกฝ่ายให้เงยหน้าขึ้นมาสบตาตนเอง หนูด้วงโตขึ้นและกล้าที่จะแสดงออกอย่างเปิดเผยในสิ่งที่คิด น้องพยายามจะแสดงให้เขารู้ว่าพร้อมจะใช้ชีวิตกับเขาในแบบคนรัก เขาเองก็พร้อมแล้วถึงได้กลับมา แต่เขาไม่อยากรีบร้อนถึงขั้นนั้น ตัวอย่างของความรีบร้อนมีให้เห็นแล้วในอดีต ซึ่งมันทำให้เขาต้องอยู่ห่างจากหนูด้วงถึง 15 ปี ตอนนี้เป็นเวลาที่เขาต้องพิสูจน์ให้ป๊าพญาเห็นว่าเขาดูแลตัวเองได้และพร้อมที่จะดูแลหนูด้วงได้เช่นกัน
“เราคงยังไม่ทำอะไรถึงขั้นนั้น”
“พี่ไม่ต้องการหนูเหรอ” หนูด้วงใจเสียที่โอบอุ้มเลี่ยงที่จะมีอะไรกับตัวเองอยู่เรื่อย
“พี่ต้องการหนูมากกว่าสิ่งใด แต่เราสองคนต้องพิสูจน์ให้ผู้ใหญ่เห็นก่อนว่าเราจะพากันไปในทางที่ดี หนูด้วงเพิ่งจะอยู่ปีหนึ่ง หน้าที่ของหนูคือเรื่องเรียนนะครับ”
“หนูก็เรียนหนังสือแล้วก็เรียนรู้เรื่องรักกับพี่ด้วยไงฮะ หนูสัญญาว่าจะตั้งใจเรียนให้จบ แล้วหนูก็สัญญาว่าจะเป็นคนรักที่ดีให้พี่ แล้วก็เป็นมัมๆ ที่ดีให้น้องแฝดด้วย” หนูด้วงยกมือขึ้นคล้องคอพี่โอบก่อนจะทำหน้าอ้อน
น้ำเสียงที่ออดอ้อนบวกกับแววตาที่ดูอ่อนหวานของหนูด้วงทำให้โอบอุ้มอยากจะลืมคำมั่นสัญญาที่ให้กับพญาเอาไว้ อยากจะจับร่างเล็กตรงหน้าให้นอนราบและประทับจูบไปทั้งตัว แต่ถ้าเขารักษาคำมั่นให้กับคนที่เปรียบเหมือนดั่งพ่อไม่ได้ เขาก็คงจะรักษาสัญญาที่ให้กับคนอื่นๆ ไม่ได้เช่นกัน เขาถือว่าการรักษาคำพูดเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่ทุกคนควรจะมี
“อืม...ถ้าอย่างนั้นพี่จะกอดหนู จะจูบหนู จะอาบน้ำให้หนูแค่นี้ก่อนก็ได้ก็ได้ หนูรู้ว่าพี่ไม่อยากผิดคำสัญญากับยุง พี่มาดูมาดู วันหมดอายุของถุงยางยังอีกตั้งนาน ก็เก็บเอาไว้ก่อนเนอะ” หนูด้วงรีบเปลี่ยนบรรยากาศเพราะคิดว่าตัวเองกำลังทำให้พี่โอบหนักใจ
“ขอบคุณที่เข้าใจพี่นะครับคนดี หนูด้วงรู้เอาไว้นะ พี่รักหนูมาก รักมากกว่าชีวิตของพี่อีก” โอบอุ้มจูบที่หน้าผากของหนูด้วงแม้ใจอยากจะทำมากกว่านี้
“หนูก็อยากบอกพี่ว่าหนูรักพี่มากกว่าชีวิตของหนู แต่หนูตัวเล็กกว่าพี่ เดี๋ยวพี่จะว่าหนูรักพี่น้อยกว่า งั้นเอาแบบนี้ หนูรักพี่มากกว่าชีวิตของพี่ที่รักหนู” หนูด้วงพูดจบก็หอมหน้าผากของอีกฝ่ายบ้าง จากนั้นก็หอมแก้ม หอมจมูก หอมคางก่อนจะมาหยุดที่ริมฝีปากของพี่โอบ สองริมฝีปากบดเบียดกันช้าๆ จนได้ยินเสียงน้องแฝดดังขึ้นที่ด้านนอกจึงยอมแยกออกจากกัน
“เก็บเอาไว้ก่อนนะครับผู้วิเศษ ถ้าถึงเวลาที่พี่จะใช้เมื่อไหร่ พี่อาจจะใช้วันละสิบอันเลย” โอบอุ้มกระซิบที่หูของหนูด้วง
“ก็ได้ก็ได้ เอากลิ่นราสเบอร์รี่ก่อนนะฮะ หนูชอบ” หนูด้วงหัวเราะคิกคักก่อนจะรีบหยิบกล่องถุงยางอนามัยใส่ถุงแล้วเอาไปซ่อนในตู้เสื้อผ้าของพี่โอบ
ส่วนโอบอุ้มได้แต่ลอบขำ เขาเดาว่าเจ้าตัวแสบคงคิดว่าการมีอะไรกันสิบรอบมันคงจะสนุกเหมือนตอนได้เล่นเครื่องเล่นในสวนสนุกอยู่แน่ๆ ถึงได้ไม่มีท่าทีวิตกกังวลอะไรให้เห็นเลย เขามั่นใจว่าน้องคงไปปรึกษาเรื่องพวกนี้กับอาน้อง การกระทำหลายอย่างของหนูด้วงมันเหมือนที่อาน้องแสดงกับป๊า เด็กน้อยของพี่โอบคงอยากทำให้พี่โอบรัก เจ้าตัวไม่รู้ไงกันนะว่าแค่นี้พี่โอบก็รักจนไม่รู้จะรักได้มากกว่านี้อย่างไรแล้ว
......
[/b]
ช่วงเวลาความสุขผ่านไปเร็วมาก หนูด้วงได้แต่ถอนหายใจเมื่อพี่โอบบอกว่าจะไปส่งที่หอพัก แม้หนูด้วงพยายามอ้อนว่าขอกลับดึกกว่านี้อีกนิดแต่พี่โอบก็ไม่ยอมเพราะว่าวันนี้เป็นวันอาทิตย์ พี่โอบบอกว่าหนูด้วงจะต้องไปทบทวนเรื่องการเรียนบ้าง น้องแฝดก็ดูเหมือนจะงอแงเมื่อรู้ว่าหนูด้วงต้องกลับ แต่พอเห็นสายตาเข้มๆ ของพ่อนาโมก็เลยได้แต่ทำหน้าอาลัยอาวรณ์
“วันนี้ก็เล่นน้ำกันจนตัวเปื่อยแล้ว เอาไว้พี่หนูด้วงจะฝากของเล่นมาให้อีก ห้ามดื้อ ห้ามงอแงกับนาโมนะ” หนูด้วงรีบเข้ามาปลอบน้องแฝดทั้งที่ตัวเองก็อยากจะงอแงบ้างที่ต้องกลับ
“พอวันศุกร์พี่หนูด้วงต้องรีบมาหาน้องหม่อนเลยนะ” ใบหม่อนเข้ามากอดหนูด้วง
“ก็ได้ก็ได้ แล้วน้องไม้จะคิดถึงพี่หนูด้วงไหม” หนูด้วงถามเด็กชายที่ยืนเอามือไขว้หลังอยู่ที่ริมประตูรั้ว
“เดี๋ยวก็ได้เจอกันนะน้องหม่อน อย่างอแง” น้องไม้ไม่ตอบหนูด้วง แต่หันไปทำน้ำเสียงจริงจังกับน้องหม่อนให้ดูว่าตัวเองไม่ได้รู้สึกอะไร
“พี่หนูด้วงกลับก่อนนะ” หนูด้วงดึงน้องหม่อนมาหอมก่อนจะเดินไปหอมน้องไม้บ้าง
“วันศุกร์มาไวๆ ก็แล้วกัน” น้องไม้พูดเบาๆ ทำหน้าเขินจนหนูด้วงอดไม่ได้ต้องหอมแก้มคนปากแข็งอีกรอบ
“นกฮูกมาพอดี พี่ให้น้องแฝดนั่งรถไปส่งหนูที่หอด้วยได้ไหมฮะ” หนูด้วงเห็นเพื่อนสนิทเดินมาเพื่อที่จะกลับไปยังหอพักพร้อมกัน เห็นว่าพี่โอบต้องเอารถยนต์ไปส่งอยู่แล้วเลยอยากอยู่กับน้องแฝดอีกสักหน่อย แค่ช่วงเวลานั่งรถไปส่งก็ยังดี
“อืม” โอบอุ้มพยักหน้า
“เย้” น้องหม่อนตะโกนร้องชูมือชูไม้ดีใจ ส่วนน้องไม้ไม่พูดไม่จารีบเดินขึ้นไปนั่งบนรถก่อนใคร
“ปากแข็งเหมือนยุงพญาจริงๆ” หนูด้วงนึกขำน้องไม้
“น้องหม่อนก็เหมือนหนูด้วง” นกฮูกนึกถึงเพื่อนรักสมัยอยู่ประถมก็เห็นว่าไม่ต่างจากน้องหม่อนเลย ระหว่างนั้นเหลือบเห็นสีหน้าแปลกๆ ของพี่โอบ ทำไมพี่โอบต้องดูตกใจเมื่อพูดถึงความคล้ายของน้องแฝดกับหนูด้วงและยุงพญา เขาเริ่มนึกสงสัยเกี่ยวกับน้องแฝดขึ้นมาทันที
“ไปกันเถอะ” โอบอุ้มรีบชวนทุกคนขึ้นรถเพราะเห็นว่าเย็นมากแล้ว
......
[/b]
เสียงตามสายจากชมรมขนนกดังขึ้นในช่วงเช้าเหมือนอย่างทุกๆ วัน เพลงจังหวะสนุกสนานที่ดีเจเวนส์เปิดสร้างความคึกคักสดใส กลุ่มเดอะซูของหนูด้วงก็มารวมตัวกันที่โรงอาหารเหมือนอย่างเคย แต่ที่ไม่เหมือนเคยคือหลายสายตาในโรงอาหารต่างจับจ้องมาที่กลุ่มจนทุกคนประหลาดใจ ยกเว้นก็แต่น้องเกลที่รู้สาเหตุของการตกเป็นเป้าสายตาในครั้งนี้
ประเด็นก็คือ หนูด้วงและสิงโตถูกพูดถึงในคอลัมน์สะกิดดาว เนื่องมาจากหนูด้วงลงรูปในเฟซบุ๊กเป็นรูปเสือกับสิงโตที่ยืนอยู่คู่กันพร้อมกับข้อความที่เหมือนจะบอกความในใจ กลุ่มสาววายพากันมากันกดไลค์กดแชร์ตั้งแต่เมื่อคืน จากที่คิดว่าคู่นี้คงไม่ได้ชอบกันอย่างที่จิตนาการเอาไว้ ตอนนี้คู่จิ้น ‘สิงห์ด้วง’ ก็กลับมาเป็นกระแสอีกครั้ง ส่วนคอมเมนต์ก็มีทั้งบวกและลบ ซึ่งคนที่แสดงออกว่าไม่ชอบก็คือกลุ่มสาวๆ ที่แอบชื่นชมสิงโตอยู่นั่นเอง
“ทำไมถึงลงรูปนี้” สิงโตถามหนูด้วงเพราะไม่เข้าใจเหมือนกันว่าหนูด้วงจะสื่ออะไร
“คือ...คือ...” หนูด้วงยิ้มแห้งๆ รู้สึกพลาดและลืมคิดไปว่าเพื่อนสนิทก็ชื่อสิงโต แต่ก็บอกเพื่อนไม่ได้ว่าตัวเองหมายถึงชื่อจริงของพี่โอบกับของตัวเอง ซึ่งก็คือราชสีห์กับพยัคฆ์
“ลงรูปผิดใช่ไหม” นกฮูกแกล้งถามนำทาง
“เออ ใช่ๆ เราลงรูปผิด” หนูด้วงรีบเออออตามนกฮูก
“แล้วจะลงรูปอะไร แล้วที่บอกว่า เนื้อคู่ไม่ใช่เหยื่อ หลงรักได้ หมายถึงใคร” น้องเกลถามต่อ
“คือ...คือ...” หนูด้วงหาคำตอบไม่ได้จึงได้แต่อ้ำอึ้งพร้อมกับส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากนกฮูก
“พี่นโมคือพี่โอบใช่ไหม” คราวนี้สิงโตเป็นฝ่ายถาม
“เฮ้ย! รู้ได้ไงอ่า” หนูด้วงตกใจที่ถูกเพื่อนจับได้อีกแล้ว
“เจ๋ง สรุปว่าที่เราสงสัยกันเป็นจริงใช่ไหม” เม่นดีดนิ้วเมื่อเห็นท่าทางของหนูด้วง
“ทำไมถึงได้รู้กันหมดเลยล่ะ” หนูด้วงไหล่ห่อคอตกเมื่อถูกทุกคนจับได้
“ก็เรารู้ว่าหนูด้วงไม่ใช่คนรักใครง่ายๆ จู่ๆ จะมารักคนที่เพิ่งเจอกันมันไม่น่าใช่นิสัยของหนูด้วงไง” น้องเกลตอบพร้อมกับยกยิ้มที่เดาถูก
“เฮ้อ โล่ง” สิงโตถอนหายใจจนทุกคนต้องหันมามอง
“โล่งอะไร” เม่นถามเมื่อเห็นสิงโตยิ้มได้ทั้งที่ก่อนหน้านี้ทำเหมือนจะเป็นจะตายที่หนูด้วงทำท่าว่าชอบพี่นโม
“ก็ถ้าเป็นพี่โอบเราสบายใจ ดีใจด้วยนะหนูด้วงที่ไม่ต้องรอคอยอีกแล้ว” สิงโตยีผมหนูด้วงเบาๆ
ถึงสิงโตจะยังรู้สึกเจ็บแต่ก็รู้สึกสบายใจอย่างที่พูดไป หนูด้วงรอพี่ชายคนนี้มานานมาก เพราะเขารับรู้ถึงความรักที่หนูด้วงมีให้พี่โอบ เขาถึงไม่เคยสารภาพความในใจออกไป พอเห็นหนูด้วงมาชอบพี่นโม เขาถึงรู้สึกเจ็บหนักเพราะคิดว่าตัวเองถูกมองข้ามและไม่เคยอยู่ในสายตา ตอนนี้เข้าใจแล้วว่าคนที่เกิดมาคู่กันย่อมไม่แคล้วคลาดจากกัน
“ขอบคุณนะสิงโต” หนูด้วงดีใจที่สิงโตแสดงความยินดีให้กับความรักของตัวเอง เผลอเอนตัวไปซบที่แขนเพื่ออ้อนเพื่อน จนได้ยินเสียงกรี๊ดดังขึ้นถึงได้รู้ว่าพี่ๆ กลุ่มโอนลี่วายเฝ้ามองอยู่
“งานเข้าแน่” นกฮูกถอนหายใจ
“ไม่เป็นไรหรอก ให้คนอื่นคิดว่าเราชอบเพื่อนสนิทอย่างสิงโตดีกว่าให้คิดว่าเราไปชอบคนอื่น พี่โอบไม่หึงสิงโตหรอก” หนูด้วงคิดในแง่บวก
“หึง” เสียงเข้มๆ ดังมาจากด้านหลังพร้อมกับกล่องขนมครกที่ถูกนำมาวางตรงหน้าของหนูด้วง
“พี่โอะ...เอ้ย พี่นโม หนู...หนู” หนูด้วงตกใจเพราะไม่คิดว่าพี่โอบจะหึงตัวเอง
“บอกแล้วว่างานเข้า” นกฮูกนึกขำเพื่อนรักที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้เพราะพี่โอบเดินหนีไปแล้ว อุตส่าห์ส่งสัญญาณบอกให้รู้ว่าพี่โอบเดินมาแต่หนูด้วงไม่ยอมสนใจ
“ต้องไปง้อ” หนูด้วงรีบลุกขึ้นยืนทันทีจนเพื่อนๆ ต้องดึงมือเอาไว้ก่อน
“จะไปง้อยังไง คนเยอะแยะ” น้องเกลถามเมื่อเห็นว่าหลายสายตายังจับจ้องมาที่กลุ่มของตัวเองอยู่
“ก็ไปดักรอที่มุมมืด พอพี่โอบเดินผ่านก็จับจูบเลย เราไปก่อนนะ แฟนเรางอน เราต้องไปง้อ” หนูด้วงพูดจบก็ออกตัววิ่งเร็วจี๋ตามพี่โอบไปจนเพื่อนๆ รั้งเอาไว้ไม่ทัน
“เจ๋ง ฮ่าๆๆ หนูด้วงของเราโตแล้วจริงๆ” เม่นนั่งหัวเราะชอบใจที่เห็นพัฒนาการด้านความรักของผู้วิเศษประจำกลุ่ม
สิงโตเห็นแล้วก็อดขำตามไม่ได้ อาการเจ็บของคนอกหักมันทุเลาลง แต่เขาไม่แน่ใจว่าที่ความเจ็บมันเบาบางลงเพราะยอมรับเรื่องหนูด้วงได้หรือเพราะใครอีกคนที่ก้าวเข้ามาในชีวิตกันแน่ บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมใบหน้าเศร้าๆ ของใครคนนั้นถึงได้ลอยเข้ามาในหัวแทบจะตลอดเวลา แค่คิดถึงก็อยากไปหา แต่ก็ไม่รู้ว่าฝ่ายนั้นจะคิดถึงตัวเองอย่างที่ตัวเองกำลังคิดถึงบ้างหรือเปล่า
......
[/b]
สรุปว่าภารกิจง้อพี่โอบยังไม่สำเร็จอย่างที่ตั้งใจเอาไว้เพราะว่าหนูด้วงหาตัวพี่โอบไม่เจอ ไม่ว่าจะไปตามหาที่ห้องวิชาการหรือที่ชมรมกล่องดนตรีก็ไม่เจอตัว สุดท้ายก็ต้องกลับไปเข้าคลาสเรียนก่อน
“หนูด้วง เราจองที่ให้แล้ว” แก้วเห็นหนูด้วงเดินเข้ามาก็รีบโบกมือให้
“ขอบใจนะ”
“หนูด้วง จำการบ้านที่อาจารย์ให้เขียนถึงความรู้สึกเรื่องเกี่ยวกับอารมณ์เพลงตอนที่ได้ฟังหนูด้วงกับปูลมออกไปร้องเพลงได้ไหม”
“อือ จำได้ เราก็ส่งไปแล้ว ทำไมเหรอ” หนูด้วงเห็นสีหน้าของแก้วไม่ดีเลยนึกสงสัย
“คือ...เราเป็นคนเรียบเรียงการบ้านของเพื่อนๆ ไปส่งอาจารย์ แล้ว...เราก็เจอแผ่นกระดาษพวกนี้แทรกเอาไว้ด้วย ไม่รู้ใครทำ”
หนูด้วงรับกระดาษสามสี่แผ่นจากมือของแก้วมาดู ข้อความที่ถูกพิมพ์ลงในแผ่นกระดาษมันทำให้หนูด้วงยิ้มไม่ออกเพราะมันมีแต่ข้อความต่อว่าหนูด้วงเต็มไปหมด หนูด้วงเงยหน้ามองไปรอบๆ ห้องแต่ก็เดาไม่ออกว่าใครที่เกลียดตัวเองถึงขนาดนี้
“ชอบทำตัวแอ๊บแบ้วหนูอย่างนั้นหนูอย่างนี้..ทุเรศ ทำเป็นเด่นทั้งที่ไม่ได้มีความสามารถอะไรเลย โชคดีที่ได้อยู่กลุ่มคนเก่งๆ ถึงได้มีคนรู้จัก หน้าตาก็ไม่เห็นจะดีเหมือนเพื่อนในกลุ่ม เป็นเด็กเส้นใครๆ ถึงคอยเอาใจ สอบเข้าได้เพราะใช้เงิน ไม่เหมาะสมกับสิงโต” หนูด้วงอ่านคำวิจารณ์ตัวเองในกระดาษก็ได้แต่ถอนหายใจ
“คงมีคนอิจฉาหนูด้วง อย่าไปใส่ใจเลยนะ เราว่าหนูด้วงมีความสามารถ ร้องเพลงได้อารมณ์สุดๆ ดีกว่าปูลมตั้งเยอะ”
“เราไม่เห็นจะมีอะไรให้คนมาอิจฉาเลย” หนูด้วงรู้สึกไม่ดี ไม่อยากให้ใครมาเกลียดตัวเอง
“ทำไมจะไม่มี หนูด้วงน่ารัก แฟนก็หล่อ”
“หื้อ” หนูด้วงทำตาโต ไม่คิดว่าแก้วจะรู้เรื่องของพี่โอบด้วย
“สิงโตไง” แก้วกระซิบ
ทีแรกหนูด้วงจะปฏิเสธเรื่องของสิงโตแต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดออกมา มันคงไม่มีประโยชน์ที่จะอธิบายใครต่อใครถึงเรื่องส่วนตัวของตัวเอง ทำได้แต่ถอนหายใจและอยากให้จบคลาสไวๆ อยากไปหาเพื่อนๆ อยากไปหาพี่โอบกับพี่ๆ สมาชิกชมรมกล่องดนตรี เพราะหนูด้วงไม่อยากอยู่ในที่ๆ มีคนเกลียดตัวเองแบบนี้เลย หนูด้วงไม่ชอบเลยจริงๆ
จบคลาสแล้วหนูด้วงก็ยังไม่ได้ไปหาคนที่อยากเจออย่างที่ตั้งใจเอาไว้ รุ่นพี่ในคณะพาน้องปีหนึ่งไปเลี้ยงข้าว จากนั้นหนูด้วงก็ต้องเข้าเรียนต่อ พอจบคลาสบ่าย น้องปีหนึ่งก็ต้องไปนั่งรวมกันที่ลานดาวเหมือนเดิม เย็นนี้จะมีการคัดดาวและเดือนคณะออกให้เหลือผู้เข้าชิงแค่ 6 คนสุดท้าย เป็นผู้ชาย 3 คน ผู้หญิง 3 คน
“เราลืมไปบอกพี่ๆ เรื่องที่จะสละสิทธิ์เข้าประกวดเดือนคณะเลย” หนูด้วงเพิ่งจะนึกขึ้นได้แต่ก็คงสายไปเพราะรุ่นพี่คงจะหาคนมาประกวดแทนหนูด้วงไม่ทัน
“ก็ขึ้นๆ ไปแสดงเถอะ ถือซะว่าเป็นประสบการณ์ชีวิต” นกฮูกตบบ่าเพื่อนรักก่อนจะเดินออกไปนั่งที่หน้าเวทีรวมกับเพื่อนคนอื่นๆ
“วันนี้ต้องโชว์ความสามารถอีก แล้วหนูด้วงจะทำอะไร” สิงโตถาม ส่วนตัวเขาก็คงจะเดาะบอลโชว์ตามเดิม
“ไม่ได้เตรียมอะไรมาเลย ก็คงร้องเพลงแหละ” หนูด้วงพูดไปก็มองหาพี่โอบไปด้วย
“ต้องขึ้นเวทีแล้ว ไปกันเถอะ” สิงโตจูงมือของหนูด้วงขึ้นไปด้านบน
เสียงกรี๊ดดังขึ้นเหมือนเคยเมื่อเห็นว่าทั้งสองคนจูงมือกันขึ้นมา หนูด้วงไม่ได้สนใจสายตาคนอื่นเพราะตอนนี้ตัวเองเห็นแล้วว่าพี่โอบนั่งอยู่กับพี่ๆ วงเดอะบอกซ์ รวมถึงพี่เปิ้ลกับพี่นิลด้วย
“วันนี้เป็นรอบรองชนะเลิศการประกวดเดือนดาวคณะ เรามีรุ่นพี่ยุคบุกเบิกของโซเลยมาเป็นกรรมการร่วมตัดสินด้วย เดี๋ยวจ๋าจะแนะนำให้รู้จักทีละคนนะคะ”
วีเจจ๋าซึ่งเป็นพิธีกรบนเวทีทำหน้าที่แนะนำรุ่นพี่ที่จบไปแล้วแต่ละคนให้รุ่นน้องได้รู้จัก พอเอ่ยถึงชื่อของโอบอุ้มก็เรียกเสียงปรบมือและเสียงกรี๊ดได้ดังมากกว่าคนอื่นๆ จากนั้นก็ถึงเวลาที่น้องปีหนึ่งที่เป็นตัวแทนดาวและเดือนของแต่ละคณะต้องออกมาโชว์ความสามารถกันอีกครั้ง
หนูด้วงไม่ได้สนใจใครเลยเอาแต่มองไปที่พี่โอบและพยายามจะโบกมือให้แต่ฝ่ายนั้นก็มัวแต่คุยกับเพื่อนๆ หนูด้วงอยากให้มองมาสักนิดหนึ่งหนูด้วงจะได้มีกำลังใจ แต่จนแล้วจนรอดพี่โอบก็ไม่ได้มองมาสักที จนกระทั่งถึงตาของหนูด้วงที่จะต้องออกไปแสดงโชว์บ้าง
“วันนี้น้องพยัคฆ์จะมาแสดงความสามารถอะไรคะ” พิธีกรสัมภาษณ์หนูด้วงก่อนการแสดง
“ร้องเพลงฮะ”
“แล้วจะร้องเพลงอะไรคะ”
“อุ่ย...หนูจะร้องเพลงอะไรดี...” หนูด้วงเพิ่งรู้ตัวว่าไม่ได้เตรียมอะไรมาเลยแม้กระทั่งเพลงที่จะร้อง
“ฮ่าๆ มุกใช่ไหมคะ” พิธีกรหัวเราะเมื่อได้ยินคำตอบของหนูด้วง แต่พอเห็นหนูด้วงอึ้งไปนานก็เริ่มหน้าเสีย มองไปทางด้านข้างเวทีก็เห็นว่ารุ่นพี่คณะดุริยางค์ฯ กำลังทำหน้าเลิ่กลั่กกันใหญ่
“รู้แล้วฮะ เอาเพลงซักกะนิดของพี่ทาทา หนูจะง้อแฟน” หนูด้วงพูดออกไมค์เสียงดังฟังชัด คำตอบของหนูด้วงเรียกเสียงฮือฮาและเสียงกรี๊ดจากคนที่นั่งอยู่ด้านล่างจนพิธีกรต้องทำมือให้ทุกคนหยุดส่งเสียง
“โอ้โห ชัดเจนดีมากเลยค่ะ ถ้าอย่างนั้นมาฟังน้องพยัคฆ์ร้องเพลงง้อแฟนกันนะคะ บอกได้ไหมคะว่าแฟนอยู่ตรงไหนพี่จะได้ช่วยลุ้นไปด้วย”
“บอกไม่ได้...หนูหวง แหะๆ หนูล้อเล่น มันเป็นความลับฮะ” หนูด้วงกระซิบแต่มือยังถือไมค์อยู่เลยกลายเป็นว่ากระซิบออกไมค์โดยทั่วถึงกันหมด
“โอเค ความลับก็ความลับ เรามาเอาใจช่วยให้น้องง้อแฟนสำเร็จก็แล้วกันนะคะ” พิธีกรหัวเราะก่อนจะดูสัญญาณทีมงานเพราะตอนนี้กำลังหาคาราโอเกะเพลงซักกะนิดมาเปิดให้หนูด้วงร้องกันจ้าละหวั่น เมื่อทีมงานบอกว่าพร้อมแล้วทางพิธีกรจึงบอกให้หนูด้วงแสดงโชว์ได้
ทำนองเพลงสนุกสนานทำให้บรรยากาศเริ่มคึกคักขึ้น หนูด้วงเริ่มขยับร่างกายให้เข้ากับจังหวะของดนตรี เรื่องร้องเรื่องเต้นขอให้บอกหนูด้วงถนัดนัก
‘ฉันคิดถึงเธอทุกวัน เปรียบขนาดประมาณเมฆใหญ่ ฉันคิดถึงเธอทุกวัน เปรียบขนาดประมาณรถไฟ
ก็ชอบเธอ ก็เลยบอก เรื่องจริงจึงไม่ยอมเก็บไว้ สนามบอลที่ว่าใหญ่ แต่ใจเราให้เธอยิ่งกว่านี้ ดูให้ดีสิเยอะนะ’
หนูด้วงเริ่มร้องและทำท่าประกอบเพลงไปด้วย มือไม้เหยียดอ้าออกกว้างเพราะต้องการให้พี่โอบเห็นว่าความรักของตัวเองใหญ่เท่าเมฆก้อนโตและหัวใจของตัวเองก็กว้างกว่าสนามบอลเสียอีก
‘ฉันคิดถึงเธอเท่าไร ใหญ่กว่าตึกที่มันสูงชัน ฉันนั้นรักเธอเท่าไร ใหญ่ขนาดประมาณพระจันทร์
ก็ชอบเธอ ก็เลยบอก เรื่องจริงจึงไม่ยอมเก็บไว้ สนามบอลที่ว่าใหญ่ แต่ใจเราให้เธอยิ่งกว่านี้ ดูให้ดีสิเยอะนะ’
ท่าเต้นส่ายก้นไปมาของหนูด้วงดูน่ารักปนตลกจนเรียกเสียงหัวเราะและเสียงปรบมือตามจังหวะจากคนในลานดาว แถมตอนนี้เพื่อนๆ ที่ร่วมประกวดหลายคนกระโดดเข้ามาร่วมวงเต้นด้วยกันเป็นที่สนุกสนาน ยกเว้นกลุ่มขององุ่นและเพื่อนสนิทที่เอาแต่ยืนเฉย
‘บอกว่ารักซักกะนิด ซักกะนิด ลิตเติ้ลบิท แค่นี้ก็พอ ลิตเติ้ลบิท ลิตเติ้ลมอร์
ขอน้ำตาล เติมหัวใจหน่อย อย่างงี้ มันค่อยดีหน่อย หนึ่งคำ ไม่ต้องมีมาเยอะ
บอกว่ารักซักกะนิด ซักกะนิด ลิตเติ้ลบิท แค่นี้ก็พอ ลิตเติ้ลบิท ลิตเติ้ลมอร์
ขอน้ำตาล เติมหัวใจหน่อย อย่างงี้ มันค่อยดีหน่อย หน่อยนึง ไม่ต้องมีมาแยะ แพะ ยังฟังเข้าใจเลย’
หนูด้วงเต้นยึกยักพร้อมกับกะพริบตาปิ๊งๆ ไปทางพี่โอบ พอจบเพลงก็วาดมือออกพร้อมกับชูนิ้วสามนิ้วที่เป็นสัญลักษณ์แทนคำว่ารักไปให้พี่โอบอีกด้วย เมื่อเห็นพี่โอบหัวเราะใจก็พองโต ในที่สุดก็ง้อพี่โอบได้สำเร็จ ด้วยความดีใจเลยหันไปกระโดดกอดสิงโต คราวนี้เสียงกรี๊ดดังลั่นลานดาวหนักกว่าเดิม
“ที่แท้แฟนของหนูด้วงก็คือน้องสิงโตนั่นเอง” พิธีกรเดินเข้ามาแซว
“ไม่ใช่ฮะ ไม่ใช่” หนูด้วงตกใจที่ทำให้คนอื่นเข้าใจผิด
“ไม่ต้องเขินค่ะ ทั้งจับมือ ทั้งกอดกันขนาดนี้ ดูพี่ๆ ชมรมโอนลี่วายสิคะ กรี๊ดจนจะเป็นลมกันอยู่แล้ว”
“ไม่ใช่ฮะ แฟนหนูคนนั้น” หนูด้วงรีบชี้นิ้วไปทางพี่โอบ
แต่เมื่อทุกคนหันไปดูตามที่หนูด้วงชี้ก็ชะงักนิ่ง หนูด้วงเห็นพี่พิธีกรทำหน้าแหยๆ ก็สงสัยเลยหันไปมองบ้าง
“อุ่ยยยย” หนูด้วงตกใจเมื่อมองไปก็ไม่เห็นพี่โอบแล้ว ส่วนคนที่นั่งอยู่ในตำแหน่งตรงที่นิ้วของตัวเองชี้ไปกลับเป็น...พี่เปิ้ล!!
“ฮ่าๆๆๆ เออๆ หนูด้วงเด็กกูเอง” พี่เปิ้ลตะโกนขึ้นมาก่อนจะหัวเราะชอบใจยกใหญ่
“ขอตัวก่อนนะฮะ” หนูด้วงรีบลงจากเวทีไปทันทีโดยไม่ฟังเสียงทัดทานจากใครๆ ไม่รู้ว่าพี่โอบหายไปไหน เมื่อกี้ยังนั่งยิ้มให้อยู่เลย หนูด้วงกลัวพี่โอบจะงอนอีกรอบที่ตัวเองเผลอไปกอดสิงโตเลยต้องรีบไปตามหา
เมื่อหนูด้วงวิ่งลงไปจากเวทีแล้วองุ่นก็แอบยิ้มเหยียดไล่หลังไปเมื่อเห็นว่าแฟนของหนูด้วงคือผู้ชายรูปร่างท้วมแถมยังหน้าตาธรรมดา เธอกับเพื่อนหันมาหัวเราะให้กันเพราะหลงคิดว่าจะรสนิยมของหนูด้วงจะสูงกว่านี้
“พยัคฆ์”
“ฮะ” หนูด้วงวิ่งมาถึงหน้าตึกคณะก็จำต้องหยุดวิ่งเมื่อโดนอาจารย์เรียกขึ้นมาก่อน
“อาจารย์จะรบกวนเธอสักหน่อย เด็กคนอื่นๆ เข้ากิจกรรมกันหมด”
“ได้ฮะ” หนูด้วงรับคำแม้ใจจะล่วงหน้าไปตามหาพี่โอบแล้ว
“เธอไปซื้อของตามใบสั่งนี่ให้อาจารย์หน่อยนะ ไปกับนายโอฬาร เขาอาสาขับรถไปให้”
“เอ่อ...” หนูด้วงหันไปเห็นส้มโอที่เพิ่งเดินเข้ามาก็ชักไม่อยากไปแต่ก็ไม่กล้าปฏิเสธอาจารย์
“เธอมีธุระอื่นรึเปล่า” อาจารย์เห็นสีหน้าของหนูด้วงเลยเอ่ยถาม
“เดี๋ยวหนูไปซื้อของให้อาจารย์ก่อนก็ได้ฮะ”
“ผมจะรีบไปรีบกลับครับอาจารย์” ส้มโอบอกอาจารย์ก่อนจะหันมายิ้มให้หนูด้วง อาจารย์ท่านนี้เป็นเพื่อนสนิทกับพ่อของส้มโอจึงไหว้วานให้ส้มโอไปทำธุระให้ แต่ส้มโอเห็นหนูด้วงวิ่งมาแต่ไกลแล้วเลยรบกวนให้อาจารย์ช่วยสั่งให้หนูด้วงไปกับตนเอง โดยอ้างว่าหนูด้วงคือคนรักของตัวเองและกำลังงอนอยู่ อาจารย์ก็เลยตกลง
“ขับรถดีๆ นะ รบกวนหน่อยเถอะ พรุ่งนี้อาจารย์ต้องใช้ประกอบการสอนแต่ไม่ว่างไปซื้อเองจริงๆ ขอบใจทั้งสองคนมากเลยนะ”
เมื่ออาจารย์ไปแล้วส้มโอก็ผายมือให้หนูด้วงเดินไปที่รถคันหรูของตัวเอง หนูด้วงมองไปรอบๆ ก็ไม่เห็นใครเลยที่จะชวนให้ไปเป็นเพื่อนกัน ตอนนี้ทุกคนคงอยู่ที่ลานดาวกันหมด สุดท้ายก็ตัดสินใจขึ้นรถไปกับส้มโอเพราะคิดว่ารีบซื้อให้เสร็จจะได้รีบกลับ
มีต่อด้านล่างค่ะ
[/b]