นรธีร์ถือโอกาสขณะที่กายกำลังนั่งเหม่อ หยิบสมุดรายงานผลตรวจสุขภาพประจำปีของเพื่อนรุ่นน้องออกมาดู เขาแอบเห็นกายสอดสมุดเล็กๆ เล่มนี้ไว้ในนิตยสาร National Geographic ทำให้รู้สึกสงสัยว่าเพื่อนรุ่นน้องของเขาอาจกำลังกังวลใจเกี่ยวกับเรื่องผลตรวจสุขภาพเพราะกายทำท่าทางเหม่อลอยจนน่่าแปลกใจ
“กาย ทานอะไรดี” นรธีร์ถามขึ้นมาเบาๆ พลางพลิกดูสมุดตรวจสุขภาพของกายทีละหน้า
“อะไรก็ได้” กายตอบพึมพำ
“เอาอะไรเปรี้ยวๆ หวานๆ นะ” นรธีร์ถามอีก
“อือ” กายพยักหน้าช้าๆ สายตายังคงมองออกไปนอกร้านอาหาร ทำให้นรธีร์ยิ่งมั่นใจว่าเพื่อนรุ่นน้องซึ่งรู้จักกันมานานกำลังหนักใจกับเรื่องบางเรื่องอย่ามากเพราะรู้ดีว่ากายไม่ชอบทานอาหารรสเปรี้ยวหรือรสหวาน
...มันก็สุขภาพดีนี่นา ผลตรวจทุกอย่างก็โอเ้ค ถ้ามันไม่กังวลเรื่องสุขภาพแล้วจะมีเรื่องอะไร...
...หรือว่าเรื่องรัก เหม่อแบบนี้ต้องเรื่องความรักแน่ๆ...
“ไอ้ชายมันบ่นคิดถึงแกจนเบื่อจะฟังอยู่แล้ว มันจะเป็นจะตายเข้าทุกวัน รู้จักกันมานาน ไม่รู้ยังไง อยู่ดีๆ ก็ทำแบบว่า ชีวิตนี้ขาดกายไม่ได้ซะยังงั้น รู้หรือเปล่า มันกำลังอดมือกินมื้อ เก็บเงินจะซื้อบ้าน บอกว่าจะเอาไว้อยู่กับกาย”
“เหรอ” กายพูดเบาๆ
“เป็นเอามาก” นรธีร์พึมพำ
“ใช่ ชายมันบ้า” กายตอบเสียงเนือยๆ
...ฉันว่าแกต่างหาก เป็นเอามาก แบบนี้ทนไม่ไหว ต้องขอเสือกเรื่องของพวกแกซะหน่อย สองคนนี้เมื่อไหร่มันจะเอากันซะที รำคาญฉิบหาย ไอ้กายก็ทำตัวเป็นโคตรหล่อเลือกได้แต่ไม่ยอมเลือกอยู่นั่นล่ะ ส่วนไอ้เชิงชายก็จะเอาอยู่แต่คนเดียว คนอื่นมีเป็นร้อยเป็นพันไม่ยอมหันไปมอง...
...มอมยาอีแล้วจับมันนอนด้วยกันเลยดีไหมวะ...
แต่ก่อนที่นรธีร์จะได้ 'วางแผน' ต่อไป เชิงชายก็เดินยิ้มร่าเข้ามาในร้านอาหารและนั่งลงข้างๆ กาย
“กาย คิดถึงจังเลย” เชิงชายทำตาหวาน
“ไอ้ชาย ผู้อาวุโสนั่งหัวโ่ด่อยู่ตรงนี้แกไม่ทักเลยนะ” นรธีร์กระแทกเสียง ใช้เมนูอาหารฟาดต้นแขนของเชิงชาย
“โอ๊ย เจ๊” เชิงชายแกล้งทำเป็นเจ็บ “คิดถึงใครก็ทักคนนั้นก่อนสิ นี่ไม่ได้เจอกายนานจนแทบจะลืมกลิ่นแล้วนะเนี่ย”
“น้อยๆ หน่อย ไอ้ลามก แกไปดมกลิ่นเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาคงยอมให้แกดมกลิ่นหรอก” นรธีรเบ้ปากแล้วพูดขึ้นมาเบาๆ “แต่เจ๊อโหสิกรรมให้ เพราะแกคงไม่ได้มีโอกาสจะพูดแบบนี้อีกนานหรอก”
“ทำไมล่ะ” เชิงชายถาม แต่สองตาจับอยู่ที่เสี้ยวหน้าด้านข้างของกายซึ่งกำลังมองออกไปยังลานจอดรถหน้าร้านอาหาร
“ก็ไอ้กายมันคงอยู่กับเราอีกไม่นานนะสิ” นรธีร์ตอบเสียงเบา ทำท่าเหมือนกำลังบอกความลับสำคัญ
“พูดเป็นเล่น” คราวนี้เชิงชายหันหน้ามามองนรธีร์แล้วหันไปหากาย ยื่นมือไปเขย่าแขนคนที่กำลังนั่งเหม่อและถามว่า “กายจะไปไหน อย่าบอกนะว่าจะย้ายกลับบ้านนอก ถ้ายังงั้นชายจะตามไปด้วย”
“เชียงใหม่ไม่ใช่บ้านนอก พูดให้ดีๆ นะ” กายขมวดคิ้วใส่เชิงชาย
“ก็จะไปไหนล่ะ บอกชยหน่อยสิ” เชิงชายขมวดคิ้วเช่นกันแล้วหันไปถามนรธีร์ “เจ๊อำกันเล่นหรือเปล่า จะแกล้งผมให้ร้อนรุ่มหัวใจใช่ไหม”
“เฮ้อ แกนี่มันเว่อร์จริงๆ” นรธีร์ถอนหายใจ “อ้าว บอกก็ได้ กายมันจะไปสวรรค์ หรือจะไปนรกก็ไม่รู้ล่ะ” ประโยคสุดท้าย นรธีร์พึมพำเบาๆ แต่ก็ได้ยินกันทั้งสองคน
“บ้าน่ะเจ๊” กายกับเชิงชายพูดขึ้นมาพร้อมกัน
“นั่นไง” นรธีร์ใช้นิ้วกลางชี้หน้าเพื่อนรุ่นน้องทั้งสองคนสลับไปมา “แกสองคนนี่มันเนื้อคู่กัน พูดประโยคเดียวพร้อมกัน ใจมันตรงกันอย่างนี้จะสงวนท่าทีกันทำไมวะ ยืดเยื้อเรื้องรังเฉยๆ ตกลงปลงใจได้เสียกันซะเลย เจ๊จะเป็นสปอนเซอร์จ่ายเปิดห้อง ร.ร. ม่านรูดให้”
“พูดอะไรบ้าๆ” กายบ่น ทำหน้ามุ่ยแล้วหันหน้าหนี
“ผมอยากจะได้เสียตั้งนานแล๊ว” เชิงชายลากเสียงยาว ปรายตามองกายด้วยสายตาน้อยใจ “แต่กายนี่สิ”
“ไม่แกก็ปล้ำซะเลยสิวะ มัวชักช้า เก้ๆ กังๆ เงอะๆ งะๆ เฟอะๆ ฟักๆ อยู่ได้ เดี๋ยวไอ้กายมันก็จากแกไปก่อนเวลาอันควรหรอก” นรธีร์แนะนำ
“เจ๊ นอ” กายอุทาน “ผมจะอยู่นี่ล่ะ ไม่ไปไหนหรอก ชายก็เลิกพล่ามเรื่องความรักซะที”
“เห็นไหมล่ะเจ๊” ชายทำหน้างอน แล้วพูดกับนรธีร์ “เจ๊ก็เห็น พูดเรื่องนี้ได้ซะเมื่อไหร่ คนคนนี้ ไม่รู้หรอกนะ ว่ามีคนหนึ่งกำลังจะขาดใจตาย”
“ชาย” กายทำหน้าดุใช่เชิงชาย “จะอ้วก”
“ตกลงเอากะไอ้ชายซะเถอะกาย ไหนๆ แกก็จะอยู่ต่อได้อีกไม่นาน ทำบุญทำทาน ให้ไอ้ชายมันถึงไคลแมกซ์ซักครั้ง ตายแล้วจะได้ขึ้นสวรรค์”
“เจ๊ทำสิ” กายกระแทกเสียง
“ม่าวอาว” เชิงชายรีบปฏิเสธ
“เป็นอะไรเนี่ย มาแช่งกันให้ตายอยู่ได้” กายทำเสียงดุใส่นรธีร์
“อ้าว ก็แกเป็นเอดส์ไม่ใช่หรือ ในสมุดตรวจสุขภาพนี่ก็บอกว่า HIV absolutely, truly, f*ckingly Positive"
“บ้าน่ะเจ๊” กายโวยวาย รีบกระชากสมุดเล่มเล็กจากมือนรธีร์
“ไหนๆ ขอดูหน่อย” เชิงชายยื่นมือมาจึงโดนกายตีมืออย่างแรงด้วยสมุดตรวจสุขภาพ
“เป็นที่ไหน ผมสบายดี สุขภาพแข็งแรงดีร้อยเปอร์เซ็นต์ พูดอะไรบ้าๆ”
“งั้นก็เหมาะ” นรธีร์ทำสีหน้าครุ่นคิด
“เหมาะอะไรเจ๊” เชิงชายรีบถาม “เจ๊คิดเหมือนที่ผมคิดหรือเปล่า ถ้าสุขภาพแข็ง ก็มีแรงที่จะ...”
“ผสมพันธ์” นรีธีร์รีบพูดแทรก
“ผมสุขภาพดี” กายย้ำด้วยเสียงหนักแน่น “สุขภาพสมบูรณ์ ไม่เจ็บไม่ป่วยอะไร”
“สุขภาพกายด แต่สุขภาพใจแย่” นรธีร์เบ้ปาก
“ทำไม กายไม่สบายใจอะไรหรือ” เชิงชายเอียงหน้าถามอย่างห่วงใย “มีอะไรให้ชายช่วยหรือเปล่า เงินไม่พอใช้เอาของชายไปก่อนก็ได้ หรือว่าไอ้บริษัทนั่นใช้งานกายหนัก ให้ชายช่วยแปลเอกสารก็ได้นะ ชายจะไม่ออกทัวร์ก็ได้”
“ไอ้ชาย แกไม่ออกทัวร์แล้วใครจะออกทัวร์วะ แล้วเรื่องเงินอย่าเสือกไปเสนอ เงินเดือนแกบวกกับทิปมันยังไม่เท่าเงินเดือนไอ้กายเลย ไหนแกต้องผ่อนรถอีก ไหนจะเก็บเงินไว้ซื้อกระท่อมน้อยคอยรัก” นรธีร์โวยวายแทรกขึ้นมา
“ไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้นล่ะ เข้าใจหรือเปล่า” กายพูดเสียงหงุดหงิด “แล้วที่นัดมากินข้าวเนี่ยจะกินกันได้หรือยัง”
“แล้วสั่งกันหรือยังล่ะ” นรธีร์ยักไหล่
“ผมไม่หิว” เชิงชายปฏิเสธ
“อ้าว แล้วแกมาทำไมวะ” นรธีร์ถาม แต่สายตาจับอยู่ที่ใบหน้าของกาย มองเพื่อนรุ่นน้องอย่่างครุ่นคิด
“ผมมาเจอกาย” เชิงชายตอบยิ้มๆ “แค่นั่งมองก็อิ่มแล๊ว”
“ขอให้เป็นอย่่างนี้ทุกครั้งเถอะ จะได้ประหยัดเงิน” นรธีร์พูดกับเชิงชาย ส่วนในใจคิดหาวิธีการที่จะช่วยให้เพื่อนรุ่นน้องทั้งสองให้สมหวัง
...ถึงเวลาของแกทั้งสองคนแล้วล่ะ ฉันทันต่อไปไม่ไหวแล้ว รำคาญไอ้ชายเต็มที ส่วนไอ้กายก็ขวางหูขวางตาเหลือเกิน ปล่อยเอาไว้นานไม่ได้ เดี๋ยวไอ้สองคนนี้มันจะขึ้นคาน...
กายวางโทรศํพท์ลงบนแป้นช้าๆ คิ้วขมวด ถอนหายใจเบาๆ วันนี้เขาได้รับโทรศัพท์ทางไกลจากคเชนทร์แล้วถึงสามครั้ง แต่ละครั้งก็ชวนคุยเรื่องไม่เป็นเรื่อง แต่ครั้งสุดท้ายก่อนวางสายได้เตือนเขาให้ 'ดูแลตัวเองดีๆ อย่าไปแหย่รังแตน'
...รังแตนชื่อว่าท่านประธาน!...
...คำเชนทร์กำลังเปลี่ยนไป เปิดเผยความรู้สึกมากขึ้น เหมือนคุณทหารเมฆ เหมือนวรุจน์ เหมือนเชิงชาย...
กายถอนหายใจอีกครั้ง ยกมือขวาขึ้น ใช้นิ้วคลึงขมับขวาเบาๆ ครั้งแรกที่คุยโทรศัพท์กับคเชนทร์ เขาตั้งใจจะถามเรื่องคืนวันศุกร์ที่ 20 แต่คเชนทร์เอาแต่ชวนคุยเรื่องต่างๆ จนหาโอกาส 'เปิดประเด็น' เรื่องนั้นไม่ได้เสียที
...แล้วยังจะมาคิดเรื่องคืนวันศุกร์ที่ 20 อยู่ทำไมอีก ก็รู้แล้วว่าผู้ชายคนนั้นคือคเชนทร์ ส่วนไอ้ที่กลัวว่าจะเป็นเอดส์ก็ไม่เป็น ตอนนี้มีเรื่องอื่นต้องคิดตั้งหลายเรื่อง เรื่องที่แล้วมาก็แล้วไป จบไปแล้ว ไม่มีอะไรคาใจอีกแล้วนี่นา...
กายดุตัวเอง พ่นลมหายใจออกมาเบาๆ แต่ทันใดก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อเสียงจากโทรศัพท์เคลื่อนที่เตือนว่ามีข้อความสั้นส่งเข้ามาถึงสี่ครั้งติดๆ กัน
กายล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วเปิดอ่านข้อความสั้นทั้งสี่ แต่ละข้อความเป็นคำเพียงข้อความละหนึ่งคำ
คิด
ถึง
นะ
กาย
ไม่ได้ลงชื่อ แต่เขาก็รู้ว่าเป็นใคร
ข้อความนี้ส่งมาจากต่างประเทศ
*** End of Chapter 26 ***
ตัวอย่างตอนต่อไป
27
“รู้จักกันน้อยไปแล้ว” กายพูดเสียงจริงจัง “นึกว่าจะรู้จักกันซะอีก”
“โธ่ รู้จักสิรู้จัก” เชิงชายรีบพูด “แต่เข้าใจหน่อยสิว่าบางทีมันก็อดคิดไมได้ ชายเป็นมนุษย์ธรรมดานะกาย พอเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น ชายก็ต้องมองตามมุมของความเป็นจริง เว้ากันซื่อๆ ชายเป็นรองอยู่เยอะ แล้วที่ชายหวั่นใจนี่มันผิดด้วยหรือ”
37
“หรือบางทีคุณรู้ แต่คุณตีหน้าซื่อ ทำเป็นไม่เข้าใจ”
หาเรื่องจริงๆ เลย คุณท่านประธานพฤศนี่ช่างทำอะไรเป็นเด็ก ไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นถึงประธานบริษัทใหญ่ที่ทำธุรกิจมากมายก่ายกองแต่กลับมาทำตัวน่า...น่า...น่าอะไรวะ...
...น่าเตะจริงๆ ใช่แล้ว ทำตัวหน้าเตะ และหน้าต่อยปากซักหมัด...
“ผมก็ว่าผมเป็นคนฉลาด แต่คงไม่ฉลาดขนาดที่จะเข้าใจคำพูดของคุณได้ทุกอย่างหรอกครับ”
“งั้นตอบผมมาอีกทีซิว่า คุณเข้ามาทำงานที่บริษัทผมทำไม”
47
“อู๊ว อา ซี๊ด อาาาส์”
“อือ”
“โอ้ว..”
50
“ก่อนนอนปิดน้ำปิดไฟด้วยนะ”
“อือ”