ตอนที่ 30
-N’ Peam Part-
อีกกี่ปี ห้าปี สิบปี ยี่สิบปี
หรือตลอดไป
สุดท้ายแล้ว มันจะจบยังไง
“แล้วคุณปู่กลับไปไหมคะ?”
เด็กสาววัยสิบห้าปีตรงหน้าถามพลางยกมือขึ้นปาดน้ำตาตัวเองเมื่อได้ยินคำบอกเล่าสมัยเด็กๆ ของปู่ มือที่เหี่ยวย่นไปตามเวลานั้นยกรูปภาพเก่าๆ มาดูพร้อมกับยกยิ้ม ดวงตามีน้ำคลอนิดๆ เมื่อนึกถึงภาพเก่าๆ ที่เคยประสบพบเจอ
“ปู่อยากให้เขาได้เริ่มชีวิตใหม่…”
“ปูไม่ได้กลับไปหรือคะ?” เธอตรงหน้าว่า ยกมือสั่นๆ กุมปากตัวเองใจหายวาบ “ทำไมปู่ใจร้ายจัง แล้วคนรอละคะเขาทำยังไง?”
ใจร้ายงั้นหรือ
ริมฝีปากที่ปิดสนิทยกยิ้ม มองคนในรูปแล้วได้แต่ละดวงตามองออกไปยังที่ไหนสักแห่ง ไกลแสนไกล ที่ที่เขาเคยรู้สึกดีที่สุด
“เขาจะอยู่ในใจปู่ตลอดกาล…”
ดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตานั้นมองนิ่งออกไป บนเก่าอี้โยกเก่าๆ ที่นั่ง ร่างคนชรามองทอดออกไปด้วยสีหน้าที่เรียบนิ่ง ใครเล่าจะรู้ว่าตอนนี้เจ็บปวดขนาดไหน
การทอดทิ้ง
กับการถูกทอดทิ้ง ใครกันที่เจ็บปวดกว่ากัน
อาจวัดไม่ได้ ถ้าไม่ได้สัมผัสเอง…
อวสาน…
“ฮือ…ฉันเกลียดหนังที่จบแบบนี้ที่สุดเลย อีผู้กำกับบ้า ฉันอุตส่าห์เสียน้ำตาเป็นกระติกรอให้คุณปู่กลับไปหาแฟนเขา ฮือ…ไม่น่าดูเลย”
เสียงไอ้น้ำ เพื่อนตัวดีที่มันเถียงนักเถียงหนาว่าอยากจะดูหนังเรื่องนี้ร้องขึ้นพลางยกมือปาดน้ำตาตัวเองพิงหัวกับผมขณะดูตอนจบเสร็จ มันเป็นเพื่อนผู้ญิงสมัยที่ผมย้ายมาโรงเรียนใหม่ มันต้อนรับผมเป็นอย่างดี
โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกิน ดูหุ่นมัน ทุกวันนี้ผมจะเรียกมันไอ้ช้างน้ำอยู่แล้ว
“โอย เป็นคนเถียงว่าจะดูเองยังมาทำเนียนร้องไห้ตัวเองน่าสงสารอีก” เสียงยัยนุ่มนิ่มเพื่อนอีกคนว่า ผมยกยิ้มกับเพื่อนในกลุ่ม
“ก็ชื่อเรื่องมันน่าดูนี่หว่า ใครจะไปรู้ว่ามันจะจบหักมุมแบบนี้ล่ะ”
“พอเลยๆ เลิกเถียงกันได้แล้วฉันหนวกหู”
ระหว่างห้ากว่าปีมานี้ ผมเจออะไรหลายอย่างมากกว่าที่คุณคิด เจอมาเยอะจนแทบอธิบายไม่หมด
ตั้งแต่แยกกับปอ ผมคุยกับปอทุกวันและเชื่อมั่นในกันและกันเสมอ
จุดพลิกผันก็ตรงสามปีสุดท้าย พ่อของผมทำงานหนักจนเส้นเลือดในสมองแตกและกลายเป็นอัมพาตครึ่งซีก ครอบครัวผมพลิกผันไปเป็นอีกแบบทันที เงินที่เคยเก็บไว้ต้องนำมารักษาพ่อที่ป่วยหนัก แม่ต้องดูแลธุรกิจ ไม่เก่งด้านบริหารจนถูกฉ้อโกง ผมต้องวิ่งวุ่นออกไปแบ่งเบาภาระของครอบครัวด้วยการทำงานพิเศษส่งตัวเองเรียน ถึงแม้จะกู้เงินรัฐก็ยังไม่พอ ผมพยายามปากกัดตีนถีบสู้จนไม่มีเวลาว่างแม้แต่จะนอน พยายามทำให้แม่ลำบากน้อยที่สุด
จากความผิดพลาดครั้งก่อนทำให้แม้หลาบจำรู้จักชั้นเชิงของธุรกิจมากขึ้น กลายเป็นนักบริหารที่เก่งกาจแทนพ่อ กลายเป็นหัวหน้าครอบครัวจนกิจการตอนนี้ทรงตัวแล้ว
ตอนนี้ผมมีความสุขดี ผมเห็นค่าของเงินมากขึ้น โตขึ้นและเรียนจบแล้ว
พ่อของผมจากเคยรับตัวเองไม่ได้ เครียดและเป็นโรคซึมเศร้า ผมต้องพยายามทำให้ท่านรู้สึกดี คอยดูแลท่านจนตอนนี้กลับมาสดใสอีกครั้ง เมื่อเรามีเวลาให้กันมากขึ้น กินข้าวพร้อมกัน เราบอกรักกันทุกวัน
ผมมีความสุขเรื่องนั้น แต่ยังวุ่นกับการทำงานอย่างหนักและฝึกสอน ผมจะเป็นอาจารย์ ทางมหาวิทยาลัยขอให้ผมขึ้นดอย ไปสอนเด็กๆ บนเขาที่ห่างไกลไร้สัญญาณโทรศัพท์ ประจวบเหมาะกับไอโฟนตกพื้นแตกจากการเร่งรีบวิ่งไปทำงาน ตอนนี้ผมมีโทรศัพท์รุ่นเก่าๆ ที่โทรเข้าโทรออกได้เท่านั้น ผมติดต่อปอไม่ได้ คิดถึงแต่ปอเพราะถึงมีเบอร์ก็ไม่มีสัญญาณอยู่ดี
ผมกลัวที่ปอจะไม่รักษาสัญญา
ได้แต่ยืมโทรศัพท์เพื่อนลงมาในเมืองเพื่อโพสต์ข้อความวันเกิดมันทุกๆ ปี หดหู่ใจกับข้อความที่มันบอกว่าเป็นห่วง แต่ชีวิตผมมีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย แม้จะคิดถึงมันมากขนาดไหน ชั่วโมงชีวิตผมก็เร่งรีบ กลบเวลาโศกเศร้าคิดถึงมันออกไปจนหมด
จนทุกอย่างดีขึ้นเมื่อผมฝึกสอนเสร็จ แม่บอกว่าจะย้ายบ้านกลับเข้าเมือง ได้กลับไปหาปอ ใจผมลิงโลดขึ้นมาอีกครั้ง
เราจะได้เจอกันแล้วปอ ยังรอภีมอยู่ไหม
ผมได้แต่คิดแล้วยิ้มกับตัวเอง
หลังจากดูหนังกับกลุ่มเพื่อนบนบ้านเสร็จเราต่างแยกย้ายมาเก็บเสื้อผ้าเพื่อเตรียมเดินทาง กลุ่มเราจะได้เที่ยวด้วยกันครั้งแรกและครั้งสุดท้าย ก่อนที่ผมจะย้ายกลับออกจากที่นี่
รุ่งเช้าในบ้านนอก ผมพาร่างตัวเองที่ตื่นตั้งแต่ไก่โห่วิ่งลงบันไดบ้านพร้อมกับกระเป๋าเดินทาง เห็นแม่กับเพื่อนบ้านช่วยกันขนของขึ้นรถด้วยใบหน้าที่ร่าเริง ร่างผมของเดินไปยังคนหุ่นอ้วบอ้วนที่นั่งอยู่บนม้าโยกมองหลายๆ คนคุยกันด้วยรอยยิ้ม
ผมทรุดเข่าตรงหน้าเขาพร้อมรอยยิ้ม ขยับเข้าไปหอมแก้ม “ภีมไปเที่ยวกับเพื่อนก่อนนะพ่อ”
ริมฝีปากบิดผิดรูปยกขึ้นยิ้ม มือซ้ายหงิกงอที่ใช้การได้ยกมาลูบหัวพลางหยักหน้ารับอย่างใจดี อาการของพ่อทรงตัวแล้วและสดใสจนผมไม่ได้ห่วงมากมาย พ่อมีพยาบาลส่วนตัวช่วยแค่พยุงเดิน นอกนั้นเขาก็เหมือนคนปกติ
“เดินทางปลอดภัยนะภีม ไว้เจอกันที่บ้านเรา”
“พ่อก็เหมือนกันนะ ภีมจะเที่ยวให้เต็มที่แล้วไปเจอกันนะครับ รักพ่อนะ”
“พ่อก็รักลูกนะ ไม่ต้องห่วงพ่อ ที่ผ่านมาหนูทำมามากแล้ว”
“ไม่เอาน่าพ่อ” ผมว่าพลางจับมือหนาๆ แม้พ่อจะไม่รู้สึกมันก็ตาม “ก็ภีมเป็นลูกนักสู้เหมือนพ่อนี่ อืม…งั้นไปแล้วนะ ไปบอกแม่ก่อน”
“อืม ไปบอกหน่อยก็ดี ทางนั้นเป็นห่วงเรามาก”
“ครับ”
ผมเดินละออกมา กอดผู้หญิงที่เก่งที่สุดในโลกจากด้านหลัง ตอนนี้ผมตัวสูงกว่าเธอมาก เป็นลูกชายที่โตสมวัย มือของเธอดึงกอดผมออกแล้วหันมยกยิ้มใจดีถาม “จะไปแล้วเหรอ?”
“ครับ รักแม่นะ”
“แม่ก็รักลูกนะ เที่ยวให้สนุกไม่ต้องห่วงทางนี้”
“พูดเหมือนพ่อเลย เป็นคู่แท้กันจริงๆ ใจตรงกันจัง” พูดพลางก้มลงไปจูบแก้มคนตรงหน้าอ้อน เธอหลุดหัวเราะพลางตีต้นแขนผมมาทีหนึ่ง
“ขอโทษนะที่ภีมไปเที่ยววันนี้ น่าจะไปวันหลัง”
“ไม่เอาภีม ลูกโตแล้ว ดูแลตัวเองได้แล้ว แม่ไม่คิดมากเรื่องนี้หรอก แล้วก็อีกหลายเรื่องที่ลูกอยากคิดอยากทำ เพราะยังไงภีมก็คือคนเก่งของแม่ ขอโทษนะลูกที่ผ่านมาภีมลำบากมาก ไม่ได้ใช้เวลาเหมือนวัยรุ่นคนอื่นๆ”
ผมส่ายตาหลบเธอ อันที่จริงผมเคยน้อยใจมาก แต่วันนี้ไม่แล้ว ผมภูมิใจที่เป็นส่วนหนึ่งในน้ำพักน้ำแรงของครอบครัว ผมไม่ใช่ส่วนเกิน
“ภีมไม่คิดเรื่องนั้นแล้วครับแม่ เราอยู่กับปัจจุบัน ต่อไปแม่ก็อย่าเครียดนะ”
“จ้ะ งั้นลูกไปเถอะ แม่ดูแลพ่อได้”
ผมกอดเธอแน่น “ไว้เจอกันครับแม่ อีกสี่วันนะ”
แม่พยักหน้ารับ ขยับมาหอมแก้มฟอดใหญ่ก่อนที่รถตู้คันหนึ่งจะเคลื่อนมาจอดหน้าบ้านพร้อมบีบแตรเรียก รอยยิ้มผมผุดขึ้นมาทันที หลังจากล่ำลาพ่อกับแม่เสร็จแล้วก็หยิบกระเป๋าวิ่งไปยังรถ ก่อนไปยังหันกลับไปส่งยิ้มและโบกมือลา
พวกเขาทดแทนความสุขผมได้ค่อนข้างมาก ตั้งแต่ย้ายมาเราก็เจอกัน คุยกัน หัวเราะกันทุกวันจนสนิทเกินคำว่าพ่อแม่ ผมติดครอบครัวมากและคิดว่าสี่วันมันคงนานไปถ้าไม่ได้เห็นพวกเขา แต่ไม่เป็นไร ยังไงเสียเราก็คือครอบครัว เดี๋ยวก็เจอกันอีก
ช่วงนี้ผมมีความสุข ยกเว้นเรื่องเดียวที่ค้างคาใจ
เรื่องของใครสักคนที่ตรึงใจไปทั้งความทรงจำ
ผมมองออกไปยังหน้าผาสูงชันด้วยความเป็นสุขเมื่อรถกำลังเคลื่อนลงไปยังเมืองติดกับทะเล ทอดสายตาไปเห็นปะการังสีสันสวยงาม น้ำใสสะอาดเหมือนเดิม เสียงเพื่อนๆ คุยกันหัวเราะสนุกสนาน มือของผมถือกล้องตัวประจำเพื่อถ่ายวิวด้านล่าง นึกถึงเรื่องเมื่อครั้งที่เคยมาที่นี่ครั้งแรก รอยยิ้มก็ผุดขึ้นมาเฉยๆ
ผมเคยกลัวหน้าผาแทบตาย แต่ปอก็สอนว่ามันสวยงาม
ปอเองก็สอนผมหลายอย่างเช่นกัน
วันนี้ ผมขอสนุกและผ่อนคลายครั้งสุดท้ายกับเพื่อนในวัยมหาวิทยาลัย ก่อนจะไปใช้ชีวิตเป็นผู้ใหญ่จริงๆ รับผิดชอบตัวเองจริงๆ เมื่อคิดถึงพ่อกับแม่ที่เดินทางไปยังที่นั่น บ้านหลังนั้นก่อนแล้วได้แต่ยกยิ้มกับตัวเอง ผมจะไม่ผิดหวังใช่ไหม
ตอบมาสิว่าปอยังรออยู่
ปอยังไม่มีใครใช่ไหม
ทุกคืนที่นอนในความมืดบนบ้านหลังเล็กๆ ในดอยร่วมกันกับเพื่อน ผมไม่เคยหลับสนิทสักคืน คิดถึงอ้อมกอดที่เคยมอบให้ คิดถึงจูบที่แตะบนหน้าผาก และถ้อยคำว่ารักแสนหวานที่มอบให้ใกล้ๆ หู อยากกลับไปเป็นเหมือนเดิม
อยากเจอเขา
และเมื่อคิดเช่นนั้น น้ำตาก็อาบลงมาอย่างช่วยไม่ได้ ไม่ได้โศกเศร้าเสียใจ ร้องไห้ฟูมฟายเหมือนแต่ก่อน แต่คิดว่าปอจะเป็นเหมือนกันไหมและเจ็บเหมือนกันไหม แค่นั้นก็หยุดตัวเองให้ปลดปล่อยความทรมานไม่ได้
รัก แค่คำว่ารัก…
ทำผมแทบบ้า ทำผมอยากคลั่งให้เสียสติไปให้รู้แล้วรู้รอด
“แก มาเร็วๆ สิยะฉันหิวจะแย่อยู่แล้ว”
“เออน่า จะรีบไปไหน อีภีมมาเร็วจะเดินทอดน่องทำไมเนี่ย”
“เออ รีบก็เดินไปกันก่อนฉันไม่หลงหรอกน่า” ผมพูดพลางหลุดยิ้ม มองรอบๆ ตัวเอง
“เออ งั้นฉันตามไอ้นิ่มไปนะ นิ่ม รอด้วย!”
เสียงเพื่อนๆ ร้องเรียกกันพลางวิ่งไปยังรีสอร์ทที่เดิมที่แสนคุ้นชินสำหรับเพื่อจัดการเรื่องห้อง ที่นี่ถึงจะมีสิ่งปลูกสร้างเหมือนเดิมแต่ถูกปรับปรุงให้ดูหรูหราขึ้นมาก ได้แต่ยิ้มและกวาดสายตามองรอบๆ บรรยากาศเดิมๆ ภาพเดิมๆ ชวนให้ผมคิดถึงใครสักคน
ที่ผมรักสุดหัวใจ
ผมชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นใครคนหนึ่งกำลังยืนคุยอยู่กับพนักงานรีสอร์ท ร่างนั้นสูงใหญ่เต็มตัว แต่งตัวหรูดูดีและยกยิ้มอยู่เสมอถึงแม้จะคุยกับคนต้อยต่ำกว่า เมื่อถูกจับตามอง อีกฝ่ายเองก็หันมาสบตาผมเช่นกัน มองมายังผมราวกับไม่เชื่อในสายตาตัวเองอย่างนั้น
ผมยกยิ้มให้พี่เขาพร้อมกับยกมือไหว้ เห็นร่างสูงๆ เดินดุ่มๆ มาหาราวกับไม่เชื่อสายตาตัวเองเสียอย่างนั้น ผมมันน่าตกใจขนาดนั้นเหรอวะ
“ภีม นี่ภีมจริงๆ ด้วย” เขาตื่นเต้นแฮะ
“พี่ธาม โห…” ผมกวาดสายตามองรูปร่างเขา โคตรเท่
เขายังยิ้มใจดีเหมือนเคย ดูดีในแบบผู้ใหญ่กว่าเดิม ใบหน้าหล่อคมเข้มกว่าเดิมสมอายุ “ทำไมเหรอ พี่เปลี่ยนไปขนาดนั้นเลยเหรอ?”
ผมเกาหัว “ครับ ไม่เจอนาน…”
เปลี่ยนไปเยอะ
“ภีมเองก็เปลี่ยนไปเยอะนะ”
เขามองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า มันทำให้รู้สึกเขินน้อยๆ “สงสัยสูงขึ้น แล้วนี่ดูโตขึ้นแต่ว่า…ยังน่ารักไม่เปลี่ยนเลยนะ”
ผมหลุดหัวเราะ “ผมต่างจากเมื่อก่อนมากเลยล่ะ ดูสิพยายามไว้หนวดด้วยนะ”
พี่ธามหลุดหัวเราะ “แบบนั้นอย่าไว้เลย กระหยุมกระหยิมสองสามเส้น”
นี่พูดถึงหนวดผมอยู่ปะวะ สงสัยต้องไปโกนทิ้งซะละ
“ภีม มัวชักช้าอะไรอยู่ แกจัดการห้องเองเลยนะฉันจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเล่นน้ำ”
“เออๆ ไปก่อนเลย”
ผมร้องว่าตอบเพื่อน สาวๆ ที่คบกันสมัยย้ายไปในโรงเรียนสหศึกษา พวกเธอน่ารักและเข้ากับผมง่ายกว่าที่คิด ไม่นานเราก็สนิทกันและเป็นเพื่อนกันตลอดมาจนจบตรี ผมยิ้มก่อนจะหันมามองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าแล้วเกาหัวเมื่อพี่เขายิ้มมาให้
หนวด คุยกันเรื่องหนวด
เป็นการทักทายที่ประหลาดดีว่ะ ผมลอบคิดกับตัวเองแล้ววางตัวไม่ถูก ผมอยากถามถึงปอใจจะขาดว่าพี่ธามพอจะได้ติดต่อกับใครไหม รู้ข่าวปอบ้างไหม
“เอ่อ…พี่ธาม มากับใครเหรอครับ?”
ทำไมผมไม่ถามไปตรงๆ วะ
อีกฝ่ายยักไหล่ “พี่มากับกลุ่มเพื่อนๆ”
กลุ่มเพื่อนๆ มีปอไหม!
“เอ่อ…” ถามเลย ถามถึงพี่ปอเลย
“พี่มาตลอดอยู่แล้ว แค่ตอนนี้ช่วงปิดเทอมพวกเพื่อนเลยมาด้วย ตัวพี่เองมารับช่วงต่อที่นี่น่ะ ภีมคงไม่รู้ว่านี่เป็นของครอบครัวพี่”
“จริงเหรอ?” ผมเบิกตาว่า ทำหน้าตื่นเต้นให้พี่เขาดู พี่ธามเมื่อได้ยินดังนั้นก็ยกยิ้มกับตัวเอง เขาดูหล่อขึ้น ผมปล่อยยาวขึ้นเพราะตอนนี้ก็คงจะอยู่ในวัยที่โตขึ้น ร่างกายเปลี่ยนมาดูแข็งแรงขึ้น
แล้วปอจะเป็นแบบไหนกันนะ
จะโตมาแบบไหน เป็นนักธุรกิจรูปหล่อเหมือนพี่ธาม เป็นอะไรที่มันฝันอยากเป็น รอยยิ้มผุดขึ้นมาเมื่อนึกถึงมันอีกครั้ง ผมรู้แล้วว่าปอมันคงไม่พ้นเรื่องรถมอเตอร์ไซต์แหงๆ
คงเท่มากๆ แน่
ใจผม มันเป็นสุขแค่เพียงได้คิด
“ว่าแต่ภีมน่ะเป็นไงบ้าง หายไปเลยนะ ไม่ยอมติดต่อกลับมาทางนี้บ้าง”
ผมเงยขึ้นไปมองคนกล่าว เห็นแววตาเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย “อ๋อ เรื่องมันยาว”
ผมตอบได้แค่นี้จริงๆ ถ้าเล่าคงนานมากแน่ๆ “เล่าให้พี่ฟังไม่ได้เหรอ?”
“ภีมติดฝึกสอนครับ ขึ้นดอยเลยไม่ได้ติดต่อกับใคร จะเจอก็แต่เพื่อนด้วยกัน”
พี่ธามพยักหน้ารับ ไม่เซ้าซี้ต่อ “เห็นภีมสนุกกับเพื่อนใหม่พี่ก็ดีใจด้วยนะ”
“ว่าแต่พี่ธามเป็นยังไงบ้างล่ะ ตั้งแต่…” ผมอึกอัก
“อ๋อ ตั้งแต่เลิกกับต้นพี่ก็มีแฟนใหม่น่ะ” เขาตอบพร้อมกับยิ้ม
“จริงเหรอ นึกว่าจะเฮิร์ทนานซะอีก”
“แล้วก็เลิกกันแล้วด้วย พี่คิดว่าคนแบบพี่คงหารักแท้ไม่เจอซะแล้วแหละ ก็เลยเลิกไปจีบใครแล้ว”
“พี่อายุแค่นี้เองปลงซะแล้วเหรอครับ?”
“แล้วภีมล่ะ เข็ดความรักรึเปล่า?” ผมละรอยยิ้มของตัวเอง ก่อนจะอ้าปากอ้ำอึ้งเมื่อนึกถึงปอ ดวงตาของผมมองพี่ธามก่อนจะค่อยๆ พยายามแย้มยิ้มกับเขา ผมไม่รู้ว่าพี่ธามเข้าใจระหว่างผมกับปอยังไง ไม่รู้ว่าปอเล่าเรื่องผมให้เขาฟังไหมว่าทำไมผมถึงจากปอมา
ได้แต่ยิ้มตอบ
“ไม่หรอกครับ” สั้นๆ เพราะผมรอเสมอ
“แต่ปอมันเฮิร์ทนะ เฮิร์ทนานมาก” ผมชะงักเงยมองหน้าเขา “ปอมันแทบบ้าที่ภีมหายไป ไม่ตอบมัน มันเครียดมากนะรู้ไหม ทำไมไม่ตอบกลับอะไรมันไปบ้าง”
ปอ…
ปอคิดมากขนาดนั้นเลยเหรอ
อันที่จริงวันนี้ เป็นวันเกิดของปอ เป็นปีที่หกแล้วที่ผมไม่ได้เจอเขา ผมยกยิ้มกับตัวเองเมื่อนึกถึงในสิ่งที่พี่ธามได้เล่าให้ฟังว่าที่ผ่านมาปอได้รอผมอยู่ตลอด
“ภีมยืมโทรศัพท์หน่อยได้ไหมครับพี่ธาม”
มือผมสั่น เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม แต่พี่ธามไม่เอ่ยถามอะไรออกมาสักคำ มือเขาล้วงเข้าไปในกางเกงควักโทรศัพท์ออกมายืนให้ เมื่อเห็นรูปวอลเปเปอร์ ผมหลุดยิ้มเมื่อเห็นหน้ายิ้มแฉ่งสมัยเด็กของไอ้ต้นมันยังอยู่
“น่ารักจัง…”
พี่ธามหัวเราะ “คนที่ไม่มีวันได้เจออีก”
เสียเมื่อไร
ป่านนี้ต้นมันคงกลับมาแล้ว แรกๆ มันก็คุยกับผมบ่อย มันรู้ที่มาที่ไปของผมว่าเจออะไรมาบ้างและคอยเอาใจช่วยเสมอ มันบอกว่าจะมาหาผมที่นี่ วันนี้
ทั้งสองคนกำลังจะได้เจอกันอีกแล้ว
มือผมกดโทรศัพท์ตรงหน้าด้วยรอยยิ้มเมื่อนึกถึงปอ ถ้าปอได้เห็น ได้โปรดเถอะนะ ภีมกลับมาที่นี่แล้วนะปอ กลับมาที่ที่เราคุ้นชินแล้ว
มาหานะ คิดถึงจะแย่…
คิดถึงแค่ปอคนเดียว
หลังจากขอบคุณพี่ธาม ผมเดินละมาเคาน์เตอร์เพื่อเชคอิน เห็นแววใจดีจากพี่เขาที่มองตามหลังมาอย่างเคย แม้เมื่อก่อนจะเห็นธาตุแท้เขาออกมาก็เถอะ สุขุมแบบนั้นพอเลือดร้อนก็น่ากลัวไม่หยอก นิสัยแบบนี้คงอยู่ในส่วนลึกๆ ของเขาตลอดนั่นแหละ ถ้าใครทำให้โกรธล่ะน่าดู
“พี่ลดค่าห้องเอาไหม?”
“ฮ่าๆๆ ไม่ต้องหรอกครับพี่” ผมร้องกลับไปว่า หันกลับมาเห็นพนักงานสาวยกยิ้มขำกันยกใหญ่ ผมส่งยิ้มให้พวกเธอ รู้สึกว่าสาวๆ พวกนี้จะมองมายังผมคนเดียวเลยแฮะ ได้แต่ยิ้ม ยกมือเกาคอตัวเองแก้เก้อก่อนจะเอื้อมไปรับกุญแจ
ผมชะงัก เมื่อเบอร์ห้องที่ผมได้มันเป็นห้องเดิมที่เคยมาพัก ผมจำมันได้ดี “อะ เอ่อ…ขอโทษนะครับพี่ ผมขอเปลี่ยนห้องได้ไหม ผมไม่ชอบวิวตรงนั้นน่ะครับ”
ผมไม่อยากนึกถึงเรื่องเก่าๆ คนเดียว อยากนึกถึงพร้อมคนที่เคยร่วมเดินทางมาพร้อมกัน
“เอ น้องเคยพักห้องนี้แล้วเหรอคะเนี่ย พี่ว่ามุมนั้นวิวสวยที่สุดในรีสอร์ทแล้วนะคะ อีกอย่างช่วงนี้ช่วงปิดเทอม ห้องพักก็เต็มตลอด จะเหลือก็แค่ห้องนี้ห้องเดียวน่ะค่ะ”
“อ้าว ถ้าวิวมันสวยขนาดนั้นแล้วทำไมมันเหลือเป็นห้องสุดท้ายล่ะครับ” ผมมุ่นคิ้วถามพลางก้มมองกุญแจกับมือ เธอยิ้มพลางมองไปยังร่างของพี่ธามที่กำลังยืนพูดคุยกับพนักงานด้านนั้น
“เจ้านายสั่งไว้ว่าให้ปล่อยเป็นห้องสุดท้ายน่ะค่ะ โชคดีจังเลยนะคะ ไม่ค่อยมีใครได้พักห้องนั้นหรอกค่ะน้อง”
ผมยิ้มให้เธอก่อนจะกล่าวขอบคุณ ลากกระเป๋าเดินไปยังห้องพักเพื่อจัดเตรียมข้าวของ เพื่อนของๆ ผมมีเพียงไม่กี่คนที่เคยพักที่รีสอร์ทนี้ บางคนมาก็ครั้งแรก แต่ผมพอจะรู้ทางเพราะที่นี่ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมาก เมื่อเรียบร้อยผมก็เดินออกจากห้องก่อนจะเบิกตาเมื่อเห็นว่าเป็นใครที่ยืนรออยู่
“พี่… พี่ธามมาทำอะไรตรงนี้เนี่ย” ผมร้องด้วยความตกใจ อีกฝ่ายยิ้ม
“พี่จะมาถามว่าทุกอย่างโอเคไหม?”
“ไม่โอเคเลยโดยเฉพาะห้องนี้น่ะ” ผมว่าพลางเดินออกมาจากห้อง ล็อคประตูแล้วมุ่งไปยืนตรงข้ามกับพี่ชายตรงหน้า พี่ธามหลุดยิ้มก่อนยกมือมายีหัว ผมไม่รู้หรอกว่าเราสนิทกันพอที่จะสื่อด้วยการสัมผัสไหม แต่ผมเพียงแค่เงยไปยิ้มให้เขาเท่านั้น
“ก็มันเหลือห้องสุดท้ายแล้วนี่ ถ้าเป็นลูกค้าคนอื่นพี่จะให้ปฏิเสธแล้วไปพักที่อื่นนะ แต่นี่เป็นภีมหรอกถึงยอม”
“แหม…ปากหวานจริงเชียว ปอมันจ้างพี่กี่บาท?”
“ไม่เกี่ยวกับไอ้ปอสักหน่อย ว่าแต่…ภีมติดต่อมันกลับไปบ้างแล้วรึยัง?”
ผมหันไปมองหน้าพี่ธามพร้อมรอยยิ้มตัวเองเมื่อถูกถาม นึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่ตัวเองทำไปเมื่อครู่ใหญ่ๆ แล้วพยักหน้าตอบ ผมติดต่อไปแล้วครับ หวังว่าปอจะเห็นมัน เห็นในสิ่งที่ผมกำลังจะสื่อ ถ้าปอรักผม ปอคงนึกถึงบรรยากาศเก่าๆ แห่งนี้ได้
ผมเอง ก็โคตรคิดถึงบรรยากาศเก่าๆ แบบนี้
คิดถึงคนเก่าๆ อยู่ในที่แห่งนี้
“ภีม นั่นภีมจริงๆ ด้วย เจอแล้วหาเจอแล้ว!”
เสียงหนึ่งร้องขึ้นเรียกให้ทั้งผมและพี่ธามหันไปมอง ใจผมวูบไหวเมื่อเห็นว่าเป็นใครที่วิ่งมาด้วยความเร็ว พาร่างตัวเองพุ่งเข้ามากอดผมสุดแรงจนแทบจะล้ม
ผมกระพริบตาตัวเองพริบๆ ฟังเสียงหอบของมัน ยกมือกอดมันตอบ “ไม่ได้เจอนาน แม่งโคตรคิดถึงเลย”
ผมยิ้ม มองคนตัวสูงตรงหน้าที่จ้องร่างมันเขม็ง ไม่สิ พี่เขากำลังอึ้ง ตกตะลึง ตาค้าง หลายอย่างรวมๆ กันเลย
“กูก็คิดถึงมึง ต้น”
ใช่ ไอ้ต้นที่พี่ธามคิดว่าจะไม่ได้เจออีกแล้ว มันได้กลับมาแล้ว เรานัดกันว่าจะเจอกันที่นี่ มารื้อฟื้นความขมขื่นในอดีตที่เกาะแห่งนี้แล้วกลบไปด้วยมิตรภาพ ความรักของเรา และความสุขจนลืมหนึ่งเดือนแรกที่เราเจอกันไปเสีย
เมื่อเห็นหน้าพี่ธามมองไอ้ต้นก็พาลให้ผมนึกถึงไอ้ปอ ไอ้พี่ปอ มันจะตกใจไหมที่เห็นผม ทำหน้ายังไง ส่วนผม ไม่บอกคงรู้ว่าต้องร้องไห้แหงๆ
ผมคิดถึงปอ
ได้โปรดเถอะ ถ้าปอเห็น ขอให้ทำตามสิ่งที่ใจปอต้องการ มาเถอะนะปอ…
มาเจอกันอีกครั้ง
มาอัพให้แล้วค่ะ ตอนหน้าจะได้เจอกันแล้วน้า(รู้สึกมีความสุขท่หลอกล่อให้คนร้องไห้ได้ อิอิ)
ตอนนี้ก็อยู่ช่วงสรุปเรื่องไปก่อนโนะ น้องภีมเขาเจอมาเยอะ เจ็บมาเยอะงะ หวังว่าพี่ปอเห็นอะไรสักอย่างที่น้องส่งให้แล้วจะรีบมาไวๆ น้า อิอิ