No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ ลอยกระทง [P.25]<<[03/11/60]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ ลอยกระทง [P.25]<<[03/11/60]  (อ่าน 282342 ครั้ง)

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
กรี๊ดดด อิพี่เกนมันซุ่มค่าาา

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

ออฟไลน์ gupalz

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4911
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +604/-20
เค้ามองกันมาตั้งแต่ปีหนึ่งอ่ะ

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ GAZESL

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 675
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
อยากอ่านป่านเกนต่ออออค่าาาา o11

 :pig4:



ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
เออเนาะที่แท้เกนก็เล็งป่านไว้แล้วนี่เอง

รอตอนต่อไปจ้า

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5
No Sugar : Part Ken & Pan [2]


(ป่าน)
   

        ผมคิดไว้แล้วว่ายังไงก็ต้องสำเร็จ ผมได้ไลน์ของน้องเขามาจากการแลกไลน์ไอ้ต้อม อาจจะดูขายเพื่อนไปสักหน่อย แต่ชั่วโมงนี้ขอผมได้ทำตามหัวใจหน่อยเถอะ ลองส่งข้อความไป ไม่นานก็ได้ข้อความตอบกลับ ความน่ารักของน้องยิ่งทำให้ผมชอบมากขึ้นไปอีก จำได้ว่า วันแรกเราคุยกันข้ามคืนกันเลยทีเดียว

   น้องครีม เป็นสาวมั่นใจในตัวเองสูงพอสมควร นั่นเพราะน้องเขาสวยจริงๆ ผมพยายามชวนคุยอยู่หลายวันจนกลั้นใจลองชวนน้องครีมไปกินนมปั่นหน้ามหาลัย น้องดูแบ่งรับแบ่งสู้ซะผมใจคอไม่ค่อยดี แต่สุดท้ายก็ตกลง เลยชวนไอ้ต้อมไปด้วย เผื่อมีอะไรมันจะได้ช่วยผม

   พอเอาเข้าจริง แทบไม่ต้องให้ไอ้ต้อมช่วย เพราะน้องครีมพูดเก่งมาก น้องชวนผมคุยจนลืมเพื่อนที่พามา ก่อนน้องครีมโวยวายคนที่พามาด้วยเรื่องแย่งของกินนมปั่นของไอ้ต้อม ดูแล้วคงจะอยากกินเพื่อนผมมากกว่านมปั่นละมั้ง ไอ้ต้อมมันก็นั่งหน้านิ่ง ผมเดาว่า มันไม่รู้ตัวหรอกว่ากำลังถูกอ่อย

   น้องครีมชวนผมคุยอีกครั้งเมื่อรุ่นพี่ที่มาด้วยไม่ยอมคืนแก้ว อีกทั้งไอ้ต้อมก็ยินดียกให้ ส่วนผมกับน้องคราวนี้คุยเรื่องเรียน น้องเขากำลังขึ้นปีสองซึ่งบางวิชาก็เรียนยากซะจนท้อ ผมให้กำลังใจได้เพียงคำพูด แต่น้องครีมดูเหมือนไม่ค่อยตั้งใจฟังเท่าไหร่ ดวงตากลมโตจ้องไอ้ต้อมกับพี่ชายตัวเอง พอผมลองหันไปมองบ้างก็ต้องอ้าปากค้าง
 
   ไอ้พี่หน้าดุมันยื่นนมปั่นไปจ่อปากเพื่อนผม ที่สำคัญ ไอ้ต้อมอ้าปากกินด้วย แม้มันจะไม่ถือเรื่องใช้หลอดเดียวกัน แต่สำหรับผม มันจูบทางอ้อมชัดๆ

   “เอ่อ ครีมยังมีรายงานต้องทำ ครีมขอกลับก่อนดีกว่าค่ะ”

   “ได้ครับ ไว้เจอกันใหม่นะ” ผมโบกมือลาน้องครีมคนสวยของผม (?) จนเธอขึ้นรถไป ผมก็เริ่มกลับมาเงียบจนโดนไอ้ต้อมตบหัวเข้าอย่างจัง ไอ้เชี่ยนี่มือหนักชะมัด

   “เป็นเชี่ยไรวะ เงียบนะมึง” ผมขมวดคิ้วมองเพื่อนตัวเองเมื่อภาพที่ร้านยังติดตา

   “มึงกับพี่ของครีม...เหมือนคบกันเลยว่ะ” พูดออกไปในที่สุด  ไอ้ต้อมมันตบหัวผมติดๆ กันจนสมองแทบไหล

   “ไอ้เหี้ยป่านคิดมาได้ กูขนลุกสัด” ไอ้ต้อมพูดพลางยกมือลูบแขนตัวเองไปมา

   “กูพูดจริงๆ ตอนป้อนกัน กูเห็นผู้หญิงโต๊ะหลังถ่ายรูปด้วย” เพื่อนผมโดนยกกล้องมือถือถ่ายตั้งแต่ยื่นแก้วนมปั่นให้พี่ของครีม สาวๆ กลุ่มนั้นยกมือปิดปากไว้ ผมว่าคงอยากกรี๊ดแน่ เพราะหน้าแต่ละคนแดงแปร๊ดเชียว

   “ไร้สาระ กูกับไอ้นั้นไม่มีทางญาติดีกัน...คิดเรื่องมึงเถอะ อย่ามาคิดเรื่องกู เพราะมันไม่มีทางเป็นไปได้” ไอ้ต้อมมันยืนยันว่าไม่มีทางเป็นไปได้ แต่ผมดูออกว่าพี่คนนั้นกำลังจะทำให้มันเป็นไปได้อย่างแน่นอน

   ผมแยกกับไอ้ต้อมหน้าตึกเรียน มันกลับหอ ส่วนผมก็กลับเหมือนกัน ระหว่างทางเจอรถคันที่มันเคยขับตามผมด้วย รถคันงามกำลังมุ่งหน้าออกถนนใหญ่อยู่ด้านหน้าของผม ภายในรถเห็นเงาลางๆ ว่ามีตุ๊กตาหน้ารถนั่งข้าง เป็นพวกใช้ผู้หญิงเปลือง แถมคนที่ได้มีแต่น่ารักและเด็ดดวงทั้งนั้น ไม่รู้ทำบุญด้วยอะไร แต่ก็อย่างว่า หล่อ รวย ครบเครื่องซะขนาดนั้น ไม่ได้ก็แปลกแล้ว

   ขับตามไปเรื่อยๆ โดยไม่ได้ตั้งใจ แต่เพราะความอยากรู้มันดันสั่งให้ขับตาม ก่อนรถคันแพงจะเลี้ยวเข้าร้านอาหารญี่ปุ่น ผิดคาดนะครับ คิดว่าจะเข้าโรงแรมซะอีก ผมหมายถึงกินข้าวในโรงแรมแล้วแถมเรื่องใต้สะดือ

   แยกออกมาเพื่อกลับห้อง ผมแวะซื้อข้าวกล่องกลับมากินที่ห้อง กินเสร็จก็อาบน้ำ พอออกจากห้องน้ำเห็นหน้าจอมีแสงวาบขึ้นมา ไอ้ต้อมส่งข้อความมาโวยวายว่ารุ่นพี่คนนั้นส่งข้อความมาหา ไม่รู้ไปเอาไลน์มันมาจากไหน

   หรือจะมาจากน้องครีมที่ผมเอาไปแลกวะ

   สะบัดความคิดฟุ้งซ่านออกไปพร้อมบอกให้ไอ้ต้อมทำใจ เพราะมันไม่หยุดแค่นั้นหรอก เพื่อนผมไม่แคล้วจะเสร็จรุ่นพี่บริหารคนนั้น แต่หวังว่าจะทนไอ้ต้อมได้นะ



   เช้าวันใหม่ ผมออกห้องแต่เช้าเพื่อไปซื้อขนมปังร้านอร่อย ยืนต่อคิวอยู่นานถึงจะได้ ระหว่างที่เดินสวนออกมา ได้ยินนักศึกษามหาลัยเดียวกันพูดถึงรุ่นพี่บริหารชื่อเคนหรือเกนอะไรสักอย่างที่เพิ่งบอกเลิกกับดาวคณะนิเทศปีสามจนเป็นข่าวดัง เนื่องจากดาวปีสามกำลังจะเป็นนางเอกละครเวทีของคณะในอีกไม่กี่เดือน

   “ฉันเพิ่งเห็นพี่เขาคบกันไม่ใช่เหรอ” เพราะยังยืนรอนมร้อนเลยต้องกลายเป็นคนสอดรู้

   “ใช่ คงเพราะอดีตที่ฉันเคยได้ยินมาแน่เลย” ผมเหล่ตามองสาวร่างเล็กพูด “อดีตพี่เขาเคยถูกผู้หญิงหลอก”

   “รวย หล่อขนาดนั้นยังมีคนหลอกอีกเหรอ โง่หรือเปล่าผู้หญิงคนนั้น” แม้ไม่รู้อะไรแต่ผมก็พยักหน้าเห็นด้วย ก็ในเมื่อผู้ชายหล่อรวยเพอร์เฟกทุกอย่างขนาดนั้นไม่น่าถูกหลอกได้

   “ใช่น่ะสิ พี่รหัสฉันเป็นแฟนคลับพี่เขานะ พี่เขาเล่าให้ฟังว่าผู้หญิงที่หลอกเป็นรักแรก”

   “รักแรกเลยเจ็บฝังใจ”

   “น่าสงสารเนอะ”

   อันนี้ผมไม่เห็นด้วยนะครับ

   “มิน่าทำไมพี่เขาถึงควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า คงกลัวคบไปนานๆ จะถูกหลอก”

   ผมมองนักศึกษาสาวสองคนที่เดินไปคิดเงินหน้าเคาน์เตอร์หลังเลือกขนมปังเสร็จ นี่พวกเขากำลังพูดถึงไอ้เจ้าของรถแพงคันนั้นหรือเปล่า ก็น่าจะเข้าข่ายนะ

   ได้นมร้อนผมก็รีบขับรถไปหาครีม แม้จะเกร็งที่ต้องเข้าคณะนั้นแต่ผมก็ทำใจกล้า น้องครีมไหว้ขอบคุณจนผมรับไหว้แทบไม่ทัน เพื่อนๆ ของน้องแอบแซวเพื่อนตัวเองจนหน้าใสขึ้นสีระเรื่อ

   น่ารัก

   “พี่ป่านไม่น่าลำบากเลย” น้องครีมยิ้มหวานให้ผม

   “ไม่ลำบากเลย พี่เต็มใจ” ผมบอก

   “ขอบคุณอีกครั้งนะคะ” ผมยิ้มส่งท้ายกำลังจะเดินออกมา แต่น้องครีมเดินมาขวางหน้าซะก่อน “พรุ่งนี้พี่ป่านว่างมั้ยคะ พอดีครีมอยากดูหนัง”

   น้องเปิดโอกาสให้ผมเต็มที่แล้วใช่มั้ย

   “ได้สิครับ”

   รับปากเสร็จผมก็รีบกลับคณะเพราะมีเรียน ผมขับมาจอดที่ลานเห็นรุ่นพี่บริหารกำลังมองตามหลังไอ้ต้อมที่เดินเข้าตึกไปแล้ว ผมเคยได้ยินมาว่า พี่คนนี้จีบไอ้กลอยเด็กศิลปกรรมอยู่นี่นา ตามเฝ้าไอ้กลอยอยู่ทุกวี่ทุกวัน แล้วทำไมวันนี้กลับมาจอดหน้าคณะเกษตรได้...

   อย่าบอกว่าจะจีบไอ้ต้อมจริงๆ

   ผมรู้ว่าไอ้ต้อมมันฟรีสไตล์เรื่องคู่ อีกอย่าง มันแทบไม่เคยมองหาคนที่ชอบสักคน ผมเข้าใจในสิ่งที่มันพูดมาจนถึงวันนี้ที่ผมเริ่มไม่เข้าใจ นั่นเพราะผมเริ่มอยากมีความรัก

   ระหว่างเรียนผมก็นึกถึงช่วงเวลาที่จะไปดูหนังกับน้องครีม ผมต้องวางแผนซะก่อน หากถึงเวลาจะได้ทำให้รู้ว่าผมตั้งใจมาด้วยจริงๆ

   “ไปกินข้าวโรงอาหารกลางดีกว่าพวกมึง” ไอ้นัยมันชวน พวกผมก็พยักหน้ารับ เริ่มเบื่อกับข้าวคณะตัวเองเหมือนกัน

   โรงอาหารกลางยังคงคึกคัก เสียงพูดคุยจอแจไปทั่วจนฟังแทบไม่ได้ศัพท์ ผมแยกไปซื้อข้าวมันไก่ที่คนไม่ค่อยเยอะ ที่จริงร้านนี้ก็อร่อยนะครับ แต่ติดที่ว่าทำช้าไปหน่อย อย่างตอนนี้ผมยืนรอจนปวดขา คุณยายที่ขายกำลังสับไก่อยู่เลย ผมละสายตาจากจานข้าวตัวเองที่เริ่มถูกวางไก่ต้ม รอบๆ โรงอาหารมีนักศึกษาที่แทบดูไม่ออกว่าเรียนคณะอะไรนอกจากพวกวิศวะที่สวมช็อปเข้ามา ข้างๆ กลุ่มนั้นมีนักศึกษาชายกลุ่มใหญ่เดินเข้ามาในเวลาไล่เลี่ยกัน สองในห้าดูดีซะจนสาวมองเหลียวหลัง

   รุ่นพี่บริหารกับไอ้รุ่นพี่หัวเทาเดินนำหน้าเพื่อนเข้ามา ก่อนทั้งหมดจะแยกย้ายไปซื้อข้าว ผมมองตามรุ่นพี่ที่คิดจะจีบเพื่อนผม พี่เขาเดินไปซื้อร้านริมทางเดินที่ไอ้ต้อมเพิ่งไปต่อแถวซื้อมา มองๆ ไปคนที่มองกลับถูกเปลี่ยนหน้า นั่นเพราะไอ้พี่หัวเทามันเดินมาขวางครับ

   “มองอะไรของมึง” เสียงทุ้มพร้อมกับหน้าบึ้งถามผม

   เรารู้จักกันเหรอวะ

   “เอ่อ เปล่าครับ” รีบปฏิเสธ ก่อนคุณยายจะเรียกผมให้รับจานข้าวมันไก่ แต่ผมกลับถูกกระชากแขนจากคนด้านหลังจนสะดุ้ง “พี่ทำไรเนี่ย”

   “มึงจำกูไม่ได้เหรอ” ขมวดคิ้วมองหน้าคนถาม

   “จำได้สิ ผมเจอพี่ที่ลานจอดหน้าผับไง ที่กำลังจะกินสาว”

   “นานกว่านั้นล่ะ มึงจำได้มั้ย”

   “พอดีผมสมองปลาทอง” บอกไปเพราะมันคือความจริง

   รุ่นพี่หัวเทาหรี่ตามอง “ไม่เป็นไร เดี๋ยวกูจะทำให้มึงจำได้เอง” พูดเสร็จก็ปล่อยมือจากแขนของผมแล้วก็เดินหนีไป อะไรของพี่เขาวะ หรือคบสาวเยอะจนเบลอ

   กลับมาที่โต๊ะพวกเพื่อนของผมก็นั่งรวมกลุ่มกับพวกไอ้กลอย สนิทกันอยู่แล้วนั่งด้วยกันยิ่งพากันครื้นเครง มีไอ้ต๋องเด็กศิลปกรรมเป็นตัวชงอีก เสียงหัวเราะโต๊ะของผมเลยดังไปหน่อยจนโดนพี่บริหาร (ที่เหล่ไอ้ต้อม) ดุ ถ้ามองเลยพี่เขาไปอีกหน่อยก็จะเห็นไอ้พี่หัวเทามันจ้องมาเช่นกัน

   ผมรู้ว่าผมเคยเจอพี่เขาที่ลานจอดรถหน้าผับ ตอนที่เขากำลังนัวเนียกับสาวทรงโต ผมก็จำได้นะ ทำไมถึงมองเหมือนผมทำผิดเรื่องร้ายแรงวะ

   กว่าจะหมดวันของวันนี้เล่นเอาเหนื่อย ไม่ได้เรียนเหนื่อยหรอกครับ แต่นั่งดูน้องปีหนึ่งเข้าห้องเชียร์แล้วเหนื่อยแทน ยิ่งถูกพวกว้ากลงอีก เอาจริงๆ ตอนปีหนึ่งพวกผมเจอมากกว่านี้ ไอ้ต้อมเกือบจะต่อยกับพี่ระเบียบที่มันเดินมาหาเรื่องโต้งๆ สุดท้ายเป็นไงล่ะ กลายเป็นลุงรหัสมันเฉย จากพี่ดุๆ กลายเป็นพี่รั่วสุดขีด

   ออกจากห้องเชียร์มาไอ้ต้อมเจอแจ็คพอตครับ พี่บริหารมารอมันถึงที่ เพื่อนผมได้แต่อ้าปากค้าง พอส่งเพื่อนให้พี่เขาแล้ว ผมก็เดินมาที่รถพร้อมไอ้ดอย

   “จะดีเหรอวะ” ไอ้ดอยมันถามรอบที่สิบแล้วครับ

   “ดีไม่ดีไม่รู้” ผมว่า

   “อ่าว แล้วพวกเราก็ปล่อยให้ไอ้ต้อมมันไปด้วย”

   “เอาน่า พี่เขาไม่เอามันไปปล้ำหรอก”

   “กว่าจะปล้ำได้กูว่า ตาเขียวพอดี”

   จากที่คบไอ้ต้อมมาจะสามปี เพื่อนผมคนนี้มันซ่าอยู่นะครับ เรื่องหมัดๆ มวยๆ นี่ถนัดนัก ขืนลองทำอะไรที่มันไม่เต็มใจดู มีหวังเบ้าตาเขียวพอดี

   ขับรถมาถึงหอพักตัวเอง ผมก็สะดุดตากับรถแพงที่เห็นบ่อยๆ ในมหาลัย รถคันนั้นเข้ามาจอดที่ลานจอดซะด้วย ไอ้พี่หัวเทานั่นมันมาส่งสาวที่หอนี้หรือเปล่า ผมนั่งอยู่ในรถชะเง้อมองหาเจ้าของแต่ก็ไม่เห็น พอเดินไปส่องด้านในก็ไม่เห็นมีคน

   “มึงจะขโมยของเหรอวะ” เชี่ย ตกใจ ผมกำลังส่องภายในรถกลับมาเสียงดังอยู่ข้างๆ ไม่ให้ตกใจก็บ้าแล้ว

   “ตกใจหมด” ลูบอกลูบหน้าตัวก่อนมองคนที่กำลังเหยียดยิ้มคล้ายกับยิ้มเยาะ “พี่มาส่งแฟนเหรอ” ถามไปทั้งที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง

   “เปล่า” เสียงตอบนิ่งๆ พร้อมกับร่างสมส่วนจะเอนหลังพิงรถคันหรูของตัวเอง

   “แล้วมาทำไม”

   ถามออกไปแต่ไม่ได้คำตอบจากเสียง แต่มาทางสายตา นัยน์ตาดุจ้องหน้าผมตรงๆ เหมือนกับจะใช้สื่อสารอะไรออกมา แต่ผมไม่รู้หรอก พอดีโง่

   “มึงจำกูไม่ได้จริงๆ เหรอวะ” เริ่มรำคาญกับคำถามนี้แล้วนะครับ ถามย้ำอยู่ได้

   “ผมก็บอกพี่ไปแล้ว” บอกพร้อมขมวดคิ้ว “ถ้าอยากให้ผมรู้ก็บอกมาเลยดีกว่า” เงียบครับ ไม่มีเสียงใดๆ หลุดออกมา “ถ้าไม่บอกผมขอตัวขึ้นห้องก่อน โอ๊ย” ร้องเพราะถูกกระชากแขนจนปลิวมาชนตัวรถ

   “กูยังพูดไม่จบมึงห้ามเดินหนี” คนแบบนี้ก็มีเว้ยเฮ้ย

   “ก็พี่ไม่พูด ผมก็ไปสิวะ” ยกมือข้างที่เป็นอิสระลูบสะโพกที่ชนกับตัวถังของรถ สมแล้วที่สร้างจากเหล็กอย่างดี

   “มึงลองใช้สมองอันน้อยนิดคิดว่าเคยเจอกูที่ไหนก่อนหน้าผับวันนั้น”

   “ไม่รู้ ไม่รู้ ไม่รู้” ผมร้องลั่นแล้วยกมือปิดหู ก่อนจะนิ่วหน้าเมื่อถูกบีบต้นแขน “เจ็บโว้ย บังคับอยู่ได้แม่ง”

   ตะโกนใส่หน้าจนไอ้พี่หัวเทามันยอมปล่อยมือจากต้นแขนของผม แม่งเป็นรอยมือเลย ผมตวัดสายตาขุ่นมองและเหมือนมันจะอ้าปากพูดอะไรสักอย่าง แต่ผมวิ่งหนีเข้าตึกมาซะก่อน ต้องเล่นทีเผลอครับ ไม่อย่างนั้นผมไม่รอดแน่นอน แต่พี่คนนี้แม่งเพี้ยนว่ะ จะบังคับผมให้จำได้ทำไม ทำอย่างกับผมเป็นเมียมันแล้วความจำเสื่อมจำมันไม่ได้อย่างนั้นแหละ แต่นั่นมีแค่ในละครเท่านั้นแหละ เพราะชีวิตจริง จำไม่ได้ก็คือจำไม่ได้

.......................................................


(เกน)


   ทำไมมันจำผมไม่ได้วะ แม้มันจะผ่านมาปีหรือสองปีแล้วแต่ผมยังจำได้อยู่เลย ตอนเจอมันครั้งแรกที่หน้าร้านสะดวกซื้อ ผมขับรถไปจอดหน้าร้านและเผลอเปิดไฟส่องหน้าไอ้คนที่มันนั่งเอ๋อปล่อยให้ไฟหน้ารถส่องไปที่ตัวเองอยู่อย่างนั้นโดยไม่ลุกไปไหน ผ่านไปนานกว่าผมจะดับเครื่องยนต์ พอลงไปผมก็เห็นดวงตาเรียวมันจ้องอย่างไม่พอใจเท่าไหร่

   แววตาดื้อรั้นแบบนั้นที่ผมยังจำฝังใจ

   พอเดินเข้าไปในร้าน ผมยังแอบมองออกไปด้านนอกอยู่บ่อยครั้ง จนไอ้เด็กนั่นเงยหน้าขึ้นมาทำให้เราจ้องตากันอยู่ครู่ใหญ่ แม้มันจะไกล แต่ในมุมของผมกลับเห็นหน้าขาวๆ นั่นถนัดนัก ผมมองไอ้เด็กแววตาดื้อนั่งจ้วงกินข้าวกล่องอย่างหิวโหย ดูไปแล้วก็ตลกดี

   “เกนขำอะไรเหรอคะ” มินตรา ดาวมหาลัยอื่นที่เป็นคู่ควงของผมในวันนี้ถามขึ้น ผมส่ายหน้าตอบ “เหรอ”

   “มินซื้อของเถอะ เดี๋ยวผมออกไปรอข้างนอก”

   ผมไม่สนใจอาการไม่พอใจของเธอเท่าไหร่ เพราะตอนนี้ด้านนอกมีผู้หญิงแต่งตัวจัดเดินมานั่งโต๊ะกับเด็กนั่นด้วย ดูแล้วมันคงจะไม่ชอบใจ ใบหน้าขาวตีหน้ายุ่งซะจนผมต้องขำ

   ผมยังไม่รู้ตัวเองเลย ทำไมถึงเดินเข้าไปช่วย แถมบอกว่ามันเป็นของผม ไอ้เด็กนี่ทำตาโตตอนผมบอก แต่มันก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไรออกมาจนผู้หญิงคนนั้นเดินหนีไป ผมก็ถูกโวยวายทันที หน้าตายามมันโมโหก็ตลกดีเหมือนกัน ผมสบตากับแววตาดื้อคู่นั้นอีกครั้ง มันคล้ายกับมีแรงดึงดูด ยิ่งมองเหมือนผมยิ่งโดนดูดเข้าไป แม้อดีตที่ผ่านมามันจะยังย้ำเตือนให้ผมระวังตัวจากคนที่เข้ามาหา แต่ไอ้เด็กนี่ถ้าผมเป็นคนเข้าหาเอง มันไม่เหมือนกันใช่มั้ย หรือใช่วะ

   ทั้งๆ ที่ก็ดูไม่ได้น่าสนใจ แต่ทำไมผมถึงลืมแววตาคู่นั้นไม่ได้ แต่ไอ้เด็กดื้อนี่กลับลืมไปหมดสิ้น แบบนี้ไม่ให้น่าโมโหได้ยังไง

   ผมพยายามลืมแววตาคู่นั้นและยังใช้ชีวิตเสเพลแบบเดิม เปลี่ยนคู่นอนไปเรื่อยๆ แต่มาพักหลังๆ ผมแค่พาไปกินข้าวหรือซื้อของให้แค่นั้น แทบจะนับครั้งได้ที่พาเข้าโรงแรม

   ‘เป็นเชี่ยไรของมึงไอ้ฟลอยด์’ ผมถามเพื่อนรอบที่สามของวัน มันดูกระวนกระวายขมวดคิ้วคิดอะไรบางอย่าง แววตาของมันสับสนปนลังเล

   ‘กูว่า กูกำลังตกหลุมรักว่ะ’ มองหน้าเพื่อนที่ไม่นานมานี้เพิ่งมาเพ้อถึงคนที่เจอที่ต่างจังหวัด ทำไมวันนี้มันเปลี่ยนคนตกหลุมรักอีกแล้วว่ะ

   ‘กูว่ามึงตกหลุมรักง่ายไป ระวังจะเหมือนกู’ คำเตือนของผมส่งให้เพื่อนรักที่สนิทกันมานาน ไอ้ฟลอยด์มันเป็นคนแข็งนอกอ่อนใน เป็นพวกอ่อนไหวกับเรื่องคนใกล้ตัว ผมละกลัวมันจะถูกไอ้เด็กนั่นหลอก

   ‘ว่ากูตกหลุมรักง่าย มึงห่วงตัวเองเถอะ หลงมากกว่ากูอีก เที่ยวตามเขามากๆ ระวังจะโดนเกลียดสักวัน’ ผมเหล่ตามองไอ้ฟลอยด์

   ‘มันไม่มีทางเกลียดกูหรอก เพราะกูไม่อนุญาต’ เหยียดยิ้มออกมาอย่างมั่นใจและมันต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว

   ตอนนี้ผมก็ยังคิดแบบที่เคยพูดไปเมื่อตอนนั้น ผมไม่อนุญาตให้มันเกลียด มันก็ห้ามเกลียด เหมือนเผด็จการไปนิด แต่ผมก็เป็นของผมแบบนี้มาตลอด

   มันเป็นของผมแล้ว แม้จะทางสายตาก็เถอะ แต่มันเป็นของผม...ของผมเพียงคนเดียว

..............................................................................

   
(ป่าน)


   สรุปแล้ว ไอ้ต้อมก็หนีไม่พ้นเงื้อมือของพี่บริหารคนนั้นจริงๆ ผมรู้เพราะน้องครีมหรือว่าที่แฟนผมนั่นแหละ เธอส่งข้อความมาบอกเรื่องไอ้ต้อมกับพี่ของเขา ตอนแรกผมก็ไม่อยากจะเชื่อว่าไอ้ต้อมจะยอมคบ ยิ่งคนที่คบเป็นผู้ชายยิ่งแล้วใหญ่

   “เป็นไรของมึง” ไอ้ดอยเหล่ตามองผม ตัวมันเองกำลังคำนวณตัวเลขลงรายงานที่ทำงานเป็นกลุ่ม ซึ่งตอนนี้ไอ้ต้อมก็ยังไม่มา

   “มึงรู้เรื่องไอ้ต้อมหรือเปล่าวะ ที่มันกำลังคบกับพี่บริหารคนนั้น” ลองถามดู ซึ่งไอ้ดอยก็พยักหน้า “จริงเหรอวะ ไอ้ต้อมเนี่ยนะคบผู้ชาย”

   “ผู้ชายหรือผู้หญิงมันไม่ต่างหรอกเว้ย อีกอย่าง พี่เขาก็ดูทุ่มเท มึงลองคิดดู มารับมาส่งทุกวัน แล้วไอ้ต้อมเนี่ย ถ้ามันไม่เต็มใจมันจะไปมั้ย สมองมีหัดคิด” ตวัดสายตาขุ่นมองไอ้เพื่อนสนิทที่มันใช้นิ้วจิ้มหัวผมอยู่ ไอ้ห่าดอยนี่กวนโมโหจริงๆ

   “เออ ไอ้คนสมองดี” ไม่ได้ประชดเพราะมันคือเรื่องจริง “งั้นกูว่า รายงานนี้ให้ไอ้ต้อมเอาไปทำเลยดีกว่าว่ะ แฟนมันเรียนบริหารต้องเก่งตัวเลขแน่”

   “จริงด้วยว่ะ” ไอ้ดอยเงยหน้ามองผมแล้วโยนปากกาทิ้งทันที

   สรุปแล้วก็สมองพอๆ กันนั่นแหละว้า


   
   ตอนบ่ายมีลงแปลงผักครับ เป็นวิชาเลือก ซึ่งวันนี้อาจารย์ไม่ลงมาคุม พวกเราเลยทำบ้างพักบ้างขึ้นอยู่กับความขี้เกียจของแต่ละคน อย่างกลุ่มผมตอนนี้ก็กำลังเถียงกันไปมาเรื่องไอ้ต้อมกับแฟนมัน อยู่ๆ แฟนมันก็มาหาพวกผมเลยแยกตัวไปที่แปลงตัวเอง ปล่อยให้สวีทกันซะให้พอ

   ผมพรวนดินได้แป๊บเดียวเสียงจากแปลงไอ้ต้อมก็ดังขึ้น โผล่หน้าไปดูก็เห็นพี่บริหารเลือดไหลเต็มมือไปหมด คนโดนยังไม่ตกใจเท่าคนยืนดู ไอ้ต้อมหันซ้านหันขวามองหาผ้าจะเอามาซับ ผมยื่นผ้าขนหนูให้มันก็ไม่เอาแต่มันกลับถอดเสื้อตัวโปรดมันซับเลือดแทน หวังว่าจะซักออก

   ไอ้ดอยกับผมยืนมองท้ายรถที่ขับออกไป ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าต้องพาไปโรงพยาบาล นี่แหละนา คนไม่เคยทำมันก็ต้องเกิดอุบัติเหตุกันบ้าง

   “กลับดีกว่าว่ะ” ไอ้ดอยถอดถุงมือออก

   “เออ กูก็หิวแล้ว” ผมเห็นด้วย

   พวกเรานำอุปกรณ์ที่เอามาใช้ไปเก็บห้องด้านหลัง ไอ้ดอยมันโทรหาแฟนมัน ส่วนผมไม่มีคนโทรหาเพราะครีมเรียนอยู่ จะว่าไป หลังๆ มานี้ครีมกับผมก็สนิทกันมากขึ้น อย่างเมื่อวานครีมชวนผมไปซื้อของ ซึ่งของที่ครีมจะซื้อโคตรทำให้ผมอายจนอยากมุดดินหนี

   ผ้าอนามัยกับเสื้อยกทรง

   ในชีวิตนี้ของไอ้ป่านไม่เคยไปเลือกซื้อของพวกนี้เลย ขนาดแม่ผมยังไม่เคยให้ผมไปซื้อให้ ครีมคงไว้ใจผมมากสินะ

   ระหว่างสตาร์ทเครื่องยนต์ เสียงข้อความดังขึ้นมา พอกดเข้าไปดูเป็นน้องครีมที่ชวนผมไปกินข้าวตอนเย็น ผมเลยเปลี่ยนจุดหมายจากกลับหอเป็นคณะเภสัชแทน ไปอยู่รอเลยน่าจะดีกว่า เพราะอีกเดี๋ยวครีมก็เลิกเรียนแล้ว

   จอดรถรอครีมอยู่ด้านหน้าตึก นักศึกษาที่เดินไปมาเป็นกลุ่มก้อน บางคนก็น่ารักจนมองเหลียวหลัง บางคนก็หน้าตาธรรมดา พอไปวัดไปวาได้ ผมส่งข้อความไปบอกว่ามารออยู่หน้าตึก ครีมตอบกลับเป็นสติ๊กเกอร์รูปหัวใจจนผมเผลอยิ้มออกมา

   ก๊อกๆ เสียงเคาะกระจกทำให้ผมแทบทิ้งมือถือ คนเคาะเป็นผู้หญิงที่ผมไม่รู้จัก พอเลื่อนกระจกลงหญิงสาวคนนั้นก็ยิ้มหวานส่งมา

   “มีอะไรหรือเปล่าครับ” ถามอย่างสุภาพ

   “เพื่อนครีมใช่มั้ย” รีบพยักหน้า “ฝากให้ครีมด้วยค่ะ” ผมมองสมุดเล่มบางที่ยื่นมาให้อย่างงงๆ

   “ของครีมเหรอครับ”

   “ค่ะ วันนี้ครีมไม่มาเรียน นิวจดเลคเชอร์ไว้ให้” รอยยิ้มหวานไม่ทำให้ผมยิ้มตาม ครีมไม่มาเรียน? แล้วทำไมถึงบอกผมว่ากำลังเรียน

   “ครีมบอกผมว่ากำลังเรียนอยู่” ผมบอก แฟนของครีมรีบส่ายหน้า ก่อนทำท่าเหมือนเพิ่งนึกอะไรออก
 
   “อ๋อ งั้นนิวเอาให้ครีมเองก็ได้ค่ะ” ว่าเสร็จก็รีบเดินหนีไป ผมกำลังจะเปิดประตูรถลงไปตามก็ต้องดึงกลับเข้ามาใหม่เมื่อเห็นคนที่ผมกำลังรอลงจากมอเตอร์ไซค์คันใหญ่

   ครีมยืนนิ่งให้คนขี่รถถอดหมวกกันน็อก รอยยิ้มกว้างที่ผมเห็นบ่อยๆ กำลังส่งให้ผู้ชายคนนั้น ผมรอจนรถคันนั้นวิ่งหายไปก็เปิดประตูลงไปหา ครีมเห็นผมไม่ได้มีท่าทีตกใจอะไร เพียงแค่นิ่งไปเพียงนิดเดียวก็กลับมายิ้มกว้างให้ผมตามเดิม

   “พี่ป่านมานานแล้วเหรอ”

   “ครับ ครีมไปไหนมาเหรอ”

   “ไปกินข้าวมาค่ะ”

   “กับคนเมื่อกี้?” บรรยายความรู้สึกตอนนี้ไม่ถูกจริงๆ ครีมพยักหน้ารับ ถามว่าเสียใจมั้ย มันก็มีนิดๆ แต่ไม่ได้ถึงขั้นอยากฟูมฟาย “งั้นมื้อเย็นก็ไปกินกับพี่ไม่ได้แล้วสิ”

   “โหย ได้สิคะ ครีมกินตั้งแต่เที่ยงแล้ว พอดีไปดูหนังเลยกลับมาตอนนี้” ครีมกล้าทำกล้ารับจนผมอยากปรบมือให้จริงๆ ดีแล้วครับ แบบนี้จะได้ไม่ต้องมานั่งทะเลาะกันให้เสียเวลา

   “งั้นไปกันเลยมั้ย”

   ผมพาครีมมากินข้าวแถวๆ หอไอ้ต้อมครับ เป็นร้านบะหมี่ข้างทางซึ่งครีมก็ไม่ได้รังเกียจอะไร ร้านนี้อร่อยดี ผมมากินกับไอ้ต้อมบ่อย เรากินกันไปคุยกันไป ผมไม่ได้ลืมเรื่องไอ้คนขี่มอเตอร์ไซค์คันนั้นหรอกนะครับ แค่ไม่อยากถาม แต่ครีมก็พูดออกมาก่อน

   “พี่ขิงเป็นนายแบบค่ะ” พูดพร้อมรอยยิ้ม

   “เขาจีบครีมเหรอ” ผมถามและได้เสียงหัวเราะเล็กๆ ตอบกลับ

   “ไม่หรอกค่ะ พี่เขามีสาวๆ เยอะจะตาย” ตอบแบบนี้แสดงว่าใช่นั่นแหละครับ
 
   “แล้วพี่ล่ะ แห้วเลยล่ะสิ”

   “ขอโทษน้า” ผมยิ้มให้คนที่กำลังยกมือไหว้ขอโทษ

   “ไม่ต้องไหว้ก็ได้ พี่ไม่ได้ศักดิ์สิทธิ์ขนาดนั้น” พูดให้ขำ แต่ใจจริงแล้วกำลังเสียใจ (นิดๆ)

   “พี่ป่านไม่โกรธครีมใช่มั้ย”

   “โกรธทำไม เรายังไม่ได้เป็นแฟนกันเลยนะ ครีมจะชอบใครพี่ก็ห้ามไม่ได้หรอก”

   “น่ารักนะเนี่ย เดี๋ยวครีมหาแฟนให้”

   “ไม่ต้องเลยๆ”

   “ทำไมล่ะ ตอนพี่ต้อม ครีมยังยุให้พี่ฟลอยด์เลย”

   “แปลว่าครีมเอาไลน์ไอ้ต้อมให้พี่ชายจริงๆ ใช่มั้ย”

   ไม่มีคำตอบ มีเพียงเสียงหัวเราะชอบใจ

   ผมกับครีมเดินมาเรื่อยๆ กะจะไปร้านสะดวกซื้อสักหน่อย แต่ดันเจอไอ้ต้อมที่วิ่งกระหืดกระหอบมาหา มันพยายามจะอ้าปากพูดแต่กลายเป็นหอบแฮ่กแทน

   สรุปคือพี่ฟลอยด์ของมันป่วยเลยจะให้ครีมพากลับ แล้วครีมที่ยุพี่ชายให้ก็ไม่ยอมเพื่อนผมเลยต้องเดินหน้ามุ่ยไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อแทน ตลกดีนะเพื่อนผม

   “งั้นครีมขอกลับก่อนนะคะ” อยู่ๆ คนข้างผมก็ขอตัวกลับ

   “แล้วครีมกลับยังไงล่ะ” ถามยังไม่จบดีก็มีเสียงกระหึ่มของเครื่องยนต์ดังมาแต่ไกลก่อนจะวิ่งมาจอดข้างๆ ครีมโบกมือลาผมก่อนขึ้นไปนั่งซ้อนท้าย

   ผมโบกมือให้คนที่ชอบที่กำลังกอดเอวคนอื่นแน่น ไอ้ป่านเอ้ย คนแรกที่อยากเข้าหากลับต้องมาซดน้ำแห้วแก้วใหญ่ ผมเดินคอตกกลับไปที่รถ อีกนิดเดียวจะถึงอยู่แล้วหากไม่มีรถยนต์ที่สาดไฟใส่หน้าจนต้องหรี่ตาลง...จำได้แล้ว

   ไอ้หัวเทากับเจ้าของรถไฟแรงสูงคนนั้น

   ผมหันหลังไปมองชุดโต๊ะหน้าร้านที่ผมเคยถูกขี้ตู่ว่าเป็นแฟนมัน ใช่แล้ว ต้องเป็นมันแน่ๆ จำได้เลาๆ ว่าน่าจะตอนปีหนึ่งตั้งแต่ไอ้ต้อมยังทำงานที่ร้านนั้นอยู่ เรื่องนานขนาดนั้นมาบังคับให้ผมจำ แต่ช่างเถอะ นี่ก็ไม่ได้เห็นหน้ามันมาเป็นอาทิตย์ คงจะเบื่อจนเลิกถามไปแล้ว

   “มาอ่อยไกลนะมึง”

   นึกถึงไม่พ้นนาทีมันก็โผล่หน้ามากวนอยู่ข้างผม ไอ้พี่หัวเทามันยังนั่นในรถของมันที่มาจอดเทียบตัวผม เหล่ตามองอย่างไม่ใส่ใจ จนมันขมวดคิ้ว ผมเห็นมือมันยื่นออกมานอกรถคงกะจะจับแขนผม ดีที่ผมรีบเบี่ยงตัวหนีแล้วขึ้นรถ
 
   “ไอ้บ้า”

   ว่าส่งท้ายก่อนออกรถ ผมไม่เห็นสีหน้าตอนถูกด่า แน่นอนว่ามันต้องโกรธแน่ แต่ถ้าถมว่าอยากจะด่ามันมั้ยถ้าย้อนกลับไปได้ ก็ยังคงเป็นแบบเดิมคือด่าครับ


.........................................................................................

พาร์ท 2 ค่าาาา มาช้าดีกว่าไม่มา ฮ่าๆๆๆๆ (ก้มกราบงามๆ)

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ Coffeeblack

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
สนใจป่านตั้งแต่เจอครั้งแล้วอ่ะดิ คิคิ

ออฟไลน์ Bronc

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
พี่เกน ชอบป่านนานแล้วนี่ หาโอกาสกดอยู่นี่เอง
ป่าน พลาดละที่ไปท้า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ nekko

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +422/-4
พี่เกนรอจังหวะอยู่นี่เอง

 :pig4:  :กอด1: :L1:

ออฟไลน์ ป้ากิ่งkingkarn

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 308
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
อ่านไปยิ้มไปค่ะ^^ มีความสุข

พออ่านจบก็ได้แต่กรีดร้อง'เอาอีกๆๆๆๆๆๆๆ'555+ :mew1:

ออฟไลน์ Bejae

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-2
พี่เกนรีบรุกเร็วววววววว อีกคู่เค้าแซงหน้าไปไกลแล้วววว :katai5:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ถึงว่าป่าน จีบครีมอยู่ดีๆ
ทำไมพี่เกน ถึงมายุ่งขิงกับป่าน
พี่ฟลอยด์ รู้ดวยว่าพี่เกน แอบตามป่าน
พี่เกนรู้จักป่าน และติดใจป่านมาก่อนจริงๆ
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
พี่เกนสนใจป่านมาตั้งแต่เจอครั้งแรกเลยสินะ อิๆๆ :hao7:

ออฟไลน์ gupalz

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4911
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +604/-20
เกนชอบป่านตั้งแต่แรกเลย

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
ชอบป่านแต่ก็ทำปากเสียใส่เรื่อยนะพี่เกน

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ leemmm

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-6
อั้ยยะป่านเป็นของพี่เกนคนเดียวด้วยสายตา พี่เกนซุดยอด :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ cchompoo

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-4

ออฟไลน์ pui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-3
 :กอด1:รอตอนต่อไป^^

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
คู่กันแล้ว ไม่แคล้วกันหรอกเนอะ ^^

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
กรี๊กกร๊าด มาต่อแล้ว
อิพี่เกนนี่ไม่หยุดเข้าหาน้องจริงๆ
ทำไงได้ึคนมันรัก ฮิ้ววว

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
เกนตามเฝ้าป่านมานานเหมือนกันนะ
มีหวงด้วย

 :L2: :L2:

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
เออะ พี่เกน หลงรักป่านเพราะเปิดไฟสูงใส่หน้าเขานี่นะ พี่ตกหลุมรักได้เกรียนมากค่ะ ฮ่าๆๆ

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5
No Sugar : Part Ken & Pan [3]



       เป็นเพราะด่ามันคราวนั้นผมพยายามจะหลบ เวลาจะไปไหนในมหาลัยที ผมจะสอดสายตามองหาก่อน ถ้าเจอจะได้หลบทัน เหมือนเป็นโรคประสาทนิดๆ จนโดนไอ้ดอยตบหัวอย่างจัง

   “เป็นเชี่ยไรของมึง ลุกลี้ลุกลนจนกูปวดหัวเนี่ย”

   “เปล่าๆ”

   “ใกล้งานมหาลัยแล้ว กูโคตรขี้เกียจตื่นเช้า” เพื่อนคนใต้ผมบ่นครับ เหล่ตามองมันนิดๆ

   “ทุกวันนี้มึงไม่ต้องตื่นเช้า?” ผมว่า ไอ้ดอยมันหัวเราะลั่น ที่พูดแบบนั้นเพราะมันต้องตื่นเช้าไปรับแฟนไปเรียน แม้จะคบกันมานานแต่ทั้งคู่ก็แยกกันอยู่

   “ขอกูบ่นหน่อยสิวะ ไอ้เชี่ยนี่ แล้วไอ้ต้อมล่ะ หายหัวตลอด” ยักไหล่ไม่ใส่ใจ ตั้งแต่มันเปิดตัวจนมีแฟนคลับ ไอ้ต้อมมันจะหายหัวไปเลย เลิกเรียนเสร็จอย่าหวังจะไปเตร็ดเตร่แบบที่เคย “มึงเถอะ กับน้องที่มึงตามจีบไปถึงไหนแล้ววะ ช่วงนี้กูเห็นมึงไม่ไปหาเลย”

   “ก็พี่น้องเหมือนเดิม” ตอบอย่างไม่ใส่ใจ

   “แห้วล่ะสิมึง” ไอ้นี่รู้ทันตลอด “เอาน่า ปุ๊บปั๊บรับโชคมึงอาจแต่งงานเลยก็ได้”

   “แต่งงานพ่องมึง” ผมไม่เคยคิดหรอกครับเรื่องแต่งงาน ไม่ใช่คิดว่างานแต่งไม่สำคัญ แต่เพราะมันสำคัญและศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นมันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ที่อยากแต่งก็แต่ง

   ผมแยกตัวกลับหอ ช่วงนี้ชีวิตกลับมาน่าเบื่ออีกแล้ว เรียนจบก็กลับ ไม่มีอะไรให้น่าตื่นเต้นสักนิด จะให้ออกไปเที่ยวทุกวันมันก็คงไม่ไหว อีกอย่าง เพื่อนเที่ยวอย่างไอ้ดอยมันก็ต้องพาแฟนมันไป ผมก็กลายเป็นหมาหัวเน่าไม่มีคู่ เหงาไปอีก

   ขับรถไปครึ่งทาง ผมก็ตัดสินใจเลี้ยวรถเข้าห้างใหญ่ อยากหาอะไรอร่อยๆ กินก่อนเข้าห้อง เบื่อบะหมี่กับอาหารกล่องเต็มทน กดล็อครถส่วนตัวแล้วเดินเข้าห้าง ผมยื่นมือผลักบานประตูใสเข้าไปโดยไม่ได้มองอีกฝั่งที่มีคนผลักออกเช่นกัน เลยกลายเป็นว่า ต่างฝ่ายต่างผลัก ประตูเลยไม่ยอมขยับ

   “ขอโทษครับ...” ผมเอ่ยขึ้นก่อนเบิกตากว้างเมื่ออีกฝั่งเป็นรุ่นพี่มหาลัยเดียวกันที่ผมพยายามหลบมาหลายวัน “ชิบหาย” พึมพำเมื่อถอยให้อีกฝ่ายเปิดประตูออกมา สาวสวยที่ควงแขนเป็นรุ่นพี่คณะผมเอง ผมเลยต้องยกมือไหว้และทักทายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

   “น้องป่าน มาคนเดียวเหรอจ๊ะ” พี่ไหมทักทายผมหลังจากรับไหว้เสร็จ ที่สำคัญ ผมต้องไหว้รุ่นพี่หัวเทานั่นด้วย ใบหน้ามันดูนิ่งเฉย ใช้แต่สายตาคมจ้องมอง

   “อ่าครับ พอดีอยากกินชาบู” ผมตอบไป ตาก็แอบเหล่ไปที่คนข้างของพี่ไหมที่กำลังจ้องหน้าผมอยู่เช่นกัน “พี่ไหมจะกลับแล้วเหรอครับ งั้นสวัสดีครับ” ยกมือไหว้ส่งท้ายแล้วรีบเดินหนี ไม่ชอบสายตาที่ถูกมองมาเลย มันเหมือนผมทำผิด กะอีแค่จำเรื่องหน้าร้านสะดวกซื้อนั่นไม่ได้ จะอะไรหนักหนา

   เดินเข้าร้านขายเสื้อ อยากจะซื้อแต่พอเอาเข้าจริงก็ไม่อยากได้ ไม่ใช่ไม่สวย แต่มันแพงเกินไป ผมเคยไปเดินตลาดนัดกับไอ้ต้อม เห็นมันเลือกซื้อเสื้อจากโรงงานตัวห้าสิบบาท มันถูกมากและดีด้วย คราวนั้นผมเหมามาเกือบพันบาท จนไอ้ต้อมมันแทบยกมือกราบผม

   “ไม่ซื้อเหรอ” เสียงถามดังจากด้านหลัง ผมหันไปมองเจอคนที่น่าจะกลับไปกับพี่ไหมเมื่อกี้มายืนจังก้าทำหน้านิ่ง “อะไร”
 
   “พี่ยังไม่กลับเหรอ” ถามออกมา ก็ได้พยักหน้าตอบกลับแทนคำพูด “อ่อ งั้นผมไปก่อน” ผมเดินหนีไปโดยมีรุ่นพี่หัวเทาเดินตาม “อะไรวะ” หันไปถามอีกทีเมื่อเริ่มรำคาญ

   “ก็มึงจะไปกินชาบู” ผมก็ยังไม่เข้าใจสิ่งที่ได้ยิน “กูก็อยากกิน” มาถึงตรงนี้เริ่มเข้าใจแล้ว

   “ก็แล้วแต่”

   ไม่อยากสนใจแล้ว ยิ่งพูดยิ่งปวดหัว ผมเริ่มสงสารไอ้ต้อมแล้ว มันชอบบ่นว่าถูกตามแบบนี้ ผมยังมีน่าไปสมน้ำหน้ามัน สุดท้าย กรรมติดจรวดวิ่งมาชนจนหนีไม่ทัน

   ผมเดินเข้าร้านชาบูสีเขียวดำ เลือกที่นั่งเป็นบาร์สำหรับมาคนเดียว ด้านหน้ามีสายพานเลื่อนจานทั้งหมูทั้งผัก พอสั่งน้ำต้มไปคนข้างผมก็คว้าแก้วใสของผม

   “พี่จะเอาแก้วผมไปไหน”

   “มึงจะกินน้ำอะไร” อยากขยี้รูหูซ้ำๆ นี่มันจะเอาน้ำให้ผมเหรอวะ

   “โค้ก” ไปบอก รุ่นพี่หัวเทาพยักหน้าแล้วเดินไปที่โซนน้ำดื่ม ผมยิ้มให้พนักงานที่เอาหม้อมาใส่ในหลุมก่อนจะลุกไปหาของกินเล่นอีกด้าน

   ซูชิน่ากินจนผมตักมาเต็มจาน รู้ว่ากินไม่หมด แต่ต้องมีคนช่วยกินอย่างแน่นอน ผมเดินกลับมาคนที่ไปเอาน้ำก็นั่งใส่ของลงหม้อตัวเองไปแล้ว ที่สำคัญ ใส่หม้อผมด้วย

   “เฮ้ยพี่ ผมไม่กินเห็ด” รีบห้ามเมื่อถูกเขี่ยเห็ดลงในหม้อ

   “อ่าวเหรอ” พูดแค่นั้นก็ใช้ตะเกียบคีบเห็ดออกจากหม้อผม

   รู้สึกแปลกๆ ที่ต้องมานั่งกินข้างคนที่ผมพยายามหลบ หลายครั้งที่แอบใช้หางตามองแต่ก็มักจะถูกหันมามองตรงๆ ทุกครั้ง ความรู้สึกเร็วโคตร

   “มึงชื่อป่านใช่มั้ย” คำถามที่ผมพยักหน้าตอบกลับ ปากก็งับเนื้อหมูสไลด์บางเข้าปาก “เพื่อนมึงคบกับเพื่อนกูสินะ” คงหมายถึงไอ้ต้อม

   “แล้วทำไม”

   “เพื่อนมึงคิดจะหลอกเพื่อนกูหรือเปล่า” ผมหันไปมองหน้าคนที่ว่าเพื่อนตรงๆ “เพราะเพื่อนมึงเข้าหาเพื่อนกูตลอด คิดจะหลอกเงินเพื่อนกูหรือเปล่า”

   ไม่เคยโกรธใครมากเท่านี้มาก่อน

   “พูดผ่านสมองแล้วใช่มั้ย ไอ้ต้อมไม่เคยเข้าหาเพื่อนพี่สักครั้ง เพื่อนพี่ต่างหากที่เข้าหามัน เอาจริงๆ ถ้าพี่จะหวงจะห่วงเพื่อนขนาดนี้ไปบอกเพื่อนพี่ให้เลิกยุ่งจะดีกว่า” พูดออกมารัวๆ หมูหรือกุ้งในหม้อไม่น่าพิสมัยอีกต่อไป ผมลุกยืนแล้วเดินไปจ่ายเงินทันที ขืนอยู่นานกว่านี้ผมอาจจะเผลอต่อยหน้านั่น



   
   จากวันที่ไปกินชาบูผมก็ไม่ได้เห็นหน้าพี่เขาอีกเลย ที่จริง ปกติในมหาลัยก็ไม่ค่อยได้เจออยู่แล้วเพราะคณะผมกับบริหารอยู่คนละที่เลย ดังนั้นผมจะกลัวไปทำไม ผมควรสนใจงานมหาลัยดีกว่า ถูกมอบงานเป็นฝ่ายประสานงานที่โคตรจะวุ่นวาย ผมต้องเดินไปนั่นมานี่ หานั่นหานี่จนหัวหมุน สุดท้ายก็มานั่งเหล่สาวอยู่ใต้ตึกกับพวกไอ้ดอย
 
   “หน้าบูดเป็นตูดเลยมึง” เพื่อนรักผมทักได้น่ารักจริงๆ ถุย

   “เออสิ กูเดินทั้งวัน ปวดขาเหี้ยๆ” นวดขาตัวเองคลายความปวดก่อนเงยหน้าเมื่อไอ้ดอยตีแขน “อะไร”

   “น่ารักว่ะ” มองตามคนที่ไอ้ดอยชี้ “รหัสอะไรวะ”

   “ห้าสองเว้ย หลานรหัสอีแนง” ไอ้นัยบอก ไอ้ดอยถึงกับส่ายหัว

   “ป้ารหัสโคตรโหด น้องมันอาจไม่ต่าง” ไอ้ดอยว่า

   “อย่าตัดสินคนที่หน้าตาครับ” ไอ้แว่นว่า มันยิ้มกริ่มอย่างถูกใจ ก็นานๆ จะมีสาวหน้าตาจิ้มลิ้มหลงเข้ามาในคณะสักคนสองคน

   “ผ่านเลยมึง” ผมว่า

   “สนมั้ยมึง แทนเด็กเภสัช” ไอ้ดอยเปิดประเด็นปุ๊บ ไอ้พวกทั้งหลายที่นั่งอยู่ด้วยก็เริ่มเซ้าซี้ถามถึงรายละเอียดเรื่องผม

   “เรื่องของกู” ผมเน้นทีละคำจนพวกมันเลิกสนใจแล้วหันไปหลีน้องปีหนึ่งต่อ

   ไอ้ต้อมเดินลงจากตึกเรียกสายตาของพวกผมได้เป็นอย่างดี นั่นเพราะตอนมันลงมามีผู้ชายที่จีบเพื่อนผมกับคนที่กล่าวหาว่าเพื่อนผมไปหลอกยืนขวางหน้ามันอยู่

   “พี่มาทำไม” ไอ้ต้อมหน้าเหวอมองรุ่นพี่บริหาร ผมหูผึ่งนิดๆ แบบไม่ได้ตั้งใจ แต่ก็ได้ยินว่าพวกเขาจะไปดูหนังกัน “เอาเพื่อนไปด้วยนะ” ไอ้ต้อมปรี่มาดึงแขนผมจนผมแทบตกเก้าอี้

   ทำไมต้องเอาผมไปด้วยวะ

   ผมเดินตามไอ้ต้อมไปขึ้นรถแฟนมัน ชื่อฟลอยด์สินะ เรียกพี่บริหารตั้งนาน แต่พี่ฟลอยด์กลับชี้ให้ผมไปขึ้นรถเพื่อนแทน ชิบหาย จะให้ผมไปนั่งกับไอ้พี่นั่นน่ะนะ ผมมองไอ้ต้อมอย่างขอความช่วยเหลือ มันเดินเข้ามาแล้วกระซิบบอกว่านั่นเพื่อนพี่ฟลอยด์ คือผมรู้จัก แต่ไอ้ต้อมคงไม่รู้ แม้จะอึกอักแต่ผมก็ยอมเดินไปขึ้นรถอีกคันที่จอดต่อท้าย ที่ยอมเพราะไม่อยากให้ไอ้ต้อมกับแฟนมันทะเลาะกันหรอก

   “ขึ้นสิ” เสียงนิ่งๆ บอกก่อนเจ้าของรถจะสอดตัวเข้าไปนั่งประจำคนขับ

   เอาวะ ผมสอดตัวไปนั่ง คาดเข็มขัดเสร็จก็แทบผงะเมื่อเจ้าของรถชะโงกตัวข้ามผม มือยาวๆ เอื้อมดึงประตูรถที่ยังไม่ได้ปิด ผมเอนตัวชิดเบาะรถแถมต้องกลั้นหายใจแต่กลิ่นน้ำหอมก็ยังทิ่มเข้าจมูกอยู่ดี พอคนใส่น้ำหอมจัดถอยออกไปผมก็ถอนหายใจออกมา มองไปเห็นรอยยิ้มติดมุมปากนิดๆ ด้วย

   มันแกล้งผมหรือเปล่าวะ

   การจราจรคับคั่งจนรถแทบไม่ขยับ รถคันหน้าไม่รู้ตอนนี้จะเป็นยังไง ไอ้ต้อมมันจะห่วงผมหรือเปล่า รู้แบบนี้ไม่ยอมมาด้วยก็ดี มันอึดอัด แม้ไม่มีเสียงพูดคุยอะไรก็เถอะ กว่าจะถึงก็นั่งจนเมื่อยก้น ผมรีบเปิดประตูไปเกาะแขนไอ้ต้อมทันที รู้สึกหายใจโล่งท้องขึ้นมาหน่อย 

   ผมกับเพื่อนเดินตามหลังเพราะเจ้ามือมื้อนี้ที่กำลังคุยอยู่กับเพื่อนด้านหน้า ร้านเสื้อกับรองเท้าลดราคาเยอะมาก ช่างยั่วยวนเงินในกระเป๋าผมซะเหลือเกิน

   “ทำหน้ากระสันเหี้ย” ไอ้ต้อมมันตบหัวผมครับ แต่ไอ้คำว่ากระสันนี่มันใช้ถูกเหรอ?

   “กูชอบเสื้อตัวนั้น” ผมชี้ แต่ไอ้ต้อมส่ายหน้า

   “ลดสามสิบเปอร์เซ็น แต่ราคาเต็มหลักพัน ลดไปก็ยังหลักพัน” มาแล้วครับ คนช่างคำนวณงบประมาณรายวัน

   “มึงน่าจะไปเรียนบริหารแทนเกษตรนะ คิดแม่งทุกอย่าง” ด่าไปก็ไม่สะทกสะท้านหรอกครับ ไอ้ต้อมยืดอกรับคำชมเฉย

   หนังที่จะดูต้องรออีกชั่วโมง พวกเราทุกคนเลยไปหาอะไรกินก่อน ไอ้ต้อมเป็นคนเลือกร้าน ผมก็กินได้หมดนั่นแหละ ยิ่งปิ้งย่างที่พวกเรากำลังเดินเข้าร้านผมก็ยิ่งชอบ ผมเดินไปหยิบจานหมูมาเพิ่มเป็นตั้ง กลับมาที่โต๊ะก็เจอคนจ้องหาเรื่อง

   “นี่เอามากินทั้งชาติหรือไง” ไอ้ต้อมหันมองผมทันที มันคงกลัวผมจะไม่กล้าทำอะไร แต่เปล่าเลย ผมยิ่งเดินไปเอาจานหมูมาจนเต็มโต๊ะ พี่ฟลอยด์แอบขำด้วยเมื่อเห็นเพื่อนหัวเสีย ส่วนเพื่อนพี่เขาลุกออกไปหาของเพิ่มแทน

   ผมนั่งปิ้งหมูโดยมีพี่ฟลอยด์กำลังปิ้งของทะเล ผมเงยหน้ายิ้มอย่างเป็นมิตร เช่นเดียวกับพี่เขา ดูเหมือนพี่ฟลอยด์จะมีเรื่องอยากคุยแต่ไม่กล้า ผมเลยถามไปก่อน

   “พี่มีอะไรจะคุยกับผมหรือเปล่า”

   “คือ...ไอ้เกนไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใช่มั้ย”

   ผมกระพริบตาปริบๆ มองคนที่ถามคำถามแปลกๆ “พี่หมายถึงอะไรเหรอครับ”

   “ไอ้เกนมันไม่ได้ไปยุ่งกับป่านมากเกินไปใช่มั้ย คือมันก็เป็นแบบนั้น แต่จริงๆ แล้วมันเป็นคนดีนะ อาจจะดูเหี้ยไปบ้างบางเวลา” อยากจะเถียงว่าเหี้ยตลอดเวลามากกว่า

   “พี่รู้ด้วยเหรอ ว่าเพื่อนพี่มา...เอ่อ ยุ่งกับผม” พี่ฟลอยด์พยักหน้าช้าๆ “แต่พี่เขาไม่ได้ยุ่งแบบชอบผมหรอกครับ แค่มากวนประสาทเฉยๆ” คนถามผมหัวเราะจนไอ้ต้อมมาก็โดนสายตาบังคับให้นั่งลงข้างๆ ผมเลยลุกไปหาของอย่างอื่นบ้าง แต่พอกลับมา ผมกลับต้องนั่งข้างคนที่ชอบกวนประสาทของผมแทน

   กว่ามื้อนี้จะจบลง ผมก็แยกเขี้ยวกับเพื่อนของพี่ฟลอยด์ไปหลายรอบ มันกวนโมโหผมจริงๆ นะครับ ผมปิ้งหมู มันก็เอาไป ปิ้งกุ้ง มันก็เอาไป ทั้งๆ ที่จานหมูของมันก็ยังมี อารมณ์เสียจริงๆ

   อีกสามสิบนาทีถึงจะถึงเวลาหนังฉาย ผมขอแยกออกมาดูหนังสือการ์ตูน ไล่ดูตามชั้นหนังสือที่ผมอยากได้แต่ยังไม่มา ผมเลยเดินดูหนังสืออื่นๆ จนไปเจอหนังสือท่องเที่ยว หน้าปกเป็นรูปทะเลสีฟ้า จะว่าไปผมก็อยากไปทะเลเหมือนกันนะ นานแล้วที่ไม่ได้เหยียบหาดทรายขาว

   “มึงอยากไปเหรอ” ผมหันไปมองคนถาม “เนี่ย” นิ้วเรียวสวยจนผู้หญิงอายชี้มาที่หน้าปกหนังสือ

   “เปล่า แค่เอามาดูเฉยๆ” ผมวางหนังสือท่องเที่ยวตามเดิม “แล้วพี่ไม่ซื้ออะไรเหรอ” ที่ถามเพราะไม่เห็นหิ้วอะไรสักอย่าง ตอนแยกกันเมื่อกี้ได้ยินจะไปหาซื้อของ

   “มันไม่ถูกใจ”

   “อ่อ”

   เบ้ปากใส่คนที่มาตามผมไปที่โรงหนัง อย่าคิดว่ามันเดินตามผมนะครับ แค่โดนพี่ฟลอยด์ใช้ให้มาตามผมก็แค่นั้น พอเข้าไปในโรงหนัง ผมถูกสายตาบังคับให้เข้าไปนั่ง ไอ้ต้อมเดินต่อผมมาปิดท้ายด้วยพี่ฟลอยด์ ส่วนเพื่อนพี่เขาก็นั่งข้างผมนี่แหละครับ ตอนแรกก็อึดอัด แต่พอหนังเริ่มฉายผมก็ไม่ได้สนใจคนข้างๆ อีกเลย

   หนังจบแบบไม่เสียดายเงิน แม้ไม่ใช่เงินของผมก็เถอะ ผมเดินออกมากับไอ้ต้อมแต่พอมองหน้าพี่ฟลอยด์แล้วก็รู้สึกว่าตอนนี้คงอารมณ์บ่จอยเท่าไหร่ ผมคงต้องให้ไอ้ต้อมจัดการ ส่วนผมใจกล้าไปขอกลับกับอีกคนแทน

   “เออ” คำตอบตกลง

   ผมเดินตามเจ้าของรถไป กำลังจะถึงรถอยู่แล้วเชียวดันมีสาวทรงโตเดินเข้ามากอดและจูบคนที่ผมขอติดรถกลับ ผมว่า พวกเขาคงอยากไปโรงแรมที่ไหนสักที่

   “เอ่อ ผมกลับก่อนนะครับ” บอกรัวๆ เพราะกลัวไปขัดจังหวะ ผมเดินเลี่ยงออกมาด้านนอก กำลังจะยื่นมือโบกแท็กซี่แต่มีรถมาโฉบตัดหน้าจนชักมือกลับแทบไม่ทัน กระจกรถเลื่อนเปิดออกเผยให้เห็นเจ้าของรถ “อะไร”

   “ขึ้นมา” เสียงดังฟังชัดจนผมเหลียวซ้ายแลขวา เอาวะ แถวนี้ขึ้นชื่อเรื่องแท็กซี่ไม่รับแขก อย่างน้อยก็น่าจะถึงหอตัวเองก่อนดึก

   เปิดประตูขึ้นไปนั่งยังไม่ทันจะปิดประตูดีรถก็กระชากออกตัวจนผมตกใจ พอจะหันไปด่าก็ต้องหุบปาก หน้าตาบึ้งตึงคล้ายกับจูบเมื่อกี้ไม่เป็นที่พอใจ

   “กูยังไม่ได้อนุญาตให้มึงเดินหนีไปเมื่อกี้”

   “หา?”

   “เดินหนีออกมาทำไม” ทำไมต้องตะคอกด้วยวะ

   “ก็ผมคิดว่าพี่อยากไปโรงแรมกับผู้หญิงคนนั้น”

   “มึงเป็นตัวกูเหรอถึงคิดแทนกู” บ๊ะ ไอ้พี่นี่

   “เออๆ ผมผิดเอง”

   ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด ผมเลือกที่จะปัดเรื่องไม่เป็นเรื่องทิ้ง ก่อนพิมพ์ข้อความไปหาไอ้ต้อม บอกรายละเอียดเพื่อนแฟนมัน แต่มันก็ไม่ยอมอ่านสักที หรือว่ากำลังปลอบใจกันอยู่ ผมเห็นพี่ฟลอยด์หน้าบึ้งเหมือนไม่พอใจอะไรบางอย่าง

   “ขอบคุณครับ” ผมยกมือไหว้พี่คนใจดีที่อุตส่าห์มาส่งแม้หน้าตาจะเลยบึ้งไปไกลก็เถอะ แต่ก็พาผมมาถึงหออย่างปลอดภัย

   “กูชื่อเกน เรียกชื่อกูบ้าง” น้ำเสียงเรียบๆ บอกมาผมเลยพยักหน้าลง

   “ขอบคุณครับพี่เกน” บอกอีกรอบ คนหน้าบึ้งเริ่มดีขึ้นบ้าง

   “เออ” กว่าจะมีเสียงตอบกลับพร้อมรอยยิ้มผมก็แทบจะเดินหนีไปแล้ว แต่ก็ยังแอบเห็นนั่นแหละครับ ชาติก่อนต้องเป็นฮิตเลอร์แน่ ชอบนักกับการสั่งนั่นนี่ ไอ้ป่านปวดหัว

   ระหว่างขึ้นห้องก็พิมพ์ข้อความบอกไอ้ต้อมอีกที คราวนี้มันโต้ตอบมาบ้าง มันเอาแต่ส่งเสียงหัวเราะกลับมา จนผมปามือถือไว้บนเตียง วันไหนที่ผมหาแฟนได้สักคน ชีวิตผมคงจะหลุดพ้นเรื่องน่าปวดหัวพวกนี้




   เผลอแป๊บๆ พรุ่งนี้ก็วันงานมหาลัยแล้วครับ ผมวิ่งวุ่นประสานงานนั่นนี่ไปเรื่อยๆ ไอ้ต้อมมันบ่นให้ฟังทุกวันว่ามันเหนื่อย แต่ผมเหนื่อยกว่าอีก มันแค่ใช้แรงงาน แต่ผมนี่สิ ทั้งแรงงานและสมอง แถมยังต้องปั้นหน้ายิ้มให้พวกที่เอาแต่ขมวดคิ้วคอบถามนั่นนี่จนแทบอยากลงไปนอนดิ้น

   ผมเดินผ่านโรงอาหารกลางเจอกับครีมที่เดินออกมาด้านนอกคนเดียว พอยิ้มให้น้องก็รีบเดินมาเกาะแขนผมทันที ความน่ารักสดใสยังคงเหมือนเดิมไม่ผิดเพี้ยน หลายอาทิตย์แล้วที่ผมไม่ได้ติดต่อครีมเลย อีกทั้งครีมก็ไม่ติดต่อกลับมาหาผมเช่นกัน รู้เพียงว่า ตอนนี้ครีมกำลังเดทกับไอ้นายแบบที่เรียนคณะวิศวะนั่น

   “สบายดีหรือเปล่า” ผมถาม น้องรีบพยักหน้าแล้วยิ้มหวาน

   “มากๆ ค่ะ พี่ป่านล่ะ สบายดีมั้ย” ผมควรตอบยังไงดี

   “ก็ดีนะ” บอกไปแบบกลางๆ “แล้วไม่มีเรียนเหรอ”

   “ไม่ค่ะ ครีมเพิ่งเตรียมงานคณะเสร็จก็เลยแวะมาหาอะไรรองท้องสักหน่อย”

   “ทำไมไม่กินข้าวเลยล่ะ เดี๋ยวก็ปวดท้อง”

   “ครีมนัดกับพี่ขิงไว้ค่ะ”

   “อ่อ แบบนี้นี่เอง”

   ขิงเดินเกาะแขนผมไป มือก็พิมพ์ข้อความยิกๆ จะว่าไป นี่ผมเป็นคนใจกว้างตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ก็นั่นแหละ จะหวงไปทำไมในเมื่อเขาไม่ได้มีใจให้ หวงไปก็ทุกข์ใจเปล่าๆ

   ผมเดินมาถึงหน้าตึก ไอ้ต้อมรีบทักน้องครีมทันที แต่มันต้องเบิกตากว้างเมื่อมีมอเตอร์ไซค์คันใหญ่โฉบมารับน้องสาวของญาติแฟนมัน ไอ้ต้อมกระตุกแขนผมรัวๆ ด้วยความอยากรู้ แต่พอเล่าเรื่องให้มันฟัง มันก็พยักหน้าเข้าใจ เวลาผ่านมาแล้วผมก็ไม่ได้เสียใจอะไรมาก แค่ผิดหวังนิดหน่อยที่คนที่ผมชอบกลับไปชอบคนอื่น อาจแค่รู้สึกเสียหน้านิดๆ ก็แค่นั้น

   “พรุ่งนี้สาวๆ จะมาเยอะ กูจะเล็งเอาสักคน”

   “กูจะเอาใจช่วยมึงเพื่อน”



   หวังว่าจะมีใครสักคนที่เกิดมาเพื่อผมจริงๆ


.......TBC


 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
ไม่ทันได้เล็งสาวหรอกปาน อาจมีผู้คุมมานั่งคุมแทนก็ได้นะ 5555

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
ป่านจะได้เล็งสาวรึเปล่า

ออฟไลน์ Coffeeblack

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ป่านกับต้อมคงได้แฟนนิสัยคล้ายๆกันแน่ๆ 55

ออฟไลน์ leemmm

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-6
"หวังว่าจะมีใครสักคนที่เกิดมาเพื่อผมจริงๆ " ก็พี่เกนไงป่าน อิอิ :katai5: :katai5: :katai5:

ออฟไลน์ kaokorn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 903
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-2
ชอบป่านนะ ง่ายๆ แมนๆดี ไม่เรื่องมาก
รออ่าน เกน-ป่าน ทุกวันเลยฮะ ชอบ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด