27
หยาดฝนที่ร่วงโรยลงมาจากท้องฟ้า ราวกับว่าจะชะล้างทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ ร่างที่แน่นิ่งของเจ้าของผิวขาวซีดผู้เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบเลือดสีแดงสดถูกวางลงบนเตียงสีขาว ดวงตาปิดนิ่งสนิทๆ ลมหายใจที่ขาดช่วงไป ริมฝีปากที่ปิดสนิทราวกับว่ากำลังจะหลับไปตลอดกาล
ภาพสีขาวปรากฏขึ้นแทนที่ สีดำ สีขาว สลับไปมา
ดอกไม้สีดำถูกวางลงที่ข้างกายของเขา ทั้งๆที่ผู้ชายคนนี้มีร่างกายสีขาว …
แต่สีดำ …
กลับกลมกลืนกับเขาเสียเหลือเกิน…
ผมมองภาพตรงหน้าแน่นิ่ง ริมฝีปากเม้มเข้าหากันแน่น ใบหน้าที่นิ่งสงบและน้ำตาที่เหือดแห้งกลายเป็นคำตอกย้ำชั้นดีว่าเขาไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้แล้ว เหลือผม … เพียงคนเดียว
ร่างของผู้ชายเจ้าของผิวขาวซีดถูกเติมแต่งด้วยชุดสูทสีดำสนิท ผมสีดำที่ปรกลงมาที่หน้าผากถูกเก็บเรียบขึ้นไปเผยให้เห็นใบหน้าอย่างชัดเจน เขากลายเป็นเจ้าชาย …
เจ้าชาย
ที่หายไปจากโลกใบนี้แล้ว
ร่างโปร่งถูกวางลงในโลงไม้อย่างดีสีดำสนิท ด้านในบุด้วยผ้ากำมะหยี่สีขาวสะอาดตา กุหลาบสีดำถูกเติมแต่งไปทั่วโลงนั่น ตอกย้ำอีกครั้ง
และอีกครั้ง
บทสวดเริ่มดังขึ้นพร้อมกับผู้คนและเสียงสะอื้น น้ำตา และความเสียใจ
แต่ผม … กลับไม่มีน้ำตาซักหยดเลย
พวกเขาต่างด่าว่าผมไม่มีความรัก … ด่าว่าผมเย็นชา
ทั้งๆที่จริงแล้ว … พวกเขาไม่รู้สึกถึงความเสียใจของผม
พวกเขาเสียใจไม่ถึงเสี้ยวของผมด้วยซ้ำ
ดอกกุหลาบในมือของใครหลายคนถูกวางลงข้างตัวของเขา ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า น้ำตาและความโศกเศร้าเปรอะเปื้อนร่างกายของร่างโปร่งไปหมด
ขาของผมก้าวไปข้างหน้าอย่างไร้วิญญาณ …
ก่อนที่ผมจะวางกุหลาบสีขาวที่เหมาะกับคนที่หลับใหลไปตลอดกาลไว้ตรงกลางของกุหลาบดำ
ผมก้มลงจูบหน้าผากเขาแผ่วเบา เป็นสิ่งเดียวที่ผมสามารถทำให้เขาได้
…
ผมอยากจะบอกเขาอีกครั้งเหลือเกิน…
ว่าเขาเป็นคนแรกและคนเดียวที่ทำให้ผมรู้จักคำว่ารักและอบอุ่น
ผมรักเขา
รัก
แต่ไม่มีโอกาสได้พูดออกไปบ่อยครั้ง ไม่มีโอกาสที่จะได้บอกอย่างเป็นจริงเป็นจัง
วันนี้ผมอยากจะพูดกับเขาเหลือเกิน
“ผมรักพ่อครับ”
สิ้นเสียงของตัวเองแสงสีแดงก็ทำให้ผมต้องลืมตาขึ้นจากความเศร้าโศกขึ้นมาเผชิญความเป็นจริง เครื่องปรับอากาศเสียงดังหึ่งๆกับแสงสีขาวนวลที่สาดผ่านผ้าม่านเข้ามาในตัวห้องอย่างบางเบาทำให้ต้องกะพริบตาถี่ๆเพื่อปรับม่านตา ผมมองไปทั่วห้อง ก่อนจะมองไปยังมือหนาๆที่กอบกุมมือของผมเอาไว้
ความอบอุ่นที่มากกว่าส่วนอื่นของร่างกาย ผมมองตัวเองที่อยู่ในชุดคนไข้ของโรงพยาบาลพลางยิ้มออกมานิดๆ
ผมใช้มือข้างที่เป็นอิสระหยิกเบาๆที่แก้มของตัวเองก่อนจะร้องซี้ดออกมา
ไม่ได้ฝันไป…
ก่อนจะนึกถึงความฝันที่ผมลืมตาตื่นจากมา
ผมไม่ได้ไม่มีครอบครัว … แต่เพราะพ่อของผมเสียไปตั้งแต่ผมยังเด็ก ผมเลือกที่จะปิดตายพวกท่านไว้ข้างหลัง ทิ้งพวกท่านเอาไว้ในซอกหลืบของความทรงจำส่วนลึก
อยากจะขอโทษ … ที่เคยว่าด่าพวกท่านว่าทำไมถึงทิ้งผมไป
ความตาย มันเป็นสัจธรรมของชีวิต เกิดเป็นมนุษย์ ก็ต้องยอมรับว่าวันหนึ่งเราก็ต้องกลับสู่ธรรมชาติที่สร้างเราขึ้นมา
ผมมองกลุ่มผมของคนที่ผมจำได้แม่นก่อนที่ผมจะหลับไป คนที่ไม่มีแม้กระทั่งน้ำตาแต่มีเพียงใบหน้าที่บูดบึ้ง ริมฝีปากสีซีดที่คอยเรียกชื่อผมซ้ำๆเพราะกลัวว่าผมจะหลับไปตลอดกาล ผมวางมือลงบนกลุ่มผมสีดำเบาๆ ก่อนจะค่อยๆก้มหน้าไปรับความหอมจากแชมพูเด็กที่คิดถึงมานานแสนนาน แต่มีบางสิ่งบางอย่างขวางที่จมูก ผมดึงเครื่องช่วยหายใจออกไป ก่อนจะกดจูบลงบนกลุ่มผมของนาที แม้จะหลับไปแปปเดียว แต่ผมกลับคิดถึงแทบจะขาดใจ
“อือ” คนที่นอนฟุบอยู่ที่เตียงครางออกมาก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองหน้าผม นาทีเปลี่ยนไปมาก ผมก็สั้นลงนิดหน่อยด้วย ขอบตางี้คล้ำเชียว ผมยิ้มบางๆให้นาทีที่กำลังเบิกตากว้างแล้วนิ่งไป
“ป่าน…”
“หืม”
‘หมับ!!!’
ร่างโปร่งโผเข้ากอดผมอย่างแรงก่อนจะร้องออกมาเสียงดัง
“ป่าน!!!!!!!!!!”
“อะไรของมึงวะ” ผมบ่นอุบเมื่อนาทีชักจะเสียงดังไปแล้ว
“มึง…” นาทีถอนกอดออกจากตัวผม ก่อนจะมองหน้าผมนิ่งๆ มือหนาเกลี่ยใบหน้าของผมอย่างทะนุถนอม นาทียิ้มออกมา แล้วหุบยิ้ม ก่อนจะยิ้มออกมา แล้วหุบยิ้มอีกครั้ง
ริมฝีปากสีซีดกดจูบที่ริมฝีปากของผมแผ่วเบาแล้วถอนออก ก่อนนาทีจะตะโกนลั่นห้อง
“มึงฟื้นแล้ว!!! ป่านฟื้นแล้ว!!!!” สิ้นเสียงของนาทีร่างของใครอีกหลายคนก็โผล่มาจากด้านหลังกำแพงที่คั่นอยู่ ผมเบิกตากว้างเมื่อเห็นพวกเขายืนมองหน้าผมอย่างตกใจ
อะไรกัน ผมหลับไปแปปเดียวเองนะ
นาทีปรับเตียงให้ผมลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะเอาน้ำให้ผมกิน คอแห้งผากเหมือนอยู่กลางทะเลทรายเลยให้ตาย
“ป่าน!!!!” ไอ้กี้วิ่งพรวดพราดเข้ามาหาผมก่อนจะกอดผมเอาไว้แน่น มันร้องไห้ฟูมฟายใหญ่เมื่อเห็นผมฟื้น หัวเล็กๆส่ายดิ๊กๆไปมาเหมือนหมาจริงๆ ไอ้หมูหยองมันตัดผมซะแล้ว ผมลูบหัวไอ้กี้แล้วหัวเราะเบาๆ
“ไรวะ แค่นี้ทำร้อง ไม่อยากให้ฟื้นหรือไง” ผมเขกหัวไอ้กี้เบาๆแล้วยิ้มให้กับทุกคนที่อยู่ในห้อง
ทั้งพี่วิน พี่กวาง พีท ริค พระกาฬ ไอ้กี้ ไอ้ฟ้า นาที … แล้วก็พี่นาราที่ทำไมถึงหายเร็วจัง (?)
ทุกคนมีสีหน้าตกใจกันหมด
“อะไร … หลับไปแปปเดียวตื่นขึ้นมาทำหน้าอย่างกับเห็นผี” ผมว่าแล้วยิ้มอย่างร่าเริง นาทีหันมาหาผมแล้วมองหน้าผมนิ่งๆด้วยสายตาที่บอกอารมณ์ไม่ถูก
อะไรกัน
“มึงหลับไปสองเดือนเต็มๆนะป่าน…”
…
ว่าไงนะ!!!!
“พี่จะไปตามหมอให้” พี่วินว่าก่อนจะเดินออกไปข้างนอกห้องพร้อมกับพี่กวาง ผมเบิกตากว้างพลางมองทุกคนด้วยความไม่เข้าใจ อะไรกัน … สองเดือนอย่างนั้นเหรอ
“อำเล่นหรือไง”
“ไม่ … สองเดือนจริงๆ พี่นาราหายแล้วเห็นไหม” ไอ้กี้ว่าก่อนจะชี้ไปที่ร่างบางหน้าสวยที่ยืนยิ้มบางๆอยู่ข้างๆไอ้พีท พี่นาราดูปกติดีทุกอย่างแถมยังเดินได้คล่อง ผมมองหน้าทุกคนอย่างไม่เข้าใจ …
“ไม่จริงน่า…”
“มึงลองเดินดูก็ได้ ขาคงไม่มีแรงแล้วล่ะ” ผมเบิกตาโพลงมองหน้าไอ้ฟ้าที่โดนไอ้ริคลากไปปิดปาก ก่อนจะมองหน้านาทีที่เศร้าลงไป ผมเม้มริมฝีปากแน่นก่อนจะรีบเลิกผ้าห่มออกจากตัว
แล้วเริ่มขยับนิ้วเท้า…
ผมชะงักไป
…
ทำไม่ได้
ผมมองหน้านาทีด้วยความไม่เข้าใจ นาทีเม้มริมฝีปากแน่นพลางมองหน้าผมนิ่งๆ ผมหันไปมองหน้าทุกคนในห้องอีกครั้งก่อนจะหันกลับมามองปลายเท้าของตัวเอง
ขยับ … ไม่ได้เลย
ทำไม
“ที…”
ผมจับมือของนาทีไว้แน่นแล้วพยายามขยับเท้าอีกครั้ง ขาไม่มีแรงเลย ขยับไม่ได้…
ทำไม … ทำไม
ผมมองขาตัวเองนิ่งๆอีกครั้ง นาทีกดจูบลงบนศีรษะของผมเบาๆ ผมมองร่างกายของตัวเองนิ่งๆ ก่อนจะบีบมือของนาทีที่เงียบไป ผมต้องเข้มแข็ง … ใช่
ต้องเข้มแข็ง
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น มันก็ดีกว่าการที่ไม่ได้ลืมตาตื่นมามองโลกอีกครั้ง
ดีกว่าทิ้งให้นาทีอยู่คนเดียว
“ป่าน…” นาทีมองหน้าผมด้วยแววตาเศร้าสร้อย ผมส่ายหน้า
“ไม่เป็นไร… ไม่เป็นไร … แค่นี้เอง ดีกว่าไม่ฟื้นขึ้นมา” ผมยิ้มบางๆให้นาที ผมไม่อยากให้นาทีเป็นห่วงไปมากกว่านี้ แค่การที่ผมเป็นอะไรแล้วไม่ได้บอกนาที ผมก็ว่าผมผิดแล้ว
ผมสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ทำให้นาทีเสียใจอีก
ก่อนคุณหมอจะเดินเข้ามาในห้อง นาทีกอดผมที่เอาแต่ทุบขาตัวเองเอาไว้แน่น คุณหมอเริ่มตรวจอาการหลายๆอย่างก่อนจะหันไปคุยอะไรกับพี่วิน ผมรู้สึกราวกับว่าโลกของผมถล่มลงไปทั้งใบ แต่กำแพงที่ผมสร้างขึ้นสูงลิ่วในใจก็สั่งให้ผมเลือกที่จะเข้มแข็งไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
คุณหมอว่าแค่นั้นแล้วเดินออกไปจากห้อง พี่วินมีสีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด…
“นาที … ฉันขอคุยกับแกหน่อย” พี่วินว่า ก่อนจะเรียกนาทีออกไปนอกห้อง นาทีผละออกจากผมที่กำลังสนใจกับขาตัวเองเพียงอย่างเดียวตอนนี้ … ทำไมกัน ทั้งๆที่มันไม่น่าจะเกี่ยวกันเลย
โรคที่ผมเป็นมันไม่ได้ส่งผลแบบนี้
ไม่มีทาง
ผมไม่มีทางเป็นอัมพาต…
ไม่จริง
เสียงประตูเปิดเข้ามาพร้อมกับร่างของนาทีที่เดินเข้ามาในห้อง นาทีนั่งลงข้างๆผมแล้วลูบหัวผมแผ่วเบา ผมมองตาของนาทีนิ่งๆ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นผมต้องยอมรับมันให้ได้
“หมอบอกว่าไงบ้าง”
“ขามึง …” นาทีว่าเสียงเศร้า ผมแทบจะตายไปซะตรงนั้น
“กูเป็นอะไร?”
“หมอบอกว่า…”
ผมตั้งใจฟังคำของคนตรงหน้า …
“หมอบอกว่ามึงจะขยับขาไม่ได้อีกแล้ว…”
“!!!!!!!!” ว่าไงนะ
“จริงเหรอ…” ผมมีสีหน้าเศร้าลงไปก่อนจะบีบขาตัวเองเบาๆ จู่ๆนาทีก็คว้าผมเข้าไปกอดแล้วโยกตัวผมไปมาเหมือนเด็กๆ ผมที่เหม่อลอยไปไกลถูกกระชากร่างกลับมาเพียงรวดเดียว
“กูล้อเล่น!!!!”
?!! อะไรนะ…
“ไอ้ห่า กูไม่เล่นนะ” ผมกร่นด่าคนตรงหน้าทันทีก่อนจะชกหมัดลงไปที่ไหล่ของไอ้ที หัวใจเต้นรัวอย่างไร้สาเหตุ ทั้งกลัวทั้งตกใจปะปนกันไป เพราะไม่มีแรง เลยทำให้มันกลายเป็นหมัดเบาๆลงไปซะอย่างนั้น
“หมอบอกว่าเป็นปกติของคนที่นอนนานไป เลือดไปเลี้ยงไม่พอ ทำกายภาพบำบัดซักหนึ่งอาทิตย์ก็กลับมาเดินได้ปกติแล้ว”
“เซอร์ไพรส์” นาทีว่าพลางหัวเราะ ผมเบะปากแล้วชกคนตรงหน้ารัวไม่ยั้งด้วยความโมโหที่มันเล่นไม่รู้เรื่อง ผมกลัวจริงๆ กลัวจะต้องสูญเสียขาของตัวเองไป แต่ที่กลัวมากกว่านั้น
คือกลัวจะไม่ได้ตื่นขึ้นมา
“ตกใจอ่ะดิ ไม่เห็นร้องไห้เลยว่ะ” ไอ้นาทีว่า ผมหันไปเบะปากใส่มัน
“โง่” ผมทุบไอ้นาทีอย่างแรงแล้วก็แรงขึ้นเรื่อยๆ นาทีคว้าตัวผมเข้าไปกอดแล้วยังคงกลั้วหัวเราะอย่างมีความสุข ผมยิ้มออกมาบางๆ อย่างน้อยก็ไม่ต้องเป็นภาระให้นาที แต่จะว่าไปถ้าผมเดินไม่ได้จริงๆ มันจะยอมดูแลผมเหรอ?
“หน้าตึงจัง…” คนที่กอดผมอยู่พูดขึ้น ผมเลิกคิ้วสงสัย
“ทำไม? ไปฉีกโบทอกซ์มาหรือไง”
“เปล่า … ไม่ได้ยิ้มมาตั้งสองเดือน…” ผมชะงักไปก่อนจะมองหน้านาที ร่างสูงยิ้มบางๆแล้วกดจูบลงบนริมฝีปากผมเนิ่นนาน ผมหลับตาลงแล้วรับสัมผัสที่คิดถึงนั่นก่อนที่นาทีจะถอนจูบออกแล้วเกลี่ยปอยผมที่ยาวรุงรังของผมขึ้นไปทัดหู
นั่นสินะ
รอยยิ้ม … ที่มีให้ผมเพียงคนเดียว
พอผมไม่อยู่ก็เลยไม่ได้ยิ้มเลย
“ว๊า พี่ป่านผมยาวกลายเป็นฮิปปี้” ไอ้เด็กช่างตีมันล้อเลียนยกใหญ่ ผมจับผมตัวเองที่ยาวจนถึงคอ
“หล่อเลยกู” ผมยิ้มบางๆแล้วมองดวงตาสีเทาของนาทีนิ่งๆ เรื่องที่จุกอกก็อยากจะพูดมันออกมา แต่อีกใจก็อยากจะเก็บมันไว้ข้างหลังแล้วเริ่มใหม่ต่อไป ไม่อยากขุดคุ้ย
“มึงรู้แล้วใช่มั้ยว่ากูเป็นโรคอะไร…” ผมถามนาทีขึ้นมา นาทีขมวดคิ้วก่อนจะกอดผมเอาไว้
“รู้…”
“…” ผมนิ่งไป หมอคงบอกมันแล้ว…
“มึงเป็นโรคขาดกูไม่ได้ไง”
ทันทีที่มันตอบผมก็แทบจะชกมันให้ลงไปนอนกองที่พื้น ถ้าไม่ติดว่าแขนเองก็ไม่มีแรงจะขยับซักเท่าไร ผมนั่งนิ่งๆแล้วยิ้มมุมปากออกมา คนตรงหน้าหัวเราะร่า รอยยิ้มที่คิดว่าจะไม่ได้เห็นอีกแล้ว
อย่างน้อย … ผมก็ได้กลับมาเจอนาที
ไม่เห็นต้องบอกเลยว่าผมเป็นอะไร…
ในเมื่อหลังจากนี้ … มันจะต้องไม่เกิดขึ้นอีก
“หมอรักษาให้มึงแล้วนะ แต่อาจจะยังไม่หายขาด มึงต้องกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ออกกำลังกายเบาๆสม่ำเสมอ ห้ามเลือดออกเยอะ แล้วก็ห้ามออกแรงเยอะ” นาทีว่าแล้วดีดหน้าผากผม ผมพยักหน้าหงึกๆ
เป็นเพราะว่าวันนั้นผมวิ่งแล้วก็วิ่ง ท่ามกลางแสงแดด เลือดเลยไหลไม่หยุด บวกกับว่าผมเป็นโรคเลือดแห้งช้าและเลือดจางเลยทำให้เป็นลมง่าย ยิ่งเสียเลือดก็ทำให้หมดสติง่ายเหมือนกัน
ไม่ได้เป็นไรน่ากลัวขนาดพวกโรคมะเร็งเม็ดเลือดหรอก
นะจ๊ะ
“ทีหลังอย่าปิดบังอะไรกูอีก” นาทีพูดขึ้น สีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด คิ้วสวยขมวดเข้าหากันจนกลายเป็นโบว์ขนาดใหญ่ ผมพยักหน้าแต่ก็อีฟไว้ด้านหลัง
“กูมีชู้ว่ะนาที” ผมพูดติดตลก
“หายดีแล้วมึงไม่ต้องลุกจากเตียง”
“ไอ้ห่า ทะลึ่งตลอดล่ะมึง”
“ทะลึ่งแต่ก็รัก” นาทีหัวเราะเบาๆแล้วนั่งลงข้างๆผม ผมเอามือแตะใบหน้าของนาทีอีกครั้งและอีกครั้ง ดวงตาที่สวยจนน่าหลงใหล จมูกโด่งที่คอยคลอเคลียเหมือนลูกแมว ริมฝีปากสีซีดที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ใบหน้าเรียวมน
มองกี่ที ก็ไม่เคยเบื่อเลยจริงๆ
"กูพูดจริงๆนะป่าน เป็นอะไรต้องบอกกู เพราะจี้ไม่บอกกูเลยเสียจี้ไป" ผมชะงักกึก นั่นสินะ
"อืม" ก่อนจะตอบตกลงไป ไม่ใช่ขอไปที แต่ผมตั้งใจจะบอกจริงๆ นาทีขยี้หัวผมเบาๆ ผมแลบลิ้นใส่นาทีแล้วมองขาของตัวเอง ต้องกายภาพบำบัดหนึ่งอาทิตย์เลยเหรอ …
ถ้าผมมีแรงฮึดซักอย่าง ไม่มีอะไรที่ไอ้ป่านทำไม่ได้หรอกว่ะ!
ว่าแต่…
“หญิงเป็นไงบ้าง?” ผมถามนาที คนตรงหน้าชะงักไปก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ที่เดิมที่ตอนตื่นมาผมเห็นมันนั่งอยู่ ผมมองหน้านาทีที่หลบสายตาอย่างไม่เข้าใจ
“นาที…”
“ถ้ากูบอก … มึงอย่าร้องไห้นะ” นาทีว่า ผมเงียบนิ่งอยู่เฉยๆ… รอฟังจากปากของคนตรงหน้า แม้หัวใจจะเต้นรัวด้วยความรู้สึกเหมือนกับว่ามีอะไรเกิดขึ้นก็ตามเถอะ
ก็ผมหลับไปตั้งสองเดือนนี่…
“แต่มึงคงไม่ร้องหรอกมั้ง ขนาดขาเดินไม่ได้ยังกลั้นซะจนตาแดงไปหมด” ผมยู่ปากใส่คนตรงหน้า
“มึงพูดความจริงนะ ไม่เอาเรื่องโกหก…”
“อือ ไม่โกหก บาป” แหมะ พึ่งจะสำเหนียกสินะ
“ว่ามาสิ”
“น้องหญิงฆ่าตัวตายหลังจากที่มึงหลับไปเจ็ดวัน …” *
สองเดือนต่อมา…
ผมยืนอยู่หน้าป้ายสลักหินอ่อนสีสวยที่มีดอกไม้สดวางรายล้อม ผมยืนอยู่ในสวนสวยที่เอาไว้ฝังร่างกายของผู้ที่ตายแล้วเพื่อส่งกลับคืนธรรมชาติ สังเกตได้จากบริเวณนี้มีหญ้าที่เขียวสดตลอด เพราะร่างกายของมนุษย์ทำให้หญ้าบริเวณนี้เติบโต ป้ายถูกสลักชื่อของผู้หญิงที่ผมเคยรักและจะรักตลอดไป
ผมวางดอกทิวลิปสีส้มลงตรงกลางของป้ายหลุมศพ
ไม่มีน้ำตาซักหยด
เหมือนครั้งที่พ่อหลับไป
ไม่ใช่เพราะไม่เสียใจ … แต่ความเสียใจ มันร้องไห้อยู่ข้างในจนปวดร้าวไปหมด
น้องหญิงฆ่าตัวตายหลังจากที่ผมหลับไปหนึ่งอาทิตย์ คุณพ่อกับคุณแม่แทบขาดใจเมื่อผมไปหาพวกท่านที่บ้าน พวกท่านเก็บจดหมายที่น้องหญิงเขียนให้ผม ผมเป็นคนแรกและคนเดียวที่จะได้อ่านมัน ส่วนเรื่องคดีที่เธอจงใจจะฆ่าลูกชายบ้านธาราทรัพย์ ก็ถูกปิดตายไปอย่างถาวรพร้อมๆกับลมหายใจของหญิงที่หายไปจากโลกใบนี้ ผมโทษอะไรเธอไม่ได้ ตัดพ้อไม่ได้ เพราะน้องหญิงเลือกทางเดินนั้นแม้ผมจะพร่ำบอกกับเธอว่าอย่าจากไปไหน ผมเสียใจ เสียใจจริงๆ
ทั้งจดหมาย …
มีแต่คำขอโทษแต่ขอให้ผมให้อภัยเธอ น้องหญิงไม่เคยคิดจะทำร้ายใคร แต่เพราะเธอมีผมเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวที่เธอมีอยู่ เธอขอโทษที่ไม่เคยเห็นค่าความรักของผมเลยซักครั้ง เธอขอโทษที่ทำให้ผมต้องหวาดกลัวและเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
เธอคิดว่าการตายของเธอ อาจจะช่วยให้ใครหลายๆคนได้ฉุกคิด
ว่าให้เรา หันมองคนที่รักเราบ้าง ไม่ใช่ไขว่คว้าหาแต่คนที่เรารักแต่เขาไม่เคยสนใจเรา
คำขอโทษพร้อมกับกระดาษที่เปื้อนไปด้วยน้ำตา
ทั้งๆที่ผม เป็นคนที่สมควรพูดคำนั้นที่สุด
ผมอาจจะเห็นแก่ตัวที่ทำลายชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งลงไป…
แต่ผมกำลังมอบชีวิตใหม่ให้กับผู้ชายอีกคนหนึ่ง
มือหนาๆของนาทีจับมือผมแผ่วเบา ผมมองใบหน้าของนาทีที่นิ่งสงบ เลือดที่ไหลวนอยู่ในร่างกายของผู้ชายคนนี้ ริมฝีปากที่มีสีเลือดจางๆ ลมหายใจที่ยังมีอยู่ ใบหน้าที่อิ่มเอิบ
น้องหญิงทิ้งท้ายที่จดหมายไว้ว่า
ในเมื่อหญิงยกป่านให้นาทีแล้ว บอกนาทีให้ดูแลป่านดีๆ
อย่าทำให้ป่านเสียใจ เหมือนอย่างที่หญิงทำ และนาที … ก็รับรู้แล้ว
ผมมองขึ้นไปบนฟ้า ก่อนจะปล่อยให้หยดน้ำตาไหลออกมาบางเบา ผมเชื่อว่าน้องหญิงต้องอยู่บนนั้น เธอเป็นผู้หญิงที่น่ารักและดีสำหรับผม ไม่ว่าใครจะมองแบบไหนก็ตาม
“หลับให้สบายนะ …”
ขอบคุณ ที่เกิดมาเพื่อให้ผมได้รู้จักปกป้องใครซักคน
ขอบคุณ ที่เกิดมาเพื่อเป็นเพื่อนกับผมคนแรก
ขอบคุณ ที่ไม่ปล่อยให้ผมเดียวดาย
ขอบคุณ ที่ไม่พรากนาทีไปจากผม
ป่านรักหญิง
ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง
เธอจะยังคงอยู่ในความทรงจำของผม
ไปตลอดกาล…
TBCเหลือบทส่งท้ายอีกหนึ่งตอนเรื่องนี้ก็จะจบลงแล้วนะคะ
ขอบคุณทุกๆคนมากเลยที่เข้ามาหาป่านกับนาที ถ้าเรื่องนี้จะทำให้ทุกคนยิ้มกันออกหรือสนุกไปด้วย
ก็ถือว่าซี่ได้ทำหน้าที่ในฐานะคนโพสต์สำเร็จแล้วล่ะ 555 ขอบคุณพี่ jiwinil อีกครั้งที่ยอมให้นำนิยายมาเผยแพร่
ขอบคุณนะคะ