FLIGHT 11 : บุคคลที่สาม?
ชอริต้านั่นเอง... ผู้ร่วมเที่ยวบินควบกับผู้ร่วมชั้นประหยัดในวันนี้... เทลิซ่ารู้สึกย่ำแย่มากกับการปฏิบัติหน้าที่กับเพื่อนรุ่นเดียวกัน แม้ว่าจะมีรุ่นพี่อยู่อีกสองคน ที่กำลังเดินไปเดินมาอยู่นอกห้อง GALLEY ที่ในขณะที่เธอกำลังจัดเตรียมชุดอาหารอยู่เงียบๆนี้เอง
“อะไร...” เสียงตอบรับห้วนๆ มองหน้าหญิงสาวที่กำลังเอากระจกขึ้นมาส่อง แล้วดันทรงตัวเองอย่างพออกพอใจ
“เธอว่าดีมั้ย...”
“ฮ้ะ!?” เทลิซ่าทำหน้างุนงง เมื่อเห็นท่าทางอวดทรงของหล่อนและคำถามที่ตามมา
“ฉันถามว่า ..เธอคิดว่าดีมั้ย.... ถ้าฉันจะนำกาแฟร้อนๆไปให้กัปตันของเราสักแก้วหนึ่งน่ะ..ฮึฮึฮึ!” เทลิซ่าแอบทำหน้าเหม็นอึ
ก่อนที่จะนำกล่องอาหารเข้าเตาเวฟไปอย่างไม่สนใจ
“นี่เธอ...ไม่ตอบก็ไม่เป็นไรนะยะ... แต่ฝากทางนี้ก่อนแล้วกัน...ฉัน...จะเอากาแฟไปเสิร์ฟกัปตันลูคัสก่อนล่ะ” ชอริต้าทำท่าจะกดกาแฟจากเครื่องทำกาแฟตรงหน้าใส่แก้วใบใหญ่สำหรับกัปตันและเพอร์เซอร์ ขณะที่เทลิซ่ามองอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนที่จะคัดค้าน
“แต่กัปตันไม่ได้สั่งนี่!?... แล้วเธอจะเข้าไปให้กัปตันได้ยังไง?... เธอต้องได้รับรหัสเข้าค็อกพิทก่อนนะ”
“แหม...ไม่เป็นไรหรอกน่า... ไปกดออดเรียกหน้าห้อง... ยังไงกัปตันก็ต้องเปิดให้ฉันอยู่แล้วล่ะ ฮุฮุฮุ!” เทลิซ่ามองนางฟ้าหน้าโง่ผู้หลงตัวเอง
“งั้นก็ตามสบายเถอะย่ะ!” เทลิซ่ากล่าวตอบอย่างเป็นมิตรที่แสนดี ก่อนที่จะเดินไปบิดอุณหภูมิของเตาไมโครเวฟอีกครั้งเพราะเธอนึกขึ้นได้ว่าเธอลืมบิดอุ่นนั่นเอง
++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++
นางฟ้าสะโพกสะท้านใจหนุ่ม เดินบิดก้นพร้อมถาดกาแฟในมือเดินขึ้นไปถึงหน้าห้องค็อกพิท ก่อนที่มือของหล่อนจะเอื้อมไปกดออดนั้น เธอก็ไม่ลืมที่จะดันหน้าอกของตนเองให้ดูเต็มตาคนมองมากยิ่งขึ้นพร้อมกับมองกาแฟในถาดสองถ้วยด้วยความพออกพอใจ และแล้ว..
ออด~!!
กัปตันลูคัส และโตไพลอตมอริสต่างมองไปที่จอมอนิเตอร์ภายในห้องค็อกพิทเป็นตาเดียวกัน ขณะที่เกิดสีหน้าสงสัยของคนทั้งคู่ตามมาเมื่อได้มองเห็นหน้าจอตรงหน้าแล้ว
“กัปตันสั่งกาแฟตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ?” โคไพลอตมองหน้ากัปตันลูคัสอย่างงุนงง
“เปล่านี่... ผมคิดว่าคุณสั่งเสียด้วยซ้ำ” ทั้งคู่ยังคงมองหน้ากันราวกับตัดสินใจอะไรบางอย่างไม่ถูกว่าจะเอายังไงดี แต่ในที่สุดแล้วกัปตันหนุ่มก็กดปุ่มไมค์แล้วเรียกแอร์โฮสเตสสาวที่ยืนเอวคอดอยู่นอกห้องเข้ามา
“เชิญครับคุณชอริต้า..รหัส 7070” ชอริต้าทำตาโตทันทีเมื่อได้ยินเสียงกัปตันหนุ่มก่อนที่หล่อนจะรีบกดรหัสและประตูห้องค็อกพิทก็เปิดออก หญิงสาวเดินก้าวเข้าไปพร้อมใบหน้าที่แต่งไว้ก่อนนี้อย่างจัดจ้านที่ทำเอาโคไพลอตเห็นแล้วทำหน้าอึ้ง..ก่อนที่จะรีบกลับไปควบคุมคอนโซลอย่างตั้งสมาธิอีกครั้ง... แต่ทว่ากลับกันกัปตันหนุ่มผู้ที่ไม่เคยทนไหวกับหญิงสาวมาดเฉี่ยวเช่นนี้กลับแสดงสายตาเรียบเฉยต่อชอริต้า แล้วยังมีสีหน้างุนงงมากกว่าจะยิ้มแย้มอย่างที่เคยเป็น
“เอ่อ... ผมไม่ได้สั่งนี่ครับ?” ชอริต้าได้ยินคำถามดังนั้น หล่อนยังคงยิ้มออกมาอย่างไม่เข้าใจความหมาย
“คือ... ดิฉันเกรงว่ากัปตันจะเหนื่อยนะค่ะ ไม่อยากให้กัปตันเพลียด้วย... ดิฉันเลยนำกาแฟมาเสิร์ฟให้ค่ะ” กัปตันหนุ่มหันไปมองโคไพลอต ที่นั่งเหงื่อตกอยู่ข้างๆที่ประจำตำแหน่ง
“ถ้าอย่างนั้น....” กัปตันหนุ่ม เอื้อมมือไปหยิบแก้วบนถาด ในมือของชอริต้ามาแก้วหนึ่ง... แล้วยื่นให้โคไพลอตมอริส ขณะที่เจ้าตัวผู้ที่กำลังนั่งเหงื่อแตกอยู่นั้นแสดงสีหน้างุนงงเมื่อเห็นกัปตันยื่นมาให้
“ขอบคุณนะคุณชอริต้า.... แต่สำหรับอีกถ้วยผมไม่รับดีกว่า...คุณเอากลับไปเถอะ” หากใบหน้าของชอริต้าทำด้วยแก้วในตอนนี้... มันก็คงจะร้าวหรือไม่ก็แตกละเอียดลงมากองกับพื้นห้องเป็นอย่างแน่แท้
“ต...แต่ว่า..กัปตันจะไม่...”
“ผมไม่รับครับ... ขอบคุณมาก.. ผมทานแล้วเรียบร้อย ขอบคุณจริงๆ...เชิญครับ” เป็นคำตอบรับผสมผสานกับความหมายที่บอกให้หล่อน “ออกไป” จากห้องๆนี้ ชอริต้ายิ้มหน้าเจื่อนหน้าอกตกก่อนที่จะออกมาจากห้อง...ทันทีที่ประตูปิดลง หญิงสาวกระทืบเท้าอย่างเจ็บใจในท่าทีเย่อหยิ่งของกัปตันหนุ่ม
“ทำเป็นไม่สนใจนะกัปตัน! คอยดูเถอะ! โอเวอร์ไนท์มาถึงเมื่อไหร่... เราได้เจอกันแน่!”
++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++
“จะรับอะไรเพิ่มมั้ยครับคุณโรบิน?” โรเจอร์ถามแขกวีไอพีด้วยสีหน้าที่แตกต่างจากความรู้สึก เมื่อถูกปฏิเสธจากแขกดังกล่าว สจ๊วตหนุ่มก็เดินกลับเข้ามาในห้อง GALLEY อีกครั้ง
“เฮ้อ!” โรเจอร์ถอนใจราวกับหมดอาลัยตายอยาก ขณะที่ทิมมี่ที่กำลังกุลีกุจอกับการจัดเรียงอาหารชุดพิเศษช่วงเวลาทีไทม์(เครื่องชาและเครื่องเคียงต่างๆ) ชายหนุ่มมองสจ๊วตรุ่นน้องที่มีอายุมากกว่าแล้วอดยิ้มอย่างเข้าใจดีถึงความรู้สึกในเวลานี้ของเขา
“ทำใจเถอะนะคุณโรเจอร์...การได้มายืนทำหน้าที่อยู่ในชั้นเฟิร์สคลาสแบบนี้ การมีรายได้ที่มากกว่าชั้นอื่นๆ ก็ย่อมต้องแลกกับความอดทนและอารมณ์ที่ต้องมีมากกว่าลูกเรือชั้นอื่นๆเป็นธรรมดานั่นแหล่ะ” โรเจอร์ยิ้มเมื่อได้ยินคำพูดนั้นราวกับเขาหายเหนื่อยขึ้นไปเยอะเลยทีเดียว
“เอ่อ... แล้ว...คุณจะออกไปเสิร์ฟเครื่องดื่มเลยหรือเปล่าครับ? ให้ผมช่วยนะ?”
“ไม่เป็นไรหรอก คุณเพิ่งกลับเข้ามา นั่งพักก่อนเถอะ... มีอะไรเดี๋ยวผมจัดการเองได้ครับ ขอบคุณมาก”
“ต..แต่ผมอยากช่วยคุณจริงๆนะครับ” ทิมมี่ชะงักเมื่อเห็นสีหน้าจริงจังเบื้องหน้า..
“อ...เอ่อ..คือ... ผมหมายถึง...ผมยังไม่ค่อยเหนื่อยเท่าไหร่...” โรเจอร์พูดเสียงติดขัดแต่ตรงกันข้ามกับใบหน้าของเขาเวลานี้ ซึ่งภาพตรงหน้าก็ทำให้ทิมมี่หลุดหัวเราะออกมาได้
“ฮะฮะฮะ... ผมว่าคุณไปล้างหน้าล้างตาจะดีกว่านะ... ผมไม่เป็นไรจริงๆสบายมาก ยังไงก็ต้องขอบคุณอีกครั้งนะครับ...” ทิมมี่ก้าวออกมาจากห้องพร้อมรถเข็นเสิร์ฟเครื่องดื่มด้วยรอยยิ้ม...ทิ้งให้โรเจอร์รีบหันเข้าหากระจกภายในห้องด้วยความหงุดหงิดตัวเองที่ดันแสดงสีหน้าถึงความเหน็ดเหนื่อยให้ทิมมี่เห็นเข้าจนได้ โทรศัพท์ภายในชั้นเฟิร์สคลาสดังขึ้นในเวลาต่อมา พอดีกับที่ทิมมี่กลับเข้ามาภายในห้อง GALLEY พอดิบพอดี
“ไม่เป็นไรครับ ผมรับเองคุณโรเจอร์” ทิมมี่อาสารับก่อนที่จะยกหูโทรศัพท์ที่ดังขึ้น
“สวัสดีครับ? ทิมมี่ครับ”
“ว่ายังไง?... ทานอะไรหรือยังทิมมี่?” บุคคลต้นเสียงเอ่ยถามขึ้น..พาให้สีหน้าของทิมมี่หายเหนื่อยไปอย่างประหลาด และกลับปรากฏรอยยิ้มบนหน้าขึ้นมา จนทำเอาโรเจอร์ที่ยืนมองอยู่นั้นแสดงสีหน้าสงสัยและพยายามเดาว่าใครโทร.เข้ามา
“เรียบร้อยแล้วครับกัปตัน...เอ่อ... ขอโทษทีนะครับ ผมยุ่งมากเลย...กาแฟของกัปตันผมเลยยังไม่ได้ยกไปให้” โรเจอร์เดาได้แล้วว่าใคร เขาแอบชักสีหน้าหงุดหงิดอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมกัปตันลูคัสจะต้องโทรศัพท์มาถามพี่ชายของแฟนตัวเองราวกับใส่ใจอะไรมากมายอย่างนี้
“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก... ฉันยังไม่หลับหรอกน่า...ตอนนี้ฉันให้คุณมอริสไปนอนพักผลัดกันคนละ15นาทีน่ะ.. ยังไงก็...อีกสักครึ่งชั่วโมง..เครื่องก็จะลงบอสตันแล้ว...สงสัยว่าฉันคงจะไม่ได้ดื่มกาแฟของนายเป็นแน่แล้วล่ะ” ทิมมี่ทำหน้าเจื่อน
“ข..ขอโทษจริงๆนะครับ”
“ล้อเล่นน่า..อย่าเครียดสิ.....เอ้อ... ถ้าอย่างนั้นเท่านี้นะ...ลงเครื่องแล้วเราคงได้เจอกัน”
“ครับผม...แล้ว....เจอกัน!” ทิมมี่วางสายหลังจากที่กัปตันหนุ่มกดวางไปแล้ว..หนุ่มหน้าขาวยิ้มให้กับโทรศัพท์อย่างไม่รู้ตัวท่ามกลางสายตาที่จับจ้องมาของโรเจอร์ทำเอาทิมมี่รู้สึกได้ถึงการถูกมองด้วยสายตาแบบนั้นอีกครั้งหนึ่ง
“ม..มีอะไรหรือเปล่า?” ทิมมี่ถามพลางคลี่สีหน้าที่ยิ้มแย้มเมื่อครู่ออก เมื่อเห็นสีหน้าของคนตรงหน้าที่ดูตรงข้ามกับเขาอย่างชัดเจน
“ไม่มีอะไรหรอกครับ... ผมขอตัวไปบริการผู้โดยสารก่อนแล้วกัน...ผมได้ยินเสียงออดเรียก” โรเจอร์พูดสั้นๆก่อนที่จะเดินออกไปด้วยสีหน้าที่ทิมมี่ไม่เข้าใจเอาเสียเลยว่าทำไมอยู่ๆ เดี๋ยวเขาก็ดูอารมณ์ดี แต่บางครั้งเขาก็กลับดูหงุดหงิดกับอะไรบางอย่างขึ้นมาโดยที่ทิมมี่เองก็ไม่รู้ถึงสาเหตุนั้น
“พิลึกคน...”
ถึงเวลาก่อนที่เครื่องจะลงผู้โดยสารทุกระดับชั้นจะเตรียมตัวรัดเข็มขัดกันพร้อมหน้า แต่ทว่าดูเหมือนคุณโรบิน แห่งชั้นเฟิร์สคลาสหรือผู้เป็นผู้โดยสารวีไอพีของเที่ยวบินลำนี้..กลับจะดูไม่ใส่ใจต่อคำเตือนหรือแสงไฟบนแผงตรงหน้าเอาเสียเลยว่าให้รัดเข็มขัดเพื่อความปลอดภัย จนทำให้ต้องลำบากทิมมี่ที่ต้องเดินมาทำหน้าที่ลูกเรือที่ดีแก่ผู้โดยสาร
“คุณโรบินครับ... รบกวนช่วยรัดเข็มขัดนิร....อ้ะ...!” ราวกับช่วงเสี้ยวนาที.. ที่ความห่วงใยผู้โดยสารนั้นกลับถูกเหยียดหยามด้วยฝ่ามือของผู้โดยสารวีไอพีหนุ่ม...คุณโรบินเอื้อมมือมาวางลงที่สะโพกของทิมมี่! ขณะที่ชายหนุ่มหน้าขาวแสดงสีหน้าตกใจเล็กน้อย.. แต่อากัปกิริยากลับไม่ได้ดูตกใจมากมายเท่าไหร่นักหากจะเทียบกับความรู้สึกส่วนลึกในเวลานี้... แต่ทว่าดูเหมือนสายตาของใครบางคนที่นั่งรัดเข็มขัดอยู่ด้านหลังห้องผู้โดยสาร จะดูไม่พอใจมากที่เห็นทิมมี่ถูกเหยียดด้วยฝ่ามือโสโครกนั้นของคุณโรบิน สายตาแข็งกร้าวนั้นก็คือ... โรเจอร์ ซินแคลร์ นั่นเอง!
จรรยาบรรณ คือเครื่องมือสำคัญที่ทำให้มืออาชีพในการบริการอย่าง ทิมมี่ ดรอว์เยอร์... เผยยิ้มตอบโต้แทนความโมโหที่พุ่งสุดขีดอยู่ในจิตใจ หนุ่มหน้าขาวถอยตัวออกมาอย่างนอบน้อม แต่เมื่อนึกขึ้นได้อีกทีก็ยังไม่วายจะตรงเข้าไปใกล้คุณโรบิน และรัดเข็มขัดนิรภัยให้อีกเสียด้วย...โดยไม่ได้แยแสเลยว่าสายตาลามกของคนดังกล่าวจะกำลังโลมเลียร่างกายของทิมมี่อยู่อย่างปรารถนา...ส่วนทิมมี่เองนั้นก็ไม่ได้ตาบอดอะไร แต่เพียงทำเป็นไม่เห็นแล้วยิ้มใส่ให้กับความโสโครกของคนผู้นี้ก็เท่านั้นเอง
กึง! กึง! กึง!
เสียงอันเป็นปกติยามที่ล้อแตะพื้นรันเวย์ แต่ที่จะไม่ปกติในยามนี้ก็คือ ทิมมี่ ดรอว์เยอร์ ที่ยังคงเดินอยู่ในห้องผู้โดยสารสืบเนื่องจากการไปดูแลความปลอดภัยให้กับแขกลามกจกเปรตผู้นั้น แรงกระแทกอันเป็นผลจากการที่ล้อแตะพื้นรันเวย์ ทำให้ร่างบางของทิมมี่เซและทำทีจะล้มลงกับพื้นเสียให้ได้ แต่ดูเหมือนจะมีใครบางคนเร็วต่อภาพตรงหน้า... โรเจอร์ ซินแคลร์! ปลดเข็มขัดของตัวเองออก ก่อนที่จะตรงเข้าไปโอบร่างของทิมมี่ ดรอว์เยอร์เอาไว้ ท่ามกลางสายตาและความรู้สึกประหลาดของตัวทิมมี่... ที่นานมาแล้ว... เขาไม่เคยถูกอ้อมกอดจากผู้ชายคนไหนที่ตรงเข้ามาช่วยเหลือเขาได้ยามที่เขาล้มลงเช่นนี้... ใช่... เขาหมายถึงคนในครอบครัวเขาต่างหาก..
“ข..ขอบคุณครับ...” ทิมมี่กล่าวขณะที่ใบหน้าของคนทั้งคู่อยู่ใกล้กันเพียงไม่ถึงคืบดี.. รอยยิ้มร้อยเสน่ห์บนใบหน้าขาวของโรเจอร์ปรากฏขึ้นอย่างพอใจที่เห็นคนตรงหน้าปลอดภัยไม่ล้มลงไปกระแทกกับอะไรเสียก่อน
“ไปนั่งประจำที่ดีกว่าครับ” โรเจอร์กล่าวแต่ยังไม่ยอมคลายอ้อมกอดจากคนที่ร่างบางกว่า คนทั้งสองประคองตัวกันไปมา
ท่ามกลางเสียงของกัปตันลูคัสจากลำโพงที่ดังไปทั่วทุกห้อง ว่า ณ เวลานี้ ยังไม่ควรที่จะปลดเข็มขัดออกจากตัว เพราะเนื่องจากยังไม่สามารถเข้าจอดเทียบท่าได้สืบเนื่องจากการจราจรบนรันเวย์ที่ดูโกลาหลและติดขัด ในยามที่เครื่องบินขึ้นลงมากมายในเวลาเช่นนี้
“ขอบคุณอีกครั้งนะครับ” ทิมมี่กล่าว เมื่อคนทั้งคู่มาถึงที่นั่งประจำที่ได้อย่างปลอดภัย ท่ามกลางตัวเครื่องที่สั่นคลอนอยู่ไม่หยุด และก็ได้รอยยิ้มตอบกลับมาจากโรเจอร์ ก่อนที่เขาจะพูดตอบว่า..
“ถ้าเป็นคำขอบคุณเป็นอย่างอื่น... ก็คงจะดีนะครับ...”
“...ฮ...ฮะ?..” ทิมมี่ส่งเสียงราวกับได้ยินไม่ชัด แต่โรเจอร์กลับส่ายหน้าอย่างยิ้มๆราวกับอย่าคิดใส่ใจในสิ่งที่เขาพูด... แต่จะได้อย่างไรกันล่ะ ก็ในเมื่อทิมมี่ ดรอว์เยอร์... ได้ยินคำพูดดังกล่าวอย่างชัดเจนเลยน่ะสิ
++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++
-โรงแรมโลแกนแอร์พอร์ต-
ทิมมี่เดินเข้ามาถึงในโรงแรมพร้อมกับโรเจอร์ เควิน เทลิซ่า และชอริต้า ส่วนลูกเรือคนอื่นๆรวมถึงคุณโรสรอยด์และกัปตันลูคัสเดินทางมาถึงก่อนหน้านี้แล้ว ทันทีที่ทิมมี่ลากกระเป๋าเข้ามาเขาก็เห็นกัปตันลูคัสทำหน้าแปลกๆที่ตรงหน้า
“ทิมมี่ เราได้ห้องพักห้องเดียวกับคุณลูคัสนะจ้ะ” คุณโรสรอยด์เอ่ยขึ้นพร้อมคีย์การ์ดในมือที่ยื่นมาให้ ทิมมี่เหลือบมองกัปตันหนุ่มที่ยืนยิ้มบางๆอยู่เบื้องหน้า ขณะเดียวกันโรเจอร์รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างไม่รู้เหตุผล
“ส่วนโรเจอร์กับเควินพักห้องเดียวกันนะจ้ะ แล้วก็ชอริต้ากับเทลิซ่าห้องคู่เช่นกัน แล้วก็..เอ่อ..ค..คุณบาเรลล์ได้พักห้องเดี่ยวค่ะ..” ดูเหมือนจะมีสายตาจากหลายคนแอบมองไปทางบาเรลล์ด้วยความไม่พอใจรวมถึงเทลิซ่าที่แอบหันไปมอง พอดิบพอดีกับจังหวะที่บาเรลล์หันมามองทางเธอพอดี
“มีปัญหาอะไรหรือเปล่าสาวสวย?” คำถามเย้ยหยันของบาเรลล์ที่ยิ้มอย่างพอใจกับสายตาขุ่นๆของเทลิซ่านั้น
“เปล่า...ไม่มี!”
“ถ้าเธอมี... ก็มานอนกับฉันก็ได้นะ...หึหึหึ” สจ๊วตหนุ่มที่คิดว่าตนแน่กล่าวขึ้น... และก่อให้เกิดความรู้สึกแย่ๆให้กับหลายๆคนในเวลาต่อมา โดยเฉพาะทิมมี่ที่ยืนมองบาเรลล์ด้วยสายตาไม่พอใจเช่นกัน แต่ทว่า..ฝ่ามืออุ่นของกัปตันลูคัสก็กลับวางลงบนไหล่ของเขาจนทำเอาทิมมี่สะดุ้งเล็กน้อย
“ขึ้นห้องเรากันดีกว่า....ไปเถอะ!” กัปตันหนุ่มพูดด้วยสีหน้าเรียบนิ่งราวกับบีบมือเบาๆลงบนไหล่นั้นให้หนุ่มหน้าขาวเดินตามเขามาโดยเร็ว ทิ้งให้โรเจอร์ยืนถอนหายใจฟืดฟัดอย่างไม่สบอารมณ์ จนเควินแอบสังเกตได้
“เป็นอะไรหรือเปล่าคุณ?” เควินถามหน้าเรียบๆ
“..ม..ไม่มีอะไรครับ...”
“ไปๆ เราขึ้นไปพักกันบ้างดีกว่า...” เควินพูดแล้วเดินนำไป ขณะที่โรเจอร์ก็เดินตามไปอย่างหงุดหงิดเช่นเดียวกัน... ส่วนชอริต้ากับเทลิซ่าก็ไม่ต้องพูดถึง หล่อนเดินตามกันไปโดยทิ้งระยะขนานราวกับหล่อนทั้งสองพักกันคนละห้องอย่างไรอย่างนั้นเลยทีเดียว
ทิมมี่ อาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อย หนุ่มหน้าขาวแอบกวาดสายตามองไปรอบๆ เพื่อมองหาผู้ร่วมห้องอย่างสงสัยว่าเขาหายไปไหนในเวลานี้? แต่ทว่าเขาก็กลับเห็นร่างสูงยืนอยู่นอกระเบียงห้อง โดยมีลมพัดตึงจนเผยให้เห็นสีหน้าอันหม่นหมองอย่างแปลกพิกลบนใบหน้าของกัปตันหนุ่มผู้นั้น
“เอ่อ... คุณไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าหรือครับ?” ทิมมี่ถามเมื่อเลื่อนประตูออกไปยืนร่วมระเบียงห้อง ณ เวลานี้... กัปตันหนุ่มสะดุ้งเล็กน้อยก่อนหันมาส่งสายตาที่ตรงกันข้ามกับสีหน้าเมื่อครู่
“ย..ยังหรอก... ฉันรอไปดินเนอร์กับนายอยู่...”
“คุณจะไปดินเนอร์ชุดกัปตันนี่น่ะหรือครับ?” ทิมมี่ถามหน้ายิ้มๆ
“ทำไมล่ะ? ไม่เท่เหรอ? นึกว่านายจะชอบเสียอีก” คำพูดของกัปตันหนุ่ม ทำเอาหนุ่มหน้าขาวยืนทำหน้าไม่ถูก...พลางพยายามคิดว่า คงไม่มีความหมายอะไรพิเศษในคำพูดนั้นหรอกมั้ง...
“หึ... ผมว่าคุณน่าจะล้างหน้าล้างตาสักหน่อยก็ยังดีนะครับ ดูคุณเพลียๆยังไงไม่รู้...”
“อืม...ก็ว่าอย่างนั้นล่ะ ..รอฉันแปบเดียวนะ”
“..........................เอ่อ.............เดี๋ยวครับ...คุณลูคัส..” ทิมมี่เรียกเขาไว้ ขณะที่ชายหนุ่มกำลังจะเดินตรงมาเพื่อเข้าไปในห้อง
“มีอะไรเหรอ?...” กัปตันหนุ่มถามพลางสังเกตเห็นสีหน้าแปลกๆของทิมมี่ในเวลานี้...
“......ผมอยากจะรู้ว่า.......ทำไม.......คุณถึงคิด...ที่จะกลับไปคบกับพี่สาวผมอีก...” กัปตันหนุ่มได้ยินคำถามนั้น ภายในใจเขารู้สึกชะงักไปมากทีเดียว แต่บนสีหน้ากลับข่มความรู้สึกและความจริงบางอย่างที่ปกปิดเอาไว้ในเวลานี้ได้อย่างดีจนหนุ่มหน้าหยกตรงหน้ามิอาจคาดเดาได้เลยว่าเขาทำแบบนี้ เพราะทำด้วยความสำนึกผิด หรือทำเพราะความเต็มใจ.. หรือเพราะทำเพื่ออื่นใดกันแน่!?
“ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้หรอกทิมมี่.... ฉัน....แค่อยากจะทำอะไรเพื่อน้องสาวของนายได้บ้าง...” ทิมมี่ฟังแล้วรู้สึกไม่เคลียร์..'งึ่กๆงั่กๆ
++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++