บทที่ 1มหาลัยวัยฝัน ผมชื่อกุ้ง บ้านอยู่บางขุนเทียน (จะบอกทำไมวะงง) ผมมีนิสัยประหลาดนั่นคือชอบเปลี่ยนคู่นอนไปเรื่อยๆ
อ๋า… อย่ามองอย่างนั้นสิครับ นอนในที่นี้หมายถึงนอนแบบนอนจริงๆ นอนหลับอะ
ผมเป็นพวกขาดความอบอุ่น อยู่คนเดียวไม่ค่อยจะได้ ผมมักจะรู้สึกดีเวลาอยู่บนเตียงและใช้แขนขากอดก่ายใครสักคนที่รู้สึกดีด้วย ถึงจะฟังดูประหลาด แต่มันคือเรื่องจริง ถ้าไม่เชื่อ ผมขอยกนิ้วสาบานเลยก็ได้ว่าตั้งแต่เกิดมาจนถึงตอนนี้ผมยังจิ้น ผมไม่ได้ชอบแบบนั้นสักหน่อย แค่ได้นอนกอดคนที่น่ารักกับเราก็ฟินแล้ว
แต่ปัญหาอยู่ที่พวกคนที่ผมชอบใช้บริการนี่สิ ไม่รู้ว่ามันไปสร้างเครือข่ายกันอีท่าไหน ทำให้ชื่อเสียงของผมดังกระฉ่อน แถมในทางลบอีกตะหาก ผมคิดว่าบางทีพวกนั้นก็คงกลัวเสียฟอร์ม เลยไม่กล้าพูดกับคนอื่นว่ายังไม่ได้ทำอะไรผม แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ขี้เกียจเกินกว่าที่จะอธิบาย คิดซะว่าช่างมัน ให้พวกเขาพูดไป แค่รู้ตัวเราว่าไม่ได้เป็นแบบนั้นก็พอแล้ว
“กุ้งทำแบบนี้กับทุกคนเลยเหรอ?” พี่เก่งส่งเสียงขณะที่กำลังสวมเสื้อโดยมีผมนั่งมองอยู่บนเตียง
“อะไรอะพี่? หมายถึงนอนกอดน่ะเหรอ”
“อื่อ”
“ครับ ทุกคนเลย” ผมยิ้มกว้าง
“ประหลาดคน” พี่เก่งยืนกอดอกพิงกับตู้เสื้อผ้าและทอดมองมา “มีพวกอดใจไม่ไหวบ้างหรือเปล่า”
“เยอะแยะ แต่ผมไม่เคยเล่นด้วยหรอก”
“แรดจริงๆ” พี่เก่งพูดหยอกล้อ เอ๊ะ...หรือด่าจริงๆ วะ “แล้วนี่จะไปนครนายกยังไง?”
“เดี๋ยวเพื่อนสนิทมารับครับ มันมีรถ”
“ขับไกลๆ แบบนั้นก็ระวังล่ะ ช่วยกันดูทางด้วย”
“รู้แล้วคร้าบบบบ” ผมพยักหน้า ยิ้มแป้นอีกตะหาก “ขอบคุณมากนะพี่ สำหรับเมื่อคืน”
“ไม่เป็นไร แต่พี่ขอไม่บอกเรื่องนี้กับใครนะ เดี๋ยวโดนล้อ”
เอาอีกแหละ เห็นมั้ยละครับทุกคน
“เอาเถอะพี่ ผมเข้าใจ”
บอกแล้วว่าผมเหนื่อยจะแก้ข่าว เฮ้อ บอกไปใครมันจะเชื่อ ให้คนอื่นมันรู้ในแบบที่มันต้องการแล้วกัน
ปัง! ปัง! ปัง!
“สัสกุ้ง กูมาแล้ววววววว”
เสียงเคาะประตูดังสนั่นหวั่นไหว จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงดังอันไร้อารยะธรรมของไอ้อู๋
“เพื่อนผมมารับแล้ว”
“หึ เอิกเริกสมกับเป็นเด็กสินกำจริงๆ”
“แฮะๆ”
“ไปๆ พี่จะกลับแล้วด้วย”
ผมเดินนำพี่เก่งออกมาจากห้องนอน แล้วก็บอกลากันอยู่หน้าประตูห้องด้วยการกอดกันอีกครั้ง ตัวพี่เก่งหอมดีจัง ผมนอนซุกดอมดมทั้งคืนเลย อึ๋ยยยย
ผมเปิดประตู แล้วก็ต้องกลั้นขำเมื่อเห็นสีหน้าของไอ้อู๋ตอนเห็นพี่เก่งที่ยืนอยู่ตรงหน้า มันอ้าปากค้างเหมือนเจอสัตว์ประหลาด จนต้องเป็นพี่เดือนมหาลัยที่ช่วยเปลี่ยนสถานการณ์
“สวัสดีครับน้อง”
“สะ...สวัสดีครับ” ไอ้อู๋ยกมือไหว้ จากนั้นก็เหลือบมองผม “มึง...”
“อะไร” ผมอมยิ้มกรุ้มกริ่มให้มันหมั่นไส้เล่นๆ
“งั้นพี่ไปแล้วนะ เดินทางกันดีๆ นะครับเด็กๆ”
“ไว้คุยกันครับพี่” ผมโบกมือ จากนั้นพี่เขาก็เดินออกไปยังโถงทางเดิน แม้แขกจะเข้าไปในลิฟต์แล้ว ไอ้อู๋ก็ยังอ้าปากค้างแบบเดิมอยู่เลย
“แมลงวันจะเข้าไปจู๋จี๋กันในนั้นได้แล้วน่ะ” ผมเอานิ้วแหย่เข้าไปในปากของอีกฝ่าย ก่อนจะสะบัดตัวกลับเข้าห้องโดยมีไอ้เพื่อนสนิทกระฟัดกระเฟียดตามมา
“ไอ้กุ้ง ทำไมมึงทำแบบนี้!”
“ทำอะไรเหรอ?” ผมบุ้ยปาก
“ก็แบบนี้ไง...” มันทำไม้ทำมือ “ไหนมึงบอกว่าเข้ามหาลัยแล้วจะเลิก”
“ก็พี่เขาน่ารักขนาดนั้น อดใจได้ยังไงเล่า”
“มึงนี่มันแรดไม่เลิกจริงๆ”
หืม...ได้ยินคำว่าแรดสองรอบแล้วนะวันนี้
“เลิกโวยวายสักทีดิ๊ มึงก็รู้นี่ว่ากูไม่ได้ทำอะไรเสียหายสักหน่อย”
“กูรู้แต่คนอื่นไม่ได้รู้ด้วยนี่วะ! เชื่อเลยว่าแม่งต้องเอาไปบอกเพื่อนๆ ต่อแน่ ทีนี้มึงก็ไม่ต่างอะไรกับตอนมัธยมเลย ไม่คิดจะแก้ข่าวบ้างหรือไง!!”
“ไม่อะ ขี้เกียจ”
“ระวังเถอะ ทำแบบนี้เวลามึงอยากมีแฟนจะลำบาก”
ผมนิ่วหน้าเมื่อได้ยินคำนั้น
“กูไม่ได้อยากมีแฟนสักหน่อย”
“มึงคิดว่าจะอยู่คนเดียวแล้วเปลี่ยนคนนอนกอดไปทุกๆ คืนงั้นเหรอ”
“นั่นแหละชีวิตในฝัน” ผมทิ้งตัวลงบนโซฟา เหยียดแข้งเหยียดขาสบายอุราเต็มที่
“โอ๊ยกูขี้เกียจเถียงกับมึงแล้ว” ไอ้อู๋สะบัดหัว ผมจ้องใบหน้าของมันก็เพิ่งทำให้รู้ว่าตั้งแต่มันขึ้นมหาลัยแล้วหน้าตาดีขึ้นเป็นกอง ภูมิใจจังที่มีเพื่อนเท่ๆ แต่ถึงยังไงจะให้นอนกอดด้วยก็คงทำไม่ลงหรอก เห็นมาตั้งแต่ตัวเท่าเมี่ยง
“แล้วมึงจัดกระเป๋ายัง รุ่นพี่นัดที่นครนายกบ่ายสามนะ” ไอ้อู๋ทิ้งตัวนั่งข้างๆ
“ฮะ!” ผมดีดตัวผึ่ง “รุ่นพี่จะตามไปถึงโน่นเลยเหรอ”
“เขาต้องไปดูแลน้องๆ ไง”
“มาว้ากอะสิไม่ว่า กูชักเบื่อแล้วนะ เดี๋ยวลาออกแม่งซะเลย” คิดว่าจะต้องโดนตะโกนใส่หน้าก็เริ่มหงุดหงิดแล้วฮะ
“ก็คงทำตามหน้าที่แหละ กูยังเคยเจอพวกพี่เขาเมาเรื้อนแถวทองหล่อกันอยู่เลย”
“ไม่พูดเรื่องนี้แล้วอู๋ เห็นมั้ยกูหมดอารมณ์เลยเนี่ย”
“อย่าทำเป็นเปลี่ยนเรื่อง รีบหยิบกระเป๋า ไม่งั้นกูทิ้งมึงให้ไปขึ้นรถตู้อนุสาวรีย์แน่”
“เอออออออ แม่งดุจังวะ”
ไอ้อู๋นี่เหมือนพ่อคนที่สองไม่มีผิด ฮึ่ยยยยย
รถเลี้ยวเข้าเขตรั้วของมหาวิทยาลัยชื่อดังวิทยาเขตนครนายก ที่ๆ ปีหนึ่งทุกคนจะต้องมาเรียนที่นี่เป็นเวลาหนึ่งปีเต็ม ผมตื่นตาตื่นใจกับทุกๆ อย่าง ได้กลิ่นอิสรภาพทันทีที่ได้ย่างกรายเข้ามา ชีวิตมหาลัยของผมต้องสนุกแน่ มีลางสังบรู๊ววววววว (สังหร)
อู๋ดับเครื่องเมื่อถึงลานจอดรถใกล้หอพัก ปีหนึ่งทุกคนโดนบังคับให้อยู่หอในหมดทุกคน เราจะถูกคละเคล้านอนกับคณะอื่นๆ เหมือนโดนหมักเป็นหมู ซึ่งพวกผมทั้งสองคนยังไม่รู้ว่าจะได้เจอกับรูมเมทแบบไหน ที่แน่ๆ คือพวกเราไม่ได้นอนห้องเดียวกัน แต่สัญญากันไว้แล้วนะว่าถ้าเห็นท่าทีไม่ดีก็ย้ายหนีมาอยู่ด้วยกันโดยไม่ต้องแคร์กฎของมหาลัย เอาความปลอดภัยไว้ก่อนนนน
“มึงอยู่ชั้นไหนนะ” ไอ้อู๋หันมาถามผมขณะที่พวกเรายืนอยู่หน้าหอสาม ซึ่งอยู่ริมน้ำต้นไม้เยอะสุดแสนจะร่มรื่น
“ชั้นสาม... มึงชั้นแรกใช่ปะ”
“เออ งั้นแยกกันตรงนี้ ยังไงรายงานด้วย”
เราโบกมือให้กัน ผมอุ้มกระเป๋าลากอย่างทุลักทุเลและเหนื่อยหอบอยากจะจะตายอยู่ที่ชั้นสอง พวกเด็กคณะอื่นๆ ที่เห็นผมสะกิดเพื่อนซุบซิบกันตลอดทาง เอาจริงนะ สละเวลานินทามาช่วยหน่อยสิ กล้ามจะปูดอยู่แล้วอะครับคุณ
แล้วก็ถึงห้อง 319 ห้องที่ผมจะต้องใช้ชีวิตอยู่กับมันหนึ่งปีเต็ม เดี๋ยวพอเมื่อเปิดประตูเข้าไป ผมจะต้องเจอรูมเมทแน่ๆ งั้นขอพนมมือก่อน... สาธุ…ไม่ขออะไรมาก แค่อย่าเจอคนสกปรกก็พอนะคร้าบบบบ
“เฮ้ย!” ทันทีที่ผมผลักประตูเข้าไปก็ต้องร้องเมื่อเห็นว่าคนด้านในกระชากลูกบิดประตูพร้อมกันพอดี จนร่างแคระแกรนเกินชายของผมถูกเหวี่ยงอย่างแรง จนหน้าผากโขกเข้าให้กับกล้ามเนื้อที่แข็งแรงอย่างกับหินของคนตรงหน้า
อูยยย จะโนรึเปล่าวะ ผมลูบบริเวณหน้าผากป้อยๆ ขณะที่ชายตามองเขาไปพร้อมกัน
ไอ้หน้าไดโนเสาร์ผู้สูงโย่งอย่างกับเปรตทำหน้าเหม็นเบื่ออยู่ตรงหน้า โครงหน้าชัดแก้มตอบนั้นไม่มีท่าทีรู้สึกผิดหรือว่าเป็นห่วงใดๆ นอกจากเม้มปากสีชมพูธรรมชาติจนเห็นกรามสวยได้รูปชัดเจน ดวงตาดำสนิทภายใต้เปลือกตาบางๆ นั้นก้มลงจ้องมองเหมือนต้องการสำรวจ
มันสวมเสื้อกล้ามสีเขียวซึ่งผมรู้มาว่าเป็นสีประจำคณะพละ ยืนจังก้าโชว์ไหล่กว้างแข็งแรง (ที่พิสูจน์แล้วด้วยหน้าผากของผม) ผมนึกประหลาดใจเพราะไม่เคยเห็นใครลำตัวช่วงบนยาวขนาดนี้มาก่อน นี่หรือเปล่าวะต้นแบบของคำว่าขี้เกียจสันหลังยาวอ่ะ
แต่ไงก็เหอะ รวมๆ แล้วมันก็เรียกได้ว่าหล่อเลยทีเดียว
แง๊…. จาอาว จาอาว จา... “หืม?” เสียงครางในลำคอนั้นขัดความคิดผมซะก่อน เรียกให้ผมสังเกตเห็นว่ามันกำลังเลิกคิ้วขึ้นเหมือนพออกพอใจ
“เอ่อ...” จะจ้องแบบนั้นทำไมวะน่ะ
“ไอ้โมทย์! รูมเมทมึงมาแล้ว” ไอ้คนที่ยืนตรงหน้าเอี้ยวตัวไปบอกใครสักคน และจากนั้นก็มีหนุ่มแว่นเดินออกมาจากห้องน้ำ สวมเสื้อกล้ามสีเขียวแบบเดียวกันเปี๊ยบ
“อ้าว สวัสดีนะครับ” หนุ่มหน้าจืดแว่นโตคนนั้นวิ่งปรี่เข้ามาหาผม “อยู่ห้องนี่ใช่มั้ยเอ่ย”
“ใช่แล้ว...” แหงะ ไม่เคยคุยกับหนุ่มเนิร์ดมาก่อน ทำตัวไม่ถูกเลย
“เราชื่อปราโมทย์นะ อยู่คณะพละ”
ผมพยักหน้า พร้อมกับยิ้มแย้มกลับไปแบบเกร็งๆ คิดว่าถึงเวลาต้องแนะนำตัวบ้าง “เราชื่อ...”
“กุ้ง”
ผมหันขวับไปหาไอ้คนที่พูดชื่อ ไอ้ไดโนเสาร์ทำหน้านิ่งๆ จ้องผมเขม็งจนต้องเป็นผมเองที่เขยิบตัวหนี น่ากลัวชะมัด
“อ้าวไอ้ทัก ทำไมมึงรู้จักเขาอะ”
“หึ” ไอ้ตัวสูงยักไหล่ “ใครไม่รู้จักกุ้งบ้างวะ”
“ทำไมกูไม่รู้จักอะ... นายดังเหรอ?” หนุ่มจืดหันมาถามด้วยใบหน้าตื่นเต้นอยากรู้คำตอบ คงคิดว่าตัวเองจะได้นอนกับดาราล่ะมั้ง
“เปล่า...”
“ดังสิ” แหนะ สาระแนพูดแทรกอีกแล้ว
“เอ๊า แล้วทำไมกูไม่รู้จักอะ!” นี่ก็อยากรู้จัง
“คงไม่ดังในแวดวงมึงมั้ง” คนชื่อทักก้าวขาเข้ามา “แต่สำหรับกู ได้ยินชื่อเสียงมานานแล้ว”
ไม่ได้รู้สึกไปเองแน่ๆ ว่ามันเอนตัวมาทางนี้ ทำบ้าอะไรเนี่ย
“หลบหน่อย” ไอ้ไดโนเสาร์ส่งเสียง “อย่าขวางประตู”
ผมเบี่ยงตัวหนีในทันใด นิ้วเรียวๆ ของอีกฝ่ายจับลูกบิดประตูก่อนจะกระชากออก หลังจากมันแทรกตัวออกไปด้านนอกแล้วผมก็หมุนตัวกลับมายิ้มแห้งๆ ให้กับรูมเมทที่ยังทำหน้าสงสัยไม่เลิก
“กุ้งไม่ได้เป็นดาราใช่ปะ?”
“จะบ้าเหรอ ไม่ได้เป็น”
“อ๋อ” โมทย์พยักหน้า “อยู่สินกำล่ะสิ”
“รู้ได้ไงอะ”
“ดูสไตล์ก็รู้แล้ว”
“อ๋อ ส่วนโมทย์เรียนพละเนอะ เสื้อสีสวยเชียว” ผมชี้ไปยังเสื้อกล้ามสีเขียว
“ใช่แล้ว เมื่อกี้เพื่อนเรามาจากโรงเรียนเดียวกัน ชื่อทัก”
ชื่อทักแต่ไม่น่าทักทายเลย ให้ตายดิ
“แล้วอีกสองคนยังไม่มาเหรอ?” ผมมองไปยังสองเตียงที่ยังว่างอยู่ ยังไม่มีกระเป๋าวางเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของแต่อย่างใด
“นั่นสิเราก็สงสัย คงจะมาเปิดเทอมวันจันทร์เลยล่ะมั้ง” โมทย์ยกนาฬิกาข้อมือมาดู “เราต้องไปแล้วอะเพื่อนๆ เรียกรวม ไว้คุยกันนะ จะไปไหนอย่าลืมล็อคห้องล่ะ”
“อื่อ”
“กุ้งไม่ไปรวมตัวกับเพื่อนเหรอ?”
“ไม่อะขี้เกียจ ว่าจะนอนสักหน่อย”
“งั้นโชคดี” ปราโมทย์โบกมือแล้วตามเพื่อนออกไป ผมทิ้งตัวลงบนเตียงที่มุมห้องใกล้หน้าต่าง โชคดีที่เตียงไม่แข็งเท่าไหร่ ผมเลยหลับตานอนทั้งๆ ที่ยังไม่ปูเตียงมันซะเลย
RRRRRRRRR “หือออ” ผมสะดุ้งตื่นเมื่อสัมผัสได้ถึงแรงสั่นของโทรศัพท์ใกล้ๆ แขน พอเห็นว่าเป็นชื่อไอ้อู๋ก็รับทันที แม้จะงัวเงียอยู่ก็ตามเถอะ
“ว่าไง”
[อยู่ไหน!!]
“จะตะโกนทำเหี้ยอะไรเนี่ยหูจะระเบิด มึงคิดว่าตัวเองเป็นพี่ว้ากเหรอ!”
[ไม่ได้คิด แต่ผมเป็นพี่ว้าก!!]
เดี๋ยวนะ...
“ขอโทษน้า นี่ใครอะจ๊ะ?”
[ผมเป็นพี่คุณไง! มาที่อาคารแปดเหลี่ยมภายในสองนาที ไม่อย่างนั้นเพื่อนคุณซวยแน่!]
ตู๊ดดด ตู๊ดดดด ตู๊ดดดด โว้ยยยยยย วางสายไม่ให้โอกาสกูได้ช็อคเลย
ฮือออออ เอาอีกแล้ว งานเข้าอีกแล้ว ทำไมต้องเป็นกูตลอด!
ผมเด้งตัวลุกจากเตียง รีบล้างหน้าแปรงฟันก่อนจะวิ่งปรู๊ดลงจากหอเพื่อตรงไปยังอาคารแปดเลี่ยมอันเลื่องชื่อ เป็นสัญลักษณ์สำคัญของวิทยาเขตนี้ พวกคณะต่างๆ จะใช้พื้นที่ว่างๆ ที่มีหลังคาเป็นทรงเหลี่ยมแปดด้านทำกิจกรรมต่างๆ ทุกอย่าง และตอนนี้ที่นั่นก็มีเพื่อนๆ ในคณะของผมกำลังนั่งเข้าแถวในชุดระเบียบนิสิต ต่างกับผมที่เพิ่งวิ่งมาอย่างรีบร้อน ซึ่งยังใส่เสื้อแขนยาวสีเหลืองอ๋อยลายเป็ดน้อยน่ารักตัวเดิมกับตอนมาถึงอยู่เลย อิๆ
“คุณกุ้ง!” พี่ว้ากเคราแพะเจ้าเดิมตวาดลั่นดังสนั่นไปทั่วพื้นที่โล่งๆ จนพวกคณะอื่นๆ เงียบกริบ ให้ความสนใจน้องเสื้อเหลืองคนนี้เป็นตาเดียว ขอบคุณมากครับ แง้
“ขอโทษครับ” ผมยกมือไหว้ อายก็อาย กลัวก็กลัว
“เพิ่งตื่นหรือไง!!”
“พี่รู้ได้ยังไงอ่า...”
มีพี่เนียนแฝงตัวอยู่เปล่าวะ หรือว่ามีองค์วะ
“ก็ดูผมคุณสิ ชี้ฟูฟ่องเหมือนเจอผีขนาดนั้น!”
เอ๊าแล้วก็ไม่บอกกกกก
ผมตกใจ ยกมือไม้ขึ้นจัดทรงเป็นพัลวัน
“แล้วทำไมคุณไม่ใส่ชุดนิสิตเหมือนคนอื่นเขา!”
“ผมเพิ่งตื่นครับ”
“แล้วผมจะตรวจชุดระเบียบนิสิตของคุณยังไง”
“เอ่อ...” ผมอ้ำอึ้งก่อนจะยกมือชิดหู “ขออนุญาตหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋าครับ”
“จะทำอะไร?”
“ผมถ่ายรูปตอนลองใส่ไว้ จะเปิดให้พี่ดู...”
สายตาของพี่ว้ากเหมือนไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ผมพูด แต่ก็เหลืออดเกินกว่าจะตะโกนใส่อีกรอบ
“เออ เชิญ!”
ผมเปิดรูปนั้นโชว์ให้พี่เขาดู พี่ปีสองคนอื่นๆ เข้ามามุงดูพร้อมกันด้วย ทุกคนพยักหน้าลงความเห็นว่าชุดของผมในรูปนั้นถูกระเบียบ เสื้อเชิ้ตตัวใหญ่โคร่งไหล่ตก กางเกงขาเต่อขึ้นมาสี่เซนต์ให้เห็นข้อเท้า ส่วนเน็กไทสีประจำมหาวิทยาลัยก็ถูกผูกด้วยความเรียบร้อยตามประสาคนเนี๊ยบๆ
“ผ่าน... แต่ถ้าคราวหน้าคุณเหลวไหลแบบนี้อีก ผมจะทำโทษคุณ”
“ขะ...ขอบคุณนะครับ” โอ๊ยยยย ขอบคุณสวรรค์ วันนี้ผมรอดตัวคร้าบบบบ
“เชิญเข้าไปนั่ง”
ผมเดินเข้าไปในแถว แทรกตัวไปอยู่ในตำแหน่งผู้ชายคนแรกซึ่งเป็นของคนที่เตี้ยที่สุด โอ๊ะ แต่ผมไม่ได้เตี้ยแบบนั้นนะครับ คือผมอะก็สูงอยู่ดี แต่แม่งมีพวกที่สูงกว่า เช่นไอ้อู๋ที่อยู่แถวหลังผม ผมตัวสูงพอๆ กับผู้หญิงท้ายแถวเลยนะ แบบนี้เรียกว่าตามมาตรฐานนะครับ ไม่น่าเกลียดๆ
“นั่งเข้าระเบียบ!”
ทุกคนตบหน้าตักพร้อมกับเหยียดหลังตรง มือทั้งสองจับอยู่ที่หัวเข่า ตามองตรงอยู่ข้างหน้า
“เอาล่ะ ผมจะบอกว่า พวกผมจะได้ไม่ได้มาหาพวกคุณบ่อยเหมือนที่กรุงเทพแล้ว”
“เย่สสสสสส”เวร! เผลอหลุดปาก...
“แหมคุณกุ้ง! ไม่ต้องดีใจออกนอกหน้าแบบนั้นก็ได้นะ!!”
“แฮะๆ”
พี่ว้ากกลับไปอธิบายต่อ
“แต่ไม่ได้หมายความว่าการรับน้องของพวกคุณจะจบลงแค่นี้ พวกคุณยังมีงานที่ต้องส่งอีก ทั้งชื่อรุ่น ธงรุ่น และของประจำตัวสำหรับคนที่มีตำแหน่ง ตอนนี้มีแค่ดาบของประธานรุ่นคนเดียวที่ผ่าน...”
ดาบ คือยศหรือตำแหน่งของประธานรุ่น ทุกๆ รุ่นจะต้องมีดาบที่ดีไซน์เองว่ามีความหมายกับรุ่นนั้นๆ ยังไง และด้วยความเก่งกาจของไอ้อู๋ มันจึงเป็นคนเดียวที่มีของประจำตัว ด้วยดาบใบใหญ่ลากพื้นดีไซน์คล้ายดาบของ Mortos ตัวละครใน ROV ด้วยเหตุผลที่พรีเซ้นท์ว่า พวกเราทุกคนในรุ่นติดเกมนี้กันงอมแงม
บางทีมันก็ง่ายๆ แบบนี้อะ แค่จริงใจพี่ๆ ก็ให้งานผ่านแล้ว พวกเราเองแหละที่คิดยากเกิน
“แต่พวกผมจะไม่โทรมานัดคุณอีกแล้ว ขอให้คุณนัดกับพี่ประสานงาน และเมื่อพวกคุณพร้อมพวกเราจะมาที่นี่ ขอให้ใช้ชีวิตในมหาลัยให้สนุก อย่าทำผิดกฎเด็ดขาด พวกผมมีสายสืบที่นี่เยอะ อย่าคิดว่าจะรอดไปได้”
โห่ แปลว่ายังไงก็หนีไม่พ้นสินะ หงอยจังเลยยยย
“เอาล่ะครับ การตรวจระเบียบจบลงแค่นี้ ไว้เจอกันใหม่”
“ขอบคุณครับ/ค่ะ...”
“เดี๋ยว ผมยังไม่ได้สั่งให้พวกคุณลุก!!”
เอ๊า ก็ไหนพี่บอกไว้เจอกันใหม่อะ
“คุณรู้มั้ยเด็กสินกำอย่างพวกเราชอบทำอะไร...”
เดี๋ยวนะ ผมว่าเริ่มมีลางไม่ดีและ...
“พวกเราชอบทำตัวเด่นไงครับ” พี่เคราแพะยิ้มหวาน น่ากลัวชะมัดยาดเลย
อย่านะ อย่าพูดคำนั้นออกมานะ...อย่า!!
ทุกสิ่งทุกอย่างหดหู่มากขึ้น เมื่อพี่ว้ากขาประจำพูดว่า...
“แนะนำตัวชายสลับหญิงตามความสมัครใจ... เริ่ม!”
กูว่าแล้วเชียวววววววววว ซื้อหวยป่านนี้กูเป็นเศรษฐีแล้วววว
“ขออนุญาตแนะนำตัวครับ!”
แม้ตาของผมจะมองตรงไปข้างหน้า แต่หูผมก็รับรู้ว่าเสียงนั้นเป็นของไอ้อู๋แน่นอน นี่สิประธานรุ่น ไม่เคยทำให้ผิดหวังเลยจริงๆ เย่สสสส
“เชิญ!”
ผมรู้สึกได้ว่าไอ้อู๋ลุกขึ้นเพราะทุกคณะที่แฝงตัวอยู่รอบๆ อาคารกำลังจ้องมองมาทางนี้ แถมทำท่าทางตื่นตาตื่นใจกันอีกด้วย ก็คณะพวกผมมันบ้านี่ครับ เวลาทำอะไรคนชอบมองและขำตลอด ไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องดีหรือเปล่า ฮืออออ
เกิดเสียงตึง! ดังสนั่นเมื่อไอ้อู๋ทิ้งดาบลงกับพื้น มันทำเป็นเดินลากดาบพร้อมสวมจิตวิญญานนักรบอย่างสมจริง (ก็มันกับผมเรียนการแสดงนี่ครับ) มันหยุดอยู่ตรงลานกว้างกลางอาคาร ทุกคนโดยรอบมองมันเป็นตาเดียว
“
ผมชื่ออติรุจ นามสกุลสงวนสิทธิ์ ชื่อเล่นอู๋ (ควงดาบ ควับ! ควับ!)
ไม่ว่าอนาคตจะเป็นยังไงผมจะปกป้องเพื่อนๆ เพราะผมคือประธานรุ่น!!...”
มีเสียงปรบมือดังขึ้นมา ซึ่งเกิดจากผู้ชมที่พอใจ และส่วนมาเป็นสาวๆ คงจะชอบในความเท่ของเพื่อนผมล่ะสิ จีบเลยคร้าบบบ จีบเลย เพื่อนผมโสดมากกก
“...
จบจากโรงเรียนเซนต์เจมส์ ไม่ใช่เจมส์ธรรมดา...ปังๆๆๆ (ยกดาบขึ้นมาเพื่อทำเป็นปืน)
เจมส์ บอนด์... อยู่เอกการแสดงและกำกับการแสดง ชื่อพรีเซ้นต์...
เฮ้ย!”
เดี๋ยวววววววววไอ้สัสอู๋! เขาให้แค่แนะนำตัวโว้ยยยย โอ๊ยยยย
ชื่อพรีเซ้นต์คือการแสดงท่าทางตามคำที่เราต้องการนำเสนอ ถ้าให้บอกง่ายๆ มันคือการใบ้คำนั่นแหละครับ แต่ชื่อพรีเซ้นต์นี้สามารถครีเอทได้หลายรูปแบบ และมันจะเป็นภาพจำติดตัวเราไปจนกว่าจะจบมหาลัยพอๆ กับท่าแนะนำตัวเลย
“เอ่อ...” ไอ้อู๋นิ่งไปเมื่อรู้ว่าตัวเองหลุดปากคำว่าชื่อพรีเซ้นต์ออกไปทั้งๆ ที่พี่ไม่ได้สั่ง
“ไม่ต้องหยุด คุณทำเพื่อนซวย คนที่ออกมาต่อต้องมีชื่อพรีเซ้นต์ด้วย” พี่ว้ากกอดอกมองมัน
“ครับ...
ชื่อพรีเซ้นต์!” ไอ้อู๋ตะโกนลั่น “
ผมน่ะชอบเล่นกีฬา ทั้งเตะบอล (ทำเป็นเลี้ยงลูกบอล)
ตีเทนนิส (ยกดาบขึ้นมาทำเป็นไม้)
หรือจะเป็นกอล์ฟ (เปลี่ยนดาบมาทำเป็นควงสวิง)
ผมก็ตี!...ปุ๊ง! ปังย่า! ...ว๊าววว โฮอินวัน! เล่นกีฬาทั้งวันผมเลยเท่แบบนี้...”
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดด” สาวๆ ในอาคารพร้อมใจกันกรีดร้องเมื่อไอ้คนที่แนะนำตัวอยู่เลิกชายเสื้อเชิ้ตขึ้นมา เผยให้เห็นซิกแพคเป็นลูกๆ นั่นไง...มึงได้คะแนนไปเต็มๆ เกิดแล้ววววไอ้เพื่อนยากเอ๊ยยย
“
ชื่อพรีเซ้นท์... สปอร์ตไลท์!”
แล้วทุกคนก็เฮกันอีกครั้งพร้อมเคล้าไปกับเสียงหัวเราะเมื่อทุกคนเข้าใจสิ่งที่มันสื่อ... ฮ่าๆๆๆ สร้างสรรค์ดีอะ ผมชอบบบบ
“ผ่าน!” พี่ว้ากตะโกน เป็นอันรู้กันว่าชื่อนี้ถูกอนุมัติแล้ว หน้าที่เดียวของมันคือต้องรักษาไว้ไม่ให้ถูกยึดไป “ผู้หญิงเชิญ!”
“ขออนุญาตแนะนำตัวค่า!!” เจ้าของเสียงแสบแก้วหูนั้นคือหยากไย่ ดาวคณะนั่นเอง
“เชิญ!”
“
ดิชั้นชื่อนางสาวภัทราพร นามสกุลอ่อนมาก ชื่อเล่น หยากไย่ ฟึด ฟึด ฟึด (ทำท่าพ่นใยแบบสไปเดอร์แมน)
จบจากโรงเรียนXXXX อยู่เอกออกแบบ... (ทิ้งจังหวะทำเป็นมโนสอยด้ายเข้าตูดเข็มอย่างตั้งใจ)
...แฟชั่น!! หนูเป็นดาวคณะศิลปกรรมศาสตร์ค่ะ...”
เกิดเสียงหนุ่มๆ โห่ร้องอย่างพอใจ
“
...อย่าเสียใจไปที่ไทยไม่ได้มง ถ้าไย่ได้เป็นดาวมหาลัย เจอกันแน่ที่จักรวาล...แต่ไม่เอาคำถามโซเชียลมู้ฟเม้นท์นะคะ!”
ฮ่าๆๆๆ ปัญญาอ่อนอย่างมันคิดท่าแนะนำตัวแบบนี้ได้ยังไงวะ ถือว่าเก่ง
“
ชื่อพรีเซ้นต์... (มองท้องฟ้าอย่างร้อนลน)
โอ๊ยยยย จะทันมั้ยเนี่ยยย อย่าเพิ่งยิง! จรวดอย่าเพิ่งยิง!! นาซ่าคะดิชั้นยังไม่พร้อม ขอแต่งหน้าก่อนนนน ว๊ายยอย่าเพิ่งนับถอยหลัง (ทำเป็นตบแป้งเขียนคิ้ว)
ห้า สี่ โอ๊ยยยรอก่อน สาม สอง... โอเค!!พร้อมไปแล้วค่ะ ไป!! (ทำเป็นพุ่งตัวไปกับจรวด)
ชื่อพรีเซ้นต์...กระสวยอวกาศ!!”
“เจ๋งโคตรรรรรร” หนุ่มคณะพละที่นั่งจบกลุ่มกันตะโกนออกมาอย่างออกนอกหน้าจนทำให้ผมเสียสมาธิต้องหันไปมอง แต่กลายเป็นว่าผมดันไปปะทะกับสายตากวนๆ ที่จับจ้องมาก่อนแล้ว
นั่นมันไอ้ทัก...ไอ้ไดโนเสาร์ยักษ์นี่หว่า
“คุณกุ้ง!” เป็นอีกครั้งที่เสียงตวาดของพี่ว้ากทำให้ผมสะดุ้ง
“คะ...ครับ”
“มองอะไร! อยากแนะนำตัวเหรอ!!”
“ผะ...ผมยังไม่พร้อมครับ”
“รออะไร!? ให้อายุยี่สิบปีบริบูรณ์?” เสียงนั้นเข้ามาใกล้ “ออกไปแนะนำตัว!”
เอ๊า! ทำไมเป็นแบบนี้อะ ไอ้ทักนะมึง เพราะมึงเลยทีเดียว
“กุ้งสู้ๆ!”
หืม...ใครตะโกนออกมาอะ ไม่ใช่คนในคณะหรือรุ่นพี่แน่ๆ... พวกคณะอื่นเหรอ!?
เกิดเสียงปรบมืออีกครั้ง คราวนี้มันเกิดขึ้นทั้งๆ ที่ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยด้วย ผมทำหน้าเอ๋อๆ เพราะงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ยืนงงๆ เกาหัวแกรกๆ อยู่หน้าแถว ท่ามกลางสายตานับร้อยที่ให้ความสนใจอย่างพร้อมเพียง
เย้ย! นี่ทุกคนจะรู้จักกันทั้งๆ ที่ผมยังไม่ได้แนะนำตัวเลยเหรอ
“เอ่อ...หวัดดีครับ” ผมโบกมือหยอยๆ ให้กับทุกคนที่มองมาด้วยความร่าเริง
“กรี๊ดดดดดดด น่ารัก!” เอ๊า สาวๆ ตรงด้านนู้นดิ้นกันซะผมตกใจเชียว
“อัธยาศัยดีจริ๊ง! คณะคุณเขาแนะนำตัวกันแบบนั้นเหรอ!!”
เอ๊า ผมแค่ยิ้มแย้มแจ่มใสเองอ่ะ
ผมกำลังจะเริ่มอยู่แล้วแต่ตาดันไปเห็นไอ้ทักอีกครั้งซะก่อน ข้างๆ กันนั้นมีปราโมทย์รูมเมทสุดเนิร์ดของผมชูนิ้วโป้งสู้ๆ มาให้อีกด้วย
เอ่อ...ขอหันไปอีกฝั่งดีกว่า เห็นสองคนนั้นแล้วเดี๋ยวเสียสมาธิ
“
ผมชื่อนายอิสระ นามสกุลปัจฉิมสหะ ชื่อเล่นกุ้ง ...น้องกุ้งน่ารัก ใครไม่รักก็บ้าแล้วววว!”
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด” “
จบจากโรงเรียนเซนต์เจมส์ ....ยอม! ยอมเป็นข้าวมันไก่!”
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆ”
“น่าร้ากกกกก”
“คิดได้ไงวะ” “
อยู่เอกการแสดงและกำกับการแสดง ชื่อพรีเซ้นต์...”
ขอให้ผ่านไปด้วยดีด้วยเถอะ สาธุ...
“
เฮ้ยยยยพวกมึง ไปเร็ว ไฟไหม้ ไปเร็ว!! เชื่อกูเหอะ อย่านั่งนิ่งดิวะ ไปๆๆๆ ตามกูมา เร็วตามกูมา!! อาคารจะถล่มแล้ว!! ชื่อพรีเซ้นต์....”
“ชวน หลีกภัย...” ฮะ?
เดี๋ยวนะ ผมยังไม่ทันพูดเลย พี่ว้ากรู้ทันอีกแล้วเหรอ
ผมมองไปทางพี่ๆ ทุกคนทำหน้างงดูท่าแล้วจะยังไม่ได้ทำอะไรเลย ออกจะตกใจด้วยซ้ำที่ผมโดนขัดแบบนั้น
โอ๊ยยย อะไรวะ เกือบจะดีอยู่แล้วเชียว
ยังไม่ทันสงสัยได้นาน ผมก็เห็นว่าไอ้ทักคณะพละยืนกอดอกแถมยิ้มมุมปากยืนจ้องผมอยู่
อย่าบอกนะว่ามัน...
“...”
ไอ้คนไหล่กว้างตัวยาวเป็นกิ้งกือผู้มีเครื่องเคราบนใบหน้าที่ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่นั้นเอียงคอมอง ทำยักคิ้วหลิ่วตากวนตีนแบบไม่สำนึกผิดใดๆ ทั้งสิ้น และเมื่อมันเห็นผมนิ่งก็ก้าวขายาวๆ เข้ามาใกล้ เสื้อสีเขียวอันเป็นสัญลักษณ์ของคณะมันทะลุเข้าตา
ไอ้ทักโน้มตัวลงมาข้างหน้า ทำเป็นจะกระซิบข้างหูจนผมต้องถอยตัวออก แต่ก็ยังได้ยินคำพูดทั้งหมดนั้นอยู่ดี
“ทายถูกอะ... กูนอนกับมึงมั่งได้เปล่า?”
TBC* พูดคุยกันได้ที่
https://www.facebook.com/thene0classicหรือ #อย่ามาอยู่กับกุ้ง ก็ได้นะฮัพ
ถือเป็นแรงใจต้านภัยหนาวนะคร้าบบบ <3