บทที่ 19
::ขอร้อง::
พรุ่งนี้ถึงวันสอบ ผมเลยนั่งอ่านหนังสือเพื่อทบทวนส่วนที่ต้องทำความเข้าใจอีกรอบ จนถึงช่วงเที่ยงก็เดินออกจากบ้านเพื่อไปซื้อของกินที่มินิมาร์ทใกล้ๆ เมื่อก่อนตอนอยู่กับจ้านผมไม่ต้องออกไปไหนเลย เพราะเขาจะทำกับข้าวง่ายๆ วางไว้ให้ผมก่อนไปมหาวิทยาลัยทุกครั้ง และถ้าวันไหนจ้านหยุดผมก็จะลองๆ ทำดู ทานได้บ้างไม่ได้บ้างถือเป็นเรื่องที่พอนึกแล้วก็ทำให้ยิ้มได้ จนถึงตอนนี้ฝีมือทำอาหารของผมก็พอไปวัดไปวา เลยคิดว่าจะซื้อของง่ายๆ มาฝึกฝีมือหน่อย ไหนๆ ที่บ้านหลังนั้นก็มีห้องครัวแล้ว
พอนึกถึงจ้านผมก็อยากโทรหาเขา เลยเติมเงินมือถือแล้วโทรหาจ้านในระหว่างเดินกลับบ้าน
“ฮัลโหล จ้าน” ผมทักทายอย่างร่าเริงเพื่อให้จ้านรู้ว่าผมสบายดี “ฉันอยากโทรหานายตั้งแต่เมื่อคืนแล้วแต่ไม่มีเงินในโทรศัพท์”
[ขอโทษที่ไม่ได้โทรหา... พอดีกูยุ่งนิดหน่อย]
“อ้อ~ ฉันก็นึกว่านายจะโกรธเรื่องที่ไม่ยอมเชื่อฟังซะอีก” ผมยอมรับว่ากังวลที่อยู่ๆจ้านก็เงียบไป ไม่โทรหา ไม่อะไรเลย ที่ผ่านมาผมคงรู้สึกว่าตัวเองได้รับการเอาใจใส่มาตลอด ก็เลยหวั่นใจไปต่างๆ นานา
[กูไม่เคยโกรธมึง... ไม่แม้แต่ครั้งเดียว] ได้ยินแบบนี้แล้วค่อยโล่งใจหน่อย
“พรุ่งนี้ฉันจะสอบแล้ว รู้สึกตื่นเต้นยังไงไม่รู้”
[กูอาจไปไม่ได้นะ] ผมชะงักเท้า และหยุดเดินเพื่อฟังสิ่งที่จ้านกำลังพูดอย่างตั้งใจ [พรุ่งนี้พ่อกูมีงานเลี้ยงสำคัญ ถึงกับกำชับกูว่าต้องไปให้ได้ก็เลยไม่อยากขัดเขา]
“ไม่เป็นไรหรอก แค่นายทำเรื่องสมัครให้ก็ถือว่าช่วยมากแล้ว ไหนจะช่วยติว แล้วไหนจะเอาหนังสือมาให้อ่านอีก ต้องขอบคุณนายมากจริงๆ” ผมเดินหน้าต่อพร้อมพูดประโยคอย่างจริงจัง “รับรองว่าสอบครั้งนี้ฉันต้องผ่านแน่ ไว้พรุ่งนี้ก่อนสอบฉันจะโทรไปขอกำลังใจจากนายแล้วกัน”
[เอาสิ] จ้านตอบสั้นๆ ก่อนที่ผมจะได้ยินเสียงรถวิ่งอยู่ในสาย
“ตอนนี้นายอยู่ไหน เหมือนฉันได้ยินเสียงรถด้วย”
[คือ... กูกำลังจะเดินเข้าไปหาซื้อเสื้อในห้าง พรุ่งนี้ต้องออกงาน ต้องดูดีหน่อย]
“อ้อ~” ผมพยักหน้าประกอบ
[ว่าแต่... มึงสบายดีใช่มั้ย]
“ก็ยังไม่มีอะไรแย่ ถึงอยู่บ้านในลูเซียนแต่ก็ไม่ค่อยได้เจอกันหรอก เขาออกไปทำงานแต่เช้ากว่าจะกลับก็ดึก เห็นบอกอีกว่าอยากให้ฉันอยู่แบบไม่ให้เขารู้ว่าอยู่ ถือว่าวินวินทั้งคู่”
[อืม... ถ้างั้นแค่นี้ก่อนนะ กูต้องไปแล้ว]
“โอเค”
ความกะทันหันทำให้ผมต้องบอกลาจ้านอย่างเร่งรีบและจากนั้นสายก็ตัดไป ผมเก็บโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋ากางเกงตามเดิมก่อนจะเดินหน้าต่อ ทว่ามุมหนึ่งของถนนตรงหน้า ผมเห็นแผ่นหลังของใครบางคนที่คุ้นตา มันไว้มากเหมือนผ่านไปเพียงแวบเดียว หลังจากข้ามถนนมาผมจึงรีบตามไปและพบว่าเขาคนนั้นขึ้นรถยนต์ไปซะแล้ว
แต่เดี๋ยวก่อน! นั่นมัน... รถจ้านไม่ใช่หรอ?
ไม่นานรถยนต์ที่จอดริมฟุตปาธก็ขับเคลื่อนออกไป จ้านตามผมมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ไหนเมื่อกี้บอกว่ากำลังหาซื้อชุดสำหรับไปงานเลี้ยง แต่เท่าที่เดินผ่านมาแถวนี้ไม่มีร้านตัดชุดเลยนี่ ทำไมต้องทำลับๆ ล่อๆ ด้วย หรือว่าจ้านจะเป็นห่วงผม แต่ถ้าแบบนั้นเขาก็ควรบอกผมตรงๆ สิ ไม่ใช่มาโกหกกันอย่างนี้
กำลังคิดอะไรอยู่สักพักก็มีสายโทรเข้ามาอีก แต่คราวนี้เป็นเบอร์แปลก
“สวัสดีครับ”
[หายหัวไปไหน ทำไมไม่มาทำงาน]
“คุณ!” ผมเผลออุทานเสียงดัง จนต้องเลี่ยงหลบไปริมทางเดินเพื่อตั้งสติ
ไทด์รู้เบอร์ผมได้ไง!
[พอพูดแบบนั้นกับฉันแล้วก็คิดจะชิ่งงั้นหรอ]
“เปล่านะครับ”
[แล้วที่หยุดไปหลายวันโดยไม่บอกฉัน มันหมายความว่าไง]
“เลขาของลูเซียนยังไม่บอกคุณหรอครับ”
[บอกเรื่องอะไร] ถามแบบนี้จะให้ตอบยังไง ถ้าให้เล่าตรงๆ สงสัยต้องสาวเรื่องยาวแน่ และลูเซียนเองก็คงไม่ชอบใจหากผมปากยื่นปากยาวป่าวประกาศเรื่องที่มีเขามาเกี่ยวข้องให้คนอื่นฟัง
“คือ... ผมมาทำงานที่บ้านลูเซียนชั่วคราวน่ะครับ”
[บ้านบอส? เขาหวงพื้นที่ส่วนตัวจะตาย ขนาดอาฉันที่เป็นเลขาส่วนตัวยังไม่เคยนอนค้าง แล้วนายเป็นใคร... แม่บ้านระดับมาสเตอร์ยังสำคัญกว่า มีเหตุผลอะไรที่บอสจะต้องให้นายไปอยู่ด้วย]
“ทำไมคุณไม่ไปถามเขาเองล่ะครับ”
[เอ๊ะไอ้นี่! ยอกย้อนอีก] เขาขึ้นเสียงจนผมต้องเอาโทรศัพท์ห่างจากหูแปบนึง
จะว่าไป ผมก็มีเรื่องจะคุยกับไทด์อยู่พอดี...
“ว่าแต่... คุณยังไม่บอกเรื่องของผมกับใครใช่มั้ยครับ”
[แสดงว่านอกจากฉันแล้วยังไม่มีใครรู้] อยู่ๆ น้ำเสียงของเขาก็เปลี่ยนไป ไทด์คิดอะไรอยู่นะ ผมหวั่นใจจนรู้สึกกระวนกระวายไปหมด คิดว่ามีสิ่งไหนที่ทำได้ผมก็รีบทำทันที
“ขอร้องนะครับ อย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกใคร” สิ่งเดียวที่ผมทำได้ตอนนี้คือขอความเห็นใจจากเขา
[ให้คนอื่นรู้แล้วมันยังไง นายไม่ได้ทำอะไรไม่ดีหนิ ถ้าทุกคนรู้ว่านายความจำเสื่อมก็จะได้มองนายใหม่ แบบนี้ไม่ดีรึไง] ผมเข้าใจความหมายในคำถามนั้น ถึงได้รู้ว่าไทด์ต่างหากที่ไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมทำ
“คุณยังจำตอนที่เคยหลอกผมเรื่องแผลเป็นได้มั้ยครับ” ผมถาม “คุณระแคะระคายเรื่องของผมถึงได้แต่งเรื่องขึ้นมาเพื่อลองเชิง ตอนนั้นผมเชื่อคุณสนิทใจ ยอมทำตามที่บอกทุกอย่าง แล้วถ้าเกิดคนไม่หวังดีกับผมรู้เข้า เขาจะไม่เอาจุดอ่อนเรื่องที่ผมสูญเสียความทรงจำมาทำร้ายผมหรอครับ”
ผมลืมทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้นในชีวิต การกระทำดีเลวของตัวเองล้วนแต่ฟังคนอื่นบอก เรื่องไหนจริงเรื่องไหนเท็จผมไม่มีทางรู้ และดูท่าว่าจุดอ่อนนี้จะเลวร้ายเข้าไปอีกเมื่อคนส่วนใหญ่มองผมเป็นคนไม่ดี เลยอดระแวงไม่ได้ว่าถ้าปล่อยให้คนพวกนั้นรู้ความจริงเข้ามันจะกลายเป็นภัยต่อผมขึ้นมาจริงๆ
หลังจากเงียบเสียงกันไปสักพัก ผมก็ได้ยินเสียงไทด์จากปลายสายอีกครั้ง
[สรุปว่ายังไม่ได้ลาออกใช่มั้ย]
“ครับ”
[สมองเสื่อม... ชีวิตนายนี่มันพิลึกพิลั่นดีจริงๆ] ผมไม่รู้ว่าไทด์พูดด้วยความรู้แบบไหน จึงฟังไปเงียบๆ [แต่ก็ควรอยู่หรอก อย่างน้อยฉันก็ไขข้อข้องใจเรื่องที่นายยอมกินกุ้งได้แล้ว]
“เอ่อ แล้วเรื่องที่ผมขอ...”
[ความจริงฉันก็ไม่ได้อยากยุ่งเรื่องส่วนตัวของนายนักหรอกนะ]
“ขอบคุณครับ” ได้ยินแบบนั้นค่อยโล่งใจ ขอเพียงไทด์ไม่ใส่ใจเรื่องของผมเหมือนอย่างที่เคยทำมาตลอดก็ไม่น่ามีปัญหา หรือถ้าอยากให้ต่างคนต่างอยู่ผมก็จะไม่ขัดข้อง
[เชื่อใจฉันรึไง] คำถามของไทด์ทำให้ฉุกคิดว่าที่ผ่านมาผมมองหัวหน้าพนักงานเสริฟ์คนนี้เป็นอย่างไร หากไม่นับตอนเจอกันครั้งแรกหรือทัศนคติที่มีต่อผม เขาก็ดูไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร
“คุณอาจไม่ชอบขี้หน้าผม แต่คุณไม่ใช่คนไม่ดีหรอกครับ”
รู้สึกเครียดแต่เช้า ไม่รู้ว่าข้อสอบวันนี้จะเอาตัวรอดไปได้รึเปล่า ผมเตรียมเอกสารใส่กระเป๋าสะพายเรียบร้อย เดินมาหยิบขนมปังที่ซื้อไว้ในครัวพร้อมกับหาเครื่องปิ้งขนมปัง วันนี้ขอทำอะไรง่ายๆ กินก่อนไม่งั้นไม่ทันเวลาแน่ ทว่าสิ่งที่ผมพบกลับเป็นเครื่องใหม่เอี่ยม ลักษณะไม่น่าจะเคยถูกใช้งานสักครั้ง
เห็นแล้วผมไม่กล้าใช้เลย สงสัยจะต้องไปขออนุญาตเจ้าของบ้านก่อน...
ผมเคาะประตูห้องนอนลูเซียนเป็นจังหวะ แล้วรอเวลาให้คนด้านในมาเปิด ผ่านไปเพียงชั่วอึดใจชายร่างสูงก็ปรากฏตรงหน้า เขาเตรียมพร้อมที่จะไปทำงาน ใส่สูทเต็มยศ ขาดก็แต่เนกไทที่ยังต้องจัดให้เรียบร้อย
“ผมขอใช้เครื่องปิ้งขนมปังในครัวได้มั้ยครับ” พูดจบก็รอคำตอบ แต่อีกฝ่ายกลับไม่แสดงท่าทีอะไรเลย “ผมจะใช้อย่างระวัง ไม่ทำให้ของคุณเสียหายแน่นอน”
“ฉันบอกให้อยู่ที่นี่เหมือนไม่อยู่ มันยากนักหรือไง” น้ำเสียงของเขาไม่สบอารมณ์เท่าไหร่
“ให้ผมใช้ของโดยไม่ขอคุณก่อนก็เสียมารยาทสิครับ”
“นายเคยสนเรื่องนั้นด้วยรึไง” เหมือนกำลังถูกด่าเลยแฮะ
“คือ... ผมจะทำขนมปังทาแยม คุณอยากรับสักชิ้นมั้ยครับ เดี๋ยวผมทำเผื่อ”
“ไม่ต้อง” ตอบแบบไม่ต้องคิด และสิ่งที่ทำให้ผมหน้าชากว่าเดิมก็ตอนที่เขาปิดประตูใส่หน้าเนี่ยแหละ ปฏิเสธซะหนักแน่น จะเกรี้ยวกราดไปถึงไหน
ผมเดินลงมาจัดการขนมปังแผ่นเพื่อทำเป็นอาหารเช้าคู่กับโอวัลตินซองที่ซื้อมาพร้อมกัน ขณะนั้นผมมองสลับกับแก้วกาแฟที่ชงให้ลูเซียนดื่มเมื่อวาน เขาบอกหวานไปแสดงว่าอยากให้รสน้ำตาลอีกนิด ไม่ได้ปฏิเสธหนักแน่นทำนองว่าผมไม่ต้องเสร่อทำมาอีก ครั้งแรกตอบแทนน้ำใจเขาไม่สำเร็จก็แปลว่าผมต้องแก้ตัว
แต่... เขาบอกว่าให้เราอยู่ที่นี่เหมือนไม่อยู่นี่หว่า
เวลาผ่านไปห้านาที ผมเห็นลูเซียนเดินลงบันไดมาพร้อมกับบุคลิกมาดเข้ม โดยรวมแล้วไม่ต้องจัดการอะไรอีกก็สามารถออกจากบ้านได้เลย ทีนี้ผมรอจังหวะให้เขาหันมามอง พอสบตากันในเสี้ยวนาทีนั้นผมก็หันไปกดน้ำร้อนใส่แก้วกาแฟแล้วเดินถือไปหาเขาอย่างเร่งรีบ
“ลองชิมแก้วนี้ก่อนครับ รับรองว่ารสชาติถูกปากคุณกว่าเมื่อวานแน่ๆ” ผมตั้งใจพูดดักไว้ก่อน เพราะรู้ว่าหลังจากนี้ลูเซียนจะเดินเข้าครัวเพื่อชงกาแฟดื่มก่อนไปทำงาน
แต่จากสีหน้านิ่งๆ และดูจะไม่สบอารมณ์ของเขาแล้ว ผมอาจโดนปฏิเสธน้ำใจอีกแน่เลย...
ลูเซียนยืนมองแก้วกาแฟในมือผมโดยไม่พูดอะไรประมาณสิบวินาทีได้ กำลังสงสัย ลังเล หรือไม่แน่ใจอะไรก็ไม่ยอมพูดออกมา ลำพังเดาจากสีหน้าก็ยากอยู่แล้ว ยังจะต้องให้เดาสิ่งที่อยู่ในใจเขาอีกหรอ
ทว่าในฉับพลันนั้นทุกอย่างจะหยุดชะงักลง เมื่อคนตรงหน้ายกแก้วกาแฟไปจากมือผม
“นึกว่าคุณจะไม่รับซะอีก” ผมยิ้มเล็กน้อย พลางยกมือเกาหัวไปมา
“นายมันก็เป็นแบบนี้ตลอด ไม่เคยใส่ใจคำปฏิเสธของฉัน ทั้งดื้อดึง ทั้งหัวรั้น... ฉันรำคาญเต็มทน” ความหมายของเขาคือรับไปให้มันจบๆ สินะ พูดยังกับว่าเมื่อก่อนเขาบอกปัดผมบ่อยๆ แต่ผมก็ยังตื้อไม่เลิกอย่างงั้นแหละ
“ถ้าครั้งนี้ไม่ถูกปากคุณอีก ผมจะไม่ทำแล้วก็ได้ครับ” นัยน์ตาคมหรี่มองผมชั่วครู่ จากนั้นยกแก้วกาแฟขึ้นดื่มเพียงนิด ผมลุ้นโดยไม่แสดงอาการ โดยหวังอย่างยิ่งว่าการตอบแทนเขาเรื่องอธิบายโจทย์เลขจะได้ชดใช้เสียที
แต่จู่ๆ ชายคนนี้กลับหยิบอะไรบางอย่างมาวางไว้ตรงหน้าผมแทน
“กุญแจประตูหลัง เผื่อแม่บ้านที่จะเข้ามาทำความสะอาดไม่อยู่ตอนนายกลับมา” เดี๋ยวๆ อย่าข้ามบทแบบนี้สิ
“แล้วเรื่องรสชาติล่ะครับ” ถามจบ คนตัวสูงแค่มองผมแล้วถอนหายใจนิดหน่อย ใครที่อยู่ในสถานการณ์เดียวกับผมคงเดาได้อย่างเดียวว่าโดนรำคาญอีกแล้วแน่ๆ แค่ไม่อยากติดหนี้บุญคุณลูเซียน กลับกลายเป็นก่อความวุ่นวายให้เขา
โอเค ไม่ทำแล้วก็ได้วะ
ผมกำลังก้มหน้าถอนหายใจทิ้ง จู่ๆ แก้วกาแฟก็ถูกวางลงบนโต๊ะโดยฝีมือของลูเซียน จากนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าหนักหน่วงเดินออกไปจากครัวในจังหวะเดียวกับที่ผมเหลือบมองภาพอันน่าประหลาดใจตรงหน้า
ลูเซียน... ดื่มซะเกลี้ยงเลย TBC
หายไปหลายวัน เดี๋ยวพรุ่งนี้จะอัพเดตตอนต่อไปให้เวลาประมาณ 2 ทุ่มละกันเนอะ
รู้สึกว่าจะมีคนถามหาอีวานกันเยอะเลย เขามาแน่นอนจ้า อีกไม่กี่ตอนต่อจากนี้แหละ
รับรองว่าสมแก่การรอคอยแน่นอน 55555