*ตรวจคำผิดจะลงซ้ำ
รอบที่9 บอก
อาการบาดเจ็บทำให้ผมนอนเป็นง่อยอยู่บนเตียงฟังเสียงลูเซียสคุยงานกับไนท์ มีพี่อาคมเข้าๆ ออกๆ มารายงานเป็นระยะ ทำไมนะผมรู้สึกว่ามันไม่ต่างจากตอนผมอยู่ที่ตึกลูเซียสเลย จะไม่เหมือนก็แค่ตอนนั้นผมนอนเปื่อยเพราะทำหน้าที่หนักเกินไป
คงเห็นผมนอนมองตาปริบๆ มานาน ในที่สุดลูเซียสก็วางงานในมือลุกขึ้นมาหาผมข้างเตียง
“เบื่อเหรอ แขนแบบนี้จะอ่านหนังสือก็ไม่ได้ อยากออกไปสูดอากาศข้างนอกไหม”
ปกติผมอยู่ห้องลูเซียสถ้าไม่มีอะไรทำผมจะนั่งอ่านหนังสือ แขนผมยังไม่หายร้อยเปอร์เซ็นต์ คุณป๋ากับพี่เลี้ยงคนอื่นเลยพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอย่าเพิ่งให้ผมใช้แขนจะดีกว่า เป็นคนอื่นอาจจะดื้อเพราะความเบื่อหน่าย แต่กับผมที่น้อยนักจะได้รับความเป็นห่วงแบบนี้ อย่างมากก็ได้แค่กับเพื่อนซึ่งมันต่างกัน พวกนั้นวัยเรียน คนตรงหน้าผมคือผู้ใหญ่ที่ผมสามารถพึ่งได้ ผมเลยยอมทำตามอย่างเต็มใจ
เจอเรื่องนี้เข้าไปถึงกับหงอ เข็ด ไม่อยากดื้อหาเรื่องใส่ตัวอีก
“ไม่ละ ผมยังไม่อยากโดนไนท์แหกอก” ผมไม่ได้โกหกนะ ดูสายตาร้อนแรงที่ไนท์จ้องมาสิ ไม่ได้หึงหวงลูเซียสต่อย่างใด กำลังสาปแช่งคนเนียนอู้งานมากกว่า
“ไม่แหกอกเพราะฉันจะไปแล้ว!”
ไม่กระแทกเสียงเปล่า ยังเคาะเอกสารดังสนั่นก่อนส่งให้พี่อาคมเอาไปส่งที่บริษัท
“ให้คนขับรถไปส่งไหมครับ” พี่อาคมยังคงสุภาพเหมือนเคย ไนท์กลับโบกมือปฏิเสธ
“ไม่ล่ะ ฉันจะขับไปเองเดี๋ยวคนที่ฉันจะไปหาตกใจซะเปล่าๆ พวกนายแต่ละคนมีแต่ตัวถึกหน้าตาน่ากลัว”
ผมแอบเห็นไมค์กับหลงสำลักอากาศตรงมุมห้อง อาจจะดูโหดร้ายไปหน่อย แต่สิ่งที่ไนท์พูดคือเรื่องจริง ลูกน้องลูเซียสแต่ละคนมีบรรยากาศอึมครึมแผ่ออกมาตลอด ยกเว้นก็แต่พวกที่อยู่ในห้อง สามารถใช้หน้าตาหล่ออลังการพอกลบเกลื่อนไปได้บ้าง
“จะไปหาแฟนเหรอ” ผมถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น หลังจากผมฟื้นไม่กี่วัน ไนท์ก็ดูจะหายตัวบ่อย ไม่ได้หายไปทำงานซะด้วยในเมื่อพี่อาคมเป็นคนวิ่งงานหัวฟูคนเดียว
“อาคม ไอ้ที่เขาไว้ใจด่าเวลามีคนยุ่งเรื่องตัวเองมันพูดว่าไงนะ” นอกจากจะไม่ตอบ ยังหันไปถามพี่อาคมแทนอีก
“ยุ่งไม่เข้าเรื่องรึเปล่าครับ” ทางนี้ก็ให้ความร่วมมือดีเหลือเกิน คิดจะสอนคำศัพท์ไนท์วันละคำเรอะ
“ไม่ใช่”
“เสือก...” หนุ่มใหญ่พูดไม่เต็มเสียงเท่าไหร่ ไมค์กับหลงพากันหัวเราะกับท่าทางนั้น ก็นะ พี่อาคมเขาสุภาพ พวกคำด่าแย่ๆ ไม่เคยมีหลุดออกจากปากหรอก
“ใช่! เสือก!!”
คำสุดท้ายที่กระแทกเข้าเต็มหน้าแล้วเดินออกไปเลย ลูเซียสหัวเราะหึๆ ในคอ ไมค์กับหลงแทบไม่เก็บอาการแม้จะโดนพี่อาคมตวัดตามองดุๆ ก่อนตามหลังไนท์ไปอีกคน
“เธอกับไนท์สนิทกันดีนะ”
เจอหน้าไม่เคยคุยกันดีๆ สักครั้งเนี่ยนะสนิท พอลูเซียสอธิบายเสริมผมถึงบางอ้อ
“คนที่ไนท์จะคุยเล่นด้วยแบบนี้มีไม่กี่คนหรอก” มือหนายื่นมาลูบหัวผมเบาๆ ชวนเคลิ้มจนขยับตัวไปซบอ้อนพลางคิดตามที่ลูเซียสบอก
ก็คงจะจริง ถึงจะชอบพูดจาแย่ๆ ใส่กัน คนที่ช่วยผมอยู่เบื้องหลังมาตลอดก็คือไนท์ รวมถึงเก็บความลับของผมด้วย จนป่านี้ลูเซียสยังไม่รู้เรื่องของแม่ผมเลย
ลูเซียสนั่งคุยกับผมสักพักแล้วกลับไปทำงานต่อ พอตกเย็นถูกพี่ไนท์ลากตัวกลับตึกที่มีการรักษาความปลอดภัยดีกว่า ในห้องจึงเหลือเพียงแค่ผมกับสองสหายนั่งดูทีวีกันรอบค่ำ ผมเห็นข่าวเกี่ยวกับมหาลัยถึงนึกขึ้นได้ว่าผมหายตัวไปหนึ่งอาทิตย์เต็มโดยที่เพื่อนติดต่อไม่ได้นี่หว่า ส่วนเรื่องเรียนผมไม่ค่อยเป็นห่วงนัก พี่อาคมทำงานไวแถมยังรอบคอบสุดๆ คงจะขอดรอปการเรียนของผมเทอมนี้ไปแล้ว
“พี่หลงผมขอมือถือหน่อยครับ”
หนุ่มจีนสุดกวนแต่พูดไทยชัดแจ๋วนอนกระดิกเท้าบนเตียงญาติ หางตาชี้คิ้วเข้มขมวดมอง
“จะเอาไปคุยกับกิ๊กเหรอ ระวังบอสรู้จะขย้ำเอานะ”
“หลงพูดจาดีๆ หน่อย” ไมค์ที่กินมื้อเย็นปรามเสียงเรียบ
“อย่าทำตัวเป็นลุงคนที่สองหน่อยเลย ฉันก็แค่แซวเล่น เด็กวัยรุ่นมันต้องขำๆ สิ เคร่งเครียดแบบนายคุณหนูกลุ้มตาย เนอะ”
ลุงในที่นี่คือพี่อาคม เจ้าตัวเดาะลิ้นหาแนวร่วม ผมยิ้มมองพี่หลงสลับกับพี่ไมค์
“ผมชอบทั้งคู่นี้ อยู่ด้วยกันเหมือนหยินหยาง สมดุลกันดีไง” หนุ่มจีนหัวเราะชอบใจ หนุ่มหัวทองเกือบพ่นข้าวออกจากปาก พี่หลงเดินมายื่นมือถือให้ผม ผมรับมาสำรวจนี่มันไม่ใช่ของผมนี่ ถึงภายนอกจะเหมือนกันหมด แต่ผมจำได้ของผมจะมีรอยถลกเพราะเคยทำตก อันนี้ใหม่เอี่ยมอ่องแบบเพิ่งถอยมาสดๆ ร้อนๆ
“เครื่องเก่าของคุณหนูพังไปแล้ว อันนี้ลุงแกซื้อมาให้ใหม่”
ผมพยักหน้ารับรู้ กดปลดล็อกเครื่องดู ด้านในมีพวกแอพื้นฐานครบหมด พวกเกมสงสัยต้องโหลดมาลงใหม่ขอแค่เบอร์โทรยังอยู่ครบก็พอ
นิ้วเลื่อนกดหาลายชื่อ ชั่งใจว่าจะโทรหาใครดีก่อนจะตัดสินใจโทรหาโป้ที่ดูจะคุยง่ายสุด หากเป็นริวกับซันคงร้อนใจบึ่งมาโรงบาลเวลานี้ วาก็อยู่ไกล โทรไปเดี๋ยวจะโดนจับผิดอีก ปอนด์ตัดไปได้เลย โดนเฮียเฟย์เหมาเวลาไปหมดแล้ว
โทรรอบแรกไม่มีคนรับสาย ผมลองโทรอีกรอบจังหวะที่คิดว่าเจ้าตัวคงไม่ว่าง โป้ก็รับสายพอดี
/ไง โทษทีที่รับช้า พอดีหลบไอ้ซันมาคุยตรงระเบียง/
นั่นไง ช่างรู้ใจกันดีจริงๆ ซันมันน่าอิจฉาได้เมียดี
“ไม่เป็นไร จะโทรมาบอกว่ายังอยู่ดีครบสามสิบสอง”
/แน่ใจ? หายไปเป็นอาทิตย์แบบนี้ฉันว่าไม่ปกติแล้วมั้ง เกิดเรื่องอะไรขึ้นรึเปล่า/
แต่บางทีก็ฉลาดไปนะ...
“นิดหน่อย ฉันไม่สะดวกบอกน่ะ”
/ตามใจ อย่างน้อยๆ ก็บอกหน่อยว่าอยู๋ที่ไหน ไม่ก็โผล่หน้ามาให้เห็นบ้าง พวกเราเป็นห่วงนะ/ น้ำเสียงโป้อ่อนลงแสดงความเป็นห่วงชัดเจนมากซะจนผมรู้สึกผิด ต้องหันไปมองพี่ลงกับพี่ไมค์
“ถือสายรอแป๊บนะ” ได้ยินเสียงโป้รับคำ ผมกดปิดเสียงออกปากถามสองการ์ด “ผมขอให้เพื่อนมาหาที่นี่ได้มั้ย” พยายามส่งสายตาที่คิดว่าน่าสงสารที่สุดไปให้ ทั้งคู่ส่งสายตาคุยกัน พี่ไมค์เป็นคนให้คำตอบผม
“ได้นะ ความจริงคุณไนท์เองก็สั่งไว้แล้วว่าหากเพื่อนคุณหนูจะมาเยี่ยมสามารถปล่อยขึ้นมาได้เลย” ผมขยับปากบอกขอบคุณแล้วกดเปิดเสียงคุยกับโป้ต่อ ไม่แปลกใจเลยสักนิดที่ไนท์เป็นคนพูดแบบนี้ ในเมื่อลูเซียสเป็นคนที่ไร้ความละเอียดอ่อนขั้นสุด ก็สมกับเป็นบอสมาเฟีย
ผมบอกแค่ว่าตัวเองอยู่โรงพยาบาลอาการไม่หนัก พร้อมบอกสถานที่ชั้นและห้องเสร็จสรรพ ขืนบอกว่าตัวเองเจอดีจนบาดเจ็บนอนเดี้ยงบนเตียงพวกนั้นจะแตกตื่นซะเปล่า เอาไว้ค่อยตอบคำถามที่นี่ให้พวกพี่หลงช่วยแถแล้วกัน
โป้ดูตกใจนิดหน่อย บอกว่าจะพูดเรื่องนี้กับซันตอนเช้าแล้ววางสายไป เข้าเจ้าว่าพวกนั้นน่าจะมาหลังเลิกเรียน แต่ผมคงจะดูถูกเพื่อนตัวเองไปหน่อย...
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูแบบมีมารยาทปลุกคนเจ็บให้ตื่นจากห้วงความฝัน ส่วนการ์ดทั้งสองจ้องเขม็งไปทางประตูตั้งแต่ได้ยินเสียงฝีเท้าจากที่ไกลๆ หูดีจนน่ากลัว หลงเป็นคนไปเปิด ในขณะที่ไมค์มายืนอยู่ข้างเตียงเพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
“เอ๊ะ...ทำไมคนจีนมาเปิดวะ เฮ้ยมึงพามาถูกห้องรึเปล่า”
แค่เสียงแรกก็ทำให้ผมยกมือกุมขมับ
“ไม่นะ ห้องนี้แหละฉันจดเอาไว้”
“มิทอยู่ไหน! เพื่อนฉันล่ะ มิทท~” หมาโหยหวนจนพี่หลงหลุดขำ เปิดทางให้เข้ามาพร้อมพูภาษาไทยบอกให้พวกมันสงบลง
“เสียงดังแบบนี้รบกวนห้องอื่นนะ เป็นเพื่อนคุณหนูใช่มั้ย เข้ามาสิ” เดาไม่ยากเท่าไหร่ อายุเท่ากันท่าทางร้อนใจแบบนี้คงมีแต่เพื่อนเท่านั้น อีกอย่างเขากับไมค์อ่านประวัติคุณหนูกับคนรอบข้างมาแล้ว แม้จะไม่ครบทั้งหมดก็ตาม บางส่วนถูกไนท์เก็บเอาไว้
พวกนั้นก้มหัวขอโทษขอโพยทยอยเดินเข้ามาปล่อยให้หลงปิดประตู ทันทีที่พวกมันเห็นสภาพผมบนเตียง โป้ขมวดคิ้วฉับจ้องผมด้วยสายตาประมาณว่า ไหนบอกอาการไม่หนักไง
“ไอ้สัตว์นรกตัวไหนทำมึง กูจะไปกระทืบเอาเลือดมาล้างแค้น!!” ซันโวยวายออกมาเป็นคนแรก
“ซันใจเย็นก่อนสิวะ!” ริวรีบคว้าไหล่ซันไว้คงกลัวเพื่อนอาละวาดพลางหันมาถามผมหน้าเครียด “ไอ้มิทมึงบอกกูมา... ไอ้สวะสารเลวนั่นมันอยู่ไหน!!” วาจาบ่งบอกความโกรธเกรี้ยว
“ริวใจเย็นเว้ย” กลายเป็นซันห้ามแทน อาจจะดูไม่ดี แต่ผมเห็นพวกมันเป็นแบบนี้ถึงกับระเบิดหัวเราะจนสะเทือนแผล ร้องโอดโอยปนขำ ไมค์มองผมดุๆ เข้ามาช่วยลูบหลังให้ ปากคอยบอกให้ผมหายใจเข้าออกลึกๆ
“หัวเราะอะไรวะ พวกกูซีเรียดนะ ใครทำมึงบอกมา” ท่านซันเริ่มเหวี่ยงด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ ผมยกมือบอกพี่ไมค์ว่าตัวเองไม่เป็นไรแล้ว ดวงตามองเพื่อนยิ้มๆ ขนาดมันเห็นตอนที่รอยช้ำจางลงไปมากยังขนาดนี้ ถ้ามันเห็นสภาพผมตอนแรกสุดไม่อาละวาดตายเลยหรือนี่
รู้สึกดีใจจังแฮะ ผมยังมีคนที่เป็นห่วงตัวเองอยู่เยอะแยะเลย
“ไม่เป็นไร ป๋ากูจัดการให้แล้ว” ถึงไม่รู้ว่าจัดการยังไงก็เถอะ มั่นใจได้อย่างพวกนั้นคงลืมตาอ้าปากไม่ได้ตลอดชีวิต
“ถึงงั้นน่าจะบอกอะไรพวกเราบ้างนะมิท” โป้กอดอกมองผมด้วยสายตาคาดคั้น ซันริวพยักหน้าเห็นด้วย ผมโดนรุมสามส่งสายตาหาคนช่วย สองการ์ดดันทิ้งกันเนียนไปคุยกันมุมห้องซะงั้น
“โรงพยาบาลเอกชนไม่พอ ยังเป็นห้อง VIP แค่ห้องน้ำยังหรูยิ่งกว่าห้องมึงสมัยก่อนอีก กูมั่นใจว่ามึงไม่มีปัญญาจ่ายชัวร์ อีกอย่างมึงไม่มีคู่อริที่ไหน ทำไมมึงถึงโดนซัดจนบาดเจ็บหนักขนาดนี้” ซันแจกแจงเป็นข้อๆ มึงบื้อมาตั้งนานช่วยบื้อต่อไปไม่ได้เหรอวะ หรือมันอยู่กับโป้มากไปเลยได้ความฉลาดมาด้วย
พวกมันจ้องจนผมขนลุก เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วขืนผมเนียนต่อไปมีหวังได้ทะเลาะกันแน่ๆ พวกมันห่วงผมอย่างใจจริง แม้จะบอกเรื่องทั้งหมดไม่ได้ แต่น่าจะบอกบางส่วนได้นี่นะ ผมผ่อนลมหายใจ เรียบเรียงเรื่องในหัว
“ได้ กูจะเล่าให้ฟัง”
ผมค่อยๆ พูดไปทีละเรื่อง เลือกใช้คำกลางๆ เพราะผมยังไม่พร้อมจะเล่าเรื่องทุกอย่างตอนนี้และไม่อยากโกหกพวกมันด้วย ผมเริ่มเท้าความตั้งแต่ต้น
“พวกมึงก็รู้ กูต้องหาเงินส่งตัวเองเรียน พอไปทำงานตอนกลางคืนบังเอิญเจอกับป๋าเข้า เขาสนใจเลยรับกูมาอุปการะ” ผมเว้นช่วงพลางนึกย้อนไปตอนเจอกับลูเซียสครั้งแรก ไม่ค่อยน่าอภิรมย์เท่าไหร่นัก
”ป๋าเป็นชาวต่างชาติที่มาทำธุรกิจในไทย ย่อมมีคู่แข่งเป็นธรรมดา พอดีกูหาเรื่องใส่ตัวเลยโดนลูกหลงได้รับบาดเจ็บมาอย่างที่เห็น”
ทั้งสามคนพร้อมใจกันหันไปมองหลงกับไมค์ นึกภาพพี่อาคมในหัว เท่ากับตอบคำถามได้ทุกข้อสงสัย ที่มันหายตัวบ่อยๆ น่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แถมยังมีบอดี้การ์ดส่วนตัวตลอด ข้าวของเครื่องใช้มีแต่ของแบรนด์เนมราคาแพง ป๋าคนนี้คงจะรวยน่าดูในความคิดของพวกเขา
โป้มองมิทนิ่งๆ พอเห็นว่ามิทไม่คิดจะพูดอะไรอีกก็ยักไหล่ เข้าใจว่าเพื่อนยังไม่พร้อมพูดเรื่องอาชีพกลางคืนที่ว่า สำหรับโป้เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวของมิท ในเมื่อเจ้าตัวไม่พูดก็ได้แต่ปล่อยไป
“แล้วทำไมมึงถึงไม่ยอมเล่าให้พวกกูฟังตั้งแต่แรก” ซันยังกัดไม่ปล่อย มีริวจ้องเขม็งเป็นกำลังเสริม ผมกำลังคิดว่าจะแถยังไงดีประตูห้องก็ถูกเคาะอีกครั้ง พี่หลงรับหน้าที่เป็นพนักงานเปิดประตูชั่วคราว รอบนี้คนมาเยี่ยมไม่ใช่ใครอื่น ปอนด์กับเฮียเฟย์
ปอนด์ที่ตัวเล็กสุดพอเห็นผู้ชายสูงลิ่วสองคนยืนอยู่ตรงประตูถึงกับผงะถอยไปชนคนตามหลัง ผมเข้าใจนะ ปอนด์ตัวเตี้ยที่สุดในกลุ่มพวกเรา แล้วพี่หลงกับไมค์ตัวสูงอย่างยิ่งกว่าเฮียเฟย์แถมยังเป็นคนต่างชาติ
“มาเยี่ยมมิทน่ะครับ” ผู้อาวุโสที่สุดในห้อง ยกกระเช่าผลไม้ประกอบคำพูดอีกมือประคองปอนด์ที่ทำท่าจะไปหลบด้านหลัง
“เชิญเลยครับ ดีใจด้วยนะคุณหนู มีคนมาเยี่ยมเพียบเลย” พี่หลงหันมายักคิ้วแซว ผมแยกเขี้ยวรับ นอกจากเดฟก็มีสองคนนี้ให้ความรู้สึกสนิทใจดี คงเพราะทั้งคู่ยังอายุไม่เยอะด้วยล่ะมั้ง ส่วนพี่อาคมให้อารมณ์เหมือนคุณพ่อมากกว่า ป๋าคือคุณพ่อขายาว ไนท์เป็นแม่เลี้ยงใจร้าย คิดเองก็ขำเอง
“อารมณ์ดีแบบนี้แสดงว่ายังสบายดีอยู่” เฮียเฟย์ทัก
“มีคนมาหาเยอะเลยคึกคักมากกว่า สวัสดีเฮียเฟย์ ขอบคุณที่มาเยี่ยมนะครับ” ผมยกมือไหว้เจ้าตัวโบกมือวางตะกร้าบนโต๊ะข้างเตียง
“เป็นอะไรกัน ทำไมทำหน้าเครียด” ปอนด์ผู้ไร้เดียงสาเอียงคอมองสามคนที่ล่วงหน้ามาก่อน เนื่องจากตัวเองดันขี้เซาตื่นสาย ทั้งที่นัดกันทางโทรศัพท์เมื่อคืน
“ก็เรื่องมิทนั่นแหละ ไม่ยอมบอกอะไรพวกเราเลย ต้องเกิดเรื่องก่อนถึงจะยอมบอกได้” หมาริวเกิดอาการงอนทำปากคว่ำไม่เข้ากับรูปร่างหน้าตา
ปอนด์มองพวกเราสลับกันไปมา ดวงตากระพริบปริบๆ
“หมายความว่ามิทก็เล่าทุกอย่างให้ฟังแล้วไม่ใช่เหรอ ที่มิทไม่อยากบอกเพราะกลัวพวกนายจะคิดมากมั้ง ใช่มะ” ใบหน้าติดน่ารักหันมาถามความเห็น อะแฮ่ม ความจริงก็ไม่ได้บอกทุกอย่างหรอกนะ
คำพูดแบบไม่คิดอะไรมากของปอนด์ทำให้คนอื่นๆ ตระหนักได้ถึงมุมมองของมิท แอบมีน้อยใจเล็กๆ ที่มิทไม่ยอมบอกอะไรเลย ถึงต้นเหตุมาจากพวกเขารักเพื่อนเกินเหตุก็เถอะ แต่มันก็น่าจะบอกกันบ้างสิหน่า
ความเห็นตรงกันแบบไม่ได้นัดหมาย ทำให้ริวกับซันพร้อมใจกันจ้องคนป่วยเขม็ง ต้นเหตุก็มาจากเจ้าตัว มิทอาจไม่รู้ตัวแต่บางครั้งสีหน้า แววตาคำพูดบางคำที่สื่อออกมามันน่าเป็นห่วงน้อยซะทีไหน อมทุกข์อยู่คนเดียว ทำราวกับทั้งโลกไม่มีใคร พวกเขาเลยต้องคอยกระตุ้นตลอด
สีหน้าของมิทตอนนี้ดีขึ้นกว่าก่อนนิดนึง ถ้าไม่นับเรื่องมิทเจ็บตัว ป๋าคนนี้คงเลี้ยงดีไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง
การกอดอกพยักหน้าเหมือนคุณพ่อที่เห็นลูกออกเรือนของริวกับซันเรียกเสียงหัวเราะได้ทั้งห้อง โดยเฉพาะคนเจ็บขำแบบไม่เจียมสังขาร
ทุกคนนั่งคุยเล่นกับคนป่วยก่อนจะทยอยกลับตอนสายๆ คนมีเรียนก็เข้ามหาลัย วัยทำงานก็ไปบริษัท ก่อนกลับยังไม่ลืมอวยพรให้ผมหายเร็วๆ กำชับว่าอย่าหาเรื่องเจ็บตัวอีกแล้วจะมาเยี่ยมบ่อยๆ
แล้วพวกมันก็มาเยี่ยมบ่อยจริงๆ ไม่รู้ว่ามีดวงหรือเวลาไม่ตรงกัน พวกนั้นมาไม่เคยเจอลูเซียสเลยสักครั้ง อย่างกับผลัดเวรกันมาไม่ทิ้งให้ผมเบื่ออยู่ห้องคนเดียว
เวลาผ่านไปหนึ่งเดือน ในที่สุดผมก็ได้ออกจากโรงพยาบาล ความจริงนอนแค่สองอาทิตย์ก็พอแล้ว แต่มีป๋าบางคนเรื่องเยอะผมเลยต้องอยู่ยาวถึงวันนี้ ของใช้ส่วนตัวมีพี่หลงเก็บให้ พี่ไมค์ไปคุยกับหมอเรื่องการนัดตรวจ รับยาพร้อมค่าใช้จ่าย
ถึงอย่างงั้นลูเซียสก็ยังให้ผมนั่งรถเข็นอยู่ดี โดยมีบริการจากท่านบอสใหญ่ลงทุนเข็นด้วยตัวเอง
“เป็นไงได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว” ผมนี่ยิ้มกว้างเลยครับ
“ดีใจมาก อยากกลับไปเรียน อยู่เฉยๆ จะเป็นง่อย” อารมณ์คงแบบเดียวกับเด็กตอนปิดเทอม ตอนเรียนก็อยากหยุดนักหนา พอเอข้าจริงอยากไปโรงเรียนเพื่อเจอเพื่อน
รถเข็นหยุดกึกตรงข้างรถคันใหญ่ที่เปลี่ยนมาเพื่อคนป่วยอย่างผมโดยเฉพาะ วงแขนแกร่งอุ้มผมเข้าไปนั่งในรถเห็นพี่อาคมประจำอยู่ตำแหน่งคนขับ ลูเซียสตามมานั่งด้านข้าง หลงเป็นคนปิดประตูให้ก่อนนั่งข้างคนขับ ขณะที่รถออกตัว มีรถสีดำนำหน้าหนึ่ง ตามหลังอีกสองคันช่างน่าตื่นตาตื่นใจจริงๆ
“ฉันลืมบอกไป เธอจะต้องถูกกักบริเวณอยู่ที่ตึกจนกว่าจะหายสนิท ถ้าจะออกไปไหนไปพร้อมฉันได้เท่านั้น ถือเป็นการลงโทษ!”
น้ำเสียงทรงอำนาจ วาจาเผด็จการทำให้ความหวังของผมแตกย่อยยับไม่เหลือชิ้นดี
เพื่อน มหาลัย ไม่น้า!!