ชาร์ปpart
“น้องวินรอป๊าด้วยครับ อย่ารีบวิ่งครับเดียวล้ม” ผมบอกลูกชายไม่ทันขาดคำก็สะดุดขาตัวเองล้มลงไป นี้สินะครับที่โบราณได้ว่าเอาไว้ คิดว่าจะเกิดอะไรห้ามทันไม่อย่างนั้นจะเป็นจริง แต่ก่อนไม่เชื่อนะครับแต่ตอนนี้ ตอนที่ทักลูกชายแล้วล้มลงไปผมเชื่อสนิทใจเลยครับ
“น้องวิน เป็นยังไงบ้างลูก ป๊าบอกแล้วว่าอย่าวิ่ง เป็นยังไงครับ ล้มเลย ไหนให้ป๊าดูสิครับว่ามีแผลต้องไหนไหม เจ็บหรือเปล่าครับ” นั่งลงไปประคองลูกขึ้นมาแล้วก็ถามลูกว่าเป็นยังไงบ้าง
“น้องวินไม่เป็นอะไรครับ ไม่เจ็บด้วย แม่บอกว่าถ้าเราล้มก็ห้ามร้องไห้ แต่ถ้าเจ็บหรือเป็นแผลก็รีบไปให้แม่ทำแผลให้ครับ น้องวินได้ยินแม่บ่นเวลาน้องวินล้มแล้วได้แผลว่า “เวลาแม่เห็นน้องวินเจ็บแม่เจ็บกว่าหลายเท่า เวลาแม่เห็นน้องวินร้องไห้แม่ก็จะแอบไปร้องไห้น้องวินเคยแอบได้ยินบ่อยๆ” แต่น้องวินก็ไม่เคยเห็นแม่ร้องไห้นะครับ” น้องวินบอกมาแบบนั้นแล้วก็หันมายิ้มให้ผม วาลจะรู้ไหมว่าวาลเลี้ยงลูกดีมาก ดีกว่าอยู่กับพี่เสียอีก น้องวินเข็มแข็งจนผมเองที่คิดว่าตัวเองเข้มแข็งแล้วยังยอมแพ้ให้ลูกชายตัวน้อยของผมเลยครับ
“น้องวินเก่งมากครับ แม่วาลคงภูมิใจนะครับ แล้วนี่เจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ”
“น้องวินไม่เจ็บครับ สบายมากเลย” บอกแบบนั้นก็ยิ้มแป้นเลยครับ
“ตายแล้ว น้องวินเป็นอะไรหรือเปล่าค่ะ พอดีดิฉันเห็นน้องวิ่งแล้วล้มลงไปนะคะ” พยาบาลที่เป็นหัวหน้าฝ่ายพยาบาลเดินมาถามด้วยสีหน้าตื่นตกใจที่เห็นน้องวินวิ่งแล้วสะดุดล้ม
“น้องวินไม่เป็นอะไรครับ” น้องวินหันไปตอแล้วยิ้มหวานให้หัวหน้าพยาบาล
“น้องวินไม่เป็นอะไรมากครับ ยังไงผมขอตัวก่อนนะครับ”
“อ่ะค่ะ น้องวินไม่เป็นอะไรป้าก็ดีใจค่ะ”
“ขอบคุณครับ ยังไงผมกับลูกขอตัวก่อนนะครับ” แล้วพยาบาลไปว่าไม่เป็นไรก่อนจะอุ้มน้องวินขึ้นมา
“ค่ะ”
หลังจากเกิดอุบัติเหตุเล็กน้อง ผมก็อุ้มน้องวินตรงไปยังห้องพักที่วาลถูกย้ายมาด้วยความดีใจปนกังวลใจนิดๆ กังวลใจที่ว่าจะต้องเห็นว่าใส่เครื่องอะไรหลายๆอย่าง สายระโยงรยางค์เต็มไปหมดจนน่าใจหายนั้นก็ตีวนในหัวผมไปหมดเลยครับ แต่พอก้มมองน้องวินที่เห็นประตูห้องพักนั้นก็ต้องยิ้มตาม รอยยิ้มดีใจที่จะได้นอนกับแม่ กอดแม่นั้นเป็นสิ่งที่น้องวินคงคิดถึง พอเปิดประตูเข้าไปได้ผมก็วางน้องวินลงให้เดินไปหาแม่ของเขาที่น้องอยู่บนเตียง ดวงตาหลับสนิทไม่มีการไหวติ่งใดใด สายที่เคยพันระโยงระยางก็ไม่มีแล้วจะมีก็แค่ท้อออกซิเจน เครื่องวัดความดัน เท่านั้น ที่ศีรษะก็ยังมีผ้าพันแผลอยู่เหมือนเดิม เห็นแล้วก็อดสงสารไม่ได้
“แม่ครับ น้องวินมาหาแล้วนะครับ วันนี้น้องวินจะนอนกับแม่นะครับ แม่จะได้ไม่เหงาแล้ว เมื่อกี้น้องวินวิ่งสะดุดล้มแหละ แต่น้องวินไม่ร้องไห้เลย ป๊ะป๊าตกใจมากเลยที่เห็นน้องวินล้ม คริคริ ถ้าแม่ได้เห็นหน้าป๊ะป๊านะ มาจะขำหนักๆเลย หน้านี้เอ๋อมากเลย” แล้วก็มาฟ้องแม่สินะลูกชาย แต่ก็ทำให้ผมยิ้มออกนะครับ ความน่ารักของน้องวินมั่งจะทำให้ผมและคนรอบข้างยิ้มได้เสมอ
“ฟ้องแม่ใหญ่เลยนะครับลูกชาย”
“น้องวินไม่ได้ฟ้องนะ น้องวินแค่มาเล่าให้แม่ฟ้อง” แล้วก็หันมายิ้มร้ายใส่ผม นี้ลูกชายผมเจ้าเล่ห์แต่เด็กเลย
“เจ้าเล่ห์นะเรานิ”
“น้องวินไม่เจ้าเล่ห์ น้องวินน่ารัก แม่ก็บอก”
“ครับๆ น่ารักก็น่ารัก แล้วหิวหรือยังครับ ออกไปซื้ออะไรมากินกันไหมครับ”
“ไม่หิวครับ น้องวินยังอิ่มอยู่เลยครับ แล้วก็อยากอยู่กับแม่ด้วยครับ”
“โอเคครับ ถ้าอย่างนั้นเรามาเฝ้าแม่วาลกันเนอะ”
“ครับผม” แล้วเราสองคนก็นั่งเฝ้าวาล พูดคุยกันบ้างตามประสาพ่อลูก เบื่อๆก็เปิดโทรทัศน์ดูการ์ตูนกับน้องวินไป ดูไปก็ยิ้มไป เห็นลูกยิ้มได้ผมเองก็มีความสุขแล้วครับ นี้สินะที่เขาเรียกว่าครอบครัวที่น่ารัก ครอบครัวที่อบอุ่น และผมเองก็คิดแล้วว่าต่อไปจะไม่ทำร้ายวาลและลูกอีกเพราะพวกเขาทั้งสองคือครอบครัวที่ฟ้าประทานมาให้ผม
“น้องวินง่วงหรือยังครับ” ดึกมากแล้วที่เรานั่งดูโน่นดูนี่ในช่องสี่เหลี่ยมขนาดกลางของโรงพยาบาล ผมเลยหันไปถามน้องวินที่นั่งตาปรือจะหลับแหล่มิหลับแหล่ข้างๆ
“ครับน้องวินง่วงมากเลยครับ เราไปนอนกันนะครับ” น้องวินหันมาตอบผมว่าตัวเองก็ง่วงแล้ว ที่ยังไม่ยอมนอนคงเพราะกลัวว่าถ้าแม่ตัวเองตื่นแล้วตัวเองจะได้เห็นคนแรก ผมแค่คิดนะครับ เพราะหลังจากที่พูดคุย โน่นนี่นั้นไปเรื่อย น้องวินก็เอาแต่จ้องแม่ของตัวเอง
“ไปครับ ไปนอนกัน” โรงพยาบาลแห่งนี้ดีมากๆเลยครับ มีเตียงสำหรับญาติผู้ป่วยด้วย คงคิดเผื่อว่าต้องมีการเฝ้าแน่นอน แต่ราคาก็สูงตามละนะครับ แต่ก็ไม่เป็นไรครับ เพื่อคนที่ผมรักทั้งสองแพงแค่ไหนผมสู้ได้สบายขอแค่เขาทั้งสองหลับสบายเป็นพอ
“ครับผม” แล้วน้องวินก็เดินตามผมไปที่เตียงเพื่อนที่จะนอน
“ถ้าอย่างนั้นน้องวินนอนไปก่อนนะครับ ป๊าออกไปคุยธุระสักแป๊บก่อนนะครับ เดียวป๊ากลับมา”
“คราบบบบ” ตอบมาเสียงยานคางมากครับลูกชายผม คงง่วงเต็มที่
“เดียวป๊ามานะครับ นอนไปก่อนเลย” แล้วผมก็ออกมาจากห้องพักของวาลเพื่อที่จะไปขอหม่อนและผ้าห่มมาอีกชุด ถึงห้องที่วาลพักอยู่จะมีเตียงสำหรับญาติแต่มั้นเป็นเตียวเดี่ยวถ้าผมนอนกับน้องวินมีหวังได้นอนทับลูกชายเป็นแน่ครับ
น้องวินPart
หลังจากป๊ะป๊าออกไปแล้ว น้องวินก็ลุกนั่งเฝ้าแม่อยู่ห่างๆ ถึงจะง่วงแต่น้องวินอยากอยู่ดูว่าแม่ครับจะตื่นมาตอนไหน น้องวินอยากกอดแม่ครับ อยากนอนกอดแม่นะครับแต่ที่ตัวแม่ยังมีสายอะไรไม่รู้อยู่เต็มตัวไปหมดเลย
“แม่ครับ รีบตื่นนะครับน้องวินคิดถึง ไข่เจียวก็คิดถึงแม่ครับนะครับ” ได้แต่พูดออกไปแบบนั้นไม่รู้แม่จะได้ยินหรือเปล่า พี่หมีน้องวินก็ไม่ได้เอามาด้วย น้องวินไม่มีเพื่อนคุยเลย
ง่วงจัง นอนก่อนนะครับทุกครับ
หลังจากที่น้องวินหลับไปไม่นาน ก็ต้องสะดุดตื่นขึ้นมาเพราะเสียงอะไรบางอย่างที่มีความแหบปนอยู่นั้น
“นะ น้ำ.....ขอ.....น้ำ.....หน่อย......นะ......” เสียงที่แหบแห้งนั้นเงียบหายไป เสียงแม่วาลหรือเปล่านะ เอะหรือว่าจะไม่ใช่นะ
“งือ เสียงใคร” ลงจากเตียงได้น้องวินก็เดินไปที่เตียงของแม่เพื่อฟังเสียงว่าใช่เสียงแม่หรือเปล่า
“ขะ ขอ นะ น้ำ หน่อย” เสียงที่แหบพล่าที่เอ่ยขอน้ำดื่มนั้นก็พลันทำให้น้ำตาสองข้างแก้มของน้องวินไหลลงมาอาบสองแก้ม น้องวินยืนอยู่สักพักก่อนจะตังสติวิ่งไปยกเหยือกน้ำมาเทใส่แก้ว พร้อมเสียงสะอื้น ถึงจะหนักแต่เพราะความเป็นห่วงแม่และป๊ะป๊าก็ไม่อยู่น้องตัวช่วยเหลือตัวเองให้ได้ทำอะไรด้วยตัวเองให้ได้นั้นแหละสิ่งที่แม่วาลได้สอนไว้ พอเทน้ำเสร็จแล้วก็มองหาหลอด แต่หายังไงก็หาไม่เจสักที
“อึก หลอดไปไหนหมด น้องวิน ฮึก จะ จำได้ว่าอยู่ตรงนี้ แล้วมันหายไปไหนละ” น้ำตาที่ไหลอาบแก้มทำให้สายตาพล่ามัวและมีแค่แสงสลัวจากข้างนอกเท่านั้นจึงทำให้หาอะไรสำบาก จะวิ่งไปหาป๊ะป๊าก็ไม่รู้อยู่ไหน ในตอนที่ไม่มีใครน้องวินจำเป็นต้องช่วยตัวเองให้ได้
“น้องวินต้องทำให้ได้ น้องวินอึก จะไม่ร้องไห้ รอก่อนนะครับคุณแม่” และแล้วความพยายามของเด็กชายชาวินก็สัมฤทธิ์ผลในการหาหลอดจนเจอ
“แม่ครับ ดื่มน้ำนะครับ” หลังจากที่น้องวินหาหลอดได้ก็นำไปจ่อที่ปากของมารดาแล้วทำการป้อนน้ำให้คนที่พึ่งพื้นแล้วกระหายน้ำเป็นอย่างมากได้ดื่ม วาลดูดน้ำเข้าไปจนเกือบหมด หลังจากที่ได้ดื่มน้ำก็ทำให้ชุ่มคอแล้วสบายขึ้นหลังจากนั้นก็หลับไปอีกรอบ น้องวินมองแม่ที่สงบลงไปก็ได้แต่ปล่อยให้พักไป เจ้าตัวคิดว่าแม่คงหิวน้ำเลยตื่นมาขอน้ำกินแล้วก็หลับไปอีกรอบ น้องวินนั่งดูผู้เป็นแม่ที่มีสีหน้าที่ดูดีขึ้น ใบหน้าเริ่มมีเลือดฝาดขึ้นมาบนใบหน้า
ชาร์ปPart
หลังจากที่ได้ชุดเครื่องนอนแล้วผมก็รีบเดินกลับไปยังห้องพักของวาลทันที พอผมเปิดประตูก็เห็นน้องวินนอนหลับที่ข้างเตียงของคนเป็นแม่ ก่อนผมออกไปน้องวินยังนอนที่เตียงพักญาติอยู่เลย ทำไงถึงมานอนตรงนี้ได้นะ หรือว่าละเมอมา พอเดินเข้าไปใกล้ๆก็เห็นว่ามือน้องวินนั้นจับมือของแม่ตัวเองอยู่ คงจะละเมอแล้วมานอนตรงนี้ ผมได้แต่คิดแบบนั้น ก่อนจะทำการปูที่นอนให้ตัวเองเสร็จสับแล้วก็ไปอุ้มน้องวินให้กลับมานอนที่เตียงอย่างเดิม แต่ดูเหมือนว่าน้องวินจะไม่ยอมปล่อยมือจากวาลเลย เป็นอะไรไปนะ ดึงยังไงก็ไม่ยอมปล่อย จะปลุกก็กลัวว่าจะงอแง ถ้าอย่างนั้นให้น้องวินนอนบนเตียงกลับวาลก็แล้วกัน
“ฝันดีนะครับคนดีของพี่ จุ๊บ ฝันดีนะครับลูกชายป๊า จุ๊บ” หลังจากจัดท่านอนให้น้องวินได้นอนอย่างสบายแล้ว ผมก็เดินไปนอนที่เตียงสำหรับญาติคนไข้ พอถึงที่นอนหัวถึงหมอนก็หลับไปอย่างง่ายดาย
เช้านี้ผมตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงคนเข้าห้องน้ำ พอหันไปมองก็ไม่เจอน้องวินแล้ว สงสัยจะไปฉี่ รอไม่นานน้องวินก็เดินออกมาแล้วก็เห็นผมที่นั่งอยู่บนเตียง ผมเลยทักขึ้น
“ว่าไงครับลูกชาย ตื่นเช้าจังครับ” ทักทายยามเช้าเห็นน้องวินแบบพึ่งจะตื่นผมชี้ไปคนละทิศคนละทางเลยครับ
“ป๊ะป๊ามาตั้งแต่ตอนไหนครับ” ไม่ตอบแต่ถามผมกลับเลยครับ
“ป๊ามาตอนที่เห็นน้องวินนอนกุมมือแม่วาลมือคืนไงครับ หลับไม่รุ้เรื่องแม่ละเมอมานอนจับมือแม่อีกนะเรา”
“น้องวินไม่ได้ละเมอนะครับ เมื่อคืนคุณแม่ตื่นมาขอกินน้ำ คุณแม่ตื่นแล้วนะครับ” วาลตื่นมาเมื่อคืนหรือ
“แม่วาลตื่นมาเมื่อคืนหรือครับ ทำไมไม่บอกป๊าละครับ” ผมถามออกไปเสียงดังนิดหน่อยด้วยความตกใจปนสงสัย
“ครับผม แต่ป๊าจะเสียงดังทำไมครับเดียวก็รบกวนแม่หรอกครับ เมื่อคืนน้องวินเอาน้ำให้กินก็หลับไปครับ” เมื่อได้ยินที่น้องวินพูดแบบนั้นผมก็หันไปดูร่างของวาลที่นอนหลับอย่างสบายใจอยู่บนเตียงนอน แต่พอสังเกตุดูสีหน้าของวาลก็ดูดีขึ้นไม่ซีดขาวเหมือนตอนก่อนแล้ว ตอนนี้เหมือนจะมีเลือดฝาดบนใบหน้า สีหน้าดูสดใสขึ้น แสดงว่าน้องวินคนพูดจริง คิดได้ดังนั้นผมก็กดออดเรียกพยาบาลทันที่เลยครับ และก็ลืมไปว่าผมเองพึ่งจะตื่นหน้ายังไม่ล้างฟันยังไม่แปรงเลยครับ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“ไม่ทราบวาลคุณวาฤทธิ์เป็นอะไรหรือค่ะถึงได้กดออดเรียกมา” ไม่นานพยาบาลก็เดินเข้ามาถามว่ากดออดเรียกทำไม
“คือว่าเมื่อคืนนี้ภรรยาของผมฟื้นขึ้นมาครับ แล้วก็หลับไปครับ” ผมบอกออกไปอย่างไม่มีสติเท่าไหร่เพราะมันดีใจ ตกใจ ปะปนกันไปหมดครับ
“เดียวดิฉันจะไปตามคุณหมอมาดูอาการให้นะคะ รอสักครู่ค่ะ” หลังจากที่พยาบาลเดินออกไป น้ำตาของลูกผู้ชายอย่างผมก็ไหลออกมาอาบสองแก้ม ผมเดินเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ข้างเตียงคนไข้แล้วจับมือของวาลลูบไปมาอย่างหวงแหน
“ในที่สุด อึก ในที่สุดวาลก็กลับมาหาพี่แล้ว” ผมร้องไห้ไม่อายลูกชายที่ยืนมองอยู่
“ป๊ะป๊าไม่ต้องร้องนะครับ แม่วาลจะกลับมาหาแล้วนะครับ น้องวินยังไม่ร้องเลย” ผมหันไปยิ้มให้น้องวินพร้อมน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม ยื่นมือไปลูบหัวทุยของลูกชาย น้องวินเป็นเด็กที่น่ารักและเข้มแข็ง ข้อนี้ผมต้องขอบคุณวาลที่เลี้ยงลูกมาดีมาก ดีกว่าใครที่ไหนผมคิดอย่างนั้น
“ครับ ป๊าจะไม่ร้องไห้ครับ ป๊าจะเข้มแข็งเพื่อแม่วาล อย่างที่น้องวินบอกนะครับ” ยิ้มให้ลูกชายทั้งน้ำตา
“ครับผม”
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“ขออนุญาตค่ะ” ไม่นานพยาบาลคนเดิมก็เข้ามาตามด้วยหมอประจำตัวของวาล
“เชิญครับ” ผมเรียนเชิญคุณหมอ และพยาบาลเข้ามาในห้อง และหลีกทางให้หมอทำการตรวจเช็คร่างกายของวาล
“หมอขอตรวจอาการของคุณวาลหน่อยนะครับ”
“ครับ” แล้วคุณหมอก็ตรวจร่างกายของว่า ฟังเสียงการเต้นของหัวใจ ดูความดัน ดูการตอบสนองของม่านตา แล้วดูแผลที่ศีรษะของวาล หลังจากตรวจเสร็จคุณหมอก็มีปฏิกิริยาที่แสดงความดีใจแล้วหันมาบอกกับผมว่า
“ร่างกายของคนไข้เริ่มเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว อีกไม่นานก็ฟื้นแล้วครับ”
“แต่เหมือนว่าวาลจะตื่นมาตอนกลางดึกนะครับ แต่ผมก็ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์นั้น มีแค่น้องวินลูกชายของผมที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดครับ” ผมก็บอกไปตามที่น้องวินบอกมา
“แสดงว่าการฟื้นตัวเริ่มคงที่แล้วนะครับ ถ้าคนไข้ฟื้นก็กดเรียกได้ตลอดเลยนะครับ ผมจะรีบมาดูอาการให้อย่างรวดเร็วครับ”
“ขอบคุณครับคุณหมอที่ช่วยวาลภรรยาของผม”
“มันเป็นหน้าที่ของหมอที่จะช่วยชีวิตคนไข้อยู่แล้วครับ ถ้าอย่างนั้นหมอขอตัวก่อนนะครับ มีอะไรก็กดเรียกได้เลยนะครับ”
“ครับ น้องวินครับมาขอบคุณคุณหมอก่อนเร็วครับ”
“ขอบคุณครับคุณหมอที่ช่วยแม่วาลของน้องวิน”
“ครับผม เต็มใจช่วยเต็มที่ครับผม อาหมอไปก่อนนะครับ ผมขอตัวนะครับคุณชาร์ป”
“ครับคุณหมอ ขอบคุณอีกครั้งครับ” หลังจากนั้นคุณหมอเจ้าของไข้ของวาลก็เดินออกไปเพื่อไปทำหน้าที่ของตนเอง ผมและน้องวินก็มาจัดการทำธุระส่วนตัว อาบน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยผมก็ออกมาจัดการปอกผลไม้ไว้ในน้องวินได้ทานรองท้องไปก่อนเห็นแบบนี้เรื่องงานครัวผมก็พอทำได้นะครับและอาหารเช้าคงต้องรอสักพัก เพราะพึ่งโทรไปสั่งทางโรงพยาบาลให้เตรียมอาหารมาให้
“หิวหรือยังครับ ทานผลไม้รองท้องไปก่อนนะครับ” ถามน้องวินที่นั่งมองวาลอยู่ไม่ห่างคงจะรอว่าแม่จะฟื้นมาตอนไหน
“หิวนิดหน่อยครับ แต่ทานรองท้องก่อนก็ได้ครับ” น้องวินหันมายิ้มให้ผมเล็กน้องก่อนจะหันไปสนใจแม่ตัวเองต่อ ผมได้แต่คิดในใจขึ้นให้วาลรีบตื่นขึ้นมาโดยเร็วเพราะผมสงสารน้องวินเหลือเกิน น้องวินไม่ไปไหนเลย เอาแต่นั่งเฝ้าแม่ตัวเอง และก็ไม่ร่าเริงเหมือนเดิมที่ผมเคยเห็น เอาแต่นั่งมองวาลไม่ห่างไปไหน เปิดโทรทัศน์ให้ดูก็ไม่ดู รีบๆตื่นมานะวาล
ไม่นานนัก อาหารเช้าก็มาส่งที่ห้องพัก อาหารส่วนใหญ่ก็จะเน้นอาหารเพื่อสุขภาพครับ เห็นแล้วก็ไม่อยากกินเลย แต่ทำไงได้ละครับ ทางผมออกไปซื้อไม่ได้เพราะเป็นหวงวาลและน้องวิน ก็เลยทำใจโทรสั่งอาหารของโรงพยาบาลมาแทน จากนั้นเราสองคนพ่อลูกก็นั่งกินข้าวกันไปครับ กินไปเงียบๆไม่มีใครพูดคุยอะไรกัน กินไปได้สักพักก็ได้ยินเสียงที่แหบแห้งดังขึ้น
“น้อง วิน น้อง วิ วิน ครับ” เสียงเรียกน้องวินดังขึ้นมาขณะที่เรากำลังรับประทานอาหารกันอยู่ น้องวินหยุดกินแล้ววิ่งไปที่เตียงของวาลทันที แล้วก็เอื้อมมือไปหยิบออดมากดเรียกพยาบาลที่อยู่เวรทันที ผมเองกหยุดกินแล้ววิ่งไปนั่งข้างเตียงของวาลที่ร้องเรียกน้องวินอยู่
“น้องวินครับมานี้ครับ” ผมเรียกลูกชายแล้วตบที่ตักตัวเองเพื่อให้น้องวินมานั่งที่ตักของผม
“ป๊ะป๊า แม่เรียกน้องวิน” แววตาแล้วน้ำเสียงของน้องวินดูดีใจมาก ไม่ต่างจากผมครับ
“ครับป๊าก็ได้ยินครับ แม่วาลจะตื่นมาอยู่กับเราแล้วนะครับ”พูดไปก็สะกดกลั้นน้ำตาเอาไว้
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“ขออนุญาติค่ะ” ไม่นานพยาบาลก็เดินเข้ามาพร้อมคุณหมอเจ้าของไข้ของวาลก็เดินตามมาโดยถือแฟ้มสำหรับการซักประวัติตรวจประเมินมาด้วย
“เชิญครับ สวัสดีครับคุณหมอ” กล่าวเชิญและทักทายคุณหมอไป แล้วหันไปดูวาลอีกรอบก็เห็นว่าตอนนี้วาลลืมตาขึ้นมาแล้ว แต่เพราะนห้องคงแสงจ้าเกินไปเลยหลับตาลงไปอีกรอบเพื่อปรับโฟกัสใหม่
“สวัสดีครับคุณชาร์ป หมอขอตรวจดูอาการของคุณวาลหน่อยนะครับ พี่หวานครับผมขอชาร์ตคนไข้หน่อยครับ” พอคุณหมอได้ชาร์ตแล้วก็เริ่มตรวจอาการของวาลอีกรอบ “อาการข้างต้นไม่น่าเป็นห่วงนะครับ...” พอคุณหมอพูดแค่นั้นวาลก็ลืมตาขึ้นมากมองไปรอบห้องพักแล้วถามขึ้น
“ผมหลับไปนานไหมครับ”
“สามวันเต็มครับที่หลับไป อาการไม่น่าเป็นห่วงมาก แต่ต้องอยู่พักฟื้นที่โรงพยาบาลก่อนนะครับ แล้วผมจะจัดยาให้นะครับ เพราะต้องทานยาฆ่าเชื้อป้องกันแผลติดเชื้อ และตอนนี้ก็ให้ทานอาหารอ่อนๆไปก่อนนะครับเพราะคนที่พึ่งจะฟื้นระบบย้อยอาหารยังทำงานไม่เต็มที่เท่าไหร่ แล้วก็ถ้าคนไข้ลุกเดินได้หมอก็อยากให้เดินออกกำลังกายบ้างนะครับ หมอขอตัวก่อนนะครับ ถ้ามีอะไรที่ผิดปกติก็กดเรียกได้ตลอดเวลาเดียวพยาบาลที่อยุ่เวรจะเข้ามาอำนวยความสะดวกให้ ขอตัวนะครับ”
“ขอบคุณครับคุณหมอ” หลังจากที่คุณหมอออกไปแล้วผมก็เดินกลับมานั่งที่เก้าอี้ข้างเตียงคนไข้อีกครั้ง และดูแม่ลูกคุยกันไป คนเป็นแม่นั้นร้องไห้ไปแล้วครับ น้ำตาไหลออกมาพร้อมเสียงสะอื้นพร้อมกอดลูกชายตัวน้อยเอาไว้และน้องวินก็คอยเช็ดน้ำตาให้วาลไปด้วยดูแล้วเป็นภาพที่น่ารักมากเลยครับ แล้วว่าก็หันมามองที่ผมแล้วถามขึ้น
“พี่ชาร์ปไม่ไปทำงานหรือครับ” ไม่เคยที่จะห่วงตัวเองก่อนเลย นี่แหละนิสัยของวาลชอบที่จะห่วงคนอื่นก่อนตัวเองเสมอ
“ไม่ครับ ท่านประธานไม่เข้าบริษัทคงไม่มีใครว่าหรอกครับ” แล้วก็ได้วงหน้าค้อนมาวงใหญ่เลยครับ
“ไม่ได้นะครับ ทำไมละเลยแบบนี้ละครับ ปล่อยบริษัทแบบนี้ได้ยังไงครับ”
“โธ่วาลตื่นมาแล้วก็ว่าพี่เลยนะครับ แล้วนี้หิวไหมครับ กินอะไรไหม” น้อยใจนะครับที่โดนว่าแบบนี้ แต่เพราะความเป็นห่วงของคนที่เรารักความน้อยใจทั้งหลายเลยไม่แสดงมันออกมาให้เขาเห็นหรอกครับ
“ก็หิวนะครับไม่ได้กินอะไรมาตั้งสามวัน ดูสิครับตัววาลบวมน้ำเกลือไปหมด”
“ก็จริงนะ น้องวินดูคุณแม่สิครับตัวบวมมากเลย พี่ว่าวาลคงต้องไปเดินออกกำลังกายบ้างแล้วละ เอาไว้ตอนที่เราร่างกายสมบูรณ์หนึ่งร้อยเปอร์เซ็นก่อนละกันเดียวพี่พาไป”
“ขอบคุณครับ แต่ตอนนี้วาลหิวมากเลยครับมีอะไรทานไหมครับ”
“ไม่มีเลยครับ เดียวพี่โทรให้ทางโรงพยาบาลจัดอาหารอ่อนมาให้เรากินนะ อาจจะจืดชืดไปบ้างก็กินหน่อยละกัน คิดเสียว่ากินเพื่อร่างกายของเรา”
“ครับผม แล้วน้องวินทานข้าวหรือยังครับ สายมากแล้วนะครับ”
“น้องวินทานไปนิดเดียวเอง แม่ก็เรียกน้องวิน เมื่อคืนบอกหิวน้ำน้องวินก็เอาน้ำมาให้แล้วแม่ก็หลับไป น้องวินขี้เกียจเดินไปนอนที่เตียงเลยนอนจับมือแม่ที่เตียงตรงที่ป๊านั่งแล้วตอนเช้ามาน้องวินขึ้นมานอนบนเตียงได้ยังไงก็ไม่รู้”
“ละเมอหรือเปล่าเรา” แอบแย่ลูกไปครับ
“น้องวินไม่เคยละเมอเลยนะ ไม่เชื่อถามแม่ครับได้เลย” มีกอดอกพูดอย่างภาคภูมิใจ
“ครับๆ ป๊ายอมแล้ว น้องวินไม่ได้ละเมอหรอครับ ป๊าอุ้มน้องวินขึ้นไปนอนเองครับ ตอนแรกป๊าจะพาไปนอนที่เตียงแต่น้องวินเลยไม่ยอมปล่อยมือแม่วาลเลย ป๊าเลยจัดท่าให้น้องวินนอนสบายๆกับแม่วาลไงครับ หายสงสัยหรือยังทีนี้”
“หายแล้วครับ แหะๆ” น้องวินก็คือน้องวินอยู่วันยังค่ำ น่ารักแบบไหนก็ยังน่ารักช่างพูด ช่างเอาใจใส่ทุกคนไปหมดสิน่า
“เอาละครับน้องวินลงมาก่อนครับแม่วาลจะได้พักผ่อน วาลพักผ่อนไปก่อนนะ เดียวข้าวมาพี่จะเรียก”
“ไม่เอาหรอกครับ นี่วาลก็นอนมาสามวันติดละ วาลไม่ง่วงเท่าไหร่หรอกครับ”
“โอเค ได้ครับ เดียวพี่โทรให้ทางโรงพยาบาลจัดอาหารให้ก่อนนะ”
“ขอบคุณครับ” แล้วผมก็เดินไปที่โทรศัพท์ที่ใช้เฉพาะภายในโรงพยาบาลกดเบอร์โทรออกไปที่ชั้นโรงครัวเพื่อให้เขาจัดเตรียมข้าวตัมมาให้ สั่งเสร็จเรียบร้อยก็หันกับไปดูก็พบกับภาพที่น่ารักคือ แม่ลูกนอนกอดกันกลมเลย ตอนแรกบอกไม่ง่วง แล้วตอนนี้ละ หลับทั้งแม่ทั้งลูกเลยครับ อยากเก็บภาพประทับใจนี้ไว้จังนะ คิดแล้วก็เอาโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายภาพน่ารักของคนที่ผมรักหมดใจทั้งสองคน
อีกด้าน
“รักกันเข้าไป คุณชาร์ปค่อยดูเถอะ ค่อยดู สักวันคุณต้องเสียใจที่ไม่เลือกฉัน ค่อยดูความหายนะที่จะเกิดขึ้นกับครอบครัวอันแสนน่ารังเกียจของคุณได้เลย” รินเอ่ยออกมาเมื่อเห็นภาพอันบาดตาบาดใจ แล้วเธอก็ยกยิ้มที่มุมปากเล็กน้องเมื่อคิดแผนการชั่วร้ายไว้ในหัว รินเป็นคนที่มีแผนการสำรองเพื่อจัดการคนที่เธอเกลียดเสมอ ครั้งนี้ก็เช่นกันแผนการที่เธอจะทำเพื่อกำจัดคนที่เธอเกลียดนั้นเธอเองก็ได้คิดเอาไว้หมดแล้ว หลังจากนั้นเจ้าหล่อนก็เดินออกจากประตูห้องพักของวาลไปเพื่อที่จะไปเตรียมการในการจัดการเสี้ยนหนามหัวใจของเธอ
“พวกวิปริตจะต้องหายไปจากคุณชาร์ป คุณชาร์ปต้องเป็นของฉันคนเดียวคอยดู หึหึ”
#############################################################
มาแล้วครับ เป็นอีกตอนที่แต่งได้ยากมากไม่รู้จะเขียนออกมาได้อรรถรสหรือเปล่า แต่บอกเลยว่าแต่งไปมันจุกในอก การแสดงอารมณ์อาจจะไม่มากพอก็ขออภัยด้วยนะครับ
แล้ววาลก็ฟื้น ครอบครัวสุขสรรค์ก็กลับบมา
รินนางคิดจะทำอะไรนะต้องค่อยติดตามกันนะครับ
ชอบก็กดไลค์
ถ้าใช่ก็คอมเม้น
ถ้าอยากให้ใจก็แชร์ไปด้วยนะครับ
ปล. เรื่องนี้ขอสปอยว่าจะมีภาคน้องวินแน่นอนครับ
ปล 2. ถ้าเรื่องนี้ได้รับความนิยมมากๆอาจจะมีการรวมเล่มเกิดขึ้นนะครับ แต่ถ้าไม่มีคนชอบมากหรือไม่มีคนอยากให้รวมเล่มก็จะไม่รวมครับก็อ่านฟรีต่อไปเนาะ
ปล 3. นิยายเรื่่องใหม่ก็จ่อคิวที่จะลงเร็วๆนี้อีกหลายเรื่องตอนนี้ก็ลงไปแล้วกับเรื่อง Bon Appétit (รสแห่งรัก) ฝากติดตามด้วยนะครับ