วงล้อที่สี่ ผวา
เอกสารสัญญาแผ่นหนึ่งถูกวางลงบนโต๊ะ ก่อนที่มือเรียวสวยแต่ติดจะคร้ามแดดจะหยิบขึ้นมาดู แล้วจึงเงยหน้ามองถามคนที่นำกระดาษพวกนี้มาวาง “อะไร”
“สัญญาของคุณชั้นยี่สิบเก้าครับ” อาเฉินตอบด้วยความนอบน้อม เขาตอบเสร็จก็เลือกหลบตาบุคคลที่สนทนาด้วย ดวงตาหวาน ล้อมรอบไปด้วยขนตาที่ยาวงอนของผู้เป็นนาย ทั้งสาวน้อย สาวใหญ่หรือใครต่อใครที่ได้เห็นก็ต่างพากันหลงใหล แต่จะมีใครรู้บ้างไหม ภายใต้ดวงตาคู่นั้น เป็นเพียงการหลอกล่อเหยื่อให้ตายใจ หากเปรียบเปรยว่าถ้าสายตาฆ่าคนได้ เจ้านายของเขาคงฆ่าคนมาแล้วนับไม่ถ้วน
ทั้งที่ดวงตาก็แสนจะอ่อนหวาน แต่อาเฉินและอาคุณไม่เคยคิดแบบนั้นเลยนอกจากจะสัมผัสได้เพียงความน่ากลัวของสายตาคู่นี้เท่านั้น
ชายหนุ่มที่กุมบังเหียนคาสิโนปรายตาอ่านเอกสารนั้นเพียงชั่วครู่ก่อนจะวางมันลงแล้วหยิบแผ่นใหม่ขึ้นมา “แล้วแผ่นนี้?”
“เป็นสัญญาของคนใหม่ที่จะมาอยู่ชั้นยี่สิบเก้าครับ” คราวนี้อาคุณเป็นฝ่ายตอบบ้าง
“เหรอ” ชายหนุ่มยังทำแบบเดิมคือการปรายตามองกระดาษในมือก่อนจะวางลง เขาใช้ปลายนิ้วเคาะโต๊ะสองสามครั้ง
“เกิดอะไรขึ้น” เขาถามบอดี้การ์ด
“เขาลงไปที่ชั้นสี่ครับ” อาเฉินเป็นฝ่ายตอบ เป็นที่รู้กันดีว่าเด็กในสังกัดของบอสห้ามเข้าไปยุ่งย่ามชั้นที่หนึ่งถึงชั้นห้าของคาสิโน
“งั้นก็เปลี่ยน ส่วนคนใหม่ก็ตามนั้น” ไม่แม้แต่จะเอ่ยถามว่าทำไมคนนั้นถึงลงไปชั้นดังกล่าว เขาไม่สนใจ กฎก็คือกฎ
“บอสครับ” อาเฉินเรียกผู้เป็นนายเหมือนมีอะไรบางอย่างที่ต้องการจะพูดออกมา
“มีอะไรอีก”
“คือ เขาอยากจะขอโอกาสอธิบายครับ”
“ปฏิเสธไป” คนถูกขอให้ฟังตัดบทเสียงเด็ดขาด
“ครับบอส” สองบอดี้การ์ดรับคำก่อนจะถอยออกจากห้อง อาเฉินลงไปยังชั้นยี่สิบเก้าเพื่อจะพาคนเก่าไปส่งที่อยู่ใหม่ ส่วนอาคุณนั้นกดลิฟต์อีกตัวลงไปชั้นล่างสุดเพื่อออกไปรับคนใหม่มาอยู่แทน
บอสของพวกเขาก็เป็นแบบนี้ ถ้าทำผิดข้อตกลงก็ต้องถูกเฉดหัวออกไปโดยไม่มีคำอุทธรณ์ จริงๆ แล้วบอสไม่ได้มีกฎเกณฑ์อะไรมากนัก นอกจากเรื่องการพนันก็มีอีกเพียงข้อเดียวคือการมีความสัมพันธ์ซ้อนกับบุคคลอื่น แต่คนที่อยู่ชั้นยี่สิบเก้าส่วนใหญ่แล้วมักจะอยู่ไม่นานเพราะความโลภ
ไม่ทันไรก็เปลี่ยนคนอีกแล้ว
...
“ค่อยๆ กิน เดี๋ยวก็ติดคอหรอก” นวพลเตือนเพื่อนด้วยความเป็นห่วง
เลิกงานวันแรกของชีวิตพนักงานใหม่ ภาสกรก็รีบจ้วงข้าวเข้าปากอย่างกับคนตายอดตายอยาก
“หิวมาก”
“กลางวันไม่ได้ไปกินเหรอ”
“กิน” ภาสกรตอบทั้งที่ข้าวยังเต็มปาก
“แล้วทำไมถึงทำท่าเหมือนคนไม่ได้กินข้าว”
“เหนื่อยไง เหนื่อยมาก ไม่คิดเลยว่าแค่ถือถาดไปมามันจะเหนื่อยขนาดนี้” ภาสกรบอกพร้อมกับยกแก้วน้ำขึ้นมาดูดจนหมดแก้ว
“ปวดขาด้วย”
“บ่นเหรอ” นวพลผลักหัวเพื่อนเบาๆ “ทำงานมันก็แบบนี้แหละวะ พอร่างกายมันชินเมื่อไหร่ก็สบาย”
“จะชินจริงใช่ไหม” ภาสกรถามด้วยความคาดหวัง
“เออ ทำไมทำหน้าแบบนั้น ไม่สู้แล้วเรอะ ไม่ได้นะเว้ย เราช่วยแกสุดตัว จะมาบอกว่าไม่เอาแล้ว ไม่ได้นะ”
“เปล่าๆ ยังไงก็ทำต่ออยู่แล้ว เรารู้ว่ามาที่นี่ทำไม”
“จำได้ก็ดี”
“เราต้องหาเงินไปให้แม่”
“อืม แล้วนี่เริ่มงานที่ชั้นไหน”
“ชั้นสอง” ภาสกรตอบอย่างรวดเร็ว “พรุ่งนี้ก็ชั้นสอง”
“ตั้งใจทำงานด้วย อย่าทำตัวซุ่มซ่าม ทำหกเลอะแขกเข้าล่ะ บอสเรียกไปด่าแน่”
“รู้แล้วน่า ไม่ต้องมาขู่” คนหิวโซบอกปัดก่อนจะตักข้าวเข้าปากอีกคำใหญ่
“รีบกิน จะได้รีบกลับไปนอน”
“อือๆ”
ภาสกรตื่นขึ้นมาวันใหม่กับเนื้อตัวที่ปวดเมื่อย แขนแทบยกไม่ขึ้น ส่วนขานั้นไม่ต้องพูดถึง ขยับลำบากจนเขาคิดว่ากำลังเป็นอัมพาตไปเสียแล้ว เพราะไม่เคยทำงานหนักอะไรแบบนี้ ภาสกรก็อยากจะถอดใจและเก็บกระเป๋ากลับบ้านไปนอนกอดแม่เสียให้รู้แล้วรู้รอด แต่พอนึกถึงแม่ขึ้นมาได้ เขาก็รีบสลัดผ้าห่มออกจากตัวแล้วรีบคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าไปในห้องน้ำอย่างรวดเร็ว
“นึกว่าจะไม่ไหว”
“ไหวสิ ต้องไหว”
“อืม ไปกันเถอะ จะได้กินข้าวเช้าก่อนจะเริ่มงาน”
“ปะ”
“เริ่มงานเมื่อวานวันแรกเป็นไงบ้าง” วสันต์เดินเข้ามาในโรงอาหารสำหรับพนักงาน เห็นนวพลกับภาสกรกำลังนั่งทานมื้อเช้าอยู่จึงรีบเข้ามาถาม
“ปวดตัวไปหมดเลยครับ”
“ทนหน่อย เดี๋ยวก็หาย ไปเบิกยาทาแก้ปวดเมื่อยที่ห้องพยาบาลก็แล้วกัน เรื่องหยูกยา บอสให้เบิกได้ไม่จำกัด”
“ครับ”
“วันนี้ถ้ายกแขนไม่ค่อยขึ้นก็ใช้แขนอีกข้าง แต่ต้องระวังหน่อยล่ะ” วสันต์บอกก่อนเดินห่างออกไป ภาสกรจึงพยักหน้ารับคำหงึกหงัก
“นี่ นน”
“ว่า?”
“บอสนี่เป็นคนยังไงอะ หน้าตาเป็นแบบไหน” ภาสกรถามด้วยความสงสัย ทำไมใครๆ ก็เอ่ยชมบอสคนนี้นักหนา
“แกยังไม่เคยเจอเหรอ”
“อืม”
“ไว้เดี๋ยวก็ได้เจอเองแหละ ส่วนนิสัย จริงๆ แล้วเป็นคนน่ากลัวนะ ดุ พูดคำไหนคำนั้น เด็ดขาดอะ ที่เราเตือนเรื่องกฎที่ห้ามทำเพราะบอสไล่ออกจริงๆ โดยไม่สนใจด้วย แต่ปกติก็เอาใจใส่พนักงานอย่างพวกเรามากๆ ที่นี่เลยไม่ค่อยมีคนลาออกเพราะบอสไม่เอาเปรียบ”
“เหรอ” ภาสกรทำท่าคิดตามคำพูดของเพื่อน
“ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวแกก็ได้เจอ ปกติบอสลงมาดูคาสิโนด้วยตัวเองบ่อยๆ เอ้า รีบกินข้าว เดี๋ยวเข้างานสาย”
“อืม”
วันนี้การทำงานของภาสกรเป็นไปอย่างยากเย็นเพราะเขาต้องประคับประคองถาดเงินให้ไม่ให้คว่ำ ระวังเครื่องดื่มไม่ให้หก และยังต้องระวังไม่ให้ชนลูกค้าด้วย ยิ่งลูกค้าผู้หญิงนั้น มักจะชอบหยิกแก้มหรือบางทีก็จับแขนเขาบ้างละ ยิ่งทำให้การทรงตัวของเขาลำบากมากขึ้นไปอีก
แต่ทิปที่ถูกแบ่งมาก็ทำให้เขายิ้มได้
...
“เป็นไง เริ่มชินกับงานหรือยัง” นวพลถามเพื่อนตอนที่เลิกงานจากกะเช้าเหมือนกัน
“อืม เริ่มชินแล้ว” ภาสกรบอก ตอนนี้ร่างกายของเขาเริ่มปรับตัวได้แล้ว แขนไม่ล้า ขาก็เริ่มทนทานกับการเดินไปเดินมาตลอดทั้งวันแล้ว
“พรุ่งนี้เงินเดือนออกนะ”
“จริงดิ!” ภาสกรตาโตดีใจ ยิ้มกว้างออกมาราวกับถูกหวยรางวัลที่หนึ่ง
“อะไรจะตื่นเต้นขนาดนั้น” นวพลบอกพลางส่ายหน้าด้วยความที่ขำกับท่าทางของอีกฝ่าย
“เงินเดือน เดือนแรกเลยนะเว้ย”
“ทำงานหาเงินเองได้แล้ว โตแล้วนะแก”
“เอาอีกละ ก็โตมาพร้อมๆ กันไม่ใช่หรือไง” ภาสกรบ่นที่อีกฝ่ายชอบเห็นเขาเป็นเด็กอยู่ร่ำไป
“ได้คุยกับที่บ้านบ้างหรือเปล่า”
“อืม คุย วันเว้นวัน” ภาสกรพลางนึกถึงว่าแม่ดีใจเสมอเวลาที่เขาโทรหา ตอนที่เขาไปเรียนที่กรุงเทพฯ ก็จะโทรไปหามารดาแบบนี้เหมือนกัน
“คิดถึงอะดิ”
“ก็ไม่เชิง ตอนเรียนมหา’ลัย ก็ไม่ได้เจอเหมือนกัน คิดเสียว่ามาเรียนต่อ”
“คิดแง่บวกไว้ก็ดี จะได้ไม่ร้องไห้” นวพลจิ้มหน้าผากของเพื่อนด้วยความมันเขี้ยว
“ใครจะร้องไห้ บ้าเปล่าวะ” ภาสกรปัดนิ้วมือของเพื่อนออกด้วยความรำคาญ
“เงินเดือนออกจะเอาไปทำอะไร”
“ให้แม่”
“อย่าให้ไปจนหมดละ เหลือติดตัวบ้างไว้ก็ดี เผื่อฉุกเฉิน”
“อืม รู้แล้ว” ภาสกรบอก ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ เขาก็ไม่ค่อยได้ใช้เงินเท่าไหร่นัก ลำพังค่าทิปที่ได้รับในแต่ละวันก็มากเกินกว่าที่เขาจะคาดคิด โอนเงินเดือนให้แม่ไปหมด เขายังมีเงินที่ได้จากทิปมาใช้ได้อย่างสบาย
สบายแค่ไหน ข้าวฟรี น้ำไฟฟรี ห้องพักก็ฟรี ทุกอย่างฟรีไปหมด เขาจะเอาเวลาที่ไหนไปใช้เงิน
อ้อ มีเพียงอย่างเดียว ค่าโทรศัพท์ที่เขาต้องจ่ายเอง อินเทอร์เน็ตไม่อั้นไปเลยเพราะเขาต้องโทรผ่านเน็ตกลับไปหาแม่
“พาย เป็นไงบ้างลูก เหนื่อยไหม กลับบ้านเราไหม” ประโยคคลาสสิกของมารดาที่จะถามภาสกรทุกครั้งเมื่อบุตรชายคนเล็กโทรผ่านเน็ตมาหา
“แม่” ภาสกรเรียกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ใบหน้าระบายไปด้วยรอยยิ้ม “พายไม่เป็นไรครับ ที่นี่อยู่สบายมาก อาหารก็อร่อย เขามีแม่ครัวคนไทยด้วยนะแม่ ทำอาหารอร่อยมาก ผัดกะเพราก็อร่อย” ภาสกรก็ตอบเป็นประโยคเดิมเหมือนเช่นเคยทุกครั้ง
“ดูแลตัวเองด้วยนะลูก แม่เป็นห่วง”
“ครับ แม่ก็เหมือนกันนะ”
“จ้ะ แล้วทำไมวันนี้โทรมาแต่เช้าเชียวมีอะไรหรือเปล่า”
“พายโทรมาบอกว่าพายโอนเงินให้แม่แล้ว ห้ามเอาเงินไปให้พ่อด้วย เอาเงินนี่ไปฟอกไต แล้วถ้าหมอให้ทำมากกว่านี้ แม่ก็ห้ามขัดใจหมอนะครับ”
“โอนมาเยอะหรือเปล่า ไม่ต้องให้แม่เยอะหรอกรู้ไหม เก็บไว้ใช้เองบ้าง อยากได้อะไรก็ซื้อ ไม่ต้องคิดถึงแต่แม่ ว่าแต่พายมีเงินใช้ใช่ไหม” ภาพรรณบอกบุตรชายด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง เธอไม่ได้เลี้ยงลูกทั้งสองคนมาเพื่อให้มาดูแลเธอ แค่เพียงเห็นพวกเขาเติบใหญ่ ทำงาน ดูแลตัวเองได้ มีครอบครัวอย่างมีความสุข ก็เป็นสิ่งที่เธอดีใจมากที่สุดแล้ว
“มีครับ ทิปที่นี่เยอะมากเลย”
“จ้ะ ถ้ายังไม่อยากกลับ ก็ตั้งใจทำงานเข้านะพาย อย่าอู้ สู้ๆ นะลูก”
“ครับแม่” ภาสกรหัวเราะกับคำพูดของมารดาที่แกล้งบ่นเขา
“พี่พรีมฝากบอกให้โทรหาพี่พรีมบ้าง”
“พายก็พยายามโทร แต่ว่างไม่ตรงกับพี่พรีมเลย แต่พายก็ส่งข้อความไปหาตลอดนะครับ”
“จ้ะ เดี๋ยวแม่บอกพี่พรีมให้ว่าพรีมไม่ค่อยว่างคุยกับน้อง ดีไหม”
“แม่อะ เดี๋ยวพี่พรีมก็บ่นพายอีก”
“ล้อเล่นจ้ะ”
“พายไปอาบน้ำแต่งตัว ไปทำงานก่อนนะ”
“จ้ะ แล้วคุยกันใหม่”
“รักแม่มาก รักพี่พรีมด้วย”
“รักแม่ก็อย่าเพิ่งคว้าหนุ่มที่นั่นกลับมาก็แล้วกัน”
“แม่อะ พูดอะไรไม่รู้ แค่นี้นะครับ” ภาสกรรีบขอวางสายทันที แม่ชอบแซวเขาเรื่องแฟนอยู่เรื่อย ทั้งที่ก็รู้ว่าเขาไม่เคยทำอะไรแบบนั้น
…
สายตาคมกำลังมองไปยังจอโทรทัศน์ที่แสดงภาพในคาสิโนตามชั้นต่างๆ ภาพสลับกันไปมาจนมาหยุดที่ชั้นสี่ ดวงตาหวานล้อมกรอบด้วยขนตายาวที่ใครๆ ต่างพากันอิจฉากำลังฉายชัดว่าไม่สบอารมณ์
“บอสครับ” เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนที่อาเฉินจะเข้ามา
“มาก็ดี ดูนั่นสิ” เขาชี้นิ้วไปยังจอโทรทัศน์ตรงหน้าที่ถูกแขวนไว้เรียงรายกันหลายเครื่อง “เกิดอะไรขึ้น”
“ผมเพิ่งได้เรื่องมาเลยรีบเข้ามารายงานบอสทันทีครับ” อาเฉินรีบพูดโดยไม่รอช้า
“เร็ว”
“จากการตรวจสอบเป็นพนักงานในกล้องวงจรคือใหม่ของเราชื่อว่านายภาสกร เจริญชัย ตำแหน่งพนักงานเสิร์ฟเครื่องดื่มตอนนี้ดูแลอยู่ที่ชั้นสี่”
“ว่าต่อไป” เจ้าของคาสิโนบอกเสียงขรึม เขาอยากเข้าเรื่องนี้โดยไว
“ผมให้คนของเรารีกล้องดูแล้ว พนักงานของเราไม่ผิดครับ เขาทำตามหน้าที่ แต่คุณผู้หญิงที่สวมชุดกระโปรงแดงคนนั้นเป็นฝ่ายเข้ามาชนเอง คาดว่าเธอน่าจะเมา และเพราะระยะมันกระชั้นชิดเลยทำให้พนักงานของเราหลบไม่ทันครับ”
“แน่ใจ?”
“แน่ใจครับ” อาเฉินพยักหน้า กลืนน้ำลายอย่างหวาดๆ
“อาคุณไปไหน”
“ลงไปแก้ไขสถานการณ์ข้างล่างแล้วครับ”
“ดี อาเฉิน งั้นนายลงไปชั้นสี่กับฉัน”
“ครับ” อาเฉินรับคำก่อนจะรีบไปเปิดประตูออกให้ผู้เป็นเจ้านาย บอสของเขาหยิบเสื้อสูทมาสวมทับเสื้อเชิ้ตอย่างเรียบร้อยก่อนจะเดินผ่านไป
ทันทีที่บอสใหญ่ลงมาถึง เขาก็ได้ยินเสียงแหลมดัง เพราะชั้นนี้ค่อนข้างเงียบ เมื่อเกิดการทะเลาะวิวาท เสียงจึงดังชัด ทำให้ได้ยินอย่างง่ายดาย
“ทางเราจะนำชุดของคุณผู้หญิงไปซักรีดให้อย่างดีครับ”
“แล้วระหว่างนี้ล่ะ? ฉันจะใส่อะไร ต้องแก้ผ้าหรือไง!!” โทสะของหญิงสาวยังระเบิดไม่สิ้นสุด คนที่เพิ่งมาถึงปรายตามองเลยไปยังพนักงานที่เขาไม่คุ้นหน้ากำลังยืนก้มหน้า ตัวเหมือนจะสั่นเทานิดๆ
“เพราะแก เพราะแกคนเดียวเลย” หญิงสาวจิ้มนิ้วไปที่หน้าอกของภาสกรอย่างแรงหลายครั้งติดๆ กันจนร่างของภาสกรเริ่มเซถอยไปข้างหลัง
ทุกอย่างบนชั้นสี่กำลังชะงัก ไม่เว้นแม้แต่นักพนัน ไม่มีใครอยากเล่นต่อ พวกเขากำลังนั่งลุ้นดูมวยคู่สนุกๆ ว่าเรื่องนี้จะจบลงอย่างไร มีอะไรมาให้ดูแก้เครียดก็ดีไม่น้อย
นวพลอยู่ชั้นนี้ด้วยเช่นกัน เขากำลังเป็นห่วงเพื่อนจับใจ เจ้าตัวอยากเข้าไปช่วยแต่ไม่สามารถทำได้ ใจอยากจะรุดเข้าไปช่วยประคองภาสกรเพื่อนรัก แต่ก็ทำไม่ได้ดังใจเพราะถ้าเข้าไปตอนนี้เขากับภาสกรจะยิ่งเป็นที่ถูกจับตามอง เขาโล่งใจออกมานิดหน่อยเมื่อเห็นว่าบอดี้การ์ดของบอสที่ชื่ออาคุณช่วยประคองหลังของภาสกรเอาไว้ไม่ให้ล้ม
“ขอบคุณครับ” ภาสกรบอกคนที่ช่วยเขาไว้เสียงเบาแต่อีกฝ่ายก็ได้ยินชัดเจน
“อาเฉิน” บอสใหญ่ถามคนที่ยืนอยู่ข้างหลังตัวเอง ตอนนี้พวกเขาทั้งสองคนกำลังยืนอยู่หลังกลุ่มคนที่มีปัญหา
“ครับ บอส” อาเฉินก้าวขึ้นมาข้างหน้า ก้มหน้าลงเล็กน้อยเพื่อความนอบน้อมในการคุยกับอีกฝ่าย
“แน่ใจนะว่าไม่ใช่ความผิดของเรา” บอสใหญ่ถามซ้ำ
“แน่ใจครับ”
“อืม ถ้าผิดล่ะก็ ฉันจะลงโทษนายให้หนัก” ไม่ใช่คำขู่หรือพูดเล่น แต่มันคือคำพูดที่จะทำจริงอย่างแน่นอนหากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา
“ครับ”
“มีอะไรเกิดขึ้นเหรอครับ คาสิโนของเราทำให้คุณเพลงไม่พอใจหรือมีอะไรขุ่นเคืองหรือเปล่า” เขาจำได้ว่าคุณผู้หญิงคนนี้เป็นคนไทย ลูกหลานตระกูลไฮโซ ชายหนุ่มจึงปรับเสียงให้นุ่มนวลลงพร้อมกับรอยยิ้มที่เอาไว้รับแขกทันที
ทันทีที่เจ้าของคาสิโนแห่งนี้พูดขึ้น สายตาทุกคู่ในชั้นนี้ยิ่งพากันสนใจเหตุการณ์บริเวณนี้เพิ่มขึ้นไปอีก ทุกคนรอดูว่าจะมีอะไรดีๆ ต่อจากนี้
“อุ๊ย คุณอรรควัส มาได้จังหวะพอดีเลยค่ะ ช่วยเพลงด้วยนะคะ พนักงานของคุณเดินชนเพลงค่ะ ดูสิคะ ชุดเพลงเปียกหมดเลย เหม็นด้วย” หญิงสาวทำหน้าขยะแขยงที่เห็นชุดตัวเองเลอะเปรอะเปื้อน
“บอสครับ” อาคุณตั้งท่าจะอธิบายว่าเขาเสนอการดูแลอะไรให้เธอแล้วบ้าง แต่ก็ถูกมือเรียวยกห้ามขึ้นก่อน ทำให้อาคุณต้องถอยกลับไปยืนที่เดิม
“ข้างบนคาสิโนของเรา มีร้านแบรนด์ดังๆ หลายร้าน ถ้าคุณเพลงไม่รังเกียจ ขอให้ผมได้รับเกียรตินั้นพาคุณเพลงไปดูชุดใหม่ดีไหมครับ มันอาจจะไม่สวยเท่าชุดนี้ แต่ไม่ต้องกังวลนะครับ ชุดนี้จะต้องถูกส่งกลับมาให้คุณเพลงเหมือนเดิมไม่ให้มีอะไรด่างพร้อยเลย”
“จริงนะคะ คุณอรรค คุณจะพาเพลงไปดูชุดใหม่ใช่ไหมคะ” หญิงสาวก้าวเข้ามาเกาะแขนของชายหนุ่มเอาไว้
“ด้วยความยินดีครับ” เขาค้อมศีรษะให้เล็กน้อย
“แต่เพลงก็ยังไม่พอใจหรอกนะคะ”
“คุณเพลงอยากให้ทางเราทำอะไรให้อีกครับ” เขายิ้มอย่างใจเย็น
“ต้องให้พนักงานคนนี้มาขอโทษเพลงด้วยค่ะ” หญิงสาวชี้นิ้วไปที่ภาสกร ทำให้เจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้นมาด้วยความตกใจ
เขาต้องขอโทษผู้หญิงคนนี้ด้วยเหรอ ในเมื่อเขาไม่ได้ทำอะไรผิด ผู้หญิงคนนี้ต่างหากที่มาชนเขา ภาสกรเตรียมจะส่ายหน้าปฏิเสธก็ถูกสายตาดุของคนที่ยืนขนาบข้างหญิงสาวสั่งไม่ให้ปฏิเสธ ภาสกรจึงไม่กล้าขยับตัวด้วยความกลัว
“เมื่อสักครู่ผมให้คนของผมเช็กกล้องวงจรปิดมาแล้ว เกรงว่าจะเป็นการเข้าใจผิดกันเล็กน้อย” อรรควัสยิ้มให้หญิงสาวแต่ตอนนี้คุณหนูไฮโซเริ่มจะอึดอัดใจเสียแล้วเพราะเธอก็ไม่แน่ใจว่าเด็กนั่นมาชนเธอจริงๆ หรือเธอไปชนอีกฝ่ายเองกันแน่
“ให้มันแล้วก็แล้วกันไปดีกว่าไหมครับ ผมพาคุณเพลงไปดูชุดใหม่ คุณยังไม่พอใจอีกเหรอ” ฟังดูเป็นน้ำเสียงที่อ่อนโยนเหมือนเอาใจ แต่บอดี้การ์ดทั้งสองก็ทราบดีว่าบอสกำลังทำใจให้เย็นสุดๆ ไม่เว้นแม้กระทั่งคุณหนูเพลงคนนี้ก็เช่นกัน หญิงสาวคิดว่าถ้าเธอยังดื้อแพ่งเรื่องอาจจะไม่ได้จบแบบนี้โดยง่าย
“ก็ได้ค่ะ เพลงเห็นแก่คุณอรรคนะคะ ไม่งั้นเพลงไม่ยอมหรอก”
“คุณเพลงน่ารักมากครับ ที่เข้าใจอะไรได้ง่าย”
“งั้นเราไปกันเลยไหมคะ”
“ครับ เดี๋ยวผมให้คนพาคุณเพลงเปลี่ยนชุดที่ห้องพักของเราก่อน เสร็จแล้วผมจะไปรับที่ห้องนะครับ”
“ตกลงค่ะ” คุณหนูไฮโซรับคำอย่างว่าง่ายไม่อิดออด ก่อนจะเดินตามเจ้าหน้าที่คนหนึ่งในที่นั้นไป
“อาเฉิน อาคุณ” อรรควัสขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะเรียกสองบอดี้การ์ดให้เข้ามาใกล้ตนเอง
“ครับ”
“อาเฉิน เดี๋ยวนายให้คนมาจัดการทำความสะอาดบริเวณนี้ ให้แม่บ้านตามคุณเพลงขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเอาชุดไปซักให้เธอด้วย ส่วนนาย อาคุณ พาพนักงานใหม่นี่ขึ้นไปรอที่ห้องฉันข้างบน หาอะไรให้ดื่มนิดหน่อยด้วยแล้วกัน จะได้ไม่สติแตก ฉันยังไม่อยากคุยกับคนบ้า”
“ครับ”
อรรควัสปรายตาพนักงานใหม่ที่ว่าก่อนจะหันกลับไปมองรอบๆ พลางยิ้มให้ทุกคน ก่อนจะบอกให้ทุกคนสนุกกันต่อ เรื่องนี้ทางไม่มีอะไรแล้ว ภาสกรเงยหน้ามาเห็นสายตาของเจ้าของคาสิโนแห่งนี้ก็รีบก้มหน้างุดลงด้วยความกลัวอย่างรวดเร็ว
คนที่เพิ่งสั่งงานเดินผ่านสองบอดี้การ์ดไป ส่งสายตากำชับให้ทำงานทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อนจะออกไปจากบริเวณชั้นสี่และเมื่อเจ้าของคาสิโนลับตัวไป เสียงของผู้คนกลับมามีชีวิตอีกครั้งหนึ่งดังเดิม
นวพลก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ต้องทำหน้าที่เหมือนเดิม เขาทิ้งงานตรงนี้เพื่อไปปลอบเพื่อนที่กำลังเสียขวัญไม่ได้ ไม่งั้นทั้งเขาและภาสกรจะถูกดุทั้งคู่ เขาจึงได้แต่มองร่างของเพื่อนที่ยืนก้มหน้าด้วยความเป็นห่วงอยู่อย่างนั้น
ทางด้านภาสกรเองพอทุกอย่างกลับเข้าสู่ความสงบอีกครั้ง เขาก็เข่าอ่อนแทบจะล้มพับอยู่ตรงนั้น ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยเจออะไรแบบนี้เลย โชคดีที่ได้ผู้ชายข้างๆ คนเดิมพยุงเขาไว้ได้ทันอีกครั้ง
“ขอบคุณครับ” เขาบอกไปจากใจ
“ไม่เป็นไร บอสให้นาย ขึ้นไปที่ห้องทำงานของบอส”
“ครับ!?” จากที่คิดว่าจิตใจกำลังจะสงบ คลื่นยักษ์ในใจของเขาก็โถมมาอีกครั้ง
เขาจะถูกฆ่าไหม ช่วยด้วย
========================
ช่วยน้องพายด้วยค่า
ปล มาก่อน 1 วันค่ะ พรุ่งนี้มาไม่ได้
HASHTAG #พนันท้ารัก ค่ะ