ตอน 4
“แฟนเหรอ” ร่างสูงเอ่ยถามหลังจากที่ผมออกไปส่งไอ้แทนแล้ว
“เปล่าครับ เพื่อนที่โรงเรียน”
“แล้วทำไมต้องออกไปส่ง” ร่างสูงถามเสียงเข้ม
“ก็เพราะว่ามันเป็นเพื่อนผมไงครับ ผมไปดูเค้กข้างในก่อนนะ ” ผมบอกก่อนจะเดินเลี่ยงเข้าหลังร้าน ทำไมต้องเสียงแข็งทำไมต้องทำเหมือนโกรธ ทำไมต้องทำให้ผม แอบคิดเข้าข้างตัวเองอีกแล้ว
“เค้กสูตรใหม่เหรอ” เจ้าของร้านตัวโตเอ่ยถามหลังจากที่เดินตามผมเข้ามา
“ครับ ผมเพิ่งคิดสูตรมาใหม่ เลยลองทำดู”
“ไหนชิมสิ” คนตรงหน้าบอกก่อนจะตักเค้กเข้าปากทันที
“อืม ก็โอเคนะ ไม่หวานมาก เหมาะกับคนที่ไม่ค่อยชอบของหวานเท่าไหร่”
“ครับ ถ้าอย่างนั้น พรุ่งนี้ผมจะลองทำวางหน้าร้านสักยี่สิบชิ้นแล้วกันครับ”
“เดี๋ยวสิ แล้วไม่ชิมเหรอ”
“ผมชิมไปแล้วครับ ไม่ต้องชิมอีกก็ได้” ผมบอกปัด แต่ดูเหมือนคนตรงหน้าจะไม่ยอม
“แต่พี่อยากให้ไม้ชิมนะ”
“พี่จะ อ๊ะ..” ผมเบิกตาโพลงเมื่ออีกคนทาบริมฝีปากลงมาลิ้นร้อนดันเค้กที่อยู่ในปากของอีกฝ่ายเข้ามาในปากผมก่อนที่ค่อยๆ ถอนจูบออก ช้าๆ
“อืม เมื่อกี้ไม่ค่อยหวานแต่ตอนนี้หวานแหะ” ร่างสูงบอกก่อนจะเดินออกไป ทิ้งให้ผมได้แต่ยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น
ตึกตักๆๆๆ
ทำไมหัวใจผมถึงเต้นเร็วขนาดนี้ล่ะ ผมกำลังตื่นเต้นอยู่หรือเปล่า แล้วพี่ต้นทำแบบนี้เพื่ออะไร
“ไม้พี่กลับแล้วนะ ” พี่เล็กบอกก่อนจะหันมาโบกมือให้ผม หลังจากที่เราสามคนช่วยกันเก็บร้านจนเสร็จ
“ครับ ฝากความคิดถึงถึงน้องพีพี ด้วยนะพี่”
“พี่ต้นผมกลับแล้วนะครับ” พี่เล็กบอกกับเจ้าของร้าน
“แล้วนี่เล็กจะกลับยังไงล่ะ ให้พี่ไปส่งไหม” พี่ต้นถามอีกคนด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นว่าเมฆเริ่มตั้งเค้า
“ไม่ต้องหรอกพี่ เดี๋ยวไอ้วัตมันคงมารับแล้ว”
“งั้นก็อย่าเพิ่งออกไปข้างนอกนะ ดูท่าฝนกำลังจะตกรอให้คุณวัตมาก่อนดีกว่า”
“ผมไม่ใช่เด็กนะพี่ รู้น่า” พี่เล็กยิ้มขำ ก่อนที่ทั้งสองจะหัวเราะขึ้นพร้อมกัน ผมได้แต่มองผ่านมันไปอย่างเจ็บปวด ทั้งๆที่น่าจะชินได้แล้วแต่ผมก็ไม่ชินสักที
Rrrrrrrrrrrrrrrrrr
เสียงโทรศัพท์ของพี่เล็กดังขึ้นทำให้ผมหลุดจากภวังค์ ก่อนจะมองพี่ชายที่ทำหน้าไม่พอใจใส่เจ้าเครื่องมือสื่อสาร
“เออๆ ไปประชุมของมึงเลย กูกลับเองก็ได้วะ แล้วให้น้าเดชมารับ พีพียัง”
“เออ แค่นี้แหล่ะ กูไม่ใช่เด็กสามขวบ กูกลับบ้านเองได้น่า แค่นี้นะ”
“มีอะไรหรือเปล่าเล็ก” เสียงทุ้มเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“ไอ้วัตติดประชุมครับมารับไม่ได้ สงสัยต้องนั่งแทกซี่กลับแล้วล่ะครับ” พี่เล็กบอก
“จะนั่งทำไมให้เปลืองเงินแล้วที่สำคัญฝนกำลังจะตกแบบนี้เรียกยากจะตายพี่ไปส่งดีกว่า” ร่างสูงรีบเสนอตัวทันที
“จะดีเหรอพี่บ้านผมกับบ้านพี่อยู่คนละฝั่งเมืองเลยนะ ไม่เอาดีกว่า เกรงใจ”
“จะเกรงใจทำไมล่ะครับ คนกันเองทั้งนั้น” พี่ต้นบอกเสียงนุ่ม
ซ่าๆๆ
เสียงฝนที่เทลงมาอย่างหนักทำให้พี่เล็กหน้ายุ่ง เพราะฝนตกหนักขนาดนี้ออกไปเรียกแทกซี่ไม่ได้แน่แถมเรียกแล้วก็ใช่ว่าจะไปนะครับ
“เอ๋า นี่พี่บริการฟรีไม่คิดตังนะ เร็วๆเลยอย่าตัดสินใจนาน” พี่ต้นบอกติดตลก
“ไปก็ได้ เฮ้อ รบกวนพี่ต้นอีกแล้ว”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ พี่เต็มใจ เล็กก็รู้ว่าพี่เต็มใจเสมอ” พี่ต้นบอกเสียงเบา ถึงเสียงฝนมันจะดังมาก มากจนพี่เล็กที่ยืนห่างออกไปไม่ได้ยิน แต่ผม ได้ยินมันอย่างชัดเจน ถ้าเลือกได้ ผมอยากจะหูหนวกตาบอดเลยได้ไหมจะได้ไม่ต้องเห็นแววตาและน้ำเสียงแบบนั้นของพี่ต้น
“ก็ได้ครับ ไปเถอะผมต้องรีบกลับบ้านก่อนที่ไอ้วัตมันจะประชุมเสร็จ” พี่เล็กตกลงในที่สุด
“เล็กรอพี่เดี๋ยวนะพี่หยิบร่มก่อน” ร่างสูงบอกก่อนจะเดินไปหยิบร่มในตู้เก็บอุปกรณ์ออกมา แต่ทำไมต้องหยิบมาแค่คันเดียวทั้งๆที่ในนั้นมีร่มสองคัน
“ป่ะกลับกันได้แล้ว กลับเองได้นะไม้” พี่ต้นหันมาถาม
“ได้ครับพี่ไปเถอะ”
“อืม” พี่ต้นรับคำก่อนจะล็อคกุญแจแล้วเดินไปที่รถ
ผมมองคนสองคนที่กางร่มคันเดียวเดินฝ่าฝนออกไปที่รถพี่ต้น ทำไมต้องรู้สึกไม่อยากมองจนต้องเบือนหน้าไปอีกทาง ก่อนที่รับรู้ถึงความเปียกชื้นที่ข้างแก้ม ทำไมพักนี้ผมถึงอ่อนแอจังเลยนะ เหมือนไม่ใช่ไอ้ไม้คนเก่าเลย เด็กช่างอย่างผมมายืนร้องไห้อยู่แบบนี้มันไม่เข้าท่าเลยสักนิด ผมยืนมองฝนที่ตกก่อนจะถอนหายใจ วันนี้คงต้องพึ่งเวฟลูกรักสักที จอดเอาไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว
กึกๆๆๆ
“เฮ้ย เวฟน้อยลูกพ่อเป็นอะไรไปวะ” ผมถอนหายใจก่อนจะลงจากลูกรัก ร้อยวันพันปีไม่เคยเสียมาเสียอะไรวันนี้เนี่ย หลังจากที่
ผมนั่งทำใจอยู่สักพักก็พาเจ้าลูกรักของมาจากร้าน แต่ไม่รู้ว่าวันนี้ดวงผมซวยหรือยังไงกันนะมาได้ไม่ถึง500 เมตรรถผมก็ดันเสียซะงั้น
“เฮ้อ ร่มก็ไม่ได้เอามา เสื้อกันฝนก็ไม่มี ซวยจังวะไอ้ไม้” ผมบ่นก่อนจะเข็นเจ้าเพื่อนยากกลับไปที่ร้านเพราะให้คำนวณจากระยะ
ทางแล้วไปถึงร้านน่าจะใกล้กว่าเข็นกลับหอ
“หนาวชะมัด ฝนนี่จะตกมาทำไมก็ไม่รู้” ผมบ่นลมบ่นฟ้าไปเรื่อยก่อนจะเอารถเข้าไปจอดไว้หน้าร้านเหมือนเดิม เอาไงล่ะทีนี้ รถก็
เสียฝนก็ตก หนาวก็หนาว จะเข้าไปในร้านก็เข้าไม่ได้เพราะกุญแจอยู่กับพี่ต้น
เหอะ จะมีอะไรเล่นตลกกับชีวิตผมอีกไหมเนี่ย
ผมทรุดตัวลงนั่งกับพื้นหน้าร้าน เอาเถอะวันนี้มันคงเป็นวันซวยของผมจริงๆฝนตกหนักขนาดนี้คงหารถกลับยาก รอให้มันซากว่านี้ก่อนแล้วค่อยโบกแทกซี่กลับแล้วกัน
แต่จนแล้วจนรอดไอ้ฝนบ้านี่ก็ดูท่าจะไม่ซ่าลงสักทีและดูเหมือนจะตกหนักยิ่งกว่าเดิมด้วย แหม่ โชคดีจัง!!
“เว้ย ถ้าจะหนาวขนาดนี้นะ” ผมสบถ ก่อนจะห่อตัวเพราะความหนาว ร่างกายมันดูร้อนๆหนาวๆยังไงชอบกล เหมือนจะมีไข้นิดๆ ด้วย ถ้าวันพรุ่งนี้หนังสือพิมพ์หน้าหนึ่งลงข่าวนักเรียนช่างสุดหล่อหนาวตายที่หน้าร้านกาแฟอย่าสงสัยนะครับเพราะมันคงเป็นผมเอง ผมบ่นลมบ่นฟ้าไปสักพักก่อนจะรู้สึกว่าฝนที่สาดเข้ามามันหยุดลงพร้อมกับรองเท้าของใครบางคนที่หยุดอยู่ตรงหน้าผม …..
“เฮ้อ ยังไม่กลับหอจริงๆสินะ” เสียงคุ้นหูเอ่ยทักก่อนผมจะเงยหน้าขึ้นมองคนมาใหม่
“ไอ้แทน”
นี่ผมกำลังหวังอะไร ผมกำลังหวังให้คนที่มายืนตรงหน้าผมเป็นใครเหรอ ทำไมผมต้องผิดหวังเมื่อคนที่อยู่ตรงหน้าคือเพื่อนรักของผม
“ทำไม มึงผิดหวังเหรอที่เป็นกู”
“เปล่า กูแค่แปลกใจว่าทำไมมึงมาแถวนี้” เพราะจำได้ว่าบ้านมันกับร้านพี่ต้นอยู่คนละฝากเมืองเลย ถ้าขับรถไปกลับในวันที่รถติดขนาดนี้ไม่น่าต่ำกว่าสามชั่วโมง แต่มันเพิ่งออกจากร้านไปไม่ถึงสองชั่วโมงไม่ใช่เหรอ
“ถ้ากูบอกว่ากูยังไม่ไปไหนเลย มึงจะเชื่อกูไหม”
“ห่า แล้วมึงจะอยู่ทำไมวะ ”
“กูคงอยู่รอมึงมั้ง”
“รอ รอกูทำไมวะ เสียเวลา”
“สำหรับมึง กูรอได้เสมอนั่นล่ะ” มันบอกกก่อนจะยื่นมือให้ผม
“ป่ะกลับ เดี๋ยวกูไปส่ง ลูกมึงเดี้ยงแบบนั้นคงกลับไม่ได้หรอก”
“เดี๋ยว แทน มึงหมายความว่ายังไง” ผมเอ่ยถาม
“อะไร”
“ก็ที่มึงพูดไง หมายความว่ายังไง” ผมคาดคั้น ไม่ชอบที่ต้องคิดต้องเดาไปเอง ผมเหนื่อยเกินกว่าจะมานั่งคิดหาคำตอบอะไร
“เอาไว้ถึงหอมึงแล้วกูจะบอก ตอนนี้กลับก่อนดีกว่า หน้าซีดจนจะเอาไปไหว้เจ้าแทนไก่ได้แล้วมึงอ่ะ เร็วๆลุกอย่าให้กูใช้กำลังนะ” มันขู่ก่อนที่มือหนาจะฉุดให้ผมลุกขึ้นพลางดึงผมเข้าไปในร่มคันเดียวกันมัน
“ทนเปียกอีกนิดได้ไหม แมร่งเอ้ยรู้งี้กูเอารถยนต์มาดีกว่า” มันหันมาถามหลังจากที่ผมนั่งซ้อนลูกรักของมัน
“ไอ้แทน กูเป็นผู้ชายนะครับ โดนฝนนิดหน่อยไม่ตายหรอกน่า”
“ก่อนจะพูดอะไรดูสังขารตัวเองก่อนนะเชี่ยไม้ อ่ะเอาเสื้อกูคลุมหัวไว้” มันบอกก่อนจะโยนเสื้อแจ๊กเกตมาให้ผม
“ใจว่ะ” ผมบอกก่อนจะหุบร่มแล้วเอาเสื้อมันคลุมหัวแทน ใครจะกางร่มขัยรถก็กางไปเถอะครับผมไม่เสี่ยงเพราะร่มมันบังทัศนวิสัย
ในการมองจะตาย
“ถ้าหนาวก็กอดกูได้นะ กูอนุญาต” ไอ้คนขับตะโกนบอก ใครจะไปทำตามล่ะโว้ย
“อ่ะ ถึงแล้ว ไปอาบน้ำกินยาด้วยนะ เดี๋ยวมึงเป็นหวัด”
“ห่านี่ ชอบทำเหมือนกูอ่อนแอจังวะ แล้วก็ลงรถด้วยไปบนห้องกูก่อนขืนขับฝ่าฝนกลับบ้านแมร่งปอดบวมตายพอดี ลงเลยเร็วๆแล้วมึงยังมีเรื่องที่ต้องบอกกูด้วยมึงลืมไง” ผมเหวลั่นเมื่อเห็นว่าอีกคนเตรียมตัวจะกลับบ้าน
“เหอะ กูดีใจจังที่มึงเป็นห่วงกูด้วย”
“ก็มึงเป็นเพื่อนกูไง ไปพูดมาก” ผมบอกก่อนจะลากคอไอ้เพื่อนรักขึ้นห้องไป มันมาส่งทั้งทีจะใชร้ายใจดำกับมันก็ดูจะเลวเกินไปว่าไหมครับ
....................................TBC................................
เดี๋ยวนะ ใครเป็นพระเอกเนี่ย ฮ่าๆๆ
ช่วงนี้รู้สึกว่านายแทนจะออกเยอะกว่า พี่ต้น ยังไงชอบกล สินะ
ดีใจที่ทุกคนยังรอ