ยังงงกันอยู่อีกเหยอ เรื่องมันเริ่มชัดเจนแล้วนะคร้าบ ต้องอ่านบทสนทนาของตัวละครดีๆ นะ แล้้วจะรู้ว่าเรื่องนี้ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนเลย
มันแค่เรื่องนิยายเพ้อฟันเวอร์ๆ อ่ะ ไม่ต้องอาศัยโคนันซักกะนิด
ป.ล. คเชนทร์เป็นคนฉลาดนะครับ แค่ปฏิเสธด้วยคำพูดไม่กี่คำ เอาอีตาช้างเชือกนี้ไม่อยู่หรอก 555
“ถ้างั้นแกก็ไม่น่าจะมีปัญหา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร แกขอพ่อเองนะเมฆ เรื่องขับเครื่องบิน ไม่ว่าจะเครื่องไหนพ่อก็ให้แกขับตามที่แกต้องการ ไม่ว่าจะปฏิบัติการไหน ไม่ว่าจะอะไรทั้งสิ้น พ่อก็ให้แกทุกอย่าง”
“ครับผม”
“หรือว่าแกมีปัญหาหัวใจ” ว่าที่ ผบ. ทอ. เลิกคิ้ว “เล่าให้พ่อฟังซิ ถ้ามันมีปัญหาพ่อจะแก้ให้”
“ไม่มีครับ” นต. เมฆส่ายหน้า
กายถอนหายใจยาวก่อนจะเดินเข้าไปในสวนอาหารบรรยากาศร่มรื่นที่ นต. เมฆนัดให้เขามาพบเพื่อรับประทานอาการเย็นด้วยกัน
นต. เมฆบอกเขาว่าต้องเดินทางไปฝึกปฏิบัติการพิเศษร่วมกับกองทัพอากาศสหรัฐอเมริกาเป็นเวลาหลายเดือน ขณะนี้นายทหารอากาศหนุ่มรูปหล่อนั่งคอยอยู่ที่โต๊ะ นต. เมฆ สวมเสื้อเชิร์ทสีขาว กางเกงยีนส์สีเข้ม ดูแปลกตาไปจากที่เคยเห็นในชุดเครื่องแบบ
“ผมคิดถึงคุณมากเลยครับกาย” นต. เมฆพูดเมื่อกายนั่งลงตรงข้าม
“ผมเป็นห่วงคุณมาก ติดต่อคุณก็ไม่ได้”
“โทรศัพท์ผมหายครับ เสร็จจากงาน Thunderbolt Air Show นักบินทุกคนถูกสั่งให้เก็บตัว โดยเฉพาะผม นอกจากคนในครอบครัวหนึ่งคนแล้วห้ามติดต่อสื่อสารกับโลกภายนอกครับผม แล้วสองวันถัดมาพ่อก็ส่งผมลงใต้ ไปฝึกเข้มปฏิบัติการพิเศษ ผมใช้เวลาตั้งนานกว่าจะแอบโทรศัพท์หาเพื่อนที่กรุงเทพฯ ให้ไปจัดการเรื่องโทรศัพท์ผมหายและขอซิมใหม่แล้วส่งให้ผมเพื่อที่ผมจะแอบโทรศัพท์หาคุณได้”
“ฟังเหมือนค่ายเชลยศึกยังไงไม่รู้” กายแสดงความเห็น
“ยิ่งกว่าค่ายกักกันเชลยศึกเลยครับผม” นต. เมฆ ทำหน้าเศร้า “แล้วนี่ผมก็มีเวลาแค่สองวันก่อนเดินทางไปอเมริกา ความจริงคืนนี้ผมอยากใช้เวลากับคุณให้มากๆ แต่พ่กับแม่บังคับให้ผมกลับไปทานอาหารเย็นที่บ้าน”
“อ้าว แล้วนัดผมทานอาหารเย็นทำไมล่ะครับ” กายอุทาน
“ผมทานกับคุณก่อน แล้วค่อยไปทานที่บ้านอีกรอบก็ได้ครับผม” นต. เมฆยิ้มบางๆ
“งั้นก็ทานอาหารเบาๆ ก็แล้วกันนะครับ” กายยกเมนูขึ้นมาดู
“กาย...” นต. เมฆทอดเสียงอ่อนโยน “ผมมีเรื่องสำคัญจะคุยกับคุณ”
“สั่งอาหารก่อนดีกว่านะครับ เดี๋ยวจะเสียเวลา” กายเสนอความเห็น นต. เมฆพยักหน้าแล้วเลือกรายการอาหาร กายลอบถอนหายใจขณะที่รอพนักงานมารับคำสั่ง เขารู้ว่า นต. เมฆกำลังจะเร่งรัดเขาเหมือนที่ซอว์ เบนเร่งรัด เหมือนที่ธฤตเร่งรัด เหมือนที่คเชนทร์เร่งรัด
และเขาต้องตัดสินใจเสียที
ระหว่างที่รออาหาร นต. เมฆก็เร่ิมเรื่องสำคัญที่ต้องการจะคุย
“ผมอยากให้คุณรอผม หรือไม่ผมก็อยากขอให้คุณตัดสินใจตอนนี้ ถึงแม้เราะอยู่ห่างกัน และในระหว่างการฝึกผมอาจจะติดต่อคุณไม่ค่อยสะดวก แต่ผมสัญญาว่าจะมั่นคงต่อคุณและพยายามทุกวิถีทางที่จะทำให้ความสัมพันธ์ของเราไปอย่างดี เมื่อกลับจากอเมริกา ผมก็จะชดเชยให้คุณเต็มที่”
“คุณเมฆครับ” กายพยายามหาช่องแทรก
“สถานการณ์ไม่ค่อยเป็นใจสำหรับผม แต่กายครับ ผมอยากขอให้คุณเข้าใจว่า ผมเองก็รู้สึกลำบากใจ ตอนนี้พ่อกำลังบีบผมหนัก ต้องการให้ผมจบการฝึกเร็วๆ ต้องการให้ผมสร้างผลงานเพราะพ่อกำลังจะเลื่อนยศผม แล้วตัวเองก็กำลังจะเลื่อนตำแหน่ง”
“ผมเข้าใจ” กายพยักหน้า “แต่ว่า...”
“ไม่นานหรอกครับผม แค่ไม่เกินสี่เดือน”
“แต่ว่าผม...”
“ถ้าคุณกายไม่ว่าอะไร” นต. เมฆหยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อและกำไว้ในมือ แต่กายพอจะมองเห็นว่าเป็นกล่องกำมะหยี่เล็กๆ สีแดง
...อย่าบอกนะว่า ถ้าคุณไม่ว่าอะไร ผมขอหมั้นไว้ก่อน...
“ผมมีอะไรบางอย่างจะให้คุณ” นต. เมฆพูด
“คุณเมฆครับ ไม่ต้องก็ได้”
“ทำไมล่ะครับผม ก็ในเมื่อผมต้องการมอบเอาไว้แทนใจของผม” นต. เมฆเปิดกล่องกำมะหยี่ บรรจงหยิบแหวนออกมา
“ผมรับไว้ไม่ได้”
“ผมอยากให้คุณรอผม” นต. เมฆมองตากาย
...ผมอยากให้คุณรอผม พูดยังไงก็ไม่ต่างจากคำว่าผมขอหมั้นคุณไว้ก่อน...
...ไม่ได้หรอก กาย นายต้องตัดสินใจเดี๋ยวนี้ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป ก่อนที่ นต. เมฆจะเจ็บจนยากจะรักษา ก่อนที่มันจะยุ่งมากกว่านี้ ตัดสินใจพูดเสียตั้งแต่ตอนนี้เหมือนตอนที่พูดกับซอว์ เบนไงล่ะกาย...
กายสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วตัดสินใจพูดสิ่งที่อยู่ในใจกับนาวาอากาศตรีเมฆ
กายเดินออกจากบริษัทเวลาหกโมงเย็น ไกด์หนุ่มสอดกระเป๋าธนบัตรลงในกระเป๋าหลังของกางเกงยีนส์พลางเดินไปที่ริมถนนเพื่อเรียกแท็กซี่ แต่สายพลันมองเห็นรถบีเอ็มดับเบิลยูสีดำไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนจอดอยู่ทางด้านขวามือ และใกล้ๆ กันมีร่างสูงใหญ่ในชุดสูทไม่ผูกเน็คไทยยืนล้วงกระเป๋ากางเกงมองเขาอยู่ด้วยใบหน้ายิ้มๆ
“คุณคเชนทร์”
“ตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก” คเชนทร์ยักคิ้ว “วันนี้ผมไม่ให้คุณปฏิเสธอีกหรอก”
“ผมไปค้างกับคุณไม่ได้นะครับ” กายพูด
“ครั้งที่แล้วผมชวนคุณดึกไป คุณเลยปฏิเสธผมได้ วันนี้มีเวลาถมเถ เพิ่งหกโมงเอง” คเชนทร์ดันทุรัง
“ผมไม่ได้เตรียมเสื้อผ้ามา” กายหาเหตุผล
“ผมซื้อมาหให้แล้ว สี่ชุด อยู่ในรถ ขนาดพอดีตัวเป๊ะ” คเชนทร์ตอบ
“คุณคเชนทร์” กายไม่รู้จะพูดอะไรต่อ
“ถ้าคุณมีทัวร์พรุ่งนี้เช้าผมจะรีบพาคุณไปส่งให้ถึงที่ ไม่ขาดไม่เกินแม้แต่นาทีเดียว” คเชนทร์รีบพูด “แล้วถ้าคุณกลัวเจ็บหรือไม่มีอารมณ์ คืนนี้เราไม่ต้องมีอะไรกันก็ได้ ผมไม่เรียกร้องอะไร แค่ไปค้างกับผม กาย ที่ว่าไปค้างกับผมนี่ใช่ว่าคุณต้องเสียตัวทุกครั้งซะเมื่อไหร่ ผมแค่อยากใช้เวลากับคุณ”
“เราไปทานอาหารเย็นกันก็ได้”
“แถมให้ผมหน่อยน่า นะครับกาย” คเชนทร์เดินเข้ามาใกล้ ทำเสียงและใบหน้าอ้อนวอน “ผมคิดถึงคุณใจจะขาดอยู่แล้ว ยิ่งไม่ได้ทำงานบริษัทเดียวกันยิ่งแย่”
“ถ้างั้น ผมให้เวลาคุณจนถึงหกทุ่มดีไหมครับ แล้วผมก็กลับไปนอนบ้าน ผมทำงานเป็นไกด์ เดินทางบ่อยๆ นานๆ ได้นอนบ้านตัวเองที”
“บ้านคุณก็อยู่ที่เดิม ไม่หนีไปไหน แต่คืนนี้นอนบ้านผมก่อน” คเชนทร์ดื้อดึง
“ผมยังไม่ได้ซักเสื้อผ้า ยังไม่ได้กวาดบ้านถูกบ้าน ยังไม่ได้เก็บของไ
“เอาไว้ทำทีหลัง”
“แล้วก็...”
“คุณจะปฏิเสธผมให้ได้ใช่ไหมกาย” คเชนทร์รีบพูดแทรก กายนิ่งไปชั่วครู่เพราะนึกหาเหตุผลไม่ทัน คเชนทร์ทำหน้าตานิ่งเรียบแล้วเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้าง “แต่ผมก็จะตื๊อคุณให้ได้เหมือนกัน”
“คุณนี่จะไม่ยอมจริงๆ ใช่ไหมเนี่ย” กายทำหน้ามุ่ย
“ผมหมายถึงยอมผมจริงๆ” คเชนทร์ผายมือเชิญกายไปที่รถ และเมื่อขึ้นนั่งบนรถเรียบร้อยแล้วจึงพูดกับกายด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ผมหมายถึงยอมเป็นของผมจริงๆ”
“ก็เป็นไปแล้ว” กายก้มหน้าบ่นอุบอิบ
“เป็นของผมคนเดียว” คเชนทร์ยื่นหน้าเข้ามากระซิบข้างหู
“คือว่า...” กายอึกอักอีกตามเคย
“เรามาเป็นแฟนกันอย่างเป็นทางการกันเถอะกาย”
“หือ” กายเลิกคิ้ว หันไปมองคเชนทร์
“ผมรักคุณ” คเชนทร์พูดเสียงนุ่ม มองตากายนิ่ง
“คุณคเชนทร์”
“ตอนนี้คุณังไม่ได้รักผมก็ไม่เป็นไร ผมพอจะรอได้ แต่่ว่า...” คเชนทร์นิ่งไปครู่หนึ่ง
“แต่ว่าอะไรครับ” กายถาม
“แต่อย่าให้ผมรอนานนัก”
“คุณคเชนทร์ เรื่องนี้มัน...”
“เร็วไป คุณจะตอบยังงี้ใช่ไหม มันไม่เร็วไปหรอกาย เรารู้จักกันมาตั้งหลายเดือนแล้ว ผมไม่เคยรู้สึกอย่างนี้มาก่อน ผมปิ๊งคุณตั้งแต่คุณยืนทำหน้าเด๋อด๋าตอนเห็นโคตรเครื่องซีรอกซ์ที่บริษัทนายหน้าค้าอาวุธแปลกประหลาดโน่นแล้ว มันก่อตัวขึ้นทีละน้อย ทีละน้อย ตอนนี้ผมแน่ใจแล้วว่าผมต้องการยังไง”
“ผมยังไม่รู้สึกถึงขนาดนี้” กายกัดฟันพูด
“ผมเข้าใจ ผมถึงบอกว่ารอได้” คเชนทร์ยิ้ม “เพราะฉะนั้น ระหว่างนี้ ผมเลยขอจองคุณไว้ก่อน” คเชนทร์จับมือของกาย แล้วจู่ๆ ก็ล้วงเอาแหวนออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วสวมเข้าที่นิ้วของกาย
“อะไรจะพอดีขนาดนี้”
“คุณคเชนทร์ ทำแบบนี้ทำไมครับ” กายอุทาน
“ก็บอกแล้วไงว่าจองไว้ก่อน” คเชนทร์ตอบ “ที่ผมทำอาจจะไม่ค่อยโรแมนติกเท่าไหร่ แต่ผมรอไม่ไหว ตอนแรกตั้งใจจะสวมให้คุณตอนที่เราดินเนอร์หรูๆ แต่พอใก้ลคุณผมก็เลยมีอารมณ์ เลยจัดการสวมแหวนซะเลย”
...คเชนทร์ทำอะไรรวดเร็วมาก ต้องการผูกมัดเรา ไม่ยอมให้เราปฏิเสธ หรือถึงปฏิเสธก็ไม่ฟัง คนอย่างฉลาดอย่างคเชนทร์ ถ้าจะเอาอะไรก็ต้องเอาให้ได้...
...คเชนทร์สารภาพรักอย่างตรงไปตรงมา และจนถึงขนาดนี้แล้วเราจะทำยังไงดี คเชนทร์บอกว่ารอได้ แต่จะรอดได้ขนาดไหนก็ไม่รู้...
...คนอย่างคเชนทร์คงรอนานไม่ได้...
กายตัดสินใจรับงานถ่ายแบบแฟชั่นชุดที่สองเพราะเงินค่่าตอบแทนนั้นเกินคุ้ม ขณะที่พักการถ่ายภาพ ธฤตเดินเข้ามาหาและชวนคุย
“มะรืนนี้คุณกายมารับเช็ดได้เลยนะครับ แต่ถ้าไม่สะดวก ผมจะเอาไปให้ก็ได้ แต่มีข้อแม้ว่า ถ้าเป็นการนำเช็ดไปส่งส่วนตัวแบบนั้น คุณต้องเลี้ยงดินเนอร์ผม”
“ได้ครับ แต่หรูมากไม่ได้” กายพยักหน้า
“ทำไมล่ะครับ ได้เงินค่าจ้างไปแล้ว ต้องเลี้ยงผมหรูๆ หน่อยสิ”
“ผมจะเก็บเงินเอาไว้ อย่าหาว่างกเลยนะครับ แต่ว่ามันต้องใช้เงิน”
“เพื่อเพื่อนของคุณที่ชื่อเชิงชาย” ธฤตยิ้มบางๆ
“ไม่ใช่เฉพาะผมที่ช่วยเขาหรอกครับ เพื่อนไกด์คนอื่นๆ ก็ช่วย”
“คุณเชิงชายโชคดีมากที่มีคนดีๆ แบบคุณกับเพื่อนๆ ในชีวิต” ธฤตพูดพลางมองไปยังฉากถ่ายภาพ
“คนเราจะเห็นใจกันก็ตอนเวลาแบบนี้ล่ะครับ” กายตอบ
“ถ้าเป็นผม คุณจะทำแบบที่ทำกับคุณเชิงชายอยู่หรือเปล่าครับ” ธฤตถาม
“คุณมีเงินออกเยอะแยะ แต่ชายไม่มี”
“สมมุติว่าผมไม่มี” ธฤตเลิกคิ้ว
“ก็...” กายหลบตาธฤตเพราะฝ่ายนั้นเอาแต่จ้อง
“คุณรู้สึกพิเศษกับคุณเชิงชายเกินเพื่อนธรรมดาหรือครับกาย”
“เปล่่านี้ครับ” กายพึมพำ
“ขอโทษนะครับที่พูดออกไปแบบนั้น” ธฤตส่งสายตาตัดพ้อ “ผมเพียงแต่อิจฉาเพราะอยากได้ความรู้สึกแบบนั้นจากคุณ”
“ความรู้สึกแบบไหนครับ”
“ความรู้สึกแบบที่คุณให้กับคุณเชิงชายเป็นความรู้สึกแบบไหนล่ะครับ” ธฤตถามย้อน “ความรู้สึกแบบนั้นล่ะที่ผมต้องการ”
::: End of Chapter 47 :::