#ณภัทรปณวัช
12 เรื่องที่อยากอยู่ด้วยกันตลอดเวลา
ปณวัช
"ภัทรวิ่ง!"
"เป้ เป้รอเค้าด้วย!! เป้!!!"
"ภัทรวิ่งไปหลบตรงหลังตึกก่อน เดี๋ยวเค้าจัดการตรงนี้เอง"
"เป้ แต่เค้าได้แผลด้วยอะ ฮือ เลือดไหลเต็มเลย"
"งั้นภัทรรออยู่ตรงนี้นะ เดี๋ยวเค้าเดินไปดูก่อนว่ามันมีสมุนไพรตรงไหนไหม"
"โอเค...เป้ เร็วๆนะ"
ตึ่กๆๆ
"อ่า~ เป้! ไม่ทันแล้ว!! มันมาแล้ว!!"
"ภัทรวิ่ง!!"
"อ่า ฮืออออ เค้าตายอีกแล้ว" ภัทรร้องแล้วล้มตัวหงายลงบนฟูกนุ่มพร้อมทิ้งจอยเกมไว้ข้างตัว ผมได้แต่อมยิ้มไม่กล้าขำกับท่าทางน่ารักๆของเขาเพราะกลัวว่าจะโดนเข้าใจผิดอีกว่าผมเยาะเย้ย
"เล่นอีกรอบไหม เพิ่งเลยจุดเซฟมานิดเดียวเอง"
"ไม่เอาแล้ว เค้าเป็นตัวถ่วงเป้ชัดๆ" ภัทรพูดออกมาเสียงอ่อย พลิกตัวนอนคว่ำลงมุดหน้าลงใต้หมอนอย่างคนหมดอาลัยตายอยาก
วันนี้ผมขนเกมจากห้องผมมาเล่นที่ห้องเขา เมื่อก่อนผมก็ชอบทำแบบนี้เวลาที่ผมไปบ้านภัทร ในตอนแรกมันก็เหมือนว่าภัทรไม่คุ้นและไม่ชอบเล่นเกมสักเท่าไหร่ แต่พอได้เล่นบ่อยๆ ผมจึงได้รู้ว่า คนที่ดูนิ่งเงียบคนนี้ ที่จริงก็เป็นคนชอบเอาชนะมากๆคนนึงเหมือนกัน
ผมกดปิดเกมก่อนจะรวบทั้งคอนโทรลและจอยสติ๊กทั้งสองอันเอาไปวางในชั้นวางทีวี ก่อนที่จะกลับมาบนเตียง จงใจนอนทับคนที่ยังอารมณ์ขุ่นเพราะเล่นเกมแล้วตายที่เดิมซ้ำๆจนงอนเกมไปแล้ว
"หืม..เป้..เค้าหนัก"
ผมไม่สนที่เขาบ่น กอดรัดเขาจากด้านหลังอยู่อย่างนั้น ซุกจมูกเข้าไปในซอกคอ หลับตาพริ้ม สูดดมกลิ่นหอมๆประจำตัวของภัทร
"เป้..."
"หืม.."
"เค้าถามอะไรหน่อยได้ไหม"
"อือหึ"
"สา..." ภัทรว่าขึ้นมา เงียบไปนิดเหมือนเขาพยายามรวบรวมความกล้าแล้วจึงว่าต่อ "เป้รู้จักกับสาได้ยังไง"
"สา? อ๋อ..สาคณะภัทรใช่ไหม รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว แม่สาเป็นเพื่อนสนิทแม่เค้า" ผมนิ่งคิดไปนิด ก่อนที่จะนึกออกว่าภัทรหมายถึงใคร ผมไม่ได้รู้จักกับคนชื่อนี้เยอะนักหรอ
"..."
"..."
"สนิทกันหรอ" ผมลืมตาขึ้นมาในที่สุดเมื่อภัทรถามต่อทั้งๆที่ผมคิดว่าหัวข้อสนทนามันน่าจะจบไปแล้ว ชะโงกหัวไปข้างหน้าเพราะอยากรู้ว่าเขาทำหน้ายังไง หรืออยู่ในอารมณ์ไหนในตอนนี้กันแน่
เมื่อผมยกตัวขึ้นภัทรก็พลิกมานอนหงาย ทำให้ตอนนี้เราสองคนหันมาสบตากันอีกครั้ง
"วันนั้นเค้าเห็นเป้กับสาที่คณะ"
"วันไหน" ผมเลิกคิ้วอย่างสงสัย เพราะผมจำไม่ได้เลยว่าเจอกับสาสุดท้ายวันไหนเลยด้วยซ้ำ
"เห็นตอนที่ลงมาจากรถแม่เป้"
"อ๋อ..วันนั้นเค้ากับสาไปกินข้าวกับที่บ้านกัน แล้วแม่เค้าก็เลยแวะมาส่ง"
เขาไม่ได้ว่าอะไรเมื่อผมว่าอย่างนั้น ได้แต่พยักหน้ารับก่อนที่จะพลิกหน้าออกไปทางเดิมอีกครั้ง ผมที่ยังงงๆกับท่าทีของเขาเลยเอ่ยถามออกไปอีกครั้ง
"มีอะไรหรือเปล่า ภัทร..."
"..."
"ภัทร.."
"..."
เมื่อภัทรไม่ยอมหันกลับมา ผมเลยตัดสินใจยกตัวข้ามตัวเขาไปอีกฝั่งเพื่อเผชิญหน้ากัน
"บอกเค้ามาเลยว่าคิดมากอะไรอีก กับสาเค้าไม่ได้มีอะไรเลยนะ แค่รู้จักกันเฉยๆ"
"..."
"ภัทร.."
"ถ้ารู้จักกันตั้งนานแล้ว ทำไมเค้าไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนเลย"
"ก็.."
"แล้ววันนั้นสาก็จับตัวเป้ด้วย ต้องสนิทกันเบอร์ไหนก็ไม่รู้"
"..."
"ยังจะมายิ้มอีก"
"ก็ภัทรหึง"
"ชะ..ใช่ที่ไหนเล่า ก็แค่ถามเฉยๆ" ว่าแล้วคนที่โดนจับได้ว่าหึงก็ตั้งท่าจะพลิกตัวไปอีกด้านแต่ว่าผมก็จับไหล่เขาไว้ได้ก่อน
"ภัทรกำลังหึง และหึงมากๆเลยด้วย" ผมว่าทั้งยิ้มทั้งหัวเราะ ใจมันพองฟูไปหมดเมื่อในที่สุดมันก็มีวันนี้จริงๆ วันที่คนที่ไม่เคยแสดงความรู้สึกอย่างเขาแสดงอาการหึงผมสักที
"หุบปากไปเลยนะ"
"โห เวลาหึงแล้วโหดแบบนี้นี่เอง เป็นบุญตาจริงๆ"
"ก็บอกแล้วไงว่าไม่ได้หึง! เงียบๆไปเลยได้ไหม เค้าจะนอน" คนหน้าแดงปิดตาหนี เม้มปากกัดฟันแน่นพยายามกลั้นยิ้ม เก็กหน้านิ่งใส่กัน
เขาน่ารักจนผมจะตายเอาให้ได้จริงๆ
"ดีใจจังเลยน้า~ ในที่สุดแฟนเค้าก็หึงเค้าแล้ว~ แบบนี้เค้าค่อยนอนตายตาหลับหน่อย"
"เป็นคนโอเว่อร์แบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี้ย แล้วเค้าก็บอกแล้วไงว่าไม่ได้หึง อยากจะไปแตะเนื้อต้องตัว ไปสนิทกับใครก็ไปเลย" เขาว่าพร้อมหยิกมือผมที่จับไหล่ของเขาไว้จนผมเผลอปล่อยตัวเขา ภัทรพลิกตัวหนีเขยิบไปนอนอีกฝั่งที่ติดกับกำแพงพร้อมคลุมผ้าห่มหนี
ผมรีบตามไปติดๆ กอดเขาไว้จากด้านหลัง ทิ้งน้ำหนักลงบนซอกคอของภัทรเบาๆ ให้ระดับริมฝีปากของผมอยู่ตรงบริเวณใบหูของเขาก่อนจะกระซิบกระซาบออกไป
"โอเค ไม่หึงก็ไม่หึงเนอะ แต่ขอเค้าแก้ตัวก่อนเนาะ"
"..."
"กับสาก็รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ก็เลยเหมือนเพื่อนๆกันไปแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้แตะตัวกันเยอะแยะขนาดนั้นสักหน่อย เค้ายังจำไม่ได้เลยเนี้ย"
"..."
"แล้วที่ไม่ได้เล่าให้ฟังก็เหมือนกัน ก็เพราะมันไม่มีอะไรจะเล่าจริงๆนี่น่า ไม่ได้เก็บเอามาคิดเลยด้วยซ้ำ ถ้าจู่ๆเอาเรื่องสามานั่งเล่าให้ภัทรฟัง เค้าว่ามันน่าแปลกมากกว่าอีกเหอะ"
"..."
"ภัทร..."
"..."
"ภัทร..." ผมเขย่าตัวพร้อมเรียกชื่อเขาซ้ำๆ คนที่บอกไม่ได้งอนยังนอนนิ่งอยู่แบบนั้น มันน่าฟัดน่ากัดให้จมเขี้ยวเลยจริงๆ
"นอนหลับแล้วหรอหืม~"
"..."
"โอเคครับ งั้นวันนี้เค้ากลับแล้วนะ พรุ่งนี้จะมารับไปกินข้าวเช้าด้วยกันเหมือนเดิมนะ ไม่งอนเค้าน้า~ เค้ารักภัทรคนเดียวภัทรก็รู้"
ผมว่าเมื่อเห็นนาฬิกาบอกเวลาสี่ทุ่มแล้ว ผมโน้มไปเปิดผ้าห่มจุ๊บหน้าผากเขาเบาๆ จัดแจงผ้าห่มผืนบางให้เข้าที่ เมื่อรออีกนิดแล้วเหมือนเขาจะไม่ยอมหันมา ก็เลยตั้งใจจะผละไปเก็บกระเป๋าเพื่อกลับห้อง
หมับ!
แต่ยังไม่ทันได้ลุกดีก็มีคนมาดึงแขนผมไว้ ผมหันกลับไปก็เห็นว่าเขากำลังมองมาที่ผม หน้างอนกว่าเดิมเสียอีก
"จะกลับแล้วหรอ"
"อืม ก็จะสี่ทุ่มแล้วนี่หน่า พรุ่งนี้ภัทรมีเรียนเช้าด้วย"
"ไม่ต้องกลับ.."
"หืม?"
"ดึกแล้ว นอนนี่แหละ"
ผมยิ้มเมื่อเขาว่าออกมาแบบนั้น ที่จริงก็อยากจะนอนนี่เหมือนกันนั่นแหละ แต่เพราะว่าเสาร์อาทิตย์นี้มานอนห้องเขาตลอด เสื้อผ้าที่ต้องซักก็มีตั้งเยอะ ไหนจะหนังสือเรียนที่ไม่ได้เอามาอีก
"หรือถ้าไม่อยากก็.."
หมับ!
"โอเค งั้นเดี๋ยวเค้าค่อยกลับไปเอาของที่ห้องตอนเช้าก็ได้" ผมรีบดึงตัวเขาเข้ามา ตอบตกลงอย่างรวดเร็วเพราะกลัวภัทรจะเอ่ยปากไล่ผมอีก
Doesn't it seem strange
That even when your mind says so
Your hair hearts says "no,
Just wait and see how it feels
To fall in love with something real"
เรานอนกอดกันอยู่บนเตียงของเขา ปิดไฟทั่วทั้งห้อง มีเพียงแสงไฟสีส้มอ่อนๆจากโคมไฟข้างหัวเตียง เปิดเพลงโปรดที่ภัทรชอบฟังในช่วงนี้คลอเบาๆซ้ำไปซ้ำมาอย่างที่เขาชอบทำเป็นประจำ
เมื่อก่อนผมเป็นคนที่นอนหลับยาก ถ้าห้องไม่มืดสนิทหรือมีเสียงรบกวนผมจะนอนไม่ค่อยหลับ แต่พอได้มานอนกับภัทรบ่อยๆผมก็เลยเริ่มชิน ถึงจะมีแสงไฟผมก็นอนได้ แล้วเสียงเพลงช้าๆที่ดังข้างหูก็ไม่ได้รบกวน แต่ช่วยทำให้ผมนอนหลับได้สบายขึ้นกว่าเคย
"เป้..."
"หืม.."
"เป้เบื่อเค้าไหม" ผมที่กำลังเพลิดเพลินกับเสียงเพลงเพราะๆจนใกล้เคลิ้มเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย
"คิดอะไรอีกแล้วหืม คิดมากอีกแล้ว" ผมว่าออกไปเบาๆทั้งๆที่ยังหลับตาอยู่เหมือนคนละเมอ ยกมือที่กอดเขาแน่นลูบผมนุ่มของภัทรไปมา
"ก็เค้าติดเป้ อยากอยู่กับเป้ตลอดเวลาเลย" เขาว่าแบบนั้นให้ผมยิ้มกว้าง "ห้องก็ไม่อยากให้กลับ ถ้าเป็นไปได้ถ้านอกจากเวลาเรียนแล้ว ก็ไม่อยากให้ไปไหนทั้งนั้น"
Something divine
In the perfect harmony
With a lovely melody
Crafted with care
And it leads me to hear...
"ทั้งๆที่ห้องเล็กแค่นี้ แต่พอเป้ไม่อยู่ มันก็ดูกว้างเกินไปยังไงไม่รู้"
"..."
"แล้ว.."
"งั้นเค้าขอมาอยู่ได้ไหมล่ะ" ไม่ทันที่เขาจะบ่นตัวเองต่อผมก็พูดขึ้นมาก่อน ผมลืมตาขึ้นมาในที่สุดเมื่อคนที่อยู่ในอ้อมกอดของผมผงกหัวขึ้นมา ก่อนที่เจ้าตัวจะไต่ขึ้นมาบนตัวผมเร็วๆ
"เป้ว่าอะไรนะ" ผมหลุดยิ้มออกมาเมื่อเห็นประกายของตากลมโตที่กำลังจ้องมาที่ผม ใช้หลังนิ้วลูบแก้มเขาเบาๆอย่างนึกเอ็นดูเป็นที่สุด
"เค้าจะขอมาอยู่ด้วย..ได้ไหม"
"เป้หมายถึง เป้อยากมาอยู่ห้องเค้าหรอ แบบรูมเมทกันน่ะนะ"
"แบบแฟน" ผมตอบกลับไปสั้นๆ อดขำคนที่ดูตื่นเต้นเกินเหตุไม่ได้ รู้สึกใจชื้นที่เขาไม่ได้มีท่าทีในทางลบแบบที่ผมเคยกลัว
"ก็..ถ้าเป้ไม่อึดอัด.."
"เค้ากลัวภัทรอึดอัดต่างหากเล่า"
"แล้วเค้าจะอึดอัดได้ยังไงเล่า"
"แล้วภัทรคิดว่าเค้าจะอึดอัดได้ยังไง"
"ก็เค้าติดเป้เกินไป"
"เค้าก็ติดภัทรเหมือนกัน"
"..."
"อยากอยู่ด้วยตลอด อยากเอากาวมาทาแล้วตัวติดกันแบบนี้ไปเลย" ผมว่าพร้อมสาธิตสภาพของเราหลังติดกาวด้วยการรวบสองแขนรัดเขาเบาๆ ภัทรหัวเราะคิกคักจนผมอดหัวเราะตามไม่ได้
เจ้าตัวกอดผมกลับ ซุกหน้าลงบนอกของผม ใช้แก้มนิ่มถูไถไปมา ผมได้แต่รัดเขาไว้ด้วยหัวใจที่แสนจะอิ่มเอม ตั้งแต่กลับมาคบกัน ภัทรก็เป็นตัวของตัวเองมากขึ้น พูดในสิ่งที่ต้องการมากขึ้น อ้อนผมมากขึ้น
ทั้งๆที่ผมไม่เคยคิดเลยว่ามันจะเป็นไปได้ แต่ตอนนี้ความสุขที่ผมเคยมีเวลาอยู่กับเขามันมากกว่าเดิมเป็นร้อยเป็นล้านเท่า เมื่อก่อนมันเคยเป็นความสุขของคนที่ได้รักใครสักคนจนสุดหัวใจ แต่ตอนนี้มันคือความสุขของคนที่ได้รักและได้รับรักจากคนที่รักมากที่สุด
ความสุขที่ผมไม่เคยคิดว่ามันจะมีจริง
εїз
"มึงจะทิ้งกูจริงๆหรอ"
"เห้ย ทิ้งเทิ้งอะไรเล่า มึงก็นะ"
"แล้วแบบนี้ไม่ทิ้งแล้วจะเรียกว่าอะไร..เออ ช่างเหอะ" ไอ้บอลมันว่าก่อนที่จะเดินไปที่โต๊ะเขียนหนังสือที่อยู่ปลายเตียงของมัน นั่งลงพร้อมกับหยิบหูฟังขึ้นมาครอบหูเป็นการบอกว่ามันไม่อยากจะคุยอะไรกับผมอีกแล้ว
"เห้ย ไอ้บอล อย่าทำแบบนี้ดิวะ หันมาคุยกับกูก่อน" ผมเดินไปนั่งที่ปลายเตียงมัน ยื่นมือไปวางบนไหล่เขย่ามันแรงๆหลายครั้งจนมันโมโห
มันสะบัดไหล่ทิ้งแต่ผมก็ยังเพียรเขย่าอยู่อย่างนั้น จนในที่สุดมันก็ทนไม่ได้หันกลับมาคุยกับผม
ผมยิ้มแป้นมองหน้ามันทำตาปริบๆ ผมรู้จักมันดีจะตาย ไอ้บอลน่ะมันเป็นคนโมโหร้ายแต่ก็ใจอ่อนง่ายเกินใคร
"มึงจะอะไรกับกูนักหนา"
"ก็มึงโกรธกูทำไมเล่า"
"..."
"มึงจะพูดอะไรก็พูดมา กูขอล่ะ กว่ากูจะดีกับภัทรได้ มึงก็รู้ว่ากูอยากอยู่กับเขามาตั้งแต่แรก มึงเข้าใจกูหน่อยดิวะ"
"กูรู้เว้ย แต่คือมึงมาบอกกูกะทันหันแบบนี้ แล้วแม่งกลางเทอมด้วย กูจะไปหาเมทใหม่มาจากไหน ค่าห้องก็แพงจะตาย"
"กูหาให้มึงได้ล่ะ"
"หืม..ตอนไหนว่ะ ทำไมเร็วจัง ใครว่ะ"
"ไอ้สิง"
"ไอ้สิง? เพื่อนที่คณะมึงอ่ะนะ" มันถามผมด้วยท่าทางตกอกตกใจเล็กน้อย แต่มันก็เก็บอาการได้ในทันทีอย่างค่อนข้างเนียนทีเดียว นี่ถ้าผมไม่รู้เรื่องของพวกมันจากไอ้สิงมาก่อน ผมคงไม่สงสัยอะไรเลยด้วยซ้ำ
"อือ ไอ้สิง"
"ทำไมอยู่ๆถึงเป็นมัน กลางเทอมแบบนี้มันจะอยากย้ายห้องทำไม แล้วมันรู้ได้ไงว่ามึงจะย้ายออก มึงบอกมันก่อนบอกกูหรอ มึงทำอย่างนี้กับกูได้ไงวะ" ผมอมยิ้มเมื่อไอ้บอลเริ่มรัวคำถาม แถมยังหันหน้าไปทางหน้าจอคอมทำเป็นคลิ๊กนั่นคลิ๊กนี่ไม่หยุดเหมือนแม่งไม่ได้ใส่ใจ
ไอ้อ่อนเอ๊ย ทำไมมึงล่กแบบนี้วะ
"ใจเย็นมึงใจเย็น" ผมว่ากลั้วหัวเราะ ทำให้มันหันขวับมามองทันที หรี่ตาลงอย่างไม่ไว้ใจ
"มึงมีแผนอะไรกัน มันมีอะไรมากกว่าที่มึงบอกกูใช่ไหม"
"ไม่มีๆ ไอ้เหี้ย ขอกูเล่าก่อน"
"..."
"ก็ไอ้สิงมันเปรยๆว่ามันอยากย้ายมาอยู่หอ ตอนนี้มันไปกลับบ้านมันทุกวัน มันบอกมันเหนื่อย" ผมเริ่มเล่าตามที่เตี๊ยมกันไว้กับไอ้สิง
"แล้วพอดีกูก็คิดเรื่องอยากย้ายไปอยู่กับภัทร กูก็เลยลองถามมันดู มันก็โอเค"
"..."
"ทำไมวะ กูก็เห็นว่ามึงคุยกันดี มึงไม่ชอบมันหรอ"
"ก็ไม่ใช่ว่าไม่ชอบ..." ไอ้บอลพึมพำออกมาเบาๆ ตาคมของมันเหม่อมองไปตรงกำแพงห้องเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่
"แต่ถ้ามึงลำบากใจ เดี๋ยวกูคุยกับภัทรเอง กูย้ายเทอมหน้าก็ได้ รอมึงหาเมทใหม่ได้ก่อน"
"..."
"แล้วไอ้สิง เดี๋ยวกูไปบอกมันเองว่ามึงไม่อยาก..."
"ไม่เป็นไร!" ไอ้บอลรีบตัดบทผมขึ้นมาให้ผมชะงักไปก่อนจะได้พูดจนจบประโยค "เดี๋ยวมันจะเข้าใจผิดว่ากูไม่อยากอยู่กับมัน จะผิดใจกันเปล่าๆ"
"เห้ย มึงคิดดีๆ มึงไม่ต้องเกรงใจนะเว้ย รูมเมทแม่งโครตสำคัญเลยอะ ถ้าเข้ากันไม่ได้มึงจะอยู่ไม่ได้นะ" ผมพูดออกไปจากใจ ถึงจะเชียร์ไอ้สิง แต่ถ้าไอ้บอลมันไม่โอเคผมก็ไม่อยากจะฝืนมันหรอกนะ
"เออ..กูไม่ได้ลำบากใจอะไร มันแค่เร็วไปหน่อย กูเลยคิดไม่ทัน แล้วอีกอย่างกูก็ไม่อยากขัดความสุขของพวกมึงด้วย อุตส่าห์ได้ดีกับภัทรแล้ว"
จุ๊บ
"ไอ้เหี้ยเป้! ไอ้ทุเรศมึงทำอะไร ขี้กลากจะขึ้นหัว" ไอ้บอลโวยวายใหญ่ เอามือถูเช็ดหน้าผากซ้ำๆตรงที่ผมจุ๊บมัน แต่แทนที่ผมจะเข็ด ผมกลับอ้าแขนกอดมันแน่นไม่ยอมปล่อย
"ขอบใจมึงมากเลยว่ะไอ้บอล ขอบใจจริงๆ สำหรับทุกอย่างเลย"
มันนิ่งลงทันทีเมื่อผมพูดออกไปด้วยน้ำเสียงจริงจัง อยู่ๆพอคิดว่าจะไม่ได้อยู่กับมันแล้ว ผมก็อยากบอกความในใจให้มันฟังสักครั้ง
"..."
"ไม่มีมึง กูไม่รู้เลยจริงๆว่าวันนี้กูจะมีสภาพแบบไหน ขอบใจมึงที่ทำให้กูผ่านเรื่องที่แม่งโครตยากได้ง่ายกว่าเดิม"
"เออ แค่เห็นพวกมึงมีความสุขแบบนี้ กูก็ดีใจแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกูอยากให้มึงจำไว้ว่ายังมีพวกกูอยู่ ถ้าภัทรไม่รักมึงแล้วมึงก็กลับ.."
เพี๊ยะ!
"โอ๊ย ไอ้เหี้ยเป้! ตีปากกูหาพ่อง"
"ก็มึงพูดเรื่องไม่เป็นมงคลไอ้ห่า ถอนคำพูดมึงเลยนะ"
"คำไหน ที่กูบอกว่าภัทรไม่รักมึงอะนะ มึงจะให้กูถอนคำพูดที่ว่าภัทรไม่รักมึงหรอ"
"ไอ้ควายยยย ห้ามพูดอีก!!!!" ผมเสียงดังพร้อมทิ้งตัวนอนลงบนเตียงนอน เอาหมอนมันมาปิดหูผมไว้แน่น ไอ้บอลลุกตามมาประชิดตัวผมในทันที เน้นทุกคำว่าภัทรไม่รักให้ผมเจ็บหัวใจเล่นๆไม่ยอมหยุด
"ทำไมวะ แค่กูพูดว่าภัทรไม่รักมึง มันก็ไม่ได้แปลว่าภัทรจะไม่รักมึงสักหน่อย ถึงกูจะคิดว่าภัทรไม่รักมึง ถึงคนทั้งโลกจะคิดว่าภัทรไม่รักมึง แต่ถ้ามึงมั่นใจแล้วทำไมมึงถึงคิดว่าภัทรจะไม่รักมึงวะ"
"ไอ้เชี่ยบอล ไปไหนก็ไปเลยไอ้ควายยยย"
εїз
ณภัทร
ก๊อก ก๊อก
ผมมาถึงหน้าห้องพักของเป้ตอนประมาณหกโมงเย็น สองมือมีวัตถุดิบมากมายที่ผมเพิ่งไปซื้อมาจากตลาดหลังมหา'ลัยเพื่อมาทำสุกี้กินกันที่ห้องเขา
วันนี้ผมตื่นเต้นเป็นพิเศษ เพราะมันจะเป็นครั้งแรกที่ผมจะได้เจอบอลอีกครั้งหลังจากที่เขาไปรับเป้ออกมาจากห้องผมในวันเกิดวันนั้น
ผมยังจำสายตาสุดท้ายที่เขามองผมได้ดี สายตาที่ปะปนไปด้วยความผิดหวังและความโกรธแค้น
มันก็สมควรแล้วแหละ เพราะผมเป็นคนที่ทำให้เพื่อนเขาต้องทรมานมาตลอด แถมยังใช้ความหวังดีของบอลที่มีต่อเพื่อนของเขาในการทำร้ายกันอีก
แอ๊ด..
ผมกลั้นหายใจตอนประตูห้องเปิดออก พยายามปั้นยิ้มที่คิดว่าดูเป็นมิตรที่สุดค้างไว้เมื่อคิดว่าจะต้องเจอคนที่ยังอยากเป็นเพื่อนด้วยที่สุดอีกครั้ง
"..." ผมพรูลมหายใจออกยาวเหยียดเมื่อมันเป็นเป้ที่เป็นคนเปิด ก่อนจะมุ่ยหน้าลงเมื่อโดนเขาหัวเราะเยาะใส่ที่ผมเกร็งซะมากมายขนาดนี้
"เข้ามาก่อนเร็ว ซื้ออะไรมาเยอะแยะไปหมดเลย" เขาว่าพร้อมยื่นมือมาคว้าถุงพลาสติกในมือของผมไปถือไว้เองก่อนจะหันหลังเดินเข้าไปด้านในห้อง ผมถอดรองเท้าออกอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเดินเก้ๆกังๆตามเขาเข้าไป
"อ้าวภัทร มาแล้วหรอ"
"หวะ..หวัดดี" ผมสะดุ้งเมื่อจู่ๆก็ประชันหน้าเข้ากับคนที่ผมแอบกลัวที่สุด เขาเปิดประตูห้องน้ำออกมาพร้อมทักผม ยิ้มให้นิดก่อนจะเดินเลยไปหาเป้ คว้าถุงพลาสติกมาเปิดดูว่าผมซื้ออะไรมาบ้าง
"วู้หู้ หมี่หยก
" บอลว่าเสียงร่า ผมหลุดยิ้มเมื่อมองท่าทางดีใจของเขา คิดในใจว่ามันช่างคุ้มเหลือเกินที่อุตส่าห์เดินตามหาหมี่หยกทั่วตลาด เพราะผมจำได้ว่าเมื่อก่อน เวลาไปกินสุกี้ด้วยกันทีไร บอลชอบสั่งเบิ้ลหมี่หยกมากินคนเดียวตลอด
ผมที่ใจชื้นขึ้นมาบ้างแล้วเดินไปรวมกลุ่มกับเขาทั้งสองคน เราจัดการแบ่งงานกันเพื่อจะได้เริ่มต้นกินสุกี้กันเร็วๆ ผมกับเป้ช่วยกันล้างและจัดการกับของสดอย่างผัก ลูกชิ้น และเนื้อ ส่วนบอลก็จัดการกับจานเครื่องเคียงอื่นๆที่เหลือ
"อ้าว น้ำจิ้มสุกี้หมดแล้วนี่น่า" บอลว่าขึ้นหลังจากที่เปิดตู้แล้วตู้เล่าแล้วยังไม่เจอน้ำจิ้มสุกี้สักที
"งั้นเดี๋ยวเราลงไปซื้อเอง อยากเอาอะไรเพิ่มไหม"
พอเขาว่าอย่างนั้นเป้เลยบอกให้เขาซื้อน้ำอัดลมกับของกินเล่นมาเพิ่มด้วย
พอเขาออกจากห้องไป เป้ก็เลยผละไปเริ่มจัดโต๊ะ เขาเอาโต๊ะญี่ปุ่นมากางออก หยิบหม้อสุกี้ไฟฟ้าออกมาตั้งไว้ตรงกลาง ก่อนจะเริ่มลำเลียงของสดที่พวกเราช่วยกันล้างและจัดใส่จานเอาไว้ไปวางไว้ที่พื้นข้างโต๊ะ
"เป้..." ผมที่กำลังวุ่นๆกับการเตรียมของสดใส่จานชะงักเมื่อเป้เข้ามาสวมกอดผมจากทางด้านหลัง กระซิบถามข้างหูเบาๆให้ผมย่นคออย่างกระจั๊กกระจี้ก่อนที่จะหันไปเผชิญหน้า
"หายกลัวหรือยัง"
"ก็..ไม่รู้สิ" ผมรู้ทันทีว่าเขาหมายถึงอะไร ก็เป้น่ะช่างสังเกตจะตาย เขารู้ทันผมตลอด เป้คงรู้ว่าผมในตอนนี้ไม่เป็นตัวของตัวเองเลยสักนิด
"ก็เหมือนบอลจะไม่ได้เกลียดเค้าหรือเปล่านะ"
"จะเกลียดได้ไง.."
"แล้วจะไม่เกลียดได้ไง เค้าทำไปตั้งขนาดนั้น"
"ก็เค้าเล่าให้มันฟังแล้วว่าภัทรทำไปเพราะอะไร เลิกคิดมากได้แล้ว ผมหงอกจะขึ้นแล้วเนี้ย"
ผมย่นจมูกเมื่อเขาเอ่ยแซวผมอีกแล้ว "ใครจะเด็กเหมือนเป้ล่ะ ร้องไห้ขี้มูกโป่ง"
เป้หัวเราะก่อนที่จะโน้มหน้าลงมาขบปลายจมูกผมเบาๆ เขาเริ่มจูบซับที่เดิมก่อนจะเริ่มเลื่อนลงต่ำ ริมฝีปากของเราทั้งคู่สัมผัสกันซ้ำๆ จนเกิดเสียงจ๊วบจ๊าบดังในอากาศจนอดที่จะเขินไม่ได้
แต่ผมก็ไม่คิดที่จะหยุดเขาหรอกนะ
ตั้งแต่เรากลับมาคบกันอีกครั้ง ผมรู้สึกว่าเราสองคนใกล้ชิดกันมากขึ้นกว่าเดิม มันเหมือนกำแพงที่ถูกสร้างไว้ทั้งหมดโดยทำลายจนสิ้น ระยะห่างที่เหมือนจะมากมายลดลงมาเหลือศูนย์
แน่นอนว่าส่วนหนึ่งซึ่งเป็นส่วนใหญ่มันเป็นเพราะผม ผมที่กล้าพูด กล้าแสดงออกในสิ่งที่ตัวเองคิด ผมที่ลำดับความสำคัญของทุกสิ่งในชีวิตได้ถูกต้องซักที
ผม ที่กล้าจะรับผิดชอบ และเชิดหน้าสู้เพื่อสิ่งที่หัวใจผมเป็นคนเลือก
ไม่ทันที่อะไรต่ออะไรจะเลยเถิดไปมากกว่านั้น เราทั้งสองก็ต้องผละออกจากกันเมื่อประตูห้องถูกเปิดออกอีกครั้ง
"โอโห จัดโต๊ะกันเสร็จแล้วหรอ" ผมเลิกลั่กหันหลังกลับไปจับมีดหั่นหมูยอที่หั่นไปแล้วให้มันเล็กลงจนจะกลายเป็นหมูยอสับ
ใจนีงนึกหมั่นไส้เป้ที่ทำตัวเป็นปกติได้เนียนขนาดนั้น เขาเดินไปรับขวดน้ำจิ้มมาเปิดเทลงใส่ถ้วย ก่อนจะช่วยบอลยกจานชามไปวางบนโต๊ะ จัดการเทน้ำซุปลงไปในหม้อก่อนจะกดสวิตซ์เพื่อต้มน้ำให้เดือด
"แล้วนี่จะย้ายกันวันไหน"
ผมชะงักมือที่กำลังตักผักหลากหลายชนิดใส่ชามเมื่อจู่ๆบอลก็ถามขึ้น ตอนนี้ทั้งโต๊ะมีผมกับเขาแค่สองคน เป้กำลังคุยโทรศัพท์กับคุณแม่เขาที่ระเบียง
ที่จริงคือเป้จะย้ายมาอยู่กับผมต้นเดือนหน้าแล้ว แต่ผมยังไม่กล้าพูดเรื่องนี้กับบอลสักที รู้สึกผิดเหลือเกินที่ตัวเองเป็นคนกลับไปกลับมา วันหนึ่งอยากตีตัวออกห่างก็ทิ้งเป้ไว้กับเขา พออยากได้กลับก็มาทวงเอาง่ายๆแบบนี้
"เอ่อ..คือ.."
"รอบนี้เราไม่รับคืนแล้วนะ" เขาว่ากลั้วหัวเราะให้ผมหันไปมอง "ถ้าจะทิ้งมันก็เอาลงถังขยะไปเลยนะ เบื่อมาก ขี้โวยวาย ขี้เพ้อมาก ตอนโกรธกันก็ร้องไห้ทั้งวี่ทั้งวัน ตอนรักกันก็เพ้อหาตลอด เราไม่เป็นอันทำอะไรเลย"
ผมหลุดยิ้มเมื่อเขาเริ่มเล่าวีรกรรมเวลาอยู่ในห้องด้วยกันให้ฟัง และหัวเราะออกมาดังๆตอนที่เขาบอกว่าเป้งอแงหนักเวลาที่บอลแกล้งบอกว่าผมไม่รักเขา
"..."
"แล้วคือตอนที่ดีกันใหม่ๆนะ มันน่ะก็พูดอยู่นั่นแหละว่าภัทรบอกว่าไม่เคยที่จะไม่รักมันเลย ภัทรรักมันมาก อยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีมัน โครตเว่อร์อะ"
"โห..เล่าถึงขนาดนั้นเลยหรอ" ผมยกมือขึ้นเกาหลังคอ อดเขินไม่ได้แม้มันจะเป็นสิ่งที่ผมพูดจริงๆก็เถอะ
"เราขอบคุณบอลมากเลยนะ สำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง" ผมว่าขึ้นอีกครั้ง "แล้วก็ขอโทษจริงๆที่ทำให้ต้องลำบากมาตลอด"
เมื่อผมพูดจบบอลก็ได้แต่นิ่งมองมาที่ผม เราสองคนสบตากันสักพัก เขามองมาที่ผมด้วยแววตาที่ทำให้ผมรู้สึกอุ่นๆที่หน้าอกจนทำให้จู่ๆน้ำตาก็ทำท่าจะไหลออกมา
"ไม่เป็นไรเลยภัทร เราบอกภัทรแล้ว ว่าไม่ใช่แค่ไอ้เป้ แต่ภัทรก็คือเพื่อนเราเหมือนกัน"
"..."
"แล้วก็เลิกคิดได้แล้วว่ามันจะมีความสุขมากกว่าถ้าไม่มีภัทร เพราะคนอย่างมันน่ะ เก่งทุกอย่างนั่นแหละ ยกเว้นเรื่องภัทรเรื่องเดียว"
ผมหันไปมองคนที่กำลังยืนคุยโทรศัพท์อยู่ที่ระเบียง เมื่อเราสองคนหันมาสบตากันเขาก็ยิ้มกว้างและโบกมือมาให้ อยู่ๆผมก็จุกแน่นที่หน้าอก รู้สึกว่าตัวเองงี่เง่าเหลือเกินที่เคยทำให้เรื่องมันยุ่งยากได้มากมายขนาดนั้น
"ไม่มีวันหรอก เราไม่มีทางทำแบบนั้นอีกแล้วแหละ"
ทั้งๆที่ที่จริงเรื่องมันก็ง่ายแค่นี้
มันก็แค่เขารักผม
และมันก็แค่ผมรักเขา
"เพราะเราต่างหากที่จะอยู่ไม่ได้"
และเมื่อเราสองคนรักกัน
"ถ้าไม่มีเป้ เราก็ไม่รู้จะว่าอยู่ได้ยังไงจริงๆ"
มันก็ไม่มีอะไรต้องกลัวอีกแล้ว..
***********
#ณภัทรปณวัช
เขาก็รักกันแหละ เข้าช่วงขมวดปมแล้ว น่าจะอีก 2-3 ตอนก็จบแล้วค่ะ ถ้าเป็นเมื่อก่อนชั้นต้องให้บอลแอบชอบเป้แล้วแหละ 555 ดราม่ากันไปอีก
เรื่องของบอลกับสิงก็เปิดเรื่องแล้วน้า เขียนต่อจากเรื่องนี้เลยค่า ชื่อเรื่อง 'หมาเลียปาก #เล่นกับสิงสิงเลียปาก' น้า