คุณคือความรัก บทที่ 44
ณ ริมหน้าต่างเปิดกว้างบนคอนโดสูง ไฮโซหนุ่มนักธุรกิจทายาทเครือเอ็นพีกรุ๊ปนั่งทิ้งตัวบนโซฟาใหญ่อย่างหมดสภาพ ดวงตารีเรียวเหม่อมองออกไปในยังทัศนียภาพเบื้องหน้า กรุงเทพมหานครในยามค่ำคืนยังคงสว่างไสวไปด้วยดวงไฟระยิบระยับ ต่างกับหัวใจของเขาในยามนี้ที่มันมืดมิดเสียเหลือเกิน
“เฮ้อ~” ณธิปถอนหายใจทิ้ง ก่อนจะยกแก้ววิสกี้จรดริมฝีปาก
แม้ของเหลวดีกรีแรงจะไหลผ่านลำคออึกแล้วอึกเล่า แต่มันก็ไม่ช่วยดับความรู้สึกร้อนใจของชายหนุ่มในยามนี้ได้เลย
ณธิปไม่รู้ว่ามันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น ไม่รู้ว่าเหตุใดกมลถึงพูดเรื่องสัญญานั่น ไมรู้แม้ตัวเองต้องทำอย่างไรต่อไปหลังจากนี้
ใช่...เขายังต้องลงมือทำอะไรสักอย่าง
ทำก่อนที่มันจะสายเกินแก้ไข
คนที่เคยมีแผนการในหัวมากมายเฝ้าครุ่นคิดหาทางออกให้ความสัมพันธ์ของตัวเอง แต่ไม่ว่าจะคิดอย่างไร ชายหนุ่มก็คิดไม่ออก นี่อาจถือเป็นครั้งแรกที่ณธิปรู้สึกมืดแปดด้านจริงๆ
กริ้ง
ชายหนุ่มรินวิสกี้ให้ตนเองอีกแก้ว ทว่าแม้เทจนปากขวดกระทบแก้วใส เขาก็ไม่พบสิ่งใดไหลออกมาอีก ดวงตารีเหลือบมองขวดเหล้าว่างเปล่าในมือ ด้วยสายตาที่ว่างเปล่าไม่แพ้กัน
คนอย่างเขาจะหมดหนทางได้ขนาดนี้เลยเชียวหรือ...
ชายหนุ่มได้แต่ครุ่นคิดหาคำตอบในคำถามเดิมซ้ำๆ
แม้ในตอนนั้นเขาจะพูดออกไปง่ายๆ เหมือนยอมรับเงื่อนไขที่ตัวเองเป็นคนตั้งได้อย่างสงบ แต่ความจริงเขาไม่มีทางยอมตัดใจเช่นปากพูด ยามนี้ณธิปต้องการเวลาเพื่อถอยมาตั้งหลัก เขาต้องคิดแผนการใหม่ ด้วยเชื่อมั่นว่ากมลเองก็คงไม่ตั้งใจจะตัดเขาทิ้งจากใจจริงเช่นกัน
แต่ปัญหามันอยู่ตรงที่ เขาไม่รู้จะเริ่มแก้ที่ตรงไหน
เพล้ง!
เสียงขวดแก้วแตกกระจายดังก้องไปทั้งห้อง แต่คนทำไม่เหลียวแลมันเลยแม้แต่น้อย ชายหนุ่มได้แต่ก้มตัวลงแล้วยกมือสองข้างขึ้นกุมศีรษะที่ปวดตุบๆ อย่างสิ้นไร้หนทาง
หรือเขาควรเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาใครสักคน...ณธิปคิดก่อนเหลือบมองนาฬิกาข้อมือ
03 : 46
เข็มนาฬิกาบอกเวลาตีสามเกือบตีสี่แล้ว ป่านนี้คนที่พอช่วยได้คงไม่มีสติพอจะรับฟัง เหมือนกับตัวเขาที่ยามนี้ไม่มีสติคิดวิเคราะห์ถึงความรู้สึกซับซ้อนของคนใจร้าย
“เฮ้อ...” ณธิปถอนหายใจยืดยาวอย่างอ่อนล้า
บางครั้งการเอาแต่ดันทุรังมากเกินไปก็ไม่มีประโยชน์ คืนนี้เขาควรปล่อยให้ตัวเองได้พักจากเรื่องเครียดๆ ที่รุมเร้ามาทั้งวัน
คิดได้ดังนั้นชายหนุ่มจึงลุกขึ้นจากโซฟา เดินหลบเศษแก้วที่แตกละเอียดไปยังเตียงคิงไซซ์ และทิ้งตัวลงนอนอย่างหมดสภาพ
ตื่นขึ้นมาพรุ่งนี้ อาจมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้น
ชายหนุ่มปลอบใจตัวเองด้วยประโยคเดิม เหมือนกับที่เคยปลอบกมลเมื่อวันก่อน จากนั้นจึงปล่อยให้ตัวเองจมดิ่งสู่ห้วงนิทราเพื่อรอเวลาเพื่อเริ่มต้นใหม่
เริ่มต้น...คำคำนี้ เป็นคำสุดท้ายที่ณธิปนึกถึงก่อนสติหลุดลอยไป และยังเป็นคำแรกที่อยู่ในหัวตอนเขาลืมตาตื่น
เช้านี้ชายหนุ่มรู้สึกเมื่อยขบไปทั้งตัว ร่างกายรู้สึกอ่อนล้าไม่ต่างจากหัวใจ เขาไม่อยากขยับตัวไปไหนเลย แต่ด้วยหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ ณธิปจึงจำต้องลุกไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนเดินทางไปทำงานด้วยสภาพราวกับหุ่นยนต์ไร้ชีวิตตัวหนึ่ง
ระหว่างนั่งรถชายหนุ่มก็คิดถึงเรื่องหนักอกมาตลอดทาง แต่สุดท้าย หลังจากคิดไม่ตกว่าควรทำอย่างไร เขาจึงมองไปยังจุดเริ่มต้นของปัญหาทั้งหมด
กมลชิงตัดโอกาสเพราะเรื่องวุ่นวายของข่าวเสียหายที่เกิดขึ้น ข่าวเหล่านั้นมาจากคนของรัฐมนตรีทรงศักดิ์ที่คิดจะเล่นงานพวกเขากลับ ด้วยแค้นที่ถูกเปิดโปงเรื่องหมู่บ้านป่างาม ส่วนมูลเหตุของข่าวเป็นเรื่องอุปโลกน์รักสามเศร้าระหว่าง ณธิป กมล และเกษสุดา
และเมื่อได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเรื่องอุปโลกน์ แสดงว่ามันไม่เป็นความจริง ซึ่งตอนนี้ตัวณธิปแก้ข่าวไปแล้ว แต่เรื่องคาวๆ ก็ยังคงมีคนพูดถึงอยู่
นั่นแสดงว่าคนไม่เชื่อที่เราให้ข่าวสินะ...ผู้บริหารหนุ่มคิด
แม้ณธิปจะรวยล้นฟ้า แต่เขาก็ไม่อาจจัดการพวกปากหอยปากปูได้หมด ดังนั้นคงมีแต่ต้องทำให้คนเชื่อและเลิกพูด เลิกสนใจเรื่องพวกนี้ไปเอง
ซึ่งถ้าต้องการให้คนเชื่อและเลิกพูดถึง ใครอีกคนที่มีชื่อในข่าวก็ต้องออกมาแก้ความเข้าใจผิดนั้นด้วยตัวเอง โดยคนคนนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก...เกษสุดา
ณธิปมีสีหน้าลำบากใจเล็กน้อยเมื่อนึกถึงเธอคนนั้น บุคคลซึ่งเขาไม่เคยคิดถึงเลยตั้งแต่แรกจนจบ
หรือนี่จะเป็นเวรกรรมที่เขาทำให้เธอเสียใจและเสียหน้า...ชายหนุ่มคิดขึ้นมาแวบหนึ่ง ก่อนส่ายหน้าไล่ความความฟุ้งซ่านเล่านั้นทิ้งไป เพราะไม่ว่าจะเป็นด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม ณธิปก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่า
ครั้งหนึ่งเขาเคยทำผิดต่อเธอ
“ฟู่ว~” ชายหนุ่มระบายลมหายใจออกมาเบาๆ ก่อนรวบรวมความกล้าเพื่อต่อสายหาอดีตว่าที่เจ้าสาว
ดวงตาเรียวมองไปบนถนน แต่ใจของเขาจดจ่ออยู่กับเสียงสัญญาณรอสาย กระทั่งขับมาจนเกือบถึงที่ทำงาน เสียงสัญญาณนั้นก็ขาดไปเพราะเกษสุดาไม่รับ
ไม่รู้เป็นเพราะเธอไม่ว่าง หรือไม่อยากคุยกับเขากันแน่...ณธิปคิดไม่ตก
เขาขับรถเข้าไปจอดในที่จอดประจำตำแหน่ง หลังจากดับเครื่องแล้วและตั้งใจลองกดโทรดูอีกสักครั้งเผื่อว่าหญิงสาวจะยอมรับสายกันดีๆ ทว่าจู่ๆ ก็มีสายแทรกเข้ามา
เกษสุดา!
ณธิปเบิกตาขึ้นเล็กน้อยด้วยความแปลกใจ ก่อนจะกดรับทันทีเพราะกลัวว่าเธอจะตัดสายไปเสียก่อน
“สวัสดีครับเกษ”
[สวัสดีค่ะคุณเล็ก คุณเล็กมีอะไรหรือเปล่าคะ ถึงได้โทรหาเกษ]
“ผมอยากพบคุณ ตอนนี้คุณว่างหรือเปล่า...”
เสียงของหญิงสาวเงียบไปครู่หนึ่ง แต่สำหรับณธิปกลับรู้สึกว่ามันเนิ่นนานเหลือเกิน เวลาแค่ไม่ถึงนาทีทำคนใจร้อนกระวนกระวายนั่งไม่ติดที่จนต้องลองกระตุ้นอีกสักรอบ
“คุณเกษ?”
“...เกษว่างค่ะ” เธอตอบ ก่อนเอ่ยเงื่อนไข “แต่เกษมีเวลาแค่สองชั่วโมง ถ้าคุณเล็กอยากพบเกษจริงๆ คุณเล็กต้องเป็นฝ่ายมาหาเกษที่ร้านxxxก่อนเที่ยงนะคะ จะสะดวกหรือเปล่า”
“สะดวกครับ ผมจะไปเดี๋ยวนี้” ณธิปตอบรับทันทีโดยไม่ต้องคิดซ้ำ ด้วยไม่นึกว่าลูกสาวรัฐมนตรีจะยอมให้พบง่ายๆ
ณธิปสอบถามที่อยู่ร้านที่เกษสุดานัดอีกเล็กน้อยจึงวางสายไป จากนั้นชายหนุ่มก็สตาร์ทรถอีกครั้ง ก่อนขับออกมาทั้งที่ยังไม่ทันเข้าที่ทำงาน
ร้านที่เกษสุดานัดเขามา เป็นร้านคอฟฟี่ช็อปแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไกลออกไปทางแถบชานเมือง หลังหลุดจากสภาพการจราจรติดขัดของเมืองใหญ่ออกมาได้ ณธิปก็เหยียบคันเร่งเต็มที่ เพราะกลัวว่าจะไม่ทันการ
เมื่อเปิดเข้าไปในร้าน ณธิปก็พบเกษสุดากำลังคุยงานกับใครบางอยู่ที่โต๊ะในสุด โดยทั้งร้านมีแค่เธอกับคนรู้จักอยู่แค่โต๊ะเดียวเท่านั้น
ทันทีที่เห็นว่าณธิปมาแล้ว ชายหนุ่มที่เป็นเพื่อนของเกษสุดาก็ลุกออกไป ทิ้งให้เขาเดินเข้าไปนั่งกับเธอเพียงลำพัง คล้ายกับเปิดโอกาสให้เขาได้พูดคุยเต็มที่
ณธิปนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามของหญิงสาว ทั้งคู่ได้แต่นั่งจ้องหน้ากันเงียบๆ อยู่นาน จนในที่สุดก็เป็นณธิปอีกตามเคยที่เอ่ยทำลายความเงียบขึ้นมาก่อน
“ขอโทษที่รบกวนกะทันหัน”
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณเล็กมีธุระอะไรก็ว่ามาเถอะค่ะ” เกษสุดาเอ่ยเรียบๆ สีหน้าไม่ยินดียินร้าย
ณธิปรู้สึกอึดอัดไม่น้อย แต่เพื่อเป้าหมายที่สำคัญกว่า ชายหนุ่มจึงทำตามสิ่งที่คิดมาตลอดทางก่อนเป็นอันดับแรก
เขาเหลือบตาขึ้นมองจ้องเธอกลับ ก่อนจะเอ่ย
“ผมขอโทษนะคุณเกษ”
“ขอโทษอะไรกันคะ ก็เกษบอกแล้วว่าว่าง”
“ไม่ใช่เรื่องนั้น”
เกษสุดาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แล้วจึงถาม “แล้วเรื่องไหนคะ”
“ทุกเรื่องที่ผ่านมา” ณธิปตอบด้วยเสียงดังฟังชัด และเปี่ยมไปด้วยความจริงใจที่สุดเท่าที่เขาจะแสดงออกให้เธอเห็นได้ “ขอโทษจริงๆ”
เกษสุดานิ่งไปนิด ท่าทางเหมือนตกใจกับคำสารภาพที่ได้ฟัง ก่อนเธอจะกระตุกยิ้มเล็กน้อยคล้ายขบขัน
“หึๆ ...เกษไม่คิดว่าจะได้ยินคำนี้จากคุณเลยค่ะ”
เกษสุดาคิดอย่างที่เธอพูดจริงๆ เพราะตลอดเวลากว่าหนึ่งปี หลังจากเกิดเรื่องน่าอายขึ้น เธอก็ไม่ได้รับการติดต่อจากณธิปอีกเลย ที่ผ่านมามีเพียงแค่คำขอโทษจากครอบครัวของเขาเท่านั้น
ทว่ามันก็ไม่ได้มาจากณธิปโดยตรงเช่นตอนนี้
“ขอโทษ ผมคงคิดช้าเกินไป”
“ช้าไปมากๆ เลยล่ะค่ะ” หญิงสาวว่า ก่อนจะตอกย้ำให้เขารู้สึกผิดอีกรอบ “ช้าจนเกษเกือบลืมไปแล้วว่าถูกทำให้อับอายขนาดไหน”
“ผมขอ--”
“ไม่ต้องแล้วค่ะ” เธอยกมือที่ประสานกันตรงหน้าขึ้นมาโบกห้าม “ไม่ต้องขอโทษแล้ว เกษโกรธและเสียความรู้สึกจนตอนนี้ไม่รู้สึกอะไรอีกแล้วล่ะ และอีกอย่าง เรื่องนี้ก็ไม่ใช่คุณแค่คนเดียวที่ผิด ทางเกษก็ผิดที่ปล่อยให้มันดำเนินไป ทั้งๆ ที่รู้ว่าคุณไม่เต็มใจและถูกบังคับให้แต่งเพราะผลประโยชน์”
“ไม่หรอก สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น อยากให้คุณคิดว่าผมผิดแต่เพียงผู้เดียว แต่เวลานี้ผมคงมีให้คุณได้แต่คำขอโทษอย่างจริงใจเท่านั้น”
“อะไรทำให้คุณเล็กคนนั้นเปลี่ยนไปมากขนาดนี้คะ” เธอถาม ริมฝีปากเรียบๆ ยกยิ้ม ทำให้ใบหน้าสวยดูอ่อนโยนขึ้น
เกษสุดายังจำ ณธิป โชติตระกูลคนเก่าได้ดี คนที่ไม่เคยเห็นหัวใคร ไม่คิดถึงใจของใครนอกจากความต้องการของตัวเอง แต่แล้วดูผู้ชายตรงหน้าในวันนี้สิ เขายอมติดต่อเธอเพื่อมาขอโทษด้วยตัวเอง แม้ว่าการมาครั้งนี้จะเกิดจากเหตุผลอะไรก็ตาม มันก็ทำให้เกษสุดานึกทึ่งอยู่ดี
“ผมเปลี่ยนหรือครับ...”
“ค่ะ คุณเปลี่ยนไปมาก”
“ไม่รู้สิครับ ผมไม่ได้สังเกต”
“แต่เกษพอรู้ค่ะ ว่าใครทำให้คุณเปลี่ยน”
“ใครครับ”
“ใครสักคนที่ทำให้คุณต้องดั้นด้นมาเพื่อขอโทษเกษในวันนี้ไงล่ะคะ”
เห็นดวงตาของหญิงสาวพราวระยับอย่างล้อเลียน ณธิปจึงรู้ได้ทันทีว่าเธอเห็นคลิปบทสัมภาษณ์ของเขาที่เอ่ยถึงกมลเรียบร้อยแล้ว
“...คงจะจริงอย่างที่คุณว่า”
“แต่เกษแปลกใจมากเลยนะคะ ตอนที่เห็นข่าว ไม่คิดว่าคนคนนั้นจะเป็นคุณไอ” เธอบอก ก่อนจะเปลี่ยนคำพูดเสียใหม่ “ไม่หรอก ความจริงถ้าเป็นคุณไอ ก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่”
“ทำไมล่ะ” ชายหนุ่มขมวดคิ้วมุ่นอย่างนึกสงสัย
“ก็คุณไอน่ะน่ารักจะตายไป ใครอยู่ใกล้ก็คงหลงรักได้ไม่ยากหรอก ขนาดเกษเองยังชอบเลยค่ะ ถ้าตอนนั้นไม่ได้คุณไอ เกษคงแย่แน่ๆ ว่าแต่เรื่องนี้ยังต้องถามอีกหรือคะ คุณที่หลงรักเขาน่าจะรู้ดีที่สุดไม่ใช่หรือไง”
“นั่นสินะ...” ณธิปยิ้มด้วยท่าทางผ่อนคลายลง ก่อนจะกอดอกเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ สายตาที่มองมายังเกษสุดานั้น ไม่คล้ายกับว่าเขามองเธอ แต่มองไปถึงใครอีกคนที่กำลังคิดถึงมากที่สุด
“แต่เอาเถอะค่ะ เรื่องที่คุณรักเขายังไงคงไม่ใช่ประเด็นจะมาพูดในวันนี้หรอกใช่ไหมคะ เกษว่าเราเข้าเรื่องดีกว่า เดี๋ยวเกษต้องคุยงานต่อ”
“คือ...” ณธิปชั่งใจ แต่ในที่สุดก็เลือกที่จะเอ่ย เพราะมาถึงขนาดนี้ เขาไม่มีอะไรต้องเสียแล้ว “ผมอยากขอให้คุณช่วยเรื่องหนึ่ง”
“เรื่องอะไรคะ”
“ช่วยแก้ข่าวเรื่องคุณไอให้ผมหน่อยได้ไหม”
“แก้ข่าวให้คุณไอหรือคะ”
“ใช่” ณธิปพยักหน้า ก่อนอธิบาย “ข่าวที่คุณไอเข้ามาแทรกกลางระหว่างงานแต่งของเราเมื่อปีที่แล้วน่ะ”
“แต่คุณให้สัมภาษณ์ไปแล้วไม่ใช่หรือ”
“ใช่ แต่มันยังไม่น่าเชื่อถือพอ ถ้าหากคุณที่เป็นคนซึ่งสังคมมองว่าถูกกระทำในเหตุการณ์นี้ ออกมาช่วยพูดแทนเขา คุณไอก็จะได้พ้นมลทินโดยไม่มีข้อกังขา”
“คุณเล็กจะให้เกษช่วยพูดแทนคุณไอเท่านั้นหรือคะ”
“ใช่ แค่เรื่องคุณไอเรื่องเดียวที่ผมอยากให้คุณช่วยออกมายืนยัน คุณบอกว่าเขาช่วยคุณไว้มากนี่ เกษคงไม่อยากให้ไอต้องมาถูกใส่ร้ายเพราะเรื่องที่ไม่จริงหรอกใช่ไหม”
เกษสุดานิ่งไป ด้วยเธอเองก็เห็นด้วยกับที่ณธิปบอก ทว่ามันมีบางอย่างที่หญิงสาวนึกสงสัย
“เรื่องนี้เกษช่วยพูดได้ค่ะ ยังไงเกษก็พร้อมจะช่วยยืนยันความบริสุทธิ์ของคุณไออยู่แล้ว แต่เกษแค่สงสัย ในเมื่อมันก็เป็นเรื่องไม่จริง ทำไมต้องใส่ใจด้วยคะ แค่คุณออกมาพูดคนเดียวก็น่าจะพอแล้วนี่ ข่าวพวกนี้ไม่นานก็ซาไปเอง”
“มันไม่เป็นอย่างนั้นน่ะสิ มีเหตุผลหลายอย่างที่ผมคิดว่าต้องเป็นคุณเท่านั้นที่ออกมาพูด ไม่อย่างนั้นเรื่องคงไม่จบ”
“เหตุผลอะไรคะ อย่าบอกนะว่าเกี่ยวกับเกษด้วย” หญิงสาวนึกเอะใจ
“ไม่เกี่ยวกับคุณโดยตรงหรอก”
“แปลว่าเกี่ยวสินะ” หญิงสาวฉลาดพอที่จะจับสังเกตความผิดปรกตินี้ได้ และเธอก็ไม่มีทางปล่อยผ่านแน่นอน “คุณเล็กบอกมาเถอะค่ะ”
“...ความจริง ผมไม่ได้อยากให้คุณรู้เรื่องนี้หรอก แต่ถ้ามันช่วยให้อะไรๆ ดีขึ้นได้ ผมก็คงต้องบอก” เว้นไปนิด ก่อนชายหนุ่มจะเอ่ย “เรื่องข่าวพวกนี้ไม่มีทางเงียบหายไปง่ายๆ แน่ เพราะถึงแม้เรื่องนี้จะจบ ก็ยังต้องมีเรื่องใหม่เข้ามาอีก เพราะว่ามีคนกำลังจ้องเล่นงานผมกับคุณไออยู่ แค่ลำพังตัวผมเองก็ไม่มีปัญหาหรอก เพราะผมไม่แคร์อยู่แล้ว แต่กับคุณไอมันไม่ใช่แบบนั้น”
“ใครกันคะ คนที่จ้องทำร้ายคุณเล็กกับคุณไอ” หญิงสาวถาม แต่ก็นึกสังหรณ์ใจไม่ดี “นี่อย่าบอกนะว่า...”
“ท่านรัฐมนตรีทรงศักดิ์ คุณพ่อของคุณไงล่ะ”
“...อะไรนะคะ!! คุณพ่อหรือ!” ดวงตาคู่หวานเบิกกว้างด้วยความตกใจ หัวใจของเธอหล่นวูบไปที่ตาตุ่มทันทีที่ได้ฟังคำเฉลย “จะเป็นไปได้ยังไงกัน...แล้วคุณพ่อท่านจะทำไปเพื่ออะไรคะ ในเมื่อเรื่องงานแต่งเราก็เคลียร์กันไปหมดแล้ว”
“ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอกครับ”
“แล้วเรื่องไหนกันคะ นี่พวกคุณมีปัญหาอะไรกัน”
“คุณพอจะรู้เรื่องคดีของท่านรัฐมนตรีก่อนหน้านี้ไหมครับ” ณธิปถามหยั่งเชิง
“เรื่องรุกล้ำพื้นที่ป่าหรือคะ”
ถึงแม้เกษสุดาจะไม่ได้ยุ่งกับการทำงานของบิดา แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าตัวเองทราบเรื่องข่าวคาวๆ นี้เรียบร้อยแล้ว เพราะมันทำให้สถานการณ์ที่บ้านของเธอตกอยู่ในสภาวะวิกฤต
“ใช่ครับ” ณธิปพยักหน้า “เรื่องนั้นเป็นข่าวเพราะผมกับคุณไอไปทำงานการกุศลที่หมู่บ้านป่างาม แล้วชาวบ้านก็มาขอความช่วยเหลือในช่วงที่นักข่าวตามเราไปทำด้วย เรื่องรุกล้ำพื้นที่ป่าถึงแดงออกมา คุณพ่อของคุณท่านเลยหันมาเล่นงานเรา”
“คุณเล็ก...” หญิงสาวทำหน้าเครียด “คุณจะกล่าวหาพ่อเกษลอยๆ ไม่ได้นะคะ ถ้าไม่มีหลักฐาน”
“เกษ...ที่ผมพูด ไม่ใช่ว่าผมไม่มีหลักฐานนะ ทั้งเรื่องรุกพื้นที่ป่า และเรื่องที่ท่านรัฐมนตรีสั่งให้คนตามประกบผมและคุณไอ รวมถึงครอบครัวของเขาด้วย เพียงแต่ผมไม่ได้แจ้งความเรื่องหลังเท่านั้น ผมแค่ส่งคำเตือนกลับไป แต่ไม่คิดว่าท่านทรงศักดิ์จะหันมาเล่นงานด้วยวิธีนี้”
“จริงหรือคะ...นี่เรื่องจริงหรือ”
“ผมจะโกหกคุณทำไมล่ะ ตามปรกติแล้วเราสองครอบครัวไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกันสักหน่อย” ณธิปพูดให้คิด “ผมรู้ว่าเรื่องนี้มันหนักหนากับคุณมากนะ ผมถึงไม่อยากเล่า แต่ช่วยเห็นใจผมด้วย เพราะทางผมและไอก็ไม่ได้ทำอะไรผิดเช่นกัน โอเค...ผมอาจจะผิดกับคุณเรื่องงานแต่ง แต่ตอนนี้ปัญหามันคนละประเด็นไปแล้ว คุณเข้าใจที่ผมพูดไหมครับเกษ”
เข้าใจสิ...เธอเข้าใจดีทุกอย่างทีเดียว เพียงแต่เรื่องราวมันใหญ่หลวงเกินกว่าที่เกษสุดาจะตั้งตัวได้ทันในเวลาเท่านี้
หญิงสาวนั่งนิ่งอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะตั้งสติได้ และเอ่ยออกมาอย่างยากลำบาก
“ขอเวลาให้เกษตรวจสอบเรื่องที่คุณว่าก่อนนะคะ ถ้ามันเป็นเรื่องจริง เกษจะช่วยคุณเองค่ะ แม้เกษจะเป็นลูกสาวของพ่อ แต่เกษจะไม่ยอมให้ท่านทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง”
“ขอบคุณนะคุณเกษ และขอโทษด้วยที่เอาเรื่องนี้มาทำให้คุณต้องปวดหัว แต่ผมไม่รู้จะพึ่งใครแล้วจริงๆ”
“ไม่หรอกค่ะ ดีแล้วที่คุณเล็กเอามาพูดกับเกษตรงๆ เพราะเราจะได้ช่วยกันทำให้เรื่องนี้มันถูกต้อง”
“ขอบคุณที่เข้าใจครับ” ณธิปเอ่ยขอบคุณจากใจ เกษสุดาเป็นผู้หญิงใจกว้างกว่าที่เขาเคยคิดถึง และมันทำให้อดรู้สึกไม่ได้ที่เคยทำร้ายความรู้สึกเธอ
หลังจากตกลงกันอีกนิดหน่อย คนของเกษสุดาก็กลับออกมาเพื่อเตือนว่าหมดเวลาคุยแล้ว เธอกับณธิปจึงบอกลากันเท่านั้น โดยตอนท้ายเกษสุดาไม่ลืมให้คำมั่นว่าจะช่วยแก้ข่าวให้กมลโดยเร็วที่สุด
ได้ยินดังนั้นณธิปจึงกลับมาทำงานได้โดยสบายใจขึ้นมานิดหน่อย เพราะอย่างน้อยเขาก็เคลียร์ไปได้หนึ่งปัญหา ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเขากมลคงต้องรออีกสักนิด รอให้กมลใจเย็นและเกษสุดาออกมาแก้ข่าวก่อน ถึงตอนนั้นเขาค่อยลองกลับไปคุยกับคนหน้าหวานดูอีกที
ถึงตอนนั้นณธิปก็คงได้แต่หวังว่า กมลจะไม่ใจร้ายกับเขาและตัวเองจนเกินไปนัก
---------------------------------------------------------
คุณเล็กมาแล้ว พร้อมเทหมดหน้าตัก ให้ไปขอโทษใคร ให้ทำยังไงก็สู้
ตอนหน้ามาเคลียร์กับคนใจร้ายกันค่ะ
ขอบคุณที่ยังทวงถามนะคะ จะพยายามมาให้เร็วที่สุดนะคะ ^^
เจอกันตอนหน้าค่ะ
ละะองฝน.