ตอนที่.1
แสงแดดยามบ่ายแก่ๆ ปลุกผมให้ตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการมึนๆ สงสัยจะยังไม่สร่างจากงานเลี้ยงเมื่อคืนเท่าไหร่นัก
ผมหันไปมองคนที่นอนอยู่ข้างๆ
แผ่นอกที่เปลือยเปล่าของวินสะท้อนขึ้นลงตามจังหวะการหายใจ ก่อนจะเอื้อมมือไปปัดไรผมที่มันปกหน้าของวินอย่างเบามือ
“จะลูบหน้าเราเล่นอีกนานป่ะห๊ะ รู้มั๊ยว่าเพิ่งตื่นนอนแบบนี้แล้วมาลูบไล้ตัวเรามันจะเป็นยังงัย”
คนถามยังไม่ยอมลืมตา แต่เอื้อมมือมาจับมือผมไว้
“ไอ้ทะลึ่ง ปล่อยเลย จะไปอาบน้ำแล้ว”ผมบอกกับวินพร้อมกับดึงมือออก วินยิ้มนิดๆก่อนจะดึงมือขึ้นมาแตะกับริมฝีปากเบาๆ
หลังจากอาบน้ำเสร็จผมก้อเดินออกมาแกะของขวัญที่เพื่อนๆนำมาแสดงความยินดีกับผมในวันสำคัญ
เพราะเมื่อวานเป็นวันซ้อมใหญ่ครั้งสุดท้ายของการซ้อมรับปริญญา ในวันรับจริงพวกเราคงต้องถ่ายรูปอยู่กับญาติๆ และเพื่อนเก่าๆ
พวกเพื่อนๆกับรุ่นน้องต่างคณะเลยพากันมาแสดงความยินดีกับพวกเราวันนี้เสียเป็นส่วนใหญ่
“วิน ไปอาบได้แล้ว มันบ่ายแล้วนะ เดี๋ยวเอารูปไปอัดและจะได้เลยไปหาอะไรกินกัน” วินนอนบิดไปบิดมาแต่ก้อลุกไปอาบน้ำแต่โดยดี
เมื่อคืนเราไปฉลองกับเพื่อนๆมา กว่าจะกลับมาก้อเกือบสว่าง ทั้งผมและวินกว่าจะพากันกลับมาถึงห้องได้ก้อแทบอ้วก
“จะออกไปกันเลยมั๊ย หิวเหมือนกัน” วินเดินมานั่งข้างผมหลังจากอาบน้ำเสร็จ
“ อือม์...ไปดิ เดี๋ยวเราเอารถเราไปนะ จะได้เอาไปไว้ที่ไร่เลย ขี้เกียจเอากลับกรุงเทพ เอาไว้ให้คนในไร่ไว้ใช้ดีกว่า”
“ก้อแล้วแต่ แสดงว่าจะเลยไปที่บ้านพ่อนายด้วยล่ะสิ”
“อือม์...จะไปลาคนที่ไร่ก่อนกลับกรุงเทพน่ะ เห็นป้าบอกว่าปู่กับย่าถามว่าจะรับปริญญาวันไหน จะได้เตรียมตัวถูก” ผมกับวินเราออกไปกินข้าวที่ร้านประจำ
วินต้องอยู่รอรับรูปที่พวกเราถ่ายกันเมื่อวาน เพราะจะได้เอาไปให้ญาติๆผมดูด้วย ผมเลยขี่รถไปยังไร่ของพ่อผมคนเดียว
เส้นทางสายที่คุ้นเคย คงไม่ผิดนักที่ผมจะเรียกถนนสายนี้ว่า เส้นทางรัก เพราะมันเป็นถนนสายที่ทำให้ทั้งผมและวินผูกพันกันมาจนถึงทุกวันนี้
ไม่นานผมก้อมาถึงไร่ เลยเข้าไปสวัสดีปู่กับย่าและญาติของผม พร้อมกับบอกว่าอีก2-3 วันถึงจะเข้าเข้ารับพราะราชทานปริญญาบัตร
ปู่กับย่าอยากให้ผมอยู่ช่วยงานที่ไร่ แต่ผมยังไม่ได้รับปากอะไร ได้แต่บอกว่าถ้าว่างๆจะขึ้นมาเยี่ยม
ผมนั่งเล่นนอนเล่นจนเย็นก้อยังไม่เห็นวิน เลยคว้าเวสป้าคู่ใจไปยังที่ที่ผมกับวินมักชอบไปอยู่เสมอ ที่ที่มีความผูกพันของเราสองคน
ไม่รู้ว่าจะได้กลับมาที่นี่อีกเมื่อไหร่ นึกถึงวันที่ผมกับวินเราต่างรับรู้ถึงความรู้สึกของกัน จากวันนั้นมาเราต่างก้อคอยดูแลกันและกันมาตลอด
ถึงแม้ว่าเราจะทะเลาะกันบ้าง แต่ทุกครั้งที่เราสามารถผ่านมันมาได้ ความสัมพันธ์ของเรายิ่งเหนียวแน่นกว่าเดิม
จวบจนวันนี้ ที่พวกเราต้องออกไปเผชิญกับโลกกว้าง ตามเส้นทางที่เราเลือก ความทรงจำเหล่านี้มันจะติดตามผมไปตลอด
พื่อให้ความอบอุ่น และ เป็นกำลังใจในยามที่เราท้อแท้เมื่อเจอกับอุปสรรคในวันข้างหน้า ผมหยิบของขวัญที่ตั้งใจจะให้วินขึ้นมาดู
มันเป็นแหวนที่ผมสั่งให้เค้าสลักลายรูปพระจันทร์ลงไปบนเนื้อของแหวน ผมอดยิ้มให้กับเรื่องราวของผมกับวินที่ผ่านมาไม่ได้
คนเราทุกคนคงมีเรื่องราวความทรงจำที่เพียงแค่นึกถึง ไม่ว่าเมื่อไหร่ กลิ่นอายของความสุข ก้อจะโชยมาให้หัวใจเราได้อิ่มเอมกับเรื่องราวเหล่านั้น
การที่เราได้รักใครสักคนเป็นเรื่องที่ดีจริงๆ แต่มันกลับดียิ่งกว่าที่ได้กลายเป็นที่รักของใครคนนั้น
“บ้าป่าวเนี้ย ยิ้มคนเดียวก้อเป็น” วินเดินมาข้างๆผม
“นึกแล้วว่านายต้องมาที่นี่ ” วินยื่นบางอย่างให้กับผม “
รอนเรายินดีด้วยนะ” มันเป็นโหลแก้วใบใหญ่ที่ข้างในมีดาวกระดาษพับอยู่ครึ่งนึง ผมอึ้งไม่คิดว่าวินมันจะทำอะไรแบบนี้ด้วย
“ขอบใจนะวิน เราเองก้อยินดีกับนายด้วยนะ” ผมเองก้อยื่นกล่องเล็กๆแต่ยิ่งใหญ่ในความรู้สึกให้กับวิน
วินเองก้อดูอึ้งไปเหมือนกันคงไม่นึกว่าเราจะใจตรงกัน แต่ก้อเรียกรอยยิ้มสดใสให้เกิดขึ้นบนใบหน้าขี้เล่นทันที่เห็นว่าข้างในเป็นอะไร
“ ใส่พอดีเลยอ่ะ” วินสวมมันลงไปที่นิ้ว พลางลูบมันเล่น
“ทำมัยไม่เป็นรูปดาวเหมือนกันล่ะ” วินถามผม
“เพราะทุกครั้งที่เราแหงนดูดวงดาว เราก้อต้องเห็น ดวงจันทร์ทุกครั้ง ท้องฟ้ายามกลางคืนคงไม่สวยหรอกถ้าไม่มีเงาของดวงจันทร์”
วินเอื้อมมือมากอดผมเบาๆ
“ขอบใจนะรอน ดีใจนะที่มีนายอยู่ข้างๆ” แค่คำพูดที่ออกมาจากความรู้สึกที่จริงใจ ไม่ต้องเพราะมากมายแต่ก้อทำให้คนให้มีความสุข
ผมมองดาวที่อยู่ในโหลก่อนจะเห็นว่าลายมันดูแปลกๆ คลายๆตัวหนังสือ เลยหยิบมันขึ้นมาดู
“ดาวทุกดวงมีตำนานนะรอน ถ้าอยากรู้ ก้อลองแกะดูแล้วกัน” ผมงงกับคำบอกของวิน แต่ก้อลองแกะมันออกมาดู
“ 14 มีนาคม 47 วันนี้เราไปไหว้พระที่ดอยสุเทพกัน คำอธิฐานของผมในวันนั้น ขอให้คนนี้อยู่ข้างๆเราตลอดไป”
ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั้งตัว เมื่อผมได้อ่านข้อความนั้นผมหยิบขึ้นมาอีกดวง
“10 ตุลาคม 48 หลังกลับจากฉลองฝึกงานเสร็จ รอนเช็ดตัวให้ก่อนจะแอบมาจุ๊บเรา ดีใจเพราะมันเป็นครั้งแรกที่รอนเป็นฝ่ายเริ่มก่อน” ผมกำลังจะเปิดดวงต่อไป วินก้อมาจับมือผมไว้
“ทุกเรื่องราวระหว่างเรา มันจะอยู่ในใจของเราตลอดไป แต่ เราว่าเอาไว้อ่านตอนหลังเถอะนะ....เราอายว่ะ” หน้าของวินตอนมันเขินดู ตลกๆน่ารักดี
“เราหวังว่านายคงจะเติมดาวที่มันขาดไปอีกครึ่งให้เต็มนะรอน เก็บมันไว้ด้วยกันเถอะนะเรื่องราวระหว่างเราน่ะ”
“อือม์...เราจะใส่มันวันล่ะดวงแล้วกัน จะใส่จนกว่าจะเต็ม เราสัญญา”วินยิ้มให้กับผม
“แล้วจะไม่จูบขอบใจหน่อยเหรอ” วินมันยื่นหน้ามาถาม
“ไอ้บ้า ทะลึ่งไม่เลือกสถานที่เลยนะเนี้ยะ”
“น่านะ ลองเล่นๆก้อยังดี” มันยังตื้อไม่เลิก ผมส่ายหน้าระอากับมัน แล้วหันไปหอมแก้มมันแทน
“แค่นี้พอล่ะกันน่ะ.....”
ตอนนี้ฟ้าใกล้จะมืดแล้ว อากาศก้อเริ่มเย็นลง แต่มีกลับคนสองคนที่ไม่รับรู้ถึงความเย็นรอบๆตัว
เพราะต่างสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นในใจของกันและกัน ความอบอุ่นที่เกิดจากความรู้สึกดีๆ ที่เราทุกคนเรียกมันว่า “รัก”