1
Boy's love story / Re: CaLL Me:ครวญรัก(อิโรติกลึกลับสยองขวัญ)
« กระทู้ล่าสุด โดย keisarinna เมื่อ 01-06-2024 22:05:17 »ตอนพิเศษ 1 : รักแสนเศร้าสาส์นเงารัก
คนหนุ่มคนสาว คนจ้าวคนข้า
มีรักมีลา มีค่ามีคุณ
รักกรุ่นรักเจือจุน รักขุ่นรักมัว
คนดีคนชั่ว คนขี้กลัวคนกล้าหาญ
แรกรักแลกวิญญาณ แรกการณ์แลกกาย
ขายร้ายขายรัก ขายกลจักรขายอุบาย
หวังรักหวังร่างกาย หวังแม้นตายหวังมั่นคง
เสน่ห์รักเสน่หลง เสน่ห์อวยองค์เสน่หามิคลาย
(กลอนสี่)
เด็กหนุ่มกึ่งเดินกึ่งวิ่งบริเวณลานหน้าปราสาท นึกเดาเอาว่าคงเคยเป็นสวนสวยอย่างดีห้อมล้อมรอบลานน้ำพุรูปทรงกลมกลึง รอยยิ้มสวยฉาบเคลือบริมฝีปากกว้างอวบอิ่มเมื่อสมองฉายภาพสวยงามต้องใจ
แต่ความถมึงทึงของตัวปราสาทสร้างความอึดอัดแรงกดทบด้วยความน่าเกรงขามกำลังคุกคามหนุ่มหน้าสวยให้ค่อยๆ ซึมซับความน่าเกรงกลัว ประสาทสัมผัสทั่วทั้งตัวสนองตอบฉับไวจนขนลุกตั้งชัน
“ปราสาทอะไรน่ากลัวเป็นบ้า แอชมีด์ไปหลวมตัวซื้อมาได้ไงนะ...แล้วทำไมเราต้องมาอยู่ที่นี่ด้วย”
เด็กชายวัยรุ่นบ่นพึมพำกับตัวเองไปมา คิดหาคำตอบอยู่เงียบๆ คนเดียว ร่างกายสูงโปร่งตรงหลักกายวิภาคตามเกณฑ์เจริญพันธุ์ ขัดกันก็แต่ใบหน้าหวานสวยที่ออกจะเกินเด็กผู้ชายวัยเดียวกันไปหน่อย หนุ่มน้อยกำลังกึ่งเดินกึ่งวิ่งสำรวจสภาวะแวดล้อมแปลกใหม่ตามวัยอยากรู้อยากเห็น
เด็กหนุ่มเฉิดฉาย...ทั่วทั้งเรือนกายและหน้าตา..
“แอชมีด์ต้องเห็นอะไรดีๆ แน่ ไม่อย่างนั้นไม่ซื้อปราสาทซอมซ่อแบบนี้มาหรอก ถูกหลอกหรือเปล่าก็ไม่รู้” ร่างสูงเดินลิ่วๆ สำรวจบริเวณห้องโถงโปร่งตาไปเรื่อยๆ เดินเข้าห้องนั้นทะลุออกห้องนี้ตามประสาเด็กอยากรู้
“ถูกใจไหมลุกซ์...มีห้องหนังสือด้วยที่ชั้นบน” เสียงทุ้มต่ำของชายวัยกลางคนตะโกนบอกเด็กหนุ่มอย่างเอ็นดู
“หรือฮะ....ว้าว!” เด็กหนุ่มชะโงกหน้าออกมาจากห้องใดห้องหนึ่งและวิ่งขึ้นไปชั้นบนทันที
“ไม่ต้องวิ่ง เราอยู่กันที่นี่ตลอดซัมเมอร์เลย ถ้าชอบเราจะอยู่ที่นี่ตลอดไปดีไหม” มือแกร่งฉุดรั้งรอบเอวเด็กหนุ่มให้แนบชิดอ้อมอกปลายจมูกลอบสูดกลิ่นกายแรกรุ่นด้วยความระเริง
“ผมรักแอชชี่ที่สุดเลย” ใบหน้าสวยหวานคลี่ยิ้มพิสุทธิ์ ริมฝีปากเหยียดกดจูบแผ่วเบาบนโหนกแก้มสูง นัยน์ตาสวยเพริศพริ้งระบายความหวานฉ่ำ กระตุ้นความรู้สึกซาบซ่านที่หลบซ่อนเร้นทรวงให้หนุ่มใหญ่ตรงหน้าเหมือนได้กลับคืนสู่วัยหนุ่มฉกรรจ์อีกครั้ง
อ้อมกอดโอบรัดรุนแรงแสดงอารมณ์หวงแหนตีตราเป็นเจ้าของ ไม่อยากให้คนตรงหน้านี้หายไปไหนได้อีก คนในอ้อมแขนก็หาได้ขัดขืนพฤติกรรมเห็นแก่ตัวที่แสดงออกผ่านอ้อมกอด เด็กหนุ่มห่อตัวเล็กน้อยแขนเรียวทั้งสองโอบกระชับอ้อมแขนแข็งแรง หัวใจดวงน้อยเปิดรับไออุ่นจนแทบอยากจะหยุดลมหายใจไว้ที่ตรงนี้
...อ้อมกอดของคนที่รักเขา...
“ท่านครับ…รถพร้อมแล้วครับ” คนสองคนจำใจคลายความรัดแน่นแห่งรักให้มลายลง แต่ยังประคับ ประคองอ้อมแขนของกันไว้หลวมๆ
“ดูแลลุกซ์ตอนฉันไม่อยู่ด้วยนะ ใครหน้าไหนก็ห้ามให้เข้ามาเด็ดขาด!” ผู้เป็นนายกำชับคนสนิทด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ครับท่าน” ชายร่างกำยำก้มหน้ารับคำสั่งแล้วเดินแยกตัวออกไป
“ลุกซ์”
“ฮะ!! ว่าไงครับ” เสียงตอบกลับมาช่างแผ่วเบาเหลือเกิน จนเจ้าของเสียงต้องปรับให้ดังปรกติ รู้สึกใจคอไม่ดีเหมือนเหตุการณ์บางอย่างกำลังจะเกิดขึ้นเหนือการคาดเดา ถ้าเขาเอ่ยคำทัดทานไม่ให้ไปจะเหนี่ยวรั้งไว้ได้...หรือเปล่า
“แอชชี่ไปทำธุระสองสามวันถึงกลับมาอยู่ที่นี่ดูแลตัวเองด้วย...ถ้าเสร็จเร็วจะรีบกลับ” จูบอ่อนโยนประทับกึ่งกลางหน้าผากอย่างนุ่มนวล
“ครับ ไม่ต้องห่วงผม” สุดท้ายก็ต้องรับคำอย่างว่าง่ายตามเดิม ไม่อยากพลัดพรากแต่ก็ไม่อยากขัดให้อีกคนต้องไม่สบายใจ
“แล้วช่วงนี้อย่าพึ่งออกไปเล่นข้างนอกล่ะ” หนุ่มใหญ่สวมกอดร่างสูงอีกครั้ง น้ำเสียงกังวลดังก้องเหมือนจะสะท้อนเส้นเสียงให้คนฟังได้รับรู้ถึงความรู้สึกภายใน
ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีต่อการตัดสินด้วยแรงปรารถนาแห่งรักยังไม่อาจสร้างความว้าวุ่นใจได้มากเท่าตอนนี้ รู้ดีว่าเด็กหนุ่มใบหน้าหวานต้องหวาดผวาอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน อ้อมกอดที่โอบรัดตอบเขาเหมือนอยากรั้งไม่ให้ไปไหน อ้อมกอดแห่งรักเอ่ยคำทัดทานแทนเจ้าตัวจนหมดสิ้น ใช้ร่างกายของกันและกันสื่อสารแทนคำพูดมันช่างเป็นความเคยชินที่แสนเจ็บปวด...
...รักมาก...แต่เอ่ยคำๆ นั้นไม่ได้เต็มปากนัก
“ทำไมครับ เรื่องยังไม่จบอีกหรือฮะ” น้ำเสียงว้าวุ่นและกังวลใจเอ่ยถามอย่างแผ่วเบาเหมือนคนไร้เรี่ยวแรง
‘...ไม่อีกแล้ว...ไม่อยากต่อสู้กับแม่ตัวเอง เพราะคนพ่ายแพ้จนย่อยยับก็คือ ตัวเขา
เพียงแค่คิดจะสู้...มันคือความปราชัย
เพียงแค่คิดอยากชนะ...นั่นก็คือการสูญเสีย
...ไม่เอาแล้ว...อยากจะหยุดความคิดอกุศลแบบนี้เสียที บางทีถ้าไม่มีเขาเรื่องแบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น
ถ้าเขาไม่เกิดมา ถ้าเขาไม่ต้องการความรัก
ถ้าเขา...’
“ลุกซ์! อย่าทำหน้าแบบนั้นมันกำลังจะจบแล้ว เดี๋ยวจะรีบกลับมาอยู่ด้วย รอนะรอผะ... (ผม) ” มันยังไม่ถึงเวลาที่จะเรียกแทนตัวแบบนั้นรอให้ปรับความเข้าใจกับผู้ให้กำเนิดเสียก่อน จัดการความสัมพันธ์ที่ทับซ้อนให้คลายปม เพียงเท่านั้นไม่ว่าเธอคนนั้นอยากได้อะไร ทรัพย์สมบัติใดที่ใจปรารถนาเขาจะยกให้ครอบครอง
สมบัติ...เงินทอง...ผมจะทดแทนให้ ให้คุ้มกับค่าเสียเวลาของเธอ แต่ถ้าเธอยังดื้อแพ่งผมคงต้องใช้วิธีการขั้นเด็ดขาดเสียที
“แล้วมอ...”
“อย่า! เธอไม่ควรมีคนเช่นนั้นเป็น...!” น้ำเสียงกราดเกรี้ยวตวาดใส่คนตรงหน้าจนชะงักงัน
“อ... ฮะ” ลุกซ์สีหน้าสลดฉับพลัน ทำไมเขาจะไม่รู้ที่ให้กำเนิดเป็นแบบนี้เพราะใครถ้าไม่ใช่เขา
“ไปนะ...ไปเอารถออกเดี๋ยวฉันตามไป” หนุ่มใหญ่หันหน้าไปสั่งลูกน้อง แล้วหันมากำชับว่าที่คนรักของตัวเอง
“สัญญานะ...” มือหนากุมมือเรียวมาแนบอกของตน ขอเพียงแค่คนตรงหน้าปลอดภัยไม่ว่าจะต้องเสียอะไรไปมากน้อยแค่ไหน เขาจะยอมเสียมัน แต่จะไม่ยอมเสียคน ๆ นี้ไปอีกแล้ว
'ยามที่จากกัน ยามที่ไม่เห็นหน้า ยามไม่ได้ยินเสียง
เขาเรียนรู้แล้วว่า...ชีวิตที่ไม่มีลุกซ์มันทรมานเจ็บปวดร้าวรานขนาดไหน'
“ครับ...สัญญาว่า?” ใบหน้าเปื้อนยิ้มหันมาสนใจใบหน้าหล่อสมวัยของชายตรงหน้า
“อย่าเชื่อใจใคร แม้แต่แม่ของเธอ”
“ครับ...แล้ว” เด็กหนุ่มรับคำแล้วก้มหน้าลงต่ำ มีมือหน้าเชยคางให้ดวงตาคู่สวยกลับขึ้นมาสบนัยน์ตาอีกครั้ง
“ว่าไง...”
“ผมเชื่อใจแอชชี่ได้หรือเปล่า” แววตาหวาดกลัวพยายามข่มความตื่นตระหนกไว้ภายใน ซ่อนความอัปยศไว้ตราบจนวันตายเขาจะไม่ปริปากพูดถึงมันว่ายามขาดคนปกป้องเขาโดนอะไรบ้าง
กลัว..กลัวเหลือเกิน กลัวต้องกับไปเผชิญหน้ากับมันอีกครั้ง ถ้าต้องเป็นเช่นนั้น เขาเลือกที่จะตาย...ตายไปกับความอัปยศนั่น
“ทุกอย่างผมทำเพราะลุกซ์ผู้เป็นที่รัก” ชายสุงวัยกว่าบอกด้วยความหนักแน่นเรียกความมั่นใจให้คนรักวัยหนุ่ม
“ผมเชื่อใจคุณได้ ใช่ไหมฮะ” น้ำตาแห่งความปลื้มใจล้นปริ่มที่ขอบตา
'...แค่ผมเชื่อใจก็เป็นพอแล้วใช่ไหม...เชื่อใจในรักที่คุณมีให้ผม...ความรักที่ต้องแลกกับความสัมพันธ์ทางสายเลือดของผู้ให้กำเนิด'
“รีบไปรีบกลับนะครับ...ผมจะรอ”
รอยยิ้มกว้างตามแบบฉบับชายใจดีแสนอบอุ่นมีให้เด็กหนุ่มในอุปการะคนนี้เสมอ เด็กดีน่ารัก อ่อนหวานและบริสุทธิ์ไร้เดียงสา ในสายตาของเขาผู้มีศักดิ์เสมือนพ่อทูนหัว...ลุกซ์ คือทุกอย่างทั้งชีวิตและจิตใจ
และ...จากนี้ไปสินะ อีกไม่นาน เขาจะได้ครอบครองเด็กน้อยน่ารักคนนี้อย่างสมบูรณ์ เขาหลงกลอยู่ในวังวลเกมส์ใจจากหญิงใจร้ายมานานเกินพอแล้ว
...อีกไม่นาน...
วันเวลาผ่านพ้นอย่างว่องไวเด็กหนุ่มเปิดความรู้ใหม่ๆ กับหนังสือมากมายหลากหลายประเภทสร้างจินตนาการแปลกใหม่ให้แก่เขา ลุกซ์หมดเวลาไปวันๆ กับห้องอันเงียบสงบทรงสี่เหลี่ยมแห่งนี้โดยไม่รู้เบื่อ
"คุณหนูลุกซ์ครับ" เสียงพ่อบ้านเคาะประตูเรียกผ่านผิวเรียบหยาบของบานประตู
"ครับ" เด็กหนุ่มเดินไปเปิดประตูต้อนรับพร้อมรอยยิ้มสวย
"ผมเจอกระดาษแผ่นนี้ตกอยู่หน้าห้องหนังสือ" ชายสูงวัยยิ้มตอบกลับมาแล้วยื่นแผ่นกระดาษใบหนึ่งให้
"กระดาษ เอ๋?...ขอผมดูหน่อยสิครับ" มือเรียวรับแผ่นกระดาษเก่าคร่ำคร่ามาถือไว้ในมือ รอยหมึกสีจางค่อยๆ ปรากฏเด่นชัดขึ้นอย่างช้า ๆ
“....อ่านชิ...อ่านฉัน...”
แล้วคุณจะได้รับความสุขเหนือสิ่งอื่นใด สุขล้นจนยากลืมเลือน
“บ้า! แล้วคิดบ้าๆ...รู้สึกแบบนั้นได้ยังไงกัน!”
“คุณหนูพูดว่าอะไรนะครับ?” ด้วยวัยที่มากขึ้นทำให้โสตทัศน์ได้ยินคำรำพึงได้ไม่ชัดเจนทำให้ข้ารับใช้ถามซ้ำเมื่อได้ยินคำพูดจากคนพิเศษของเจ้านายลอยมาแผ่วเบาเหมือนสายลมโชย
“มะ...ไม่มีอะไรเดี๋ยวผมขอตัวนะครับ”
“เชิญตามสบายครับ...อาหารพร้อมตอนหนึ่งทุ่มครับ คุณหนูจะให้ผมขึ้นมาเรียกหรือเปล่าครับ” พ่อบ้านไม่ได้ติดใจกับคำถามที่รอคำตอบอีก ตอนนี้สมควรแก่เวลาที่จะเตรียมอาหารเย็นแล้ว
“ไม่ครับเดี๋ยวผมลงไปทานเอง...ขอบคุณฮะ”
สิ้นสุดการสนทนา ร่างสูงเพรียวเดินกลับเข้าห้อง ค่อยๆนั่งลงบนเตียง สีขาวสะอาดตาอย่างช้าๆ เหมือนคนกำลังครุ่นคิดเรื่องบางอย่างอยู่คนเดียว
…“ความเชื่อใจเป็นเรื่องที่ทำกันง่ายๆ”…
“พามาที่นี่ทำไมนะ?...อยู่ที่ไหนก็หนีไม่พ้นอยู่ดี” ร่างบางเอนกายลงนอนบนเตียงหนานุ่มอย่างคนไร้เรี่ยวแรง
แค่เชื่อใจทำไมมันช่างยากเย็นขนาดนี้
ผมรู้ว่าคุณไปพบแม่
ผมรู้ว่าคุณไปพูดเรื่องของผม
แต่ผมยังหวั่นใจ
ใครกันจะยอมเสียคนรักได้ง่ายๆ
ใครกันจะยอมรับได้เมื่อผู้ชายที่ตัวเองรัก... รักลูกตัวเอง
แล้วคุณเองจะจิตใจมั่นคงขนาดไหนกัน ถ้าต้องเห็นน้ำตาหญิงที่เคยรักหนักหนาร้องไห้ตัวสั่นสะท้านอยู่เบื้องหน้า…แอชชี่ยังจะใจแข็งได้หรือ?
ผู้หญิง ก็ต้องคู่กับผู้ชาย...
ผู้หญิง อ่อนแอ คู่กับผู้ชายที่แข็งแกร่งและคอยปกป้อง
ผู้หญิง สวยชดช้อย คู่กับผู้ชายท่วงท่าสง่างามผึ่งผาย เดินเรียงเคียงคู่กระเซ้าเคล้าพะนอ
ผม...เป็นผู้ชาย...คุณรู้บ้างไหม
ผมเป็นเด็กผู้ชาย แต่อยากได้ความรู้สึกแบบคนผู้หญิง
ผมอยากได้การปกป้อง…
ผมอยากได้คนดูแล…
ผมอยากได้ความรัก...จากคนที่เป็นคนรักของแม่ตัวเอง!
ผมมัน...ชักนำให้คุณทรยศต่อศีลธรรมอันดีงาม
ผิด...
มันผิด…
ไม่...
มันไม่ผิด!!
ความรักไม่เคยผิด
ตัวเขาเองที่ผิด...
ผิดที่ปล่อยให้ความรักนั่นอยู่เหนือศีลธรรมเกินเลยกว่าศักดิ์ระหว่างพ่อบุญธรรม กับ ...ลูกเลี้ยง...
เมื่ออยู่กับตัวเอง...ลุกซ์ ไม่เคยเสแสร้งใบหน้าหวานงอง้ำ รอยยิ้มจริงใจกลายเป็นรอยยิ้มเยาะให้ชะตาชีวิตของตัวเอง
เมื่ออยู่กับตัวเอง...เด็กหนุ่ม ไม่เคยหลบซ่อนความรู้สึกลึกๆ ภายในใจ มือเรียวกระชากผ้าปูที่นอนสีบริสุทธิ์แล้วดึงรั้งให้กลับมาห่อหุ้มพันรอบกายตัวเองที่เริ่มจะสั่นเทา
เมื่ออยู่ต่อหน้าตัวเอง...มนุษย์ผู้โหยรัก ไร้แล้วซึ่งหัวโขน
เมื่ออยู่กับตัวเอง...จะหลอกตัวเองอย่างไรก็หนีความจริงไปไม่พ้น
น้ำใสๆ เริ่มเอ่อชื้นรอบขอบตาล่าง หยาดน้ำกลั่นตัวไหลรวมกันอาบสองแก้มสุกแดงเปล่งปลั่งด้วยคอยสะกดกั้นแรงสะอื้นไห้ บังคับเสียงสะอึกสะอื้นให้ดังเงียบๆ แต่กึกก้องอยู่ทั่วร่างกาย หาได้เปล่งประกายแดงซ่านด้วยความสุขสมแช่มชื่น
ถ้าผม...ไม่ใช่ตัวผม คุณยังจะรักผมแบบนี้ไหม?
ถ้าผม...ไม่มีหน้าตาแบบนี้ คุณยังจะรักผมไหม
ถ้าผม...
ถ้า...
ผมอยากจะเชื่อคุณ...
แค่เชื่อคุณเท่านั้น...ผมจะมีความสุข...ใช่ไหม ?
นายมันบ้าลุกซ์....
หยาดน้ำใส รดรินใจ อยู่ไม่ห่าง
โดดเดี่ยวร้าง ด้วยรายล้อม คนหลงใหล
หวังบางอย่าง ที่อยากครอง ทั้งกายใจ
อยากเข้าใกล้ คำว่ารัก จากใจจริง
รักที่ตัว ที่หัวใจ ใช่ภายนอก
แสดงออก โลภลุ่มหลง ได้และทิ้ง
รักหลงลวง คงอยู่ได้ เปรียบดั่งปลิง
สะดีดสะดิ้ง ต่อไปไย ก็ไม่คลาย...
ขอให้รักผมให้ตลอด ถึงจะหลงใหลแค่เพียงร่างกายโดดเดี่ยวร้าง ด้วยรายล้อม คนหลงใหล
หวังบางอย่าง ที่อยากครอง ทั้งกายใจ
อยากเข้าใกล้ คำว่ารัก จากใจจริง
รักที่ตัว ที่หัวใจ ใช่ภายนอก
แสดงออก โลภลุ่มหลง ได้และทิ้ง
รักหลงลวง คงอยู่ได้ เปรียบดั่งปลิง
สะดีดสะดิ้ง ต่อไปไย ก็ไม่คลาย...
ขอให้รักจนกว่าตัวคุณตาย รักตราบชั่วกาลเวลาจะมลาย
รักแค่ผม เพียงผมคนเดียว...
ปราสาทหลังนี้…รับรู้แรงอธิฐาน
ตั้งมั่น คงทน และแข็งแกร่ง
อ้างว้าง เดียวดาย แต่ช่างเต็มเปี่ยมไปด้วยไอรัก
หากแต่ใครจะสังเกต
หากแต่ใครซักคนได้เฝ้าระวัง...
คืนนี้ ตัวปราสาทที่หนาวเหน็บกำลังจะรุ่มร้อนดั่งสุมไฟ
คืนนี้ ราตรีกาลที่ยาวไกลจะสิ้นสุดแค่เพียงกายสัมผัส
และคืนนี้ ผู้ที่แฝงกายในเงามืดกำลังปรากฏกายพร้อมสหายคู่ใจ
“เมื่อใดที่จิตใจเจ้าเรียกหา รัตติกาลจะนำพาให้เจอกัน และเมื่อนั้นเราสองต้องต่างตอบแทน...”
มาต่อให้แล้วนะคะ รักเราเงาสามคน ว่าไปนั่นนิยายรักสุดโรแมนติกในบรรยากาศสุดหลอนอัดเดตให้นักอ่านทุกคนแล้วค่า เชิญเข้ามาอยู่ร่วมบรรยากาศสุด....บรรยายได้ ณ บัดนี้