“อ้าว อ๋อ วันนั้นเอง ผมจำผิดน่ะแม่ นึกว่าหมายถึงไอ้โก”
ผมแอบสูดลมหายใจลึกๆ
“คือวันนั้น ไอ้เด็กนั่นมันมาซ่อมไฟแม่ เป็นพวกเด็กลูกจ้างสติไม่ค่อยดี อย่าไปถือเลยนะครับ”
.
.
แม่กรูจะหรี่ตาไปถึงไหนวะ !!
“เอ้าๆ ก็ได้ อย่าให้รู้ว่าพาใครมากินเหล้าเมายาในหอ แบบที่แม่คอยเห็นข่าวทีวี”
เอิ๊ก.. กินเหล้าเมายาอะทำข้างนอกครับแม่ ในหอนี่…กันอย่างเดียว
“ไป แม่จะขึ้นไปบนห้องแกซะหน่อย อยากเข้าห้องน้ำจะแย่แล้ว แกหิ้วของไปด้วย”
เวร เวร เออ เอาเข้าไป!
ว่าแล้วแม่ก็ลุกขึ้นเดินอย่างกระฉับกระเฉงตรงไปที่บันได
โอย ผมอยู่ชั้น 5 นะแม่ จะถึกไปไหน
ผมวิ่งไปทันและเดินเคียงข้างแม่ ในใจประหวั่นพรั่นพรึง
นึกถึงแต่ไอ้คนข้างบน ไม่ ไม่ ผมไม่สามารถหลอกแม่ว่ามันเป็นเพื่อนได้เลย
ท่านรู้ดีกว่าใครว่าผมสันโดษ ถ้าแค่เพื่อนน่ะไม่พามาขลุกอยู่ด้วยในห้องหรอก..
ที่สำคัญไอ้โกเอย ไอ้โจเอย ไอ้หนุ่มเอย บรรดาแก๊งผมนั่น ท่านทำให้แน่ใจว่ารู้จักและสามารถติดต่อกับทุกคนได้ทุกเมื่อที่ต้องการ
โอย ภาพร่างหมอนั่นนอนคุดคู้อยู่บนเตียงโคตรหลอนผมแล้วตอนนี้
ก็จะให้ผมบอกแม่ว่าช่างไฟไปนอนทำห่าอะไรอยู่บนเตียงผมเล่า!!
“แม่ แม่ครับ คือห้องน้ำในห้องผม ชักโครกมันกดไม่ลง ถ้าปวดมากเข้าตรงนี้ก่อนมั๊ย ผมล่ะเบื่อ แต่นี่ก็ตามคนมาซ่อมแล้ว”
..แม่มองผมด้วยสายตาดุๆ
และผมเตรียมรอลูกระเบิด
“แย่จริงๆหอนี้ ไฟเสียมั่งล่ะ ห้องน้ำเสียมั่งล่ะ มันน่าต่อว่านัก นี่เดือนละก็ตั้งแพง ดูข้างนอกก็หรูดี ใช้ไม่ได้จริงๆ งั้นแกรอนี่แป๊ป”
เยสสสส!! แม่ผมเลี้ยวเข้าห้องน้ำข้างนอกที่อยู่ชั้นสามไป
ใส่เกียร์หมาสิครับผม พุ่งเข้าลิฟต์ปุ๊บ กดชั้นห้าปั๊บ ลิฟต์เปิดก็พุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว
ต้องรีบไปที่ห้อง คว้าตัวหมอนั่นออกมาก่อน ไม่งั้นศพไม่สวยแน่
หมายถึงมันนะครับเป็นศพ ผมคงแค่พิการ -*-
และสิ่งสุดท้ายในโลกที่ผมต้องการคือให้แม่รู้ว่าผมหิ้วผู้ชายมานอนกก
ผมไม่อยากเห็นความผิดหวังในดวงตาของเธอ..
I want to be the minority
I don’t need your authority
Down with the moral majority
'Cause I want to be the minority ,,
“โธ่เว้ย เปิดเพลงเสียงดังขนาดนี้หาพ่องเหรอ ห้องไหนวะ”
ผมบ่นอย่างหัวเสียขณะมาถึงห้อง และหยิบกุญแจอย่างรีบเร่ง
“I pledge allegiance to the underworld
one nation under dog
there of which I stand alone โอ้วเย”
เวร!! ดังมาจากห้องกูนี่หว่า
ผมผลักประตูเปิด..
ภาพที่ปรากฏแก่สายตาคือไอ้เวรนั่นเต้นไปเต้นมารอบห้อง มือถือขวดน้ำดื่มคริสตัลไว้ในมือต่างไมค์และแหกปาก
.
.
-*-
“มึง มึงเปิดซีดีเพลงกู ไอ้นี่ แผ่นสุดหวงกูเลยนะนั่น”
ผมโมโหสุดขีด แม่งหยิบแผ่นGreendayผมไปเปิดฟังเฉย ไหนบอกกูว่าง่วงนอน
“ก็กูนอนไม่หลับแล้วนี่”
มันบอกดื้อๆ
เฮ้อ ผมจะทำยังไงกับมันดี ผมควร-
อ้าวเวร โมโหจนลืมเฉย ว่าขึ้นมาทำไม
“มึงออกมาข้างนอกเร็ว”
“เรื่องดิ! ไอ วอน ทู บี เดอะ ไมนอไรทิ่ ไอ ด็อนท์ นี๊ด ยัว เอาโธไรทิ่”
ไอ้เปรต มันร้องเพลงเหมือนประกาศเจตนารมณ์ไม่รับฟังคำสั่ง เพราะตัวเองเป็นminority =_=
แม่งยักไหล่ไม่สนใจ และร้องเพลงกับขวดน้ำคริสตัลต่อไป ลำตัวโยกไปโยกมาตามstepเพลง
โอย กูจะบ้า
“มึงออกมาเร็ว”
ผมเข้าไปลากแขนมันออกมา ไอ้นี่ก็เสือกยื้อไว้สุดกำลัง
“ก็กูบอกขออยู่ก่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปไงงงงงงงงงงงงง ปล่อยกูเว้ย”
“เออ ออกมาก่อนสิวะค่อยเข้าไปใหม่”
ผมตะโกนอย่างหัวเสีย ไหนเพลงจะดังลั่น ไอ้นี่ก็ยังมาทำตัวทารก
“ถ้ากูออก แล้วมึงล็อคห้อง กูจะทำไง กูไม่ได้โง่นะเว้ย”
เออๆ ไอ้ฉลาด มึงกำลังมีเคราะห์น่ะ ฉลาดพอจะรู้ตัวมั๊ยวะ!
“กู-บอก-ให้-ออก-มา”
ผมกัดฟันย้ำชัดๆ รวบมันทั้งตัวมาทางประตู
ดีมาก ดีที่หัวผมโผล่ออกประตูไปก่อน
“ทัศน์! ขึ้นมาไม่รอแม่เลยนะ แล้วเสียงเพลงอะไรดังลั่นขนาดนี้”
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก
จากลาก ผมปล่อยมือและถีบมันกลับเข้าไปในห้อง
แม่ยังอยู่ที่ประตูใหญ่ของชั้นนี้ ผมจึงรีบวิ่งกลับเข้าในห้อง
“ไปๆ ไปซ่อนในห้องน้ำ”
ผมดันมันเข้าไป แต่ก็ลากกลับออกมาใหม่
“ไม่ได้ เผื่อแม่จะเข้า ไปๆ มึงออกไปที่ระเบียง”
ผมเปิดประตูกระจกอย่างเร็วผลักมันออกไป
มันเองก็คงกลัวเหมือนกันจึงไม่พยศอีก
“ทัศน์”
แม่มาอยู่หน้าห้องแล้ว
ผมก้าวกลับเข้าในห้อง สะบัดมือไล่มันไป กระซิบให้พอได้ยิน
“ปีนออกไปก่อนเร็ว แล้วข้ามไปปีนหน้าต่างระเบียงทางเดินนู่น”
“ไอ้เหี้ย นี่มันชั้นห้า ศพกูจะเป็นยังไง”
.
.
“ทัศน์ ทำไมไม่ปิดเสียงเพลง เดี๋ยวคนข้างห้องก็มาว่าหรอก”
ปัง! ผมปิดประตูกระจก ดึงม่านปิด
.
.
แม่เดินเข้ามาในห้อง
“เอ่อครับ ผมนึกได้ว่าลืมปิดเพลงนี่แหละ”
แม่หรี่ตาเป็นรอบที่ล้าน มองสเตอริโอที่ไม่ได้ลดเสียงลงเลย
“แต่ๆ ผมรีบเก็บผ้าก่อน ฝนตกหนักอีกแล้ว แม่ก็เห็นนี่ครับ”
ผมอธิบายไปเรื่อย ขณะไปกดหยุดเพลง
“อืม ช่วงนี้ฝนตกทุกวันจริงๆ”
แม่รำพึง และนั่งลงบนเตียงผม
ท่านเคยมาหาผมบ่อยๆละครับ บางทีมานอนด้วยกันก็มี
ผมรู้สึกดีๆเมื่อแม่อยู่ใกล้ๆ ตราบใดที่ท่านไม่ได้โมโหผมละนะ และนั่นก็ขึ้นอยู่กับว่าผมจะปกปิดธาตุแท้ได้ดีแค่ไหน
“แล้วนี่เก็บผ้าผ่อนมาหมดรึยัง”
แม่ผมชวนคุย มือจัดเตียงที่ยังยับยู่ยี่ให้เรียบตึง
ผมยิ้ม..
“แล้วนี่ทำไมปิดม่านซะหมดเลย จะเห็นเดือนเห็นตะวันมั๊ยเนี่ย”
ผมสะดุ้งโหยง แม่เดินไปพร้อมจะดึงม่านเปิด และผมยั้งมือไว้
อย่าให้เจอแจ๊คพ็อตเลยนะแม่นะ TT
“มันจะเห็นอะไรเล่า ฝนตกขนาดนี้แม่ก็..”
แต่แม่ก็รูดม่านเปิด..
ผมหลับตาเตรียมพร้อมให้โลกถล่มทลายลงไปตรงหน้า
.
.
“ไม่รู้ฤดูอะไรกันแน่แล้วเนี่ย เฮ้อ ฮ่ะๆ”
แม่ถอนใจ แต่แล้วก็หัวเราะอย่างคนอารมณ์ดีง่าย อารมณ์ร้ายเร็ว แล้วเดินไปเปิดทีวี
ผมยืนนิ่งอยู่ที่เดิม..
ไม่มีระเบิด ไม่มีเสียงคำรามของแม่ ไม่มีอะไรทั้งนั้น ระเบียงว่างเปล่า..
ควรจะดีใจที่รอดตัวได้อีกครั้ง
แต่..ผมใจเสียนิดๆ คงไม่ได้ตกลงไปตายแล้วหรอกนะ..?
จริงอยู่ห้องผมเป็นห้องมุมของชั้นนี้ ระเบียงห้องจึงติดกับระเบียงทางเดิน
ข้ามได้สบายๆแน่ และคงข้ามทุกวันถ้าเป็นชั้นหนึ่งหรือสอง แต่เผอิญมันเป็นชั้นห้าน่ะครับพี่น้อง
ไม่.. หรือว่ามันจะ..ทำตามที่ผมบอก
ผมใจหายวาบ
แต่ใจก็กลับมาอยู่ที่เดิมเมื่อเหลือบตาลงต่ำ
มือขาวๆกำราวระเบียงล่างไว้แน่น
ผมเดินออกมา ผนังระเบียงเป็นปูน แต่ราวบนและล่างเป็นเหล็ก ..ผมชะเง้อออกไปมอง
มันไม่เห็นผมหรอก
เพราะหน้าแม่งแนบชิดผนังระเบียง มือข้างนึงเกาะแน่นที่ราวข้างใต้ของระเบียงผม
มืออีกข้างทำเช่นเดียวกันกับราวระเบียงทางเดิน แต่จับราวด้านบน ให้สามารถทรงตัวอยู่ได้
ตรงด้านนอกระเบียงจะมีพื้นปูนยื่นออกมาพอกันฝนสาด ยาวซักครึ่งเมตร นั่นแหละคือที่ที่มันนั่งคุดคู้อยู่
ฝนหนาเม็ดลงมาเรื่อยๆ..
ผมควรทำยังไงวะ!
..มันก็ยังไม่พออีก เพิ่งรู้ว่าเป็นตอนที่ยาวมากอ่ะเฮ้ย !?