เรื่องครอวครัวญาติพี่น้องมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนนะ อันนี้คงต้องเปิดใจคุยกันตรงๆ
เพราะว่าเราก็ต้องเรียน ค่าเทอม ค่าหอ ค่าใช้จ่ายก็ต้องใช้ จะมัวแต่ให้รอแบบไม่คืบหน้าไปตรงไหนเลยก็ไม่ได้
เรื่องสถาบัน ทุกวันนี้เหมือนที่น้องคิดรามก็เรียนได้ (แต่ไม่ได้จบง่ายๆ)
ถ้าเราไม่ขยันหรือขวนขวายกับตัวเองมากพอไม่จบแน่ๆ ( พี่จบราม 4 ปี ย้าย 2 คณะ )
เพราะไม่มีใครบังคับเราเรียนได้ มีแต่ตัวเราเองที่ต้องรับผิดชอบ
พี่อยากจะบอกว่าไม่ว่าสถาบันไหน ให้ความรู้เราเหมือนกัน
ทุกวันนี้ สถาบันแพงๆ ก็ไม่ได้มีค่าต่างกับสถาบันที่เสียค่าใช้จ่ายถูกๆมากเท่าไหร่
ในเรื่องคุณภาพทุกสถาบันให้เราได้เหมือนกันหมด
แต่ค่านิยมทางสัคม เกี่ยวกับสังคมการทำงาน การคัดเลือกบุคลากรเข้าไปนั้น ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
อย่างที่มีดราม่าเกี่ยวกับสเป็คการรับบุคลากรเข้าไปของ ธ.สีม่วง ซึ่งอันนั้นคือค่านิยม
แต่ไม่ได้หมายความว่า เราจะไม่เก่งเท่ากับพวกที่จะจบสถาบันดีดี แพงๆ
ทุกอย่างขึ้นอยู่กับที่ตัวเรา อย่าไปยึดติดค่านิยมสังคม
โอเค เรื่องที่พี่กล่าวมามันไกลเกินกว่านั้นไปอีก ซึ่งน้องยังไม่ได้พบเจอกับมัน
ฉะนั้น ถ้าเรายังไม่พร้อมเรื่องค่าใช้จ่าย ถ้าเป็นพี่ จะสมัครเรียนรามไปก่อน เก็บหน่วยกิต เก็บเกี่ยวความรู้ให้ได้มากที่สุด
รวมถึงราม เรามีเวลาพอที่จะปลีกตัวไปทำงาน part time เพื่อเก็บเงินได้
แถมยังได้ ประสบการณ์ในการทำงาน แล้วที่บ้านไม่เดือดร้อนด้วย
แล้วที่สำคัญไม่ต้องไปหวังลมๆแล้งๆ กับป้าที่ยังไม่พร้อมให้เรา แต่ยื้อเราเอาไว้ทำไม ถูกไหม ?
แล้วเราก็เอาเงินที่เราทำงานเก็บได้ พร้อมเมื่อไหร่ โอนย้ายหน่วยกิตเข้าที่ที่เราอยากเรียนทีหลังได้
มันมีวิธีมากมายครับ เพียงแต่ตอนนี้ ช่วงที่เราไม่พร้อม ก็ทำเท่าที่ทำได้ไปก่อน
ยิ้มเข้าไว้นะ
คือคณะที่หนูติดที่มช ที่รามไม่มีนะสิค่า แต่ต้องตัดใจล้า
แต่ที่รามมีคณะอะไรที่พอจะแนะนำบางค่า
เอาจริงๆ คณะที่อยากเรียนนี่ พี่ไม่อยากแนะนำ
เพราะว่า ตัวเราเองจะรู้ดีที่สุดว่าเราชอบอะไร
ที่น้องบอกว่า เรียน มช แล้วมีคณะที่เราอยากจะเรียน
ยกตัวอย่าง มช มีเรียนหมอ แล้วเราไม่ได้เรียน ไม่ได้แปลว่าเราจะตัดอนาคตตัวเองนะ
ลองมองสิ่งที่เราชอบ แบบอื่น หรือสิ่งที่เราคิดว่ามันก็ไม่น้อยหน้าจากอย่างแรก
ยกตัวอย่างเช่น กราฟฟิค โปรแกรมเมอร์ เทคโนโลยี กฎหมาย สิ่งแวดล้อม นักจิตวิทยา และอีกหลายๆอย่าง
ตรงไหนที่สามารถทำให้เราเรียนแล้วมีความสุขและชอบมันได้ นั่นละเลือกเลย สู้ๆจ้ะ