Guy Chapter 19
กายยืนตาปรือ มองคนเดินไปเดินมาในงานเลี้ยงพิเศษกับนักร้อง 7 หนุ่มวง GK Junior จากประเทศเกาหลีด้วยด้วยความรู้สึกง่วงปนเบื่อ คืนที่ผ่านมาเขานั่งสับประหงกในการชมการแสดงของกลุ่นนักร้องวัยรุ่น พอรู้สึกตัวตื่นก็เห็นว่าตัวเองกำลังซบไหล่ธฤต ส่วนนรธีร์ลุกขึ้นยืน ทั้งเต้น ทั้งตะโกนเป่าปากแสดงอาการคลั่งไคล้ 7 หนุ่มจากเกาหลีอย่างหนัก
นรธีร์ขอร้อง อ้อนวอน และบังคับให้เขารับคำเชิญของธฤตให้มาร่วมงานคืนนี้เพราะตัวเองอยากใกล้ชิดกับนักร้องและกระทบไหล่คนดังซึ่งเดินไปเดินมาในงาน ตอนแรกกายนึกว่าจะเป็นงานเลี้ยงกับบรรดาแฟนคลับแต่พอมาถึงงานก็เห็นว่าเป็นงานเลี้ยงหรูหราของชาวสังคมชั้นสูงที่ยอมเสียเงินจำนวนมากเพียงเพื่อจะได้สังสรรค์กับกลุ่มนักร้องดัง ธฤตบอกว่าเป็นการกุศล เงินรายได้จะนำไปบริจาคให้องค์กรการกุศลหลายองค์กร
…
“คุณหลอกเอาเงินจากคนรวยแบบนี้หรือครับ” กายจำได้ถึงการสนทนากับธฤตเมื่อมาถึงงานใหม่ๆ
“อย่าเรียกว่าหลอกเลยครับ” ธฤตหัวเราะ “เรียกว่าใช้คนรวยให้เป็นประโยชน์ดีกว่า”
“เขาเสียเงินกันคนละเท่าไหร่ครับ” กายถาม
“ไม่เท่ากันครับ” ธฤตตอบแล้วบุ้ยปากไปยังโต๊ะซึ่งมีนักร้องหนุ่มวง GK Junior นั่งอยู่หนึ่งคน “โต๊ะที่มีนักร้องมานั่งด้วยต้องจ่ายคนละหนึ่งแสน”
“โอ้โห” กายอุทาน “แล้วโต๊ะนั่งสองต่อสองกับนักร้องล่ะครับ”
“ไม่มีหรอกครับ” ธฤตหัวเราะ “มันเกินไป”
“ผมว่าดีออก ไม่ลองก็ไม่รู้” กายยิ้มขำๆ “ล้านหนึ่งจะมีใครยอมจ่ายหรือเปล่านะ”
“มีสิครับ” ธฤตตอบ
“พูดเป็นเล่น” กายไม่อยากจะเชื่อ
“ดินเนอร์กับแบงก์นิตินัย คิดห้าแสนบาทขาดตัว และถ้าจะให้แบงก์ร้องเพลงให้ฟังก็เพลงละหนึ่งแสน”
“โอโห” กายอุทานอีกครั้ง
“มีคนจ่ายถึงล้านห้า ให้แบงก์ร้องเพลงทั้งอัลบั้ม”
“แล้วนักร้องเขายอมทำขนาดนั้นเลยหรือครับ” กายสงสัย
“ยอมครับ” ธฤตพยักหน้า “เพื่อเงินหนึ่งล้านห้าแสนบาทในคืนเดียว”
“ไม่อยากจะเชื่อ”
“เขาบริจาคให้การกุศล ช่วยเด็กที่ติดเอดส์จากครรภ์มารดา ตอนแรกผมไม่นึกว่าเขาจะทำ แต่คนใกล้ชิดแบงก์ป่วยเป็นโรคเอดส์ พอทางเราเสนอความคิดนี้เขาก็เลยตกลง คุณรู้หรือเปล่า ไม่ใช่แค่คืนเดียวนะครับ สามคืนซ้อนๆ และมีคนรอคิวอีกสองคน แบงก์กำลังเคลียร์คิวอยู่ อีกสองอาทิตย์โปรเจ็คนี้ก็เสร็จ”
กายพยักหน้าเมื่อฟังธฤตเล่าถึงเรื่องที่เขาไม่เคยคิดว่าจะสามารถเกิดขึ้นได้ การเป็นคนมีชื่อเสียงนั้นทำเงินได้มากมายเพียงแค่คืนเดียว และคนรวยก็ยินดีที่จะจ่ายเงินนวนมากเพื่อให้ได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ
...ธฤตก็เป็นคนดีนี่นา นึกว่าจะรวย หรูหราฟู่ฟ่าอย่างเดียว แต่สิ่งที่เขาทำในแบบของเขาก็เรียกได้ว่าทำประโยชน์ให้สังคมไม่ใช่น้อย...
...รู้จักใช้คนรวยให้เป็นประโยชน์...
...แต่จริงหรือเปล่าล่ะ ไม่ใช่ว่าคุยกับเราแบบนี้เพื่อสร้างภาพและเรียกคะแนนเพื่อให้เราสนใจหรอกนะ...
...แต่ธฤตจะทำแบบนั้นทำไม ความจริงหากธฤตอยากจะมีอะไรกับเราก็แค่แสดงออกมาตรงๆ ก็ได้ ไม่เห็นจะเป็นเรื่องใหญ่ แต่ก่อนเรามีอะไรกับคนที่ถูกใจกันอยู่บ่อยๆ ไม่ได้เรื่องมาก...
...แต่นั่นมัน...เฮ่ย...มันนานเดือนกว่าแล้วนะเนี่ย ครั้งล่าสุดก็ตอนที่...ตอนที่...
...คืนวันศุกร์ที่ 20 ตอนเมาไม่รู้เรื่องแล้วโดนคนแปลกหน้า 'ฟัน' แบบไม่รู้ตัวนั่นไง...
...แล้วชีวิตที่เคยเรียบง่ายก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง งานใหม่ก็ช่างแตกต่างจากงานเก่า บรรยากาศที่ทำงานแบบแปลกๆ มาพร้อมกับคนแปลกๆ ที่ไม่เคยเจอ...
...วรุจน์ ธฤต และคเชนทร์...
...อ้อ คุณทหารอากาศเมฆด้วย นั่นก็ไม่น่าจะธรรมดา เป็นทหารอากาศ แต่ขับรถหรูไม่ใช่ย่อย...
…
ขณะที่กำลังคิดถึงเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวพันกับชายหนุ่มทั้งสี่คน ชายหนุ่ม 'คนแรก' ที่กายนึกถึงก็ปรากฎขึ้นทันทีราวกับเดินออกมาจากความคิด วรุจน์อยู่ในชุดทักซิโด้สีขาวดูแปลกตาไปจากที่เคยเห็น ผมตัดสั้นกว่าเดิม ใบหน้าระบายด้วยรอยยิ้ม ดูหล่อเหลายิ่งกว่าดารานักร้องหรือนายแบบหนุ่มๆ ที่พากันเดินไปเดินมาในงาน แม้แต่นักร้องยอดนิยม GK Junior จากเกาหลียังทาบไม่ติด
“กาย...ไม่นึกว่าจะเจอคุณที่นี่ ผมโทรไปตั้งหลายครั้ง แต่ทำไมคุณปิดเครื่อง” วรุจน์ตัดพ้อ
“โทรศัพท์พังครับ” กายตอบ
“แล้วยังไม่ซื้อใหม่อีกหรือ” วรุจน์ถาม
“ซื้อแล้วครับ แต่...”
“ไม่ใช่ว่าคุณปิดเครื่องเพื่อหนีจากโลกมนุษย์นะครับ” วรุจน์เย้าด้วยใบหน้ายิ้มๆ แล้วเปลี่ยนเป็นน้ำเสียงจริงจัง “หรือไม่อยากคุยกับผ”
“เปล่านี่ครับ เพียงแต่ว่าพักหลังนี่ยุ่งมาก เวลาทำงานผมเลยปิดเครื่อง เลิกงานแล้วถึงเปิด แต่บางทีก็ลืม พอกลับถึงบ้านก็นอนเลย” กายตอบและตำหนิตัวเองในใจที่พูดไม่จริงทั้งหมด
“ความจริงผมก็ไม่คิดจะมางานนี้ เพิ่งตัดสินใจเมื่อเช้านี่เองครับ” วรุจน์เปลีี่ยนเรื่อง “เลขาผมเซ้าซี้ให้มาให้ได้ อย่างน้อยจะถือโอกาสคุยเรื่องธุรกิจ”
“คุณคงงานยุ่งมาก”
“ก็ยุ่งครับ แต่ไม่ยุ่งมากจนไม่มีเวลาเป็นของตัวเอง” วรุจน์ยิ้มอย่างอ่อนโยน “งานคืนนี้ผมเสียเงินไปเป็นแสน ถ้าไม่ใช่เพื่อประโยชน์ทางธุรกิจก็ไม่เอาด้วยหรอกครับ ผมก็เลยมา ไหนๆ ก็จ่ายเยอะแล้ว ต้องมากินให้คุ้ม”
“ผมก็กินจนจุกไปไหมแล้ว”
“แต่คุณดูท่าทางไม่สนุกเลย”
“สนุกครับ แต่ผมง่วง นอนดึกมาหลายคืน” กายตอบ
“อยากกลับหรือยังครับ ผมจะไปส่ง” วรุจน์ขยับตัวเข้ามาเกือบจะชิดกาย “ผมก็อยากกลับแล้วเหมือนกัน”
“ผมไม่ได้มาคนเดียว” กายตอบ กำลังจะบอกว่าต้องไปตาหานรธีร์ แต่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมา พร้อมกับร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว
“มาหลบอยู่นี่เอง”
“คุณคเชนทร์” กายอุทาน วรุจน์หันขวับไปมองตามเสียงของกาย
“โอ้ะ ไม่ว่าง” คเชนทร์ทำหน้าตกใจ มองหน้าวรุจน์แวบหนึ่งแล้วหันไปพูดกับกาย “อยากได้ลายเซ็น GK Junior หรือเปล่ากาย ตามผมมา จะพาไป”
“คุณกายกำลังจะกลับ” วรุจน์แทรก ตีหน้าเคร่ง คเชนทร์หันมองวรุจน์แล้วทำเป็นไม่สนใจ
“คันจังแก กับ มึนฮัว นั่งอยู่โต๊ะผม สองคนที่เด่นที่สุดของ GK Junior เลยนะกาย ไปเถอะ”
“ผมไม่ได้ชอบ GK Junior” กายตอบ
“เอาลายเซ็นไปขายต่อก็ได้” คเชนทร์ยื่นมือออกมา ทำท่าจะคว้าแขนของกายแต่วรุจน์ก้าวเข้าขวาง มองหน้าคเชนทร์ด้วยสายตาไม่เป็นมิตร กายยืนอยู่ข้างหลังวรุจน์ จึงมองเห็นใบหน้าของสองหนุ่มไม่ถนัด แต่เขาก็รู้สึกได้ว่าสองคนนี้เขม่นกัน
...เพราะหึงหวง...
...อย่าให้ถึงกับต่อยกันเลยนะ ขอร้องเถอะ ถ้าเป็นผู้หญิงก็ว่าไปอย่าง เราจะรู้สึกภูมิใจหากมีผู้ชายสองคนต่อยกันเพราะแย่งเรา แต่นี่เป็นผู้ชาย ถ้าเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น อายแย่เลย...
“เฮ้ วรุจน์ หลบมาอยู่นี่เอง ตามหาตั้งนาน” เสียงของชายชาวตะวันตกดังข้ึ้น ร่างสูงใหญ่ในชุดทักซิโด้สีดำเดินเข้ามาพร้องกับหญิงสาวชายเอเชียสวมชุดราตรีเปิดใหล่สีม่วง “Jacob จากเพนนินซูล่ากำลังตามหาอยู่ เขาอยากคุยเรื่องโรงแรมที่นิกโก้”
วรุจน์ลังเล หญิงสาวคนนั้นกล่าวขอโทษด้วยท่าทางสุภาพที่เข้ามาขัดจังหวะการสนทนาเพราะต้องการคุยเรื่องธุรกิจ
“เชิญตามสบายครับ คุณวรุจน์กำลังจะไปพอดี” คเชนทร์ตอบ
“กาย อย่างเพิ่งกลับนะครับ” วรุจน์หันมาพูดกับกายเป็นภาษาไทยแล้วปรายตามองคเชนทร์ด้วยสายตาขวางๆ ก่อนจะแตะแขนของหญิงสาวคนนั้นและพากันเดินจากไป
“ขอบคุณครับ คุณเอ่อ...” ชายชาวตะวันตกร่างใหญ่ก้มศีรษะให้คเชนทร์พร้อมกับยิ้มบางๆ
“คเชนทร์ครับ” คเชนทร์ตอบ
“ผมสเป็นเซอร์ครับ ยินดีที่ได้รู้จัก ขอตัวก่อนนะครับ” สเปนเซอร์พูดแล้วหันหลังเดินตามวรุจน์กับหญิงสาวคนนั้นไป
“อือ เสน่ห์แรง แค่สบตาก็รู้ว่า...” กายพูดขึ้นมาด้วยใบหน้ายิ้มๆ
“อ๊ะๆ ไม่ต้องมาล้อผมเลย” คเชนทร์หันมาส่ายหน้าให้กาย “คุณนั่นล่ะ ระวังตัวเอาไว้ ระวังจะโดนจิ้งจอกเจ้าเล่ห์คาบไปลิ้มลอง”
“คุณหมายถึงใคร”
“คุณก็รู้ว่าผมหมายถึงใคร” คเชนทร์พูดเสียงเข้มเล็กน้อย ก่อนจะเปลี่ยนเป็นน้ำเสียงธรรมดา “ดูภายนอกอาจน่ารักมีเสน่ห์ ดึงดูดใจให้เข้าไปเล่นด้วยเหมือนหมีแพนด้า แต่ความจริงคือสมิงร้ายจ้องตะครุบเหยื่อ”
“คุณหมายถึงคุณวรุจน์หรือครับ” กายถามตรงๆ ต้องการความชัดเจนจากคำพูดของคเชนทร์
“คุณอยู่ห่างๆ เขาเป็นดีที่สุด ผมเตือนคุณแล้วนะ ไม่อยากจะให้มานั่งร้องไห้ขี้มูกโป่ง
“เกินวัยผมจะทำแบบนั้นแล้วล่ะครับคุณคเชนทร์” กายตอบ หรี่ตามองอีกฝ่ายอย่างครุ่นคิด
...คเชนทร์กับวรุจน์รู้จักกัน และไม่ได้รู้จักกันแบบธรรมดาด้วย ท่าทางไม่ชอบหน้ากันมาก...
“เขาเป็นตัวอันตราย คนในแวดวงนี้เขารู้กันทั้งนั้น คุณอย่าเสี่ยงเข้าไปยุ่งกับเขา จะเสียใจภายหลัง เห็นท่าทางเป็นสุภาพบุรุษแบบนี้ล่ะ พญามารลูซิเฟอร์ยังเทียบไม่ได้ เพราะห่วงผมถึงได้เตือน” คเชนทร์พูดด้วยนำ้เสียงและใบหน้าจริงจัง
กายกำลังจะถามต่อ แต่เมื่อมองเลยไปทางด้านหลังของคเชนทร์เห็นธฤตกำลังยืนถือแก้วเหล้ามองมาที่เขาและยกมือส่งสัญญาณเรียกให้ไปหา กายจึงขอตัวจากคเชนทร์
“กาย” คเชนทร์เรียกเสียงเข้ม
“ครับ” กายหันหน้าไปมอง เลิกคิ้วอย่างสงสัย
“ดูแดตัวเองให้ดี” คเชนทร์พูด
แวบหนึ่ง กายคิดว่าตัวเองเห็นคเชนทร์ขบกราม นัยน์ตาลุกวาว
“ครับ ขอบคุณครับ” กายพยักหน้าทั้งที่ไม่ค่อยเข้าใจคเชนทร์เท่าใดนัก
“ธฤตก็ไม่ต่างกันหรอก” คเชนทร์พูดตามหลังแต่กายได้ยินไม่ถนัดเพราะเดินออกมาห่างพอสมควร
...คุณพฤศงั้นหรือ ทำไมคเชนทร์พูดถึงพฤศแบบนั้น...ไม่ต่างกัน...ไม่ต่างกับใคร...พฤศไม่ต่างกับวรุจน์ยังงั้นหรือ คเชนทร์ทำงานกับพฤศ ดูท่าทางสนิทกัน แต่ทำไมพูดถึงพฤศแบบนี้...
...แต่ว่าสนิทกันจริงหรือเปล่าล่ะ ดูเหมือนสนิทกันก็จริง แต่คเชนทร์ก็ทำตัวเหมือนอยู่คนละฝ่ายกับพฤศอยู่ในที ประหนึ่งว่าพฤศเป็นฝั่งนายจ้างหรือผู้บริหาร ส่วนคเชนทร์อยู่ข้างพนักงาน คอยปกป้องทุกๆ คนจาก 'เจ้านายใจร้าย' อย่างท่านประธาน...
“เพื่อนคุณท่าทางไม่ค่อยสบายครับ ผมเลยอยากให้คุณไปดูซักหน่อย” ธฤตก้มหน้าลงพูดกับกายด้วยเสียงอ่อนโยนแต่กายแอบสังเกตเห็นว่าธฤตปรายตาไปมองคเชนทร์และกล้ามเนื้อบนใบหน้ากระตุกเล็กน้อย
“ตอนมาก็เห็นสดชื่นดีนี่ครับ” กายขมวดคิ้ว
“นั่นสิ คุณนรธีร์ดูแอคทีฟขนาดนั้น อยู่ดีๆ ก็ทำท่าแปลกๆ เอาแต่ยืนแอบอยู่ตรงโน้น” ธฤตชี้มือไปยังมุมหนึ่งของห้องจัดงาน กายจึงรับเดินตรงไปหาเพื่อนรุ่นพี่โดยมีธฤตเดินตาม แต่กายบอกให้ธฤตไม่ต้องเป็นห่วง
“คุณธฤตไม่ต้องลำบากหรอกครับ ไปดูแลแขกเถอะ ผมจัดการเอง” กายพูด
“ถ้ามีอะไรให้ผมช่วยก็บอกนะครับ ผมอยู่แถวโต๊ะข้างหน้าใกล้เวที” ธฤตพยักหน้าให้แล้วแยกตัวไป