“พี่พัท เป็นผู้ปกครองของผมน่ะครับ” ศราวินตอบแบบนั้นก่อนเดินไปหยิบเอาเสื้อผ้ามาสวม อนิรุทธ์ที่เดินตามไปหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาสวมก็เห็นสีหน้ากระอักกระอ่วนใจของเด็กหนุ่ม
“อาจารย์ฮะ..” พอสวมเสื้อผ้าเสร็จ ศราวินก็หันมาหา สีหน้าดูลำบากใจและลังเล อนิรุทธ์เอื้อมมือไปลูบแก้มเด็กหนุ่มและรอฟัง
“ถ้าผม..จะบอกพี่พัทเรื่องของเราได้ไหม?”
“ได้สิ” อนิรุทธ์ตอบกลับไปทันทีอย่างไม่ต้องเสียเวลาคิด ศราวินส่งยิ้มบางแทนคำขอบคุณก่อนจะเดินออกไปหาคนที่อยู่นอกระเบียง
อติพัทธ์ไม่เคยคิดมากก่อนว่าวันหนึ่งจะเข้ามาในห้องของคนที่ตัวเองรักเหมือนน้องชายแล้วจะพบกับสถานการณ์เช่นนี้ แต่เพราะความเป็นคนอารมณ์เย็นและใช้ความคิดมากกว่าอารมณ์จึงทำให้เขาควบคุมสติเอาไว้อยู่
พอเสียงประตูเลื่อนเปิดออก เขาจึงหันกลับมา สายตาคมมองดูร่างเล็กที่ใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วเดินเข้ามาใกล้ เขาถอนหายใจช้าๆเลื่อนสายตามองผ่านประตูกระจกเข้าไปด้านในและเห็นว่าผู้ชายแปลกหน้ากำลังมองมาทางนี้ด้วยสายตาห่วงใย
“พี่พัท...จะกลับมาทำไมไม่โทรมาบอกกันก่อนล่ะฮะ?” ศราวินเอ่ยถามเสียงเบา ริมฝีปากพยายามยกยิ้มให้สดใสแต่ก็ดูฝืดฝืน
“ทำไมล่ะ? ปกติพี่ก็ไม่ต้องโทรบอกก่อนไม่ใช่หรอ? หรือเดี๋ยวนี้ไม่อยากให้พี่มาหาแล้ว?”
สำเนียงเสียงไม่ได้มีความน้อยใจอะไรปะปนมา นายตำรวจหนุ่มเอ่ยถามมันเหมือนกับต้องการคำตอบที่ชัดเจนเสียมากกว่า ศราวินระบายลมหายใจช้าๆ
“ซันไม่ได้หมายความแบบนั้นเสียหน่อย ก็แค่กลัวว่าพี่จะมาไม่เจอซันแค่นั้นเอง”
“กลัวพี่มาไม่เจอซัน หรือมาแล้วเจอกับเหตุการณ์แบบนี้กันล่ะ?”
ถูกอีกฝ่ายพูดกลับมาแบบนี้แล้ว เด็กหนุ่มก็อดรู้สึกหน้าชาไม่ได้ เขาก้มหลบสายตาของคนเป็นผู้ปกครองเหมือนเด็กที่ทำผิดแล้วถูกจับได้
“ซันไม่ได้คิดแบบนั้นสักหน่อย ก็แค่..” ศราวินเกือบจะหลุดเรื่องที่กำลังจะย้ายไปอยู่กับอนิรุทธ์ให้อีกฝ่ายรู้ แต่ก็ยังยั้งปากเอาไว้เพราะเกรงว่าอติพัทธ์จะไม่พอใจ ทว่าดูเหมือนอีกฝ่ายจะสมกับเป็นนายตำรวจ
“ก็แค่ซันจะย้ายออกไปอยู่กับเขา? พี่พูดถูกไหม?”
ศราวินค่อยๆเงยหน้าขึ้นมามอง อติพัทธ์ส่ายหน้าช้าๆแล้วถอนหายใจ สายตามองดูอย่างตำหนิ
“พี่ไม่โง่นะซัน เห็นอยู่ชัดๆว่าซันกำลังแพ็คของอยู่”
ศราวินได้แต่ก้มหน้าไม่กล้าพูดอะไรอีก เห็นแบบนั้นแล้วอติพัทธ์จึงได้แต่ถอนหายใจอย่างหนักอก
“ผู้ชายคนนั้น เขาเป็นใครกัน?”
คำถามที่คิดไว้แล้วว่าต้องเจออย่างแน่นอนหลุดออกจากปากของอีกฝ่าย ศราวินพยายามสูดลมหายใจลึกๆ ทั้งที่ตอนแรกคิดไว้ว่าจะต้องพูดออกไปให้อติพัทธ์รู้อย่างภาคภูมิใจ แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกกลัว เพราะรู้ว่าอติพัทธ์มีนิสัยแบบนายตำรวจอย่างแท้จริง คือรักความถูกต้อง
หากรู้ว่าอนิรุทธ์คืออาจารย์ของเขาแล้ว ศราวินก็เดาได้ไม่ยากเลยว่าอติพัทธ์จะมีปฏิกิริยาอย่างไร
แต่ถ้าให้โกหกออกไป ศราวินก็ไม่คิดจะทำมันเช่นกัน
“อาจารย์อนิรุทธ์ เป็นคนรักของซันฮะ”
“อาจารย์!? ซัน!” อติพัทธ์ได้แต่อุทานออกมา นายตำรวจหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึก สีหน้าตึงเครียดขึ้นมาทันที ขณะที่ศราวินได้แต่ส่งสายตามองขอความเห็นใจจากเขา
“ซัน..ไม่ต้องมามองหน้าพี่แบบนั้นเลย ซันรู้ตัวหรือเปล่าว่ากำลังทำอะไรอยู่ เรื่องจะรักกับผู้ชายด้วยกันพี่ไม่ว่า แต่นี่เขาเป็นอาจารย์นะซัน? แล้วซันรู้จักกับเขามานานแล้วอย่างนั้นหรอ?”
พอถึงคำถามประโยคหลังที่หลุดปากพูดออกไป อติพัทธ์ก็จับพิรุธคนเป็นน้องได้ในทันที เขาเลิกคิ้วแล้วเอื้อมมือไปจับคอของศราวินเอาไว้ ใช้อุ้งมือดันให้เด็กหนุ่มเงยขึ้นมามองหน้าตัวเอง สายตาคมจ้องลึกเข้าไปในดวงตา ศราวินรู้ทันทีว่าอติพัทธ์กำลังจะจับเท็จกับตัวเองด้วยวิธีการแบบเดียวกับในหนังที่เขาเคยนั่งดูด้วยกันเมื่อหลายปีก่อน
“ซันเพิ่งรู้จักกับเขาใช่ไหม?” อติพัทธ์ถามออกไปก่อน คนถูกถามไม่ตอบแต่มองจ้องตากลับคืนไป เพียงเท่านี้อติพัทธ์ก็รู้แล้ว
“ซัน เขาเป็นอาจารย์ แถมยังเพิ่งรู้จักกัน ทำไมถึง...” อติพัทธ์รู้สึกว่าตัวเองพูดไม่ออก ได้แต่ส่ายหน้าไปมาราวกับจะปฏิเสธเรื่องราวพวกนี้ เด็กหนุ่มยกมือขึ้นมาจับมือเขาออกจากคอของตัวเอง
“พี่พัทจะบอกว่าทำไมซันถึงปล่อยตัวปล่อยใจให้อาจารย์อย่างนั้นสินะฮะ” ศราวินเอ่ยขึ้นแทน รู้ดีว่านายตำรวจหนุ่มคงไม่มีทางพลาดที่จะสังเกตเห็นร่องรอยความเป็นเจ้าของที่อนิรุทธ์ฝากไว้บนร่างกายของตนแน่ ขนาดตัวเขาเองไม่ได้ก้มลงมองร่างกายตัวเอง ยังรู้สึกถึงรอยจูบที่ประดับอยู่บนลำคอกับแผ่นอกเลย นับประสาอะไรกับคนที่ได้เห็น
“นั่นสิซัน..ทำไมล่ะ?” อติพัทธ์ถามออกไปด้วยน้ำเสียงคลางแคลง
ศราวินถอนหายใจยาว มือที่ยังจับมือของอติพัทธ์บีบเบาๆขณะที่พยายามส่งยิ้มจริงใจให้อีกฝ่ายที่เป็นเสมือนพี่ชายของตน
“พี่พัท...ความรักมันไม่มีเหตุผลของมันหรอกนะฮะ ผมบอกไม่ได้หรอกว่าทำไม แต่ผมบอกได้ว่าผมรักเขา ผมรักอาจารย์ และอาจารย์ก็รักผม เรามีความสุขที่รักกัน พี่ไม่ดีใจหรอฮะที่ผมมีความสุข?”
ศราวินถามประโยคสุดท้ายด้วยเสียงแผ่วเบา อติพัทธ์ฟังแล้วก็ต้องชะงัก แววตาคู่คมอ่อนแสงลงขณะมองคนอ่อนวัยกว่า
“ทำไมพี่จะไม่ดีใจล่ะที่ซันมีความสุข”
ริมฝีปากของศราวินยกยิ้มมากกว่าเก่า ดวงตาคู่งามทอประกายความสุขออกมาให้เห็น
แต่อติพัทธ์ก็ยังแคลงใจในความสัมพันธ์ระหว่างเด็กหนุ่มกับอนิรุทธ์อยู่ดี
“แล้วเขา จริงใจอย่างนั้นหรอ?”
ไม่แปลกที่อติพัทธ์จะตั้งข้อกังขาในความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น ศราวินไม่คิดจะโกรธเคืองอะไรในข้อกังขานั้นเพราะรู้ว่าทุกอย่างเกิดขึ้นโดยที่อติพัทธ์ไม่ได้รับรู้มาก่อน มันเป็นธรรมดาอยู่แล้ว
“ซันอยากให้พี่พัทเชื่อใจอาจารย์เหมือนกับที่ซันเชื่อใจอาจารย์นะฮะ แล้วก็พี่พัทมั่นใจได้เลยว่าอาจารย์จริงใจกับซันแน่นอน”
ถึงศราวินจะเอ่ยมันออกมาอย่างมั่นใจ แต่อติพัทธ์ก็ยังไม่คลายความเป็นห่วง นายตำรวจหนุ่มรู้ดีว่าอีกฝ่ายเด็กและไร้เดียงสามากแค่ไหน
“พี่จะมั่นใจก็ต่อเมื่อเขาได้พิสูจน์ตัวเองแล้วเท่านั้น” อติพัทธ์ลงเสียงหนักให้รู้ว่าศราวินห้ามปฏิเสธในข้อนี้ และมันก็คงเป็นทางเดียวที่จะสร้างความเชื่อใจให้แก่กันได้ ร่างบางจึงยอมตกลงด้วยการพยักหน้ารับ
“ดี อย่างแรก พี่ต้องคุยกับเขาก่อน ซันคอยอยู่ตรงนี้จนกว่าพี่จะคุยกับเขาเสร็จ โอเคไหม?”
“ตกลงฮะ” ศราวินตอบเสียงอ่อนอย่างยอมแพ้แล้วยกยิ้มให้อีกฝ่ายก่อนหลีกทางให้ อติพัทธ์ยกมือขึ้นมาลูบหัวเด็กหนุ่มก่อนเปิดประตูเลื่อนเข้าไปข้างในเพื่อคุยกับคนที่เอาแต่เฝ้ามองออกมา
เรามีเรื่องที่ต้องคุยกัน แต่ก่อนอื่นผมขอแนะนำตัวเองก่อนก็แล้วกัน ผมร้อยตำรวจตรีอติพัทธ์ เป็นผู้ปกครองของซัน ส่วนคุณผมรู้จักแล้ว" อนิรุทธ์พยักหน้าเพียงเล็กน้อย เขามองสบตานายตำรวจหนุ่มอย่างไม่นึกกลัว และเตรียมพร้อมรับมือหากอติพัทธ์จะขัดขวางไม่ให้เขารักกับศราวินอย่างเยือกเย็น
"ขอพูดกันอย่างตรงไปตรงมาเลยนะครับว่าผมไม่ไว้ใจคุณ" ประโยคแรกที่อติพัทธ์พูดออกมา เขาพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบแต่มั่นคง แววตาจริงจัง เขาจ้องมองอนิรุทธ์อย่างประเมินก่อนเอ่ยต่อ
"คุณคงไม่ว่าอะไรที่ผมพูดแบบนี้สินะครับ คุณเป็นอาจารย์แต่กลับมีอะไรกับลูกศิษย์ตัวเอง แถมดูท่าคุณกับซันก็เพิ่งรู้จักกันด้วยซ้ำ" อติพัทธ์พูดพลางส่ายหน้าช้าๆก่อนกดเสียงต่ำเอ่ยคาดคั้นอย่างที่ใช้เวลาสอบสวนผู้ต้องหา
"จากภาพที่ผมเห็น คุณบอกผมหน่อยเถอะ ว่ามีเหตุผลอะไรที่ผมจะยอมปล่อยให้คุณกับซันได้รักกัน และยอมให้เขาย้ายไปอยู่กับคุณ ผมให้โอกาสคุณแค่ครั้งเดียวเท่านั้นสำหรับการสร้างความไว้วางใจขั้นต้น ถ้าคุณพลาด..ผมไม่มีโอกาสให้คุณใหม่"
ดวงตาคมของอติพัทธ์บ่งบอกถึงความจริงจัง เขาจ้องมองหน้าศัลยแพทย์หนุ่มอย่างต้องการคำตอบ และจะต้องเป็นคำตอบที่เขาพึงพอใจเท่านั้น อนิรุทธ์ถอนหายใจช้าๆก่อนจะคลี่รอยยิ้มขึ้นมาบนริมฝีปาก
“เพราะผมจะทำให้เขามีความสุข มันอาจจะไม่ใช่คำตอบที่ดีนัก แต่มันเป็นเพียงคำตอบเดียวที่อยู่ในใจของผมตอนนี้ ผมทำให้ซันมีความสุขได้ คุณอาจไม่พอใจกับคำตอบที่ผมให้คุณ แต่มันเพียงพอสำหรับความรักของผมกับซัน”
อติพัทธ์นิ่งไปกับคำตอบที่ได้รับ เขาหรี่ตาลงมองอนิรุทธ์ ขณะที่ศัลยแพทย์หนุ่มยังคงเอ่ยปากต่อ
“ผมรู้ว่าคุณไม่เชื่อใจผม เพราะถ้าผมเป็นคุณ ผมก็คงไม่เชื่อใจผู้ชายที่เข้ามาในชีวิตของคนที่เป็นเหมือนน้องคุณในช่วงเวลาสั้นๆ แบบนี้เหมือนกัน แต่ขอให้เชื่อเถอะครับ ว่าความรักมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาเลยสักนิด ผมรักซัน และจะดูแลเขาให้ดีที่สุด ทั้งในฐานะของคนรักและอาจารย์”
อนิรุทธ์เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและจริงใจไม่แพ้ดวงตา อติพัทธ์มองเขาอย่างประเมินก่อนจะพยักหน้า
“อย่าทำให้ผมผิดหวังก็แล้วกัน ซันบอบบางกว่าที่คุณคิดไว้”
“ผมทราบครับ” อนิรุทธ์คลี่ยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างเป็นมิตร เช่นเดียวกันกับที่อติพัทธ์ก็มีท่าทีอ่อนลง นายตำรวจหนุ่มหันหลังกลับเดินไปเปิดประตูกระจกแล้วเรียกคนที่มองเข้ามาอย่างนึกเป็นห่วง ก่อนหันกลับมาพูดด้วยเสียงหนักแน่น
“ผมจะไม่ขัดขวางความรักของคุณกับซัน แต่ผมจะไม่อนุญาตให้ซันย้ายไปอยู่กับคุณ”
“พี่พัท!” ศราวินอุทานออกมาก่อนขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ
“พี่ย้ายกลับมากรุงเทพแล้ว ซันต้องย้ายไปอยู่กับพี่”
“ไม่เอา ซันไม่ไปอยู่กับพี่พัทหรอก ซันจะไปอยู่กับอาจารย์” เป็นครั้งแรกที่อนิรุทธ์เห็นเด็กหนุ่มแสดงอาการเอาแต่ใจออกมา ศราวินทำหน้าบึ้งใส่นายตำรวจหนุ่ม
“ซัน อย่าดื้อสิ”
“พี่พัทก็อย่าเอาแต่ใจสิ! พี่พัทไม่มีสิทธิ์บังคับซันนะ!”
ศราวินตอบกลับไปเสียงดัง ใบหน้าอ่อนเยาว์ดูไม่พอใจเสียยิ่งกว่าเดิมจนอนิรุทธ์ต้องเข้าไปปรามไว้
“ซัน...ใจเย็นก่อน” ชายหนุ่มยกมือขึ้นมาบีบไหล่เล็กเบาๆ ศราวินสูดลมหายใจยาวระงับอารมณ์ให้เย็นลง
“ขอโทษฮะ แต่ยังไงซันก็ไม่ย้ายไปอยู่กับพี่พัทหรอกนะฮะ”
"ซันจะอยู่กับอาจารย์ อาจารย์เป็นครอบครัวของซันนี่ฮะ" ศราวินบอกเสียงเบา ดวงตากลมโตมองไปที่อนิรุทธ์มันสั่นระริกราวกับจะร้องไห้ออกมา
"ซันไม่ใช่เด็กที่พี่พัทต้องเป็นห่วงเหมือนเมื่อหลายปีก่อนแล้วนะฮะ ซันโตแล้ว รู้ผิดชอบชั่วดีแล้ว และก็.." เด็กหนุ่มขยับเข้าไปจับมือคนรักไว้ ซันมองหน้าอาจารย์ของตนก่อนหันไปหาอติพัทธ์
"แล้วตอนนี้ ซันก็รักเป็นแล้วด้วย พี่พัทเลิกเป็นห่วงซันได้แล้วนะฮะ" เด็กหนุ่มพูดออกมาด้วยเสียงแผ่วแต่แววตาจริงจัง อติพัทธ์ที่นิ่งฟังมองแล้วก็พูดอะไรไม่ออก
"ให้ซันไปอยู่กับอาจารย์เถอะนะฮะ" ศราวินเอ่ยอีกครั้งด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน นายตำรวจหนุ่มสูดลมหายใจลึก แววตาดูว่างเปล่าขณะที่เอ่ย
"เขาเป็นครอบครัวของซัน แต่พี่..ไม่ใช่ครอบครัวของซันแล้วสินะ"
อติพัทธ์พูดได้เพียงเท่านั้น สำเนียงเสียงเศร้าหมองมันบาดลงไปในใจของคนฟัง ศราวินนิ่งอึ้งกับคำตัดพ้อนั้น นายตำรวจหนุ่มมองอีกฝ่ายอย่างน้อยใจก่อนหันไปหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าของตัวเองขึ้นพาดไหล่แล้วเดินออกจากห้องไปโดยไม่หันกลับมามองอีก
ศราวินกับอนิรุทธ์ยังคงยืนอยู่ในห้อง ท่ามกลางความเงียบ อนิรุทธ์หันมองเด็กหนุ่มอย่างเป็นห่วง เขาขยับไปบีบไหล่ของศราวินไว้ เด็กหนุ่มยืนอึ้งอยู่ที่เดิม น้ำตาใสไหลลงจากดวงตาอย่างช้าๆ
"ซันไม่ได้ตั้งใจจะหมายความแบบนั้น ซันพูดแรงไปใช่ไหมฮะ?" ศราวินถามออกมาเสียงเบาทั้งที่น้ำตายังไหลอยู่ เด็กหนุ่มไม่ได้หันมองมาที่อนิรุทธ์ แต่ยังคงมองไปที่บานประตูที่อติพัทธ์เพิ่งเดินจากไป
อนิรุทธ์ได้แต่เงียบ
"ซันแค่ไม่อยากให้พี่พัทเป็นห่วงซันแล้ว แค่อยากให้พี่พัทรู้..ว่าซันยังสามารถหายใจอยู่บนโลกใบนี้ได้โดยที่พี่เขาไม่ต้องคอยดูแลซันแล้วก็เท่านั้น" น้ำตาของเด็กหนุ่มไหลรินออกมามากขึ้นจนร่างเล็กๆนั้นสั่นเทา อนิรุทธ์ขยับเข้าไปกอดเด็กหนุ่มเอาไว้ ศราวินเอียงหน้าซบไหล่เขา สองแขนกอดอนิรุทธ์ไว้แน่น
"ซันไม่ได้ตั้งใจ ซันขอโทษ ซันเสียใจที่พูดแบบนั้นออกไป" เด็กหนุ่มสะอื้นไปพร้อมกับพูดประโยคพวกนี้ซ้ำไปซ้ำมาอยู่ในอ้อมแขนของอนิรุทธ์
“ซัน..ผมว่าคุณควรจะลงไปหาเขานะ” อนิรุทธ์เอ่ยออกมาแล้วดันตัวศราวินให้ห่างเพื่อมองหน้า มือใหญ่ยกขึ้นมาเช็ดน้ำตาให้แล้วเอ่ยย้ำ
“คุณควรจะขอโทษเขานะ”
ดวงตาคู่กลมใสมันสั่นระริกน้อยๆก่อนจะพยักหน้าอย่างเข้าใจ ศราวินหันไปทางประตูและก้าวเดินออกไปทันที อนิรุทธ์ฉวยกุญแจห้องที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วเดินตามออกไป
พอลงมาถึงชั้นล่างแล้ว เด็กหนุ่มก็หันไปจะไปยังทิศทางของลานจอดรถ แต่อนิรุทธ์ก็ฉวยข้อมือเล็กไว้แล้วดึงไปอีกทาง
“ไปดักที่ทางออกดีกว่านะ”
อย่างที่อนิรุทธ์คาดเอาไว้ พอใกล้จะถึงทางออก ศราวินก็ได้ยินเสียงรถกำลังแล่นออกมา สายตาคู่เล็กหันไปมองก็เห็นรถของอติพัทธ์กำลังแล่นออกมาพอดี
“พี่พัท!” เด็กหนุ่มร้องเรียกแล้ววิ่งไปหารถคันนั้น แต่ความเร็วของรถไม่ชะลอลงแม้แต่น้อย เห็นอย่างนั้นแล้ว ศราวินก็วิ่งอ้อมไปดักตรงหน้าปากทางที่จะเลี้ยวเข้าถนน และขวางทางออกไว้
แสงไฟของรถสาดส่องมาที่ร่างของเด็กหนุ่ม พอรถหยุดนิ่งศราวินก็ถลาไปที่ประตูด้านคนขับและทุบกระจกรถ
“พี่พัท...ซันขอโทษ ซันขอโทษ” เสียงเล็กพร่ำขอโทษไปพลางก็พยายามเปิดประตูรถไปด้วย แต่อติพัทธ์กลับไม่ยอมใจอ่อน นายตำรวจหนุ่มทำเพียงหันมามองก่อนจะเหยียบคันเร่งเลี้ยวรถออกไปโดยไม่แม้แต่จะเปิดโอกาสให้ศราวินพูดอะไรมากไปกว่านั้น
“พี่พัท...” เด็กหนุ่มมองตามไฟท้ายรถที่แล่นออกไปไกลแล้วก่อนจะยกมือขึ้นมาปิดหน้าร้องไห้อย่างอัดอั้นใจ อนิรุทธ์ที่ยืนมองอยู่ก็เดินเข้ามาหา
“ซัน..กลับขึ้นห้องกันเถอะ”
ศราวินสูดลมหายใจลึกๆแล้วยกมือป้ายน้ำตาออก มองไปยังท้องถนนยามค่ำคืนที่ไร้ซึ่งเงาของรถที่อติพัทธ์ขับออกไปก่อนจะหันมองหน้าคนรัก อนิรุทธ์เอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาของเด็กหนุ่มแล้วจูงมือให้เดินกลับเข้ามาข้างใน
ทั้งสองคนกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง บรรยากาศเศร้าหมองยังคงลอยวนอยู่ในห้อง ศราวินเดินไปนั่งลงที่ปลายเตียง เด็กหนุ่มยกขาขึ้นมากอดเอาไว้แล้วกดหน้าผากลงแนบกับเข่า
อนิรุทธ์ที่สงสารก็เดินเข้ามานั่งลงและยื่นมือไปลูบศีรษะเล็กแผ่วเบา ศราวินสูดลมหายใจลึกแล้วเงยหน้าขึ้นมามอง ดวงตากลมโตยังคลอด้วยน้ำตา
“ซันเป็นเด็กไม่ดีเลยสินะฮะวันนี้ พี่พัทคงโกรธซันมาก..พี่พัทจะยกโทษให้ซันหรือเปล่าฮะอาจารย์?”
“ตอนนี้เขาคงจะโกรธแล้วก็น้อยใจคุณ รอให้เขาอารมณ์เย็นหน่อย แล้วคุณไปขอโทษเขาอีกครั้ง ผมเชื่อว่าเขาจะต้องยกโทษให้คุณ” อนิรุทธ์ตอบเสียงอ่อน คนฟังพยักหน้าและยอมให้เขาเช็ดน้ำตาให้ ก่อนจะขยับเข้ามากอดเขาไว้ อนิรุทธ์ลูบหลังคนรักอย่างปลอบประโลมแล้วเอนกายลงนอนกับเตียง ศราวินยังคงกอดเขาไว้แน่น กอดเริ่มพูดถึงผู้ชายคนนั้น
“พ่อแม่ของผมกับพี่พัทสนิทกันน่ะฮะ เราสองคนต่างก็เป็นลูกคนเดียวกันทั้งคู่ พี่พัทกับผมเลยถูกเลี้ยงมาให้เหมือนเป็นพี่น้องกัน..พอพ่อแม่ของพวกเราเสียพร้อมกันเพราะอุบัติเหตุเมื่อหลายปีก่อน พี่พัทเลยเป็นทั้งคนที่คอยดูแลผมแล้วก็ผู้ปกครองของผมไปพร้อมๆกัน..” อนิรุทธ์นิ่งฟังอย่างเข้าใจ มองความห่วงใยของอติพัทธ์ก็รู้แล้วว่าศราวินคงจะเป็นคนสำคัญของนายตำรวจหนุ่ม
“คุณเคยบอกผมว่าคุณอยู่คนเดียว แล้วคุณกับคุณพัทธ์ไม่ได้อยู่ด้วยกันหรือ?”
คนถูกถามส่ายหน้าอยู่กับอกของเขาก่อนตอบเสียงอู้อี้
“ก็อยู่ด้วยกันประมาณครึ่งปีได้ฮะ หลังจากนั้นพี่พัทก็ต้องไปประจำที่ต่างจังหวัดน่ะฮะ นานทีถึงจะได้เจอกัน”
“อ่อ..” อนิรุทธ์ครางแผ่วเบาอย่างรับรู้ แต่สิ่งหนึ่งที่ติดอยู่ในใจของเขา คือคำพูดของศราวินพูดกับเขาหลังจากที่นายตำรวจหนุ่มเดินจากไปแล้วเสียมากกว่า
‘ซันแค่ไม่อยากให้พี่พัทเป็นห่วงซันแล้ว แค่อยากให้พี่พัทรู้..ว่าซันยังสามารถหายใจอยู่บนโลกใบนี้ได้โดยที่พี่เขาไม่ต้องคอยดูแลซันแล้วก็เท่านั้น’
“ซัน..หลังจากพ่อแม่ของคุณเสียไป มันเกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ?” อนิรุทธ์ตัดสินใจเอ่ยถามออกไป เพราะไม่อยากให้มันติดค้างคาใจ และเขาก็อยากรู้เรื่องที่เกี่ยวข้องกับเด็กน้อยของเขา หากมีรอยแผลบอบช้ำใดๆในใจของศราวิน เขาก็อยากจะรักษามันให้หาย แม้ว่ามันจะเป็นแผลเก่าแล้วก็ตามที แต่การที่ศราวินหลุดปากพูดมันออกมาเช่นนี้แล้ว แสดงว่าแผลเก่าแผลนั้นมันยังคงทิ้งพิษแอบซ่อนเอาไว้เพื่อรอคอยที่จะย้อนกลับมาทำร้ายเด็กน้อยอีกครั้ง
ศราวินนิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะถอนหายใจช้าๆ
“มันลำบากมากนะฮะ กับการต้องยอมรับว่าเราต้องสูญเสียคนที่เรารัก ซันเองก็ไม่ใช่คนเข้มแข็งเท่าไหร่ แล้วซันก็ต้องมาเสียพ่อเสียแม่ เสียคุณลุงคุณป้าที่รักซันเหมือนลูกตัวเองไปพร้อมๆกันแบบนั้น...ถ้าไม่มีพี่พัทอยู่ด้วย ซันก็คงทำอะไรสิ้นคิดไปแล้ว..” เสียงตอบแผ่วเบามันอ่อนระโหยราวกับคนที่กำลังจะหมดแรง อนิรุทธ์ขยับกอดแน่นขึ้นไปอีก เขาจูบเบาๆที่กลางกระหม่อมเล็กแทนคำปลอบประโลม และนั่นก็ทำให้ศราวินรู้สึกดีขึ้น เด็กหนุ่มสูดลมหายใจลึกก่อนเอ่ยต่อ
“เดือนแรกหลังจากที่ทั้งสี่คนเสียไป ซันรู้สึกเหมือนลมหายใจของตัวเองมันแทบจะหยุดลงไปพร้อมกัน มันเป็นช่วงเวลาที่ทรมานฮะอาจารย์..ซันกินข้าวไม่ได้ กินออกไปเท่าไหร่ก็อาเจียนออกมาหมด เวลานอนก็มีแต่ฝันร้าย ภาพสุดท้ายที่ซันได้เห็นพวกเขา...มันติดตา มันตามมาหลอนในความฝันทุกคืนเลยฮะ..พี่พัทต้องคอยดูแลซันอยู่ตลอด..ซันทำให้พี่เขาลำบากมามาก เพราะซันไม่เข้มแข็งพอ จนถึงบัดนี้ ซันก็รู้ฮะว่าพี่พัทไม่เคยคลายความเป็นห่วงที่มีให้ซัน แต่ซันไม่อยากให้พี่เขาต้องเป็นห่วงซันอีกแล้ว อาจารย์เข้าใจใช่ไหมฮะ...ซันไม่อยากให้พี่พัทต้องเป็นห่วงซันอีกแล้ว ซันเข้มแข็งแล้ว...ซันเข้มแข็งแล้วจริงๆนะฮะ”
ศราวินพูดไปพลางร้องไห้ไปพลาง เด็กหนุ่มสะอื้นอยู่กับอกของอนิรุทธ์อยู่ครู่ใหญ่ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมาหาแล้วเอ่ยสิ่งที่ตัวเองเก็บงำเอาไว้ไม่เคยเอ่ยให้อติพัทธ์รู้ แต่วางใจที่จะเอ่ยกับอนิรุทธ์
“ความเป็นห่วงที่พี่พัทมีให้ซัน มันทำให้ซันอ่อนแอฮะอาจารย์..”
อนิรุทธ์นิ่งไป เขามองเด็กดีของตัวเองที่ร้องไห้จนตาแดงไปหมดก่อนจะถามออกมาเสียงเบา
“แล้วเวลาที่ผมเป็นห่วงคุณ...มันทำให้คุณอ่อนแอหรือเปล่าซัน?”
“ไม่ฮะ ไม่เลย..” ศราวินตอบมาทันที และไม่ใช่การตอบแบบเอาใจ มันเป็นคำตอบจากความจริง เขารู้สึกดีทุกครั้งที่เห็นอนิรุทธ์เป็นห่วงตัวเอง มันต่างจากความรู้สึกเวลาเห็นอติพัทธ์เป็นห่วงตัวเอง
“เพราะพี่พัทชอบทำเหมือนซันเป็นตุ๊กตาแก้วล่ะมั้งฮะ...”
“ตุ๊กตาแก้ว?”
“พร้อมที่จะแตกสลายได้ทุกเมื่อไงฮะ...ซันเคยเป็นแบบนั้นก็จริง แต่ตอนนี้ซันโตแล้ว ซันทำใจกับการจากไปของพวกเขาได้แล้ว ซันก็อยากให้พี่พัทเข้าใจนะฮะว่าไม่ต้องเป็นห่วงซันมากขนาดนั้นแล้วก็ได้ ซันไม่เป็นอะไรแล้วจริงๆ”
เด็กหนุ่มซุกหน้าลงกับอกของคนรักแล้วพูดออกมาเสียงเบา
“เขาคือคนที่อยู่กับคุณตอนเช้าวันที่เราได้เจอกัน..ที่โรงพยาบาลใช่ไหม?” อยู่ดีๆภาพของศราวินในเช้าวันแรกที่เจอกันมันก็ย้อนกลับเข้ามาในความคิดของอนิรุทธ์ เขาจำได้ว่าเห็นผู้ชายคนหนึ่งอยู่กับเด็กหนุ่ม ท่าทางกำลังโต้เถียงกันอยู่ พอนึกดูดีๆแล้วก็ถึงจำได้ว่าผู้ชายคนนั้นก็คืออติพัทธ์
“เอ๋?”
“วันที่คุณมาวอร์ดศัลย์วันแรกไง ผมนั่งดื่มกาแฟอยู่กับรองผ.อ.เปมทัตที่คอฟฟี่ช็อปข้างล่างตึก ผมเห็นคุณเดินเถียงอยู่กับคุณพัทธ์”
“อ่อ..ใช่ฮะ พี่พัทแวะมาหาผมก่อนจะกลับไปกาญจน์ เขาอยากให้ผมย้ายไปอยู่ที่คอนโดเขาแทนที่มาอยู่ที่หอน่ะฮะ”
“อ่อ..” อนิรุทธ์ครางรับรู้อีกครั้งก่อนจะยกมือขึ้นมาลูบแก้มใส เขาผละกายออกมาเล็กน้อยแล้วช้อนแก้มให้เด็กหนุ่มหันมาสบตากัน
“ผมเชื่อว่าคุณพัทธ์จะต้องยกโทษให้คุณนะ เพราะงั้นคืนนี้เข้านอนได้แล้วนะ พรุ่งนี้พอทำงานเสร็จ เราจะไปหาคุณพัทธ์กัน ขอโทษเขาดีๆอีกครั้ง แล้วก็บอกสิ่งที่คุณบอกผมเมื่อครู่ให้เขาได้ยิน แล้วเขาจะต้องยกโทษให้คุณแน่ๆ”
“แบบนั้นพี่พัทจะไม่โกรธกว่าเดิมหรอฮะ?” ศราวินถามเสียงเบา สีหน้าดูไม่มั่นใจ
“ไม่หรอก ผมว่าคุณพัทเป็นผู้ใหญ่มากพอที่จะรับฟังนะ โดยเฉพาะความรู้สึกของคุณ”
อนิรุทธ์ยิ้มแล้วบอกเช่นนั้นเพื่อสร้างกำลังใจให้เด็กหนุ่ม
และได้แต่นึกภาวนาในใจ ว่าตนเองจะไม่ประเมินอติพัทธ์ผิดไป
-TBC-
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านนะคะ ยังไงฝากผลงานเรื่องอื่นด้วยนะคะ ^^
ขอฝากผลงานด้วยคนนะคะ
Shade of Season;The Series - When Its Rain เพียงเพราะรัก (กวินท์&รัญชน์) (จบแล้ว)
15ปีแล้วที่รัญชน์จากกรุงเทพมาอยู่ต่างแดนอย่างโดดเดี่ยว ท่ามกลางความเหงาความเดียวดายจากการเป็นเด็กที่ครอบครัวแตกแยก จิตรกรหนุ่มสร้างตัวเองขึ้นมาจากความโดดเดี่ยวจนมีทุกอย่างพร้อมสรรพ ยกเว้นเพียงครอบครัวและความรัก
กับครอบครัวที่แตกแยก..รัญชน์รู้ดีว่าไม่มีทางใดที่จะกลับมาหวนคืนได้อีก เมื่อแม่ของเขาแต่งงานและมีครอบครัวใหม่ไปแล้ว ส่วนพ่อนั้นปิดกั้นตัวเองจนเขารู้ดีว่าไม่มีทางกลับมาเป็นลูกรักของพ่อได้เหมือนเดิมอีก
แต่กับความรัก
รัญชน์เลือกที่จะไม่ผูกพันกับใคร เพราะในใจของเขา มีเด็กผู้ชายที่แสนอบอุ่นคนหนึ่งอิงแอบหัวใจมานาน เด็กผู้ชายใจดีที่ให้ความอบอุ่นกับเขาในวันแสนเศร้าที่ฝนกำลังตก คนที่สอนให้รัญชน์ได้รู้จักกับรสจูบแสนหวานเป็นครั้งแรก
น่าแปลกที่ได้พบกันแค่ครั้งเดียวและเป็นช่วงเวลาที่แสนสั้น กลับตราตรึงหัวใจยาวนานจนกลายเป็นสิ่งที่ทำให้จิตรกรหนุ่มมีความสุขทุกครั้งเมื่อได้นึกถึง ทั้งยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับเขาได้ก้าวเดินต่อไปข้างหน้า
รัก...
สิบห้าปีแล้วที่รัญชน์ผูกพันหัวใจและความรักอยู่กับเด็กผู้ชายตัวสูงคนนั้น..
รักโดยที่ไม่ได้พบหน้ากัน ไม่ได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกัน แต่ต้นรักมันก็เติบโตตามกาลเวลาและจะผลิดอกในวันที่พวกเขาได้มาพบกันอีกครั้ง
นั่นแหละคือความรักของเขา..
Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ (เร็น&ซัทสึกิ) (จบแล้ว)
มันเป็นความรักหรือเปล่าผมก็ไม่แน่ใจ แต่ที่รู้ๆ ตั้งแต่ริวซากิ เร็นก้าวเข้ามาในชีวิตของผม ทุกวันของผมมันก็มีเรื่องมากมายเข้ามาให้รำคาญใจ ทว่าทำไม...หัวใจของมันถึงได้เต้นดังขึ้นเรื่อยๆแบบนี้เมื่อนึกถึงผู้ชายคนนั้นกันนะ!?!
Demon Madden เสน่หา อสูรร้าย(มาร์คัส&ไอเดน) (ยังไม่จบ)
เพียงชั่วข้ามคืนเท่านั้น องค์ชายไอเดนผู้งดงามแห่งแคว้นแอเบอร์ดีนกลับตกเป็นเชลยของมาร์คัส กษัตริย์แห่งแคว้นเคียงข้าง สิ่งที่รอคอยไอเดนอยู่นั้นหาใช่กรงขังเพียงอย่างเดียวไม่ แต่กลับเป็นความทุกข์ทรมานเหลือคณาที่มาร์คัสตั้งใจหมายจะมอบให้
"จนกว่าเจ้าจะให้กำเนิดทายาทแห่งเดอวูลฟ์ ข้าถึงจะปล่อยเจ้าให้เป็นอิสระ"
หนึ่งทายาทแลกกับอิสรภาพ กับการถูกสมสู่จากอสูรร้ายดั่งสัตว์เดรัจฉานคือสิ่งที่ไอเดนต้องทำ!
-----------------------------------------
เพิ่มเติมแก้ไขจุดผิด
เรื่องนี้ดัดแปลงมาจากฟิคหรือเปล่าค่ะ พี่ยุนโฮมาจากไหนเหรอ??
“พร้อมที่จะแตกสลายได้ทุกเมื่อไงฮะ...ซันเคยเป็นแบบนั้นก็จริง แต่ตอนนี้ซันโตแล้ว ซันทำใจกับการจากไปของพวกเขาได้แล้ว ซันก็อยากให้พี่ยุนโฮเข้าใจนะฮะว่าไม่ต้องเป็นห่วงซันมากขนาดนั้นแล้วก็ได้ ซันไม่เป็นอะไรแล้วจริงๆ”
เรื่องนี้เราทำสองเวอร์ชั่นค่ะ คือ นิยายไทย กับฟิคเกาหลี (ฟิคเกาหลีใช้ชื่อ Forgive me รัก..ถึงรักนิรันดร์) ค่ะ
ตอนนี้ที่เขียน จริงๆเขียนเป็นเวอร์ชั่นอาจารย์อนิรุทธ์กับน้องซันไปค่ะ แต่พลาดนิดนึงตอนแปลง เราดันแปลงเป็นฟิคเกาหลีผิดไฟล์ดันมาแปลงทับในไฟล์น้องซัน พอแก้ไขแล้วเลยเหลือจุดผิดพลาดน่ะคะ่ ขอบคุณที่แจ้งนะคะ