42
“เฮ้ย!!! ตื่นๆดิ”
“................”
“ตื่นซักทีดิ”
“...............”
“ไอ้ใหญ่ มึงตื่นได้แล้ว แปดโมงแล้วมึง”
“เฮ้ย!!” - ผมตกใจลุกขึ้นมา
“อาบน้ำได้แล้วมึง”
วันนี้ผมตื่นสายคับ แฮ่ะๆ อากาศดีอย่างงี๊ แถมเมื่อคืนผมยังนอนดึกอีกต่างหาก ว่าแล้วขอบิดขี้เกียจซักรอบก่อนที่จะลุกไปอาบน้ำหน่อยเหอะ
.
.
.
.
.
เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น ทำไมพวกเรานอนกันดึกเหลือเกิน จริงๆแล้วหลังจากเมื่อคืนที่เราอาบน้ำแปรงฟันกันเสร็จ พวกเราก็ออกมานั่งเล่นที่ระเบียงหน้าบ้าน ผมก็ออกไปด้วยตามมารยาท ไปนั่งฟังพวกมันคุยกันซะมากกว่า เรื่องที่คุยกันก็จะเป็นเรื่องที่เที่ยวมาวันนี้เป็นส่วนใหญ่ แล้วก็วางแผนว่าวันพรุ่งนี้จะไปเที่ยวไหนกันต่อ ก็มีอีกหลายที่ที่จะไป เช่นไปถ้ำ แล้วก็ไปน้ำตก ตอนเย็นจะไปเล่นทะเลอีกที่หนึ่งด้วย อ่ะ สรุปกันได้แล้วว่าจะไปกันสามที่นี้ แล้วก็นัดรวมพลกันตอนแปดโมงเช้า
หลังจากที่ตกลงกันแล้ว ก็ถึงเวลาคืนค่ำก็ฮัมเพลง หนังสือเพลงที่เอามา กีต้าร์โปร่ง 1 ตัว ตึ๊งๆๆๆ เฮ้วๆๆๆๆ ฮ่าๆๆๆๆ ร่วมชั่วโมง ผมก็นั่งร้องนั่งฟังไปกับพวกมันด้วย ความรู้สึกเรื่องความแตกต่างระหว่างห้องเรียนเริ่มลดลง ทุกคนเล่นกับผม คุยกับผมเหมือนเพื่อนคนอื่น ก่อนที่จะแยกย้ายกันไปนอน เพราะเวลาล่วงเลยมาเที่ยงคืนแล้ว
“มึงเดินเล่นกับกูก่อนได้ป่ะ” – ไอ้เดชเอ่ยปากชวนผม
“อืมเอาดิ”
“งั้นกูไปเอาไฟฉายจากไอ้เข้มก่อนนะ” – แล้วมันก็เดินไปเอาไฟฉายจากไอ้เข้ม
ท่ามกลางเสียงจั๊กจั่น และหิ่งห้อย 2-3 ตัว ผมเดินไปเรื่อยๆ กับไอ้เดช
“ใหญ่”
“อะไรเหรอ”
“กูเครียด”
“เครียดไรวะ บอกกูได้ป่ะ”
“ต่ายอ่ะดิ กูติดต่อเขาไม่ได้ทั้งวัน”
“กลางวันเขาก็ไปเรียนพิเศษอ่ะดิ”
“ตะกี๊กูก็โทรไป ก็ไม่รับโทรศัพท์”
“มึงรู้ได้ไง”
“ไม่มีคนรับสายที่บ้าน”
“...................”
“กูเหนื่อยแล้วว่ะใหญ่”
“มึงอยากให้กูช่วยอะไรมึงอีกป่ะ”
“ขอบใจว่ะใหญ่” - มันเอามือมาโอบหลังผมเบาๆ
“...................”
“กูว่ากูจะหยุดแล้วว่ะ”
“มึงแน่ใจเหรอ” – ในใจก็นึกดีใจ แต่แสดงออกมาไม่ได้
“กูว่ากูคิดดีแล้วนะ” – น้ำเสียงมันเรียบๆ เหมือนอากาศตอนนี้เลย
“กูยังไม่อยากให้มึงเลิกหวัง......”
“ทั้งๆที่รู้ว่า ยังไงก็ไม่มีหวังนั่นน่ะเหรอ”
“มึงเคยสู้แบบ แบบสุดๆยังล่ะ”
“มึงก็เห็น ว่ากูทำขนาดไหน แต่ทุกครั้งที่กูทำ ต่ายก็ไม่เคยสนใจกูอยู่ดี”
“...........”
“กูว่าเขาไม่พร้อมว่ะ และตัวกูเองก็คงไม่พร้อมจะไปรักเขาด้วย”
“ถ้ามึงไม่พร้อม แล้วมึงไปชอบเขาทำไม”
“มึงเข้าใจใช่ป่ะ ว่าต่ายเป็นคนสวย เห็นครั้งแรกใครๆก็ชอบ และถ้าเป็นแฟนด้วย ก็คงจะดี”
“...................”
“กูน่าจะเชื่อพวกไอ้เข้มมันเนอะ ไม่น่าถลำตัวเข้ามาเลย”
“..................”
“ที่มึงเห็นกูเมื่อกลางวันนี้น่ะ กูกำลังทำใจ กำลังคิดว่ากูควรจะทำไงต่อไป กูจะตัดใจจากต่ายยังไง”
.
.
.
.
.
.
.
ความเงียบเข้าปกคลุมเราสองคนซักพัก
“เดช”
“หือ?”
“ถ้ามึงจะเลิกชอบต่าย กูกับมึงก็คงจะเลิกคบกัน ใช่ป่ะ”
“ทำไมมึงคิดอย่างงั้น”
“มันเห็นๆอยู่แล้ว ว่ากูเป็นตัวช่วยให้มึง แต่ถ้ามึงไม่ต้องการแล้ว ตัวช่วยจะมีประโยชน์อะไรล่ะ”
“ใหญ่ มันไม่เกี่ยวกัน”
“เกี่ยวกันดิ เกี่ยวกันตรงๆเลย ถ้ามึงเลิกชอบต่าย กูก็หมดประโยชน์อยู่ดี กูก็คงไม่ไปไหนกับมึงอีก”
“ใหญ่ มึงอย่าเอามาปนกันดิ”
“เดช มึงพูดได้ ว่าตอนนี้มึงกับกูเป็นเพื่อนกัน”
“จะตอนไหนกูก็เป็นเพื่อนมึง ไอ้ใหญ่ กูสัญญา”
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
“กูมีอะไรจะบอกมึงว่ะเดช”
“อะไรล่ะ”
“มึงจำวันแรกที่เราเจอกันได้ป่ะ”
“จำได้ดิ แม่ง มึงอ่ะไม่เคยคุยดี ๆ กับกูเลย”
“ใช่ กูไม่เคยคุยดี ๆ กับมึง เพราะอะไรรู้ป่ะ”
“ไม่รู้”
“เพราะกูไม่ชอบขี้หน้ามึง”
“แล้วตอนนี้ล่ะ”
“ก็ยังไม่ชอบเหมือนเดิม”
“กูล้อเล่นน่า” – สีหน้ามันดีขึ้น
“มึงอยากรู้ป่ะว่าทำไมตอนนี้กูถึงมายืนอยู่กับมึงตรงนี้”
“อืม”
“มึงเป็นคนดีไงเดช มึงเป็นคนดีมาก”
เพราะกูชอบมึงไงล่ะเดช – ทำไมไม่พูดออกไปวะ
“มันเกี่ยวอะไรกันวะ”
“กูก็ไม่รู้เหมือนกัน”
กูรู้ดี เพราะกูชอบมึงไงล่ะ – พูดออกไปเดชะไอ้ใหญ่ ไอ้ใหญ่ แค่มึงพูดออกไป แค่นั้นเอง.......
“ไอ้เชี่ย แม่งไม่มีเหตุผลเอาซะเลย”
“………..”
“แล้วมึงจะถามทำไมเนี๊ย”
“เออว่ะ ถามทำไมเนี๊ย แฮ่ะๆๆ” – ผมหัวเราะ ไอ้เดชเกาหัว
มันก็คงจะงงกับคำถามของผม ผมเองยังงงอยู่เลย
.
.
.
.
.
.
.
“กลับเหอะเดช เดินมาไกลแล้ว เดี๋ยวหลง”
“ก็ดี กูก็หนาว ง่วงด้วย”
ระหว่างทางกลับ
“เดช”
“อะไรเหรอวะ”
“มึงจะเลิกชอบต่ายจริงๆเหรอ”
“กูเหนื่อยว่ะใหญ่ กูว่ากูเองอยากกลับไปคิดดีๆ เผื่อบางทีกูไม่ได้ชอบต่ายก็ได้”
“กูว่ากูอยากขอบคุณต่ายว่ะ ถ้าไม่มีต่าย กูกับมึงก็คงไม่เจอกัน” - ผมพูดออกไป
“..............” - มันหันหน้ามามองผม
“กูอยู่คนละห้องกับมึง ห้องกูเองก็ไม่ชอบหน้ามึงอยู่ รวมถึงกูด้วย”
“................”
“เวลาว่ะ เวลาที่ให้เรามาเจอกันไงล่ะ”
“ใหญ่”
“อะไรเหรอ”
“กูขอเดินจูงมือเพื่อนกูได้ป่ะ”
“................”
“จากวันนี้ไป กูไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แต่วันนี้กูจะพาเพื่อนกูเดินกลับบ้าน เพื่อนกูสับสนเหลือเกิน”
“ใครสับสนอะไร งง”
“มึงนั่นแหล่ะ พูดอะไรวกไปวนมา”
“กูไม่ได้เป็นไร”
“งั้นก็เอามือมา เป็นหลักประกัน ว่าวันนี้กูจะอยู่กับมึง”
“อืม” – ผมส่งมือไปให้มันจูง แล้วเราสองคนก็เดินจูงมือไปด้วยกัน แต่ความรู้สึกดีๆไม่ได้ถูกส่งผ่านไปถึงกันหรอกคับ ผมกลัวจริงๆ ว่าถ้ามันจะต้องไปจากผมจริงๆ แล้วผมจะทำไง
“ใหญ่”
“อะไรเหรอ”
“แล้วมึงร้องไห้ทำไม”
“กูตอบมึงไปแล้วไม่ใช่เหรอ”
“มึงตอบกูว่า มึงเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“......................”
“ตอนนี้มึงอยากเปลี่ยนคำตอบป่ะวะ”
“................” – น้ำตาผมเริ่มไหลอีกรอบ ไม่รู้ทำไม ผมแหงนหน้าขึ้นไปบนท้องฟ้า เพื่อให้น้ำตาไหลกลับเข้าไปที่เดิม แต่ยิ่งทำอย่างงั้น เหมือนมันยิ่งรู้ว่าผมกำลังร้องไห้
ความเหงามันคงจะกลับมาผมอีกครั้ง รักครั้งแรกของผม จะต้องเป็นอย่างงี๊เหรอ
“ร้องไห้อีกแล้วเพื่อนกู” – ไอ้เดชเอามือปล่อยจากผม แล้วมันก็เอามือตบบนบ่าของมัน “มึงเช็ดน้ำตาของมึงซะที่นี่ แล้วกลับเข้าบ้านไป มึงอย่าให้ใครเห็นว่ามึงร้องไห้อีก”
“กูเองก็.......ไม่รู้........ทำไม.........เหมือนกัน” - ผมป้ายน้ำตาที่ร่วงลงมากับเสื้อตัวเอง
“มึงไม่บอกกูก็ไม่เป็นไรนะ มึงร้องไห้ให้พอ แล้วมึงก็ไม่ต้องร้องออกมาอีก”
เราสองคนนั่งกันที่ม้านั่ง ห่างจากหน้าบ้านไอ้เข้มไม่ไกลนัก แต่ก็มีแสงไฟจากบ้านไอ้เข้มสาดมาให้เราเห็นแสงอยู่บ้าง ผมร้องไห้ เอาหัวพิงบนบ่าไอ้เดช เรานั่งกันอยู่ซักพักจนเวลาล่วงเลยมามากแล้ว
“เดช”
“อืม”
“ง่วงยัง”
“นิดหน่อย”
“มึงคิดอะไรอยู่เหรอ”
“ต่าย”
“เดช”
“อะไรล่ะ”
“รักเพื่อนมันผิดป่ะวะ”
“ไม่ผิด”
“ไม่ผิดใช่ป่ะ”
“ไม่ผิดหรอก ทำไมเหรอ”
“กูรักมึงนะ” – ความกล้าที่ผมมีหายไปหมดแล้ว หลังจากที่ถูกใช้ในการพูดประโยคเมื่อกี๊ไป
“กูก็รักมึง เพื่อนรัก” - มันพูดเบาๆ เราสองคนยังคงนั่งอยู่อย่างงั้น
----------------
ปล. เมื่อวานผมไปกินข้าวกับคนที่ผมเคยชอบ (แต่ไม่ใช่ไอ้เดชนะคับ ) ไปที่แถวถนนพระอาทิตย์ แล้วก็นั่งเล่นกันที่สวนสันติชัยปราการ (ไม่รู้ว่าเขียนชื่อถูกหรือเปล่า) ไปกันสองคนแหล่ะคับ แล้วผมก็เล่าเรื่องที่ผมค้างคาในใจของผมกับมันตลอด 6 ปี (นานเนอะ)
ไว้ว่าถ้าจบเรื่องนี้แล้ว ผมจะแต่งเรื่องของเพื่อนคนนี้ต่อนะคับ
ขอโทษด้วยคับ ที่เอามาสั้นเกิน เดี๋ยวว่างๆจะมา Review ตอนที่ 43 ให้นะคับ