ท่ามกลางผู้คนมากล้นในคืนหลอกลวง
มีใจหนึ่งดวงมันคิดไปไกลกว่านั้น
อยากเปลี่ยนความรักชั่วคราว เปลี่ยนความสัมพันธ์ชั่วคืน
เปลี่ยนเป็น"รัก"ที่ยั่งยืนกับเธอตลอดไป
“ โอ๊ย! ใครมันจะไปจริงจังกับไอ้พวกผิดเพศวะ ให้เอาขำๆแก้เงี่ยนน่ะได้แต่ถ้าจะให้จริงจังถึงขั้นเรียกว่าเมียนี่ กูบอกตามตรงเลยนะ ”
“ ขยะแขยงว่ะ! ฮ่าๆ ”••••
เคร้ง
“ มาคนเดียวหรอครับ? ”
รวิกันต์ให้ความสนใจแก้วไวน์ในมือมากกว่าชายหนุ่มที่ถือวิสาสะนั่งลงบนเก้าอี้บาร์ตัวยาวข้างเขาโดยไม่คิดถามความเห็น มือเรียวหมุนก้านแก้วเล่นตาคู่สวยหากกลับเจือแววโศกเหม่อมองมวลน้ำสีชาดในแก้วที่เคลื่อนไปขยับมาตามจังหวะขยับมือของเขา
“ ถ้าคืนนี้คุณเหงา ผมอยู่เป็นเพื่อนคุณได้นะ ”ชายหนุ่มเอนกายเลื่อนหน้าเข้าใกล้คนเหม่อด้วยความย่ามใจ เนียนยกมือขึ้นโอบไหล่ แอบบีบเบาๆเพื่อสำรวจกล้ามเนื้อภายใต้เชิ้ตสีดำพร้อมทำตาลุกวาวอย่างถูกใจ เมื่อเห็นว่าเจ้าตัวไม่ได้มีท่าทีปัดป้องหรือปฏิเสธความใกล้ชิด‘จนเกินไป’นี้ก็นึกกระหยิ่มยิ้มย่อง
“ ผมจะอยู่เป็นเพื่อนแก้เหงาให้คุณทั้งคืนเลย...เฮ้ย! ”จู่ๆคนที่นั่งนิ่งปิดปากเงียบมาตลอดกลับยกแก้วไวน์ที่หมุนเล่นอยู่ในมือเมื่อครู่ขึ้นสะบัดใส่หน้าชายหนุ่มจนใบหน้าที่เนียนกริบเพราะเซตรองพื้นมาอย่างดีเปียกซก โชคร้ายซ้ำสองที่รองพื้นตัวนี้ไม่กันน้ำตามคำโฆษณาสวยหรู มันจึงไหลเยิ้มพร้อมกับสีทาคิ้ว
จากหน้าตาดีกลายเป็นหน้าเละไปเพียงเสี้ยวนาที
“ มึง! ”
“ ไปให้พ้น ก่อนที่กูจะอดใจไม่ไหวเอาไอ้นี่จิ้มหน้ามึงให้แหกมากกว่าเดิม ”
เมื่อเห็นว่าคนหน้าสวยมีมีดพกอยู่ในมือชายหนุ่มก็ไม่กล้าเอาเรื่อง แววตาโศกฉายประกายเอาจริงให้รู้แน่ว่าคนคนนี้คงทำจริงอย่างที่ได้เอ่ยวาจาไว้ หนุ่มที่หน้าเละเพราะฤทธิ์ไวน์ฟึดฟัดอย่างอารมณ์เสียชี้หน้าสวยๆนั่นอย่างแค้นเคืองก่อนที่จะเตะเก้าอี้บาร์ตัวที่ตัวเองใช้นั่งเมื่อครู่จนล้มกลิ้งระบายอารมณ์แล้วหันหลังเดินจากไป
เมื่อรอจนฝ่ายนั้นลับสายตาร่างสูงของรวิกันต์ก็ทิ้งกายลงนั่งบนเก้าอี้ตัวเดิมอีกครั้ง มือเรียวพับใบมีดเก็บพลางหย่อนใส่กระเป๋ากางเกงสแลคสีดำเข้ารูป เขาไม่สนใจสายตาแพรวพราวยามจดจ้องมาที่ร่างกายของเขาจากบรรดาเก้งรอบกายหันหน้าเข้าเคาน์เตอร์บาร์สั่งไวน์แก้วใหม่จากบาร์เทนเดอร์ที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดีหากแต่กลับไม่เคยพูดคุยกันมากไปกว่า
‘ Halttroken ’
‘ ครับ ’แค่นั้น
รวิกันต์ชอบดื่มไวน์ เพราะไวน์เป็นแอลกอฮอล์ชนิดเดียวที่เขาดื่มแล้วเมา ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมดื่มแอลกอฮอล์ชนิดอื่นเขาถึงไม่เคยเมาจนขาดสติเลยสักครั้ง และตอนนี้เขาต้องการล้างความทรงจำเลวๆออกจากหัว แค่เพียงชั่วคราวก็ยังดี แม้จะต้องใช้เวลาและเสียเงินมากไปกว่าการสั่งเครื่องดื่มชนิดอื่นสักหน่อยเขาก็ยอมทุ่ม
หากมันจะช่วยทำให้เขาลืมเลือน‘ไอ้เลวนั่น’จากสมองไม่รักดีไปได้สักที
ยิ่งดึกเพลงที่ทางผับเปิดก็ยิ่งกระตุ้นชีพจรลงเท้าของบรรดานักท่องราตรีทั้งหลายแหล่ เหล่าคนเพศชายทุกช่วงอายุต่างขยับกายโยกย้ายกันอย่างสนุกสนาน มีจำนวนไม่น้อยที่เนียนเต้นแวะเวียนไปใกล้หนุ่มหน้าสวยหากแต่หุ่นกลับไม่ได้บอบบางอ้อนแอ้นที่นั่งจิบไวน์อยู่คนเดียวตรงเคาน์เตอร์บาร์
ใช่ว่าเจ้าตัวจะไม่รู้ตัวว่าตัวเองเป็นจุดสนใจบรรดาเก้งขนาดไหน แต่เพราะตอนนี้สิ่งที่เขาสนใจมีเพียงแก้วไวน์ที่อยู่ในมือเท่านั้น อย่างอื่นถือว่าไม่ได้อยู่ในสายตา
อาจเป็นเพราะเหตุการณ์ควักมีดพกออกมาโชว์เล่นที่เพิ่งเกิดขึ้นไปสดๆร้อนๆ ชายหนุ่มหลายคนที่อยากจะเข้ามาสานสัมพันธ์กับรวิกันต์ในตอนแรกถึงได้ไม่กล้าพุ่งตรงเข้าหาให้กลายเป็นไอ้โง่ เอาแต่เต้นเฉียดไปเฉียดมาเพียงเท่านั้น
ปากบางกระตุกยิ้มอย่างนึกขันแต่ดวงตาสวยคู่โศกกลับหวานเยิ้มด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่เริ่มทำปฏิกิริยากับกระแสเลือดอย่างช้าๆ
แต่แค่นี้ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้เขาเมาจนไร้สติ
“ อีกแก้ว ”
“ ครับ ”
หลังจากคำตอบรับเพียงไม่กี่วินาที ไวน์แก้วใหม่ก็ถูกสับเปลี่ยนกับแก้วเก่าวางลงตรงหน้าราวกับรอคอยท่าไว้อยู่แล้ว รวิกันต์เงยหน้าขึ้นมองคนเสิร์ฟเป็นครั้งแรก
ครั้งแรกของคืนนี้แล้วก็หลายๆคืนที่ผ่านมา
รวิกันต์ไม่เคยมองหน้าบาร์เทนเดอร์ที่คอยรับคำสั่งของเขาในทุกๆครั้งที่เขาเอ่ยปากอย่างเต็มตาเลยสักครั้ง ดังนั้นเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายหน้าอ่อนกว่าที่คาด คิ้วเรียวสวยก็ยกขึ้นเล็กน้อยอย่างนึกแปลกใจ
“ เดี๋ยวนี้เขารับเด็กอายุต่ำกว่า 18 เข้ามาทำงานแล้วหรอ.... ”
เป็นคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบ หนุ่มหน้าสวยเพียงแค่ถามขึ้นมาเพราะอยากถามเท่านั้น เขาไม่ได้หวังว่าจะได้คำตอบใดๆจากบาร์เทนเดอร์หนุ่มหน้าละอ่อนคนนี้แม้แต่น้อย ฉะนั้นพอจบประโยครวิกันต์ก็ก้มหน้าก้มตาหมุนก้านแก้วไวน์เล่นโดยไม่สนใจสิ่งใดอีกครั้ง
“ ความจริงแล้วอายุผมไปไกลกว่าหน้าตาเยอะนะครับ ”
รวิกันต์หัวเราะเสียงใส ทั้งหน้า ทั้งแววตาเกลื่อนไปด้วยรอยยิ้มขบขัน
ทั้งที่มันก็ไม่ใช่เรื่องชวนหัวเราะอะไรมากมาย อาจเป็นเพราะคำพูดหรือน้ำเสียงทุ้มติดทะเล้นมันทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายขึ้นไม่น้อย
เพราะรอยยิ้มแรกนั้นช่วยขับให้ใบหน้าสวยคมดูดึงดูดมากกว่าเดิม จากที่แค่เต้นแบบเฉียดไปเฉี่ยวมากลับเริ่มมีบางคนนึกอยากลองเสี่ยงดวงขึ้นบ้าง เก้าอี้บาร์สองตัวขนาบข้างกายรวิกันต์ไม่ได้ว่างเว้นอีกต่อไปเมื่อมันถูกจับจองด้วยชายหนุ่มใจกล้าต่างวัยสองคน
“ น้อง ขอไวน์ยี่ห้อเหมือนคุณคนนี้สองแก้ว ”หนุ่มวัยทำงานเอ่ยสั่งบาร์เทนเดอร์ประจำเคาน์เตอร์บาร์ขณะที่อีกหนึ่งหนุ่มวัยเรียนเองก็ไม่ยอมน้อยหน้า
“ ขอผมด้วยอีกสองแก้ว แบบพี่คนนี้เลย ”
คนที่ถูกพาดพิงเพียงนั่งเงียบๆนิ่งๆไม่สนใจอะไรเหมือนเดิม ไม่นานแก้วไวน์สองแก้วก็ถูกวางลงตรงหน้าจากคนทั้งทางฝั่งซ้ายและทางฝั่งขวา หากแต่มือเรียวของคนที่ถูกหยิบยื่นไมตรีให้กลับไม่ได้ชะงัก เขายกแก้วไวน์ของตัวเองขึ้นจิบเพียงแตะริมฝีปากบางลงบนขอบแก้วเท่านั้น
หนุ่มหน้าสวยหลับตาพริ้มลิ้มรสน้ำสีชาดรสชาติอมเปรี้ยวอมหวานแต่แฝงความฝาดอยู่นิดๆอย่างถูกคอ ละเลียดจิบไปเรื่อยๆจนหมดแก้วอย่างไม่รีบร้อน
“ อีกแก้ว ”
เขาเอ่ยสั่งบาร์เทนเดอร์หน้าละอ่อน ทำราวกับไม่เห็นแก้วไวน์ที่ถูกหยิบยื่นให้จากคนที่คิดอยากสานสัมพันธ์ เท่านั้นก็เป็นอันรู้กันว่าหนุ่มหน้าสวยแสนดึงดูดคนนี้ไม่คิดเล่นด้วย
แม้จะขัดใจอยู่บ้างและรู้สึกเสียหน้าอยู่บ้างแต่ก็ไม่คิดตื้อต่อให้มีดพกแวววาวที่น่าจะคมกริบไม่น้อยถูกควักออกมาแกว่งเล่นให้เสียวไส้อีกครั้ง
หลังจากสองหนุ่มต่างวัยใจกล้ากลับไปเต้นต่อพร้อมแห้วลูกใหญ่ก็ไม่มีใครกล้าคิดลองอีก
ในที่สุดรวิกันต์ก็ได้อยู่อย่างสงบอย่างที่ใจต้องการ เขานั่งจิบไวน์รสโปรดไปเงียบๆท่ามกลางแสงสีวิบวับล่อแมงเม่าให้หลงระเริงไปกับความสวยงามของมัน เพลงจังหวะสนุกที่เปิดเอาใจขาเต้นโดยเฉพาะไม่ได้ทำให้เขานึกหนวกหู จากที่นั่งนิ่งๆมีบ้างที่เริ่มขยับเอนตัวไปกับจังหวะของเพลง
แก้วแล้วแก้วเล่าที่มีโอกาสได้แตะลงบนกลีบปากบางนุ่ม
จนกระทั่งถึงแก้วสุดท้าย
“ ผับจะปิดแล้วนะครับ ”
หนุ่มหน้าสวยที่นั่งมอบไปกับเคาน์เตอร์ผงกหน้ารับเชิงรับรู้ แต่ไม่รู้ว่ารู้จริงหรือว่าแค่ตอบรับไปอย่างนั้น
นิ้วชี้เรียวยาวจิ้มแก้วไวน์ที่ไม่เหลือน้ำสีชาดอยู่แล้วแม้สักหยดจนมันกลิ้งลุนๆไปถึงขอบโต๊ะอีกฟาก โชคดีที่บาร์เทนเดอร์หนุ่มมือไวรับแก้วที่กำลังจะดิ่งลงพื้นได้ทันอย่างฉิวเฉียด
หนุ่มหน้าอ่อนกว่าอายุจริงถอนหายใจมองลูกค้าเจ้าประจำอย่างอ่อนใจ
มีเรื่องไม่สบายใจทีไรมีอันต้องดื่มจนหัวตำโต๊ะทุกที
“ คุณจะกลับเลยหรือเปล่า ผมจะออกไปเรียกแท็กซี่ให้ ”
“ อื้อออออ ”
“ นี่คุณเข้าใจที่ผมพูดหรือเปล่าเนี้ย ”
“ อื้ออออออออออ ”
“ เอ้า! อื้อก็อื้อ งั้นคุณรออยู่ตรงนี้ก่อนนะ เรียกแท็กซี่ได้ผมจะกลับเข้ามาหามคุณไปส่งขึ้นรถ ”
คนเมายกแขนเรียวขาวสีตัดกับเชิ้ตที่เป็นสีดำอย่างชัดเจนขึ้นโบกปัดกลางอากาศ ก่อนที่ใบหน้าสวยคมแดงก่ำด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์จะทิ่มลงบนแขนอีกข้างที่วางพาดไว้บนโต๊ะเคาน์เตอร์อย่างหมดสภาพ
เพราะภายในผับไม่เหลือลูกค้าคนอื่นอยู่แล้วนอกจากลูกค้าเจ้าประจำขี้เมาคนนี้ บาร์เทนเดอร์หนุ่มจึงได้วางใจทิ้งให้คนเสน่ห์แรงนั่งคอพับคออ่อนอยู่คนเดียวโดยที่ตัวเองผละออกจากผับเพื่อไปเรียกแท็กซี่ให้อย่างที่ได้กล่าวบอกคนเมาเอาไว้
แต่หลังได้แท็กซี่แล้วพอกลับเข้ามาอีกที
“ หายไปไหนแล้ววะ? ”
คนเมาที่ทิ้งเอาไว้เพียงครู่เดียวกลับอันตรธานหายไปจากหน้าเคาน์เตอร์เสียแล้ว จะว่าเดินออกจากผับไปแล้วก็ไม่น่าเป็นไปได้ในเมื่อทางเข้าออกมีแค่สองทางคือ หนึ่งทางที่เขาใช้เพื่อออกไปเรียกแท็กซี่ หากคนเมาไปทางนั้นจริงเขาคงสังเกตเห็นแล้ว ส่วนอีกทางเป็นทางเข้า-ออกเฉพาะพนักงานแล้วไม่ใช่ว่าพอเปิดประตูหลังเคาน์เตอร์แล้วจะออกไปได้เลย มันต้องเลี้ยวอีกสองครั้งกั้นด้วยห้องสองห้องอย่างห้องครัวกับห้องแต่งตัวพนักงานถึงจะสามารถออกไปข้างนอกได้
หนทางซับซ้อนแบบนั้นคนเมาไม่มีทางเดินถูกหรอก
พอลองเดินไปตามทางเข้า-ออกของพนักงานดูก็ให้จริงดังที่คิด
คนเมานั่งคอพับจับลูกบิดประตูห้อยสองแขนเรียวแขนค้างไว้ทั้งอย่างนั้น แค่ประตูบานแรกก็ไปไม่รอดซะแล้ว
“ คุณๆ ”บาร์เทนเดอร์หนุ่มนั่งยองๆตบแก้มคนเมาเบาๆเพื่อเรียกสติ
“ อื้อออ! ”หากแต่กลับถูกคนเมาปัดความหวังดีทิ้ง
“ เฮ้! จะกลับบ้านมั้ยเนี้ยคุณ ผมให้แท็กซี่รอคุณอยู่นะ เดี๋ยวก็ได้โดนค่าแท็กซี่บานเบอะหรอก ”
เงียบไปชั่วอึดใจคนเมาก็ค่อยๆปรือตาขึ้นมอง เพียงแค่ถูกดวงตาโศกคู่สวยหวานเชื่อมด้วยฤทธิ์น้ำเมาจ้องมอง บาร์เทนเดอร์หนุ่มถึงกับหยุดหายใจไปชั่วขณะ
ชักเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมใครๆถึงได้สนใจคนคนนี้ อยากเข้าหาเพื่อสานสัมพันธ์ด้วยนัก
“ ไม่กลับ ยัง .......ไม่อยากกลับ ”
แม้แต่ตัวเขาเองยังไม่อาจห้ามใจไม่ให้โน้มศีรษะลง
..แล้วสัมผัสปากเย็นชืดเข้ากับความฉ่ำหวานจากเรียวปากบางแดงสุกนั่นได้เลย...อ้าาส์...รวิกันต์คล้ายกับได้ยินเสียงครางของใครสักคนแว่วเข้าหู
...เร็ว อื้ออ...เสียงเว้าวอนร้องขอความรัญจวนที่คล้ายจะเป็นเสียงของเขาเองถูกบดปิดด้วยริมฝีปากของใครอีกคน
ร่างกายของเขารู้สึกร้อนรุ่มไปหมดหากแต่กลับอิ่มเอิบไปกับความสุขสมที่ถูกมอบให้อย่างอ่อนโยนจากใครอีกคนที่เขาเองก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร
มันคล้ายจะเป็นความฝันแต่ก็เหมือนจะไม่ใช่แค่ฝัน
รวิกันต์พยายามจะลืมตาขึ้น แต่เปลือกตากลับหนักเกินกว่าจะยอมทำตามความต้องการนั้นของเขา เวลาผ่านเคลื่อนคล้อยไปจวบจนความสุขสมล้นทะลักในช่วงจังหวะสุดท้าย มันเอ่อล้นอุ่นวาบไปทั้งร่างกายและหัวใจ
ช่วงจังหวะนั้นดวงตาคู่โศกกลับค่อยๆปรือลืมขึ้นช้าๆวันนี้ก็ไม่มาหรือ?
บาร์เทนเดอร์หนุ่มหน้าคมที่กำลังปั่นแก้วไวน์ในมือละสายตาจากประตูผับเมื่อลูกค้าคนสุดท้ายถูกเพื่อนแบกออกไปจนลับสายตา ชายหนุ่มถอนหายใจหยุดมือก่อนที่จะวางแก้วไวน์ในมือลงบนเคาน์เตอร์พร้อมกับผ้าที่ใช้เช็ด
เขาเช็ดแก้วรอใครคนนั้นตั้งแต่ร้านเปิดในทุกๆค่ำคืนที่เวียนมา
สุดท้ายคืนนี้ก็เป็นหมันอีกเช่นเคย
“ ไงไอ้ทิด ทำหน้าหมาหงอยหูลู่หางตกแบบนั้นแสดงว่าวันนี้ก็ชวดอีกเหมือนเดิมสินะ ”
บาร์เทนเดอร์หนุ่มวางแก้วไวน์เก็บบนชั้นวางพลางถอนหายใจออกมาอีกครั้งอย่างหมดหวัง
“ พรุ่งนี้กับมะรืนนี้ผมลานะพี่ตาด ”
“ เฮ้ยๆ อะไรวะ! แค่เขาไม่มาให้เห็นหน้าเกือบอาทิตย์มึงถึงกับตรอมใจหยุดงานเลยหรือไง ”
“ ผมมีพรีเซนต์โปรเจคจบต่างหากล่ะพี่ ”
“ อ้อหรอออออออออ ”
“ อีกอย่าง ....เขาคงไม่มาอีกแล้วล่ะ ”
ตาดมองลูกน้องในปกครองอย่างนึกเห็นใจ หนุ่มใหญ่เจ้าของผับตบมือลงบนบ่ากว้างของบาร์เทนเดอร์หนุ่มหนักๆจนอีกคนแทบไหล่ทรุด
“ เอาหน่า อย่างน้อยก็ได้งาบหงส์ฟ้าตั้งหนึ่งคืนเลยนะเว้ย อีกอย่างนะไอ้น้อง จากประสบการณ์ของเฮียเนี้ยเฮียว่าเขาคงไม่จริงจังกับวันไนท์สะแต๊นอย่างเอ็งหรอกว่ะ เอ็งเองก็คิดซะว่าได้ขึ้นสวรรค์กับหงส์ฟ้าเพียงครั้งในชีวิตก็นับว่าเป็นบุญมากแล้วสิวะ จะได้ปลงตกซะแล้วลืมเขาได้เร็วๆไง ”
ไม่รู้ว่ากำลังถูกปลอบหรือถูกซ้ำเติมกันแน่
บาร์เทนเดอร์หนุ่มถอนหายใจ
“ ถ้าผมลืมเขาได้จริงๆ ตอนนี้ผมคงไม่รู้สึกเจ็บกับความผิดหวังมากขนาดนี้หรอกพี่.... ”กว่าจะทำใจได้ไม่ใช่เรื่องง่าย
รวิกันต์ไม่เคยรู้สึกกลัวการถูกปฏิเสธมากเท่านี้มาก่อน จากประสบการณ์ความรักอันผิดพลาดแบบซ้ำๆที่ผ่านมาได้สั่งสมเป็นตะกอนความกลัวในใจของชายหนุ่มจนพูนพอก
การเอาชนะความกลัวไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้เพียงวันสองวัน แต่พอเขาฮึดสู้ อยาก......ที่จะลองดูกับความหวังใหม่ครั้งนี้อีกสักครั้ง
เขากลับไม่เจอคนคนนั้นแล้ว
ยอมรับว่าเขาอ่อนไหวไปกับความอ่อนโยนที่ได้รับจากการถูกเติมเต็มโดยคนคนนั้น ทั้งร่างกาย ทั้งหัวใจ ความรู้สึกของเขามันบอกว่า
...คนนี้แหละ...น่าตลกที่พอเขารู้ใจตัวเองรวบรวมกำลังใจได้กลับมาที่ผับแห่งนี้อีกที คนที่อยู่ในความคิดของเขาตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาก็ไม่อยู่เสียแล้ว
หนุ่มหน้าสวยหมุนแก้วไวน์ในมือเล่นเหมือนเช่นที่เคยทำทุกครั้ง นั่งรอเวลาให้มันค่อยๆไหลผ่านไปเรื่อยๆด้วยหวังว่าจะได้พบกับคนที่อยากเจอหน้ามากที่สุดคนนั้นอีกครั้ง
รวิกันต์ไม่รู้ว่าตอนนี้กี่โมงกี่ยามแล้ว
ไม่รู้ว่าวันนี้เขาจะผิดหวังอีกไหม ....เหมือนกับเมื่อคืนวานที่เขาต้องกลับบ้านไปพร้อมกับความผิดหวังหน่วงอก
ชายหนุ่มไม่กล้าคิด ไม่กล้าหวังอะไร
เพราะเขากลัว ..กลัวที่จะคิด กลัวที่จะหวัง
คำพูดสุดท้ายของ‘ไอ้เลวนั่น’วนเวียนอยู่ในหัวไม่หยุดหย่อน ยิ่งตอกย้ำให้ความกลัวมันถูกตีรวนขึ้นมาจนคับแน่นอก มือเรียวที่กำลังหมุนก้านแก้วอยู่สั่นระริกอย่างไม่อาจควบคุม
“ โอ๊ย! ใครมันจะไปจริงจังกับไอ้พวกผิดเพศวะ ให้เอาขำๆแก้เงี่ยนน่ะได้แต่ถ้าจะให้จริงจังถึงขั้นเรียกว่าเมียนี่ กูบอกตามตรงเลยนะ..... ขยะแขยงว่ะ! ฮ่าๆ ”
“ ขยะแขยงว่ะ! ”
“ ขยะแขยงว่ะ! ”
“ ขยะแขยงว่ะ! ”เพล้ง
“ คุณครับ! เป็นอะไรหรือเปล่า?! ”
รวิกันต์มองมือข้างขวาที่เต็มไปด้วยน้ำเหนียวๆสีชาดคล้ายกับสีของไวน์ที่เขาชอบดื่มนักหนาด้วยสายตาว่างเปล่า ใบหน้าสวยคมขาวซีดหากไม่ใช่เพราะเจ็บบาดแผลที่มีเลือดไหลออกมาไม่หยุดบนฝ่ามือของตัวเอง
แต่เขาเจ็บที่หัวใจ
ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายที่ควรจะด้านชาไปได้แล้วกลับปวดแปลบจนแทบจะทานทนต่อไปไม่ไหว
“ นั่นสิ ใครมันจะมาจริงจังกับพวกผิดเพศกัน..... ”เสียงที่เคยทุ้มใสกลับกลายเป็นแห้งเหือดเหมือนกับหัวใจที่เริ่มแห้งผาก
ผิดกับดวงตาคู่โศกของเขาที่รู้สึกร้อนผ่าวจนเจ็บกระบอกตาไปหมด
รวิกันต์ปฏิเสธการปฐมพยาบาลเบื้องต้นจากทางพนักงานของผับ เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้ประจำหมุนกายเดินก้มหน้าตรงไปยังประตูทางออกโดยไม่เงยขึ้นมองอะไรอีกนอกจากพื้นทาง จวบจนเบียดเสียดผู้คนจำนวนมากออกจากผับได้สำเร็จ
ใบหน้าสวยคมเงยขึ้นมองท้องฟ้ายามราตรี
ต่อไปนี้เขาคงไม่กล้าหวังอะไรอีก
เพราะมันเจ็บ
..เจ็บมากจนสิ่งที่เขาคิดว่ามันหายไปจากเขาพร้อมความผิดหวังจากอดีตคนรักนานแล้ว
รินไหลออกมาไม่หยุด••••
“ คุณครับ! ”
.
.
.
.
“ คุณทำของตกไว้ที่เคาน์เตอร์น่ะ ”- จ บ -
เปิดซิงยูสด้วยเรื่องสั้นกับพี่วิดไฮเปอร์ 555555+
ฮับ จบแล้วฮับ แต่งเรื่องนี้ขึ้นมาได้เพราะพี่วิดช่วยขับกล่อม
อาจมีต่อถ้ามีคนอยากอ่านเรื่องราวต่อจากนี้ แต่ถ้าไม่มีคนอยากอ่านต่อก็ไม่มีต่อฮับ จบเท่านี้แหละ