♡̷ ผ า เ พี ย ง ฟ้ า - 2 9 | a drunk man never tell a lie - P.7 (16/03/20)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ♡̷ ผ า เ พี ย ง ฟ้ า - 2 9 | a drunk man never tell a lie - P.7 (16/03/20)  (อ่าน 47637 ครั้ง)

ออฟไลน์ before30october

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-2
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม




__________




ผ า เ พี ย ง ฟ้ า


And smiles turn into laughs
and laughs turn into kisses-
and before you know it,
the days turn into weeks-
and weeks into months.

And you'll find yourself
forgetting what it was like
before they were in your life.
                                 
j.a





สารบัญ
1 | don't smile like that
2 | the hardest climb
3 | How to deal with insomnia
4 | ILYSB
5 | me, you and him
6 | can you take me home?
7 | I'm not lying
8 | you came into my heart, really fast
9 | keep it secret!!!
10 | I don't know how hurt I am until someone was kind to me
11 | an endless beach f. you
12| I will be a good guy, I promise
13 | 4 minutes, 17 seconds
14 | p.s. tomorrow 10 am
15 | and then autumn kill spring with his hug
16 | rainstroms, earthquakes or blackouts
17 | Maybe I miss you
18 | that kind of smile
19 | your laugh, your smile and your kiss
20 | and my words are as timed as the beating in my chest 50% แรก
20 | and my words are as timed as the beating in my chest 50% หลัง
21 | I feel so safe when I'm with you 50% แรก
21 | I feel so safe when I'm with you 50% หลัง
22 | Falling Slowly 50% แรก
22 | Falling Slowly 50% หลัง
23 | Said "I'm fine", but it wasn't true 50% แรก
23 | Said "I'm fine", but it wasn't true 50% หลัง
24 | And then I said "yes"
25 | something only we know
26 | "I LOVE YOU"
27 | you feel like home and everywhere i've never been
28 | you've got daddy issues and i love it too
29 | here, there and everywhere 50% แรก
29 | here, there and everywhere 50% หลัง
30 | a drunk man never tell a lie













before30october


Other
◑ คุ ณ ไ ม่ ต ร ง ป ก
ʕ·ᴥ·ʔ พ ร ะ เ พ ลิ ง แ พ้ พ่ า ย




Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-03-2020 23:01:18 โดย before30october »

ออฟไลน์ before30october

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-2
Re: ผ า เ พี ย ง ฟ้ า - 1 | don't smile like that P.1 (4/7/19)
«ตอบ #1 เมื่อ04-07-2019 22:12:52 »



ผ า เ พี ย ง ฟ้ า


1

don't smile like that


_________



   เป็นเพราะว่า ‘เขา’ เป็นน้องรักของเพื่อนในกลุ่มผม
   และ ‘ผม’ เป็นเพื่อนสนิทของพี่ที่เขารู้จัก

   เลยทำให้โลกของ ‘เรา’ บังเอิญโคจรซ้อนทับกันอยู่บ่อยๆ
   .
   .
   .

   “เรียกไอ้ม่านมาดิ”
   ใครสักคนในกลุ่มพูดพลางจ้องมองไปยังเจ้าของชื่อที่ยืนคุยกับเพื่อนอยู่อย่างออกรส

   จังหวะที่ลมพัดผ่าน ผมละสายตาจากแผ่นกระดาษบนโต๊ะแล้วมองตาม อันที่จริงแล้วตัวเองไม่ค่อยเห็นความจำเป็นที่จะต้องเรียกเขาด้วยซ้ำ
   เพราะโดยปกติแล้ว—

   “นั่นไง มันมานู่นละ”

   —เขาก็มักจะเข้ามาอยู่ในวงโคจรของผมซ้ำๆ โดยที่ไม่ต้องทำอะไร

   “ขอตัวดิพี่”
   คนอายุน้อยกว่ายื่นมือไปข้างหน้าหลังจากพูดจบ เหมือนเป็นที่รู้กันดีว่าคำพูดที่สื่อออกไปมันหมายความว่ายังไงในเมื่อเรานั่งบนม้านั่งของบริเวณพื้นที่สูบบุหรี่

   ฮั่นเป็นคนที่หยิบยื่นให้เขาในทันทีหลังจากคำร้องขอ ทั้งหมดตกอยู่ในสายตาของคนทั้งห้าที่นั่งร่วมกัน รวมทั้งผมด้วยอีกคน
   คนในชุดนักศึกษาล้วงไฟแช็กจากกระเป๋ากางเกงด้านหลังขึ้นจุด หมุนฟันเฟืองของมันเกือบรอบให้เปลวไฟจุดติดบริเวณก้าน สูดเอาความหอมหวานของนิโคตินเข้าสู่ร่างกายแล้วปล่อยร่องรอยการเผาไหม้ให้ลอยขึ้นสูง

   ผมเหลือบมองอยู่สักพักก่อนจะตั้งใจอ่านข้อความในเนื้อหาบนกระดาษแผ่นเดิมต่อ

   แต่มันกลับไม่เป็นดังหวัง
   เมื่อเสียงเรียกดังแทรกเข้ามาจนต้องละความสนใจทั้งหมด

   “ขยันแบบนี้ตลอดเลยเปล่า?”

   น้ำเสียงของเขายังยียวนกวนประสาทเช่นเดิม บวกกับรอยยิ้มมุมปากหลังจากยกก้านบุหรี่ออกนั่นมันทำให้ผมได้แต่ทำหน้านิ่งตอบรับ
   หลายคนบอกว่ามันดูหยิ่ง

   แต่จริงๆ แล้วมันไม่ใช่

   “อารมณ์ไม่ดีหรอ?”
   เสียงเขาเปลี่ยนเป็นกระซิบ แต่ถึงอย่างนั้นก็คงไม่สามารถเล็ดลอดจากความเอาใจใส่ของเพื่อนในกลุ่มไปได้
   มีหนึ่งคนจ้องมา อีกสองยิ้มขำ ส่วนคนอื่นๆ ก็เล่นโทรศัพท์แต่เงี่ยหูฟังอย่างแน่นอน

   “เปล่า”

   “ก็ดูทำหน้าดิ”

   ผมถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน มองไอ้คนที่ใช้ดวงตาคู่นั้นจ้องมองมาไม่ละไปไหน เราสบตากันอยู่นานก่อนที่ตัวเองจะปฏิเสธออกไปอีกรอบ

   “แค่ไม่ได้ยิ้มนี่ถือว่าอารมณ์ไม่ดีเลยหรอ?”

   อีกฝ่ายยักไหล่ ใช้นิ้วชี้กับนิ้วกลางคีบบุหรี่ครึ่งมวนเอาไว้แล้วเท้าแขนไปด้านหลัง
   แถมการกระทำเหล่านั้นเกิดขึ้นทั้งๆ ที่ยังไม่สะลายตาไปเลยสักนิด

   “เปล่า”

   คราวนี้อีกคนตอบปฏิเสธ ผมรู้สึกงุนงงจึงไม่พยายามหาคำตอบจากเขาอีก อาจจะเพราะชินกับสถานการณ์ที่มันเกิดขึ้นเป็นอย่างดีจึงไม่อยากเท้าความต่อ

   “ก็ปกติเธอยิ้ม”

   เพราะสรรพนามที่ถูกเรียกมันทำให้ผมชะงัก
   และแน่นอน
มีสี่คนจ้องมา หนึ่งคนยิ้มขำ เจ้าตัวการแลบลิ้นคล้ายกำลังแอบขัดเขิน

   โห
   รอบนี้มีถึงสี่เลยหรอวะ?

   ผมโน้มตัวไปข้างหน้า เพียงแค่โต๊ะหินอ่อนคั่นไม่ได้เป็นปัญหากับระยะทางของเราทั้งคู่ ก่อนที่จะหยุดลงเมื่อคิ้วของคนตัวสูงเริ่มขมวด

   เราสบตากันอยู่อย่างนั้น
   ก่อนที่ยิ้มหวานจะถูกส่งให้จนใครบางคนใจเต้นรัว   

   “แบบนี้หรอที่อยากได้?”

   บรรยากาศบนโต๊ะเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมืออย่างเห็นได้ชัด เสียงวิ้ดวิ้วดังตามมาก่อนที่จะมีมือตบหลังคนที่นั่งตรงข้ามเบาๆ

   “ยอมรับเหอะว่ามึงแพ้ ฮ่าๆ”

   “สู้ๆ นะครับม่าน”

   “มันหน้าแดงหมดละ”

   ผมส่ายหัวเมื่อได้ยินดังนั้น แอบทำหน้าดุใส่อีกฝ่ายส่งท้ายเพื่อบอกว่าการกวนประสาทของเราจบลงเท่านี้

   แต่ประโยคของคนตรงหน้า

   “แม่ง...”

   ที่มันเอื้อยเอ่ยออกมาในตอนที่มีรอยยิ้มกว้างจนตาปิด เสยผมไปด้านหลังพร้อมกับหัวเราะเบาๆ นั้น

   “โคตรน่ารักเลยว่ะ”

   เพราะประโยคนั้น
   มันทำให้ใจผมเริ่มเต้นรัวบ้างอย่างที่มันเป็นมาตลอด

   เจ้าตัวหันมองไปทางอื่น แอบอมยิ้มเพราะไม่สามารถกลั้นอาการของตัวเองได้ แตกต่างจากผมเองที่ยังคงนิ่ง ไม่ฉายแววว่าดีใจหรือเสียใจหลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว




   แต่ใครจะไปรู้
   ว่าคนที่โดนชอบมันก็มีแอบหวั่นไหวบ้างเหมือนกันแหละน่า






   ไอ้เด็กหน้าหมา!
   ใครบอกให้ยิ้มแบบนั้นวะเวลาชมคนอื่น!



   





#ผาเพียงฟ้า

4/7/19
before30october




ออฟไลน์ before30october

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-2
Re: ผ า เ พี ย ง ฟ้ า - 1 | don't smile like that P.1 (4/7/19)
«ตอบ #2 เมื่อ07-07-2019 02:08:31 »



ผ า เ พี ย ง ฟ้ า


2

the hardest climb


_________

bgm : you - zweet n' roll


' อยากให้เธอได้รู้ ฉันแค่ขอเฝ้าดู
ยังไม่ขอเข้าไป อยู่ข้างๆใจเธอ
เก็บช่วงเวลาเอาไว้ เพราะมันทำให้ใจของฉันลอยไป '


_________






   บางครั้ง ผมก็ภาวนาให้คืนวันศุกร์ของตัวเองจบลงที่เตียงนอนหลังใหญ่ เปิดคอมดูเนตฟลิกซ์ไปพร้อมกับผ้าห่มแสนนุ่ม
 
   ​แต่มันกลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะเพื่อนๆ ผมมันช่างลดความอยากแอลกอฮอลล์ได้ยากเย็นเสียเหลือเกิน
 
​   “ได้ข่าวว่าไอ้ทัพมันจีบน้องป่านหรอ?”
 
​   ผู้ชายใส่แว่น หน้าตี๋ เป็นคนเปิดบทสนทนาก่อนจะยกบุหรี่ขึ้นสูบ หน้าตาเจ้าตัวดูเนิร์ดเข้าไส้แต่ใครจะรู้ว่ามันน่ะเจ้าชู้ตัวพ่อ
 
   ​“ป่านไหนวะนาวา?” คนที่นั่งหัวโต๊ะเอ่ยถามต่อ กอดอกหลังจากวางแก้วที่มีของเหลวอยู่เพียงครึ่ง
 
​   “น้องป่านปีหนึ่งอ่ะ กลุ่มน้องมิค”
   ​“น้องเดือนสาขา?”
​   “เออคนนั้นแหละ”
 
   ​นาวาพยักพเยิดก่อนจะยกบุหรี่มวนเดิมขึ้นดูดอีกรอบ ขยับตัวนั่งให้ได้ท่าที่สบายจนเสื้อเชิ้ตแขนสั้นลายฮาวายที่ปลดกระดุมบนสองเม็ดแหวกบริเวณอก เผยให้เห็นรอยสักที่ติดตัวมาตั้งแต่ที่ผมรู้จักมันครั้งแรก
 
​   ก็บอกแล้ว มันไม่ได้เนิร์ดจริงหรอก
 
   ​“เหอะ อย่างไอ้ทัพ”
 
   ​คนที่นั่งข้างผมสบถในลำคอพร้อมกับหัวเราะเบาๆ ใช้นิ้วชี้เคาะเถ้าถ่านจากการเผาไหม้ลงบนที่เขี่ยบุหรีสีใส ก่อนจะหันมามองเมื่อรู้สึกได้ว่าโดนจ้องอยู่นาน
 
   ​“อะไร?”
   “เปล่า”
 
​   ผมยักไหล่เป็นการปฏิเสธ เอียงศีรษะรับองศาให้กับควันที่ลอยกรุ่นขึ้นบนฟ้า และในตอนที่ก้มหน้าลงมาดังเก่า เราก็ได้สบตากันโดยบังเอิญ
 
   ​จากผู้ชายที่นั่งตรงนั้น
​   ที่รายล้อมไปด้วยผู้คนมากหน้า
   ​แต่มันกลับโดดเด่นในสายตาผมเป็นอย่างมาก
 
   ​เจ้าตัวใส่เสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีดำแบบที่เห็นเป็นประจำนอกจากชุดนักศึกษา แผงอกขาวปะทะเมื่อผ้าพลิ้วไหวไปตามการขยับ มีเครื่องประดับเป็นสร้อยสีเงินสองสามเส้นที่สั้นยาวต่างกันบริเวณลำคอ มันสะท้อนแสงที่มีอยู่อย่างระยิบระยับ และเมื่อบวกกับต่างหูที่เขาเลือกสวมใส่ด้วยแล้ว

   มันก็ทำให้​ผมไม่สามารถละสายตาไปไหนได้อีกเลย
 
   ​เราสบตากันเพียงเสี้ยววิ ก่อนที่รอยยิ้มจะประดับบนใบหน้าของคนอายุน้อยกว่าในตอนที่หันไปหาเพื่อน
 
   ​และเป็นอีกครั้ง
   ที่เขานั้นเป็นฝ่ายหลบสายตาผมก่อน
   
   ​“ไอ้ม่านก็มาหรอ?”
 
​   บทสนทนาเรื่องชาวบ้านกลับกลายเป็นคำถามของคนสนิท หลังจากนั่งเงียบมานานไอ้ตินก็ร่วมวงด้วยประโยคสั้นๆ ได้ใจความตามที่พูด
 
​   “นั่งอยู่นั่นไง”
​   “มากับแก๊งมันอ่ะดิ”
 
​   ปัทถ์เอ่ยตอบเพราะอยู่ในมุมที่มองเห็นได้อย่างชัดเจนเหมือนกัน เจ้าตัวกอดอกพร้อมกับเอนไปด้านหลัง รับฟังเสียงเพลงที่คลอเคล้าในร้านเหล้าอย่างเพลิดเพลินใจ
 
​   “แต่เพื่อนมึงเนี่ย นานเหลือเกินนะ”
 
   ​เนิร์ดไม่จริงถามหาบุคคลอีกหนึ่งที่หายไปจากในกลุ่ม มองนาฬิกาบนหน้าจอโทรศัพท์ที่สว่างวาบแล้วดับไป
 
​   “เอาเหอะ ไอ้เหนือไม่สายงานไหนไม่ใช่มันจริงๆ ว่ะ”
   ​“นินทากูหรอไอ้สัส”
 
​   จู่ๆ คนที่โดนนินทาก็ปรากฏด้านหลัง มันใช้แขนแกร่งรัดคอผมจนไอค่อกแค่กเพราะขาดอากาศ แอบยิ้มเยาะให้กับภาพใบหน้าแหยนั่นก่อนจะนั่งลงด้านข้างอีกฝั่งที่ยังว่างอยู่
 
​   “ไปไหนมา”
​   ผมถามมันพอเป็นพิธี ได้รับคำตอบพร้อมการยักไหล่
   ​“คุยกับแม่”
   ​“แม่ทูนหัวมึงน่ะสิไม่ว่า”
   ​เพี๊ยะ!
   ​“เชี่ย เจ็บบบ”
 
   ​การทะเลาะกันของไม้เบื่อไม้เมาอย่างปัทถ์และเหนือยังดำเนินต่อไปไม่รู้จบโดยมีผมอยู่ตรงกลาง พยายามที่จะไม่สนใจแต่บางครั้งก็อดสวนกลับไปบ้างไม่ได้ ตินมองมาด้วยสายตาเย็นชาเช่นเคย ต่างจากฮั่นและนาวาที่ดูเบื่อเสียเต็มประดาพร้อมกับจิบเหล้ากันไปสองคน
 
​   ยิ่งเวลาผ่านไปนาน รสชาติของแอลกอฮอลล์ก็เริ่มหวานจนเกินจะทานทน
​   แต่มันช่างต่างกับบทเพลงที่ถูกบรรเลงโดยคนสองสามคนเสียอย่างนั้น
 
​   คงจะจริงอย่างที่เขาว่า
​   ยิ่งดึก เพลงก็ยิ่งเคล้าน้ำตาเป็นไหนๆ
 
​   “อ้าวชนๆ”
 
   ​เพื่อนในกลุ่มสะกิดเรียกกันเป็นทอดๆ ผมเปลี่ยนมือที่คีบบุหรี่เป็นด้านขวา ก่อนจะหยิบแก้วขึ้นมาแล้วยกดื่มจนหยดน้ำไหลรินออกจากริมฝีปาก
 
​   พร้อมกับเริ่มรู้สึกตัวว่ามีบางอย่างจ้องมาจากทางด้านซ้าย
 
​   อีกฝ่ายเลิกคิ้วขึ้นนิดหน่อยคล้ายกับจะเอ่ยถาม แต่ผมก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก พยายามใช้แขนเช็ดความสกปรกที่ยังคงอยู่ให้หายไปจนหมด
 
​   “ไงมึง โผล่หน้ามาจนได้นะ”
​   ไอ้เหนือเอ่ยทักเป็นคนแรก คนอายุน้อยกว่าหัวเราะเบาๆ
 
   ​“เพื่อนผมกลับกันหมดแล้วพี่ เลยมาหาเนี่ยแหละ พวกพี่จะกลับกันยัง?”
​   “หมดขวดนี้ก็กลับละเหมือนกัน”
 
​   ม่านพยักหน้าหงึกหงัก รับบุหรี่ที่ยื่นให้จากไอ้ปัทถ์แล้วหยิบไฟแช็กของมันจ่อบริเวณปลาย และก่อนที่เปลวไฟจะสว่างวาบ มันมองหน้าผมอีกครั้งคล้ายกับมีคำถามที่ไม่ได้เอ่ยออกมา
 
​   เจ้าตัวยังนิ่ง นิ้วชี้และนิ้วกลางยังหนีบก้านสีขาวเอาไว้มั่น
​   เมื่อไม่เห็นว่าผมจะสนใจ อีกฝ่ายก็เอียงหน้าลงอีกครั้งเพื่อขอคำตอบ
 
   ทั้งๆที่ไม่ต้องขอด้วยซ้ำ
   แต่ทำไมมันก็ยังจะทำแบบนี้อยู่เรื่อยๆ

​   “อืม”
 
   ​คำอนุญาตที่ส่งออกไปเพียงแผ่วเบาถูกตอบรับเป็นเสียง แชะ! ที่ดังตามมาติดๆ ถึงแม้จะเป็นสถานการณ์ที่ดูแปลกไปนิด แต่ผมก็ชินชากับมันแล้วจริงๆ
 
   ​ม่านมันก็เป็นแบบนี้
   ​ไม่พูดมาก ไม่ถามย้ำ และไม่ทำให้เขาอึดอัดกับความสัมพันธ์ที่มันเป็นฝ่ายเริ่ม

   บรรยากาศยามเลิกร้านเงียบลงเป็นอย่างมาก เรื่องราวบนโต๊ะไหลลื่นไปหลายทาง ทั้งเรื่องชาวบ้าน เรื่องงานของมหาลัย หรือแม้แต่เรื่องเซ็กส์ของชายหนุ่มวัยอยากรู้อยากลอง
 
​   “กูไปก่อนนะ”

​   บุคคลที่เงียบที่สุดในโต๊ะบอกลาพร้อมกับใช้มือล้วงกระเป๋า เรายกมือทักทายเล็กน้อย

   เมื่อคนที่นั่งคั่นลุกออกไปจากตรงนั้น ก่อนที่เจ้าของเสื้อเชิ้ตสีดำก็เอ่ยถามผมย้ำด้วยความเป็นห่วง
 
​   “แล้วเธอล่ะ...”
​   “…”
   ​“จะกลับไง?”
 
   เขาเลื่อนมือที่ถือบุหรี่ไปไว้อีกข้าง ใช้มือปัดเพื่อทำลายล้างสิ่งที่อยู่ในอากาศไปมา กลัวว่าควันที่มันลอยต่ำจะทำอันตรายต่อผม

   ทั้งๆ ที่ไม่จำเป็นอีกนั่นแหละ
 
​   “คงกลับกับฮั่น”
   ​“ไม่ได้เอารถมาหรอ?”
​   “ขี้เกียจขับ”
 
​   อีกฝ่ายเงียบไปนานคล้ายกำลังชั่งใจกับอะไรบางอย่าง ก่อนที่จะถามมาอีกครั้ง
​   และครั้งนี้ มันก็เป็นคำของ่ายๆ ที่ทำเอาผมชะงักไปชั่วครู่
 
​   “ให้เค้าไปส่งได้มั้ย?”
 
​   ไม่บ่อยนักที่อีกฝ่ายจะร้องขอ เพราะเจ้าตัวเองก็รู้ว่าผมมักจะปฏิเสธความหวังดีจากเขาอยู่เสมอ
 

   ผมไม่ได้อยากใจร้าย
   และผมก็ไม่ได้อยากเลี้ยงไข้ความชอบของใครที่ส่งมา

   กลัวว่าสักวันหนึ่งถ้าเราเรียนรู้กันแล้วมันไม่ใช่
   คนที่จะเจ็บปวดให้กับความสัมพันธ์ทั้งหมดที่มันเกิดขึ้น


   จะเป็นเขาเอง




   ​ริมฝีปากบางเม้มแน่น สายตายังสบกับเจ้าของคนพูดที่มองอยู่อย่างมีความหวัง ผมเบือนหน้าไปอีกทาง ดูดบุหรี่ที่เกือบจะหมดก้านอยู่รอมร่อแล้วดับมันลงอย่างเชื่องช้า
 
   ​พร้อมกับความคิดในหัวที่ตีกันไปมาอย่างหนัก
 
​   “ให้น้องมันไปส่งเหอะ”
 
   ​และเป็นฮั่นที่เข้ามาขัดจังหวะในตอนที่สับสน
 
   ​ผมมองหน้ามันแน่นิ่ง ไม่รู้ทำไมถึงได้พูดแบบนั้นออกมา แต่พอจะเข้าใจได้ว่าคงจะเอ็นดูปนกับสงสารเด็กที่ตามวอแวผมมาสักพักแล้วเหมือนกัน
 
​   “เอาน่าผา คิดมากจังวะ”
 
   ​มันเอ่ยย้ำอีกครั้งด้วยสีหน้าจริงจังพร้อมกับผลักหัวเขาไปมา แรงที่ส่งให้ทำเอาต้องเอนไปด้านหลังจนเกือบเซ แต่ดีที่ยั้งตัวไว้ทันจึงกลับมานั่งท่าเดิมได้
 
​   “อืม”




​   “คือ?”
 
​   อีกฝ่ายแลบลิ้นเลียริมฝีปากก่อนจะเสยผมไปด้านหลัง ท่าทางเหล่านั้นมันเด่นชัดว่ากำลังประหม่า
 
​   “ก็ไปส่งไง”

 
 



 
 
   ​,

   
​   เสียงเพลงบนรถช่วยผ่อนคลายความอึดอัดไปได้มากระหว่างที่อยู่บนท้องถนน แสงไฟเปลี่ยนจากสีแดงเป็นเขียวเพื่อเป็นสัญญาณให้รถวิ่งผ่าน ความเร็วที่อีกคนใช้ไม่มากนัก พอจะทำให้ผมโล่งใจอยู่บ้างว่าม่านไม่ได้ดื่มมากจนไม่มีสติ
 
​   “กินเยอะไหมวันนี้?”
 
​   บทสนทนาของเราเริ่มต้นขึ้นด้วยประโยคง่ายๆ ผมเป็นฝ่ายถาม และคนที่นั่งหลังพวงมาลัยนั้นก็ตอบกลับอย่างแผ่วเบา
 
   ​“นิดนึง วันนี้วันเกิดไอ้เตมันเลยเลี่ยงไม่ได้”
​   “เมาแล้วอย่าขับรถล่ะ” ผมเอ็ด ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ของเจ้าตัวคลอเคลียอยู่ตลอด
   ​“ถ้าเมาก็ไม่กล้าขับมาส่งหรอก”
​   “…”
​   “แล้วเธอล่ะ?”
   ​“ไม่เมา กินไปนิดเดียว”
​   “อืม ——ดีแล้ว”
​   “…”
​   “จะได้ไม่ห่วง”
 
   ​คำว่าห่วงของมันทำเอาผมคิ้วขมวดเล็กน้อย จังหวะที่เป็นปกติตรงอกข้างซ้ายกระตุกจนหวั่นใจ

   อาจเพราะเจ้าของประโยคพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่มีความหวือหวาซ่อนอยู่ ไม่ได้มีบรรยากาศแสนโรแมนติกโดยรอบ

   แค่พูดคำที่อยู่ในใจออกมาอย่างง่ายๆ

   แต่บ่งบอกได้ทางน้ำเสียงว่ากำลังจริงจัง
 


​   เราไม่ได้คุยอะไรกันมากนักจนกว่ารถจะจอดเทียบท่าที่ฟุตบาท แสงไฟสีส้มส่องเป็นทางลอดผ่านกระจก มองเห็นใบหน้าคนด้านข้างที่ยังไม่ละสายตาจากท้องถนน มือข้างหนึ่งพาดไปยังพวงมาลัย ไม่ได้ดับเครื่องยนต์แต่อย่างใดทั้งนั้น
 
   ​ความอ้อยอิ่งเกิดขึ้นจนผมเองเกิดทนไม่ไหว เลื่อนมือปลดเข็มขัดนิรภัยเพื่อเตรียมตัวลงจากรถ
 
   ​“เดี๋ยวสิ”
 
   ​แต่ก็ถูกรั้งไว้จากคนข้างกายที่ยังนั่งนิ่ง

   มือแกร่งสัมผัสเพียงแผ่วเบาที่ต้นแขนเพื่อรั้ง ผละมันออกอย่างรวดเร็วคล้ายรู้ว่ากำลังลำเส้น

   และดูเหมือนจะเป็นครั้งแรกด้วยซ้ำที่เจ้าตัวแตะต้องเขา

   ​“…”
   ​“…”
 
​   “มีอะไร?” ถามด้วยความสงสัย เห็นอีกฝ่ายเอนตัวพิงกับเบาะพร้อมกับถอนหายใจออกมา

   “...”
   “...”
   “ม่าน?”
 
   ​“เปล่าหรอก”
​   “…”
​   “แค่อยากอยู่กับเธอให้นานกว่านี้อีกหน่อย”
   “...”




   “แค่นั้นเอง”



   ​รอยยิ้มปรากฏจนทำให้ดวงตาคู่นั้นยิ้มตามไปด้วย เจ้าตัวมองผมก่อนจะเบือนไปทางเก่าคล้ายอยากจะเก็บช่วงเวลานี้ไว้ให้นานที่สุด

   รอยยิ้มเริ่มหายไป เหลือเพียงเศษเสี้ยวความสุขที่หลงเหลือบนใบหน้า

 
   ​และผมเองก็เข้าใจ
   เวลาที่ชอบใครมากๆ เราก็อยากจะใช้เวลาอยู่กับเขาให้เนิ่นนานเช่นกัน



   ผมไม่เคยตอบรับความรู้สึกที่เขาให้มาเลยสักครั้ง
   แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่เคยมองผ่านสิ่งที่เขาตั้งใจจะมอบให้มาโดยตลอด

   บอกแล้วว่าผมไม่ได้อยากใจร้าย
   แต่ตัวตนของผมตอนนี้มันไม่พร้อมจะรับความหวังดีของใครไว้ได้หรอก
   และก็ไม่อยากให้ใครคนนั้นรับเอาตัวตนของผมมากเกินไปกว่านี้ด้วย




   เป็นแค่คนธรรมดา
   ที่กำแพงในหัวใจสูงลิบลิ่ว



   เป็นหน้าผาที่สูงเพียงฟ้า
   และไม่มีนักปีนเขาคนไหนอดทนต่อความเสี่ยงนี้ได้เลย





   ยกเว้นก็แต่คนด้านข้าง

 
 
   ​“ผา”
 
   ​เสียงเรียกชื่อตัวเองเป็นครั้งสุดท้ายของวันดังขึ้นในตอนที่เพลงเปลี่ยนคีย์ใหม่
 
   ​“ฝันดีนะ”
 
   ​และผมก็ตอบรับกลับไปเบาๆ อย่างที่เคย
 
   ​“อืม”
 
   ​สายลมของยามดึกพัดผ่านจนทำให้เส้นผมปลิวไสว เท้ารีบก้าวเข้าไปข้างในตึกสูง กดเลขชั้นเพื่อให้ลิฟต์เดินทางไปส่งยังด้านบน
 
 
   ​แต่ในตอนที่นึกถึงช่วงเวลาไม่กี่นาทีก่อนหน้า
​   ช่วงเวลาที่มีเขาอยู่ใกล้ๆ
   ​ช่วงเวลาที่รู้สึกสบายใจโดยไม่ต้องทำอะไรมาก
   ​มันกลับทำให้ผมก้มลงพร้อมกับรอยยิ้มบางที่ปรากฏอย่างไม่มีสาเหตุ
 
 
 
 
   ​บางครั้ง
   ​ความธรรมดาที่ได้รับมันกลับพิเศษในใจใครบางคนเหมือนกันโดยที่อีกฝ่ายไม่เคยได้รู้






   และหน้าผาที่สูงเพียงฟ้า





   ก็ดูเหมือนมันจะค่อยๆ พังลงมาทีละนิด












   





#ผาเพียงฟ้า

พอฟังเพลงนี้พล็อตก็ขึ้นมาทันทีเลย
ลองไปฟังกันได้นะคะ
เป็นเพลงใหม่ของ zweet n' roll ที่เราชอบมากๆ อีกแล้ว

7/7/19
before30october



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-07-2019 02:16:26 โดย before30october »

ออฟไลน์ lolli_candy99

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ผ า เ พี ย ง ฟ้ า - 2 | the hardest climb P.1 (7/7/19)
«ตอบ #3 เมื่อ07-07-2019 02:27:13 »

ฮือออออออ ดีมากกกกกกก รอต้ดตามนะะะะ

ออฟไลน์ before30october

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-2
Re: ผ า เ พี ย ง ฟ้ า - 2 | the hardest climb P.1 (7/7/19)
«ตอบ #4 เมื่อ11-07-2019 21:38:06 »



ผ า เ พี ย ง ฟ้ า


3

How to deal with insomnia


_________

bgm : หนีห่าง - เขียนไขและวาณิชย์


' ใจเธอยังคงสับสน
อยู่บนดาวเคราะห์ดวงนึง
คอยหมุนผ่านไป
รอบกายฉัน '


_________




   สองสามวันมานี้ผมสังเกตเห็นความผิดปกติในห้องขนาดเล็กของตัวเองที่อาศัยอยู่ รู้สึกได้ถึงบางอย่างที่มันเปลี่ยนไปคล้ายกับมีใครบางคนอยู่ข้างๆ

   ผมไม่ได้สนใจมันมากนัก ถึงแม้จะเป็นสิ่งลี้ลับก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกกลัวอยู่แล้ว แค่ใช้ชีวิตตามปกติไม่มาเบียดเบียนโลกของกันและกันก็จะขอบคุณมาก

   แต่วันนี้มันกลับแตกต่างไปจากเดิม

   ผมรู้สึกได้ว่ามันชัดเจนขึ้นจากหลายวันก่อน คล้ายกับมีคนจ้องมองผมในตอนที่นอนบนเตียงหลังใหญ่ เวลาทำอะไรก็เหมือนกับว่าตัวเองไม่ได้อยู่คนเดียวอย่างที่เคยเป็น

   มันชัดเจนขึ้น

   มากขึ้นเรื่อยๆ

   จนในวินาทีที่ผมทนไม่ไหวถึงกับต้องลุกไปเข้าห้องน้ำ แสงไฟริบหรี่ในห้องก็กะพริบปริบตามจังหวะการเดิน ผมพยายามมองไปรอบตัวแต่ก็ไม่เห็นสิ่งผิดปกติ รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยแต่ก็มาหยุดยืนอยู่มุมหนึ่งที่มีสวิตช์ไฟฝังอยู่จนได้

   จากนั้น มือก็เอื้อมไปสลับขั้วให้แสงสว่างเริ่มต้นทำงานในห้องน้ำขนาดเล็ก

   พรึบ!

   และผมก็ได้เห็นบางอย่างผ่านช่องประตูที่แง้มไว้อยู่เล็กน้อย

   มันเป็นสีแดง
   หยดไหลบนผนังไปตามแรงโน้มถ่วงที่ดึงดูดลงเบื้องล่าง เสียงตอนกระทบกับแอ่งน้ำที่เจิ่งนองบนพื้นดัง

   แหมะ!

   ติดต่อกันอย่างแผ่วเบา

   แถมสิ่งเหล่านั้นยังกระเด็นไปทั่วเท่าที่สังเกตได้จากสายตา

   พรึบ!!


   หัวใจผมเต้นแรง
   ไม่รู้ว่าชั่วหรือดีที่กำลังจะเกิดแต่มือก็รีบคว้าเอาอาวุธที่คิดว่าพอจะป้องกันตัวได้ แท่งเหล็กแข็งที่ถือไว้มาจากไหนไม่ทราบ ผมไม่อยากจะหาคำตอบของมันเพราะใจจดจ่ออยู่ในห้องน้ำที่มืดสนิท

   ก่อนจะกลั้นหายใจเพื่อเปิดสวิตช์ไฟอีกที

   พรึบ!!

   ภาพที่เห็นคราวนี้แตกต่างจากเดิม ดวงตาเบิกขึ้นเพราะตกใจกับความพริ้วไหวของผ้าสีน้ำเงินเข้ม มากกว่านั้นยังมีมือปริศนาโผล่ออกมากลางอากาศ กำลังหยิบจับอะไรสักอย่างอยู่ด้านใน มันเคลื่อนไหวไปมาราวกับไม่ทันได้สังเกตว่าเขาอยู่ตรงนี้

   แอ๊ดด…

   และในวินาทีที่แทบจะหยุดหายใจ เสียงประตูที่เปิดเอาไว้ก็ดังลากยาว

   สิ่งมีชีวิตด้านในหยุดชะงัก ไม่ต่างจากผมที่ตัวแข็งทื่อเมื่อเห็นว่ามันค่อยๆเคลื่อนที่มาทางนี้อย่างรวดเร็ว

   เงาดำทาบทับแทนภาพตรงหน้า

   ประตูห้องน้ำเปิดออกอย่างแรง


   พร้อมกับอะไรบางอย่างที่พุ่งมาทางเขาและㅡ


   เฮือกก!!!




   เสียงหอบหายใจดังเป็นจังหวะเดียวกันกับการเคลื่อนที่ขึ้นลงของหน้าอก เหงื่อผมผุดขึ้นทั่วตัว คงเป็นปฏิกิริยาตอบรับเมื่อมีอาการกลัวอย่างหนักกับสิ่งที่เกิด

   ให้ตาย


   ผมฝันร้ายอีกแล้ว


   ดวงตาทั้งสองข้างหลับลงแน่น มองหน้าจอโทรศัพท์ก็พบว่าตอนนี้เป็นเวลาตีสองกว่าๆ จึงเอื้อมมือไปเปิดไฟให้สว่างก่อนจะลุกไปเข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้า

   เพราะถึงให้นอนต่อ ผมก็นอนไม่หลับอยู่ดี


   โดยปกติแล้วผมไม่ใช่คนช่างฝัน เป็นประเภทนอนหลับลึกและไม่ตื่นขึ้นมากลางดึกสักเท่าไหร่ ถ้าไม่มีฝันร้ายนั้นเข้าเล่นงาน เช้าที่สดใสคงจะเดินทางมาถึงในอีกไม่ช้า

   ฝันร้ายที่ว่ามันคือฝันร้ายของคนไม่ช่างฝัน
   และมันคือสิ่งที่น่ากลัวที่สุด

   ผมพยายามเปิดโทรทัศน์ให้เสียงของมันอยู่เป็นเพื่อนยามเหงา แม้จะไม่ได้เบนสายตาไปเพราะในมือเอาแต่ไถโทรศัพท์ขึ้นลงเพื่อหาความสนุกจากโซเชียลเสียมากกว่า แต่ถึงอย่างนั้น การที่รู้สึกว่าห้องไม่เงียบเกินไปก็เป็นอะไรที่ไม่เลวนัก

   โซฟาในห้องนั่งเล่นรองรับร่างที่โถมลงไปอย่างแรง ผมเปิดแอปพลิเคชันชื่อดังสองสามอัน กดเลื่อนขึ้นๆลงๆอย่างนั้นโดยไม่แสดงความเห็นอะไร จนในตอนที่กำลังนั่งไล่ดูรูปอยู่เพลินๆ เสียงแจ้งเตือนจากโปรแกรมแชทก็ดังขึ้นพร้อมกับข้อความพรีวิวที่โชว์เด่นหรา


   
นึกว่านอนไปแล้ว : AMAN


   เป็นม่านนั่นเองที่ทักมาหาในเวลาแบบนี้

   เมื่อรู้ตัวว่าเผลอกดอ่านจนอีกฝ่ายก็น่าจะรู้ความเคลื่อนไหวของตัวเอง ผมจึงตอบกลับไปเพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาท


   Pha : ตกใจตื่น

   
นอนไม่หลับแล้วอ่ะดิ : AMAN


   ความรู้ทันของเขาทำเอาผมเบ้ปาก เปลี่ยนมานอนคว่ำแล้วลงน้ำหนักลงบนแป้นพิมพ์อย่างรวดเร็ว


   Pha : สงสัยจะเป็นงั้น

   
5555555 : AMAN


   คู่สนทนารัวเลขห้าแบบที่ชอบทำ และผมก็พอจะเห็นภาพว่าถ้าเจ้าตัวยืนตรงหน้าจะทำหน้าทำตาแบบไหน

   ก็คงจะมีรอยยิ้มร่า
   และดวงตาที่หยีลงเป็นเส้นโค้ง


   Pha : ทำไมถึงรู้ว่ากูยังไม่นอน


   คราวนี้ผมถามกลับ เพราะแอบสงสัยเล็กน้อยกับการที่เขาทักมาทั้งๆที่ตัวเองก็แทบไม่ได้ทำอะไรที่โจ่งแจ้งจนรู้ว่ายังตื่นอยู่


   
เห็นแจ้งเตือนในไอจี : AMAN
   
มันขึ้นว่าเธอกำลังเล่นเมื่อไม่กี่นาทีก่อน : AMAN



   อ่อ


   
เลยทักมาเผื่อไม่ได้นอนจริงๆ : AMAN



   ผมเข้าแอปพลิเคชันที่เขาพูดถึง ลองกดอยู่สองสามครั้งก็รู้ว่ามันขึ้นแบบนั้นกับคนอื่นๆเหมือนกัน

   ข้อความสุดท้ายถูกทิ้งนานไม่มีการตอบรับ ม่านไม่ได้ส่งมาต่อจากนั้น และผมก็ไม่ได้ตอบกลับหลังจากคำถามที่ตัวเองสงสัย

   ถ้าผมส่งกลับไปเพื่อต่อบทสนทนา
   ก็ให้รู้ไว้เพียงว่าไม่มีอะไรทำแล้วจริงๆ


   Pha : แล้วมึงล่ะ?


   Pha : ดึกดื่นป่านนี้ยังจะเล่นอีก



   ตัวอักษรภาษาอังกฤษขนาดเล็กที่อยู่ด้านใต้ข้อความที่ส่งไป ขึ้นเตือนเป็นการบอกว่าอีกฝ่ายเปิดอ่านข้อความนั้นอย่างรวดเร็ว

   และเขาก็ตอบข้อความนั้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน


   
นอนไม่หลับเหมือนกันเนี่ยแหละ : AMAN


   อาจเป็นเพราะความบังเอิญที่หลังจากอีกคนตอบ Instagram Story ก็รันมาเป็น account ของเจ้าตัวอย่างพอดิบพอดี

   ดูจากเวลาการโพสต์แล้วก็ประมาณ 14 นาทีก่อน เป็นรูปภาพโถงรับแขกขนาดเล็ก แสงไฟสีส้มสลัวจนแทบมองไม่เห็นรอบข้าง และมีข้อความสั้นๆที่กำกับไว้มุมหนึ่ง


   ‘ที่นอนคืนนี้ยุงเยอะชิบหาย :/’


   ความสงสัยก่อตัวขึ้นแทบจะทันที แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ปล่อยผ่านและพยายามทำอย่างอื่นเพื่อลบเลือนความรู้สึกดังกล่าว แต่จนแล้วจนเล่าก็ต้องวนเวียนกลับไปดูรูปนั้นอีกรอบ

   ไม่รู้ว่าเป็นห่วงหรืออะไร แต่มันค้างคาใจผมจริงๆ


   Pha : Sent a photo
   Pha : คืออะไร?



   ไม่ถึงเสี้ยววิที่อีกฝ่ายเปิดอ่านข้อความคล้ายกับกำลังรออยู่อย่างใจจดใจจ่อ

   
ไม่มีอะไรๆ : AMAN
   
อย่าสนใจ555555555 : AMAN

   Pha : กูไม่ชอบคนโกหกนะม่าน


   อาจเป็นเพราะผมเองใช้มาตรการขู่กลับ เจ้าตัวถึงเงียบไปนานแล้วยอมรับมาแต่โดยดี


   
เมทขอยืมห้องอ่ะดิคืนนี้ มันพาแฟนมานอนด้วย555555555 : AMAN


   เพราะใจความที่แฝงอยู่ของมันทำให้ผมเข้าใจได้อย่างง่ายๆ ผู้ชายพาแฟนขึ้นห้องและถึงขั้นกับขอร้องขนาดนี้ ก็คงจะมีเป้าหมายเพียงไม่กี่ทางพอจะรู้ๆ กัน


   Pha : แล้วทำไมไม่ไปห้องเพื่อนคนอื่น?
   Pha : เต มาร์ท?

   
เตน้องมาหา มาร์ทกลับบ้าน ส่วนคนอื่นๆไม่อยากกวน มันก็มีเมทเหมือนกัน55555555 : AMAN


   คิ้วผมเริ่มขมวดเข้าหากันเป็นปม ถึงอีกคนจะดูไม่ได้ใส่ใจอะไรมากจากข้อความที่ยังดูอารมณ์ดี แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่เลิกเป็นห่วง


   อืม
   คงเป็นห่วงนั่นแหละ

   ไม่อยากเห็นมันนอนในที่แบบนั้นจริงๆ


   
ไม่เป็นไรน่า อยู่ได้สบายมาก555555 : AMAN
   เธอจะได้ไม่เหงาด้วยไง : AMAN
   Sent sticker : AMAN


   อีกฝ่ายส่งกลับมา พร้อมกับสติกเกอร์หน้าหมาที่กำลังยิ้ม

   ให้ตาย
   ทำไมไอ้เด็กนี่มันเล่นกับใจคนเก่งจังวะ


   
แล้วเธอจะทำอะไรต่อ? : AMAN
   Pha : ดู Stranger Things
   
ระวังเก็บไปฝัน : AMAN
   Pha : ก็เพราะดูแล้วเก็บไปฝันนี่แหละถึงนอนไม่หลับอยู่นี่ไง
   
น่ารักว่ะ : AMAN
   
555555555555 : AMAN


   เพราะการรัวเลข 5 และข้อความก่อนหน้าของเขา ผมเลยหลับตาลงแล้วถอนหายใจออกมา

   ดูเหมือนผู้พิชิตผาคนนี้จะมีความสามารถพิเศษเหนือกว่าคนอื่นจริงๆ


   Pha : : |
   
นี่เก็บไปฝันจริงดิ?555 : AMAN
   Pha : เออ
   
โอ๋ๆๆ : AMAN
   
กอดนะครับ555555 : AMAN


   ผมปิดโทรศัพท์แล้วโยนมันทิ้งลงด้านข้าง พยายามสนใจกับเนื้อหาของซีรีย์ชื่อดังที่เปิดมันขึ้นไม่นานก่อนหน้านี้ แต่สุดท้ายแล้ว แม้จะตั้งสมาธิมากเท่าไหร่ ประโยคสุดท้ายที่ม่านส่งมาก็รบกวนจิตใจผมอย่างหนัก

   ผมไม่ได้ชอบคำพูดหวานหู
   ไม่ชอบคนที่เอาใจเกินไปจนไม่รู้จักห้าม

   แต่ม่านมันก็เป็นข้อยกเว้นสำหรับทุกอย่าง
   เพราะเวลามันพูดอะไรหวานๆ

   ใจผมกลับเต้นแรงอย่างควบคุมไม่ได้ทุกที


   เหล่มองไปยังโทรศัพท์คู่ใจที่มีแจ้งเตือนขึ้นแล้วดับไปดังเก่า ผมไม่ได้ตอบข้อความของมันต่อ เม้มริมฝีปากอย่างใช้ความคิด ก่อนที่จะกดโทรหาใครบางคนในยามดึกเพื่อปลุกให้ตื่น

   และไม่นาน ข้อความสุดท้ายของวันก็ถูกส่งมาในตอนที่ตาแทบจะปิดอยู่รอมร่อ


   
พี่ฮั่นมารับแล้ว : AMAN
   ขอบคุณที่โทรบอกให้นะ : AMAN
   .
   .
   .
   .
   แล้วก็ฝันถึงเค้าด้วยล่ะ : AMAN

   สัญญาจะไม่หลอกจนทำให้กลัวเลย5555 : AMAN




   ใครบอก
   ฝันถึงมึงน่ะหมายถึงฝันร้ายชัดๆ…





















   ,




   “กูล่ะโคตรง่วง ชั่วโมงจารย์ปิ๊กนี่แทบจะลงไปฟุบ”

   คนที่พาดแขนไว้ยังไหล่ผมพูดขึ้น มืออีกข้างแกว่งขวดน้ำตรามหาลัยไปมา

   “ลองฟุบดูดิ บ่นทีแล้วหนาวเลยมึงเอ้ย” นาวาสวนกลับ เราหัวเราะพร้อมกันแล้วเร่งฝีเท้าไปตามทางเชื่อมที่ทอดยาวไปเรื่อยๆ

   “นี่ก็อย่างง่วง กาแฟก็ไม่ช่วย” ผมเสริมเล็กน้อยให้กับประเด็นที่กำลังได้รับความสนใจ เห็นฮั่นมันชำเลืองมาเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ

   “กลับไปจะนอนสักสองสามชั่วโมง ไม่ไหวจริง”

   “ไปห้องนอนห้องมึงก่อนได้ป่ะฮั่น?” เพื่อนที่เดินนำหน้าหันมาด้านหลัง ถามถึงแหล่งมั่วสุมชั้นหนึ่งที่เรามักจะไปกันก่อนทำหน้าเจ้าเล่ห์

   “ห้องกูนี่สาธารณะมากสินะ เมื่อคืนก็ไอ้ม่าน วันนี้ก็พวกมึง”
   “ไอ้ม่านไปทำอะไรห้องมึง?”

   เมื่อเกิดความสงสัยเพื่อนก็ถามขึ้นมาทันควัน และเมื่อมีชื่อบุคคลพิเศษอยู่ในประโยคนั้น สายตาหลายคู่ก็มักจะจ้องมองผมร่วมด้วย

   “จะอะไรอีก ก็เมทมันเอาผู้หญิงมานอนไง”
   “นิสัยเหมือนมึงเลยไอ้เหนือ”
   “พ่อมึงสิ”

   ผมยิ้มขำให้กับการหยอกล้อ นาวาหลบเท้าที่พุ่งไปยังเจ้าตัว ก่อนจะปัดเสื้อให้เข้าทรงเมื่อคนที่พาดไหล่ผมไว้ไม่เอาความอะไรต่อ

   “มีเมทแบบนี้ล่ะซวยชิบ”
   “ใครจะไปเหมือนมึง เมทแสนดีน่ารักปุกปิก”
   “ธรรมดาว่ะ คนมันหล่อ”
   “เฮ้ออ”

   สียงถอนหายใจขัดจังหวะทำเอาไอ้สองตัวด้านข้างตบหัวผมคนละที ผมมองค้อน ให้พวกมันรับรู้ว่าการแก้แค้นไม่จบลงเพียงเท่านี้แน่ๆ

   “นั่นแหละนะ มีคนโทรปลุกกูให้ไปรับมันถึงที่ นี่ก็คงไม่ธรรมดาเหมือนกัน”
   “อ่ออออออออ”

   สองเสียงประสานลากยาวตามความเจ้าเล่ห์ ไอ้เหนือพยักหน้าหงึกหงัก ส่วนคนที่มีรอยสักยกมือขึ้นตบเปาะแปะสองสามที

   อืมม
   เอาเข้าไป

   “เดี๋ยวนี้แม่งพัฒนา”
   “มีความไปส่งด้วยนะครับ”
   “จะใจแข็งไปได้อีกกี่น้ำ”
   “สงสารไอ้ม่าน จีบใครไม่จีบมาจีบไอ้ผา เป็นกูจีบหมายังดีกว่าเลย”
   “ฮ่าๆ”

   ปัก!!

   “โอ๊ยย”


   ศอกแหลมทิ่มไปยังท้องของคนด้านข้างอย่างแรง มันงอตัวแล้วกุมเอาไว้คล้ายกับเจ็บเสียเต็มประดา ใบหน้าอาฆาตแค้นอย่างหนักเมื่อเห็นผมยิ้มร่าให้กับการเอาคืน

   ผลของการล้อมากๆ
   ผมก็ไม่ยั้งมือตัวเองแต่อย่างใด


   สองเท้าก้าวไปโดยไม่คิดจะสนใจเพื่อนด้านหลัง ถือกาแฟแก้วที่สองอย่างมาดมั่นแล้วเดินไปตามทางที่นำไปยังตึกใหญ่

   แต่ในจังหวะที่ผมเลี้ยวเข้ามาในลานกว้าง ที่ๆมีผู้คนรายล้อมเพื่อทำกิจกรรมกันอย่างสนุกสนานตรงหน้า

   สายตาผมก็มองเห็นใครสักคนที่ยืนตรงนั้น


   เจ้าตัวยืนกอดอกพร้อมกับมีผู้ชายอีกคนพาดไหล่ไว้อย่างเหมาะเจาะ ใบหน้าหล่อเหลาของทั้งคู่ดึงดูดสายตาจากคนอื่นๆได้ไม่ยาก ยิ่งบวกกับรูปร่างสูงใหญ่ในเสื้อเชิ้ตสีขาวที่พับไปถึงข้อศอก ไม่แปลกที่สองคนตรงนั้นจะเป็นคนดังของคณะอย่างที่ผมพอจะรับรู้

   ม่านมันอมยิ้ม มองภาพกิจกรรมอย่างอารมณ์ดีประสาของเจ้าตัว

   และอีกคนก็ไม่ต่าง ถ้าผมจำไม่ผิด คนชื่อภีมก็มีรอยยิ้มสว่างไสวไม่ต่างจากม่านเองเช่นกัน


   ผมยืนนิ่ง ไม่แปลกใจเลยสักนิดกับคำพูดของเพื่อนที่เคยเตือนไว้ก่อนหน้า


   ‘คนอย่างไอ้ม่านที่หล่อเลือกได้อ่ะนะ ระวังไว้หน่อยก็ดี’


   มันก็ยังเป็นข้อความที่เขียนไว้เตือนใจบนปราการอีกชั้นที่ผมสร้างมันขึ้น



   ผมไม่รู้ถึงความจริงข้อนั้นหรอก
   ก็แค่คำพูดลอยๆ ไม่มีหลักฐานมาพิสูจน์นิสัยของม่านเลยด้วยซ้ำ

   แต่ถึงอย่างนั้น กลไกการป้องกันตัวก็ทำหน้าที่ของมันอย่างดิบดี


   คงมีเพียงแต่เวลา
   และความมุมานะของคนที่เข้าหา

   จนกว่าวันที่จะเดินทางไปถึงยอดเขาที่สูงเพียงฟ้า




   ผมถึงจะรู้ความจริงทุกอย่างผ่านการกระทำของเจ้าตัว






   “ผา!!”

   เสียงเรียกชื่อผมดังจากที่ๆ เดินจากมา มองเห็นคนที่ยืนอยู่แสนไกลเปลี่ยนเป็นมาหยุดยืนใกล้ๆ ตรงหน้า พร้อมกับยื่นกระดาษสีขาวขนาดเล็กสองสามใบส่งให้อย่างใจจดใจจ่อ



   มันเป็นกระดาษที่มีข้อความเขียนด้วยลายมือยึกยือจนแทบอ่านไม่ออก

   แต่ถึงอย่างนั้น



   มันก็เล่นงานใจผมอย่างหนักคล้ายกับคลื่นที่ซัดขึ้นสูง


   ‘เลี่ยงฝันร้าย ด้วย 11 สิ่งที่คาดไม่ถึง’
   ‘10 อาหารแก้อาการนอนไม่หลับ แถมกินก่อนนอนได้ ไม่ต้องกลัวน้ำหนักขึ้น’



   ‘Thisisaman คือไอดีไลน์ 7 ตัวที่เป็นเพื่อนยามเหงาของคุณ ทักได้ทุกเวลา :’) ’






   ไอ้เด็กหน้าหมา

   หาช่องว่างบนกำแพงของผมเจอได้ยังไงวะ


   อยากจะรู้จริงๆ





   












   





#ผาเพียงฟ้า

เด็กนี่มันวอแวจริงๆเลยเนาะ :-)


11/7/19
before30october



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-07-2019 23:46:25 โดย before30october »

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
น่ารักมากเลยค่ะ ยิ่งตอนเขาคุยกัน สรรพนามที่ม่านใช้ อ่านแล้วเขิน55555 ขนาดยังไม่ได้คบกันยังดีค่อใจขนาดนี้  :-[ อีกไม่นานกำแพงของผาคงพังทลายได้ไม่ยาก เราชอบความที่เขาแมนๆทั้งคู่ ตัวละครไม่มีจริตสาวแต่อ่านแล้วสัมผัสได้ถึงความหวานในสิ่งที่เขาสื่อถึงกันได้
นี่ตามมาจาก คุณไม่ตรงปก จะติดตามควบคู่กันไปทั้งสองเรื่องเลยค่ะ ชอบการบรรยายของนักเขียนมากเลย

ออฟไลน์ lolli_candy99

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
โอ้ยเขินน้องม่านมากกกกกกก ฮือออออออออดีต่อใจมากๆๆ ชอบเวลาเค้าคุยกันน

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
 :katai2-1:
 :pig4:

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
เป็นการให้ไลน์ที่แบบสำหรับคุณคนนั้นที่นอนไม่หลับ 555555555555

ออฟไลน์ before30october

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-2


ผ า เ พี ย ง ฟ้ า


4

ILYSB


_________

bgm : ILYSB - LANY (Conan Gray Cover)


' And you need to know
You're the only one, alright alright
And you need to know
That you keep me up all night, all night '




_________




   ทั้งวันผ่านไปได้ด้วยดีโดยที่ผมมีกาแฟเข้าช่วยถึงสองแก้ว แก้วแรกในตอนเช้า และแก้วที่สองคือตอนก่อนพักกลางวันลากยาวจนถึงบ่าย

   โชคดีที่ร่างกายผมทำงานเข้ากับฤทธิ์ของมันอย่างเต็มประสิทธิภาพทำให้อาการผล็อยหลับไม่เกิดขึ้นในห้องเรียนแต่อย่างใด ถึงแม้จะมีหาวบ้างตามประสาคนนอนไม่เต็มอิ่ม แต่ดวงตาก็ไม่สามารถหลับลงได้อย่างที่ใจคิดเพราะฤทธิ์ของคาเฟอีนที่กินเข้าไป

   ตุบ!

   ผมทิ้งน้ำหนักลงบนโซฟาแสนนุ่ม ปล่อยให้ร่างกายได้พักอยู่ชั่วครู่ก่อนจะควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋าใบเล็กที่พกไปเรียน

   แต่มือของผมกลับไปคว้าสิ่งแปลกปลอมที่ซ่อนอยู่ในมุมหนึ่งเข้าจนได้

   เป็นเศษกระดาษยับยู่ยี่ที่ผมเกือบลืมไปแล้วว่าเขาเคยให้มา

   ผมพลิกตัวนอนหงาย ใช้หมอนอิงเข้ารองศีรษะเพื่อได้ท่าที่สบายก่อนจะยกมันขึ้นอ่าน ค่อยๆ แกะตัวหนังสือยึกยือนั้นอีกครั้งแล้วออกเสียงในใจไปตามประโยค


   ‘เลี่ยงฝันร้ายด้วย 11 สิ่งที่คาดไม่ถึง’

   1.กลิ่น พบว่าการได้กลิ่นของดอกไม้ในช่วงที่หลับจะช่วยให้นอนหลับฝันดี แต่ถ้าหากได้กลิ่นของกำมะถันจะทำให้ฝันร้าย

   2.เสียง ถ้าหากอยากจะนอนหลับฝันดี ลองหาเสียงธรรมชาติ หรือเสียงเพลงเบา ๆ เปิดคลอไปในช่วงที่นอนหลับก็จะช่วยทำให้ฝันดีได้แน่นอน



   ข้อความยืดยาวถูกตั้งใจอ่านอย่างดีจากคนที่นอนบนโซฟา ตอบแทนความตั้งใจเช่นกันของเจ้าของที่ส่งมันให้ ถึงแม้จะเป็นลายมือที่อ่านยาก แถมบางครั้งก็มีเส้นขีดฆ่าคำผิดแล้วเขียนเพิ่มลงไปนิดๆหน่อยๆ

   สายตาผมเลื่อนมาจนถึงประโยคสุดท้าย ไอดีไลน์ของม่านปรากฏเด่นชัดแต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่จำเป็นที่จะต้องทำอะไร เพราะยังไงผมก็มีไลน์ของเขาอยู่แล้ว เจ้าตัวคงอยากจะสื่อว่าให้เขาอยู่เป็นเพื่อนยามเหงาก็แค่นั้น

   ผมวางกระดาษไว้ยังโต๊ะกลางที่สูงเลยเข่ามาเล็กน้อย ควานหาโทรศัพท์ที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่แรกแล้วกดส่งข้อความหาใครบางคน

   เจ้าคนที่ส่งกระดาษใบนั้นมาให้นั่นแหละ


   Pha : ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ


   คราวนี้มันไม่ได้ตอบกลับในทันทีแบบที่เราคุยกันครั้งล่าสุด ผมจึงเลื่อนไปเล่นแอพพลิเคชันอื่นเพื่อฆ่าเวลา

   และก็พบว่าเหตุผลที่เป็นเช่นนั้นมันเพราะอะไร

   คราวนี้มันไม่ได้ตอบกลับในทันทีแบบที่เราคุยกันครั้งล่าสุด ผมจึงเลื่อนไปเล่นแอพพลิเคชันอื่นเพื่อฆ่าเวลา

   และก็พบว่าเหตุผลที่เป็นเช่นนั้นมันเพราะอะไร

   จากสตอรี่ไอจีของม่านที่อัปโหลดไว้เมื่อชั่วโมงก่อน เป็นภาพเคลื่อนไหวที่เจ้าตัวกำลังกระโดดขึ้นสูงเพื่อส่งบอลเป็นเส้นโค้ง ให้เจ้าลูกกลมๆตกลงบนแป้นรองรับที่อยู่ห่างออกไปอย่างเหมาะเจาะ ภาพเหล่านั้นดูเหมือนจะทำให้ช้าลงในตอนที่เจ้าตัวปล่อยลูกบอลออกจากมือ ก่อนที่จะกลับมาเป็นความเร็วดังเก่าพร้อมกับเสียงเฮดังลั่นสนามเมื่อลูกสีส้มลูกนั้นโค้งอย่างสวยงามลอดลงห่วง

   ก่อนที่วิดีโอที่สองจะตามมา ทั้งหมดเป็นภาพเหตุการณ์หลังจากวิดีโอแรกที่เขารับชม มีผู้ชายหลายคนพุ่งเข้าใส่อีกฝ่ายจนล้มจากนั้นก็ตามมาด้วยหลายๆคนที่พากันโหมเข้าใส่ ม่านยังมีรอยยิ้มประดับไว้อยู่ตลอดแม้ในตอนที่แท็กมือกับเพื่อนและเสยผมไปด้านหลัง

   ผมเผลอกดให้วิดีโอเหล่านั้นเล่นซ้ำอีกครั้งเป็นรอบที่สอง มองความสุขที่ส่งผ่านจากสีหน้าเจ้าของของมันก่อนจะเผลอยิ้มตามอย่างไม่รู้ตัว

   ด้วยความที่เราค่อนข้างจะสนิทกันในระดับหนึ่งทำให้ผมรู้ว่าเขามีเพื่อนเยอะ ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็จะมีคนเข้าหาและรุมล้อมอยู่ตลอด ก็ตามประสาผู้ชายที่อัธยาศัยดีและมีแต่คนอยากรู้จัก

   เอาจริงแล้วก็ไม่ต่างจากผมมากเท่าไหร่ เราแทบจะอยู่ในสังคมเดียวกันก็ว่าได้ทั้งคณะและสาขาที่เรียนอยู่ คงจะมีนิสัยผมเองที่ต่าง มันเป็นนิสัยที่ติดตัวมานานและผมเองก็คิดว่ามันไม่ค่อยดีเท่าไหร่

   ผมไม่ค่อยเปิดให้ใครเข้ามาในชีวิต กว่าจะทำความรู้จักกับเพื่อนที่สนิทก็ล่วงเลยมาจนถึงปีสอง พวกมันพยายามทำให้ผมเข้าไปอยู่ในโลกอีกใบที่ช่วยกันสร้างขึ้น และผมก็พูดได้ว่าพวกมันก็เป็นสิ่งล้ำค่ามากที่สุดที่ผมเคยมี


อ่านแล้วใช่ป่ะ? : AMAN
Pha : อืม
คืนนี้นอนไม่หลับก็ทักมาได้นะ : AMAN
Pha : ใครจะอยากคุยกับมึง
55555555555 : AMAN


   คู่สนทนารัวเลขห้ามาอย่างเคย ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับ ดันตัวขึ้นเพื่อไปอาบน้ำหลังจากรู้สึกเหนียวไปทั่วร่างกายเพราะเหงื่อที่ประปรายตลอดทั้งวัน


เธอทำอะไรอยู่หรอ? : AMAN


   เสียงเตือนว่ามีข้อความใหม่ดังลั่นขัดจังหวะ ผมชะโงกไปมองหน้าจอพร้อมกับค่อยๆถอดเสื้อออกจนหลุดลุ่ย


Pha : กำลังจะไปอาบน้ำ
อ้อออ นี่ก็กำลังจะไปกินข้าวกับพวกไอ้เต : AMAN
Pha : บอกกูทำไม?


   ด้วยความสงสัยเลยถามออกไปตรงๆ แต่ก็เพิ่งมาคิดได้ทีหลังว่ามันจะดูทำร้ายความรู้สึกอีกฝ่ายมากไปหรือเปล่า

   บางครั้งการเป็นคนถูกชอบมันก็น่าอึดอัดเหมือนกัน เพราะต้องมานั่งคิดมากเรื่องความรู้สึกของคนอื่นเนี่ยแหละ


อยากบอกให้เธอรู้เฉยๆ : AMAN
ถ้าไม่อยากตอบก็ไม่ต้องตอบไง เค้าไม่ได้ว่าอะไรเลยครับ555555 : AMAN


   แต่เพราะเลขห้าที่รัวมานี่แหละมั้ง เลยทำให้ผมรู้ได้ว่าเขาก็ไม่ได้คิดอะไรมากจากการที่ถามออกไปแบบนั้น

   อย่างที่บอก ม่านมันไม่เหมือนคนอื่นที่พยายามจะเข้าหาเลยสักคน
   ทั้งไม่ทำให้เขาอึดอัด และไม่ล้ำเส้นเข้ามาในที่ๆ หวงห้ามแต่อย่างใด


   ‘เล่นบาสเสร็จแล้วหรอไง?’


   ผมพยายามเบี่ยงประเด็นเพราะไม่อยากพูดถึงเรื่องที่เราคุยกันอยู่ แต่เมื่ออ่านข้อความที่พิมพ์ไว้ก็รู้สึกแปลกๆ เพราะปกติแล้วผมไม่ใช่คนชวนคุยเก่งสักเท่าไหร่ เลยเลื่อนเพื่อจะกดลบมันให้หมดอยู่รอมร่อ แต่ปรากฏว่าในตอนที่กำลังเผลอ

   มือผมก็กดส่งข้อความนั้นอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว


Pha : เล่นบาสเสร็จแล้วหรอไง?


   ชิบ


   ครั้นจะกดยกเลิกข้อความด้วยความร้อนรน อีกฝ่ายก็ดูเหมือนจะอ่านมันเป็นที่เรียบร้อยจากตัวหนังสือที่ขึ้นว่า read ด้านล่าง


   ชิบหาย


รู้ได้ไงอ่ะว่าเค้าไปเล่นบาสมา : AMAN


   ผมไม่ตอบ แถมยังเปิดหน้าต่างแชทค้างไว้อีกต่างหาก


แอะ : AMAN
สนใจเค้าด้วยหรอ : AMAN

   ม่านส่งมา

   พร้อมกับอีโมจิหน้าหมาที่กำลังเอียงคอยิ้มกว้างด้วยความขัดเขิน


   ให้ตายเหอะ ถึงผมจะไม่มีข้อแก้ตัวแต่ทางเดียวที่สามารถเลี่ยงมันไปได้คือบอกความจริงที่พอจะเข้าใจง่ายๆให้อีกฝ่ายได้รับรู้


Pha : อย่าเยอะ
Pha : กูแค่เห็นในไอจี

555555555555 : AMAN
อืม : AMAN


   คราวนี้เขาตอบแค่สั้นๆ และผมก็ตอบกลับไปเหมือนกันด้วยข้อความเดิม

   แต่อารมณ์ของเราสองคนช่างแตกต่างกันสิ้นดี


Pha : อืมมม
อืมมมมมม^^ : AMAN

   อาจเป็นเพราะความโชคดีที่ตอนนี้ผมไม่ได้อยู่ต่อหน้าเขา ไม่งั้นม่านคงรู้ได้ว่าผมทำตัวแปลกไปจากความร้อนที่มันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว


   จากประโยคล่าสุดของเขา
   และประโยคใหม่ที่ส่งเข้ามา


https://youtu.be/K3xbUe_spgA : AMAN
ให้เธอครับ :-) : AMAN


   แค่สองประโยคสั้นๆ

   มันก็ทำให้ผมต้องกำมือแน่นพร้อมกับรีบเข้าไปอาบน้ำในทันที



   เพราะไม่รู้ต้องทำยังไงกับความหมายที่แฝงมาในนั้น
   จากเพลงแสนไพเราะที่เปิดฟังหลังจากเจ้าของมันส่งมา


   'ILYSB <3 '










#ผาเพียงฟ้า











   ตลาดในมหาลัยวันนี้ดูคึกคักกว่าปกติมากนัก อาจจะเพราะผมไม่ได้มาเป็นเวลานานหรือยังไม่คุ้นชินกับมันเสียที

   เพื่อนรอบข้างแวะซื้อของกินกันคนละอย่างสองอย่าง บ้างก็เดินกิน บ้างก็เก็บไว้ไปชุมนุมที่ห้องไอ้ฮั่นมันเหมือนเคย

   “พี่ผาจะกินอะไรอ่ะ?” คนด้านข้างเอ่ยถาม ดวงตากลมโตเงยมองผมด้วยความสงสัย

   “ยังไม่รู้เลย”

   “นี่ก็ไม่รู้ ว่าจะลอกพี่” เจ้าตัวหัวเราะก่อนจะมองไปมองมาเพื่อหาของที่น่าสนใจ

   แต่จู่ๆ ก็มีคนเข้ามาเดินขนาบข้างพร้อมกับพูดเสียงหวานเพื่อหยอด

   “คิดถึงน้องน่านจังเลยย—โอ้ยย สัสผา”

   ปัก!

   “ไปไกลๆน้องกู”

   ผมดันศีรษะไอ้ปัทถ์ไปอีกทางก่อนจะดึงหลานรหัสให้มาอยู่ในอ้อมแขนของตัวเอง คนตัวเล็กหัวเราะก่อนจะยกมือไหว้คนอื่นๆที่เดิมตามมาสมทบ

   “สวัสดีครับ”

   “มาคนเดียวหรอเรา?” ฮั่นถามก่อนจะดูดน้ำผลไม้ที่เพื่อนยื่นให้ชิม

   “เปล่าครับ น่านมากับเพื่อน แต่บังเอิญมาเจอพี่ผาก็เลยแวะมาหาแปบนึง” เพื่อนผมตาละห้อยเป็นทางเมื่อเจอรอยยิ้มหวานที่ส่งให้ ก็นั่นแหละนะ น่านมันก็น่ารักใช่ย่อยซะที่ไหน ผมเห็นผมยังเอ็นดูไม่ต่างจากพวกมันเลย

   “เลือกเลยอยากกินอะไร พี่เหมาให้น้องน่านได้ทั้งตลาดอ่ะ” คราวนี้ไอ้เหนือยักคิ้ว ข่มเนิร์ดไม่จริงที่วันนี้ใส่แว่นมาเป็นพร็อพอ่อยสาว

   “โห งั้นน่านจะซื้อเยอะๆเลย”

   “พี่มีบัตร รูดได้สบายมาก”

   เสียงหัวเราะของสามแสบของแก๊งดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียง ไอ้ฮั่นส่ายหัว ส่วนตินยังยืนมองผมและน้องไปมาด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง

   เออ เอาเข้าไป
   แต่ละคน


   “ไปเหอะ อย่าสนใจพวกมันเลย”

   และเป็นผมเองที่ดันแผ่นหลังของร่างบางให้เดินต่อ ใช้มือเล่นกลุ่มผมของน่านไปมาด้วยความเพลิดเพลิน

   “อ๊ะ!”

   จนกว่าจะรู้สึกตัวว่ามีใครสักคนเดินตาม ก็ในตอนที่มีขวดน้ำเย็นเฉียบทาบเข้าข้างแก้มจนสะดุ้งสุดตัว

   “เฮ้ยๆ เค้าขอโทษ ฮ่าๆ”

   ดูเหมือนเจ้าตัวจะชอบใจเสียมากกว่าที่ทำผมตกใจ สายตามองค้อนไปยังคนที่อายุน้อยกว่า แต่ก็ถูกบดบังไปด้วยน้ำส้มคั้นที่อีกฝ่ายยื่นให้

   “อะไร?”
   “ซื้อให้เธออ่ะ”
   “...”
   “...”

   “พี่ม่านสวัสดีครับ”

   สถานการณ์ระหว่างเราถูกทำลายด้วยเสียงสดใสของคนที่ยืนมองมันอยู่สักพัก ผมรีบหยิบน้ำส้มขวดนั้นไว้ในมือ ก่อนที่ม่านจะหยิบอีกขวดส่งให้น่านที่ยืนถัดไป

   “อ่ะนี่ของเรา”
   “คือ—ครับ?” คนอายุน้อยกว่ามองเราสองคนสลับกันไปมา คล้ายกับว่าเจ้าตัวกำลังสับสนว่าจะรับมันมาดีหรือไม่

   จนกว่าผมจะพยักหน้าเล็กน้อย ยิ้มกว้างก็ปรากฏขึ้นอีกครั้งพร้อมกับสีหน้าดีใจเป็นอย่างมาก

   “วันนี้พี่ม่านหล่อสุดในใจน่านเลยอ่ะ”
   “ทำมาพูดเหอะเรา” มือใหญ่ดันหน้าผากมนไปอีกทาง จนน่านต้องเอนตัวไปด้านหลัง ผมจึงได้ปรามด้วยการดันม่านด้วยแรงที่มากพอ
   “อย่าแกล้งน้องกูให้มาก”
   “ฮ่าๆ” มันหัวเราะจนตาหยี กล่าวทักทายเพื่อนของเขาที่เพิ่งจะตามทันอย่างสนิทสนม

   “คือว่า—น่านว่า—น่านขอตัวไปก่อ—”
   “ไม่ต้องหรอก เดินด้วยกันนี่แหละ”

   ดูเหมือนว่าน่านก็คงจะดูออกถึงท่าทีของอีกคนที่มีต่อผมถึงได้อยากปลีกตัวออก แต่ก็ถูกรั้งไว้จากคำพูดของม่านที่บอกให้น้องมันอยู่พร้อมกับดึงแขนรั้งเอาไว้

   “แต่พี่ผากับ—”
   “พี่จะได้มีคนให้แกล้ง”
   “คนเราอ่ะ”

   ผมยืนมองคนอารมณ์ดีทั้งสองยืนคุยกันอย่างคุ้นเคย เราเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่เร่งรีบ ใช้เวลาคุ้มค่ามากที่สุดเมื่อพระอาทิตย์เริ่มตกดิน

   ผมเดินเคียงข้างน่าน และมีม่านกับเพื่อนของเขาอีกคนที่อยู่ด้านหลัง

   เขาไม่ได้รบกวนผมหลังจากนั้น ปล่อยให้เราเดินไปเรื่อยๆโดยไม่มีการพูดคุยกันอีก

   จนเวลาล่วงเลยผ่านไปสักพัก หลานรหัสก็ขอตัวลาไปด้วยของกินเต็มไม้เต็มมือ โบกมือให้กับเพื่อนผมด้วยท่าทางน่ารัก และด้านข้างของผมก็ว่างเปล่า

   เมื่อรู้สึกถึงเสียงพูดคุยด้านหลังผมจึงต้องหันกลับไปมอง เห็นเพื่อนมันกำลังเถียงกันอย่างหนักและชี้มือมาทางนี้อย่างพร้อมเพรียง

   ฮั่นอมยิ้มพร้อมกับสบตาไม่ละไปไหน ต่างจากไอ้เหนือ ปัทถ์ นาวาและม่านที่เสมองไปทางอื่น

   คำตอบที่ได้มาจากตินที่ยังใช้มือล้วงกระเป๋าไว้ทั้งสองข้าง สายตามองม่านและที่ว่างข้างผมเป็นการบอกใบ้

   ที่จริงก็พอจะเข้าใจอะไรหลายๆอย่างอยู่หรอก แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ทำเป็นไม่สนใจและเดินต่อไปเรื่อยๆ จนรู้สึกได้ถึงคนที่ขยับก้าวเป็นจังหวะเดียวกัน ไพล้มือไว้ด้านหลังอย่างสงบเสงี่ยม

   “...”
   “...”

   ม่านไม่ได้พูดอะไร แต่ก็ชำเลืองมองมาที่ผมอยู่บ่อยๆ

   “ไอ้พวกนั้นยุอีกแล้วใช่มั้ย?” ผมถาม ยกน้ำส้มขึ้นดูดจนหมดขวด
   “ก็...นิดหน่อย” เสียงหัวเราะเบาๆดังตามมา
   “...”
   “แต่เอาจริงก็คิดไว้แล้วแหละว่าจะมาเดินด้วย”

   ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะดึงดูดผู้คนได้เยอะสมควร เพราะไม่ว่าใครที่เดินสวนเราทั้งคู่ สายตาเหล่านั้นก็จะจับจ้องไปยังคนอายุน้อยกว่าอยู่ตลอด

   “วันนี้ไม่เห็นเจอเธอที่คณะเลย” อีกฝ่ายพูดในตอนที่แอบเอียงตัวมาเล็กน้อยเพื่อแข่งกับเสียงดังเซ็งแซ่
   “ไม่เจอกูสักวันก็ได้มั้ง”
   “ได้แหละ” เขาตอบ
   “...”
   “แต่ก็จะคิดถึงหน่อยๆ”

   ผมก้มลงต่ำ ไม่อยากมองหน้ามีความสุขของมันเท่าไหร่

   เพราะกลัวว่าจะใจง่ายไปกับรอยยิ้มพวกนั้นเข้าจริงๆ


   ระยะห่างระหว่างผมกับมันเริ่มลดลงเรื่อยๆ อาจเพราะผู้คนที่เบียดเสียดจากทุกทิศทาง ไหล่ของเขาเลยกระทบไหล่ผมบ้างบางจังหวะ

   และผมก็เพิ่งเข้าใจว่าทำไมม่านถึงไพล้แขนไว้ด้านหลัง


   ก็คงเป็นเหตุผลเดียวในตอนนี้ล่ะมั้ง
   เพราะไม่อยากให้มือของเขามาสัมผัสกับมือผมโดยไม่ได้ตั้งใจเช่นกัน


   คงจะเป็นแบบนั้นนั่นแหละ


   “ม่าน”

   “ครับ?”


   เจ้าตัวทำหน้าแปลกใจนิดหน่อยที่โดนเรียก แต่ก็มีรอยยิ้มกว้างหลังจากที่ผมเดินผ่าน


   พร้อมกับวางมือไว้บนศีรษะของเจ้าตัว
   ยีมันเล็กน้อยก่อนพูดคำที่เก็บเอาไว้มาโดยตลอด






   “น่ารักแบบนี้ไปนานๆล่ะ”






#ผาเพียงฟ้า

ม่านสลบไปยังหว่า...


15/7/19
before30october

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-07-2019 15:20:53 โดย before30october »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ผ า เ พี ย ง ฟ้ า - 3 | How to deal with insomnia P.1 (11/7/19)
« ตอบ #9 เมื่อ: 15-07-2019 23:50:55 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: ผ า เ พี ย ง ฟ้ า - 4 | ILYSB P.1 (15/7/19)
«ตอบ #10 เมื่อ16-07-2019 02:17:49 »

ม่านนนนนนนนนนน ยังอยู่ใช่มั้ย 5555555555555

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
Re: ผ า เ พี ย ง ฟ้ า - 4 | ILYSB P.1 (15/7/19)
«ตอบ #11 เมื่อ16-07-2019 18:00:29 »

เขินอ่าาา :o8:

ออฟไลน์ lolli_candy99

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ♡̷ ผ า เ พี ย ง ฟ้ า - 4 | ILYSB P.1 (15/7/19)
«ตอบ #12 เมื่อ20-07-2019 01:19:00 »

 :L2: ชอบมากกกก

ออฟไลน์ ppseiei

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ♡̷ ผ า เ พี ย ง ฟ้ า - 4 | ILYSB P.1 (15/7/19)
«ตอบ #13 เมื่อ21-07-2019 01:21:18 »

ม่ายตายไปยัง555555
น่ารักมากค่าาา

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: ♡̷ ผ า เ พี ย ง ฟ้ า - 4 | ILYSB P.1 (15/7/19)
«ตอบ #14 เมื่อ21-07-2019 09:03:32 »

 :pig4:
 :katai2-1:

ออฟไลน์ before30october

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-2
Re: ♡̷ ผ า เ พี ย ง ฟ้ า - 4 | ILYSB P.1 (15/7/19)
«ตอบ #15 เมื่อ23-07-2019 15:24:05 »



ผ า เ พี ย ง ฟ้ า


5

me, you and him







   ผมจำไม่ได้หรอกว่าเราเจอกันครั้งแรกตอนไหน แต่ถ้าถามอีกฝ่าย ผมแน่ใจว่ายังไงม่านมันก็จำได้แน่นอน

​   ‘ดาดฟ้าบ้านพี่เหนือไง ที่เค้าออกไปดูดบุหรี่คนเดียว’

​   เขาพูดพร้อมกับรอยยิ้ม และหลังจากฟังประโยคนั้นจนจบ ความทรงจำของผมก็ดูเหมือนจะฉายชัดขึ้นทีละส่วน

​   ตั้งแต่การรวมตัวของเราเพื่อก๊งเหล้าแบบครั้งอื่นๆ ในสถานที่ที่ต่างออกไปจากปกติ ไม่ใช่ร้านเหล้า ไม่ใช่ห้องใครสักคน แต่เป็นบ้านหลังใหญ่ของเพื่อนในกลุ่มที่อยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยมากนัก

​   ผมจำได้ว่าวันนั้นตัวเองดื่มอย่างหนัก สติที่มีก็เลือนรางไปบางส่วน จนในตอนที่อยากจะอยู่คนเดียวเงียบๆ ดาดฟ้าชั้นสามก็ตอบโจทย์ความต้องการของผมได้เป็นอย่างดี

​   แต่เมื่อผมไปถึง มันกลับมีใครอีกคนหนึ่งยืนอยู่ก่อน

​   ครั้นจะหลีกหนีก็โดนเสียงที่ดังจากด้านล่างบ่งบอกความวุ่นวายที่เกิดขึ้น ดังนั้นผมจึงรีบปิดประตูแล้วหยุดยืนอยู่ไม่ไกลจากคนที่ใช้มือซ้ายสูบบุหรี่

​   ดูเหมือนว่าผู้ชายคนนี้จะชื่อ ‘ม่าน’ จากที่ผมมักจะได้ยินเพื่อนเรียกกันบ่อยๆ

​   “ข้างล่างเริ่มเละกันแล้วอ่ะดิ”

​   อีกฝ่ายเป็นคนเปิดบทสนทนา ถึงแม้เราจะไม่เคยทำความรู้จักกันเป็นการส่วนตัวมาก่อน แต่ดูเหมือนว่าผมไม่รู้สึกถึงความห่างเหินที่ปกติคนแปลกหน้ามักจะมี

​   “อืมม” ผมตอบไปเงียบๆ ใช้หลังพิงระเบียงแล้วกอดอก ก้มลงปล่อยให้ผมตกหล่นและเอนไหวไปตามสายลมที่พัดผ่าน

​   “เมาแล้วเป็นแบบนี้ทุกที”

​   ครั้งนี้ผมไม่ได้ตอบรับเขา ความเงียบเลยเข้าแทรกซึมระหว่างเราทั้งคู่

​   “แล้วพี่ผาอ่ะเมายัง?” ดูเหมือนว่าชื่อผมที่อีกคนพูดจะทำให้เกิดความแปลกใจเล็กน้อย ไม่รู้ว่ามันรู้จักได้ไง แต่เอาเป็นว่าคงไม่ยากเท่าไหร่เพราะกลุ่มเราก็คลุกคลีกันมาพอตัว

​   “จะเหลือ”

​   คำตอบที่ส่งให้ทำเอาอีกคนหัวเราะจนตาหยี ยกก้านบุหรี่จรดปาก แล้วพ่นควันมันออกมาช้าๆ คล้ายกับว่าต้องการละเลียดกลิ่นหอมหวานนั้นทีละนิด

​   “กินกันเยอะเกิน ยิ่งพี่ฮั่นนะ บังคับเอาๆ”
​   “ใครจะไปคอแข็งเท่ามันอีกล่ะ”
​   “นั่นดิ แต่คอแข็งแล้วแฟนทิ้งแบบนั้นก็ไม่เอาดีกว่าว่ะ”

​   ผมหลุดหัวเราะให้กับเรื่องที่อีกฝ่ายพูด ดูเหมือนเจ้าตัวจะรู้อะไรมาเยอะพอสมควรถึงได้หยอกล้อแบบนั้น

​   และดูเหมือนแอลกอฮอลล์เริ่มจะเล่นงานผมอย่างหนักเข้าแล้วเหมือนกัน

​   เพราะรอยยิ้มของเขามันทำให้ผมยิ้มตามได้อย่างง่ายๆ ทั้งๆที่ผมไม่ใช่คนที่ยิ้มเก่งอะไรเลยสักนิด เป็นเสี้ยววินาทีที่เราสบตากัน ก่อนที่จะเบือนหน้าไปคนละทางเมื่อคิดได้ว่านี่คือครั้งแรกที่เราสองได้รู้จักกันอย่างเป็นทางการหลังจากเจอหน้ามานานแรมปี

​   มันค่อนข้างแปลกดีที่ม่านไม่ได้ทำให้ผมอึดอัด แถมผมยังสามารถเป็นตัวของตัวเองได้โดยไม่ทำให้บรรยากาศแย่ลงกว่าเดิม

​   ผมพลิกตัวไปยืนอีกฝั่ง ยืนมือไปยังด้านข้าง ม่านมองมันก่อนจะหยิบกล่องสีเงินวางไว้ให้

​   “ดูดร้อนนะ”
​   “อืม”
​   “...”
​   “กูดูดได้”

​   เพราะว่าไม่ได้หยิบไฟแช็กมาจากด้านใน ผมเลยแบมือไปหาคนข้างกายอีกรอบ ได้ยินเสียงหัวเราะแผ่วเบาตามมาแต่ทว่าเขาไม่ได้หยิบยื่นให้แบบครั้งก่อนที่เคยทำ

​   ม่านดันฟันเฟืองจนเกิดเสียงดังในตอนที่หยุดมือเอาไว้ยังปลายก้านสีขาว ผมไม่แน่ใจมากเท่าไหร่ว่าเราอยู่ใกล้กันแค่ไหน แต่จำได้ว่าเมื่อผมมองหน้าเจ้าตัวอีกครั้ง

​   สายตาคู่นั้นก็จับจ้องที่ริมฝีปากบางและไม่ขยับไปไหนอีกเลย

​   แววตาของเขาเปลี่ยนไป

​   และหลังจากนั้น
​   ความสัมพันธ์ของเราก็เปลี่ยนตาม
​   รวมถึงสรรพนามที่อีกคนมักจะมี






#ผาเพียงฟ้า








​   ฝนที่สาดเทลงมาอย่างหนักทำให้คนที่กลับค่ำถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ผมรีบเดินเข้าไปในตัวรถ จัดการหยาดน้ำที่เปียกปอนไปทั่วตัวก่อนจะเปิดเครื่องยนต์ให้ทำงานในทันที

​   เพราะการทำโปรเจคจบในปีสุดท้ายของการเรียนทำให้ผมต้องเข้าพบอาจารย์อยู่บ่อยๆ ยิ่งเวลาของผู้สอนมีน้อยนั่นทำให้ต้องมาปรึกษานอกตารางเวลาที่กำหนด การอยู่พบจนดึกดื่นจึงเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นในชีวิต

​   ถ้าไม่ติดว่าต้องปฏิเสธเพื่อนคนอื่นอย่างไม่เต็มใจ

​   ฮั่นชวนผมออกไปทานอาหารตั้งแต่ตอนเย็น ส่วนนาวาก็เซ้าซี้เรื่องที่จะไปกินเหล้าอยู่นั่น ยิ่งมันเป็นพวกที่ชอบให้เพื่อนไปกันครบๆแล้วด้วย ทั้งหมดเลยเป็นเหตุให้โทรศัพท์ผมสั่นไหวจากแจ้งเตือนของข้อความที่ส่งมาอยู่ตลอด

​   ผมไม่ได้สนใจมันมาสักพักหลังจากปฏิเสธกลับไป เพราะกว่าจะกลับถึงห้อง เปลี่ยนชุด อาบน้ำ และแต่งตัวมันก็เกินกว่าครึ่งค่อนคืนไปแล้ว เอาไว้คราวหน้าผมค่อยไปยังดีซะกว่า

​   แถมวันนี้อากาศก็ไม่เป็นใจเสียด้วย

​   เสียงครืนดังกระหึ่มตามมาหลังจากท้องฟ้าสว่างวาบ สายฝนเทกระหน่ำลงมาไม่ขาดสาย มันกระทบกระจกใสจนเกิดเสียงดังเปาะแปะไปโดยทั่ว ผมตัดสินใจเปิดเพลงคลอเคล้าเบาๆหลังจากรอรถที่แน่นขนัดแม้จะเลยผ่านช่วงเวลาสำคัญไปนานพอสมควร ดูเหมือนวันนี้การจราจรจะชะลอตัวไปโดยทั่วจากสภาพอากาศที่ย่ำแย่

​   แต่ในตอนที่ผมกำลังเคาะนิ้วไปตามจังหวะเพลงสากลที่ดังขึ้น สายตาก็เหลือบไปเห็นใครสักคนกำลังเดินฝ่าฝนออกมาจากมุมมืด

​   เจ้าตัวเปียกโชกไปแทบทุกส่วน เสื้อเชิ้ตนักศึกษาสีขาวลู่ลงไปตามร่างกายจนเห็นสัดส่วนที่ได้รูป ม่านกำกระเป๋าบังไว้บนหัว มองซ้ายมองขวาก่อนจะตัดสินใจเดินไปยังทางที่ไม่มีหลังคาบดบัง

​   โชคดีว่ารถเริ่มเคลื่อนตัวหลังจากหยุดชะงักมานาน ทำให้ผมหยุดอยู่ไม่ห่างจากเขา เมื่อเป็นดังนั้น กระจกข้างจึงลดลงพร้อมกับเรียกคนที่กำลังครุ่นคิดถึงทางที่จะกลับโดยไม่ต้องฝ่าออกไปอีก

​   “ม่านน!!”

​   เสียงผมดังแข่งกับเสียงฝนที่เทกระหน่ำอยู่ด้านนอก คล้ายกับอีกคนจะไม่ได้ยินดังนั้นผมเลยต้องตะโกนเป็นรอบที่สอง

​   “ม่าน!!”

​   และครั้งนี้เจ้าของชื่อก็หันมา

​   เขาเอียงหน้าลงเล็กน้อย จ้องมองผ่านความมืดก่อนจะยิ้มทักทายแบบที่เคยทำเมื่อเห็นว่าใครเป็นคนเรียก

​   “จะไปไหน?”
​   “กลับหอ”
​   “ขึ้นมาก่อน”

​   ผมออกคำสั่งเพราะไม่อยากเสียเวลาถามจนมากความแล้วทำให้เขาเปียกปอนไปมากกว่านี้ แต่ม่านก็ดูเหมือนยังลังเลพร้อมกับยกกระเป๋าขึ้นบังเหนือศีรษะ

​   “ขึ้นมา”

​   เสียงผมต่ำลงกว่าเดิม รอบนี้ม่านมันพยักหน้าแล้วรีบเปิดประตูเข้ามานั่งด้านใน

​   เบาะด้านข้างยวบลงไปตามน้ำหนักที่ถาโถม เขาเสยผมสีดำขลับไปด้านหลัง ใช้แขนที่ชุ่มฉ่ำเช่นกันเช็ดหยดน้ำจากใบหน้า

​   “มีผ้าขนหนูอยู่เบาะหลัง ไปหยิบมาดิ”
​   “ครับ”

​   อีกฝ่ายตอบรับ เอี้ยวตัวหันหลังกลับเพื่อไปเอาผ้าแห้ง ผมรู้สึกได้ถึงลมหายใจร้อนที่รดลงยังบริเวณไหล่ คล้ายอีกฝ่ายก็ไม่ได้สังเกตถึงความใกล้ชิดของตัวเองกับผมเลยสักนิด

​   ผมไม่ได้เอาความอะไรต่อ คงเพราะเจ้าตัวไม่ได้ตั้งใจนั่นแหละ ไม่นานผ้าขาวก็ถูกใช้งานจนเปียกหมาด แต่ถึงอย่างนั้นเสื้อผ้าที่สวมใส่ก็ยังไม่แห้งดีจากการซับน้ำแค่เพียงนิด

​   ผ้าผืนบางที่แนบเข้ากับร่างกายทำให้เห็นผิวเนื้อด้านในแจ่มชัด อีกฝ่ายไม่ได้มีรูปร่างที่ใหญ่โตเมื่อเราเทียบกัน แต่ก็ไม่ได้ผอมบางจนไม่น่ามอง เป็นความสูงโดยเฉลี่ยทั่วไปตามประสาคนที่ชอบออกกำลังกายแค่นั้น

​   “ทำไมวันนี้เธอกลับค่ำ?”

​   เจ้าตัวเอ่ยถามเป็นครั้งแรกหลังจากนั่งมาสักพัก ถือผ้าไว้ในมือพร้อมกับซับน้ำไปเรื่อยๆ

​   “ไปคุยกับอาจารย์มา”
​   “โปรเจคหรอ?”
​   “อืม”
​   “ทำกับใครอ่ะ?”
​   “อาจารย์กฤษ”
​   “อ่อ”

​   ผมตอบแม้สายตาจะยังจดจ้องไปยังท้องถนน มือขวาตบไฟเลี้ยวแล้วหมุนพวงมาลัยตาม เราออกจากแยกที่มีรถแน่นขนัดเพื่อไปยังทางที่โล่งกว่า

​   “แล้วทำไมมึงมาอยู่นี่ได้?”

​   อีกคนหันมามองพร้อมกับเอียงหน้าลง

​   “แวะเอาของมาให้หมอก พอจะกลับฝนก็ตกพอดี”
​   “...”
​   “—น้องเค้าเอง”
​   “กูรู้”

​   คล้ายกับกลัวว่าผมจะเข้าใจผิดว่าเขาไปหาคนอื่น ม่านเลยย้ำสถานะให้ฟังอีกรอบ

​   “ไม่เอารถมาล่ะ?”
​   “รถเข้าอู่ ไปชนมา”

​   คิ้วผมขมวด ไม่เห็นได้ข่าววามันเอารถไปชนอะไรมาก่อน

​   “ชน?”
​   “อืม”
​   “...”
​   “มัวแต่คิดอะไรเพลินๆ ถอยชนต้นไม้ที่หอเลย”

​   เสียงหัวเราะมาพร้อมกับการแลบลิ้นเลียริมฝีปาก เจ้าตัวเหมือนประหม่าอย่างหนักเมื่อผมถามอย่างคะยั้นคะยอ

​   “เกินไป”
​   “เออดิ เธออ่ะเกินไป...”
​   “...”
​   “...มาลูบหัวเค้าแบบนั้นทำไมวะ”

​   ความเงียบเกิดขึ้นบนรถฉับพลันเมื่อข้อความเหล่านั้นเล่นงานเราทั้งคู่
​   ผมเบือนหน้าหนี ส่วนม่านก็หันไปอีกทาง ภาพสุดท้ายที่เห็นคือใบหูแดงก่ำของอีกฝ่าย

​   “เอาไปให้เขาเคลมเฉยๆ อาทิตย์หน้าก็ได้แล้ว”

​   ผมไม่ได้ตอบรับ ม่านก็แค่อยากบอกไว้แบบที่เขานั้นทำเป็นประจำ จนกว่าจะมาถึงทางแยก ผมจึงได้ถามพร้อมกับหันไปมอง

​   “หอมึงเลี้ยวขวาแล้วเข้าซอยห้าใช่ป่ะ?”
​   “ไปหอเธอเลย”
​   “ก็จะไปส่งมึงก่อน”
​   “ไปหอเธอนั่นแหละ”
​   “ไปทำไม?”

​   ผมงุนงงเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายไม่ได้จะกลับห้องของตัวเอง ทั้งๆที่ทั้งตัวเปียกโชกและไม่น่าเหลือสภาพไปทำอย่างอื่นได้อีก

​   “เฮ้ออ...”
​   “...”
​   “ห้องเค้าไม่ว่าง จะไปรอให้ไอ้เตมารับที่หอเธอแล้วกัน”

​   อีกคนเอนตัวเข้ากับเบาะ อมยิ้มแล้วมองหน้าผมอยู่อย่างนั้น

​   “ไม่ได้จะขึ้นไปรอบนห้องซะหน่อย จะรอข้างล่างครับ”

​   ผมไม่ได้ตอบ แต่ก็เข้าใจว่ามันต้องการจะสื่อถึงอะไร เมื่อไฟสัญญาณเปลี่ยนสี ผมจึงเลี้ยวพวงมาลัยไปยังอีกทางที่ไม่ได้ตั้งใจไว้ตั้งแต่แรก

​   ม่านเดินตามแม้จะลงรถไปก่อน เราเข้ามายังห้องรับรองใต้ตึก อีกคนเลือกนั่งมุมหนึ่งที่อยู่ในสุดห่างจากผู้คนที่สัญจรไปมา ก้มหน้าพร้อมกับถือใช้ผ้าเช็ดตัวที่ขอยืมไว้ใช้

​   ผมมองภาพนั้นอยู่นาน ในใจบอกให้เดินหนีแล้วขึ้นไปยังห้องของตัวเองซะทีจะได้ไม่ต้องเห็นภาพใครบางคนที่เหมือนลูกหมาตกน้ำนั่งอยู่

​   แต่เท้าผมก็ดูเหมือนจะไม่ขยับเลยสักนิด

​   จนสุดท้าย ผมก็แพ้ให้กับความคิดที่อยู่ในหัว

​   “ขึ้นไปห้องกู”
​   “หืม?”

​   ม่านตกใจที่โดนเชิญชวนอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว เขาขมวดคิ้ว อาจจะเพราะรู้ว่ามันหมายความว่าอย่างไร

​   “เค้ารอไอ้เตได้”
​   “เพื่อนมึงจะมาตอนไหนล่ะ?”
​   “...”

​   อีกคนไม่ตอบ และผมก็รู้ว่าคงจะนานแน่ๆ

​   “ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน จากนั้นค่อยว่ากันอีกที”
​   “...”
​   “...”

​   เขาเงียบ จนผมเกือบจะหงุดหงิดเพราะมีคนไม่ยอมทำตาม

​   “เค้าไม่ไปดีกว่า”
​   “...”
​   “เธอขึ้นไปพักผ่อนได้แล้ว”

​   คนตัวสูงตอบปฏิเสธ อาจเพราะไม่อยากอยู่กันสองต่อสองกับผมในห้องนอนสี่เหลี่ยม

​   “ม่าน”
​   “รู้แล้วครับ เค้าก็ไม่อยากขัดหรอก แต่ไม่อยากให้คนอื่นมองเธอไม่ดี”

​   เหตุผลของเจ้าตัวทำเอาผมชะงักนิ่งไปนาน ต่างจากคนพูดที่มันเอาแต่ยิ้มจนตาหยี

​   “...”
​   “...”
​   “ไปๆ รีบอาบน้ำด้วยนะเดี๋ยวไม่สบาย”

​   คราวนี้ผมหันหลังกลับแต่โดยดี ครั้นเดินไปไม่กี่ก้าว ก็ต้องบอกเขาถึงสิ่งที่เก็บเอาไว้ในใจ

​   “มึงเป็นห่วงกลัวกูจะไม่สบาย คิดว่ากูไม่ห่วงมึงแบบนั้นบ้างรึไง?”
​   “...”
​   “ถ้าคิดได้ก็ขึ้นมา”

​   ม่านหัวเราะร่า พยักหน้าสองสามครั้งแต่ก็ยังนั่งที่เดิม

​   ผมหลับตาลงแน่นในตอนที่พิงกำแพงห้องนอน โยนกระเป๋าไว้ข้างหมอนก่อนจะเดินไปทำธุระให้แล้วเสร็จ ในตอนที่ชุดใหม่ถูกสวมใส่ โทรทัศน์มีภาพยนตร์ตำรวจไล่จับผู้ร้ายใจกลางเมือง

​   เสียงเคาะประตูห้องผมก็ดังขึ้น

​   ผมไม่ได้บอกว่าตัวเองอยู่ห้องไหน
​   แต่เขาก็คงรู้ได้จากคนที่ยืนด้านข้าง

​   ม่านยักไหล่พร้อมกับสอดมือเข้าในกางเกงนักศึกษา ต่างจากไอ้ฮั่นที่มีสีหน้าบอกบุญไม่รับ


​   “ไอ้สัสม่านเรียกกูมา”


​   ส่วนไอ้ลูกหมาก็ยิ้มร่าแล้วพูดต่อในทันที



​   “ทีนี้เข้าไปได้ยัง?”












#ผาเพียงฟ้า

เด็กมันน่ารักจริงๆเนาะ ;-;


23/7/19
before30october

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-07-2019 00:00:36 โดย before30october »

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
Re: ♡̷ ผ า เ พี ย ง ฟ้ า - 5 | me, you and him P.1 (23/7/19)
«ตอบ #16 เมื่อ23-07-2019 15:59:47 »

ม่านนี่มันน่ารักจริงๆ อ่านแล้วเขินทุกตอนเลย :-[

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: ♡̷ ผ า เ พี ย ง ฟ้ า - 5 | me, you and him P.1 (23/7/19)
«ตอบ #17 เมื่อ23-07-2019 16:13:35 »

สุดจะแคร์เขา  :heaven

ออฟไลน์ lolli_candy99

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ♡̷ ผ า เ พี ย ง ฟ้ า - 5 | me, you and him P.1 (23/7/19)
«ตอบ #18 เมื่อ24-07-2019 03:47:33 »

ม่านนนนนนน หาแบบม่านได้ที่ไหนนนน

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: ♡̷ ผ า เ พี ย ง ฟ้ า - 5 | me, you and him P.1 (23/7/19)
«ตอบ #19 เมื่อ24-07-2019 17:08:36 »

 :pig4:
 :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ♡̷ ผ า เ พี ย ง ฟ้ า - 5 | me, you and him P.1 (23/7/19)
« ตอบ #19 เมื่อ: 24-07-2019 17:08:36 »





ออฟไลน์ kong6336

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
Re: ♡̷ ผ า เ พี ย ง ฟ้ า - 5 | me, you and him P.1 (23/7/19)
«ตอบ #20 เมื่อ24-07-2019 19:43:50 »

น้องม่านน่าร๊ากกกกกกกกก

พี่ผาใจอ่อนไวๆ น๊าาาาาาาาา

ออฟไลน์ before30october

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-2
Re: ♡̷ ผ า เ พี ย ง ฟ้ า - 5 | me, you and him P.1 (23/7/19)
«ตอบ #21 เมื่อ09-08-2019 00:41:23 »



ผ า เ พี ย ง ฟ้ า


6

can you take me home?




_________


this is why you're here


_________







   “ย้ายหอมั้ยกูว่า”

​​   คนที่นั่งด้านข้างออกความเห็น ขาทั้งสองข้างในกางเกงยีนขาดๆ ตั้งชัน มือขวาพาดไว้บนนั้น ส่วนมือซ้ายเคาะเขม่าจากการเผาไหม้ให้ตกหล่นลงบนถาดใส

​​   “ก็คิดอยู่เหมือนกันพี่ ช่วงนี้รู้สึกว่าบ่อยเกินไป”
​​   “เห็นมึงไม่ได้นอนห้องเลยสักคืน”
​​   “ก็เข้าใจมันแหละ อยู่กับแฟนทั้งที”

​​   ม่านยกบุหรี่ของตัวเองขึ้นดูดบ้าง เงยหน้าเพื่อพ่นควันขึ้นบนฟ้าแผ่วเบา

​​   “มึงก็รีบจีบไอ้ผาให้ติดแล้วย้ายมาอยู่กับมัน”

​​   เขาหัวเราะเมื่อคนอายุมากกว่าพูดประโยคที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ในเร็ววัน ก็รู้ๆกันอยู่ว่าเจ้าของห้องที่ไม่ได้นั่งอยู่ด้วยกันนั้นมีนิสัยเป็นยังไง

​​   ผาไม่ใช่คนที่จะเดาอารมณ์ได้ง่ายๆ ใครๆ ก็รู้

​​   “ก็อยากดูแลเขาเหมือนกัน...” เขาพูด จ้องมองไปด้านในห้องที่มีใครคนหนึ่งกำลังวุ่นกับการเก็บของพัลวัน “...แต่ก็กลัวจะทำผาอึดอัดด้วย”

​​   ฮั่นหัวเราะเบาๆ ใช้นิ้วชี้กับนิ้วกลางคีบบุหรี่จรดริมฝีปาก “คิดมากจังวะมึงอ่ะ”

​​   “ถ้าเพื่อนพี่จีบง่ายจะไม่คิดเท่านี้เลย”

​​   คราวนี้เสียงหัวเราะนั้นดังลั่น ทำเอาเขาต้องอมยิ้มเขินตามไปด้วย

​​   “ก็บอกแล้วไง ว่าจะจีบมันก็ให้ทำใจหน่อย”
​​   “อืม”
​​   “...”
​​   “ผมก็รู้ตั้งแต่แรกแล้วแหละ”

​​   เราเหม่อมองออกไปยังความมืดของท้องฟ้าที่ไม่มีแสงดาว มีเพียงแสงไฟจากตึกรามบ้านช่องคอยส่องนำทางไปสุดลูกหูลูกตา และมีสายลมเย็นจากความสูงของชั้นสิบเจ็ดคอยพัดผ่าน

​​   “มันไม่ได้ไล่มึง”
​​   “หะ เมื่อกี้พี่ว่าไงนะ?”

​​   เขาเอนหน้าลงเล็กน้อยเมื่อได้ยินประโยคล่าสุดไม่ถนัด อีกฝ่ายยักคิ้วกลับแล้วพูดมันอีกครั้ง

​​   “ปกติแล้วผามันไม่ชอบคนที่เข้ามายุ่งกับชีวิตมันเท่าไหร่หรอก ถ้าไม่ไล่กลับก็แทบจะไม่สนใจเลยด้วยซ้ำมั้ง”

​​   ความจริงที่ได้ฟังทำเอาใครบางคนก้มหน้าลง แลบลิ้นเลียริมฝีปากเพราะไม่ทันได้ตั้งตัวกับความรู้สึกที่เริ่มจู่โจมเข้ามาอย่างหนัก

​​   ถ้าอีกฝ่ายพูดแบบนี้ แสดงว่าเขายังมีหวังใช่ไหมนะ?...

​​   “อย่าให้ความหวังผมเยอะ เดี๋ยววันไหนอกหักมาผมช้ำตายพอดี”

​​   เสียงหัวเราะเราสองคนสลับสับเปลี่ยน คนอายุมากกว่าหยิบบุหรี่มวนที่สองขึ้น ก่อนจะจุดติดมันด้วยไฟแช็กที่วางอยู่ไม่ไกล

​​   “อย่ามาโกหกกูหน่อยเลย มึงก็หวังเยอะเหมือนกันน่ะแหละ”

เขาปล่อยให้บุหรี่ในมือมอดไหม้จนเกือบครึ่งมวนโดยไม่ได้ยกมันขึ้น เฝ้ามองควันสีเทาที่ลอยละล่องหายไปกับสายลมที่พัดผ่านไปจนหมด

​​   “หวังดิพี่”
​​   “...”
​​   “เวลาชอบใครแล้วเราก็หวัง ปฏิเสธมันไม่ได้หรอก”

​​   อีกคนเงียบ เราปล่อยให้ความคิดได้แล่นผ่านระหว่างเราทั้งคู่

​​   อย่างที่เขาบอก เวลาที่ได้รักใครสักคน ยังไงเราก็มีความเห็นแก่ตัวซ่อนลึกอยู่ในใจ อยากได้มาไว้ครอบครอง อยากให้เราได้อยู่ชิดใกล้ อยากให้ใครคนนั้นเป็นของเราคนเดียวไปตลอด

​​   มันไม่มีทางที่จะเก็บความหวังลึกๆ ในใจได้หรอก
​​   เขาเป็นแบบนั้น

​​   “ไม่เผื่อใจไว้เลยหรอ?”

​​   อีกคนมีคำถาม จ้องหน้าเขาเพื่อรอคำตอบ

​​   “ไม่รู้จะเผื่อไปทำไม ผมรักใครผมก็อยากรักให้เต็มที่ ไม่อยากมานึกเสียใจทีหลังว่าตอนนั้นน่าจะทำมันให้ดีกว่านี้” เขาเว้นช่วง “แบบนั้น...คงจะดีกว่า”

​​   บุหรี่ที่หมดมวนทำให้เขาต้องบดมันเข้ากับถาดที่วางด้านข้าง

​​   “พังมาก็เจ็บฉิบหายเลยแบบนั้น”
​​   “พี่อย่าเพิ่งแช่งได้ป่ะวะ” เมื่ออีกคนแย้ง เขาเลยสวนกลับไปในทันที เสียงหัวเราะรอบนี้เลยดังกว่ารอบอื่นๆ
​​   “ฮ่าๆ กูขอโทษ”
​​   “ผมยังไม่อยากอกหักเร็วๆ นี้หรอก”

​​   สิ้นประโยค เสียงเปิดประตูบานเลื่อนก็เรียกความสนใจเราได้ทั้งคู่ เจ้าของห้องกอดอกพร้อมกับพิงบานประตูเอาไว้อย่างนั้นเมื่อก้มลงมองคนทั้งสองที่นั่งอยู่

​​   “เป็นไง สนทนากันยามดึกสนุกมากเลยสินะพวกมึง”

​​   เขาเงยมอง คนที่เปลี่ยนมาเป็นชุดลำลองชุดใหม่ยังจ้องอยู่ไม่มีเปลี่ยน ดวงตาคู่นั้นไม่ได้ฉายแววอะไร แต่ดูเหมือนว่าน้ำเสียงที่อีกคนใช้จะดูอารมณ์ดีกว่ารอบอื่นที่เราเคยเจอ

​​   “ก็ตามประสาคนมีความรักว่ะ” เพื่อนเจ้าตัวเอ่ยทีเล่นทีกวน ทำเอาผายักคิ้วขึ้นหนึ่งข้าง
​​   “...”
​​   “ใช่ป่ะวะม่าน?”

​​   และระเบิดลูกนั้นมันก็มาลงที่เขาอย่างช่วยไม่ได้
​​   เขาไม่อยากเล่นกับใจอีกฝ่ายมากนัก แต่บางทีมันก็อดแกล้งไม่ได้จริงๆ

​​   “ก็...ประมาณนั้น”
​​   “มึงมันไม่มีความรักมึงไม่เข้าใจหรอก”

​​   ฮั่นพูดก่อนจะทิ้งบุหรี่มวนสุดท้ายยังถาดใสเหมือนกัน เก็บซองกระดาษที่ยังบรรจุก้านขาวเกือบครึ่งไว้ยังกระเป๋าหลังของกางเกงยีน ก่อนจะหยิบไฟแช็กตามไปด้วยเมื่อลุกขึ้น

​​   “สนใจจะเข้าร่วมวงบ้างไหมล่ะ?”

​​   เจ้าตัวหยุดยืนแล้วพูดต่อหน้าอีกฝ่าย

​​   “ก็ดูเหมือนว่าคนแถวนี้จะเริ่มมีหน่อยๆ แล้วนี่นา”

​​   ปัก!
​​   พร้อมกับโดนกำปั้นชกเข้าหน้าท้องอย่างจัง ก่อนที่คนคนนั้นจะเดินเข้าห้องไปก่อน

​​   “กวนตีน”














#ผาเพียงฟ้า















​​   เสียงคนนั่งลงด้านข้างทำให้ผมต้องหันไปมอง ฮั่นมันหย่อนก้นลงบนเบาะนุ่ม ก่อนที่จะพาดแขนไปกับความยาวคล้ายกับโอบไหล่ผมไปไหนตัว

​​   อีกคนที่เดินตามมาไม่ห่างนั่งลงยังโซฟาตัวเล็กที่อยู่ถัดไป มันในชุดเสื้อแขนยาวผ้าฝ้ายกับกางเกงวอร์มของผมเองทำให้ดูแปลกไปถนัดตา อาจเพราะไม่เคยเห็นม่านใส่เสื้อผ้าแบบนี้มาก่อน เพราะไม่ว่าจะเจอกันกี่ครั้ง อีกฝ่ายก็มักจะอยู่ในชุดนักศึกษาหรือว่าเสื้อเชิ้ตสีดำธรรมดามากกว่า

​​   ไม่ใช่ชุดลำลองที่เหมือนกับชุดนอนแบบนี้

​​   “เหม็นชิบ”

​​   ผมบ่นอุบให้กับกลิ่นที่โชยแรงหลังจากการดูดบุหรี่ของเพื่อน ฮั่นหัวเราะเล็กน้อย เคาะนิ้วเป็นจังหวะบ่นไหล่ข้างขวาของผมเอง

​​   “สัส!”
​​   พลัก!

​​   และในจังหวะที่มันเอนตัวเข้าหาผมเพื่อแกล้ง แรงที่ส่งไปก็ทำให้อีกฝ่ายเอนหลังไปอย่างจัง มันเกือบจะล้มถ้าไม่ใช้มือซ้ายยันไว้กับโซฟาด้านหลัง แล้วกลับมานั่งดังเดิมพร้อมเสียงหัวเราะจากการหยอกล้อ

​​   หลังจากนั่งดูโทรทัศน์ด้วยกันอยู่ไม่นาน เราจึงตกลงกันว่าจะไปทานข้าวหลังจากไม่มีอะไรตกถึงท้องมาตั้งแต่เย็น ผมนั่งเล่นโทรศัพท์ไปพลาง ดูภาพยนตร์ไปพลาง จนเกือบจะถึงเวลาที่ตกลงกันไว้ ฮั่นก็ขอตัวลุกไปเข้าห้องน้ำเพื่อเตรียมตัวจะออกไปตามที่นัด

​​   เหลือผมกับม่านที่นั่งด้วยกันสองต่อสอง
​​   ในระยะห่างที่มากพอ แต่ก็ทำให้รู้สึกแปลกๆ ไปด้วยเช่นกัน

​​   “ใส่ได้ใช่ป่ะ? ชุดกู” ผมเอ่ยถาม วางเครื่องสีดำไว้ด้านข้างแล้วหยิบหมอนขึ้นกอด มองเห็นอีกฝ่ายขยับตัวไปมาเพื่อย้ำคำตอบของตัวเองอีกที

​​   “ได้ดิ พอดีเลยเนี่ย”

​​   ผมไม่ได้ถามอะไรต่อ แต่ม่านกลับเป็นฝ่ายต่อบทสนทนานั้นเสียเอง

​​   “ขอบคุณนะเรื่องเสื้อ”
​​   “อืม”
​​   “เรื่องที่ให้เค้าขึ้นมารอบนห้องอีก”
​​   “...”
​​   “ห้องเธอน่ารักกว่าที่คิดเยอะเลย”

​​   เจ้าตัวมันพูดก่อนจะยิ้มกว้างพร้อมกับกอดอกไปพร้อมกัน ผมถอนหายใจยกใหญ่ เพราะไม่ว่ายังไง

​​   คำว่าน่ารักมันก็ดูจะไม่เข้ากับตัวเองเลยแม้แต่น้อย

​​   คิ้วผมเริ่มขมวดเข้าหากันเป็นปม มองไปรอบๆก็ไม่เห็นจะพบกับความน่ารักแบบที่เขาบอก ก็แค่ห้องสี่เหลี่ยมธรรมดา มีเฟอร์นิเจอร์ โซฟา และของตกแต่งเหมือนกับห้องของเพื่อนคนอื่นๆ

​​   “ประสาท”

​​   เหมือนกับว่าอีกคนจะชอบประโยคที่ส่งให้เสียมากกว่า เพราะคราวนี้ม่านมันยิ้มร่าจนตาปิด

​​   “เดี๋ยวเค้าซักชุดแล้วจะคืนให้นะ”
​​   “ไม่ต้องซักก็ได้”
​​   “ซักเหอะ เมื่อกี้ดูกับพี่ฮั่นไปแล้ว กลิ่นมันยังติดอยู่เลย”

​​   อีกฝ่ายบอกเหตุผลกลับมา เมื่อเจ้าตัวยังดื้อรั้นผมเลยไม่ได้เท้าความอะไรต่อ ปล่อยให้มันทำตามใจโดยไม่คิดจะปฏิเสธ

​​   “เรื่องหอน่ะ จะเอายังไง?”

​​   เมื่อเงียบไปนานจนดูอึดอัด ผมเลยถามคำถามที่เก็บเอาไว้อยู่ตลอด

​​   “เดี๋ยวอาทิตย์หน้าคงไปดูๆ ไว้ละ จะย้ายออกจริงๆ แล้วแหละ”

​​   ผมเห็นด้วยกับคำที่เจ้าตัวพูดเลยพยักหน้าตอบ ก็พอจะเข้าใจไม่น้อยเวลาที่เจอสถานการณ์แบบนั้นเข้า การที่ออกมาอยู่คนเดียวคงจะสะดวกและสบายใจมากกว่า

​​   เราจบการพูดคุยกันไว้แค่ตรงนั้นเพราะฮั่นออกมาพอดี อาจจะเพราะผมไม่ชอบให้เพื่อนมองด้วยสายตาแปลกๆ เลยพยายามไม่เข้าไปยุ่งกับอีกฝ่ายเวลาเรามีคนรายล้อมรอบกายเป็นจำนวนมาก

   มื้อดึกที่มาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวทำให้เราซัดมันอย่างหนักด้วยความหิวโหย ตามแพลนแล้ว เราแค่จะมาทานข้าวแล้วกลับ แต่ทุกอย่างก็ต้องตาลปัตรเมื่อเพื่อนคนอื่นๆ โทรตามให้ไปหา

   เพราะม่านกับไอ้ฮั่นมันไม่อยากไปๆ กลับๆ ห้องผม การที่เราเลือกมานั่งร้านเหล้าเพื่อฆ่าเวลาจึงเป็นข้อเสนอที่ดีไม่น้อย

   เพื่อนคนอื่นดูจะแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นคนอายุน้อยกว่าเดินตามหลัง แต่แค่เพียงเสี้ยววิที่พวกมันทำหน้าสับสน จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นทำการต้อนรับรุ่นน้องคนสนิทอย่างดีแบบที่เคยเป็นมาตลอด

   ผมนั่งข้างไอ้ติน เวลาแบบนี้ความเงียบของผมและมันดูจะเข้ากันเป็นอย่างดี

   “วันนี้กูเจอน้องโมว่ะ” เมื่อดื่มไปได้สักพัก สิงห์นักล่าอย่างไอ้เหนือก็พูดอย่างโอ้อวดพร้อมกับยักคิ้วไปด้วย

   “น้องโมบัญชี”
   “ตาโตๆ ผมสั้นๆ หุ่นแบบ—อ่ะ” มันเว้นช่วงด้วยการทำมือไปพลาง เป็นรูปร่างโค้งเว้าของร่างกายหญิงสาวอย่างแจ่มชัด ผมที่มองอยู่ห่างๆ ส่ายหน้าก่อนจะยกแก้วของตัวเองขึ้นดื่มจนหมด

   ไม่รู้ทำไม วันนี้ดูมันจะลื่นคอกว่าวันอื่นๆ

   “นั่นไงๆๆ” เมื่อคนที่พูดถึงเดินผ่าน เจ้าตัวก็รีบพยักพเยิดอย่างแนบเนียนไปทางด้านเป้าหมาย สายตาชายหนุ่มหลายคนจับจ้องไปทางเดียวกันโดยอัตโนมัติ ไม่ต่างจากไอ้ติน ผม และม่านก็ด้วยเช่นกัน

   “เฮ้ยๆๆ มึงมองไรม่าน”

   เมื่อมีคนตาดีเห็นเหตุการณ์ คนที่นั่งเยื้องไปยังฝั่งตรงข้ามก็หันกลับมาแล้วส่ายหน้าพัลวัน

   “เปล่าพี่”
   “กูเห็นนะว่ามึงมองอ่ะ” นาวาชี้หน้ารุ่นน้อง สายตาของคนโดนกล่าวหาเหลือบมองมาทางผมอย่างกล้าๆ กลัวๆ ก่อนที่เจ้าตัวจะหน้ายุ่งแล้วแลบลิ้นเลียริมฝีปาก
   “...”

   คราวนี้ม่านมันเงียบเพราะคงเถียงไม่ไหว ก็หลักฐานมันปรากฏชัดอยู่ทนโท่ คนอื่นๆมองหน้าผมสลับกับมันคล้ายกับว่าตลกที่ได้หยอกล้อ จนม่านต้องหันมาอีกรอบแล้วเอ่ยบอกแก้ตัว

   “เธออย่าเข้าใจผิดนะ”

   เพราะประโยคสั้นๆ ของมันทำให้นาวายิ้มร่า ไม่ต่างจากเสือยิ้มยากอย่างไอ้ติน ดูๆแล้วมันก็คงจะได้ใจเพื่อนผมไปหมดแล้วล่ะมั้ง

   “แล้วมึงมองจริงมั้ยล่ะ?”

   ลำคอแกร่งขยับไปตามจังหวะการกลืนน้ำลาย เห็นได้ชัดว่าคงกลัวผมจะโกรธ

   “มองก็มองดิ กูยังไม่ได้ว่าไรเลย”

   ผมยกแก้วขึ้นดื่ม ก่อนที่ไอ้ฮั่นจะกอดคอม่านเพื่อกระซิบอะไรสักอย่างอย่างอารมณ์ดี แต่ถึงอย่างนั้นดวงตาของมันก็ยังจ้องผมอยู่ตลอด คงจะรู้สึกผิดติดตัวมันนั่นแหละ

   ก็จริงที่ว่าผมไม่ได้โกรธ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่รู้สึกอะไรเลย

   ผมปล่อยให้ความคิดเหล่านั้นผ่านไป ยังไงซะเราก็ไม่ได้ผูกมัดทางความสัมพันธ์เหล่านี้สักหน่อย ถ้าให้พูดตามตรง เราก็ไม่ได้มีความจำเป็นจะต้องผูกมัดอะไรอยู่แล้ว เพราะความคลุมเครือที่เกิดขึ้นไม่มีตรงไหนที่มันชัดเจนเลยสักนิด

   แก้วที่อยู่ตรงหน้าถูกเติมครั้งแล้วครั้งเล่า ดูเหมือนครั้งนี้ผมจะยอมให้ฤทธิ์ของแอลกอฮอลล์เข้าเล่นงานแต่โดยดี

   บุหรี่ที่วางอยู่บนโต๊ะถูกขโมยโดยคนที่ไม่ค่อยชอบสูบแบบชาวบ้านที่นั่งโดยรอบ ผมวางมันจรดฝีปาก ป้องมือเพื่อบังลมนิดหน่อย ก่อนจะหมุนฟันเฟืองของไฟแช็กให้แสงสว่างวาบแล้วสูบเอาความหอมหวานเข้าปอด

   ความรู้สึกอุ่นร้อนค่อยๆ ไหลเข้าสู่ห้วงของความรู้สึก ผมดำดิ่งกับความมึนเมาอันแสนเย้ายวน คล้ายกับมีบางสิ่งพร่ำเรียกตัวเองอยู่ปลายทาง มันกรีดร้องโหยหาความต้องการบางอย่างที่ซ่อนตัวไว้ยังส่วนลึกสุดของหัวใจ

   สายตาผมจับจ้องไปที่ใครบางคน คนคนนั้นมีรูปร่างสมส่วน หน้าตาอ่อนหวาน

   และดูเหมือนจะปลุกความต้องการผมได้เป็นอย่างดี

   กว่าจะรู้ตัวว่าตัวเองลุกออกจากที่นั่งก็ในตอนที่เสียงเพลงดังกระหึ่มขึ้นอีกรอบ ผมยังไม่ทิ้งมวนบุหรี่ที่อยู่ในมือ ค่อยๆ สูบอย่างไม่เร่งรีบพร้อมกับเดินตามคนตรงหน้าไปไม่ห่างหลังจากได้รับสัญญาณของหญิงสาว

   และในตอนที่ผมกำลังจะตัดสินใจเข้าประชิด ข้อมือผมก็ถูกรั้งไว้แล้วโดนออกแรงให้เดินตามไปยังมุมมืด

   อาการมึนในตอนแรกหายไปจนเกือบหมด ผมมองร่างสูงที่เดินนำหน้า เขายังไม่หันกลับมา ปล่อยให้ความเงียบได้แล่นผ่านพร้อมกับสายผมที่พัดความรู้สึกบางอย่างก่อตัวขึ้นในใจ

   ม่านนั่งลงยังม้านั่งสักแห่งในมุมมืด ก้มหน้าลงชิดข้อมือที่ยังไม่ปล่อยไปไหน

   “...”
   “...”

   เมื่อเจ้าตัวไม่ได้พูดอะไร ผมเลยจะชักมือกลับเพราะรู้สถานการณ์ของตัวเองตอนนี้ได้เป็นอย่างดี

   แต่ถึงอย่างนั้นม่านก็รั้งมันไว้อีกเป็นครั้งที่สอง

   “ไม่ไปกับเขาได้มั้ย?”
   “...”
   “นะครับ”

   เสียงขอร้องแหบพร่า ก่อนที่หน้าตาจริงจังจะเงยมอง ผมยังกัดริมฝีปากไว้แน่น หายใจเข้าออกเป็นจังหวะเพื่อผ่อนปรนความร้อนที่อยู่ภายใน

   “เค้าไม่อยากให้เธอไปเลย”

   ผมหลับตาแน่น พันธนาการจากแขนแกร่งเตือนสติตัวเองได้มากโข

   “อืม”
   “...”

   เสียงตอบรับแผ่วเบาทำเอาอีกฝ่ายมองไปทางอื่น

   “ปล่อยได้แล้ว”

   สิ้นสุดประโยค ม่านก็ยอมปล่อยให้ผมได้เป็นอิสระ เขาสานมือเข้าหากันแล้วใช้ศอกเท้าไว้กับเข่า ก้มหน้าทำเอาเส้นผมสีดำขลับตกลู่ไปตามแรงโน้มถ่วง

   “ขอโทษนะ” เจ้าตัวเอื้อนเอ่ย “จะด่าก็ได้ รอบนี้เค้าเห็นแก่ตัวกับเธอเกินไปหน่อย”

   ผมที่นั่งลงด้านข้างเท้าแขนไปด้านหลัง เหม่อมองท้องฟ้าที่ไร้หมู่ดาวในตอนที่เรานั่งข้างกัน
   ก่อนจะหันไปมองเจ้าตัวเพื่อตอบรับ

   “ไม่เป็นไร”
   “...”
   “ขอบคุณมึงซะอีก กูจะได้เลิกทำเหี้ยกับคนอื่นซะที”

   ผมเงียบ ม่านก็เงียบ

   “แล—”

   ดูเหมือนอีกคนต้องการจะพูดอะไรต่อแต่ก็ไม่ยอมเอ่ยมันออกมา ม่านยังนั่งก้มหน้าเอาไว้อย่างนั้น

   คล้ายกับว่าอีกฝ่ายยังเก็บหลายอย่างเอาไว้ในใจ อาจเพราะรู้ดีว่าการที่ผมต้องการจะไปกับคนอื่นนั่นมันหมายถึงว่าความรู้สึกที่เจ้าตัวส่งมามันยังไม่มากพอให้ผมหยุดอยู่ที่ตัวเองได้ ไม่ได้ผูกมัดอะไรผมไว้จากความพยายามที่ผ่านมา

   ก็คงจะเสียใจไม่น้อยแหละมั้ง
   กับการที่ผมไม่ได้ตอบรับอะไรกลับไปแบบนี้

   “ขอโทษครับ”

   เขาพูดเสียงแหบ ตั้งใจจะลุกขึ้นเพื่อกลับไปยังทางที่จากมา แต่คงไม่เร็วเท่ามือผมที่คว้าร่างสูงเอาไว้

   แล้วขอร้องเป็นครั้งสุดท้าย


   “ไปส่งกูหน่อย”


   เพื่อให้ตัวเองไม่ดูใจร้ายจนเกินไป


   กับคนที่แอบชอบ
   และกับคนที่มีโอกาสจับมือผมแต่เจ้าตัวก็ไม่ทำ เพียงแค่จับมันให้สูงขึ้นกว่านั้น บนข้อมือที่อีกคนเลือกจะสัมผัสมันอย่างตั้งใจ


   เพราะแบบนี้ล่ะมั้ง
   ผมถึงไม่กล้าไล่มันไปไหนสักที












#ผาเพียงฟ้า

ก็ยังจะพูดคำเดิมว่าม่านมันน่ารักมากๆ แงง ;-;


9/8/19
before30october


ออฟไลน์ lolli_candy99

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ฮืออออออ ม่านก็คือม่านนนนน น่ารักมากกกกกกก หาแบบม่านได้จากที่ไหนอี๊กกกกกกกกกกกกก เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ มาอัพบ่อยๆน้า อ่านวนสามรอบเเล้ว หลงรักม่านมากกก

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
ม่านนน มีความน้องงง เขาไม่ได้คบกัน ไม่ได้หวาน ไม่หวือหวา แต่อ่านแล้วทำให้เขินได้ จะว่าไปผาก็ใจอ่อนมากแล้วนะเนี่ย  :o8:

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ติดตามจ้า  :L2:

ออฟไลน์ kong6336

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
ไม่มีฉากหวาน ไม่มีฉากโรแมนติก แต่ทำไมอ่านแล้วเขิน :hao7: :hao7:

ชอบเวลาน้องม่านคุยกับพี่ผา  "เธอ" "เค้า" :o8: :-[

ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
ม่านน่ารักฝุดๆ
ผาเพียงฟ้าอยู่แค่เอื้อม
สู้ต่อไปตัวเทอ
 :mew3:

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
โอ๊ยยยยยย TT
ใจแป้วแทนม่านไปหมดแล้ว

ออฟไลน์ before30october

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-2


ผ า เ พี ย ง ฟ้ า


7

I'm not lying






​​   น้ำในอ่างถูกวักขึ้นล้างหน้าอย่างแรงเพื่อเรียกสติ ผมมองคนในกระจกอีกครั้ง ผู้ชายคนนั้นยังมีแววตาที่แฝงไปด้วยอารมณ์คงค้างของฤทธิ์แอลกอฮอลล์ อารมณ์ของผมกำลังขึ้นลงอย่างไม่มีจุดหมาย

​​   บางครั้งมันลอยสูงจนถึงปุยเมฆ แต่บางคราวมันก็ดำดิ่งลงสู่หุบเหวของความปรารถนา

​​   น้ำเย็นถูกรินลงในแก้วใสจนปริ่ม อันที่จริงผมลังเลระหว่างมันและกระป๋องเบียร์ที่ยังแช่อยู่ แต่เพราะไม่อยากเติมความรู้สึกต้องการให้มันมากกว่าเก่า ผมเลยดับกองไฟที่กำลังมอดไหม้นั้นเสีย

​​   ก่อนที่มันจะลุกลามไปยังบริเวณอื่น

​​   หลังจากผมดื่มน้ำจนหมด สองมือก็เท้าลงไปกับเค้าน์เตอร์อีกรอบเพื่อครุ่นคิดไปถึงหลายอย่างที่เพิ่งเกิด

​​   ผมเมา
​​   และผมต้องการมีเซ็กส์กับผู้หญิงสักคนในร้านเหล้าที่เราไม่รู้จักกันมาก่อน มันเป็นความรู้สึกพื้นฐานของผู้ชายคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตวัยรุ่นด้วยความเลือดร้อน อะดรีนาลีนพรั่งพรูตามฮอร์โมนในตัว

​​   แต่แล้วใบหน้าของใครบางคนก็ฉายชัดเข้าแทนที่ ความรู้สึกผิดถาโถมผมอีกครั้ง เพราะใบหน้าม่านที่กำลังเสียใจล่ะมั้งเลยทำให้รู้สึกแบบนี้ มันไม่ยอมพูดอะไร ฉาบเอาไว้ด้วยรอยยิ้มแม้จะผิดหวังก็ตาม แต่ถึงอย่างนั้นผมก็รู้สึกว่าบรรยากาศระหว่างเรากำลังผิดปกติ

​​   และผมเดาถูก

​​   ม่านก็แค่ไม่อยากเข้ามายุ่งกับเส้นที่ขีดไว้เพราะกลัวว่าผมจะผลักมันออกอีกรอบ ผมเข้าใจดี ความกลัวของการแอบชอบมันไม่ใช่เรื่องเล็กในโลกของคนที่หวัง

​​   ผมให้มันมาส่งที่หอ ถ้านับตั้งแต่คุยกันมานี่ก็คงเป็นครั้งแรกเลยมั้งที่ผมยอมเอ่ยปากขอ เจ้าตัวยังคงทำเช่นเดิม แต่ผมก็เห็นสิ่งที่ต่างไปจากความอึดอัดที่มันลดลงเรื่อยๆยามที่ได้นั่งข้างคนขับ

​​   ม่านบอกลาอย่างอ้อยอิ่งอีกครั้งในตอนที่มาถึง ก็แบบฉบับมันนั่นแหละ อยากอยู่ด้วยกันนานๆ อยากให้ผมอยู่เคียงข้างมันแบบนั้นต่อไปเรื่อยๆ

​​   แต่ไม่มีใครสามารถหยุดเวลาเอาไว้ได้แม้แต่พระเจ้า

​​   เราเลยต้องลาจากพร้อมกับรอยยิ้มของอีกฝ่ายคล้ายต้องการจะบอกว่าฝันดี

​​   ระเบียงห้องถูกเลื่อนออก สายลมพัดผ่านแทรกเข้ามาจนเส้นผมปลิวไปตามแรง ผมนั่งลงยังที่เดิมที่มักจะนั่งประจำ ดึงบุหรี่หนึ่งมวนออกจากซองสีเขียวที่อยู่ด้านหลัง จุดไฟแช็กตรงก้านแล้วสูบมันเข้าปอด

​​   Pha : นอนยัง?

​​   ผมชั่งใจกดส่งอยู่นานหลังจากลบแล้วพิมพ์ข้อความนั้นหลายรอบ ไม่ได้คาดหวังให้อีกฝ่ายตอบ เลยตัดสินใจกดปิดหน้าจอแล้วพ่นควันขาวขึ้นสูง

​​   ถ้าเขาส่งกลับมา นั่นหมายความว่าผมจะไม่เหงา
​​   แต่ถ้าเขาไม่ตอบ ผมก็แค่ผ่านค่ำคืนนี้ไปอย่างยากลำบากนิดหน่อย

​​   ก็ม่านมันบอกแล้วว่าทักได้ ก็ลองทักไปไม่น่าจะมีอะไรเสียหายล่ะมั้ง

นอนแล้ว : AMAN

​​   เสียงแจ้งเตือนดังขึ้นก่อนพร้อมกับการสั่นของเครื่องสี่เหลี่ยม จากนั้นข้อความก็ปรากฏเด่นชัดบนหน้าจอ

​​   Pha : กวนตีน
555555555555 : AMAN

​​   อีกคนหยอกล้อ ก่อนจะรัวเลขห้าส่งมาตามเดิม

sent a photo : AMAN
กินป่าว? : AMAN

​​   รูปแฮมเบอร์เกอร์พร้อมกับเครื่องเคียงหลายอย่างเด้งขึ้นมาให้เห็น เขามองเฟรนช์ฟรายและโค้กแก้วใหญ่ที่เป็นของโปรด ถ้าไม่ใช่เวลาแบบนี้ผมคงดั้นด้นไปหามันมาจนได้

​​   Pha : sent a photo
​​   Pha : ดูดอยู่

สองสามตัวพอนะครับ : AMAN
โอเคนะ? : AMAN

​​   คราวนี้มันห้าม ไม่บ่อยนักเหมือนกันที่จะไม่ตามใจ
​​   แถมทำแบบนี้ก็เป็นนิสัยที่ผมชอบเสียด้วย

​​   Pha : โอเคครับ

​​   แ​​จ้งเตือนที่บ่งบอกว่าคู่สนทนากดอ่านขึ้นทันทีที่ส่งกลับ คราวนี้ม่านเงียบไปนาน นานพอจนผมจุดบุหรี่มวนที่สองเขาก็ยังไม่ได้ตอบรับอะไรกลับมา

​​   Pha : หาย

​​   ผมทักท้วง คงเพราะต้องการคนคุยด้วยล่ะมั้ง

เธอนะ : AMAN

​​   เขาส่งมาหนึ่งประโยคแล้วเงียบไปอีก แถมเป็นประโยคที่มีใจความงุนงงทำเอาผมต้องขมวดคิ้วเข้าหากัน

​​   ต้องการอะไรของเขา?

เธอน่ะนะ : AMAN
น่ารักชิบหายเลยว่ะ : AMAN

​​   ถึ​​งแม้จะมีคำไม่สุภาพแฝงมา แต่ใจผมก็ยังเต้นรัวกับข้อความเหล่านั้นโดยห้ามไว้ไม่ได้

​​   โ​​ดนมันชมเป็นร้อยครั้ง
​​   หยอดด้วยคำหวานอีกร้อยหน

​​   แต่ครั้งที่ร้อยหนึ่งทำไมมันเขินจนต้องรีบปิดหน้าจอหนีแบบนี้

ทำไมต่อหน้าไม่พูดเพราะแบบนี้บ้างล่ะ? : AMAN
น่ารักจะตาย : AMAN

​​   ผมปล่อยให้ข้อความเด้งขึ้นโดยไม่กดดู จนกว่าจะผ่อนปรนให้จังหวะบนอกซ้ายกลับมาเป็นปกติ จึงคว้าเครื่องสีดำขึ้นรัวแป้นพิมพ์อีกครั้ง

​​   Pha : กูเป็นผู้ชาย
​​   Pha :  กูน่ารักไม่ได้

เค้าหมายถึงนิสัย : AMAN
ไม่ได้หมายถึงหน้าตา : AMAN

​​   เสียงรถเคลื่อนผ่าน แสงไฟสว่างวาบไปตามการเคลื่อนตัวด้วยความเร็ว

ทำไมคนคนนึงจะน่ารักไม่ได้แค่เป็นเพศชายอ่ะ : AMAN
น่ารักคือน่ารัก จะเป็นเพศไหนก็น่ารักได้ทั้งนั้นแหละ : AMAN
​​   Pha : สรุปคือจะชมกูงั้นดิ?
อืม : AMAN
ชมเธอ : AMAN
​​   Pha : ปากหวานสัส
แล้วชอบมั้ยล่ะ? : AMAN

​​   คราวนี้ม่านหยั่งเชิงบ้าง เจ้าตัวคงได้ใจไม่น้อยเมื่อเรากำลังเพลิดเพลินกับการโต้ตอบ

​​   Pha : ไม่รู้
​​   Pha : ยังไม่ได้ลอง


​​   ผมลองหยอด รอยยิ้มเลยปรากฏบนใบหน้า เพราะคราวนี้ผมรู้ทันทีว่าม่านมันคงจะช็อกแน่ๆ ผมเองก็ไม่อยากเล่นกับใจอีกฝ่ายมากนักกลัวว่าจะเป็นการให้ความหวังมากไป แต่สถานการณ์แบบนี้ม่านมันคงรู้ได้ว่าผมตั้งใจกวน

อย่าไปพูดแบบนี้กับใครได้มั้ยอ่ะผา : AMAN
ถือว่าขอ : AMAN
​​   Pha : จะพยายาม
ง่า : AMAN
555555555 : AMAN
​​   Pha : อันที่จริงกูก็ไม่ได้คุยกับใครอยู่แล้ว
​​   Pha : ทุกวันนี้มีแต่มึง


​​   เมื่อลองอ่านประโยคของตัวเองอีกทีใบหน้าผมก็ร้อนขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ผมไม่ตั้งใจจะให้มันสื่อความหมายไปในทางแบบนั้น ที่ผมต้องการจะบอกคือมีแค่มันที่วอแวตัวเองได้ทุกวันต่างหาก

​​   แต่ไม่รู้ว่าม่านจะเข้าใจไปทางไหน

​​   แม่ง
​​   ไปกันใหญ่เลยทีนี้

ทำไมวันนี้อ้อนจังเลย : AMAN
หรือว่าเมา? : AMAN
​​   Pha : อืม
​​   Pha : เมา
​​   Pha : 55555

แล้วเค้าช่วยอะไรเธอได้บ้างมั้ยเนี่ย? : AMAN
​​   Pha : ก็ช่วยไปแล้ว

​​   บุหรี่มวนที่สามของผมกำลังจะหมดก้าน และตามคำสัญญาที่ให้ใครสักคนไว้ตั้งแต่ต้น มันเลยเป็นมวนสุดท้ายที่ผมจะสูบแล้วกลับเข้าไปในห้อง

อืม : AMAN
โอเค555555555 : AMAN

​​   คราวนี้ผมไม่ได้รู้สึกถึงความกังวลเมื่อเราพูดถึงเหตุการณ์ที่ผมเมาแล้วจะไปกับคนอื่น ม่านรัวเลขห้าส่งมาอีก ดูเหมือนมันอารมณ์ดียิ่งกว่าตอนไหนที่ได้เจอ

ผา : AMAN
​​   Pha : ว่า?
เค้าไม่ได้รีบนะ : AMAN
จริงๆ : AMAN

​​   อีกฝ่ายบอกแบบนั้น และคำขอร้องต่างๆก็ถูกส่งมาเพิ่มเติม

ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปแบบนี้เค้าก็พอใจแล้ว : AMAN
ขอแค่เธออย่าเพิ่งรีบตัดสินเค้าก็พอ : AMAN
เค้ายังมีอะไรหลายอย่างที่อยากจะให้และอยากจะทำกับเธอ : AMAN
ค่อยๆ ให้เวลาพามันไปนะ : AMAN
แบบนี้ : AMAN
ได้รึเปล่า? : AMAN

​​   โทรศัพท์สั่นรัวเมื่อมีข้อความส่งมาเรื่อยๆ คราวนี้โปรแกรมแชทดูหนักไปทางซ้าย จากข้อความของเขาพร้อมกับความในใจมากมายที่ต้องการจะบอก

​​   อันที่จริงผมรู้ดีอยู่แล้วแหละโดยที่เขาไม่ต้องเอ่ยถึง ผมมองการกระทำมากกว่าคำพูด

​​   และบังเอิญว่าม่านก็เป็นคนแบบนั้น

​​   Pha : อืม

​​   ผมลุกขึ้น ปัดเศษฝุ่นบนกางเกงแล้วกลับเข้าไปในห้องนอน หยิบผ้าขนหนูสีขาวออกมาก่อน ตามด้วยชุดที่ต้องการจะสวมใส่หลังจากนี้

​​   Pha : กูจะไปอาบน้ำแล้ว

​​   เมื่อไม่อยากเสียมารยาท การบอกลาจึงเกิดขึ้นในทันทีเพราะไม่อยากปล่อยให้มีใครรอถ้าจะไม่ตอบกลับ ผมค่อยๆถอดเสื้อผ้าออกทีละชิ้น พร้อมกับก้มลงมองหน้าจอเมื่อม่านตอบรับแทบจะทันที

ต้องบอกฝันดีกันแล้วอ่ะดิ : AMAN
​​   Pha : คงงั้น
ขอบคุณที่ทักมานะ : AMAN
​​   Pha : ขอบคุณทำไม
ไม่รู้ : AMAN
555555555 : AMAN
แค่อยากขอบคุณอ่ะ : AMAN
​​   Pha : เพ้อเจ้อ
5555555555 : AMAN

​​   เลข 5 ปรากฏบนหน้าจอเสียยืดยาว หยิบกองผ้าที่ตกลงบนพื้นใส่ตะกร้า แล้วหันกลับมาหาโทรศัพท์อีกรอบ

​​   ดูเหมือนวันนี้ผมจะวุ่นกับมันมากกว่าปกติเสียจริง

เอาเป็นว่า ฝันดีครับ : AMAN
​​   Pha : อืม
ไม่ใช่ : AMAN
​​   Pha : อะไร?
เธอต้องบอกว่าฝันดีเหมือนกัน : AMAN
​​   Pha : ฝันเอานะ
อ่าว5555555555555555555 : AMAN

​​   มันคงรู้ความหมายของประโยคผมดี ไม่ใช่การบอกฝันดีแบบที่คิด แต่เป็นการบ่นรูปแบบหนึ่งที่ไม่มีคำหยาบใส่ลงไป

​​   Pha : ไปนอน
อืม^^ : AMAN
ฝันดีอีกรอบ : AMAN

​​   เมื่อหน้าจอดับสนิทลงแล้ว ผมก็เตรียมตัวจะเดินเข้าห้องน้ำ แต่เสียงเตือนของมันก็ดังขึ้นจนผมต้องถอนหายใจออกมา ม่านมันก็จนได้ รั้งผมเอาไว้ทำไมก็ไม่รู้

ผา : AMAN
​​   Pha : อะไรอีก
​​   Pha : กูไม่ได้อาบน้ำเพราะมึงเนี่ย


​​   ความหยาบคายกำลังเพิ่มระดับ เพราะผมเริ่มจะหงุดหงิดเมื่อไม่ได้ทำดั่งใจ

​​   Pha : เร็ว

​​   ผมเร่ง อันที่จริงก็ผ่านไปแค่ไม่กี่วิ

ถ้าพรุ่งนี้เค้าชวนเธอไปกินข้าว : AMAN
เธอจะไปไหม? : AMAN

​​   คำขอร้องของอีกฝ่ายทำเอาผมต้องชะงักค้าง กำเครื่องสีดำอยู่นานก่อนจะใช้สมองประมวลผล

โอเค : AMAN
ไม่เป็นไร4555555 : AMAN
ไปอาบน้ำเหอะ : AMAN

​​   เพราะรู้แหละมั้งว่าจะโดนปฏิเสธ ม่านมันเลยหัวเราะกลบเกลื่อนแบบที่ทำมาเสมอ

​​   เมื่อเป็นดังนั้น ผมเลยลองเลือกทางที่ต่างออกไป

​​   Pha : กี่โมง?

​​   ใจผมเต้นรัว คงไม่ต่างจากใจอีกคนที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันตอนนี้

เย็น : AMAN

​​   คนอายุน้อยกว่าตอบสั้นๆ ดูไม่เป็นธรรมชาติสำหรับคนพูดมากอย่างมันเท่าไหร่

​​   และต่อจากนั้น ผมก็ตอบกลับพร้อมกับคำอุทานที่ส่งให้จนต้องหัวเราะออกมา

​​   Pha : อืม
เชี่ย : AMAN
​​   Pha : ไปดิ

​​   เป็นการตอบตกลงที่เหมือนตัวเองโดนด่ายังไงก็ไม่รู้













#ผาเพียงฟ้า
















​​   เขาไม่คิดว่าการชวนครั้งนั้นจะได้ผล แค่ขอออกไปเล่นๆ แต่บังเอิญว่าคำตอบคือการตกลงของอีกฝ่าย

​​   ผาดูอารมณ์ดีกว่าปกติที่เราได้คุย เจ้าตัวหยอกล้ออยู่ตลอดในตอนที่ตอบกลับมา ปกติแล้วจะนิ่งเสียมากกว่า คงเพราะไม่อยากให้ความหวังเขามากเกินไป

​​   อย่างที่บอกไป เขาพอใจกับความสัมพันธ์ของเราทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นนิสัยของอีกฝ่าย การที่โดนกักกันเอาไว้ไม่ให้ก้าวเข้าไปใกล้กว่านั้น รวมทั้งการที่บางครั้งไม่มีปฏิกิริยาตอบรับใดๆ กลับมา

​​   เขาปล่อยให้เป็นเรื่องของเวลา

​​   สักวันเขาหวังว่าผาจะมองเห็นความพยายามที่ผ่านมาของตัวเอง

​​   “ม่าน”
​​   “ว่า?”

​​   เสียงเรียกชื่อเขาดังขึ้น หันไปมองก็พบเพื่อนอีกคนที่นั่งข้างกันกำลังกระดกกระป๋องน้ำอัดลมเพื่อดื่ม

​​   “มีแข่งก่อนรับน้อง อย่าลืมล่ะ”

​​   อีกฝ่ายเอ่ยเตือนถึงแมทช์สำคัญที่ใกล้เข้ามาถึง เป็นงานกีฬาระหว่างคณะที่จัดขึ้นโดนมหาวิทยาลัย มีการแข่งขันที่เปิดให้นักศึกษาเข้าร่วมอยู่หลายประเภท ทั้งฟุตบอล บาสเกตบอล ว่ายน้ำ ฟันดาบ รวมถึงเทควันโด

​​   และมีหนึ่งในนั้นที่เขาต้องลงแข่งเพื่อเป็นตัวแทนของคณะในครั้งนี้

​​   “พี่เต็มนัดซ้อมยังวะ?”

​​   ไอ้แทนพยักหน้า ก่อนบอกรายละเอียดตามมาทีหลัง “ตารางในกลุ่มไลน์ เมื่อกี้กูดูคร่าวๆ จำไม่ได้แล้วว่าวันไหนบ้าง”

​​   “เค”

​​   มันเหม่อมองไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย ไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้น เมื่อเขารู้สึกว่างมากเกินไปจึงหยิบบุหรี่ขึ้นสูบ

​​   “ว้าวว”
​​   “อะไร?”

​​   เพื่อนสนิทร้องทัก พยักหน้าสองสามครั้งคล้ายกำลังกวนตีน

​​   “ไหนบอกว่าลดอยู่ไง”
​​   “เออ กูลดอยู่”
​​   “แต่มึงก็ดูด”
​​   “อยากคลายเครียดบ้างว่ะ”
​​   “ไปเครียดอะไรมา”
​​   “เปล่า” เขาเว้นช่วง “จะไปกินข้าวกับผา แต่กูตื่นเต้นนิดหน่อย”

​​   คราวนี้มันอ้าปากค้าง เพราะรู้ดีอยู่แล้วล่ะมั้งว่านี่ไม่ใช่เหตุการณ์ปกติ

​​   “ทานข้าว?”
​​   “ใช่ ทานข้าว”
​​   “มึงชวน?”
​​   “ผาคงชวนกูมั้ง”

​​   เสียงหัวเราะดังก่อนที่มือมันจะตบเข้าที่หลังเสียแรง เขายกมือขึ้นเสยผม จรดก้านข้าวไว้บนริมฝีปาก

​​   “กูก็ไม่คิดว่าพี่ผาจะชวนมึงหรอก”

​​   คราวนี้เขาหัวเราะบ้าง ก็จริงของมัน ถ้าผาทำแบบนั้นเขาก็คงต้องฉุกคิดว่าวันนี้มันเกิดอะไรขึ้นกับอีกฝ่าย

​​   “ทำไมรอบนี้เขาถึงยอม?”
​​   “ไม่รู้เหมือนกัน” ร่างสูงส่ายหน้าเป็นคำตอบ พ่นควันออกจากปากแล้วพูดต่อ “คงเรื่องคืนก่อนละมั้ง”
​​   “ที่มึงบอกว่าเขาจะไปกับผู้หญิง?”
​​   “อืม”

​​   เรื่องที่เกิดขึ้นถูกส่งผ่านไปให้เพื่อนสนิทได้รับรู้ ต้องบอกว่าคืนนั้นมันเห็นเหตุการณ์ก่อนแล้วบอกเขาต่างหาก ไม่งั้นเขาก็คงตามไม่ทันเหมือนกันในจังหวะที่ละสายตา

​​   “กูว่ามึงคงรู้อยู่แก่ใจแหละ”

​​   คราวนี้เขาหัวเราะในลำคอ เป็นฝ่ายมองทอดออกไปยังภาพวิวบ้างเพราะไม่อยากสบตากับเจ้าตัว

​​   “ทำไมจะไม่รู้วะ”
​​   “...”
​​   “ว่าผาไม่ได้คิดอะไรกับกูเลย”
​​   “อืม”
​​   “...”
​​   “ถ้าเขาคิด เขาคงไม่เดินตามคนอื่นแบบนั้น”

​​   ม่านนั่งเงียบ บดก้านบุหรี่ด้วยรองเท้าผ้าใบแล้วหยิบหมากฝรั่งขึ้นเคี้ยว

​​   “ก็ต้องลองดู”

​​   คนด้านข้างกระดกน้ำจนหมดกระป๋อง ก่อนจะยิงคำถามที่ส่งตรงลงมายังกลางใจ

​​   “มึงเคยคิดจะเลิกชอบเขามั้ย?”

​​   เขาหันไปสบตา ยักคิ้วแล้วเท้าแขนไปด้านหลัง

​​   “ชอบขนาดนี้เลิกได้ด้วยหรอ?”

​​   “ก็จริง”















#ผาเพียงฟ้า



















​​   หัวมุมคือจุดนัดพบของเราทั้งสองในตอนพลบค่ำ ผมยืนอยู่ไม่นาน ม่านก็ตามเข้ามาสมทบ

​​   อีกฝ่ายอยู่ในเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีดำ สวมใส่เครื่องประดับแบบที่มักจะเห็นเป็นประจำ เส้นผมตกลู่ไม่ได้เซตเป็นทรงมากนักแต่มันก็ขับให้เจ้าตัวดูดีไม่น้อย

​​   “...คือ...เธออยากกินอะไร?”

​​   ผมเงยหน้าขึ้นเพื่อสบตา ความสูงของเราไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่แต่ก็ต้องเงยมองอยู่ดี

​​   “ไม่รู้เหมือนกัน”

​​   อีกคนยกมือเกาหัว ก้มหน้าลงเม้มปากต้องการเก็บรอยยิ้ม ฉะนั้นผมเลยต้องหันหน้าไปอีกทางเพราะอาการเขินของม่านจะทำให้หวั่นไหวไปมากกว่าเก่า

​​   “​​แล้วมึงล่ะ?”
​​   “ตามใจเธอเลย”

​​   คิ้วผมขมวดเข้าหากันเป็นปม แบบนี้เราต้องมีการเจรจากันเรื่องเมนูอาหารกันแน่ๆ

​​   “มีร้านข้าวหมูกรอบตรงนั้นอร่อย” นิ้วเรียวยาวชี้ผ่านหน้าผมไปทางด้านขวา “แต่ช่วงเย็นคนจะเยอะหน่อยนะ”

​​   “อืม”
​​   “​​...”
​​   “มึงอยากกินหรอ?” ผมถามย้ำ ม่านเบิกตากว้างก่อนจะพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
​​   “โดนรู้ทันซะละ”
​​   “งั้นก็ไปดิ”

​​   คนข้างกายหยุดชะงัก นั่นทำให้ผมต้องหยุดตามเมื่อไม่เข้าใจว่าเขาทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร แต่แล้วม่านก็ผายมือให้เดินไปก่อน ไม่ยอมเอ่ยบอกว่าคิดอะไรในใจผมเลยไม่เซ้าซี้ต่อ

​​   รอคิวอยู่ไม่นานเราก็เข้ามานั่งในร้าน เป็นโต๊ะไม้พอดีต่อที่นั่งสองที่ มีเมนูอาหารวางไว้พร้อมเครื่องเคียงและเครื่องปรุงรสตามร้านอาหารทั่วไปตั้งอยู่ เราสั่งเมนูข้าวคนละจาน เป็นอาหารที่ม่านแนะนำ ก่อนจะตกลงกันว่ามีอาหารอีกสองสามอย่างเพิ่มเติม

​​   คนที่ร้านแน่นขนัดแบบที่อีกคนบอกไปตั้งแต่ตอนต้น โชคดีที่โต๊ะเราเป็นโต๊ะริมผนังด้านในสุด เลยทำให้ที่ตรงนี้ไม่ตกเป็นเป้าสายตา

​​   “ไม่เคยมากินร้านนี้ล่ะสิ?” ม่านมีคำถามหลังจากไปตักน้ำแข็งมาให้ ยื่นแก้วของผมมาวางไว้ตรงหน้า

​​   “ไม่เคย” ผมส่ายหัวปฏิเสธ เป็นฝ่ายรินน้ำให้คนอายุน้อยกว่าเสียแทน “ก็เห็นคิวมันเยอะเนี่ยแหละ เพื่อนเลยไม่ค่อยมากัน”

​​   “อ่า..ขอโทษทีนะ ให้เธอต้องมารอเลย” คำขอโทษมาพร้อมกับเสียงหัวเราะ แต่ถึงอย่างนั้นก็พอจะรู้ว่าม่านมันรู้สึกผิดจริงๆ

​​   “ไม่เห็นจะเป็นไร”

​​   อาหารจานใหม่ถูกนำมาเสิร์ฟอย่างรวดเร็ว เพราะความหิวโหยเราเลยซัดมันจนหมดโดยไม่ได้พูดคุยอะไรมาก ถึงแม้จะเงียบกันทั้งสองฝ่าย แต่ก็ไม่ได้ดูอึดอัดมากไปกับการทานข้าวด้วยกันครั้งแรก

​​   คนตรงหน้าทานอย่างเอร็ดอร่อยตามประสาวัยกำลังโต ดูเหมือนเขาจะทานเยอะกว่าผมเสียด้วยซ้ำ จนเวลาไม่นานทุกอย่างบนโต๊ะก็หมดเกลี้ยง

​​   ม่านเป็นฝ่ายอาสาจ่ายเงินให้ ผมไม่ได้ปฏิเสธแม้อยากจะทำแบบนั้นก็ตาม จะถือว่ามันเป็นครั้งแรกแล้วกัน ครั้งอื่นผมค่อยว่ากันอีกที

​​   “เดี๋ยว” มือใหญ่รั้งผมไว้ยังข้อมือ ออกแรงเล็กน้อยให้เดินเข้าไปยังร้านข้างทางที่เราผ่าน

​​   เป็นร้านไอศครีมหน้าตาน่ารักและตกแต่งด้วยสีสันอ่อนหวานสะดุดตา

​​   “ทานวานิลาได้มั้ย?” ม่านหันมาถาม ผมเลยพยักหน้าตอบ “โอเค...งั้นเอาวานิลาสองถ้วยครับ”

​​   ถ้วยไอศครีมถูกยื่นมาให้ทันควัน จากนั้นเราก็เริ่มต้นเดินเคียงข้างไปตามทางเพื่อกลับไปพักผ่อน

​​   “เดี๋ยวเค้าเดินไปส่งที่รถ” อีกฝ่ายเอ่ยบอก ตักของหวานเข้าปากไปพลาง

​​   “อร่อยมั้ย?”
​​   “อืม”
​​   “...”
​​   “ก็อร่อยดี”

​​   ผมละเลียดลิ้นเข้ากับช้อนใบเล็ก ต้องเปลี่ยนคำตอบจากตอนแรกเป็นอร่อยมากเสียแล้วล่ะมั้ง เพราะว่าดูเหมือนผมจะเริ่มชอบมันอย่างจังเข้าแล้ว

​​   “แล้วข้าวหมูกรอบล่ะ”
​​   “...”
​​   “ว่าไง” คนตัวสูงเซ้าซี้ ได้รับการมองค้อนเมื่อพูดมากเกินความจำเป็น
​​   “เออ”
​​   “​​น่ะ”
​​   “ก็อร่อยเหมือนกันไง”

​​   เจ้าตัวยิ้มกว้าง ใช้มือข้างหนึ่งเสยผมไปด้านหลังก่อนจะแลบลิ้นเลียริมฝีปาก

​​   “ค่อยโล่งหน่อย”
​​   “...”
​​   “กลัวว่าเธอจะไม่ชอบซะแล้ว”

​​   เขาบ่นกับตัวเองเสียงดัง ชะลอฝีเท้าให้ก้าวช้าลงจนเป็นจังหวะที่พอดี

​​   ผู้คนที่เดินผ่านเริ่มบางตาลง จนเริ่มเข้าสู่ทางที่ไม่ค่อยมีใครสัญจรมากนัก ท้องฟ้ามืดมิดไร้หมู่ดาวคอยเคียงคู่ให้แสงสว่าง แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่สลักสำคัญอะไรกับผมนักถ้าเทียบกับคนที่เดินด้านข้างในตอนนี้

​​   สายลมเย็นพัดผ่านจนเส้นผมตกลงปรกตา ม่านค่อยๆใช้มือของเขาปัดมันออกช้าๆ ก่อนจะเดินต่อ

​​   ไม่มีการขออนุญาต มีเพียงรอยยิ้มเท่านั้นที่ยังคงอยู่

​​   “แค่ได้ไปทานข้าวด้วยกันแต่ทำไมเค้ามีความสุขจังวะ” อีกคนพร่ำบอกอีกครั้ง “เป็นบ้าแล้วมั้งเนี่ย”

​​   เสียงหัวเราะแว่วผ่าน เท้าทั้งสองข้างนำพาเจ้านายให้ก้าวเป็นจังหวะตรงกันโดยบังเอิญ

​​   ผมไม่ได้พูดอะไรออกไป ใช้ความเงียบปกปิดความรู้สึกที่มีของตัวเองจนหมด
​​   แต่ถ้าให้พูด ผมก็อยากจะบอกเขาว่าผมเองก็มีความสุขเหมือนกัน

​​   เป็นความสุขเล็กๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงเย็นของวัน
​​   โดยที่มีม่านเป็นหนึ่งในนั้น ที่ทำให้มันพิเศษ

​​   ไม่ต้องหวือหวา ไม่ต้องพยายามทำอะไร
​​   แค่ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไป...แบบที่มันควรจะเป็น


​​   “หืม?”


​​   ผมเงยมองเขาอีกครั้ง เมื่อเราเดินมาถึงปลายทางแต่ม่านก็ยังไม่ยอมขยับไปไหน

​​   มือใหญ่เลื่อนเข้าใกล้ แต่ก็ชะงักค้างเพราะกลัวว่าจะโดนตอกกลับ ผมยังเงียบ ปล่อยให้เขาได้ทำตามใจจนนิ้วเรียวข้างนั้นสัมผัสเข้าที่ข้างแก้ม


​​   นิ้วโป้งลูบไล้มันเชื่องช้า โอนอ่อนกว่าสัมผัสของปุยนุ่น



​​   “ที่บอกไปก็ไม่ได้โกหกหรอกนะ” ม่านย้ำ “ว่าการมีเธอน่ะ ทำให้เค้ามีความสุขมากจริงๆ”









#ผาเพียงฟ้า

เรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องที่เราแต่งแล้วมีความสุขที่สุดตั้งแต่เคยแต่งนิยายมาแล้วก็ว่าได้
ไม่รู้ทำไม เวลาแต่งแล้วจะอบอวลไปด้วยความรู้สึกแปลกๆ
หม่นๆ สีเทาๆ แต่ก็แอบอมยิ้มไปกับทุกการกระทำของเขาสองคน

มีคนถามเข้ามาว่าเรื่องนี้ผาม่านหรือม่านผา
เราจะบอกว่าเรื่องนี้ม่านผานะคะ ไม่สลับโพแน่นอน แงแอ5555

เรารักน้องม่าน ไอ้หน้าหมาของเรา <3

ปล.สำหรับใครที่ยังรอ ก็ขอบคุณมากเลยนะคะ
ไม่ได้มาบ่อย แต่ก็คิดถึงทุกครั้งที่หายไปเลย


4/9/19
before30october

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-09-2019 08:56:41 โดย before30october »

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: ♡̷ ผ า เ พี ย ง ฟ้ า - 7 | I'm not lying? P.1 (4/9/19)
«ตอบ #29 เมื่อ04-09-2019 01:37:23 »

ประโยคนั้นก็คือเจ็บ
ตอนนี้ยังไม่ชอบตอนหน้าก็ชอบได้  :hao5: :hao5:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด