✦ว่าด้วยเรื่องของพระรอง✦ภาคปลาย บทหนึ่ง P.25 14/01/66 อัพพ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ✦ว่าด้วยเรื่องของพระรอง✦ภาคปลาย บทหนึ่ง P.25 14/01/66 อัพพ  (อ่าน 181860 ครั้ง)

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
รอ รอตอนหน้า  :katai1:

ออฟไลน์ oiruop

  • เ รื่ อ ง โ ง่ โ ง่ นี่ ฉ ล า ด นั ก ⊙﹏⊙∥
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 470
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
    • https://www.facebook.com/book.yaoi?fref=ts

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
กรี๊ดดดดดดด หนูลูกกก ขอดูหน่อยค่าว่าจะแสดงอะไรน้าาาา  :hao7:

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
น้องจื่อรุกท่อนไม้ไป๋หนักๆ เลยลูก

ออฟไลน์ Chobreadyaoi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ตายแล้วน้องจื่อฟาง จะรุกคุณชายไป๋แล้ว

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ nisaday

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 134
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
จื่อฟางงงงงง
แซ่บเกินยุคไปแล้วน้าาาา

ออฟไลน์ ตุยชิคชิค

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 88
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
 :katai1: :katai1: น่ารักกกกมาก แงงง

ออฟไลน์ DuenTwinBII

  • ♥ “If you can't explain it simply, you don't understand it well enough.”♡
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +624/-4
บทยี่สิบ: สนทนายามวิกาล


ไป๋ผูอวี้ไม่เคยคาดคิดว่าตนจะตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเช่นนี้ เขาได้แต่ลอบคิดอยู่ในใจว่าเสิ่นจิ้งเฟยกล้าเกินไปแล้ว แม้จะยังตกใจที่ถูกโถมร่างใส่โดยไม่ทันตั้งตัวแต่ชายหนุ่มก็ไม่ลืมว่ายังมีบ่าวรับใช้อยู่ด้านนอกจึงไม่กล้าส่งเสียงดัง ริมฝีปากนุ่มนิ่มของอีกฝ่ายขบเม้มไปตามลำคอ ปลายลิ้นลากเลียอย่างหยอกเย้า

“เสิ่นจิ้งเฟย”เสียงของเขาแหบพร่า เบนสายตาไปที่ประตูห้อง “หากมีคนด้านนอกได้ยินเข้า เจ้าจะเดือดร้อน”เขาเอ่ยเตือน

“ใครจะกล้าเข้ามาเล่า”อีกฝ่ายกระซิบตอบเรียวปากยังคงแนบชิด ทำเอาชายหนุ่มจั้กจี้ลอบกลืนน้ำลาย ชายหนุ่มรู้ว่าหยางชวีเป็นพวกสัมผัสไวกว่าคนทั่วไป ได้แต่หวังว่าคนผู้นั้นจะไม่เข้ามาขัดจังหวะ ไป๋ผูอวี้หลับตานับตัวเลขอยู่ในใจแต่ทำอย่างไรก็ทำจิตใจให้สงบดั่งขุ่นเขามิได้เพราะกลิ่นหอมจากร่างของเสิ่นจิ้งเฟยอวลอยู่ใกล้ ๆ ชักชวนให้อยากสูดดม เขาคิดว่าแปลกนัก ที่ผ่านมาต่อให้มีสาวงามเปลื้องผ้าต่อหน้าเขาก็ยังสงบสติอารมณ์ได้ แต่กับคุณชายท่านนี้…ความอดทนอดกลั้นกลับลดลงเรื่อย ๆ

‘ท่านอาจารย์ ดูเหมือนว่าข้ายังต้องฝึกฝนอีกมาก’

ไป๋ผูอวี้ยังคงนอนตัวแข็งทื่อปล่อยให้ฝามือนุ่มของคุณชายรูปงามดึงผ้าคาดเอวออก อาภรณ์หลุดไปตั้งแต่เมื่อใดไม่รู้ เหลือเพียงชุดผ้าไหมตัวหลวมที่อยู่บนร่างเท่านั้น ไม่ใช่ว่ายังตระหนกตกใจจนทำอะไรไม่ถูก แต่ชายหนุ่มกำลังต่อสู้กับความคิดของตัวเองอย่างหนัก เส้นคุณธรรมฉีกขาดทีละน้อย ๆ หรือเขาถูกเสิ่นจิ้งเฟยล่อลวงเข้าแล้วจริง ๆ ชายหนุ่มไม่ปล่อยให้คุณชายเสิ่นกระทำตามใจชอบอีกแล้ว เขาเคลื่อนไหวรวดเร็วรวบมือซุกซนของอีกฝ่ายก่อนออกแรงพลิกตัวจนร่างนั้นอุทานแผ่วเบา

เขาใช้ความว่องไวประทับริมฝีปากอุ่นร้อนดูดกลืนเรียวปากของเสิ่นจิ้งเฟยอย่างไม่รีบร้อน ร่างที่ถูกกดทับสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนเผยอปากรับลิ้นร้อนไล่ต้อนอย่างชำนาญ รสจูบให้ความรู้สึกหวาบหวิวในท้องน้อย ฝามือแกร่งดึงเสื้อผ้าของร่างบางออกอย่างนุ่มนวล ชั่วพริบตาผ้าชิ้นสุดท้ายก็ถูกปลดออก จื่อฟางพลันรู้สึกหนาวเย็นไปทั้งตัว แต่ร่างที่อยู่ด้านบนโอบกอดแนบชิดจนรับรู้ทุกสัดส่วนโดยเฉพาะบริเวณกลางลำตัว สัมผัสนั้นทำให้เขาร้อนวูบวาบไปด้วยความต้องการที่ถูกจุดติด ชายหนุ่มถอนริมฝีปากผละออกมาเล่นกับจุดอื่น รุกล้ำผิวกายเนียนราวกับหยกของคุณชายเสิ่น ขบกัดที่ซอกคอราวกับหมั่นเขี้ยว

“เจ้าแน่ใจแล้วหรือ”ไป๋ผูอวี้เอ่ยถามเบา ๆ ร่างบางพยักหน้าดวงตาเป็นประกายวิบวับดั่งสุนัขจิ้งจอก เคลื่อนไหวพริบตาเดียวร่างของจื่อฟางก็ถูกอุ้มมาวางบนเตียงอย่างเบามือ ชายหนุ่มเบื้องหน้ากวาดตามองร่างเปล่าเปลือยด้วยสายตาราบเรียบที่แฝงแววบางอย่าง จื่อฟางลอบกลืนน้ำลาย ใจเต้นถี่รัวอย่างไม่ได้ความ ร่างนั้นยังคงสวมเสื้อชั้นในหลวมโพรก ช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย นึกอยากยื่นมือไปกระตุกออก แต่สายตาของอีกฝ่ายกลับทำให้เขาไม่กล้าขยับตัว สายตานั้นกวาดมองร่างกายท่อนบนไล่มาถึงท่อนล่างช้า ๆ เด็กหนุ่มกลั้นใจเมื่อถูกฝามือหยาบเลื่อนมาลูบคลำต้นขาด้านใน ก่อนจับแยกออก แม้ว่าจื่อฟางจะใจกล้าแค่ไหนแต่ถูกไป๋ผูอวี้จับจ้องไม่วางตาเช่นนี้ก็ใบหน้าร้อนผ่าวแทบระเบิด เจ้านั่นจ้องมองอย่างใคร่รู้เหมือนเห็นเขาเป็นรูปปั้นที่น่าสนใจ

“ไป๋ผูอวี้”เด็กหนุ่มกัดฟันเรียก จะมองอะไรนักหนาเล่า

ชายหนุ่มรู้สึกประหม่าอยู่บ้าง เขาไม่เคยผ่านประสบการณ์บนเตียงมาก่อน แต่ก็ไม่ได้ไร้เดียงสาจนไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร คิดว่าคงไม่ต่างจากสตรีกระมังแม้สรีระร่างกายจะต่างกันก็ตาม ชายหนุ่มลูบคลำไปตามเรือนร่างผอมบาง แม้เคยเห็นเสิ่นจิ้งเฟยเปล่าเปลือยมาก่อนแต่ก็ยังลอบแปลกใจกับผิวกายเนียนนุ่ม ขาวจนเกือบซีดของอีกฝ่ายอยู่ดี เขาโน้มร่างเข้าหาประทับริมฝีปากลงบนหัวไหล่มนไล่ลงมาตามแผงอกผอมแห้ง ขบกัดลงบนยอดอกเบาๆ ใช้ลิ้นดุนอย่างหยอกล้อ ส่งผลให้คนใต้ร่างส่งเสียงอยู่ในลำคอ

ไป๋ผูอวี้ถอดผ้าชิ้นสุดท้ายออก แผ่นอกแข็งแกร่งปรากฏให้เห็น จื่อฟางไล่สายตามองส่วนนั้นของอีกฝ่ายด้วยสายตาซุกซน สูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ ริมฝีปากแห้งผาก นึกหวาดกลัวขึ้นมา ร่างกายของเสิ่นจิ้งเฟยจะทนรับความแข็งแกร่งของบุรุษได้หรือ แต่ความคิดของเขากลับว่างเปล่าเมื่อริมฝีปากถูกครอบครองอีกครั้ง ร่างแกร่งทาบทับเบียดชิด วัตถุร้อนผ่าวดุนดันอยู่ใกล้ๆ ไป๋ผูอวี้ย้ำจูบลงบนริมฝีปากบางอย่างหักห้ามอารมณ์ไม่อยู่ ปลายลิ้นต่างก็เกี่ยวกระหวัดกันไม่ห่าง ฝามือลูบไล้กอบกุมส่วนล่างที่กำลังตื่นตัวของร่างบาง ส่วนมืออีกข้างนวดเค้นต้นขาด้านใน เสิ่นจิ้งเฟยตัวสั่นกับสัมผัสหยาบกร้านของชายหนุ่ม ร่างนั้นส่งเสียงครางอย่างห้ามไม่อยู่ความรู้สึกที่อดกลั้นไว้ก็พังทลาย

ไป๋ผูอวี้ผ่อนลมหายใจ ส่วนนั้นเจ็บปวดจากความต้องการจนทนไม่ไหว แต่เขารู้ขีดจำกัดร่างกายของเสิ่นจิ้งเฟยดีจึงไม่อยากเร่งร้อน มองร่างตรงหน้าที่คล้ายกับหมดเรี่ยวแรงจากการปลดปล่อยเมื่อครู่

“เสิ่นจิ้งเฟย ทนหน่อย”ชายหนุ่มพึมพำเสียงแหบ ใช้ของเหลวข้นเป็นตัวหล่อลื่น พยายามแทรกนิ้วมือเข้าไปยังช่องทางที่ไม่เคยถูกรุกล้ำช้า ๆ ส่งเสียงครางต่ำในลำคอกับความอ่อนนุ่มคับแน่น 

“เดี๋ยวก่อนสิ”จื่อฟางท้วงเสียงสั่น พยายามผ่อนคลายกล้ามเนื้ออย่างสุดกำลัง ใบหน้าเล็กแดงก่ำ เหงื่อผุดบนหน้าผาก ชายหนุ่มที่คร่อมอยู่เหนือร่างโน้มตัวมาจูบปลอบประโลม ระหว่างที่ดันแทรกนิ้วมือเข้ามาจนลึก ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด จื่อฟางรับรู้ถึงส่วนแข็งแกร่งของบุรุษอีกคนค่อยแทรกเข้ามาในร่างกาย ร่างบางเม้มปากห้ามเสียงร้อง ขยับตัวดิ้นด้วยเพราะร่างนี้ไม่คุ้นชินกับสัมผัสแปลกใหม่ที่แทรกเข้ามาอย่างเจ็บปวดจนน้ำตาเอ่อคลออย่างทรมาน

“ชู่ววว”ไป๋ผูอวี้พรมจูบไปทั่วใบหน้า ลากนิ้วไปตามริมฝีปากที่แดงเรื่อ ก่อนใช้สันมือให้อีกฝ่ายกัดแทน ร่างนั้นอ้าปากกัดอย่างไม่รอช้าในขณะที่เขาค่อยๆดันแทรกความแข็งแกร่งเข้าไปในความคับแน่นจนสุด เสียงร้องอู้อี้ด้วยความเจ็บปวดของคุณชายเสิ่นทำให้เขาหยุดการกระทำเปลี่ยนมาก้มจูบปลอบประโลม ความอึดอัดทำให้ไป๋ผูอวี้สูดหายใจเข้าลึกๆข่มอารมณ์ที่มีแต่จะปะทุมากขึ้น

“ข้าเองก็ลำบากเหมือนกัน”ท่อนไม้ไป๋พึมพำ ลมหายใจถี่กระชั้น ใช้มือข้างที่ว่างปัดเส้นผมชื้นเหงื่อของจื่อฟางออกจากใบหน้า เด็กหนุ่มออกแรงกัดมือของอีกฝ่ายเพื่อข่มกลั้นเสียงร้อง ถลึงตาใส่ร่างด้านบนที่เริ่มเคลื่อนกายโดยไม่บอกกล่าว ทั้งร่างสะท้านราวกับถูกฉีกขาด ส่วนนั้นรุกรานขยับเข้าออกอย่างไม่ปราณีทำให้เขาดิ้นอย่างทรมานเกินกว่าจะรู้สึกสุขสมไปพร้อมฝ่ายนั้น ไป๋ผูอวี้ปล่อยเสียงครางต่ำในลำคอพยายามควบคุมอารมณ์ปั่นป่วนร้อนแรง แต่ได้เห็นเสิ่นจิ้งเฟยในสภาพเช่นนี้ก็ยากจะทานทน เขาขบเม้มติ่งหูเล็ก ๆของร่างบาง ซุกใบหน้าขบจูบที่ลำคอระหว่างที่ฝังความเป็นบุรุษเข้าออกซ้ำ ๆเป็นจังหวะที่ทำให้จื่อฟางร้องครางเครือ ตวัดขากอดรัดสะโพกคนด้านบน เริ่มมีอารมณ์ร่วมไปด้วย ภายในห้องมีเพียงเสียงลมหายใจหนักๆ และเสียงเสียดสีของร่างกายของทั้งสองคนดังสะท้อนอย่างน่าอาย ชายหนุ่มดึงมือที่ถูกกัดจนเจ็บแปลบออกจากริมฝีปากบางเปลี่ยนมากดสะโพกของอีกร่างไว้ ส่งความอุ่นร้อนแข็งแกร่งเข้ามาไม่หยุด แทรกกายเข้าไปจนลึกความสุขสมแผ่กระจายทั่วท้องน้อย

จื่อฟางกวาดตามองใบหน้าหล่อเหลาของไป๋ผูอวี้ เห็นคลื่นความปรารถนาอยู่ในดวงตาคู่นั้นชัดเจนจนชวนให้ท้องไส้ปั่นป่วน

“ไป๋ผูอวี้ ข้าทนไม่ไหวแล้ว”เด็กหนุ่มพึมพำร้องบอกอย่างลืมตัว คลื่นความรู้สึกที่ก่อตัวถาโถม ร่างสั่นสะท้านเมื่อการเคลื่อนไหวของชายหนุ่มที่โถมทับเร็วขึ้นตอกย้ำลึกราวกับต้องการบดขยี้ร่างกายจื่อฟางให้แหลก ได้แต่ปล่อยร่างกายรับรู้ทุกสัมผัสที่อีกฝ่ายมอบให้ เผลอปล่อยเสียงพอใจออกมาอย่างไม่อายเมื่อความเป็นบุรุษขยับย้ำเข้ามาถูกจุดที่ทำให้เสียวซ่าน ไป๋ผูอวี้กวาดตามองเรือนร่างขาวเนียนที่บัดนี้แดงก่ำจากการถูกตนเคี่ยวกรำ เขาก้มลงดูดเม้มริมฝีปากของอีกฝ่ายซ้ำ ๆอย่างไม่รู้เบื่อ ฝังกายเข้าออกตามแรงอารมณ์ที่ปะทุพุ่งสูง อาการบิดเกร็งในช่องท้องเพิ่มมากขึ้น ชายหนุ่มกระทั้นกายรุนแรงอีกไม่กี่ครั้ง จุมพิตที่ลาดไหล่ของร่างบาง ส่งเสียงในลำคอขณะที่อารมณ์หวาบหวามไต่ถึงขีดสุดก่อนที่กระแสอุ่นร้อนจะถูกปลดปล่อยในร่างของคุณชายรูปงาม แรงปรารถนาค่อยๆดับลงทั้งคู่

จื่อฟางรู้สึกเนื้อตัวอ่อนยวบ แข้งขาไร้เรี่ยวแรง หน้าอกสะท้อนขึ้นลง เหนื่อยเสียจนลืมตาไม่ขึ้นราวกับออกวิ่งทั้ง ๆที่เขาไม่ได้ออกแรงทำอะไรด้วยซ้ำ ร่างกายหนักๆของชายหนุ่มบนตัวฟุบลงอย่างหมดแรง เมื่อสติเริ่มแจ่มชัด ก็รับรู้ว่าระหว่างกิจกรรมเมื่อครู่เผลอทำเสียงดังออกไป ป่านนี้หยางชวีคงรู้แล้วกระมัง

“นี่…”เขาส่งเสียงอ่อนแรง ยังคงหลับตาอยู่ ใช้มือกระตุกเส้นผมอีกฝ่ายที่ยังคงไม่ขยับเขยื้อนออกจากร่างของตน

ไป๋ผูอวี้ผ่อนลมหายใจ หยัดกายก้มจูบขมับของเขาเบา ๆ “เสิ่นจิ้งเฟย เมื่อครู่นี้ดีนัก”

“ออกไปได้แล้ว”เด็กหนุ่มพึมพำ เริ่มรู้สึกว่าร่างเปล่าเปลือยเหนอะหนะไม่สบายตัว ท่อนล่างชาหนึบเริ่มปวดตุบๆมีอาการแสบร้อนยามที่ชายหนุ่มอีกคนขยับถอนกายออกมา ร่างนั้นใช้ชุดตัวในมาเช็ดทำความสะอาดคราบสกปรกบนร่างของจื่อฟางอย่างเบามือ มือหนาคว้าท่อนขาของเขายกขึ้นเพื่อสำรวจดูช่องทางว่าเป็นอย่างไร

“เจ้าทำอะไร”เขาหน้าแดงวาบ

“ข้าแค่ตรวจดู…คิดว่าเผลอทำรุนแรงไปเล็กน้อย”ไป๋ผูอวี้ตอบเสียงเบา ใบหน้าเรียบเฉยคล้ายมีอาการกระดากอายแต่สำรวจอย่างไรไม่ทราบถึงได้ขึงขังขึ้นมาอีก จื่อฟางเองก็ยังต้องการอยู่แต่ร่างกายของเสิ่นจิ้งเฟยคล้ายจะประท้วงเขาแทบไม่อยากขยับตัวแล้ว

“เจ้านอนเฉยๆก็พอ”อีกฝ่ายกระซิบ บทรักรอบที่สองจึงเริ่มขึ้นครั้งนี้ไป๋ผูอวี้ดูคล่องแคล่วกว่าเดิมมาก จนเขาต้องออกปากร้องขอให้เบาแรงลงหน่อย ไม่รู้ว่าเสียงดังออกไปถึงด้านนอกหรือไม่ กว่าอารมณ์ร้อนแรงของอีกคนจะดับมอดลงท่อนล่างของจื่อฟางก็ร้อนผ่าวไปหมด ได้แต่นอนไร้เรี่ยวแรง เปลือกตาหนักอึ้ง พาให้สติดับวูบรับรู้ว่าไป๋ผูอวี้ดึงผ้าห่มมาคลุมร่าง

………..

ตอนที่จื่อฟางตื่นขึ้นมาอีกทีก็รับรู้ว่าสวมใส่เสื้อผ้าตัวใหม่แล้ว เงาร่างคุ้นตาของไป๋ผูอวี้นั่งอยู่ใกล้ ๆ ใบหน้ามีร่องรอยของความกังวล เขากวาดตาไปรอบห้องพบว่าโคมไฟแขวนอยู่ที่ฉากกั้น กลิ่นยาสมุนไพรอวลอยู่ในห้อง เขาย่นคิ้ว 

“เวลานี้ยามใดแล้ว”เด็กหนุ่มเอ่ยถามรู้สึกปวดเมื่อยตามร่างกายท่อนล่าง ระหว่างนั้นก็ยันตัวลุกนั่ง ชายอีกคนเข้ามาช่วยประคอง กลิ่นกายบุรุษทำให้เขาใจเต้นแรงอย่างไร้เหตุผล 

“ยามไฮ่(21.00 น. - 22.59 น.)เจ้าหลับไปหนึ่งวันเต็ม”ร่างนั้นบอกกล่าวด้วยเสียงสำนึกผิด เอื้อมหยิบถ้วยยาส่งให้เขา “จางต้าต้มยาบำรุงธาตุมาให้”

“หนึ่งวันเต็ม”เขาไม่รู้ว่าต้องตกใจกับเรื่องไหนก่อนดี “ถ้าอย่างนั้นเจ้าอยู่ในห้องข้าตลอดเลยหรือ?”เด็กหนุ่มรับถ้วยยามาอย่างมึนงง

“อืม ข้าเห็นว่าร่างกายของเจ้าอ่อนเพลียก็เลยสั่งให้เขาต้มยามาให้”จื่อฟางหรี่ตาลง ริมฝีปากแห้ง

“ถ้าเช่นนั้นบ่าวด้านนอกก็รู้ว่าเจ้ากับข้า เอ่อ ทำอะไรกันน่ะสิ”เขาหน้าร้อนเล็กน้อยเมื่อนึกถึง ร่างนั้นโคลงศีรษะ แววตาเป็นประกายคล้ายกับนึกถึงความทรงจำอันหอมหวาน

“เสียงเจ้าดังออกปานนั้น ไม่ได้ยินก็ไม่รู้ว่าจะอย่างไรแล้ว”ไป๋ผูอวี้ตอบด้วยน้ำเสียงคล้ายหยอกล้อแต่ใบหน้ายังคงเดิม เด็กหนุมเม้มปาก เจ้านี่ยังมีหน้ามากวนประสาทเขาอีก เขากระแอมค่อยๆยกถ้วยดื่มยาจนหมด รู้สึกเก้อเขินอย่างบอกไม่ถูก

“ข้าขอโทษ”ไป๋ผูอวี้เอ่ยด้วยเสียงจริงจัง

“ขอโทษทำไม”คุณชายเสิ่นกระพริบตามองมาอย่างไม่เข้าใจ

“ข้าหักห้ามใจตัวเองไม่ได้”เขาพูดไม่ทันจบประโยคดี ร่างนั้นก็กลอกตาไปมา

“เจ้าพูดจาน่าเบื่อจริง ไม่ต้องขอโทษข้าหรอก ว่าแต่เจ้าเถอะมาอยู่กับข้าแบบนี้ คนที่บ้านเจ้าไม่สงสัยเอารึ”จื่อฟางเอ่ยถาม อีกฝ่ายไม่ได้เอ่ยตอบในทันที เพียงแค่จัดผ้าห่มให้เขาเงียบ ๆ ก่อนสบสายตาโน้มใบหน้าเข้าใกล้จนเด็กหนุ่มต้องเบือนหน้าหนี

“ไม่ต้องห่วงบ้านข้า ข้าโตแล้วไปที่ใดไม่จำเป็นต้องรายงานท่านพ่อทุกเรื่อง”ไป๋ผูอวี้ไม่ได้บอกเว่ยหลงด้วยซ้ำว่าแวะมาหาเสิ่นจิ้งเฟย แต่คิดว่าผู้ติดตามของตนคงเดาได้อยู่ดี บางครั้งชายหนุ่มก็เกลียดความรู้ท่วงทันของเจ้านั่นนัก

“องครักษ์ด้านนอก…”

“ไม่ต้องห่วงหรอก ข้าลอบออกไปได้”ไป๋ผูอวี้ยังไม่เคยประมือกับองครักษ์เหล่านั้น แต่หากเป็นคนของฮ่องเต้ ฝีมือคงไม่ธรรมดา เขายกยิ้มน้อย ๆ คิดอยู่ในใจว่าเล่นสนุกซักเล็กน้อยก็ดีเหมือนกัน

“เจ้าพักผ่อนเถอะ ข้าไม่เป็นไร”ฝ่ายนั้นเอ่ยให้เขาวางใจ เด็กหนุ่มได้แต่พยักหน้าเงียบ ๆ รู้สึกง่วงจึงทิ้งตัวนอนเช่นเดิม ไป๋ผูอวี้ก้มมองใบหน้าในเงามืดทำให้มองไม่เห็นสีหน้า แต่มือใหญ่ลูบศีรษะของเขาเบา ๆ ชวนให้เข้าสู่ห้วงนินทราอย่างรวดเร็ว

จื่อฟางตื่นอีกรอบในช่วงรุ่งสางรู้สึกไม่สบายตัวเป็นอย่างมาก ผู้ติดตามถือโอกาสเข้ามาในห้องเมื่อได้ยินเสียงเขาขยับตัว ร่างนั้นไม่ได้เอ่ยสิ่งใดเพียงแค่ถอนหายใจ สีหน้าไร้ความรู้สึก เด็กหนุ่มพยายามทำท่าทีให้ปกติเท่าที่ทำได้ นับว่าเป็นเรื่องดีที่หยางชวีเป็นพวกหน้าตาย

“คุณชายลุกไหวหรือไม่”ชายหนุ่มเอ่ยถาม อดกวาดตามองสำรวจร่างของคุณชายไม่ได้ เจ้าคนแซ่ไป๋ทรมานคุณชายของเขาได้ดีนัก

“ไหว ข้าไม่ได้เป็นอะไรเสียหน่อย”จื่อฟางเขม่นมอง ก้าวลงจากเตียงด้วยขาที่สั่นเล็กน้อย ได้ยินจางต้าสั่งบ่าวรับใช้อีกหลายคนยกถังน้ำร้อนเข้ามาหลังฉากกั้น เด็กหนุ่มบิดตัวหมุนเอว ล้างหน้าบ้วนปากพอให้รู้สึกสดชื่นบ้าง หยางชวีมองเสิ่นจิ้งเฟยอย่างใคร่รู้ มีเรื่องที่คาใจอยู่ เรื่องของนักพรตผู้นั้น เขาไม่ใช่คนเชื่อเรื่องที่ไม่มีสิ่งใดพิสูจน์ แม้จะเป็นท่านนักพรตผู้ศักดิ์สิทธิ์ก็ตาม คำพูดของอีกฝ่ายทำให้เขาสงสัย ‘ยามนี้เหลือเพียงวิญญาณร้ายสิงสู่ร่างกายของคุณชายเสิ่น’ เรื่องที่คุณชายเสิ่นเปลี่ยนไปไม่เคยจางหายไปจากใจของหยงชวี จังหวะเวลาช่างเหมาะเจาะ เขากลับมาสนใจคุณชายรูปงามที่ก้าวผ่านด้วยท่าทางไม่มั่นคง ชายหนุ่มจึงยื่นมือไปช่วยพยุงเงียบ ๆ คุณชายเสิ่นเหลียวมองแต่ไม่ได้เอ่ยสิ่งใด

“ท่านกับเขาควรจะระวัง”ผู้ติดตามออกปากเตือนอย่างอดไม่ได้ ความรู้สึกแปลกประหลาดในอกทำให้เขาต้องถอนหายใจ ช่วยเสิ่นจิ้งเฟยถอดชุดออกจนเหลือเพียงเสื้อตัวในบาง ๆเท่านั้น

“อืม”จื่อฟางได้แต่ตอบกลับเช่นนั้น เขาแค่มีอาการเมื่อยขบตามร่างกาย ส่วนท่อนล่างก็ยังแสบร้อนอยู่บ้าง

“ข้าจะให้หมอกู้นำยามาให้”หยางชวีเอ่ยเสริม เด็กหนุ่มพยักหน้า กระแอมเล็กน้อย

“เจ้าจะยืนอยู่อย่างนี้เหรอ”

“ข้าอยู่เป็นเพื่อนคุณชายเอง”เขาตอบด้วยใจบริสุทธิ์ ไม่ได้อยากแอบมองคุณชายอาบน้ำหรืออะไรทั้งสิ้น เขาแค่อยากพิสูจน์ด้วยตาตนเองว่าคุณชายไม่มีร่องรอยบาดแผลจากการทำบ้าบอของนักพรตนั่น

จื่อฟางกระพริบตา ไม่อยากต่อล้อต่อเถียง หมุนตัวหันหลังให้อีกฝ่าย รีบกระตุกผ้าเสื้อผ้าออก อากาศหนาวเย็นสัมผัสร่างเปล่าเปลือย สิ่งปกปิดร่างกายชิ้นสุดท้ายถูกทอดออกกองอยู่แทบเท้า สายตาจากคนด้านหลังคล้ายกับกำลังลังไล่สำรวจ เขารีบก้าวลงไปในถังน้ำทันที นั่งห่อตัวอยู่ในถังน้ำอุ่นร้อน ผู้ติดตามยังคงยืนทึมทื่อ

“ท่าน...”หยางชวีเอ่ยเสียงลังเล มองแผ่นหลังขาวๆของคุณชายเสิ่น “เป็นผู้ใดกันแน่”

จื่อฟางไม่ได้ตกใจกับคำถามนั้น รู้ดีว่าผู้ติดตามยังสงสัยในตัวเขาอยู่มาก

“ที่คุณชายเปลี่ยนไปคงไม่ใช่ฝีมือของวิญาณร้ายกระมัง”

จื่อฟางหัวเราะอย่างขบขัน “เจ้าเชื่อนักพรตนั่นจริงหรือ”

“ข้าน้อยเปล่า แค่สงสัย”

“จริงหรือไม่จริง คิดว่าข้าจะบอกหรือไง”เด็กหนุ่มหยิบไยบวบมาขัดร่างกายเบา ๆ

“ข้าสัญญากับตัวเองไว้แล้วว่าต้องหาความจริงเรื่องท่านให้ได้ ต่อให้ใช้เวลาเป็นสิบปีก็ตาม”หยางชวีตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“อย่างนั้นหรือ เจ้าช่างมีความอดทนนัก”

“ตลอดชีวิตข้าก็อดทนรอได้”ชายหนุ่มเอ่ย เกิดความเงียบตามมา เขาถอนหายใจหมายจะหมุนตัวไปนอกฉากกั้น แต่เสิ่นจิ้งเฟยเอ่ยเรียกก่อน 

“หยางชวี”

“ขอรับ”

“หากข้าไม่ใช่เสิ่นจิ้งเฟยแล้วอย่างไร ข้าก็ยังเป็นคนเดิมที่เจ้ารู้จัก”เขาเอ่ยคลุมเครือ หลับตาผ่อนคลายกับน้ำอุ่น   ชายหนุ่มชะงัก ยืนนิ่งอย่างใช้ความคิด ก่อนที่จะมารับใช้คุณชาย เขาไม่รู้จักเสิ่นจิ้งเฟย ได้ยินแต่เรื่องเล่าจากศิษย์พี่เท่านั้น ยามที่ได้รับใช้จึงประหลาดใจที่เรื่องบางเรื่องไม่เหมือนสิ่งที่ได้ยินมา แม้อยากรู้ความจริงแต่เอ่ยถามตอนนี้ไปก็ไม่ได้ประโยชน์ หยางชวีบอกแล้วว่าต่อให้อีกสิบปีหรือทั้งชีวิตก็รอได้ จะเป็นปีศาจหรือวิญญาณเร่ร่อนก็คงไม่เปลี่ยนความจริงที่ว่าเขาต้องการปกป้องรับใช้คนผู้นี้ นึกถึงเจ้าคนแซ่ไป๋ก็ถอนหายใจ ตอนที่คนผู้นั้นลอบออกไปจากจวน เขามั่นใจว่าไป๋ผูอวี้ได้ประมือกับองครักษ์ของฮ่องเต้ ได้แต่หวังว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย

~•~

ยามจื่อ(23.00 น. - 24.59 น)วันนัดพบกับฮ่องเต้ จื่อฟางนั่งห่อตัวอยู่ในรถม้าที่จอดอยู่ใกล้กับบริเวณหลุมศพกระต่ายฮ่าวฮ่าวที่เดิม รอคอยฮ่องเต้เจี่ยผิงมาถึง จางต้าและหยางชวีไม่ได้มาด้วยเพราะองครักษ์ทั้งสองของฮ่องเต้เป็นคนติดตามมาโดยเฉพาะ คืนนี้ฟ้ามืด สายลมหนาวพัดโชยชวนให้หนาวสั่น เด็กหนุ่มนั่งกอดเตาอุ่นระหว่างรอ ชั่วอึดใจหนึ่งก็ได้ยินเสียงรถม้าเคลื่อนมาใกล้ๆ จื่อฟางขยับนั่งตัวตรง ร่างกายยังคงปวดเมื่อยอยู่เล็กน้อย ขนเตียวที่พันอยู่รอบคอช่วยปกปิดร่องรอยของไป๋ผูอวี้ที่ยังหลงเหลืออยู่ เขาเงี่ยหูฟังเสียงฝีเท้าแผ่วเบาที่ดังเข้ามาใกล้ ขมวดคิ้วเมื่อเสียงที่ได้ยินไม่ใช่มาจากบุคคลเดียว ฮ่องเต้เจี่ยผิงพาคนมาด้วย

ทันใดนั้นประตูรถม้าเปิดออกร่างสองร่างโผล่เข้ามาในรถม้า จื่อฟางใจเต้นรัว เมื่อจดจำใบหน้าของชายงามได้ เสิ่นจิ้งเฟยในร่างของเจาเฟิงสวมใส่ชุดเรียบง่ายเส้นผมรวบไว้หลวม ๆ จ้องมองมาที่เด็กหนุ่มด้วยสายตาเย็นชา ส่วนฮ่องเต้เจี่ยผิงสวมชุดตัวยาวสีดำเช่นเคย เส้นผมสีดำขลับปล่อยยาวสยายดูแปลกตา เจ้าแผ่นดินใช้สายตาเรียบนิ่งมองสำรวจ สีหน้าไม่ปรากฏอารมณ์ใดของร่างนั้นทำให้รู้สึกว่าน่ากลัวอยู่บ้าง

“เจ้ามีเรื่องสำคัญใดก็รีบพูดมา เวลาของเรามีค่า”ฝ่ายนั้นเอ่ยทำลายความเงียบ จื่อฟางสังเกตว่าคำเรียกแทนตัวของอีกฝ่ายเปลี่ยนไปคล้ายกำลังบอกกลาย ๆว่ากำลังจริงจัง เขาเหลือบมองเสิ่นจิ้งเฟยก่อนกล่าวขึ้น

“เรื่องที่ข้าต้องการจะบอกเป็นเรื่องที่เสิ่นจิ้งเฟยก่อไว้ หากท่านอยากรู้รายละเอียดเพิ่มเติมก็ซักถามเขาเอาเองก็แล้วกัน”เมื่อพูดเช่นนี้ร่างของชายงามก็ขยับ ดวงตาเจือแววตระหนก

“เป็นเรื่องเกี่ยวกับองค์ชายใหญ่เจี่ยอี้และหลิวอ๋อง”สิ้นคำของจื่อฟาง สีหน้าของเสิ่นจิ้งเฟยก็แปรเปลี่ยนอย่างชัดเจน ฮ่องเต้หนุ่มปรายตามองคนงามข้างกายก่อนหันมองคุณชายรูปงามอีกคน

“เจ้ากล่าวมาเถิด”ฮ่องเต้เอ่ยสั้น ๆด้วยกระแสเจือคำสั่ง จื่อฟางแปลกใจกับท่าทีผิดแปลกของฝ่ายนั้นไม่น้อย กระแอมก่อนเล่าถึงแผนการของหลิวอ๋อง แต่ไม่ได้บอกถึงบทสนทนาที่เกิดขึ้นระหว่างองค์ชายใหญ่และเสิ่นจิ้งเฟย เด็กหนุ่มคิดว่าเจ้านั่นคงไม่อยากให้ผู้ใดรู้ เล่าจบเขาก็เหลือบมองเสิ่นจิ้งเฟย ร่างนั้นมองมาด้วยสายตาแปลกใจระคนสงสัยใคร่รู้ จื่อฟางรอคอยว่าฮ่องเต้จะว่าอย่างไร แต่ฝ่ายนั้นกลับหลับตานิ่งไปนานจนรถม้าตกอยู่ในความเงียบ

“อ๋องทั้งเจ็ดแคว้นร่วมมือกับเจี่ยซินอย่างนั้นหรือ”เจี่ยผิงเอ่ยทวนด้วยน้ำเสียงไร้ความรู้สึก ที่ผ่านมาเขาไม่เคยคิดไว้ใจบรรดาอ๋องครองแคว้นทั้งสิบหกแคว้นอยู่แล้ว แต่เหล่าขุนนางก็คอยขัดค้านเขาอยู่เสมอ คงได้มีเหตุผลดี ๆในการลิดลอนอำนาจกลับคืนราชสำนักส่วนกลางเสียที เจี่ยผิงปล่อยเสียงหัวเราะต่ำสะท้อนในรถ

“ดูท่าข้าจะให้อิสระแก่แคว้นอ๋องมากเกินไป”

“ข้าไม่รู้รายละเอียดว่าเป็นอ๋องแคว้นใดบ้าง”จื่อฟางรีบกล่าวเสริม ปรายตามองเสิ่นจิ้งเฟยที่นิ่งเงียบไปเช่นกัน ร่างนั้นหลุบสายตามองมือของตนที่มีผ้าพันแผลพันไว้

“เจ้าว่าอย่างไร จิ้งเฟยเป็นไปตามแผนที่หลิวอ๋องวางไว้หรือไม่”ชายหนุ่มกล่าวเสียงนุ่มซ่อนความขุ่นเคืองเอาไว้ ไม่คิดว่าเสิ่นจิ้งเฟยจะคิดแค้นเคืองถึงขั้นอยากให้เขาตาย เป็นเพราะเหตุผลใด?เรื่องเสิ่นฉินอี้?หรือเรื่องที่เขาโกหกหลอกลวง ความคิดของชายงามผู้นี้ทำให้ชายหนุ่มปวดหัวยิ่งนัก ฮ่องเต้หนุ่มถอนหายใจ พินิจมองคุณชายรูปงามตรงหน้า จื่อฟางกลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงแม้จะตีหน้าซื่อหลอกเขาได้ แต่ไม่ใช่คนที่อ่านยาก

“เหตุใดเจ้าถึงเลือกบอกเรา”เขาเอ่ยถาม หากคุณชายท่านนี้ไม่ต้องการมอบร่างกายของเสิ่นจิ้งเฟยให้แก่เขา เพียงแค่ร่วมมือกับหลิวอ๋องหรือช่างอิ่นก่อกบฏทำลายเจี่ยผิงก็ย่อมได้   

“ฝ่าบาทย่อมล่วงรู้เหตุผลดี หากหลิวอ๋องก่อกบฏสำเร็จอย่างไรเขาก็ไม่มีทางไว้ชีวิตข้าอยู่แล้ว”จื่อฟางตอบโดยไม่คิด ใช้สายตากล่าวโทษมองไปที่เสิ่นจิ้งเฟย ผู้ที่เป็นต้นเหตุเรื่องทั้งหมด

“จิ้งเฟย เจ้าเห็นหรือยังว่าสร้างเรื่องเดือดร้อนให้ผู้อื่นถึงเพียงนี้...”บุรุษหนุ่มกล่าวเสียงนุ่ม จื่อฟางลอบมองทั้งสองสลับไปมา พบว่าบรรยากาศระหว่างคนทั้งคู่เปลี่ยนไป ไม่ใช่แค่เย็นชา แต่มีบางอย่างที่เขาเดาไม่ออก เป็นเรื่องระหว่างพวกเขาที่เด็กหนุ่มไม่มีทางเข้าใจ ฮ่องเต้เรียกเจาเฟิงด้วยชื่อเสิ่นจิ้งเฟยก็แสดงว่าพระองค์บอกความจริงกับเจ้านั่นแล้วกระมัง

“คนอย่างท่านกล้าพูดเช่นนี้ด้วยหรือ”เสิ่นจิ้งเฟยเพียงตวัดสายตามอง สุ้มเสียงเป็นของเจาเฟิงแต่กระแสคุ้นหูอย่างที่เคยได้ยินบ่อย ๆ เวลานี้ยิ่งทำให้ชายงามดูเหมือนดอกไม้อาบยาพิษ เจี่ยผิงหัวเราะเบา ๆ ไม่มีกระแสหยอกล้อเช่นทุกทีอยู่ในนั้น ไม่ได้ตอบคำของชายงาม เลื่อนสายตามองจื่อฟาง

“เรื่องหลิวอ๋องเราจัดการเอง”ฮ่องเต้เจี่ยผิงพูดขึ้น เด็กหนุ่มไม่แปลกใจที่อีกฝ่ายไม่พูดคุยเรื่องงานบ้านงานเมืองกับเขา แค่เสียดายที่ไม่รู้การเคลื่อนไหว

“ที่เรามาวันนี้ก็เพราะว่าเราได้ยินเรื่องหนึ่งจากองครักษ์ จื่อฟาง เจ้ากล้านัก ลืมสิ่งที่เราเคยพูดไปแล้วหรือ”เจี่ยผิงจ้องร่างบางเขม็ง เป็นสายตาที่จับจ้องครบกริบเกินเหตุทำเอาจื่อฟางขนลุกซู่ ใจกระตุกวูบ

“ฝ่าบาทกล่าวถึงเรื่องใดหรือ”จื่อฟางทำใจเย็นถามกลับ แม้ในใจรู้ดีว่าอีกฝ่ายพูดถึงเรื่องไหน

“ร่างกายของเสิ่นจิ้งเฟยไม่ใช่ของเจ้า เราเอ่ยชัดเจนหรือไม่”ร่างของเจ้าแผ่นดินโน้มตัวมาใกล้ แรงกดดันจากอีกฝ่ายทำให้เขาหายใจไม่สะดวก ความขุ่นเคืองจากหลายเรื่องที่สั่งสมมานานใกล้ถึงจุดเดือด เมื่อช่วงบ่ายองครักษ์มารายงามที่ตำหนักบอกว่าไป๋ผูอวี้ลอบมาหาเสิ่นจิ้งเฟยถึงในจวน ทั้งยังได้ประมือกับคนสกุลไป๋ ฟังจากคำบอกเล่า คนผู้นั้นไม่ได้ประมือจริงจัง ราวกับต้องการทดสอบฝีมือ คนของเขาฝีมือสูงส่ง แสดงว่าไป๋ผูอวี้ไม่ธรรมดา เรื่องเล่าลือของสกุลไป๋คงไม่ใช่เรื่องไร้สาระ วรยุทธ์ของไป๋ผูอวี้กล้าแกร่งถึงเพียงนี้ ปล่อยไว้เปล่า ๆก็น่าเสียดาย

“กระหม่อมก็พูดชัดเจนแล้วเช่นกัน”แม้จะหวาดหวั่นเขาก็ไม่แสดงท่าทีหวาดกลัวออกมา เจ้าแผ่นดินขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์ มือหนาคว้าใบหน้าของเขาแต่ก่อนที่ร่างนั้นจะได้ลงมือทำอะไรก็ตามที่ต้องการ ชายงามอีกคนก็เข้ามาขัดจังหวะ มือเรียวข้างหนึ่งคว้ามือของฮ่องเต้ไว้

“นี่เป็นร่างกายของข้า ข้ามีสิทธิ์ตัดสินใจเอง ข้าไม่อนุญาตให้ท่านแตะต้อง”เสิ่นจิ้งเฟยกล่าวด้วยเสียงเย็นชา ดวงตาเป็นประกายวาบ สบสายตาไม่ลดละ จื่อฟางค่อย ๆดึงมือของฝ่าบาทออก ผ่อนลมหายใจช้า ๆเมื่อฝ่ายนั้นยอมล่าถอยไปเอง สายตามองสลับไปมาระหว่างเขาและเสิ่นจิ้งเฟย รอยยิ้มคาดเดาไม่ได้ปรากฏช้า ๆ

“เจ้าคงไม่รู้สินะว่าไป๋ผูอวี้คงได้แตะต้องไปแล้ว”เจี่ยผิงพลันรู้สึกถึงอารมณ์รุนแรงพุ่งสูงอีกครั้ง จำต้องกำมือแน่นเพื่อรักษาท่าทีไว้

 “หมายความว่าอย่างไร”เสิ่นจิ้งเฟยมีสีหน้างุนงง มองจื่อฟางก่อนหันมองฮ่องเต้ พูดถึงไป๋ผูอวี้เขาก็นึกถึงบทสนทนาเมื่อครั้งก่อนที่บอกว่าจื่อฟางไปทำตัวสนิทสนมกับบุตรชายสกุลไป๋

“ก็หมายความว่าจื่อฟางผู้นี้ใช้ร่างเจ้าหาความสุขกับคนแซ่ไป๋นั่น”ฮ่องเต้กล่าวจบก็เอนตัวรอคอยฉากสนุกตรงหน้า แม้จะยังรู้สึกถึงความริษยาแผดเผาอยู่ในอก ร่างของเสิ่นจิ้งเฟยถูกผู้อื่นครอบครอง ทั้ง ๆที่เขาเฝ้าดูร่างนั้นเติบใหญ่มานานปี…

จื่อฟางเม้มริมฝีปาก มองไปที่เสิ่นจิ้งเฟย ร่างนั้นมีสีหน้าเผือดซีด ดูคล้ายกับจะตกใจจนทำอะไรไม่ถูก

“เจ้ากับบุตรชายสกุลไป๋…”





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-01-2019 16:48:13 โดย DuenTwinBII »

ออฟไลน์ DuenTwinBII

  • ♥ “If you can't explain it simply, you don't understand it well enough.”♡
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +624/-4
 

“ข้ากับเขาเป็นเพียงสหาย…”จะอย่างไรก็ต้องแก้ตัวไว้ก่อน

“สหาย?”ฮ่องเต้เจี่ยผิงเอ่ยแทรก เคลื่อนไหวทีเดียวก็ดึงขนเตียวออกจากลำคอของจื่อฟาง แม้ในรถม้าจะมีแสงสลัวแต่ก็พอมองเห็นรอยจ้ำจาง ๆ ปรากฏอยู่บนผิวเนื้อบอบบางนั้น บุรุษหนุ่มข่มอารมณ์ขุ่นเคือง สายตายังคงจับจ้องร่องรอยบนลำคอขาวเนียน เขาเป็นผู้เฝ้าดูเสิ่นจิ้งเฟย…แต่กลับมาถูกคนแซ่ไป๋ตัดหน้าก็ยิ่งรู้สึกขุ่นเคือง

จื่อฟางโกรธขึ้นมาบ้างรีบดึงขนเตียวกลับมาอย่างไม่ระวังกิริยา “เจ้าจงใจทิ้งร่างนี้แล้ว นี่เป็นเรื่องของข้า”เขามองตรงไปที่เสิ่นจิ้งเฟย เขากับชายงามสู้สายตากันอยู่ครู่ใหญ่ ต่างรู้ดีว่าหมายถึงเรื่องใด เจี่ยผิงเริ่มรู้สึกเหมือนว่าตนเป็นคนนอก

“เจ้า…!”เสิ่นจิ้งเฟยนึกอยากบีบคอร่างตรงหน้า แต่เพราะเป็นร่างของตัวเองจึงได้แต่ถลึงตามองอย่างโกรธเคือง

“ไป๋ผูอวี้เนี่ยน่ะหรือ รสนิยมของเจ้าต่ำช้านัก”

“ก็ดีกว่าเจ้าก็แล้วกัน”จื่อฟางสวนกลับทันทีนึกถึงหลี่ฮุ่ยจือและฮ่องเต้ที่ความสัมพันธ์ดูคลุมเครือ ภายในรถม้าจึงตกอยู่ในความเงียบ

“ฝ่าบาท ท่านต้องการสิ่งใดกันแน่ ร่างกายของเสิ่นจิ้งเฟย หรือตัวตนของเสิ่นจิ้งเฟย”จื่อฟางเปลี่ยนเรื่องเอ่ยให้ฝ่ายนั้นได้สติ เลิกบ้าบอคิดอยากครอบครองร่างกายนี้เสียที ไม่อย่างนั้นทางเดียวที่เขามีก็คือการหลบหนี

“ข้าบอกเจ้าไปแล้ว ข้าต้องการทั้งหมดของเสิ่นจิ้งเฟย”ฮ่องเต้เจี่ยผิงยังคงท่าทีเช่นเดิมแม้สถานการณ์ในตอนนี้จะดูแปลกประหลาดอยู่บ้าง

“แต่ข้าไม่ต้องการ”เสิ่นจิ้งเฟยเอ่ยขัด “เรื่องของข้ากับท่านไม่จำเป็นต้องดึงผู้อื่นมาเกี่ยว ข้าต้องการคุยกับจื่อฟางเป็นการส่วนตัว ท่านให้ข้าได้หรือไม่”ชายงามสบตากับเจ้าแผ่นดิน ในใจหวาดหวั่นว่าอีกฝ่ายจะไม่ทำตาม ร่างนั้นไม่เอ่ยตอบในทันที ตวัดสายตามองเสิ่นจิ้งเฟยก่อนสะบัดชายเสื้อก้าวลงจากรถม้า บรรยากาศหนักอึ้งค่อยผ่อนคลาย 

เมื่ออยู่กันสองคน ร่างของเสิ่นจิ้งเฟยก็โน้มตัวเข้ามาใกล้ทันที กล่าวกระซิบ “เจ้าโชคร้ายหน่อยนะที่อยู่ในร่างของข้า”

“เสิ่นจิ้งเฟย”จื่อฟางพยายามข่มอารมณ์โกรธ ทำไมคนผู้นี้ต้องดูสะใจกับความทุกข์ของผู้อื่นด้วย ชายงามยกยิ้มเยือกเย็น

เด็กหนุ่มสูดลมหายใจตั้งสติ “ข้า...ไม่ต้องการยกร่างนี้ให้ฮ่องเต้ เรื่องระหว่างเจ้ากับเขา เจ้าจัดการแก้ปัญหาเองก็แล้วกัน”

เสิ่นจิ้งเฟยกวาดมองใบหน้าเขาด้วยสายตาไม่เข้าใจ “เจ้ากับไป๋ผูอวี้…เจ้าเอาร่างกายของข้าไปเกลือกกลั้วกับลูกพ่อค้า”

“เลิกพูดถึงได้หรือไม่”

“ก็จริงที่ข้าไม่ต้องการร่างกายนี้แล้ว แต่ก็ใช่ว่าเจ้าจะใช้ได้ตามใจชอบ”เสิ่นจิ้งเฟยขยับตัวอย่างอึดอัดใจ

“ข้าก็ไม่ได้อยากอยู่นักหรอก เจ้าก็อย่าคิดทิ้งปัญหาให้ผู้อื่น”พูดแล้วก็น่าโมโห หากเขาไม่ได้ความทรงจำของเสิ่นจิ้งเฟยก็คงไม่รู้ว่าจะถูกองค์ชายใหญ่เจี่ยอี้ฆ่า

“เหตุใดเจ้าถึงก่อกบฏ”จื่อฟางเอ่ยถาม บทในนิยายบอกเพียงคนผู้นี้ต้องการอำนาจเพื่อพิสูจน์ตัวเอง เป็นพระรองกากๆคนหนึ่ง แต่เรื่องราวในโลกนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว

“เรื่องท่านปู่และเรื่องที่เจ้าไม่เข้าใจ”เสิ่นจิ้งเฟยถอนหายใจ เป็นครั้งแรกที่เผยสีหน้าออกมาอย่างไม่ปิดบัง เรื่องหลิวอ๋องก็ไม่คิดว่าจะเป็นปัญหาใหญ่ถึงเพียงนี้ ขึ้นหลังเสือคิดจะลงก็ทำได้ยากหากไม่ถูกฆ่าตายไปเสียก่อน

“ในตอนแรกข้าก็แสร้งเป็นเสิ่นจิ้งเฟยไม่เอาไหน สร้างเรื่องไปวันๆ จนกระทั่งวันหนึ่งข้าถูกคนขององค์ชายใหญ่รุมรังแก หลิวอ๋องมาช่วยข้า เขาเริ่มพูดถึงการตายของท่านปู่ บอกว่าผู้อยู่เบื้องหลังคือฮ่องเต้ ข้าเชื่อหลิวอ๋องเพราะวันที่ท่านปู่ตาย ฮ่องเต้อยู่กับข้า เขารู้ทั้งรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่กลับปล่อยให้ปู่ข้าตาย คงเพราะกลัวสกุลเสิ่นจะมีอำนาจมากเกินไป แต่เมื่อข้าถูกองค์ชายใหญ่ลอบทำร้ายเป็นครั้งที่สอง ข้าก็เริ่มสงสัยว่ามีเรื่องเบื้องลึกเบื้องหลังเกิดขึ้นเพราะคำพูดขององค์ชายใหญ่บ่งบอกว่าเคียดแค้นสกุลเสิ่น อาจารย์ของไป๋ผูอวี้ช่วยชีวิตข้าไว้ แม้จะรอดตายแต่ร่างกายก็อ่อนแอมาก เจ้าคงรู้ดี…”เสิ่นจิ้งเฟยเหม่อลอยไปชั่วครู่ราวกับจมอยู่ในความทรงจำเก่า ๆ

“ข้าต้องการสืบเรื่องนี้ให้แน่ชัด ถึงได้รู้ว่าแท้จริงแล้วท่านปู่เป็นคนใส่ร้ายองค์ชายใหญ่เพื่อสนับสนุนฮ่องเต้เจี่ยผิงครองบัลลังก์ การตายของท่านปู่ทำให้หลายๆคนสงสัยพุ่งเป้าไปที่ฮ่องเต้และองค์ชายใหญ่ แต่ข้ากลับไม่วางใจสกุลหลี่ เพราะสกุลนั้นไม่ถูกกับบ้านข้ามานาน ข้าจึงจำเป็นต้องตีสนิทกับหลี่ฮุ่ยจือ กระทั่งองค์ชายใหญ่เคลื่อนไหวอีกครั้ง เขาต้องการฆ่าข้า ข้าให้ข้อมูลเรื่องหลิวอ๋องเพราะอยากแก้แค้นที่เขาเอาเรื่องท่านปู่มาหลอกใช้ข้า องค์ชายใหญ่ดูมั่นใจมากว่าข้าไม่มีทางหนีการตามฆ่าของเขาพ้น แต่ดูตอนนี้สิ”เสิ่นจิ้งเฟยยกยิ้มเยาะหยัน ก่อนเปลี่ยนมากระซิบเสียงแผ่ว มองเขาด้วยสายตาที่คาดเดาไม่ได้

“บางทีข้าอาจเปลี่ยนใจช่วยเจ้า  อย่างไรเสียเรื่องนี้ก็ปล่อยให้ค้างคาไม่ได้ จื่อฟาง เจ้ารู้หรือไม่ ตอนที่องค์ชายใหญ่ถูกฮ่องเต้คุมขังมีคนช่วยเขาหนีรอดออกไป ข้าสงสัยว่าเขาร่วมมือกับคนในราชสำนัก อีกทั้งเขายังมีสกุลหู เรื่องที่ข้าผูกปมไว้ ปล่อยให้ข้าจัดการวางแผนเอง”

“เจ้าคิดทำสิ่งใด”จื่อฟางรู้สึกเลือดลมพลุ่งพล่านไปด้วยความตื่นเต้น

“เจ้ารอดูเถอะ พอหลังจากที่ข้าจัดการเรื่องพวกนี้ได้เจ้าค่อยหลบหนี”เสิ่นจิ้งเฟยเองก็อยากหลบหนีเช่นกัน แต่ถ้าไม่จัดการฮ่องเต้เจี่ยผิง ชาตินี้เขาคงหนีไม่พ้น 

“ไว้ข้าจะหาทางติดต่อเจ้า”

“เจ้าจะออกมาจากวังหลวงได้อย่างไร”

“ข้าจะคุยกับคนผู้นั้น”เสิ่นจิ้งเฟยพ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิด จะกักเขาอยู่แต่ในวังหลวงย่อมเป็นไปไม่ได้ เดิมทีแผนของเขาคือให้พวกพี่น้องแซ่เจี่ยฆ่าแกงกันให้ตายไปข้าง หากคนพวกนี้ตาย บางทีเขาอาจเป็นอิสระ พอมีจังหวะค่อยหลบหนี แต่ยามนี้แค่เขาคนเดียวย่อมทำไม่ได้ ชายงามก้มมองมือที่บาดเจ็บจากการฝึกยิงธนูอย่างครุ่นคิด   

“เรื่องคงไม่ง่ายอย่างที่เจ้าคิด”ได้ยินเจ้าคนโชคร้ายเอ่ยเตือนก็หยักยิ้ม

“ถูก ไม่ง่าย เพราะฉะนั้นข้ากับเจ้าต้องร่วมมือกัน”เสิ่นจิ้งเฟยมองสีหน้าแปลกใจบนใบหน้าที่เคยเป็นของตัวเอง เวลาข้าทำหน้าโง่งมเป็นเช่นนี้เองหรือ

“ร่วมมือ?”จื่อฟางอยากหัวเราะ ถึงอย่างไรก็ไม่คิดไว้ใจเสิ่นจิ้งเฟย องค์ชายใหญ่ตั้งใจฆ่าเจ้านี่ ส่วนเขาติดแหง็กอยู่ในร่างนี้ เกรงว่าตัวเองจะกลายเป็นเหยื่อล่อโดยไม่รู้ตัว

“ตั้งแต่แรกข้าก็ตั้งใจจะหนีอยู่แล้ว”เสิ่นจิ้งเฟยกระซิบสายตาระแวะระวังมองออกไปนอกรถม้า เขาอ้าปากจะกล่าวต่อแต่ความรู้สึกบางอย่างกระตุกอยู่ในอกจนใจเต้นถี่รัว ความทรงจำของคนผู้หนึ่งปรากฏเด่นชัด เขายกมือกุมหน้าอก

“เจ้าเป็นอะไร”จื่อฟางมองอย่างตื่นตกใจเมื่อเห็นท่าทางแปลกประหลาดของอีกฝ่าย แต่ท่าทางเช่นนี้คุ้นๆนัก

“เจ้า…”เสิ่นจิ้งเฟยสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ฟู่เทียนสือ “เจ้าได้เจอคนแซ่ฟู่บ้างหรือไม่”

 “เจอ”จื่อฟางซ่อนสีหน้าแปลกใจไว้ตอบสั้น ๆ ยกยิ้มเล็กน้อยก่อนเอ่ยเสียงแผ่วจนเกือบไม่ได้ยิน “เจ้าชอบเขา”

“ไม่ใช่!”อีกร่างเอ่ยเถียงทันควัน

“โกหกไปก็เท่านั้น อย่าลืมสิ ข้ามีความทรงจำของเจ้า ความรู้สึกของเจ้าข้าก็รับรู้”เขายกยิ้มเมื่อเห็นสีหน้าเผือดซีดของอีกฝ่าย

“…”เสิ่นจิ้งเฟยเงียบไป ใบหน้างดงามมีอารมณ์มากมายปรากฏอยู่

“ข้า…”เสิ่นจิ้งเฟยรู้สึกอัดแน่นอยู่ในอก “ข้าตั้งใจขอความช่วยเหลือจากเขา ฟู่เทียนสือชำนาญเรื่องเส้นทางมาก อีกทั้งเขายังท่องเที่ยวไปหลายแห่ง”

“อืม…”จื่อฟางได้แต่พยักหน้าช้า ๆ ไม่อยากเอ่ยถามเซ้าซี้

“เจ้าได้คุยกับเขา?”ชายงามเม้มปากมอง แววตามีคลื่นสั่นไหว

“ใช่ ข้าขอความช่วยเหลือจากเขา”

“เจ้านั่นก็ยอมช่วยทั้ง ๆที่เป็นเรื่องเสี่ยงน่ะหรือ ยังโง่เหมือนเดิม”เสิ่นจิ้งเฟยดูตกใจแต่ก็ยกยิ้มเยาะซ่อนสีหน้าตื่นตระหนก แต่แววตาอ่อนลงเล็กน้อย

“เจ้าคงไม่ได้ใช้ร่างกายข้าล่อลวงฟู่เทียนสือกระมัง”ชายงามปรายตามอง หากเจ้าคนโชคร้ายทำเช่นนั้นจริง เขาก็รู้สึกไม่ถูก

เด็กหนุ่มหัวเราะทันที “หากเป็นเช่นนั้นจริง เจ้าหวงหรือ”เขาแกล้งเอ่ยถาม

“…”เสิ่นจิ้งเฟยตอบไม่ได้ ร่างนั่นเป็นของเขา แต่ผู้ที่อาศัยอยู่ไม่ใช่ แต่ถ้าฟู่เทียนสือมีความสุข…อา ยุ่งยากเสียจริง!เรื่องความรู้สึกพวกนี้ เขาไม่อยากคิดถึงนัก จื่อฟางเห็นท่าทีวุ่นวายใจของอีกฝ่ายก็มองดูอย่างสนใจ ไม่คิดบอกกล่าวความจริง ให้เจ้าได้ว้าวุ่นเสียบ้าง ยังไม่ได้ครึ่งที่เจ้าทิ้งปัญหาไว้ที่ข้าเลย 

“ปู่เจ้าทิ้งสถานที่หนึ่งไว้ให้หลบหนี…เขาทิ้งจดหมายถึงเจ้า”จื่อฟางกลับมาสู่ท่าทีจริงจัง บอกถึงเนื้อความในจดหมายเท่าที่จำได้ อย่างน้อยอีกฝ่ายก็ควรรู้ สีหน้าเย็นชาของอีกฝ่ายไม่แปรเปลี่ยนแม้แต่น้อย

“อ้อ อย่างนั้นหรือ ก็ยังดีที่ท่านปู่ยังคิดถึงข้า…”อีกฝ่ายเอ่ยเสียดสีประชดประชันชัดเจน

“…”เขาเองก็เงียบไปเพราะไม่รู้จะเอ่ยสิ่งใดอีก

“ฟู่เทียนสือสบายดีหรือไม่”เสิ่นจิ้งเฟยเอ่ยถามอีกครั้ง ห้ามความอยากรู้ไว้ไม่ไหว

“สบายดี สักวันข้าหวังว่าเจ้าจะได้พบเขา”อยากรู้ด้วยว่าเพราะเหตุใดเจ้านี่ถึงเชื่อใจในตัวฟู่เทียนสือถึงนัก แต่มาคิดดูอีกที ปล่อยให้เป็นเรื่องของทั้งสองคนดีกว่า ฟู่เทียนสือเองก็คล้ายกับรู้ว่าเขาต่างจากเสิ่นจิ้งเฟย

“ไม่จำเป็น”ชายงามตอบเสียงแผ่ว หลุบสายตามองมือเรียวที่วางอยู่บนตัก นานมาแล้วที่คนผู้นี้เคยสอนเขายิงธนูป้องกันตัวเอง ร่างงามกระพริบตา รู้ดีว่าเส้นทางของเขากับคนผู้นั้นไม่มีวันได้บรรจบกัน ในตอนแรกที่คิดหนี เขามีสถานที่ที่อยู่ในใจนั่นก็คือเมืองเวินโจว เมืองบ้านเกิดของฟู่เทียนสือ เป็นเมืองที่อยู่ค่อนข้างห่างไกลจากฉางอัน ใกล้กับแถบแม่น้ำฉางเจียง(แยงซีเกียง)คนแซ่ฟู่นั่นเป็นพวกบ้านนอก หากได้ใช้ชีวิตอยู่แถบนั้นชีวิตคงสงบสุขดี

แต่…เมื่อนึกถึงชายอีกคนที่ผูกรั้งเขาไว้ก็ปวดหน่วงในอก เขากับฮ่องเต้เจ้าแผ่นดินยิ่งไม่มีทางที่เส้นทางจะมาบรรจบ ความรู้สึกต่อฮ่องเต้ยังคงสับสนไม่น้อย เสิ่นจิ้งเฟยดีแต่ย้ำเตือนตัวเองเรื่องท่านปู่ว่าเป็นความผิดของคนผู้นั้น ย้ำเตือนว่าต้องเกลียดเจี่ยผิง แต่พอความจริงเริ่มกระจ่างว่าอีกฝ่ายไม่ได้ฆ่าท่านปู่ เขาก็ทำตัวไม่ถูกว่าควรรู้สึกเช่นไร จะหยิบหยกเรื่องท่านปู่มาเกลียดชังไม่ได้อีกต่อไป แล้วความชิงชังต่อคนผู้นั้นมาจากที่ใดกัน ถูกหลอก ถูกทิ้งหรือเรื่องอื่น ช่างเถอะ ยามนี้ไม่สำคัญแล้ว ถึงอย่างไรเขาก็ไม่อยากถูกกักขังไว้ในวังหลวง เสิ่นจิ้งเฟยคิดว่าให้อภัยเจี่ยผิงได้ แต่ลึกๆแล้ว หากเป็นฟู่จวิ้นคนที่เขารู้จักคนเดิมคนนั้น เขาอาจยอมให้อภัย

เสิ่นจิ้งเฟยจมอยู่ในห้วงความคิด รู้ตัวว่าถูกจื่อฟางจับจ้องได้ครู่ใหญ่แล้ว

“เจ้ามีอะไร”

จื่อฟางตัดสินใจเอ่ยขึ้น“เสิ่นจิ้งเฟย เรื่องของพ่อเจ้า ไม่คิดอยากเจอบ้างเลยหรือ จางต้าบ่าวคนสนิทของเจ้าด้วย”

“ข้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคนพวกนั้นแล้ว”เสิ่นจิ้งเฟยพูดจาเย็นชาเสียจนหัวใจของเขาเต้นแรง

“แต่ว่า อย่างน้อย…”

“ข้าเกลียดเสิ่นมู่หยาง”

“ถึงอย่างไรเสียเขาก็เป็นพ่อเจ้า”เด็กหนุ่มเอ่ยเบาๆ

“สิ่งที่เขาทำข้าอภัยให้ไม่ได้ เจ้าน่าจะเข้าใจที่สุดว่าข้ารู้สึกเช่นไร”เสิ่นจิ้งเฟยพูดผ่านฟันที่ขบแน่น ทั้งเรื่องหญิงนางนั้น หญิงที่มีนิสัยคล้ายกับมารดาของเขา คิดเอาผู้อื่นมาแทนที่อย่างนั้นหรือ เขาไม่มีทางให้อภัย แล้วยังมีบุตรชายอีกคนอีก เขากำมือแน่นจนเจ็บ จื่อฟางได้แต่นิ่งงัน คิดไว้อยู่แล้วว่าคนอย่างเสิ่นจิ้งเฟยไม่มีทางยกโทษให้เสิ่นมู่หยางง่าย ๆ แต่พอมาได้ยินเข้าจริง ๆก็รู้สึกเศร้าใจไปด้วย

ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะรถม้าดังอยู่ด้านนอกก่อนที่ประตูเปิดออก ร่างของฮ่องเต้เจี่ยผิงปราฏให้เห็น ชายหนุ่มมองคนงามทั้งสองด้วยสายตาเรียบนิ่ง

“ดึกแล้ว”ฮ่องเต้เอ่ยสั้น ๆ มองไปที่เสิ่นจิ้งเฟย ร่างนั้นมีท่าทีต่อต้าน แต่ก็ทำได้แค่ถอนหายใจ มองจื่อฟางด้วยสายตาแฝงความนัย

“ดูแลร่างกายข้าให้ดี คนแซ่ไป๋แม้จะไม่ได้มาจากสกุลใหญ่ แต่ข้าเชื่อว่าเขาปกป้องเจ้าได้”จื่อฟางเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ พูดแบบนี้เสิ่นจิ้งเฟยจงใจยั่วโมโหฮ่องเต้หรือไร เขาเหลือบมองชายหนุ่มที่มีสีหน้าประหลาดเช่นกัน เจ้าแผ่นดินแค่นเสียงในลำคอ

“ปกป้องหรือ เราแค่ออกคำสั่ง สกุลไป๋ก็แหลกสลายกับมือแล้ว”เสิ่นจิ้งเฟยไม่ได้กล่าวโต้แย้ง มองฮ่องเต้ก่อนจะกระโดดลงจากรถม้าเหลือเพียงเจี่ยผิงที่เบนสายตามายังจื่อฟางทำเอาขนลุกวูบวาบ

“สกุลไป๋น่าสนใจนัก พวกเจ้าถึงเอาแต่พูดถึง”ร่างนั้นเอ่ยเบาๆ

“ฝ่าบาทสักวันหนึ่ง กระหม่อมหวังว่าท่านจะรักผู้อื่นเป็น”

“จื่อฟางเจ้าช่างไร้เดียงสานัก เจ้าตอบเรามาสิ ความรักที่ไม่ได้ครอบครอง มีประโยชน์อันใดหรือ”เจี่ยผิงกล่าวได้ถูกประเด็นเพราะอีกฝ่ายนิ่งเงียบไป

“แล้วฝ่าบาทเล่า ถ้าได้เพียงร่างกาย จิตวิญญาณแต่ไม่ได้ความรู้สึก มีประโยชน์อันใด เสิ่นจิ้งเฟยไม่ใช่สิ่งของ ขออภัยที่จื่อฟางต้องกล่าวเช่นนี้ แต่หากพระองค์ยังคงดึงดัน สักวันหนึ่งท่านจะเสียทุกอย่าง”ความเงียบเกิดขึ้นอีกระลอกใหญ่ ฮ่องเต้เจี่ยผิงหยักยิ้ม ใบหน้าหล่อเหลาไม่ปรากฏอารมณ์ใด

“เจ้าจงระวังคำพูดไว้ เราไม่ได้ใจดีอย่างที่เจ้าคิด ข้าอนุญาตหากเจ้าอยากไปเที่ยวเล่นกับคนสกุลไป๋ แต่จงระลึกไว้ว่านี่ไม่ใช่ร่างกายของเจ้า ฝากบอกไป๋ผูอวี้ด้วย เราสนใจวิทยายุทธของเขา”กล่าวจบก็หายไปจากรถม้า จื่อฟางมองตามร่างของคนทั้งคู่ เสิ่นจิ้งเฟยหันมามองเขาแว๊บหนึ่งก่อนจะถูกฮ่องเต้ดึงเข้าไปในรถม้า จากนั้นประตูก็ปิดลง

 “คุณชายเสิ่น ถึงเวลากลับจวนแล้ว”องครักษ์ปริศนาคนหนึ่งเอ่ยขึ้นพร้อมกับปิดประตูรถม้าดังกึก   

ทั้งเขาและเสิ่นจิ้งเฟยจะหนีคนผู้นี้พ้นไหมหนอ ชั่ววูบหนึ่งเด็กหนุ่มรู้สึกอยากให้ฮ่องเต้เจี่ยผิงหายไปจากโลกนี้ซะ

~•~

จื่อฟางกลับมาถึงจวนก็ถึงยามโฉ่วแล้ว (01.00น-02.59น) เขารีบก้าวลงจากรถม้า สององครักษ์หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เขาสืบเท้าเดินผ่านประตูชั้นในเข้าไปอย่างเร่งรีบ ไม่อยากตากอากาศเย็นนานนัก คำพูดของฮ่องเต้เจี่ยผิงทำให้เขาไม่สบายใจ แม้คิดอยากไปหาไป๋ผูอวี้ แต่เขาก็ไม่อยากให้ตนเองพึ่งฝ่ายนั้นมากเกินไป อาจารย์หย่งสือเคยกล่าวว่าอย่าสร้างปัญหาให้สกุลไป๋ เด็กหนุ่มหยุดฝีเท้าความคิดร่องรอยไปไกล มองโคมไฟริบหรี่ที่แขวนตามเฉลียงทางเดิน เงาร่างของหยางชวีก็ปรากฏขึ้นอยู่ข้างกาย จนเขาสะดุ้งโหยง

“เจ้า...ทำข้าตกใจหมด”จื่อฟางพึมพำ มองผู้ติดตามด้วยรอยยิ้ม เจ้านี่คงไม่สบายใจที่ไม่ได้ติดตามเขาไป ถึงได้รอเขากลับมา ร่างบางรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาอย่างน้อยในจวนแห่งนี้ก็ยังมีคนห่วงไย

“คุณชายปลอดภัยดีนะขอรับ”ผู้ติดตามเอ่ยถาม ใช้สายตาสอดส่องเพื่อหาร่องรอยผิดปกติบนตัวของคุณชายรูปงาม แต่ก็ไม่พบ

“ข้าจะเป็นอะไรล่ะ กังวลเกินเหตุไปแล้ว”เด็กหนุ่มรีบสืบเท้าเดินต่อ มุ่งหน้าไปยังเขตเรือน คิดทบทวนว่าฝ่าบาทไปเห็นฝีมือของไป๋ผูอวี้ที่ไหนกัน หยางชวีก้าวเท้าตามมาอย่างเงียบเชียบ

“หยางชวี หากวันหนึ่งข้าหลบหนี เจ้าจะทำอย่างไร”

ผู้ถูกถามนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ จ้องมองแผ่นหลังบอบบางของคุณชายเสิ่น “ข้าเอ่ยคำสาบานต่อคุณชายแล้ว…”ชั่ววูบหนึ่งจิตใจของเขาลังเลเล็กน้อย นายท่านเสิ่นมีบุญคุณกับเขามากนัก

“ข้าแค่เปรยถามไว้ก่อน หากวันนั้นมาถึงจริง เจ้าค่อยตัดสินใจก็แล้วกัน”กล่าวจบคุณชายเสิ่นก็ก้าวเข้าไปในเรือน ทิ้งให้หยางชวีก้มมองปลายเท้าอย่างครุ่นคิด

~•~

สองวันถัดมาร่างกายของจื่อฟางแข็งแรงเต็มที่จึงจัดเตรียมรถม้าไปยังพื้นที่ว่างที่เคยเป็นร้านผ้าของเถ้าแก่ชวี เพื่อไปตั้งโรงน้ำชาริมทางแจกจ่ายชาสมุนไพรสำหรับดื่มช่วงเหมันต์ ทำเช่นนี้ก็เพื่อยั่วโมโหสกุลไป๋เล่น เขายังต้องเล่นบทของเสิ่นจิ้งเฟยต่อไป รู้สึกกังวลเรื่องหลิวอ๋องที่ไม่ได้ติดต่อมาอีก ทำให้เขาสังหรณ์ใจว่าฝ่ายนั้นเริ่มจะไม่ไว้ใจตน

“คุณชายแน่ใจนะขอรับว่าจะทำเช่นนี้จริง”จางต้าเอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจระหว่างที่ช่วยพยุงคุณชายขึ้นนั่งบนรถม้าวันนี้อากาศค่อนข้างหนาวแห้ง

“แน่สิ ข้าทำทานแก่คนยากไร้ ไม่ดีหรือ”จื่อฟางนำพัดลายดอกเหมยติดตัวมาด้วย หยางชวีจุดกระถางไฟอยู่เงียบ ๆ บ่าวคนสนิทกระแอมกระไอ

“ท่านทำเช่นนี้คงไม่ได้อยากเอาใจสกุลไป๋หรอกกระมัง”เรื่องเมื่อหลายวันก่อนยังคงทำให้จางต้าหน้าแดงไปด้วยความเขินอาย แค่นึกถึงก็หน้าร้อนผ่าวแล้ว คุณชายกับคนแซ่ไป๋ไม่เกรงกลัวนายท่านเสิ่นเลยหรือ กระทำเช่นนั้นถึงในเรือน หากเป็นหญิงสาวจางต้าคงได้ละลาบละล้วงก่นว่าตักเตือนไปแล้ว คุณชายของข้าถูกไป๋ผูอวี้รังแก คนผู้นั้นยังไม่โผล่หน้ามาดูอีก

 “เหตุใดข้าต้องเอาใจสกุลไป๋ ข้าเป็นคุณชาย เขาก็เป็นพ่อค้า สกุลไป๋ต่างหากต้องเอาใจข้า”อยู่ ๆจื่อฟางก็ร้อนรนขึ้นมา เขาไม่มีเหตุผลต้องทำเช่นนั้น เขาแค่อยากกวนประสาทเล่น อีกทั้งสร้างภาพลักษณ์ที่ดีแก่ชาวบ้าน บ่าวคนสนิทไม่ได้เอ่ยเถียงนั่งซุกอยู่ในรถม้า เขาจัดเสื้อผ้าสีเขียวมรกตลายดอกให้เรียบร้อย วันนี้เขาต้องดูสง่าดุจเทพเซียนผู้มีจิตเมตตา รถม้ามาถึงที่ทางกิจการของเขาก็พบว่ามีคนใช้แรงงานมาจัดตั้งเพิงน้ำชาแล้ว ชาวบ้านที่เดินผ่านไปมาต่างก็จ้องมองอย่างสงสัย เสิ่นจิ้งเฟยแจกน้ำชาไม่คิดเงินแก่คนยากไร้ใกล้กับโรงน้ำชาหลิวซื่อ ช่างเป็นภาพที่หายากนัก

จื่อฟางไม่มีความรู้เรื่องชาว่าต้องดื่มตามฤดูกาลอย่างไรบ้างเพื่อไม่ให้ชาทำลายสุขภาพ เรื่องนี้จึงให้บ่าวไพร่จัดการ ชาที่นำมาแจกจึงเป็นชาเขียวไม่เข้มข้น เพิ่มดอกมะลิแห้งหรือใส่ขิงลงไปแทนเป็นการอุ่นกระเพาะ ไม่นานก็มีขอทานมาต่อแถวรับน้ำชาเป็นแนวยาว ชาวบ้านที่ไม่อยากเสียเงินก็มาต่อแถวด้วย โรงน้ำชาหลิวซื่อจึงคนน้อยไปถนัดตา

เว่ยหลงออกมาดูก็ทำตาโต รีบกลับเข้าไปรายงานคุณชายไป๋ที่ต้องเผชิญหน้ากับคุณหนูฉิน วันนี้นางมาชวนคุณชายเดินหมากแต่เดินอย่างไรนางก็เอาชนะไม่ได้ทั้งยังใช้เวลาคิดเสียหลายเค่อ กระทั่งเสิ่นจิ้งเฟยยังคิดเร็วกว่า

“คุณชายไป๋ ท่านเก่งเกินไปข้าคิดอย่างไรก็สู้ท่านไม่ได้”ฉินเซียงอินตีหน้าเศร้าหมอง ระหว่างที่หยิบตัวหมากสีดำวางลงบนตำแหน่งที่ถูกกินได้ง่าย ๆ

“เจ้ากล่าวเกินไป ข้าไม่ได้ใช้ความคิดแม้แต่น้อย”ไป๋ผูอวี้กล่าวเสียงสุภาพ คุณหนูฉินชะงักมือเล็กน้อย เขวี้ยงสายตาปั้นปึ่งไปให้ชายหนุ่มตรงหน้า

“ท่านด่าข้ารึ”

“ข้าเปล่า แค่อยากบอกว่าต่อให้พยายามแค่ไหน ท่านก็เอาชนะข้าไม่ได้หรอก”ไป๋ผูอวี้ส่งยิ้มคลุมเครือให้คุณหนูฉิน นางเม้มปาก มีท่าทีเหมือนอยากเอ่ยอะไรออกมาสักอย่างแต่ก็เปลี่ยนใจ

“ถ้าอย่างนั้นท่านชงชาให้ข้าได้หรือไม่ อากาศหนาวเย็นเช่นนี้…”นางขมวดคิ้วเมื่อหันไปเห็นผู้ติดตามของคุณชายไป๋ยืนเป็นเงาตะคุ่มน่ากลัวอยู่เบื้องหลังผู้เป็นนาย

“อะแฮ่ม คุณชายไป๋ขอรับ ข้ามีเรื่องจะรายงาน ดูเหมือนเสิ่นจิ้งเฟยจะมาก่อกวนโรงน้ำชาอีกแล้วขอรับ”เว่ยหลงก้มกระซิบใกล้ใบหูผู้เป็นนาย สังเกตปฏิกิริยาของคุณชายเงียบ ๆ หลายวันก่อนคุณชายไม่ได้กลับเรือน เขาพอจะเดาได้ว่าไปที่ใด ทั้งยังกลับมาด้วยอารมณ์ดีผิดปกติ ใช่ว่าคุณชายเป็นพวกอารมณ์ร้าย แต่ปกติคุณชายจะไม่เผยอารมณ์ออกมาง่าย ๆ คุณชายไป๋ที่เปรียบดั่งสายลมนิ่งสงบหายไปที่ใดแล้วหนอ เป็นเพราะเสิ่นจิ้งเฟยที่เปลี่ยนไปผู้นั้นก้าวข้ามเส้นมาเปลี่ยนแปลงคุณชาย เว่ยหลงเคยเหม็นขี้หน้าคุณชายรูปงามท่านนั้น แต่นานวันเข้าก็ไม่เห็นว่าเจ้าเต่าจะมีพิษสงใดนอกจากล่อลวงคุณชาย ช่วงนี้เว่ยหลงจึงคิดมากจนผมร่วง เพราะนายท่านไป๋เริ่มระแคะระคายบ้างแล้ว เจ้าหยางชวียังคงมาฝึกยุทธแต่ก็มาน้อยลง เขาจึงไม่มีโอกาสไต่ถาม

“ก่อกวนหรือ ข้าไม่เห็นได้ยินเสียงเขา”ไป๋ผูอวี้ตอบ พยายามทำสีหน้าเรียบนิ่ง แต่กลับซ่อนประกายวูบหนึ่งจากสายตาผู้ติดตามไม่ได้

“คุณชายเสิ่นอยู่ด้านนอก กำลังแจกชาสมุนไพรให้คนยากไร้”

“เสิ่นจิ้งเฟยแจกน้ำชา?”คุณชายยกยิ้มคล้ายกับซ่อนไว้ไม่อยู่ ท่าทางเหมือนรอคำตอบนี้อยู่แล้ว

“คุณชายไม่เอาไหนผู้นั้นน่ะหรือ”ฉินเซียงอินที่นั่งฟังอยู่เงียบๆเอ่ยขึ้น ใบหน้างดงามเผยแววแปลกใจ

“เขาสอบได้ซิ่วไฉ ข้าคิดว่าเรื่องนี้จะทำให้ผู้คนเลิกดูถูกคุณชายเสิ่นเสียอีก”ไป๋ผูอวี้กล่าว ทำให้คุณหนูฉินย่นคิ้วอย่างไม่ชอบใจนัก

“บิดาของเขาเป็นถึงเสนาบดีกรมพิธีการ ไม่แปลกหรอกที่เขาสอบผ่าน”

“ข้าเป็นคนชี้แนะเขาเช่นกัน”ชายตรงหน้าเอ่ยขึ้นช้า ๆ ทำให้คุณหนูฉินยิ่งทำหน้าหงิกงอ เว่ยหลงมองแล้วคิดว่าความงามของนางลดลงไปโข

“คุณชายไป๋ เหตุใดท่านเข้าข้างเขานัก”นางทำสีหน้าเง้างอน

ท่านไม่รู้อะไรเสียแล้ว เว่ยหลงรู้สึกสงสารคุณหนูฉินนิดหน่อย เฝ้าเวียนมาหาคุณชายของเขาที่จิตใจไม่อยู่กับร่างตัวเองเช่นนี้เป็นการเปล่าประโยชน์ยิ่งนัก

“ข้าเคยบอกท่านแล้ว เขาเป็นสหายข้า คุณหนูฉิน ข้าขอตัวก่อน ข้าต้องออกไปดูว่าคุณชายเสิ่นสร้างเรื่องหรือไม่”ไป๋ผูอวี้เอ่ยด้วยเสียงสุภาพเช่นเคย เขาค้อมศีรษะให้อีกฝ่ายเล็กน้อยก่อนยืนขึ้นหยิบตัวหมากสีขาววางล้อมหมากของคุณหนูฉินเป็นการส่งท้าย

“ไป๋ผูอวี้!”นางร้องเรียก แต่ชายหนุ่มออกไปจากห้องดื่มชาแล้ว เว่ยหลงค้อมตัวให้ ส่งสีหน้าเห็นใจมาทางนาง ฉินเซียงอินยกมือกอดอก

“เจ้าว่าเขาแปลกไปหรือไม่”นางเอ่ยถามสาวใช้ข้างกาย

“ข้า…ไม่รู้สิเจ้าค่ะ คุณหนูไม่ได้ยินข่าวลือที่คนเขาพูดกันรึ”สาวใช้เอ่ยด้วยน้ำเสียงกล้าๆกลัวๆ ใช้มือป้องปากกระซิบใกล้ใบหูของคุณหนูฉิน คิ้วเรียวย่นเข้าหากัน

“ข่าวลือใด?”

“ข่าวลือที่ว่าคุณชายไป๋เป็นพวกรักชอบบุรุษน่ะสิเจ้าคะ”คุณหนูฉินได้ยินก็ถลึงตาใส่สาวรับใช้

“แค่เพราะเขายังไม่แต่งงานก็มิได้แปลว่าเขาเป็นเช่นนั้น คนพวกนี้น่าตัดลิ้นทิ้งให้หมด”ฉินเซียงอินที่อารมณ์หงุดหงิดเป็นทุนเดิม กวาดตามองตัวหมากบนกระดานด้วยคิ้วที่ขมวดมุ่น ต่อให้พยายามแค่ไหน ท่านก็เอาชนะข้าไม่ได้หรอก ชนะไม่ได้หรือหึ คอยดูก็แล้วกัน นางไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้ง่าย ๆ

ไป๋ผูอวี้เดินออกมานอกโรงน้ำชาหลิวซื่อเห็นผู้คนต่อแถวเป็นแนวก็ยกยิ้มจาง ดูท่าเสิ่นจิ้งเฟยคงเบื่อหน่ายถึงได้ทำเช่นนี้ ชายหนุ่มกวาดตามองร่างบาง ใบหน้าหมดจดแดงเรื่อจากอากาศหนาว เส้นผมสีดำขลับถูกรวบเป็นมวยหลวม ๆที่เหลือปล่อยยาวถึงกลางหลัง เขาสังเกตว่าเส้นผมสั้นลง เขาขมวดคิ้ว คุณชายเสิ่นตัดผมจนได้ เหตุใดถึงทำเรื่องผิดธรรมเนียมเช่นนี้ สายตาของเขาไล่มองฝามือเรียวที่กำลังส่งจอกชาให้ขอทานตัวเล็กอายุไม่น่าจะเกินสิบปี เสื้อผ้าที่สวมใส่เก่าจนขาด เสิ่นจิ้งเฟยจ้องมองเด็กคนนั้นอยู่ครู่หนึ่งก่อนเรียกจางต้ามาคุยด้วยเรื่องใดสักอย่าง ใบหน้านั้นแฝงแววอ่อนโยนอย่างที่ไป๋ผูอวี้ไม่เคยเห็นมาก่อน จางต้าฟังจบก็เดินไปหาเด็กน้อยผู้นั้นพร้อมกับยัดเงินใส่ในมือ 

ไป๋ผูอวี้กระชับเสื้อคลุมก่อนสืบเท้าเข้าไปใกล้เพิงน้ำชาที่วุ่นวาย เดินเข้าใกล้ได้ไม่นานคุณชายเสิ่นก็สังเกตเห็น ใบหน้านั้นคล้ายกับเปล่งประกายไปด้วยความยินดี ละมือจากงานที่ทำอยู่เดินตรงมาหาด้วยท่วงท่าเหมือนคนพาล

“อะแฮ่ม ไป๋ผูอวี้ เจ้าออกมาดูข้าทำทานรึ เสียใจด้วยจริง ๆที่วันนี้โรงน้ำชาของเจ้าคนน้อย”

“คุณชายสบายดีหรือ ข้าได้ยินว่าท่านป่วย”ไป๋ผูอวี้แสร้งเอ่ยถาม นึกถึงไปยังเหตุการณ์หวาบหวามกับเสิ่นจิ้งเฟยก็ทำให้ท้องน้อยปั่นป่วน เขาละสายตามองไปที่อื่น เพราะใบหน้าของคุณชายเสิ่นในเวลานี้ยิ่งแดงเรื่อไม่รู้ว่าเป็นเพราะโกรธหรือเขินอาย

“ข้าสบายดี ร่างกายแข็งแรงแล้ว”จื่อฟางกัดกระพุ้งแก้ม อยากเข้าไปฟาดอีกฝ่ายสักทีสองที ทำเป็นพูดจาหน้านิ่งทั้ง ๆที่เป็นต้นเหตุอาการป่วยของเขาแท้ ๆ

“ดีแล้ว”ชายหนุ่มพยักหน้า จางต้ารีบนำเก้าอี้มาให้คุณชายของตนเพราะไม่อยากให้ยืนนาน จื่อฟางนั่งลงอย่างผ่าเผย เหลียวมองรอบตัวเห็นว่าไป๋อู่เหยียนยืนอยู่หน้าโรงน้ำชาเช่นกัน เขาจึงส่งยิ้มไปให้ ไป๋ผูอวี้หันมองบ้างเมื่อเห็นว่าเป็นบิดาก็ทำท่าทีสุขุมเย็นชา 

“หากท่านไม่ทำเรื่องเดือดร้อนก็ดีไป”ชายหนุ่มกล่าวเสียงนุ่ม รู้ดีว่าท่านพ่อต้องการให้เขากลับเข้าไปดูแลโรงน้ำชา เขาทิ้งคุณหนูฉินไว้ด้านใน คุณชายเสิ่นปรายตามองแสร้งทำพัดตก

“โอ๊ะ ท่านเก็บให้ข้าหน่อยสิ”จื่อฟางสั่ง มองเห็นเว่ยหลงทำสีหน้าพิกล แต่ไป๋ผูอวี้ยังคงทำสีหน้าเช่นเดิม ก้มเก็บพัดให้คุณชายเสิ่น

“คนผู้นั้นบอกว่าสนใจวรยุทธ์ของสกุลไป๋”เด็กหนุ่มเอ่ยเบา ๆ ระหว่างที่ไป๋ผูอวี้ส่งพัดมาให้

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-02-2019 00:25:08 โดย DuenTwinBII »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ DuenTwinBII

  • ♥ “If you can't explain it simply, you don't understand it well enough.”♡
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +624/-4
ชายหนุ่มยืดตัวขึ้น สายตาเป็นประกายลึกลับ คิดไว้อยู่แล้วจึงไม่แปลกใจนักเพราะวันที่ลอบออกมาจากจวนสกุลเสิ่น เขาได้ประมือกับองครักษ์ทั้งสอง ไม่นานฮ่องเต้ต้องส่งคนมาหาตนแน่

“ไม่ต้องกังวล”ชายหนุ่มเอ่ยเสียงแผ่ว ยกยิ้มเล็กน้อย “ข้าต้องกลับไปด้านใน คุณหนูฉินรออยู่ คุณชายเสิ่นรักษาตัวด้วยข้างนอกอากาศหนาวกลัวว่าท่านจะป่วยอีก ข้าเป็นห่วง”เขาส่งสายตาคมปราบไปให้ก่อนหมุนตัวจากมา ทันมองเห็นสีหน้าหงุดหงิดของคุณชายรูปงามก็หัวเราะเบาๆในลำคอ

“คุณชายไป๋ ท่านระวังหน่อย นายท่านเริ่มสงสัยแล้ว”เว่ยหลงเตือนเสียงเบา เดินจากมาจากกลุ่มคนที่มารอรับน้ำชา จากที่ได้กลิ่นดูท่าจะเป็นชาดี ไป๋ผูอวี้มองผู้ติดตาม “ข้าน่าสงสัยขนาดนั้นเชียวรึ”

เว่ยหลงกลอกตาไปมา “ข้าเคยได้ยินคุณชายเสิ่นเรียกท่านว่าท่อนไม้ ตอนนี้ท่านยังเป็นท่อนไม้อยู่หรือไม่เล่า”

ชายหนุ่มเลิกคิ้ว สงสัยว่าเว่ยหลงไปได้ยินตอนไหน ท่อนไม้รึ?เขาก็ชอบเป็นอยู่หรอก แต่ในเมื่อเสิ่นจิ้งเฟยชอบมาแกล้ง ผู้ใดจะยอมทนเป็นท่อนไม้ไหวเล่า?




 
-------------------------------------
จบไปอีกตอนนน ตอนนี้ไม่รู้เขียนncเป็นไงไม่ได้เขียนนานมากแล้วยิ่งมาเขียนน้องจื่อกะพี่ไป๋ก็รู้สึกขัดๆเขินๆอย่างบอกไม่ถูก หน้าปกร่างเสร็จแล้ว ถ้าอาจารย์ลงสีเสร็จเมื่อไหร่จะเอามาให้ยลโฉมเนอะ  ขอบคุณที่ยังติดตามจ้า :กอด1: :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-01-2019 23:38:08 โดย DuenTwinBII »

ออฟไลน์ donutnoi

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-7
พี่ไป๋ไม่ใช่ท่อนไม้อีกต่อไปแล้ว  :impress2:   

กำลังเข้มข้นเลย ท่านอ๋อง กับองค์ชายใหญ่น่ากลัวกว่าฮ่องเต้อีก  รอตอนต่อไปนะคะ

ปล. อยากให้เขาได้กันอีก  :hao6:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7

ออฟไลน์ ตุยชิคชิค

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 88
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
ยังจำตอนที่แอบนัดพบกันไปดูดอกไม้ได้ที่น้องจื่อบอกว่าหรือท่อนไม้ไป๋จะเป็นปีศาจยามอยู่บนเตียง น้องคงรู้แล้วนะว่าเป็นปีศาจจริงมั้ย555555555555

ออฟไลน์ llluca

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เข้าใจความยุคโบราณฮ่องเต้ใหญ่ที่สุดนะ แต่ไม่ชอบการที่ฮ่องเต้ทรีตจื่อฟางเหมือนปรสิต เป็นแค่พยาธิในร่างเสิ่นจิ้งเฟย อ่านแล้วอยากข่วนหน้า :angry2:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
ปีศาจท่อนไม้  หึหึ

ออฟไลน์ juthamart

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
จะเรียกพี่เค้าว่าท่อนไม้ไม่ได้เเล้วนะคะ :-[

ออฟไลน์ ciaiw

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
พี่ไป๋
น้องนอนข้ามวันกันเลยที่เดียว
ร้อนแรงเหลือเกิน

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ท่อนไม้รึ หึหึหึ :hao3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Rumraisin

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 673
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
เป็นท่อนไม้ที่พร้อมติดไฟอย่างดีเชียวค่ะ :hao3: ขอบคุณมากนะคะ  :กอด1:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ท่อนไม้ทำน้องสลบไปหนึ่งวัน 5555555555555555

ออฟไลน์ Fujoshi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 759
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-2
รอตอนต่อไปเลยค่ะ
เนื้อเรื่องดีมากสนุกและมีอะไรให้ลุ้นตลอดเลย
ตัวละครก็น่าสนใจทุกตัว
ภาษาสวยมากไม่
จะรอวันที่ออกเป็นรูปเล่มนะคะ
รอคนเขียนอัพตอนต่อไปค่าาาา

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
ฉากรักดีงาม น้องจื่อป่วยข้ามวัน อย่างนี้ท่อนไม้ไป๋ ก็เปลี่ยนฉายาล่ะเนอะ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ขนาดเป็นท่อนไม้ .............   :m20: :laugh:
ยังมีฤทธิ์เดช จนจื่อฟางนอนหลับไปเป็นวันเลย   :z3: :z3: :z3:
ไป๋เป็นยานอนหลับชั้นดีจริงๆ   :katai2-1:

คุณหนูฉิน ไม่เบานะเนี่ย.....
เป็นสาวเป็นนางยุคโบราณแท้ๆ ยังมาเฝ้าไป๋ที่โรงน้ำชา
รุกหาหนุ่มไป๋ตลอด ไม่ผิดธรรมเนียมเลยหรือไง  o22 :really2: :เฮ้อ:

ไป๋ผูอวี้  จื่อฟาง    :กอด1: :กอด1: :กอด1:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ sasa

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1008
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-2
เนื้อเรื่องกำลังเข้มข้น กลัวใจฮ่องเต้เหลือเกิน

ออฟไลน์ nevergoodbye

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1240
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
โธ่ สุดท้ายก็ใจแข็งเป็นท่อนไม้ไม่ไหว
เรื่องราวเข้มข้นขึ้นทุกที
บทสรุป จื่อฟางจะต้องหนีไปไหม
สุดท้ายไป๋ผู้อวี้จะไปกับจื่อฟางไหม
รอชมค่ะ

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
จ้า ประโยคสุดท้าย คุณชายช่างร้ายนัก

ไม่อยากเป็นท่อนไม้ เพราะน้อง ฮ่า ๆๆ

ออฟไลน์ shiroinu

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 308
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
 :jul1: เป็นไงล่ะ โดนท่อนไม้ไปกี่ท่อนเล่า จื่อฟาง

รักคนเขียนมากกก :กอด1: ตอนนี้มันเกินความคาดหมายยย :o8: อรั้งงง ฟินนน

ออฟไลน์ Warapich

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 18
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เจ้มจ้นมาก เอนซีดุเว่อ พี่ไป๋ไม่ใช่ท่อนไม้อีกต่อไป ฮ่องเต้นี่จะเอายังไงเอ๊ะๆ น้องจื่อฟางน่าสงสารอ่ะ ต้องมาแก้ปัญหาที่ตัวเองไม่ได้ก่อ รอภาพปกนะคะ ตอนนี้อ่านจุใจมาก สู้ๆค่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด