V
v
v
ฮี่ๆ -V- ไอ้ยักษ์ไม่อยู่บ้านแล้ววว สามีไม่อยู่หนูก็ร่าเริง เพราะจะได้ออกไปหาความบันเทิงใจนอกบ้านได้สะดวกมากขึ้น ใครว่า…
“คุณแมทครับ ผมไม่เข้าใจว่าจะฝืนคำสั่งของเจ้านายทำไมนักหนา หัดอยู่นิ่งๆ อยู่เฉยๆ ให้ดูเป็นคนปกติสักครั้งบ้างเถอะครับ”
“ก็แค่อยากออกไปเจอเพื่อนเองนะ!” ผมแว้ดใส่ออสตินที่ยืนทำหน้านิ่งอยู่ตรงประตูบ้าน ราวกับจะประกาศให้รู้ว่าอย่าหวังว่าจะได้ออกไปจากบ้านได้ง่ายๆ
“เพื่อนคนนั้นคุณเรย์มอนด์เขาไม่ให้คบไม่ใช่เหรอครับ”
“เขาไม่มีสิทธิ์มาห้ามผมไม่ให้คบใครเป็นเพื่อนนะ ผมบอกเขาแล้วด้วย!”
“แล้วคุณเรย์มอนเขาว่ายังไงครับ” ผมอ้าปากจะพูดต่อแต่ก็ไม่มีเสียงอะไรหลุดลอดออกมาเพราะไอ้ยักษ์มันจับผมอ้าขาแล้วเอาเครื่องสั่นมายัดก้นแทนคำตอบ
“ไม่ได้ว่า!” ผมตอบเสียงอ้อมแอ้ม ไม่สบตาออสติน แต่ระดับนายทหารผู้เคยผ่านสงครามมาแล้วจะพลาดกับอาการเด็กน้อยกลบเกลื่อนแบบนี้เหรอ
“เป็นคนขี้โกหกยังไง ก็ยังเหมือนเดิมเลยนะครับ” ผมจิ๊ปาก นั่งลูบหัวฟอกซ์เบาๆ มองออสตินที่ยังนิ่งอย่างขุ่นเคือง
“ออกไปเดินเล่นเซ็นทรัลปาร์คก็ได้!” ผมว่าอย่างเหลืออด ออสตินไหวไหล่สองข้างหนึ่งที ไม่ได้ห้ามหรือต่อต้านอะไร เพราะนี่คือสิ่งที่วิคเตอร์อนุญาตให้ผมทำได้
สุดท้ายผมก็พาไมเคิลออกมาเดินเล่นที่เซ็นทรัลปาร์ค ส่วนฟอกซ์มันขึ้นไปนอนอ้าขาบนดาดฟ้าแล้ว ช่วงเวลาใกล้เย็นผู้คนก็ออกมาสูดอากาศดีๆ กลางมหานครนิวยอร์กกันมากมาย ช่วงนี้เป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิ อากาศเลยดี๊ดี แจ่มใสไปทุกหย่อมย่าน ผมเดินไปซื้อฮอทดอกที่ร้านรถเข็นให้ตัวเอง ไมเคิลและเผื่อแผ่ไปถึงออสติน แต่เขาไม่เอา ผมเลยถือกินเองสองอันอย่างเอร็ดอร่อย
“แมท!” ผมหันหน้าไปมองทางต้นเสียงก็เจอกับเพื่อนที่ผมพยายามขอออสตินออกมาหา และเป็นคนเดียวกับที่วิคเตอร์บอกให้เลิกคบ
คือผมเพิ่งรู้จักกับเพื่อนคนนี้ได้เดือนเดียวเอง ยังไม่ทันสนิทสนมก็จะไม่ต้องเป็นเพื่อนกันอีกแล้วตามคำสั่งของสามี
“เอม่อน!” ผมร้องทักอย่างตื่นเต้นให้กับเด็กหนุ่มฝรั่งผมน้ำตาลแกมทอง ผิวขาว ดวงตาสีน้ำตาลเข้ม เอม่อนเป็นรุ่นน้องผมห้าปี เขาอายุแค่ยี่สิบเอ็ดเอง แต่ฝรั่งก็ไม่ได้มีคำนำหน้าว่าพี่ว่าน้องอะเนาะ เราเลยเรียกแค่ชื่อเล่นของกันและกัน เอม่อนเรียนจบไฮสคูลแล้ว แต่ยังไม่เข้าเรียนมหาวิทยาลัยเลย เขาบอกว่ายังไม่อยากเอาบ่วงที่เรียกว่านักศึกษามาคล้องคอ ตอนนี้เอม่อนเลยทำงานพาร์ทไทม์ไปเรื่อยเปื่อย ผมไม่รู้หรอกว่าชีวิตเขาเป็นไงบ้าง ยังไม่ได้ซี้ขนาดนั้น
“นายไม่ทำงานเหรอ ฉันว่าจะไปหานายที่ร้านสักหน่อย” เอม่อนทำงานที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งแถวทางใต้ของแมนแฮทตัน เป็นหนึ่งในงานของเขา หมอนี่ทำงานตั้งสามที่แน่ะ
“วันนี้หยุดน่ะ ฉันว่าจะไปปาร์ตี้” เอม่อนเหลือบสายตาขึ้นมองออสตินอย่างกุ้มกริ่ม แต่พ่อบอดี้การ์ดก็ทำหน้านิ่งตอบกลับได้อย่างสมเกียรติ
มองแบบนั้น แน่นอนว่าเอม่อนชอบผู้ชาย แต่ผมไม่รู้สถานะของเขาหรอกว่าเป็นแบบผมหรือเปล่า ก็ไม่เคยถามและไม่กล้าถาม ที่ผมรู้ก็เพราะเขาชมออสตินว่าหล่อนั่นแหละ แต่หน้าตาเอม่อนก็ดูไม่ออกหรอกนะว่าเป็นมีรสนิยมแบบนี้ เพราะเขาดูเป็นผู้ชายปกติ ตัวสูงกว่าผมสักสิบเซ็น มีกล้ามหน่อยๆ ไม่ใช่กล้ามล่ำแบบวิคเตอร์หรือออสติน แต่มีกล้ามมากกว่าผมแหละ
“ปาร์ตี้อะไรเหรอ” ผมถามด้วยความอยากรู้พลางงับฮอทดอกเข้าปากอีกคำ คือผมหมายถึงว่าปาร์ตี้วันเกิด ปาร์ตี้ขึ้นบ้านใหม่หรือปาร์ตี้ทั่วไปน่ะ
“สนุกกว่านั้นเยอะ นายอยากไปมั้ย” ผมจะอ้าปากตอบว่าอยากไป แต่จู่ๆ ก็ได้รับรังสีกดดันเพิ่มขึ้นจากคนตัวโตด้านหลังตัวเอง ผมเม้มปาก กะพริบตาแทนคำตอบ เอม่อนทำหน้างง ผมบุ้ยปากไปทางออสติน เขาเลยทำหน้าเก็ท
“เอ่อ คุณออสตินครับ ผมจะขอตัวแมทไปด้วยสักแปบได้มั้ย” ผมกัดฮอทดอกเข้าปากอีกคำ หันไปมองออสตินแบบไม่รู้เรื่องรู้ราว เขาไม่ได้แสดงอาการอะไรนอกจากนิ่งตามเดิม
“ไปไหนครับ” เอม่อนรู้แค่ว่าออสตินเป็นบอดี้การ์ดที่แฟนผมส่งมาดูแล แต่เขาไม่รู้ว่าแฟนผมคือใครเพราะผมไม่ได้เล่า และเขาเองก็ไม่ได้ถาม แค่ถามเฉยๆ ว่าออสตินเป็นใครทำไมเห็นตัวติดกับผมจนนึกว่าเป็นแฟนผมไปแล้ว
“ผมติดเลี้ยงอาหารแมทเขาอยู่หนึ่งมื้อ วันนี้ผมได้วันหยุด เลยอยากจะพาแมทไปเลี้ยงน่ะครับ” ออสตินมองฮอทดอกในมือของผมที่ยังเหลืออีกอันก่อนจะหันไปตอบเอม่อนอย่างเรียบง่าย
“คุณแมทกำลังจะกินฮอทดอกชิ้นที่สอง ผมว่าเดี๋ยวเขาคงจะอิ่ม” ผมทำตาโต ส่ายหัวหน้าตั้งทันที
“ใครอิ่ม ไม่อิ่มนะ กินได้อีก ของฟรียังไงก็ไหว” ผมตอบเร็วปรื๋อ ออสตินจ้องผมนิ่งราวกับจะกดดันให้ผมรู้สึกให้ได้ว่าผมไม่ได้รับอนุญาตให้ไปไหน
“ถ้าคุณขอเจ้านายได้ ผมก็ไม่มีปัญหา” แน่ะ! เล่นมุกนี้อีกละ
“คุณไปกับเราสิครับออสติน เดี๋ยวผมเลี้ยงคุณด้วยก็ได้” เอม่อนพูดแทรกขึ้น ออสตินที่ตอนแรกนิ่ง เปลี่ยนเป็นมีท่าอึกอักและแสดงออกถึงความลำบากใจ
“โอ้ว เอ่อ ไม่เป็นไรครับ อย่าเลย”
“ไม่ได้หรอกครับ ถ้าคุณไป ผมก็ต้องเลี้ยงคุณด้วย จะให้คุณนั่งดูเราสองคนเฉยๆ ได้ยังไง” ออสตินทำท่ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“ถ้าคุณไม่ไป งั้นผมจะได้ฝากไมเคิลกลับบ้านด้วย หรือพามันไปเดินเล่นต่อก่อนก็ได้” ผมนั่งลง ยื่นฮอทดอกไปตรงหน้าไมเคิล มันมองของในมือผมตาเยิ้ม พวงหางโบกสะบัดไม่หยุด
“เห่าก่อน โฮ่ง!”
“โฮ่ง!!” ผมหัวเราะคิกๆ ยื่นฮอทดอกให้เจ้าโกลเด้นท์กิน มันงับเข้าปาก ค่อยๆ นอนลงและละเมียดละไมกินฮอทดอก ผมลุกขึ้นยืนและรีบพูดกับออสตินเร็วๆ
“ฝากดูไมเคิลด้วยนะ ผมไปล่ะ ตอนจะกลับผมจะโทรให้มารับ”
“คุณแมท!” ผมไม่รอให้ออสตินพูดท้วงอะไร เขาจะตามผมมาก็ไม่ได้เพราะไมเคิลยังนอนกินฮอทดอกไม่เสร็จ ผมเลยรีบดึงแขนเอม่อนไปตามทางออกอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้ออสตินยืนละล้าละหลังทำตัวไม่ถูก
“แฟนนายให้เขาคุมขนาดนี้เลยเหรอ” อันนี้ลดลงแล้วนะ…
ผมได้แต่ยิ้มแห้งและบอกไปว่าเคยเกิดเรื่องบางอย่างกับผม เลยต้องดูแลใกล้ชิดกันนิดหน่อย ผมไมได้เล่ารายละเอียดให้ฟังมาก ถึงผมจะตื่นเต้นที่ได้รู้จักเพื่อนใหม่ในนิวยอร์กที่อายุใกล้ๆ กัน แต่ผมก็รู้ว่าเรายังไม่ได้สนิทถึงขั้นจะมาเล่าชีวิตส่วนตัวแบบลึกซึ้งให้อีกฝ่ายฟังได้
ผมรู้จักกับเอม่อนตอนไปกิน KFC สาขาใกล้ไทม์แสควร์ เขาทำงานที่นั่น วันนั้นเขาทำน้ำหกใส่ผมตอนที่กำลังทำความสะอาดโต๊ะใกล้กับที่ผมนั่ง ผู้จัดการร้านมาขอโทษขอโพยยกใหญ่ เอม่อนเองก็เช่นกัน วันนั้นเขาเลยชดเชยให้ผมด้วยการแถมไก่ให้อีกเซ็ต และยังมานั่งคุยกับผมด้วย เขาบอกว่าผู้จัดการให้มา ตอนแรกผมก็คิดว่างั้น แต่พอรู้ว่าเขาสนใจออสติน ผมก็รู้ว่าจริงๆ แล้วเขามานั่งคุยด้วยทำไม
“กินอะไรก่อนแล้วกัน” ตอนนี้ห้าโมงจะหกโมงเย็นแล้ว แต่ฟ้ายังไม่มืดเท่าไหร่ จะมืดจริงจังก็ทุ่มสองทุ่มนู่นแหละ
เราเลือกกินอาหารแม็กซิกันอันแสดจัดจ้าน แต่ก็ยังไม่เท่าของไทยเราเท่าไหร่หรอก ความเผ็ดต้องยกให้อาหารไทยนี่แหละในความคิดผม ระหว่างนั่งกิน ผมก็ลุ้นนะว่าวิคเตอร์จะโทรมามั้ย แต่เขาก็ไม่โทรมา น่าจะเพราะออสตินยังไม่ได้โทรไปรายงาน ตอนที่เพิ่งสั่งอาหารผมส่งวอทสแอพขู่ออสตินว่าถ้าโทรบอกวิคเตอร์ เขาอาจจะบินกลับมาทันทีและนั่นจะทำให้เขาเสียงาน
“บ้านฉันอยู่ควีนส์นี่แหละ แต่ก็เข้ามาหางานทำในแมนแฮทตัน ไม่ค่อยอยากจะอยู่นักหรอก บ้านน่ะ” ผมหยิบทาโค (Taco) เข้าปากและยิ้มแหยหน่อยๆ ถ้าให้เดาก็คงจะมีปัญหากับทางบ้านด้วยล่ะมั้งนั่น
“ฉันอยากไปหางานที่อื่นทำนะ ฉันเล็งๆ LA ไว้” ผมพยักหน้าหงึกๆ พลางเขี้ยวอาหารในปาก
“นายล่ะ ทุกวันนี้ทำงานหรือว่าอยู่เฉยๆ” ผมกลืนแป้งทาโคลงคอก่อนตอบ
“ก็มีงานแหละ แต่ไม่ได้ทำทุกวัน คล้ายๆ งานอิสระน่ะ” ก็งานบ้านไง ทำแทนแม่บ้าน ตั้งแต่ผมไม่ได้เข้ากอง ผมก็กลับมาทำงานบ้าน ไม่ได้ทำทุกวันหรอก อาทิตย์นึงทำสองครั้ง บางทีก็ครั้งเดียว นอกนั้นก็นอนเปลี่ยว วิคเตอร์ไม่ได้ห้าม เขาแค่ขอให้ได้ข่าวว่าฌอณโดนจับก่อนเท่านั้นแล้วค่อยกลับไปเข้ากองถ่าย
“ดีจริง แฟนนายท่าทางจะรวยนะ”
“ก็ไม่หรอก มีกินมีใช้ตามปกติมากกว่า” เอเม่อนยิ้มเยาะหน่อยๆ
“มีเงินจ้างบอดี้การ์ดขนาดนั้น คงไม่ใช่แค่มีกินมีใช้หรอก นายนี่โชคดีจริง” อันนี้ไม่เถียง ยังรู้สึกขอบคุณบุญกุศลใดๆ ทั้งหลายแหล่ในชีวิต ที่ส่งผลให้ผมได้ผัวหล่อแถมพ่วงรวยมาด้วยแบบนี้
เรานั่งกินอาหารกันต่อจนหมด ระหว่างนั้นก็คุยเรื่องสัพเพเหระ ผมพยายามไม่หลุดเรื่องส่วนตัวให้เขาฟัง เล่าแค่ผิวเผินว่าผมจบอะไรมา อยากทำงานด้านไหน เขาถามด้วยว่าแฟนผมทำอาชีพอะไร ผมตอบแค่ว่าทำงานในกองถ่าย เขาก็ไม่ได้เซ้าซี้อยากรู้ต่อ เพราะเอม่อนไม่ได้สนใจทางด้านนี้
พอได้เวลาสักทุ่มครึ่ง เอม่อนก็โบกแท็กซี่ พาผมไปย่านเวสท์ วิลเลจ ย่านโปรดของผมในนิวยอร์ก แท็กซี่สีเหลืองพามาจอดหน้าตึกอิฐสีแดงตึกหนึ่ง บรรยากาศด้านหน้าติดไฟสีรุ้งสดใส ทอประกายวิบวับ มีคนต่อแถวค่อยๆ ทยอยเดินเข้าไปด้านใน โดยโชว์บัตรหรืออะไรสักอย่างให้เจ้าหน้าที่ด้านหน้า
“ฉันจ่ายค่าบัตรให้” เมื่อกี้เขาไม่ได้เลี้ยงอาหารผมจริงๆ หรอก ซึ่งผมก็ไม่ได้ต้องการให้เขาเลี้ยง วิคเตอร์ให้เงินไว้ตั้งเยอะ เอาออกมาใช้บ้าง คิดว่าขนหน้าท้องเขาคงไม่ร่วงหรอก
เอม่อนจ่ายค่าบัตร หันมายื่นให้กับผมและบอกว่าให้เตรียมบัตรแสดงตนด้วย ผมเลยหยิบบัตรประชาชนขึ้นมา ระหว่างนั้นก็มองบัตรในมือและขมวดคิ้ว
‘The Dream Boys Team’
มันคือชื่อตีมปาร์ตี้อันนี้เหรอ แล้วผมแต่งตัวบอยพอรึยัง ดีนะเนี่ยแต่งตัวค่อนข้างดูดีออกจากบ้านไม่งั้นอาจโดนกันไม่ให้เข้าไปด้านใน ผมยื่นบัตรที่เอม่อนซื้อให้พร้อมบัตรประชาชน สตาฟตัวอ้วนใหญ่ยืนเช็กบัตร เช็กหน้าผมสักพักก็ปล่อยให้เดินเข้าไปด้านในพร้อมเอม่อน
พอเข้ามาด้านในก็เจอกับบรรยากาศครึกครื้น แสงหลายสีราวกับแสงรุ้งสาดไปรอบอาคาร เสียงเพลงดึกตึกๆ จนสะท้อนอยู่ในอก และพอมองดีๆ ในผับนี้มีผู้ชายมากกว่าผู้หญิงเป็นสิบเท่าได้เลยมั้ง ผมอ้าปากหวอมองไปรอบๆ ด้วยความตื่นตาตื่นใจระคนตื่นเต้น
“You gonna love this party. (แล้วนายจะรักปาร์ตี้นี้)” เอม่อนขยิบตาให้หลังจากก้มลงกระซิบบอก ผมกะพริบตามึนๆ มองไปรอบตัวด้วยความสับสน และอาการใจเต้นแปลกๆ
ในนี้ผู้ชายเยอะจริงๆ นะ ผู้หญิงมีถึงสิบคนมั้ยเนี่ย แล้วผู้ชายที่ว่าเนี่ย จะมาดแมนกันกี่คนเชียว เพราะดูท่าแล้ว เหล่าคุณแม่ ลูกสาวและเพื่อนสาวแลจะเยอะเหลือเกิน
แทนคำตอบในข้อสงสัยของผม บนเวทีดับไฟจนมืด เสียงกรีดร้องวู้วๆ ปะปนกับเสียงผิวปากดังขึ้นรอบห้อง ผมจ้องไปบนเวที เห็นเงาตะคุ่มๆ หลายสิบเงาเดินออกมายืนบนนั้น เสียงเพลงเงียบลงจนได้ยินเสียงกระซิบของผู้คน แล้วสักพักไฟก็สว่างขึ้นพร้อมเพลง ผมตาโตเมื่อเห็นเหล่าชายฉกรรจ์หน้าตาดีและท่าทางหุ่นจะดีมากด้วยในชุดนักดับเพลิงสีส้ม
“Keep your eyes on them! (อย่าละสายตาจากพวกเขาเชียวล่ะ!)” ผมหันไปยิ้มและพยักหน้ารับหงึกๆ รู้สึกตื่นเต้นที่ได้ออกมาหาความบันเทิงให้กับตัวเองบ้าง และดูท่าทางมันจะบันเทิงมากทีเดียว เพราะผู้ชายเหล่านั้นออกลีลาการเต้นได้น่ามองมากกก เอ้อ! เด้งเป้าเข้าไปสิ เด้งๆๆๆ อู้หูววว
พวกนี้ต้องได้รับการฝึกมาอย่างดี เพราะลายเต้นเป๊ะ เต้นพร้อมกันทุกจังหวะจริงๆ แถมสีหน้ายามเต้นก็ถึงใจถึงอารมณ์เหลือเกิน ไม่ใช่แค่สักแต่เต้นๆ ไปให้จบ ผมมองผู้ชายเหล่านั้นเต้นและเอ็นเตอร์เทนให้คนดูส่งเสียงกรี๊ดอย่างเพลินๆ แล้วก็ต้องตาโตพรึบเมื่อชุดนักดับเพลิงสีส้มถูกถอดออกจนเหลือแต่กางเกงชั้นในตัวจิ๋วหลากสีที่ปิดไอ้จ้อนของแต่ละคนแทบไม่มิด
“โอ้มายก็อดดดด!” ไม่ใช่เสียงใคร เสียงผมเอง ผมร้องอย่างตื่นตะลึงพรึงเพริดกับภาพที่เห็น คือเพิ่งเคยเห็นอะไรแบบนี้ก็ครั้งแรกเลยละ ปกติก็จะเห็นแต่ของสามีตัวเองไง แต่อันนี้คือมีเป็นสิบบบ โอ้ว ซี๊ดดด แต่ละคนหุ่นเนียนแน่นม๊ากกก และเป้าก็เด้งดี๊ดี
พ่อเจ้าประคุณรุนช่องเอ๊ย!
“ชอบมั้ย?!” เอม่อนตะโกนถามแข่งกับเสียงเพลงและเสียงกรี๊ด ผมไม่กล้าพยักหน้าแรงหรือตอบรับชัดเจน เพราะจะดูกระดี๊กระด๊าเกินไป บางทีต้องเกรงใจแหวนบนนิ้วนางข้างซ้ายสักนิดหนึ่งด้วย ผมเลยได้แต่หันไปทำหน้าตื่นเต้นกับเพื่อนใหม่แทน แต่แค่นั้นก็เรียกเสียงหัวเราะจากเอม่อนได้แล้ว
“วู้ววว ทางนี้ๆ จ้า พ่อหนุ่ม!!” เหล่าคุณแม่คุณลูกทั้งหลายตะโกนเรียกนักเต้นหนุ่มที่เริ่มเดินลงมาด้านล่างเวที ผมหัวเราะอย่างตื่นเต้นที่เห็นหนุ่มๆ พวกนั้นเดินไปเลื้อยไล้ไซร้ซุกแขกในร้าน
“ที่นี่เขาเปิดแบบนี้ประจำเหรอ?!” ผมตะโกนถามเอม่อนที่กำลังยิ้มกับภาพที่นักเต้นหนุ่มนั่งคร่อมแขกคนหนึ่ง
“เปล่า พวกนี้เป็นนักเต้นโชว์จากที่อื่น ที่นี่จ้างมา ทีมนี้เป็นทีมเด่นเลยแหละ!” ผมส่งเสียงอู้วกับประสบการณ์ใหม่ แสดงว่าบัตรที่เอม่อนซื้อให้คือบัตรเข้าชมทำนองนั้นสินะ
“ฉันตามพวกเขามานานแล้วล่ะ แต่ละคนแซ่บถึงใจ แต่ที่ฉันชอบที่สุดคือคนที่ชื่อแพททริก และเขากำลังมาทางนี้!” ผมหันหน้าไปมองตามสายตาของเอม่อนก็เจอเข้ากับนักเต้นหนุ่มคนหนึ่งที่ตัวไม่สูงมาก แต่ตัวแน่นมากกก นมแน่น กล้ามท้องแน่นหนา วีเชฟบ๊ะๆๆ เป้าเปรี๊ยะเซี๊ยสุดๆ และหน้าตาหล่อแบบที่อย่าหาเหตุผลเยอะ คือหล่อ!
“Come here, Patrick, baby!” เอม่อนกวักมือเรียกพ่อหนุ่มคนนั้น ผมอ้าปากหวอด้วยความตะลึง คนอะไรทำไมมันตึงเปรี๊ยะไปหมดขนาดนี้ กางเกงลิงของเขาจะระเบิดมั้ยยย
“Take him on stage! It’s his first time to be here! (พาเขาไปบนเวทีเลย! นี่ครั้งแรกเลยนะที่เขามาที่นี่!)” เอม่อนตะโกนบอกกับหนุ่มนามว่าแพทริกที่ยิ้มเริงร่า ยื่นมือมาจับมือขวาผมแน่น ก้มลงจูบหลังมือผมเบาๆ พอเขาเงยหน้าขึ้นก็กระชากผมเข้าไปใกล้และหอมแก้มผมไปเน้นๆ ทั้งสองข้าง
ว้ากกก! ตัวเขาแน่นจริงๆ เป้าเบียดเสียหน้าท้องผมจนรับรู้ได้ถึงความอวบอูมนั้น เลือดลมแล่นสะบัดไปทั้งตัวแล้ววว
ตอนพิเศษมาแว้ววว แต่ขอมาครึ่งเดียวก่อน แรงสมองปั่นได้เท่านี้จริงๆ ค่ะ 55555 เพราะเขียนแม่เรียวจันทร์ด้วย ใช้พลังสมองไปเยอะมาก เลยพาน้องแมทมาครึ่งนึงก่อน แต่แค่ครึ่งนึงก็นั่งเขียนค่อนวันเลยค่ะ ช่วงเช้าแม่เรียว ช่วงบ่ายน้องแมท โอ้ววว ไม่เหมาะกับการเขียนนิยายสองเรื่องพร้อมกันจริงๆ พิสูจน์แล้วโดยไม่ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญใดๆ
เนื้อเรื่องของตอนพิเศษตอนนี้จะไม่เกี่ยวกับเรื่องหลักของพาร์ทสามนะคะ มีที่เกี่ยวข้องบ้าง แต่จะไม่ทั้งหมดทั้งมวล มีแค่บางจุดสองจุดอะไรแบบนี้มากกว่า แต่โดยรวมแล้วคือจะไม่ไปข้องแวะกับเรื่องหลักเลย เอ๊ะ พูดเองงงเอง 55555 เอาเป็นว่า มีที่จะเจอในเรื่องหลักด้วยค่า แต่มิใช่ทั้งโหมดดด
น้องแมทใจแตกแล้วลูกเอ๊ยยย เคยเจอแต่ของสามี มาเจอแบบนี้น้องแมทเลือดลมพุ่งพล่านนน โอ้ววว ถ้าผัวหนูรู้ เลือดหนูจะพุ่งออกจากหัวแทนนะลูก ท้าทายอำนาจมืดมาก
เอม่อนไม่ใช่แฟนออสตินนะคะ 55555 อย่าโยงงง อย่าจับคู่ให้พ่อบอดี้การ์ดของเรา เขายังโสดอยู่ดีมีสุข ถ้ามีจังหวะ เอม่อนอาจจะได้เข้าไปอยู่ในเรื่องหลักด้วย แต่จากเส้นเรื่องที่มีตอนนี้ น้องหนูเอม่อนมาแทรกไม่ได้เลย 55555
ผลของการที่ไอ้ยักษ์ชอบขังเมียไว้ พอเมียได้ออกมาเจอเรื่องบันเทิงใจ มันก็บันเทิงจนแทบเตลิดเปิดเปิงจริงๆ จะกู่กลับมั้ยเอเลี่ยนน้อยยย พี่แพททริกก็เป้าอูมไม่แพ้ผัวหนูเลยนะลูกกก
ขอบคุณหลายๆ คนที่ยังคงคิดถึงสองผัวเมียคู่นี้เสมอๆ วันนี้พาเขาทั้งสองคนมาเจอแก้คิดถึงก่อนค่ะ เพราะเนื้อหาพาร์ท Yours and Mine อีกนานกว่าจะมา ขอทุ่มให้แม่เรียวจันทร์ก่อนนะค้าาา