เด็กหนุ่มครั่นเนื้อครั่นตัว เขานอนกระสับกระส่ายจนผ้าปูที่นอนยับยุ่ย เหงื่อกาฬผุดออกจากผิวหนังจนชุ่ม ก่อนเขาจะสะดุ้งตื่นเพราะเสียงเคาะประตูที่ดังอย่างหนักแน่น
ลำคอของเด็กหนุ่มแห้งผาก เขาค่อย ๆ ลุกขึ้นจากพื้นเตียง ตรงไปยังประตูที่อยู่ไม่ไกล
ประตูเปิดออก ปรากฏคุณพฤทธิ์ที่ยืนนิ่งด้านหน้า
“ลงมากินข้าวต้มก่อน แล้วค่อยกินยา”
“ครับ” หลงรู้สึกไม่หิว แต่บรรยากาศระหว่างพวกเขาที่เจือความรู้สึกประหลาดก็ทำให้เด็กหนุ่มต้องเดินตามลงมา แม้ลึก ๆ แล้วหลงก็หวังว่าอีกฝ่ายจะยกน้ำพร้อมถาดอาหารขึ้นไปให้ แต่คุณพฤทธิ์ก็ยังเป็นคุณพฤทธิ์..แม้ความสัมพันธ์ของพวกเขาจะก้าวหน้า แต่แววตาก็ยังเจือการตำหนิเล็ก ๆ
“ทีหลังอย่าเล่นน้ำนาน ๆ ก็แล้วกัน คุณเพิ่งสอบเสร็จ ใช้ร่างกายไม่ถนอมเลย”
“ขอโทษครับ”
อาหารเย็นตรงหน้าเป็นข้าวต้มและยำผักกาดดอง “คุณพฤทธิ์เป็นคนทำหรือครับ”
“อืม”
หลงก้มกินอาหารตรงหน้า แม้จะไม่หิว แต่เขากลับอยากกินข้าวต้มในถ้วยให้หมด
อันที่จริง..พวกเขาร่วมโต๊ะอาหารกันนับครั้งไม่ถ้วน แต่ทุกครั้งบรรยากาศระหว่างกันกลับเจือไปด้วยความกดดัน ไม่พอใจ ระคนสงสัย ไม่เหมือนตอนนี้..ตอนที่หลงรู้สึกว่ากำลังเข้าใกล้ใครอีกคนในระยะหนึ่ง
“กินยาลดไข้ แล้วค่อยกลับไปเช็ดตัว”
“ครับ”
แผ่นหลังกว้างอยู่เบื้องหน้า แขนทั้งสองขยับอย่างคล่องแคล่ว เสียงช้อนกระทบถ้วยกระเบื้องและเสียงน้ำไหล ท่ามกลางพระจันทร์ที่ค่อย ๆ เผยกายท่ามกลางความมืด
หลังจากกินยาแล้ว หลงจึงขึ้นมาพักผ่อนบนห้อง เขาตั้งใจจะเช็ดทำความสะอาดร่างกายที่เหนียวจากเหงื่อไคล ปลายนิ้วค่อย ๆ แกะรังดุมเสื้อเนื้อบาง ยังไม่ทันได้ปลดเม็ดที่สอง เสียงเคาะประตูหน้าห้องนอนก็ดังขึ้นอีกครั้งอย่างไม่ทราบสาเหตุ
เด็กหนุ่มละจากเสื้อสีอ่อน แล้วตรงไปเปิดประตูห้อง ตรงหน้าเป็นคุณพฤทธิ์ที่ถือกะละมังพร้อมผ้าขนหนูผืนเล็ก
“คุณพฤทธิ์..”
“คุณไม่คิดจะอาบน้ำใช่ไหม” ดวงตาสีเข้มหลุบมองกระดุมเม็ดแรกที่ถูกปลด ผิวเนื้อใต้ร่มผ้าทำให้พฤทธิ์ตีหน้าขรึมก่อนมองเด็กหนุ่มด้วยแววตาตำหนิเล็ก ๆ
“เปล่าครับ กำลังจะเช็ดตัว”
“เอาน้ำอุ่นไปเช็ดตัวสิครับ” เขายื่นกะละมังให้เด็กหนุ่ม ก่อนจะถอยเท้ากลับไปทางเดิม
แต่เสียงเรียกเบา ๆ จากคนที่อยู่ภายในห้องกลับทำให้พฤทธิ์ชะงัก “คุณพฤทธิ์ ช่วยอะไรผมสักอย่างได้ไหมครับ”
ใบหน้าของเด็กหนุ่มแดงก่ำ แผ่นหลังของเขาชุ่มด้วยเหงื่อ “ผมเช็ดหลังไม่ถึง ถ้าไม่รบกวนคุณพฤทธิ์เกินไป ขอเวลาสักห้านาทีนะครับ”
พฤทธิ์ไม่มีเหตุผลที่ต้องปฏิเสธ ในเมื่อเป็นการช่วยเหลือคนอื่น..เขาไม่จำเป็นต้องหาเหตุผลที่ไม่ตอบรับคำขอร้องของคนตรงหน้า
ภายในห้องค่อนข้างอุ่นจนเกือบร้อน โคมไฟที่เปิดเพียงตำแหน่งเดียว ไม่มีใครพูดอะไร มีเพียงเสียงเนื้อผ้าเสียดสีกันเป็นครั้งคราวที่ขยับ
พฤทธิ์หันหลัง ลอบสำรวจห้องนอนขนาดกะทัดรัด มันเป็นห้องที่น่าจะมีขนาดเล็กกว่าห้องอื่น แต่กลับสามารถมองเห็นทะเลได้ชัดกว่าที่อื่นในบ้าน รวมถึงมีระเบียงที่ทอดออกไป..สถานที่ที่พวกเขาพูดคุยกันในคืนก่อน
ไม่ใช่เพียงการพูดคุย แต่ทุกสัมผัสของใครบางคนกลับตราตรึงอยู่ในห้วงคะนึง
เด็กหนุ่มเจ้าของห้องรีบปลดเสื้อออกเพราะไม่อยากให้ใครบางคนเสียเวลารอนาน เสียงหยดน้ำและผ้าที่บิดจนหมาดเงียบลง ตามด้วยเสียงเบา ๆ จากรอยสัมผัสกระด้าง มันรวดเร็วและจืดจาง
“คุณพฤทธิ์ครับ”
“อืม”
พฤทธิ์หันหลังกลับไปมองเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่บนพื้นเตียง เนื้อตัวด้านบนอีกฝ่ายไม่ได้เปลือยเปล่าเสียทีเดียวเพราะมีผ้าห่มผืนหนาบังแผ่นอกไว้ กระนั้นแผ่นหลังที่ยังไม่ได้ทำความสะอาดกลับเผยเด่นให้เห็นตรงหน้า
อีกฝ่ายยื่นผ้าขนหนูที่หมาดให้เขา ขณะเดียวกันก็นั่งหันหลังให้
ผ้าผืนน้อยสัมผัสผิวเนื้ออย่างละมุนละม่อม ค่อยไปค่อยไปและลากต่ำผ่านร่องแผ่นหลังไปจนถึงบั้นเอวที่เกร็งขึ้นมาเล็ก ๆ
“ค..คุณพฤทธิ์ครับ ขอบคุณครับ”
“ยังไม่เรียบร้อยครับ” น้ำเสียงของพฤทธิ์ราบเรียบอย่างเคย “ไม่มีคำถามหรือครับ”
หลงส่ายหน้า พลางขยับตัวหนีผ้าขนหนูที่ผ่านแผ่นหลังซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ไม่มีใครพูดอะไรเพิ่ม มีเพียงความเงียบที่เจือด้วยความอึดอัดจาง ๆ และสัมผัสแผ่นหลังที่เลือนหายไป
ชั่วขณะหนึ่งที่ความรู้สึกดำดิ่งเกาะกุมจิตใจ ระหว่างหลงกับคุณพฤทธิ์คืออะไร ความสัมพันธ์ที่ถลำลึก แต่กลับคลุมเครือหาทางอธิบายไม่ได้ ไม่ว่าใครต่างก็เก็บซ่อนบางอย่างไว้
“คุณพฤทธิ์ครับ”
เด็กหนุ่มหันกลับมาเผชิญหน้ากับเขา ท่าทีประหม่าและไม่มั่นใจทำให้พฤทธิ์นึกเอ็นดูอยู่ในที “คำถามของคุณผมยินดีจะตอบ”
“ผมกับคุณพฤทธิ์เป็นอะไรกันหรือครับ”
“สำคัญด้วยหรือเปล่า” เขาไม่เคยมีคนรักมาก่อนและไม่เคยเห็นความสำคัญใดนอกจากความสัมพันธ์ระหว่างคนในครอบครัว
ผ้านวมผืนใหญ่ไหลลงตามแรงเบื้องล่าง ปิดบังยอดถันเล็กไว้อย่างหมิ่นเหม่ “ผม..”
“ผมไม่เคยมีคนรัก”
“แต่อาจารย์ฉลองขวัญเป็นคู่หมั้นของคุณพฤทธิ์”
“ถ้าการที่เราหมั้นกันเฉย ๆ หมายถึงเป็นคนรักก็คงไม่ใช่” เขาพาดผ้าขนหนูไว้ที่ขอบกะละมัง ก่อนหันกลับมามองเด็กหนุ่ม แววตาที่เปลี่ยนไป ไม่เฉยเมยเหมือนเช่นเคย มันล้ำลึก ส่อแวววาบหวาม แต่ก็ยับยั้งใจอยู่ในที “ไม่มีอะไรมากกว่านั้น ผมกับฉลองขวัญเป็นเพื่อนกันมาตลอด”
“แต่..”
“มันซับซ้อน แต่เรื่องที่ผมพูดเมื่อคืนก็อยากทำให้คุณมั่นใจเหมือนกันว่าไม่ใช่เหมือนที่เคยเป็นมาก่อน” ผ้านวมไหลร่วงลงบนตัก แผ่นอกกระจ่างตาไม่ได้เร้นอยู่ใต้ร่วมผ้าอีกต่อไป “มันไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ”
ดวงตาของเด็กหนุ่มกระจ่างใส ส่อแววหวั่นไหว สงสัย และบางอย่างที่ทำให้พฤทธิ์ไม่อยากอดทนอีกต่อไป
เขาเคลื่อนกายหมายจะจะหยิบผ้าห่มผืนน้อย แต่ริมฝีปากตรงหน้าที่เคลื่อนขยับอย่างใช้ความคิดกลับดึงดูดใจยิ่งกว่าอะไร ขณะที่ความยับยั้งใจผุดแทรกเข้ามาในความคิด พฤทธิ์กลับทอดทิ้งและกดริมฝีปากลงบนแก้มของเด็กหนุ่มตรงหน้า
พฤทธิ์ขยับตัวเข้าใกล้ โอบรั้งแผ่นหลังของหลงแนบชิด ไร้ช่องว่างให้อากาศแทรก แล้วค่อย ๆ เคลื่อนริมฝีปากมายังตำแหน่งหนึ่ง เชื่อมต่อความสัมพันธ์อย่างแน่นหนา หลอกล่อเด็กหนุ่มด้วยความวาบหวามทีละเล็กทีละน้อยและอ้อยอิ่ง มีเพียงลมหายใจเท่านั้นที่บ่งบอกว่ายังอยู่ในความเป็นจริงไม่ใช่ความฝัน
ปลายลิ้นกระหวัดอย่างเอาแต่ใจ กอบโกยความวาบวามจากหลงไม่รู้เบื่อและดุดัน ฝ่ามืออุ่นละจากผ้าห่มที่เขาหมายจะให้ความอบอุ่นแก่เด็กหนุ่มถูกปัดทิ้งอย่างไม่ใยดี และทดแทนด้วยอ้อมแขนแข็งแรงแทน
“คุณพฤทธิ์” เด็กหนุ่มร้องเรียกด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ครับ” เขาตอบรับข้างหูเด็กหนุ่มก่อนกดจูบแก้มที่ขึ้นสีจาง ๆ และริมฝีปากที่อ้าออกน้อย ๆ
ความอดทนของพฤทธิ์ทะลายลงทีละนิด ยิ่งริมฝีปากขยับโต้ตอบมาเท่าใด..ความเห็นใจของเขายิ่งน้อยถอยลงไปทุกที
ลมหายใจของพวกเขาร้อนระอุ กระนั้นความรู้สึกเบื้องล่างกลับร้อนยิ่งกว่า
ฝ่ามืออุ่นละจากแผ่นหลังมายังยอดถันเล็กบนหน้าอก ขยับปลายนิ้วอย่างใจเย็นทว่าดุดัน ยิ่งได้ยินเสียงเด็กหนุ่มร้องในลำคอมากเท่าใด แรงที่ปลายนิ้วก็ยิ่งหนักหน่วงขึ้นเท่านั้น
“อะ..อื้อ คุณพฤทธิ์”
พระจันทร์ดวงน้อยสาดแสงอ่อนโยนเข้ามา คล้ายพยายามดับไฟที่ก่อตัวขึ้นช้า ๆ ภายในห้องสี่เหลี่ยมคับแคบ กระนั้นแรงที่อยู่ไกลหรือจะสู้ความใกล้ชิดนี้ได้
ไม่มีอาจารย์และศิษย์อยู่ตรงนี้ มีเพียงคนสองคนเท่านั้นที่รู้ดีว่าต่อจากนี้จะไม่มีอะไรเหมือนเดิม
กางเกงผ้าฝ้ายถูกรั้งลงใต้สะโพก เปิดเผยผิวเนื้อไวสัมผัสที่ไม่เคยมีใครแตะต้อง แรงอารมณ์ทำให้ผิวบริเวณนั้นแปรเปลี่ยนเป็นความดุดัน เพียงฝ่ามือสัมผัสผ่าน..เด็กหนุ่มก็แทบแตกสลาย
ริมฝีปากยังคงบดเบียดซึ่งกันและกัน ไม่ผ่อนแรงลงสักนิด มีแต่ยิ่งเพิ่มเป็นเท่าทวี
ฝ่ามือของพฤทธิ์ยังไม่ละไปไหน เอาแต่รังแกยอดถันเล็กที่แข็งชันสู้ปลายนิ้ว ก่อนจะเคลื่อนคล้อยลงต่ำ ผ่านหน้าท้องที่เกร็งขึ้นเล็ก ๆ สู่เบื้องล่างที่ยังไม่เคยถูกผู้อื่นแตะต้อง
มันร้อนระอุ แต่ก็หวั่นไหวอยู่ในที
เมื่อใครบางคนแตะต้อง เขาก็ไร้เรี่ยวแรงจะประคองตัวเองให้อยู่นิ่ง จึงล้มตัวนอนลงบนพื้นเตียงอ่อนนุ่ม เปิดเผยตัวตนใต้แสงไฟให้ใครบางคนได้เห็นและปรนเปรอมันอย่างใจดี
ปลายเท้าเด็กหนุ่มจิกเกร็ง เรี่ยวแรงเหือดหายคล้ายไอน้ำในอากาศ
“หลง..” เสียงคุณพฤทธิ์ดังขึ้นข้างหู เมื่อเขาลืมตา..ใบหน้าของอีกฝ่ายก็อยู่ใกล้เสียจนแทบจะติดกัน ริมฝีปากยิ้มนิด ๆ อย่างนึกเอ็นดู แต่ทว่าฝ่ามือกลับขยับอย่างรวดเร็วและดุดัน ฉุดรั้งเด็กหนุ่มลงสู่ห้วงตัณหา ก่อนหยุดลงเมื่อปลายฝันอยู่ไม่ไกล
“คุณพฤทธิ์..ไม่เอา” ความอึดอัดกระจุกที่ปลายทาง บีบบังคับให้เด็กหนุ่มรู้สึกทรมานอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
ใบหน้าเด็กหนุ่มแดงก่ำ ฝ่ามือเล็กดันแผ่นอกที่ชุ่มเหงื่อของเขาไว้ เมื่อไม่ได้ผลก็เอาแต่พลิกกายหนี หมายจะขยับจัดการส่วนล่างที่คัดรุม
พฤทธิ์ไม่อยากใจร้าย แต่หลงในตอนนี้..น่ารังแกเหลือเกิน
ใบหน้าทุรนทุรายของเด็กหนุ่มทำให้พฤทธิ์อ่อนใจ ฝ่ามืออุ่นจึงขยับอีกครั้ง อำนวยความสุขให้คนตรงหน้า “อ..อะ”
ไม่นานนัก พฤทธิ์ก็หยุดชะงักพลางลอบมองสีหน้าขัดใจของคนข้างล่าง ก่อนขยับหยัดตัวขึ้น ยกขาของเด็กหนุ่มพาดบ่า ก่อนสัมผัสความอุ่นร้อนอีกครั้ง ร่องสะโพกชวนให้คิดฝัน กระนั้นความถูกต้องก็ยังปิดกั้นจินตนาการนั้นอยู่
ปลายทางของหลงอยู่ไม่ไกล ความรู้สึกบางอย่างกระจุกอยู่ที่จุดเดียว เมื่อใกล้ความฝัน..ข้อเท้าของเขาถูกก็จับไว้แน่น และพฤทธิ์ขบปลายนิ้วเท้าของเขาอย่างรุนแรงในครั้งเดียว
หยดน้ำพวยพุ่งเปรอะทั่วผิวเนื้อและเนื้อตัวของเด็กหนุ่มอาบไล้ด้วยตัณหา
“คุณพฤทธิ์!”
ความเหนื่อยอ่อนนำพาให้หลงเข้าสู่ความฝันอันล้ำลึก
“ราตรีสวัสดิ์” เสียงทุ้มกระซิบไกลแสนไกล
พระจันทร์ดวงน้อยเร้นกายในหมู่เมฆ ..
ผู้หญิงที่ไม่ยอมกลับบ้านง่าย ๆ กรณ์นิยามคำนี้แก่ลดา หล่อนเดินเข้าออกร้านนั้นร้านนี้ ซื้อทั้งอาหารและเสื้อผ้าเป็นว่าเล่น แผนการณ์ที่จะกลับถึงบ้านก่อนสามทุ่มจึงเป็นอันยกเลิก และเขาเพิ่งจะเหยียบพื้นบ้านในเวลาห้าทุ่มตรง
กรณ์ปิดบังความหงุดหงิดไม่มิด แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้ ในเมื่อพ่อไม่พูดอะไรสักคำ
โคมไฟดวงน้อยทั้งบนผนังและไฟในสวนเปิดให้ความสว่าง อีกทั้งในบ้านยังมีแสงไฟจากห้องรับแขกอยู่ ไม่รู้ว่าคนรอจะโมโหหรือไม่ที่เขากลับมาช้า
ประตูบ้านเปิดออก พวกเขาเดินไปยังห้องรับแขกที่ยังถูกใช้งานอยู่ ใครบางคนกำลังนั่งอ่านหนังสือเงียบ ๆ ด้วยสีหน้าที่แช่มชื่นกว่าปกติ
“กลับมาแล้วหรือครับ” พฤทธิ์ถอดแว่นแล้วปิดหนังสือลง ตอนนี้เกือบเที่ยงคืนแล้ว แต่เขากลับยังไม่รู้สึกง่วงสักนิด แม้จะรู้ดีว่าตัวเองใช้พลังงานไปมากขนาดไหน
“คุณพฤทธิ์นอนดึกจริง ๆ อาไม่ไหวแล้ว ขอตัวไปพักผ่อนก่อนดีกว่า” วุฒิทักทายสั้น ๆ ก่อนเดินขึ้นไปชั้นสองของบ้าน
คล้อยหลังคุณวุฒิและลดา กรณ์ก็เดินเข้ามาพร้อมแก้วน้ำ เขายกขึ้นดื่มพลางมองญาติผู้พี่ด้วยความสงสัย “หลงนอนแล้วหรือครับ”
“ครับ” พฤทธิ์ตอบสั้น ๆ
“พี่พฤทธิ์กินอะไรหรือยังครับ” กรณ์โกรธคุณพฤทธิ์อยู่ลึก ๆ แต่มันก็ไม่แข็งแกร่งพอที่จะทำให้เขาไม่เปิดปากคุยกับอีกฝ่ายเลย
“เรียบร้อยแล้วครับ”
“มีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า ผมเห็นคุณพฤทธิ์สีหน้าไม่สู้ดีตอนคุยโทรศัพท์”
พฤทธิ์เงียบ เขาคิดไปถึงตอนเย็น ๆ “อ้อ..คุณเพ็ญแขถามเรื่องงานเฉย ๆ ไม่มีอะไรพิเศษ”
อีกฝ่ายยิ้มจาง ๆ แต่กรณ์กลับรู้สึกเหมือนกำลังถูกใครบางคนปั่นหัว “อย่างนั้นหรือครับ..”
คุณพฤทธิ์ไม่เคยติดต่อมาหรือมาเยี่ยมที่บ้านหลายอาทิตย์แล้ว ยิ่งใกล้เปิดเทอม..ก็ยิ่งไม่มีข่าวคราว ไม่มีคนพูดถึงราวกับอีกฝ่ายไม่มีตัวตน กระนั้นหลงก็เข้าใจดีว่าการทำงานในมหาวิทยาลัยวุ่นวายแค่ไหน ตัวอย่างจากกรณ์ก็มีให้เห็น แม้จะเพิ่งเข้ามาทำงานใหม่ได้ไม่ครบปี..แต่งานที่ล้นหลามก็บอกได้ว่าสาหัสเพียงใด
กับคุณพฤทธิ์ก็น่าจะเป็นเช่นเดียวกัน ในเมื่ออีกฝ่ายจริงจังกับการทำงานและไม่มีภาระผูกมัดใด ๆ ก็ย่อมทุ่มเทกับบางอย่างเป็นธรรมดา
ความคิดถึงแทรกซึมในทุกขณะจิต แม้เวลาผ่านไปเนิ่นนาน แต่รอยสัมผัสยังคิดเด่นชัดในความรู้สึก
เขารู้ดีว่าอาจเป็นอีกครั้งที่ใครบางคนให้ความหวัง กระนั้นก็อยากหวังลม ๆ แล้ง ๆ ว่าสักวันหนึ่งรถยนต์คันคุ้นตาจะจอดเทียบตรงหน้าชานบ้านเหมือนอย่างเคย
หลงหยิบโทรศัพท์เครื่องจิ๋วขึ้นมาดูเวลาอีกครั้ง มันเป็นเครื่องเก่าที่ได้รับจากแม่เหมือนหลายปีก่อน ช่องเสียบสายมีสองช่อง คือสำหรับหูฟังและชาร์จไฟ มันหลุดออกจากกันและมีร่องรอยขีดข่วนจำนวนมาก เหตุผลส่วนหนึ่งก็เพราะหล่อนชอบเมาและไม่ค่อยรักษาสิ่งของ
มีเพียงข้อความสั้น ๆ ของภัทรที่ส่งมาถามทุกข์สุข กระนั้นแป้นขนาดเล็กก็ทำให้หลงเสียเวลาพิมพ์ข้อความตอบกลับเกือบยี่สิบนาที อันที่จริงมันใช้งานแทบไม่ได้ด้วยซ้ำ เมื่อเครื่องนี้ไม่ได้รองรับสัญญาณในปัจจุบัน การโทรศัพท์เข้ามาหรือออกไปจึงกลายเป็นเรื่องยาก
“โทรศัพท์เครื่องเก่าใช่ไหม”
“ครับ” หลงยังจด ๆ จ้อง ๆ บนหน้าจออยู่ “ผมได้จากแม่มานานแล้ว”
“อ้อ..พ่อว่าสมัยนี้ไม่น่ามีคนใช้อะไรแบบนี้แล้วนะ”
“ครับ” เด็กหนุ่มตอบรับสั้น ๆ
“วันพรุ่งนี้เดี๋ยวให้กรณ์พาไปซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่แล้วกันนะหลง”
พวกเขาคุยกันไม่ทันไร เสียงรถยนต์ก็ดังขึ้นและจอดอยู่บริเวณชานบ้าน รถยนต์สีดำคุ้นตาปรากฎขึ้นพร้อมใครบางคนที่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าเรียบเฉย ความดีใจเอ่อล้นจนแทบปิดไม่มิด
คุณพฤทธิ์ไม่แม้แต่จะชายตามองเขา กลับตรงเข้าไปทักทายคุณวุฒิตามมารยาททันที “สวัสดีครับ”
ท่าทีแบบนั้นชวนให้เด็กหนุ่มรู้สึกรวดร้าวลึก ๆ แต่ต้องซ่อนไว้ไม่เปิดเผยให้ใครเห็นและหวังว่าใครบางคนจะใส่ใจกับความรู้สึกที่แอบซ่อนเล็ก ๆ ตรงหน้า
“ไม่ได้เจอกันเสียนาน ลมอะไรหอบอาจารย์พฤทธิ์มาถึงที่นี่”
“ผมมาเยี่ยม คุณยายฝากผลไม้มาให้คุณวุฒิด้วยครับ” ผลไม้หลายลังถูกเคลื่อนย้ายมายังห้องครัวที่อยู่ด้านหลังอย่างเรียบร้อย “ไม่ทราบว่าคุณกรณ์ไม่อยู่หรือครับ”
“อยู่สิ..เดี๋ยวอาไปตามกรณ์มาให้ รายนั้นอยู่ในห้องทั้งวันไม่ยอมออกไปไหน”
“ขอบคุณครับ”
คุณวุฒิขึ้นไปชั้นสอง ระหว่างนี้..เหลือเพียงพวกเขาที่ยังไม่มีใครเอ่ยปากอะไรขึ้นมา บรรยากาศน่าประหลาดชวนให้รู้สึกดีใจและเสียใจไปพร้อม ๆ กัน ประการแรกหลงดีใจที่ได้เห็นหน้าอีกฝ่าย แต่ความเสียใจประการที่สองคือความเฉยชาที่ปรากฎขึ้นระหว่างกัน
หรือในช่วงเวลานั้นไร้ความหมายไปแล้ว
พฤทธิ์หลุบตามองเด็กหนุ่มที่กำโทรศัพท์ไว้แน่น เขารู้ดีว่าภายใต้ความดื้อดึงซ่อนความร้าวรานเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นบาดแผลจากใครก็ไม่ควรเกิดขึ้นอีก
นานร่วมหลายนาที พฤทธิ์จึงเป็นฝ่ายเอ่ยปากพูดกับหลงก่อน “โทรศัพท์ผมหาย ไม่แน่ใจว่าอยู่ตรงไหน แต่น่าจะอยู่แถว ๆ นี้ รบกวนยืมโทรศัพท์คุณหน่อยได้ไหม”
“ครับ” หลงยื่นโทรศัพท์มือถือให้คนตรงหน้า ขณะเดียวกันก็มองปลายนิ้วที่กดลงบนหน้าจออย่างชำนาญแม้จะเป็นเครื่องเก่าก็ตาม
ไม่ถึงนาทีพฤทธิ์ก็ยื่นคืนเจ้าของ “ขอบคุณครับ”
“เสร็จแล้วหรือครับ”
“ครับ..น่าจะอยู่ในรถ”
หลงรับโทรศัพท์กลับมาถืออย่างงง ๆ เพราะคุณพฤทธิ์แทบไม่ทำอะไรกับมันนอกจากกดและส่งคืน เขานั่งนิ่งสักพัก แล้วเปิดรายชื่อที่โทรศัพท์ครั้งล่าสุด รายชื่อของใครบางคนสะดุดตา
‘พฤทธิ์ ชัยโยธิน’สวัสดีค่ะ ขอบคุณทุกคอมเมนต์นะคะ แล้วเจอกันตอนหน้า มาช้าดีกว่าไม่มา ~
ตอนนี้กำลังตัดสินใจจะเรียนต่อค่ะ อาจจะยุ่ง ๆ เรื่องเอกสารเลยไม่ค่อยได้เขียนสักเท่าไหร่ บอกตามตรงว่ารู้สึกเขียนยากขึ้นทุกทีเลย อย่างตอนนี้นานมากกว่าจะเสร็จ
เจอกันตอนหน้านะคะ
Fan Page:
https://www.facebook.com/AUTHOR.ELLETTE/