The Call Episode 24 (Last Episode) : ฆาตกรรมหมู่
เสื้อนอนลายทางสีฟ้าขาวถูกปลดกระชากจากมือแกร่งหนา เผยให้เห็นผิวกายขาวนวลละเอียดตาที่ซ่อนตัวอยู่ใต้ร่มผ้าอย่างถนัด ภาพเด็กหนุ่มผิวขาวนอนกึ่งเปลือยทอดตัวเหยียดยาวบนเตียงนอนตรงหน้าช่างเหมือนการยวนยั่วปลุกเร้าอารมณ์หิวอยากให้คนตัวใหญ่กว่ารีบไซร้กล้ามเนื้อแกร่งหนาโลมเลียไล่สำรวจเนื้อกายคนรักทีละจุดสัมผัสอย่างละเอียด ท่อนซี้ดถูกบรรจงจ่อลงน้ำหนักกระแทกรักมิดด้ามจนเตียงสั่น ดูเหมือนใบหน้าที่กำลังแดงก่ำจะกระตุกอารมณ์รักของฝ่ายรุกมากเกินห้ามใจ คำรักจึงถูกลงน้ำหนักแบบเต็มสูบผ่านต้นขาแกร่งหนาที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามอย่างนักกีฬาดัง ตับ ๆ !! จนเด็กหนุ่มผิวขาวอดกลั้นความรู้สึกเอาไว้ไม่ไหวเผลอเปล่งเสียง อ๊ะ ๆ ตอบรับอย่างสุขสมปนความเสียวซี้ดไล่ตามออกมาไม่ขาดสาย เพลงรักถูกบรรเลงวนใกล้ถึงจังหวะซี้ดอีกรอบ คนรุกตัวใหญ่ค่อย ๆ โน้มหน้าเข้ามาครอบดูดดุนกลีบริมฝีปากนุ่มอีกฝ่ายพร้อมจ้องลึกเข้าไปในดวงตาด้วยความปรารถนาอย่างไม่รู้จักอิ่ม พวกเขาเหมือนคนหิวจัดที่ต้องการสูบกินตุนเมนูรักด้วยความกระหายอยาก
เด็กหนุ่มผิวขาวถูกจัดหนักกระแทกรักรัวแบบเต็มแมกซ์ ความสุขแทรกตัวยิก ๆ ตอกย้ำความรู้สึกเสียวสุขซี๊ดทั้งด้านหน้าและหลัง
คำรักอุ่น ๆ แตกกระจายไหลปรี่ท่วมล้นทะลักลามลงลึกถึงสุดขั้วหัวใจ พวกเขาต่างกลืนกินอีกฝ่ายวนซ้ำไปมาไม่รู้อิ่ม
ถึงแม้กลางดึกของเดือนธันวาคมอากาศจะเหน็บหนาวเยือกเย็นสักเท่าไร
แต่ก็ไม่สามารถทำให้พวกเขานุ่งห่มเสื้อผ้าครบทุกชิ้นได้
ร่างเกือบเปลือยต่างกอดรัดฟัดเหวี่ยง
นัวเนียแนบชิดตามจังหวะ
“ อ๊ะ ๆ ”
สั้นบ้าง ยาวบ้าง ตลอดทั้งคืน
6.00 น.
ติ๊ด ! ติ๊ด! ติ๊ด ๆ ๆ ติ๊ด ๆ ๆ ติ๊ด ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
นาฬิกาปลุกดิ้นสั่นตัวดุ๊กดิ๊กส่งเสียงดังกังวานแสบเข้าไปถึงแก้วหูสมาชิกห้อง 7712 เด็กหนุ่มผิวขาวเริ่มส่ายสะโพกหยุกหยิก ค่อย ๆ กระดุกกระดิกขยับทีละนิดให้ตัวโผล่พ้นออกมาจากใต้ขอบผ้าห่มผืนหนา พอพ้นเขตอบอุ่นผ้าห่มผืนโต เนื้อกาย เนื้อกายส่วนบนที่โผล่เผชิญหน้ากับสภาพอากาศหนาวเย็นด้านนอก ทำให้เส้นขนตามตัวของเขาลุกซู่ตั้งชูชันอย่างเสียไม่ได้ หน้าหนาวตอนเช้า ๆ แบบนี้สภาพอากาศของมหาวิทยาลัยเขามันช่างหนาวเยือกเย็นอย่างร้ายกาจ ถึงแม้ว่าเขาจะชินกับอากาศหนาวอยู่บ้าง แต่พอเจออุณหภูมิแค่ 10 องศากว่า ๆ ทำให้เขาอยากแค่หดตัวนอนอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนาผืนนี้เท่านั้น พอสลัดความรู้สึกง่วงงัวเงียออกไปสำเร็จ เขาจึงเอื้อมมือไปหยิบนาฬิกาปลุกเจ้ากรรมที่ยังทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างดีเยี่ยมมันยังคงดิ้นตัวดุ๊กดิ๊กแผดเสียงดัง ติ๊ด ๆ ๆ ๆ อย่างตั้งใจ พอยุติการทำงานของนาฬิกาปลุกสำเร็จเขาก็ค่อย ๆ ขยับตัวกลับเข้าไปในผ้าห่มอีกรอบ อ๊ะ ๆ ...เขาไม่ได้กลับเข้าไปขดตัวนอนในผ้าห่มผืนหนาอีกรอบหรอกนะครับ แต่เขากลับเข้าไปใต้ผ้าห่มเพื่อใช้มือควานหากางเกงนอนตัวยาวที่ถูกรูดทิ้งออกไปก่อนหน้าจะมีเหตุฆาตกรรมหมู่เกิดขึ้นต่างหาก เพราะเขารู้สึกเย็นวูบ ๆ วาบ ๆ บริเวณช่วงล่างตรงกลางร่างกายที่กำลังเล่นกายกรรมห้อยหัวดุกดิกกวัดแกว่งล้อเล่นลมหนาวสั่นตัวดุ๊กดิ๊กไปมาเพราะความหนาวเย็น พอสวมกางเกงนอนกลับเข้าที่ดีแล้ว เขาอดไม่ได้ที่จะมองกลับไปที่ใบหน้าของเพชฌฆาตหนุ่มหน้าหล่อที่เพิ่งก่อเหตุฆาตกรรมสังหารสิ่งมีชีวิตนับล้านด้วยความตั้งใจ
‘หากผมสามารถอยู่ในสองที่พร้อมกันได้ ผมพร้อมเดินไปอยู่เคียงข้างเขา วันนี้หรือพรุ่งนี้ ขอแค่ให้ผมได้ยืนอยู่ข้าง ๆ เขา’
มะนาวรู้สึกหัวใจพองโตทุกครั้งหากนึกถึงประโยคที่คนตรงหน้าเขียนบอกเขาผ่านโปสการ์ด เขานอนตะแคงแนบหน้าไปกับเตียงนอนขาวสะอาดแต่สภาพยับยู่ยี่เพราะเมื่อคืนเกิดเหตุฆาตกรรมหมู่อยู่หลายทีเหมือนกัน มะนาวมองหน้าชายหนุ่มตรงหน้าของเขาขณะกำลังนอนหลับตาพริ้มด้วยความรู้สึกหลายอย่างปะปนกัน ใบหน้าที่ดูไร้เดียงสาเหมือนเด็ก ๆ ยิ่งมองยิ่งรู้สึกดี มองไปมองมาพลันให้นึกย้อนถึงเหตุการณ์ก่อนที่คนตรงหน้าจะมานอนอยู่ข้าง ๆ เขาแบบนี้ วันนั้นวันที่เขาเพิ่งสอบปลายภาคเสร็จ แต่กลับเป็นวันนั้นวันที่เขาเริ่มต้นฐานะ ‘คนรัก’ ครั้งแรกในชีวิต ในตอนนั้นหัวใจของเขามีเงาสองเงาของผู้ชายสองคนที่เข้ามาพัวพันจนเกิดความรู้สึกผูกพันอย่างไม่เคยรู้ตัวมาก่อน ... เหตุการณ์ในวันนั้นทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เหมือนซีรี่ที่โหลดมาแล้วเปิดฉายแผ่นเดียวจบแบบไม่มีการตัดเบรคโฆษณาให้รำคาญใจ ทุกเหตุการณ์ในวันนั้นมันยังคงเด่นชัดทุกครั้งที่นึกถึง วันที่ทุกคนเปิดใจ วันที่หัวใจอยู่เหนือเหตุผล มะนาวไม่เคยลืมแววตาจริงจังที่จ้องมองมายังเขาผ่านเลนส์สายตาคู่นั้นเลย“เราขอยืนอยู่ข้าง ๆ นาย...ตลอดไปได้ใช่ไหม ?”
เขาขอคำสัญญาจากผมด้วยคำถามนี้ผ่านน้ำเสียงที่กลั่นออกมาจากหัวใจ
ผมนิ่งไปสักครู่ ไม่ใช่ว่าผมยังไม่มีคำตอบ ผมมีคำตอบให้ตัวเองแล้ว ตั้งแต่วันที่ผมรู้สึกตัว
แต่ยังไม่ทันที่ริมฝีปากของผมจะขยับให้คำตอบกับกราฟ ผมก็ได้ยินเสียงผู้ชายอีกคนร้องตะโกนดังขึ้นมาใกล้ ๆ
“เดี่ยว!”
สิ้นเสียงเหนื่อยหอบที่ตะโกนดัง ผมเห็นนักศึกษาหนุ่มผิวเข้มโผล่พรวดพราดเข้ามาร่วมวงสนทนาในครั้งนี้ด้วย ท่าทางเหนื่อยหอบของพี่เข้มตอนนี้ช่างเหมือนเสือดำตัวโตที่เหนื่อยจากการวิ่งตามไล่ล่าฝูงกวางมาสักร้อยกิโลเมตรได้ พี่เข้มโอมพยายามสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อกอบโกยออกซิเจนเข้าไปในปอดให้ได้มากที่สุด พร้อมกับใช้มือปาดเหงื่อเม็ดโตบนออกจากใบหน้า
พี่เข้มมองหน้ากราฟและมะนาวสลับกันอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นถึงสาวเท้ายาวก้าวเดินดุ่ม ๆ ตรงเข้ามาหามะนาวที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ กับกราฟ แววตาของพี่เข้มตอนนี้ยากเกินคาดเดา พี่โอมเปิดปากถามน้องเมทหน้าหล่อที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ของมะนาวด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ พวกเขาสบตากันนิ่ง
“กูชอบมันว่ะ”
………………………………………………………………………..“บอกผมทำไม?”
“กูแค่ ‘ย้ำ’ ให้มันรู้”
.............................................................................”บอกเอง เรื่องนี้ผมไม่ช่วย”
“เหี้ย!....” พี่เข้มสบถออกมาเบาๆ อย่างคนหัวเสีย เขาละสายตาจากน้องเมท หันหน้ามาพูดกับมะนาว “มึงตกลงนะ”
“ครับ?”
“ให้มันเป็นเรื่องจริง”
“?”
“มึงอย่าทำหน้าแบบนี้ กูไม่ได้ให้มึงเลือก และกูจะไม่ถามว่ามึงชอบกูหรือเปล่า ถึงจะมีสามคน แต่กู มึง มันก็เดินไปพร้อมกันได้”
“!”
“มึงจาตกใจอะไรกันนักหนาว้า ใครบอกมึงว่าถ้าคบกันทีละสามคนเป็นเรื่องผิด ...มึงเคยเห็นคู่รักที่เขาเดินไปด้วยกันไหม? สมมุติว่ากูใช้มือซ้ายกุมมือด้านขวาของมึงแล้วเดินไปด้วยกัน มือด้านซ้ายของมึงก็ว่างใช่ไหม มึงไม่คิดว่าอีกข้างมันจะเหงาหรือไง?”
มะนาว : “...”
กราฟ : “...”
พี่เข้ม : “มึงมองดูนี่” พี่เข้มยกนาฬิกาข้อมือที่ใส่อยู่ที่ข้อมือด้านซ้ายยกยื่นเข้ามาใกล้หน้าของมะนาวคงกะให้มองเห็นชัด ๆ พร้อมกับชี้นิ้วของตัวเองไปที่หน้าปัดนาฬิกา “ในนาฬิกาหนึ่งเรือนมีเข็มนาฬิกาทำหน้าที่อยู่สามเข็ม เข็มวินาที เข็มนาที กับเข็มชั่วโมง แต่คงไม่มีใครถามว่า “ตอนนี้เวลากี่โมงวะ?” แล้วมีคนตอบว่า 7 นาฬิกา 2 นาที 27 วินาทีว่ะ! จริงมั้ย ในหนึ่งวันเข็มวินาทีแทบไม่มีความหมาย บางทีคนอาจลืมไปเลยก็ได้ว่าในนาฬิกาเรือนนี้มีเข็มวินาทีอยู่หนึ่งเข็มที่ออกวิ่งเดินทางไม่เคยหยุด และตัวของมันเองก็ไม่เคยบ่นว่ามันทำงานหนักกว่าเข็มอื่นที่ค่อย ๆ เดินทีละติ๊ด ๆ มึงคิดดูเองแล้วกันว่าจะมีสักกี่คนที่มองเห็นว่า การเดินทางของเวลาสำหรับทุกคน ๆ ในทุกวัน ๆ เป็นเรื่องของคนสามคน ทั้ง ๆ ที่ถ้าวันหนึ่งเข็มวินาทีหยุดเดิน นาฬิกาเรือนนั้นก็คงบอกเวลาให้เที่ยงตรงต่อไปไม่ได้”
มะนาว : “...”
กราฟ : “...”
เงียบ.....
พี่เข้ม : “ถุย! แล้วน้องเมทหมาตัวไหนวะ ที่มันเคยเขียนสารภาพรักในโปสการ์ดแบบเลี่ยน ๆ ว่า ‘หากผมสามารถอยู่ในสองที่พร้อมกันได้ ผมพร้อมเดินไปอยู่เคียงข้างเขา วันนี้หรือพรุ่งนี้ ขอแค่ให้ผมได้ยืนอยู่ข้าง ๆ เขา’ (พี่เข้มหันหน้าไปหากราฟ ด้วยสายตาที่บอกใบ้ว่า กูรู้กูเห็นนะมึง)”
แต่พอจบหมัดเด็ดสุดท้าย พี่เข้มก็ยังเดาอารมณ์ของกราฟและมะนาวไม่ถูกอยู่ดี เพราะว่ากราฟและมะนาวเงียบก็ยังคงนิ่งเงียบ สุดท้ายพี่เข้มเลยต้องทำใจยอมรับความจริงตรงหน้าเสียที
พี่เข้ม : “ที่กูพูดยาวขนาดนี้ ความหมายมันสั้นนิดเดียว คือ กูแค่ชอบมึง กูยอมรับเรื่องนี้พวกมึงอาจจะคิดว่ากูหาเหตุผลมาเข้าข้างตัวเอง เห็นแก่ตัว แต่ก็นั่นแหละ ถ้าพวกมึงไม่เห็นด้วย กูก็คงต้องไปตามทางของกู”
พอน้ำเสียงน้อยใจปนตัดพ้อที่พี่เข้มพูดออกมาจบลงมะนาวรู้สึกในหูมันอื้ออึง ภาพเหตุการณ์ที่เห็นตรงหน้าเหมือนมันเริ่มเคลื่อนไหวช้าลงแบบสโลโมชั่น ตัวพี่เข้มเด่นชัดขึ้นแต่ฉากหลังกลับดูเลือนราง ตอนนี้ที่ตัวพี่เข้มเหมือนถูกส่องด้วยกล้องที่มีความละเอียดสูงให้ภาพคมชัดระดับ HD ซูมไปที่หน้าของพี่เข้มแล้วค่อย ๆ ซูมชัดเข้าไปที่แววตาเศร้า ๆ หลังเลนส์สายตาหนาของเขาพร้อมกันนั้นก็มีเสียงดนตรีดังขึ้นมาเป็นซาวน์ประกอบเหมือนฉากจบตอนของซีรี่เกาหลีที่เปิดเพลงช้าฟีลลิ่งเศร้า ๆ ดังขึ้นมาขณะที่พระเอกตัวรองกำลังเศร้าเสียใจ เพราะอกหักกับความรักที่ไม่สมหวัง แต่ก็ในขณะเดียวกันก็ทำใจได้ที่เห็นคนที่ตนชอบมีความสุขสุดท้าย ในวันนั้นทุกคนก็ได้คำตอบให้กับตัวเอง อาจไม่ใช่คำตอบที่สมบูรณ์ แต่มันก็เป็นคำตอบที่ตอบออกมาตามเสียงหัวใจ
กราฟ : “คิดอะไร?” กราฟใช้มือยีผมมะนาวที่ยาวลงมาปรกหน้าขณะกำลังเหม่อลอยจมอยู่ในห้วงภวังค์ของอดีต
มะนาว : “เปล่า”
กราฟ : “หิวมั้ย”
มะนาว : “หิว” พูดจบมะนาวก็ค่อย ๆ มุดตัวออกจากผ้าห่มผืนหนาที่ปกคลุมตัวเขาอยู่ ระหว่างที่กำลังค่อย ๆ กระดึ๊บ ๆ ตัวออกจากผ้าห่ม ตัวของเขาก็ถูกมือใหญ่ของอีกคนดึงตัวกลับเข้ามาในผ้าห่มอีกครั้ง
“เช้าอยู่เลย นอนต่ออีกหน่อยเถอะน่า” พอจับตัวหมอนมนุษย์เข้ามากอดแนบลำตัวได้แล้วหนุ่มผิวเข้มอีกคนก็พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงงัวเงียขณะที่ตายังปิดอยู่ เขาเริ่มขยุกขยิกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน พูดจบเขาค่อย ๆ โผล่ตัวออกมาจากผ้าห่มผืนเดียวกันผืนนั้น พร้อมกับดึงด้านหลังของตัวมะนาวเข้าไปกอดชิดไว้แนบอกเพื่อให้คนถูกกอดอยู่ในท่าที่สบายมากขึ้น ตัดภาพกลับมาที่ชายหนุ่มผิวขาวอีกคนที่อยู่ในพิกัดได้เปรียบมากกว่า เขาเองก็ไม่ยอมน้อยหน้ารีบเคลื่อนหน้าเอาปลายจมูกโด่งเป็นสันเบียดแตะกับจมูกของมะนาวเบา ๆ พร้อมกับส่งสายตาเป็นต่อให้กับชายหนุ่มผิวเข้มที่นอนแนบลำตัวติดอยู่กับแผ่นหลังของมะนาว แต่สายตาที่ส่งท้าทายไปไม่เป็นผล เพราะตาของพี่เข้มยังปิดอยู่ ไม่ได้รับรู้สารท้ารบจากฝ่ายรุกตัวขาวแต่อย่างใด พอเห็นดังนั้นฝ่ายรุกตัวขาวจึงจัดการล่อเสืออีกตัวออกจากถ้ำด้วยวิธีอื่น
“นายอยากกินอะไร เดี่ยวขับรถไปซื้อมาให้”
“ไม่หนาวหรือไง?”
“แต่นายหิว”
“ถุย! พอ ๆ กูเลี่ยน รีบไปอาบน้ำเลยไป เดี่ยวก็สายกันพอดี” กราฟปลุกเสือสำเร็จ! วิธีนี้ใช้ได้ผลเสมอ ฉากหวาน ๆ ตอนเช้าแบบนี้พี่เข้มมักเห็นจนชินตา แต่ครั้นจะให้ทำใจมองดูเฉย ๆ โดยที่ไม่ทำอะไรเลยนั้น เขาบังคับตัวเองไม่ได้ เพราะเขา ‘หึง’ กราฟเลยเลือกใช้วิธีนี้เอาคืนพี่เมทตัวดีแบบนี้ประจำ
เตียงนอนสองเตียงถูกนำมาต่อชิดกันกลายเป็นเตียงนอนขนาดใหญ่เพื่อให้มีพื้นที่เหลือเฟือสำหรับคนสามคนให้นอนได้อย่างสบาย ตอนนี้บนเตียงแฝดมีเด็กหนุ่มผิวขาวนอนอยู่ตรงกลางขนาบข้างด้วยชายหนุ่มตัวสูงใหญ่สองคนที่กำลังใช้กำลังภายในชิงตัวมะนาวเอาเข้าไปอาบน้ำกับตนแค่สองคน แต่สุดท้ายพอเหนื่อยทั้งสามคนก็เข้าไปอาบน้ำพร้อมกันอยู่ดีตั้งแต่วันนั้นจนถึงตอนนี้ พวกเขายังคงไม่ได้ตกลงเป็นแฟนกัน พวกเขาเลือกที่จะเป็นคนรักของกันและกัน
ที่พร้อมเดินเคียงข้างไปด้วยกันในทุกวันตราบเท่าที่พวกเขายังมีวันพรุ่งนี้รออยู่
อ๊ะ! ขอโทษทีนะครับ เหมือนเมื่อกี้ผมเล่าข้ามไปเรื่องใช่ไหมครัช 555 พอหลังจากที่ผม กราฟ และพี่เข้ม ตกลงคบหาดูใจกันเสร็จเรียบร้อย พี่จิ้นกับมะตูมก็เดินมาถึงหน้าห้องผมพอดิบพอดี จากฉากดราม่าก็กลายเป็นฉากตลกสิครับ ยักษ์สามตนตาโตตกใจกันคนละแบบที่เห็นมะนาวพร้อมกันทีเดียวถึงสองคน พี่เข้มอ้าปากค้าง กราฟสตั๊นตัวแข็ง ส่วนพี่จิ้นมองผมกับน้องสลับไปมา พร้อมกับกระพริบตาตี่ติด ๆ กัน พร้อมกับบอกว่าใครก็ได้ช่วยมาตบที่หน้าให้ที เร็วเหมือนสายฟ้าฟาดพอสิ้นเสียงพูดพี่จิ้น ผมก็ได้ยินเสียงฝ่ามือกระทบหน้าดังเพี้ยะ! มะตูมทำตามคำขอของพี่ตี๋ทันควัน ไม่ปล่อยให้คำร้องขอของยักษ์หน้าตี๋ต้องรอนาน ตามด้วยการกระซิบเรียกคืนสติให้กับพี่เข้มที่ใบหูเบา ๆ ว่า “ผมบอกพี่แล้ว พี่ไม่ได้ชอบผมจริง ๆ หรอกครับ” “แฝด?”
พี่จิ้น/พี่โอม/กราฟ เกือบอุทานออกมาพร้อม ๆ กัน หลังจากที่ใช้สายตาสำรวจมะนาวและมะตูมที่ยืนอยู่คู่กันด้านหน้า
มะตูม : “สวัสดีครับ ผมมะตูมครับ เป็นน้องมะนาว”
มะนาว : “สวัสดีครับ ผมมะพร้าวครับ เป็นพี่ชายมะนาว”
“อ้าว!/ห๊ะ!/เฮ้ยยย! มะพร้าว!? แล้ว....มะนาวล่ะ”
สามหนุ่มตกใจร้องเสียงหลง เพราะยังจับต้นชนปลายไม่ถูก ไม่รู้จะมัดเรื่องทั้งหมดมาต้มให้เป็นเรื่องเดียวกันได้อย่างไร
มะตูม : “ปัญญาอ่อนน่ะมะนาว เมื่อกี้พ่อกับแม่โทรมาแล้วนะ บอกว่าไม่เกิน 10 นาทีถึง เก็บของเสร็จยัง จะได้ช่วยขนออกไปทีเดียว”
มะนาว : “เสร็จแล้ว มีเป้แค่ใบเดียว กับตะกร้าใส่ผ้าอีกใบ”
มะตูม : “ใบไหน? เดี่ยวช่วยยก”
ครืดด ๆ ครืดด ๆ
แม่โทรมา
มะตูม : “ฮัลโหลแม่ เสร็จแล้วแม่ ได้ถึงหน้าแล้วใช่ไหม ได้ๆ เดี่ยวขนของออกไปเลย (มะตูมพูดจบก็หันหน้ามาพูดกับพี่ชาย) มะนาว แม่กับพ่อมาถึงแล้วนะ ไหนตะกร้า ใบนี้ใช่ไหม”
มะนาว : “ใบนั้นแหละ หันหูตะกร้ามาอีกข้างดิ เดี่ยวช่วยยก มันหนัก”
พอจัดแจงหยิบสมบัติส่วนตัวเสร็จเรียบร้อยสองพี่น้องก็ช่วยกันขนตะกร้าออกไปหน้าหอ ไม่ได้สนใจยักษ์สามตนที่ยังยืนช็อค!ตัวแข็งอยู่หน้าห้อง 7712 เลยแม้แต่น้อย
กว่ายักษ์ทั้งสามตนจะประมวลผลเสร็จ สองพี่น้องตัวป่วนก็ขนของมาเกือบถึงหน้าหอพักนักศึกษาแล้ว
ตลกไหมหละครับ เรื่องราวชีวิตรักในรั้วมหาวิทยาลัยของผม
End1
ณ อาพาร์ทเม้นต์ใหม่ของมะตูม
ก๊อก ๆ ก๊อก ๆ ก๊อก ๆ
“ใครครับ?”
“ส่งพัสดุครับ”
“แป๊บนึงครับ”
แอ๊ดดดดด....พอเปิดประตูเสร็จ มะตูมก็ต้องแปลกใจกับภาพที่เห็นตรงหน้า หนุ่มตี๋ตาตี่ตัวสูงโปร่งแต่งตัวสไตล์เด็กสตรีทสวมเสื้อยืดสีขาวคอกลมลายกราฟฟิก บนหัวสวมหมวกแก๊บสีดำ นุ่งกางเกงยีนส์ขาตัดสีดำเหนือเข่าโชว์รอยสักเท่ ๆ ที่น่อง ด้านหลังสะพายเป้เดินทางใบใหญ่ยืนจังก้าขวางอยู่ด้านหน้าประตูเขาของมะตูม ข้าง ๆ พี่ตี๋หน้าเลวก็มีกระเป๋าใบใหญ่อีกใบกองอยู่กับพื้น พี่ตี๋จิ้นยืนจ้องมองมายังเขาด้วยสายตาเจ้าเล่ห์แบบเลว ๆ ตามแบบฉบับ
“คราวนี้ ไม่น่าผิดตัว” มุมปากของตี๋จิ้นยกยิ้มขึ้นมาข้างเดียว สายตาจ้องมองนิ่งมายังมะตูมที่ยืนงงอยู่หน้าห้องนอนของตัวเอง พอเจ้าของห้องเปิดประตูให้พี่ตี๋จิ้นก็ถือวิสาสะหยิบกระเป๋าอีกใบที่กองอยู่กับพื้นแล้วแหวกมะตูมที่ยืนงง ๆ เบลอ ๆ อยู่หน้าห้องตัวเองเข้าไปห้องไป เพื่อปล่อยให้มะตูมงงเต็มที่ที่หน้าห้องของตัวเอง
“ขออนุญาตขนของเข้าห้องนะครับ”
ตอนนี้ถึงคราวที่มะตูมต้องเป็นฝ่ายประหลาดใจบ้างล๊าวววว
END แท้ ๆ ล๊าวววว ^ ^---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณทุกคลิกที่กดเข้ามาอ่านนิยายเรื่องนี้
ขอบคุณทุกคอมเม้นต์ที่แวะทักทายกัน
ขอบคุณจากหัวใจ
Ryoushena