บทที่ 3
ธาริตมุ่งตรงเข้าห้องทำงาน วันนี้เขามาเร็วกว่าเวลาเริ่มงานเล็กน้อย ทีแรกตั้งใจจะแวะไปกินอาหารเช้าที่ร้านของคราม แต่ภาระติดพันยังอยู่ที่โต๊ะทำงาน
“คุณธาริตคะ มีผู้ปกครองเด็กเอาขนมมาฝากไว้ให้ค่ะ” เลขาหน้าห้องเคาะประตู แล้วเอาถุงกระดาษมาวางไว้ที่โต๊ะกระจก
“ขอบคุณมากคุณแป้ง” ธาริตพยักหน้า เขาใส่รหัสคอมพิวเตอร์ คอยหน้าจอให้พร้อมเข้าสู่การใช้งาน
“แล้วก็ อันนี้ของคุณธาริตหรือเปล่าคะ พนักงานทำความสะอาดเมื่อวานเจอตกที่ก้นสระค่ะ” หญิงสาวยื่นแหวนทองคำขาวเกลี้ยงให้เจ้านายหนุ่ม นิ้วนางซ้ายของเขามีรอยขาวจากการสวมแหวนติดตัวเป็นระยะเวลานาน
“ผมกำลังหาอยู่ ขอบคุณมาก ฝากขอบคุณพนักงานทำความสะอาดด้วย” ธาริตรับมันมา รอคอยจนเลขานุการเดินผ่านประตูออกไปแล้วเขาจึงเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ ก้มลงมองตัวเรือนอย่างใช้ความคิด
ประกายเงินวาววับหม่นแสงลงตามเวลา ชายหนุ่มสวมมันกลับไปที่เดิม บนตัวเรือนมีรอยขูดขีดเต็มไปหมดเพราะเขามันพวกอยู่ไม่สุข ถูกครามดุให้รักษาตัวแทนของครามให้ดีกว่านี้หน่อยอยู่หลายต่อหลายหน
“ผมขอโทษ..” ธาริตพึมพำ รู้แก่ใจว่าแค่ทุกวันนี้ครามไม่เอาแก้วที่ร้านปาหัวแล้วไล่เขาออกมาก็บุญเท่าไหร่แล้ว เขาจรดริมฝีปากจูบลงบนแหวน
แหวนที่เขาเคยสัญญาว่าจะสวมมันเพียงวงเดียวไปตลอดชีวิต
ชายหนุ่มกระพริบตาถี่ไล่เอาน้ำเลี้ยงตาส่วนเกินออก ถุงขนมทำจากกระดาษสีน้ำตาลสกรีนลายสีน้ำตาลเข้มบอกชื่อร้านทำให้ธาริตสะดุดใจ เขาแกะสก็อตเทปใสยึดปากถุงออก ด้านในมีคุกกี้ช็อกโกแล็ตหนึ่งถุง ปิดปากผูกโบสีน้ำเงินขลิบขาวสวยงาม พร้อมกับกระดาษพับเป็นสี่เหลี่ยมแนบมาด้วย
มือใหญ่หยิบเอาจดหมายน้อยออกมาคลี่ พบว่ามันมาจากน้องคีน เด็กอนุบาลทำทั้งหมดนี้ไม่ได้แน่ ครามคงยังไม่รู้ว่าคนที่ช่วยน้องคีนขึ้นจากสระคือเขา
เนื้อในจดหมายเป็นข้อความถูกเขียนด้วยตัวหนังสือยึกยือโดยใช้ดินสอไม้ แต่ดูแล้วคนเขียนก็คงพยายามบรรจงอย่างถึงที่สุด มีรูปที่วาดด้วยสีเทียนประกอบอยู่ด้านล่าง
-----------------
ถึง ทีดเช่อ
น้องคีนเขียนมาหาทีดเช่อ ขอบคุณทีดเช่อที่อุ้มน้องคีนครับ ปะป้าบอกว่าให้น้องคีนทำขนมมาให้ เป็นคุกกีชอกกะแลด น้องคีนปั้นเอง อยากให้ทีดเช่อกินแล้วอร่อย น้องคีนรอทีดเช่อว่ายน้ำนะครับ
น้องคีน อ.1/1
----------------
คนอ่านยิ้มกว้างขวาง อดนึกชมครามไม่ได้ว่าเลี้ยงลูกมาดี ธาริตเคยจินตนาการถึงครอบครัวของเขากับครามเมื่อนานมาแล้ว เขาเองที่เป็นคนบอกครามว่าคงจะดีหากมีลูกของเขาและครามมาให้กอดให้ฟัดเสียด้วยซ้ำ
“คุณแป้งครับ รบกวนหาแฟ้มใสกับกล่องใส่อาหารให้ผมที” เขากดโทรศัพท์ออกหาเลขา
จดหมายของน้องคีนเป็นจดหมายฉบับแรกที่ธาริตได้รับจากเด็กนักเรียน ทั้งที่เขาใช้ชีวิตในวงการการศึกษาอย่างต่ำ ๆ ก็ห้าหกปี ตอนนี้อ่านแล้วมีความสุขอย่างไร อีกสามสิบปีข้างหน้าตอนเกษียณ หากมีโอกาสกลับมานั่งอ่าน เขาคงมีความสุขกว่านี้อีกเป็นสิบเป็นร้อยเท่า
ชายหนุ่มดึงถุงแก้วออกมา ขนมที่ครามกับน้องคีนทำมาให้เป็นคุกกี้ช็อกโกแลต มันเป็นเมนูที่ครามเคยบอกว่ามั่นใจที่สุดในชีวิตแล้วว่าใครชิมก็ต้องชมว่าอร่อย เขาบรรจงแกะกระทั่งโบที่ผูกมาก็ไม่ให้ยับ
กลิ่นช็อกโกแลตและเนยหอมฟุ้งออกมานอกถุง รสชาติหวานละมุนละไมเข้ากันกับรสเข้มข้นของช็อกโกแลตอย่างดียิ่งทำให้ธาริตคิดถึง
ตั้งแต่ครามไม่อยู่ ธาริตกินอะไรก็ไม่อร่อยเท่าครามทำ เตียงหลังไหนก็ไม่อุ่นสบายเท่าตอนครามนอนด้วย เขาอยู่ไปวัน ๆ เหมือนผีตายซาก มีหน้าที่เพียงอยู่เป็นหน้าเป็นตาให้กับมารดา ทำงานเหมือนเครื่องผลิตเงินให้วงศ์ตระกูล แม้จะรู้ทั้งรู้ว่าที่มีอยู่ก็พอใช้อย่างสุขสบายไปทั้งชาติ
ธาริตถอนหายใจ เขาเก็บขนมลงกล่องบรรจุอาหาร วางมันไว้บนหลังตู้เอกสารเตี้ย ๆ ด้านหลังใกล้กันกับกระติกน้ำร้อนและแก้วกาแฟ ตั้งใจจะเก็บเอาไว้ทานเป็นของว่างตอนบ่ายกับกาแฟดำเหมือนเมื่อก่อน
ปกติในช่วงเที่ยงธาริตจะเดินดูรอบโรงเรียน เวียนกันไปเป็นแผนกอนุบาล ประถม และมัธยม วันนี้เขางานเยอะกว่าปกติเนื่องจากต้องปันเวลามาทำงานหลักของงานบริหารในฝั่งสำนักงานใหญ่ด้วย กว่าจะออกจากโต๊ะได้ก็ร่วมห้าโมง ทั้งโรงเรียนแทบไม่เหลือใครแล้ว
ชายหนุ่มทิ้งเอกสารไว้ที่โต๊ะ เขาทำงานในส่วนของวันนี้เสร็จแล้ว ทีแรกธาริตคิดว่าคงจะแวะไปห้าง หาซื้ออะไรง่าย ๆ ใส่ตู้เย็นเนื่องจากเขาไม่ทำอาหาร ทว่าเมื่อตาเหลือบไปเห็นกล่องคุกกี้ เขาก็นึกได้ว่าอย่างน้อยควรจะโผล่ไปขอบคุณน้องคีนกับผู้ปกครองบ้าง
วันนี้คนที่ร้านแน่นกว่าทุกวัน ห้าโมงแล้วคนยังเดินเข้าเดินออก โต๊ะทุกตัวมีลูกค้าจับจองจนแทบไม่มีทีว่าง ในครัวพนักงานเดินกันวุ่น ครามเองก็ต้องลงมาอยู่ประจำที่หน้าบาร์และแคชเชียร์ควบกันเนื่องจากพนักงานลาป่วยกระทันหัน
“ขอบคุณคร้าบ มาใหม่นะคร้าบ” เสียงแจ้ว ๆ มาจากเจ้าลูกชาย มือป้อมกระพุ่มไหว้คุณป้าที่หอบหิ้วเอาขนมอบออกไปถุงใหญ่
วันนี้ครามไปรับน้องคีนมา แต่ไม่ได้ให้ลูกขึ้นบ้านเนื่องจากแวววรรณก็วุ่นงานในครัว เขาเองก็ต้องประจำหน้าร้าน ครามไม่อยากทิ้งลูกให้ไกลสายตาจึงเอาเจ้าเด็กพุงกลมมาแหมะไว้ที่เก้าอี้นวมตรงแคชเชียร์
“น้องคีนหิวไหมลูก” ครามหันหลังไปล้างแก้วกาแฟ เขาเหลือบมองลูกน้องที่ย้ายไปทำหน้าที่เสิร์ฟอาหาร ป่านนี้ยังเดินไม่หยุดเลย
“น้องคีนไม่หิว น้องคีนรอปะป๊า” เจ้าตัวเล็กว่า ในมือกำดินสอ ส่วนอีกมือใช้นับเลข แก้โจทย์การบ้านวิชาคณิตที่บวกกันยังไงก็ได้ไม่เกินสิบ
“รอก่อนนะลูก เดี๋ยวปะป๊าหาอะไรให้กิน อาบน้ำเสร็จแล้วเรามาตรวจการบ้านน้องคีนกัน” ครามละมาจูบลงบนศีรษะทุย ส่วนลูกชายก็รู้งาน พอโดนหอมแล้วก็หอมกลับบ้าง เป็นอันว่าคุณพ่อได้กำลังใจเกินพิกัดไปเลย
เข็มนาฬิกาเดินไปข้างหน้าพร้อมกับลูกค้าที่ซาลง ประตูขยับเปิดอีกครั้ง คราวนี้เป็นเงาคุ้นเคยที่ยิ้มให้ครามเต็มแก้ม
“ผมมีของมาฝาก” รดิศชูถุงกับข้าวเจ้าโปรดครามที่หิ้วมาเต็มสองมือขื้นอวด ทีแรกคุณหมอขับผ่านร้านมาแล้วหนหนึ่ง พอเห็นว่าลูกค้าเต็มร้านเขาก็มองออก ครามคงยังไม่มีเวลาทำอาหารเย็นแน่
“มีกุ้งของเราด้วย”
“กู้งง คุณกุ้งของน้องคีน” นายแพทย์หนุ่มเห็นตากลม ๆ ลุกวาวแล้วก็อดเอ็นดูไม่ได้ ร่างสูงโปร่งเดินเข้ามาที่หลังเคาน์เตอร์ ก้มลงหอมหัวน้องคีนไปหนึ่งฟอด เจ้าตัวดีหัวเราะคิกคัก หอมเขาคืนแล้วก็กลับลงไปนั่งนับนิ้วต่อ
“ขอบคุณครับคุณดิศ คราวหลังมาเฉย ๆ ก็พอแล้ว” ครามยิ้ม ก่อนจะอ้าปากท้วงเมื่อเห็นว่ารดิศวางถุงพลาสติกบรรจุกล่องอาหารไว้มุมหนึ่ง ก่อนจะออกไปช่วยเด็กในร้านเก็บจานเปล่า
“คุณดิศ พอเลยครับ ไม่ต้อง ๆ” เจ้าของร้านโบกมือห้ามเขา
“ช่วยกันจะได้เสร็จไว ๆ ไงครับ” รดิศยิ้ม เขาเห็นน้องคีนแอบหาวหวอด คาดว่ากินข้าวหน่อยเดียวก็คงม่อยหลับไปอีกตามเคย
“โธ่ บอกแล้วนะครับว่าไม่มีค่าแรงจ่าย”
ครามมองนาฬิกา อีกสิบห้านาทีจะได้เวลาปิดร้าน น้องคีนทำการบ้านเสร็จเรียบร้อย เห็นว่าตั้งท่าจะหลับแล้วด้วย คุณพ่อจึงเตรียมเก็บแก้ว หยิบเอาป้ายสามเหลี่ยมตั้งเขียนว่า ‘Close’ ขึ้นมาวางหน้าบาร์
“คราม เหมือนจะมีลูกค้าอีกคนนะครับ”
รดิศยั้งคนที่กำลังจะกดล้างเครื่องชงกาแฟ ประตูร้านขยับเปิด เงาร่างสูงสง่าของผู้อำนวยการโรงเรียนนานาชาติใกล้บ้านก้าวเข้ามา ยังไม่ทันจะได้เอ่ยปากบอกอะไรกับใครเสียงเจ้าของร้านก็แทรกขึ้น
“ร้านปิดแล้วครับ”
ครามคิดว่าเขากลับกรุงเทพไปแล้วเสียอีก ไม่รู้ว่ามีหนี้เวรหนี้กรรมอะไรที่ครามยังใช้ให้ธาริตไม่หมด
“สวัสดีครับคุณพ่อน้องคีน ผมแค่แวะมาหานักเรียนของผม” ธาริตยิ้มกว้างขวาง
“นักเรียนของคุณ?” ไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้จะเล่นอะไรอีก ครามใจหายเมื่อเห็นว่าลูกชายตัวดียืนขึ้นบนเก้าอี้นวม เสียงใสแจ๋วตะโกนเหมือนลืมง่วง
“ทีชเชอร์! ” น้องคีนยืนมือให้ธาริต คนตัวใหญ่ก็เข้าคู่กันดีเหลือเกิน อุ้มน้องคีนมาแนบอกราวกับสนิทสนมกันมานาน
“อ้อ คุณครูใหญ่ใช่มั้ยครับเนี่ย” รดิศยิ้ม เขาเพียงแต่ยกมือขึ้นเชคแฮนด์ธาริตเป็นการทักทายเท่านั้น นายแพทย์หนุ่มเหลือบมองเจ้าของร้าน ครามมีท่าทีอึกอัก แต่ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่กดล้างเครื่องชงกาแฟและเคลียร์บาร์อย่างกิจวัตร
“ครับ ผมเอง แวะมาขอบคุณเรื่องจดหมายกับคุกกี้” “ธาริตสบตาเจ้าของร้าน ในแววตาฉายความหมายลึกล้ำ ทำท่าราวกับจะฟื้นซากปราสาททรายที่ทลายลงได้ง่าย ๆ “ผมชิมแล้ว อร่อยมากครับ...”
ครามรู้จักผู้ชายคนนี้ดี ท่าทางเป็นมิตรเหล่านี้ดูสวยงามไม่ต่างจากกับพืชพันธุ์กินแมลง งดงาม ดึงดูด หากได้หลงละเมอ แมลงผู้น่าสงสารจะถูกรัดจนขาดอากาศหายใจตายอย่างทรมาน
ทุกอย่างของธาริตเป็นแค่กับดักที่หลงไปติดแล้วก็มีแต่ตายกับตาย
ถึงจะรอดชีวิตมาได้ หากไม่ต่างอะไรกับตายทั้งเป็น
“ครามทำอะไรก็อร่อยทุกอย่างเลยครับ เดี๋ยวเชิญคุณครูนั่งก่อน” รดิศเดินนำร่างสูงใหญ่ไปที่โต๊ะ ลูกค้าทยอยกลับกันไปหมดแล้ว ครามจ้องเขาไม่วางตา ในใจรู้สึกขัดแย้งอย่างมากที่จะให้ธาริตอุ้มน้องคีนเอาไว้กับอก
ไม่ใช่เพียงความไม่พอใจที่พวยพุ่ง หากอีกความรู้สึกที่หลืบเร้นคงเป็นความขลาดกลัว
“เห็นว่าน้องคีนช่วยปะป๊าทำด้วยใช่มั้ยครับ” ธาริตก้มลงไปพูดกับเจ้าเด็กสี่ขวบ น้องคีนตาใสแจ๋วโต้ตอบกับทีชเชอร์ แถมยังนั่งตักเอนหลังพิงอกเขาอย่างสบายอารมณ์
“น้องคีนช่วยปั้น หยำ ๆ” มือกลมป้อมกำแล้วแบ กำแล้วแบให้ธาริตดู จนได้รับคำชมว่าเก่งสุดยอด
“น้องคีนมานั่งกับอาหมอมั้ยลูก เดี๋ยวทีชเชอร์เมื่อย” นายแพทย์หนุ่มออกจะเกรงใจคุณครูใหญ่พอสมควร ถึงจะสัมผัสได้ถึงความเอ็นดูล้นเหลือนั่นก็เถอะ เห็นสายตาวาววับที่มองเจ้าของร้านเหมือนกับจะกินเข้าไปทั้งตัวแล้วก็ไม่ไว้ใจ
ลำพังทำคะแนนสู้กับใจครามก็ยากแล้ว ถ้ามีคู่แข่งมาเพิ่มเขาคงประสาทกิน
“ไม่เป็นไรครับ ไม่ได้หนักอะไร ตัวแค่นี้เองเนอะ” มือใหญ่ลูบลงบนพุงของน้องคีน สัมผัสนั้นราวกับเปิดสวิตช์ เสียท้องร้องดังโครกดังออกมา
“ท่าจะหิวมากเลยนะเนี่ย” ธาริตหัวเราะ เขากอดรัดน้องคีน ความเอื้อเอ็นดูซึมอยู่ในอก
“น้องคีนรอปะป๊า”
“งั้นเราจัดโต๊ะรอปะป๊าดีกว่าเนอะ ถ้าคุณธาริตไม่รังเกียจ อยู่ทานมื้อเย็นด้วยกันเลยนะครับ” การวางท่าอย่างเจ้าบ้านทำให้ผู้บริหารหนุ่มคันยุบยิบอยู่ในอก
“มาครับ ผมช่วย” ธาริตปล่อยน้องคีนให้ลงเดิน สายตาเหลือบมองคนรักเก่า ครามยังนั่งนับเงินอยู่ที่แคชเชียร์ ป้ายไฟหน้าร้านปิดลงเป็นสํญญาณว่าปิดบริการแล้ว
“ไม่เป็นไรครับ ไม่ได้เยอะแยะอะไร” คุณหมอเดินเข้าไปหลังครัว หยิบเอาถ้วยชามและหิ้วถุงกับข้าวติดมือมาพร้อมกัน
“ครามมาทานข้าวได้แล้วครับ ที่เหลือเดี๋ยวผมช่วยเก็บเอง” รดิศร้องเมื่อเห็นว่าครามกำลังเช็ดบาร์ พนักงานคนอื่นก็อยู่หลังครัวช่วยกันเก็บล้างอุปกรณ์และขัดพื้น เนื่องจากครามเคร่งเรื่องความสะอาดมาก
“เดี๋ยวให้เด็กทำก็ได้คุณดิศ จะมาเป็นสปายคอยเทคโอเวอร์ร้านผมรึเปล่าเนี่ย” ครามส่ายหัว ยอมล้างมือและเดินมาที่โต๊ะอาหาร เขาช้อนตามองรดิศที่กำลังแกะกล่องอาหารใส่จานแล้วก็รู้สึกหนักอึ้งในใจ รดิศเป็นคนดี...เกินไป
“โต๊ะน้องคีน” เด็กชายเดินตรงไปยังมุมที่เก็บเก้าอี้เด็ก ใช้สำหรับบริการในร้านด้วย และให้น้องคีนใช้ด้วย
“เดี๋ยวทีชเชอร์กางให้ครับ” ในเมื่อรดิศอำนวยความสะดวกเรื่องอาหาร เขาก็ควรจะดูแลเรื่องง่าย ๆ
ธาริตกางเก้าอี้ไม้ขัด บุนวมสีอ่อนเข้ากับการตกแต่งด้วยสีน้ำเงินภายในร้าน เขาอุ้มน้องคีนนั่งเก้าอี้ ดึงบ้านพับไม้ขึ้นมาเป็นพื้นโต๊ะวางถ้วยชามใบน้อย
“คุณธาริตคล่องมาก แต่งงานแล้วเหรอครับ” นายแพทย์หนุ่มเหลือบมองแหวนบนนิ้วนางซ้ายของผู้อำนวยการโรงเรียน คาดว่าคงเป็นแหวนแต่งงาน
“ครับ ผมแต่งงานแล้ว” เจ้าของเสียงทุ้มรับคำอย่างสุภาพ ตาจ้องครามไม่วาง เห็นว่าอีกฝ่ายมองกลับมามา ครามคงจำมันได้ถึงเสหลบตาเขาไปเสีย
“คงเป็นคุณพ่อที่เยี่ยมมาก” คนพูดตักข้าวสวยร้อน ๆ ใส่จาน เริ่มจากธาริต คราม น้องคีน และตัวเขา บนโต๊ะอาหารมีแกงจืดเต้าหู้หมูสับ กุ้งอบเกลือ ปลาทอด และผัดผัก
“เรื่องเป็นพ่อที่ดีมั้ยผมก็ไม่รู้ แต่แน่ใจว่าคงเป็นสามีที่แย่มาก” ธาริตหัวเราะ หากในแววตามีแววยอกแสยงไม่ปิดบัง “คุณรดิศล่ะครับ ดูคล่องพอ ๆ กัน” เขาเลิกคิ้ว
“ยังหรอกครับ” รดิศตักอาหาร ใส่จานครามด้วย ใส่จานตัวเองด้วย
“อย่าถ่อมตัวเลยครับ อย่างนี้มีที่ไหนสาว ๆ จะไม่ชอบ” ธาริตเหลือบมองคราม อีกฝ่ายทำเหมือนทองไม่รู้ร้อน ค่อย ๆ แกะเนื้อกุ้งแล้วบิเป็นคำใส่ถ้วยแยกให้ลูกชาย
“คนที่ชอบก็มี คนที่ไม่ชอบก็มี แต่ตอนนี้ผมชอบอยู่แค่คนเดียว”
คนฟังได้แต่ยิ้ม หากในใจแทบโก่งคออาเจียนให้กับมุกลิเกของไอ้หนุ่มนี่ โชคดีที่ครามไม่ได้มีท่าทีอะไรมากไปกว่าการรับประทานอาหารเงียบ ๆ ตักอาหารให้ลูกบ้าง คอยดูเวลาลูกกินข้าวคำใหญ่ไปบ้าง
“ครามเอาปลามั้ย ผมแกะให้”
ไอ้อาการเหมือนมดคันไฟกัดในใจของธาริตยิ่งรุนแรงขึ้นอีกเมื่อเห็นว่าคนแปลกหน้าในสายตาเขาบรรจงแกะเนื้อปลาใส่จานของครามและน้องคีน ทำราวกับเป็นครอบครัวสุขสันต์และเขาเป็นไอ้งั่งส่วนเกินที่มานั่งแอบมองเมียชาวบ้านอย่างไรอย่างนั้น
“ปะป๊ากินกุ้ง กินกุ้ง” น้องคีนกำช้อนพลาสติก ร้องหาของโปรด แกะใส่ชามเท่าไหร่ก็หายหมด
“กุ้งหนึ่งตัว ข้าวโพดอ่อนหนึ่งแท่ง โอเค้?” ปะป๊าต่อรอง น้องคีนชอบกุ้งมาก มื้อไหนมีกุ้งแทบจะไม่แตะอย่างอื่นเลย แต่อย่างน้อยลูกขายก็ควรได้สารอาหารครบห้าหมู่ในทุกมือ
“ก็ได้ฮะ อู้ว คุณกู้งงง” กุ้งลายเสือถูกแกะเปลือก บิเนื้อออกเป็นคำ ๆ พร้อมกับข้าวโพดอ่อนจากผักผัดน้ำมันหอยก็ลอยมาอยู่ในจานทันทีที่น้องคีนตกลง
“คุณคราม ปกติที่ร้านทำคุกกี้ช็อกโกแล็ตขายมั้ยครับ เมื่อกี้ผมเดินดู ไม่เห็นมีวาง” ธาริตเริ่ม วันนี้นอกจากประโยคที่ไล่กัน ครามยังไม่พูดกับเขาสักคำ
“ไม่วางครับ อย่างอื่นขายดีกว่า” ครามตอบเรียบ ๆ
“ถ้าเปลี่ยนใจมาวาง ช่วยกระซิบผมที มันอร่อยมาก รสชาติเหมือนที่ผมชอบ..เมื่อนานมาแล้ว” ธาริตยกแก้วน้ำขึ้นจิบ ทำทุกอย่างเหมือนปกติ
“คงยากครับ ผมไม่ใช่คนเปลี่ยนใจง่าย” ครามเจตนาว่ากระทบเขา แล้วหันไปเช็ดปากลูก
“ถ้าคุณธาริตชอบคุกกี้ช็อกโกแล็ต ผมพอจะมีร้านแนะนำให้ได้นะครับ” รดิศรวบช้อน จานของเขาว่างเปล่าในระยะเวลาใกล้เคียงกับคนอื่น ๆ
“ขอบคุณมากครับคุณดิศ เอาไว้ผมจะขอชื่อไว้” ธาริตตอบรับด้วยมารยาท เขาอมยิ้มเมื่อเจ้าเด็กพุงกลมตรงหน้าเริ่มคอพับคออ่อน พอถึงเวลาหนังท้องตึง หนังตาก็เริ่มหย่อน
“จะหลับแล้วนั่น...” รดิศทอดสายตามองน้องคีน มือเรียวของครามเอื้อมมาแกะผ้ากันเปื้อนเด็กออก กระตุ้นให้ตากลม ๆ ฝืนลืมขั้นอีกทั้งที่หรี่ปรือเต็มทน
“ครามเอาน้องคีนขึ้นบ้านก่อนก็ได้ครับ เดี๋ยวตรงนี้ผมส่งคุณธาริตแล้วเก็บเอง”
“ไม่เป็นไรครับ ผมกวนคุณดิศพาน้องคีนขึ้นไปก่อน ผมส่งแขก เก็บร้านเสร็จแล้วจะตามไป” ครามรวบช้อน ยังมีข้าวเหลือครึ่งจาน มื้อนี้เขาไม่เจริญอาหารเลย
“งั้นผมรอข้างบนแล้วกัน” รดิศอุ้มน้องคีนเข้าอก “สวัสดีครับคุณธาริต บ๊ายบายทีชเชอร์ก่อนลูก”
“สวัสดีครับคุณดิศ” ธาริตโบกมือบ๊ายบายน้องคีนทั้งที่เด็กน้อยแทบจะหลับตาทันทีที่ศีรษะซบอกอาหมอได้
ธาริตคอยจนเห็นว่ารดิศหายลับไปหลังร้าน ส่วนตัวเจ้าของเองจ้องเขม็งมาที่เขาอย่างเอาเรื่อง
“คราม...”
“ผมจะไปส่ง” ครามผายมือ เดินนำเขาไปที่ประตู หากมือเรียวข้างนั้นโดนคว้าหมับเอาไว้ด้วยมือใหญ่อุ่นร้อน
“คุณไม่ควรรุ่มร่ามกับผม” ครามสะบัดมือเขาออก แต่มือธาริตเหนียวอย่างกับตีนตุ๊กแก สลัดยังไงก็ไม่ยอมหลุด
“เพราะอะไร ไอ้หน้าอ่อนนั่นเหรอ” ธาริตหมายถึงหมอรดิศ มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นหญ้าอ่อนที่จ้องจะเขมือบโคแก่
“คุณอย่ามาหยาบคายในบ้านของผม และก่อนจะว่าคนอื่น คุณควรดูตัวเองก่อน คุณแต่งงานแล้วคุณธาริต! ”
ครามชักจะเหลืออด ไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไรกันแน่ ก่อนหน้านี้ก็มาป่วน หายตัวไป กลับมาเป็นคุณครูใหญ่แสนดีของลูกชายเขา และตอนนี้ เริ่มจะก่อกวนมาถึงคนใกล้ตัว
“ผมแค่อยากมาขอโอกาส ขอแก้ไขสิ่งที่ผิดเป็นถูก” ธาริตเอาน้ำเย็นเข้าลูบ
“ทุกอย่างมันถูกต้องดีแล้วครับ คุณมีชีวิตในแบบของคุณ ผมมีชีวิตในแบบของผม มันถูกต้องดีแล้ว” ครามย้ำ ในอกเหมือนถูกไฟร้อนจี้ ร่างผอมบางก้าวถอยหลังเมื่อธาริตสืบเท้ามาใกล้
“ออกไปจากชีวิตผมสักทีคุณธาริต ถือว่าผมขอร้อง” เวลานี้ไม่ใช่แค่ครามที่เจ็บ ก้อนเนื้อในอกของธาริตก็ไม่ต่างกัน ยิ่งนัยน์ตาของคนรักเก่ามีน้ำคลอเอ่อจวนเจียนจะหยดยิ่งตอกย้ำความเลวระยำที่ทำไว้
“ไม่รับคำขอได้หรือเปล่า” ธาริตกระซิบ เขาเอื้อมมือออกมา หมายจะเช็ดครามบ้ำตาบนแก้มนวล หากถูกปัดออกจะเสียหลัก
“ตอนที่คุณพูดจาเฮงซวยใส่ ตอนที่คุณไล่ผมเหมือนหมูเหมือนหมา ผมเลือกได้หรือเปล่า ผมเลือกได้บ้างไหม! ” ครามระเบิดอารมณ์จนตัวสั่น
“จะต้องให้ผมทำยังไง ก้มลงไปกราบคุณเลยไหม เราถึงจะไม่ต้องเจอกันอีก! ”
“คราม... ผมขอโทษ” เขาคราง ความรู้สึกผิดท่วมท้น ภาพวันที่ครามพนมมือร้องขอยังติดอยู่ในความรู้สึก ชัดเจนคล้ายทุกอย่างเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน
“ต่อให้คุณพูดอีกร้อยคำขอโทษมันก็แก้ไขอะไรไม่ได้ หยุดตอแยผมสักที ตอนนี้ผมก็ใช้ชีวิตของผม คุณก็ใช้ชีวิตของคุณ ไม่มีเหตุผลเลยว่าเราจะมายุ่งเกี่ยวกันอีกทำไม”
ครามยกมือเช็ดน้ำตา รู้สึกแน่นหน้าออกเหมือนมีอะไรจะระเบิดออกมา เขาไม่อยากจะให้เขาเห็นภาพครามที่อ่อนแอ ยืนแทบไม่ได้ด้วยขาของตัวเอง ทุกอย่างเปลี่ยนไปหมดแล้ว
“เพราะผมระ...”
“หยุดนะ! หยุดเลย! แต่ละคำที่ออกจากปากคุณมันก็แค่ลมปาก ผมเลิกโง่ให้คุณสนตะพายมานานแล้ว! ” ครามสะอื้น ยิ่งปิดบังก็เหมือนยิ่งเปิดเผย วันนี้เองที่ครามรู้แจ้งแก่ใจ
รอยแผลของเขามันยังไม่หาย มันไม่เคยหาย ยิ่งปิด ยิ่งเก็บ ยิ่งกลัดหนอง
“ผมขอโทษ เรามาเริ่มกันใหม่..” ธาริตพยายามประคองคนรัก ครามตัวเล็ก เนื้อตัวสั่นพร่าไปหมดจนคนมองกลัวจับใจครามสูดหายใจลึก เขาพยายามก้าวเขาออกไปข้างหน้าอย่างมั่นคง มือเรียวเปิดประตู ผลักไสเขาออกไปด้วยแรงทั้งหมดที่มี
“มันจบไปแล้วคุณธาริต และผมจะไม่มีวันเริ่มอะไรอีก..”
ครามล็อกประตูกระจกจากด้านล่าง ร่างบอบบางหันหลัง ไม่สนใจเสียงทุบกระจกของธาริต เขาเดินไปเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าล้างตาเพื่อจัดการอารมณ์ให้เข้าที่เข้าทาง
มือเรียวเขี่ยเศษอาหารใส่ถุง ผูกมันลงถังแล้วเรียยงจานใส่เครื่องล้าง มันไม่ได้มากมาย แต่เขาเหนื่อยล้าเกินกว่าจะออกแรงแล้ว
เขาตามรดิศขึ้นมาด้านบน พอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นว่าเครื่องปรับอากาศบริเวณห้องนั่งเล่นกำลังทำงาน รดิศนั่งกดโทรศัพท์ในขณะที่น้องคีนนอนหลับปุ๋ยอยู่บนโซฟา หมอนนุ่มนิ่มและผ้าห่มรูปไดโนเสาร์ถูกคลี่มาคลุมให้เด็กสี่ขวบอย่างบรรจงทีเดียว
“ขอโทษทีคุณดิศ วันนี้รบกวนออกด้านหลังร้านนะครับ ขอโทษที่ทำให้ลำบากนะ” ครามมองนายแพทย์หนุ่มอย่างลุแก่โทษ เขาใช้อารมณ์มากเกินไป พอเห็นว่าธาริตกลับไปได้ครามก็รีบออกไปดึงประตูม้วนด้านหน้า
“คราม... ผมว่าคุณปิดมานานเกินไปแล้ว” นายแพทย์หนุ่มถอนใจ เขาสบตาครามอย่างจริงจัง ไม่เหลือที่ว่างไว้ให้สำหรับคำโกหก
“คุณธาริตเป็นพ่อน้องคีนใช่หรือเปล่า...”
------------------------------------
ตอนที่เเล้วคำผิดเยอะมาก เขินเลยค่ะ 555 ขอบคุณนะคะที่ช่วยดูแล ถ้ามีอีกรบกวนช่วยสะกิดได้เลยนะคะ จะรีบมาแก้ไขค่ะ
แล้วก็ เรามีจดหมายที่เป็นรูปวาดของน้องคีน คิดว่าไฟล์ใหญ่ไปเลยอัพที่เล้าไม่ขึ้น ก็เลยขออนุญาตเอาไปแปะไว้ที่ #ปะป๊าคราม แทนนะคะ