★ MSN (#mเอสn) ★ THE END
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ★ MSN (#mเอสn) ★ THE END  (อ่าน 378433 ครั้ง)

ออฟไลน์ LifePo-YuGu

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่11 [01/06/61] *หน้า24
«ตอบ #750 เมื่อ04-06-2018 11:12:25 »

โอย อึดอัดมาก
เราว่าชยินดูไม่เด็ดขาดเอาเลย โอเครอาจจะไม่ได้คบกันไม่ได้เป็นแฟนกัน
แต่คือบอกยุคไปแล้วไงว่าชอบอะ ชัดเจนหน่อยดิวะ สงสารยุคอ่า :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่11 [01/06/61] *หน้า24
«ตอบ #751 เมื่อ04-06-2018 11:17:23 »

เรื่องไม่เป็นเรื่องจริงๆ ก็เข้าใจว่าริวก็อยากให้มาร่วมฉลอง แต่ชยินก็บอกปัดไปคราวหน้าก็ได้นะ
ใจไม่แข็งพอก็นะ เรื่องถึงได้เป็นแบบนี้ แต่ยุคก็น่าจะฟังชยินมากกว่านี้หน่อยนะ

ออฟไลน์ por_pla4u

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 94
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่11 [01/06/61] *หน้า24
«ตอบ #752 เมื่อ04-06-2018 13:06:57 »

เอ้า เรื่องนี้เราว่าชยินทำตัวเองนะ :hao4:

ออฟไลน์ HeIsMine

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 47
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่11 [01/06/61] *หน้า24
«ตอบ #753 เมื่อ04-06-2018 13:36:56 »

เราเคยเจอเหตุการณ์เดียวกับยุคเลยคือบอกไม่มีอะไรแต่ให้เรารอแล้วก็ไปกับคนอื่น  โกรธชยินเลยแต่จะหายโกรธถ้าชยินขอยุคเป็นแฟนนะ

ออฟไลน์ Star06

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่11 [01/06/61] *หน้า24
«ตอบ #754 เมื่อ05-06-2018 12:40:43 »

ทำไมนี่อ่านละเข้าใจชยินกันนะ แล้วไม่เข้าใจยุคแทน คือมันดูเหมือนยุคเป็นฝ่ายวิ่งตาม แต่เราว่าไม่อะ ชยินก็วิ่งตามเหมือนกัน เพราะอ่านพาร์ทชยินทีไร รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกทดสอบความรู้สึกอะ อ่านพาร์ทยุคก็เห็นชัดนะว่ายุคชอบทำให้ชยินใจเสียบ่อยมาก ใครว่าชยินงี่เง่าก็แล้วแต่ แต่ต้องเข้าใจเว้ยว่านางไม่คิดว่าตัวเองจะชอบผู้ชายได้ไง นางเถียงกับความรู้สึกตัวเองกว่าจะยอมรับก็นานิยู่นะ แต่พอยอมรับได้ เอ้า เสือกมีอีกคนมาบอกชอบเฉย แล้วคนที่กว่าเราจะยอมรับความรู้สึกตัวเองว่าชอบเขาก็ดันมาไม่เข้าใจเฉย นี่ก็เลยอ่านแล้วรู้สึกว่าชยินไม่ได้งี่เง่าหรือโลเลอะ

ออฟไลน์ ppseiei

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่11 [01/06/61] *หน้า24
«ตอบ #755 เมื่อ05-06-2018 13:20:30 »

ฮรืออออออออออ

ออฟไลน์ awfsp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่11 [01/06/61] *หน้า24
«ตอบ #756 เมื่อ06-06-2018 01:26:28 »

ความไม่ชัดเจนนี่มันเจ็บปวดจริงๆนะ

ออฟไลน์ arjinn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-1
Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่11 [01/06/61] *หน้า24
«ตอบ #757 เมื่อ06-06-2018 22:52:53 »

อยากอ่านต่อค่ะ
อยากปลดความอึดอัด หรือจะอึดอัดกว่าเดิม

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่11 [01/06/61] *หน้า24
«ตอบ #758 เมื่อ07-06-2018 11:38:14 »

เฮ้อออ ตอนนี้ขัดใจกับชยินมากอะเอาจริงทำไมถึงได้เป็นคนใจอ่อนไม่เด็ดขาดขนาดนี้ แทนที่พอรู้ว่าเวลาดูหนังมันเป็นช่วงเย็นแล้วจะตัดสินใจกลับบอกปัดไปให้เด็ดขาด กลับมาทำอ้ำอึ้งลังเลอยู่ได้ คืออะไรเหรอ เออเป็นเราเราก็โกรธอะ เหมือนชยินแคร์ริวทั้งๆที่ควรจะแคร์ยุคมากกว่ามั้ยอะ จะทำอะไรคิดถึงใจเขาใจเราหน่อยทีตอนยุคมองผู้ชายคนอื่นที่สนามบินชยินยังเสียงแข็งใส่เลยแล้วยุคที่เห็นว่าชยินไปกับริวละจะรู้สึกยังไง ตอนนี้ไม่เห็นใจชยินสักนิดออกจะหงุดหงิดน่ารำคาญด้วยซ้ำ

ออฟไลน์ AppleA-

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่11 [01/06/61] *หน้า24
«ตอบ #759 เมื่อ07-06-2018 15:57:09 »

เราไม่ชอบคนโลเลหลายใจ ไม่เด็ดขาดไม่ชัดเจน
คือนัดกับยุคไว้ถึงเวลาต้องไปดิ ต้องรู้จักปฏิเสธนะ ที่ชวินไม่ปฏิเสธริว คงเะราะเห็นยุคเป็นของตายที่จะไปหา อธิบายยังไงก็ได้ใช่ไหมล่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่11 [01/06/61] *หน้า24
« ตอบ #759 เมื่อ: 07-06-2018 15:57:09 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ AppleA-

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่11 [01/06/61] *หน้า24
«ตอบ #760 เมื่อ07-06-2018 16:01:38 »

ประเด้นของเรามีนิดเดียวคือเรื่องเวลา ถ้ามันเลยเวลานัดแล้วจะเกรงใจไปอีกทำไม ทำไมไม่นึกถึงอีกคนที่คุณนัดไว้ในเวลาเดียวกันว่าเขาจะรู้สึกยังไง คิดให้ดีว่าสุดท้ายคุณแคร์ใครมากกว่า

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่11 [01/06/61] *หน้า24
«ตอบ #761 เมื่อ10-06-2018 19:12:23 »

รอชยินไปง้อยุคนะ กลับคนอื่นทำไมใจแข็ง
พอมียุคแล้วทำไมใจอ่อนกับคนอื่นไปทั่ว
สงสารใจยุคมาก กว่าจะเปิดใจ กว่าจะเจอ

สำหรับริว ไม่มีคอมเมนท์ใดๆ ที่ดีกว่าคำว่า แย่

ออฟไลน์ Jittirain12

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 353
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1238/-18
Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
«ตอบ #762 เมื่อ11-06-2018 22:39:50 »



ตอนที่ 12
Find yourself and grow



   ตอนนี้ยุคอาจจะโกรธมาก มันคงไม่อยากคุยกับผมหรือเจอหน้ากันอีกแล้ว

   ใช่ ผมปากพล่อยเองที่พูดออกไปแบบนั้น เพราะรู้สึกทนไม่ได้ตอนที่ได้ยินว่าเขาจะไม่ทำทุกอย่างเพื่อผมอีกแล้ว มันเหมือนตัวเรากำลังถูกลดความสำคัญ ผมโคตรจะเห็นแก่ตัว พอได้รับทุกอย่างจากอีกฝ่ายผมก็ยิ่งคาดหวังว่าจะยังได้รับมันเหมือนเดิมหรือมากกว่า

   ไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าวันหนึ่งหากเขาไม่หยิบยื่นทุกอย่างให้แล้วผมจะเป็นยังไง

   ยุคเดินไปข้างหน้าโดยไม่หันหลังกลับ ภาพที่แสนเลือนรางสุดท้ายก็จางหายไป เหลือตัวผมเพียงคนเดียวที่ยืนอยู่ตรงประตู บางที...เราอาจต้องการเวลาสำหรับทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ว่ามันจะจบลงหรือไปต่อข้างหน้าผมก็พร้อมจะยอมรับ

   ลูกบิดประตูถูกหมุน ผมก้าวเท้าเข้าไปภายในห้อง มองดูความจำเจของชีวิตด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก ที่ผ่านมาผมก็ใช้ชีวิตแบบเดิมมาตลอด หากแต่วันนี้ในใจกลับว้าวุ่นจนไม่สามารถจัดการได้

   “ทุกอย่างยังเหมือนเดิม” เอ่ยบอกกับตัวเอง

   โต๊ะกินข้าวตัวเดิม ตู้เย็นหลังเดิม ข้าวของทุกอย่างก็ไม่ได้ถูกเคลื่อนย้ายไปไหน แต่ทำไม...ความรู้สึกของผมถึงได้เปลี่ยนไป

   ผมทำลายความฟุ้งซ่านที่อยู่ในหัวด้วยการอาบน้ำ ล้างหน้าล้างตาเพื่อขจัดความรู้สึกแย่ๆ ออกให้หมด ก่อนทิ้งตัวลงบนเตียง มือข้างหนึ่งคว้ามือถือเอาไว้ จากนั้นก็กดเลื่อนดูข้อความจากไลน์

   มีแจ้งเตือนหนึ่งถูกส่งมาเมื่อสิบห้านาทีก่อน แล้วความมัวหมองที่เกาะกุมใจในคราแรกก็สลายหายไป เมื่อชื่อของผู้ส่งนั้นเป็นคนที่ผมคิดถึงมากที่สุด

   
   ‘ขอโทษที่ไม่ได้รับโทรศัพท์ แต่ลืมไว้ที่ห้องจริงๆ’


   นี่เลยเป็นสาเหตุที่ผมไม่สามารถติดต่ออีกฝ่ายได้ ปกติยุคไม่ใช่คนขี้ลืม ผมไม่รู้เหตุผลสำหรับการลืมในครั้งนี้ แต่หวังเหลือเกินว่าเขาจะไม่รีบมาหาผมเกินไปจนลืมหมดทุกอย่าง ถ้าเป็นอย่างนั้น...

   ผมจะทำยังไง

   ทว่าสิ่งเดียวที่อยู่ในหัวและพอจะทำได้ในตอนนี้ไม่ใช่การถามหาเหตุผลข้ออื่น แต่เป็นการส่งความรู้สึกของตัวเองออกไปตรงๆ
   

   ‘ยุค ที่พูดออกไป...ขอโทษนะ’


   ผมมีอะไรอยากบอกกับเขาเยอะแยะเต็มไปหมด แต่ก็ยังรอว่าอีกฝ่ายจะตอบกลับมายังไง ไม่คิดเลยว่าหลังส่งไปแล้ว นอกจากไม่ได้รับการตอบกลับ ยุคยังไม่แม้แต่จะเปิดอ่านมันด้วยซ้ำ

   แน่นอนว่าผมคงนอนไม่หลับแน่ถ้าทุกอย่างยังค้างคาอยู่แบบนี้ เอาแต่พลิกตัวไปมาบนเตียง หยิบมือถือขึ้นมาดูเป็นระยะจนกระทั่งเวลาล่วงเลยเข้าสู่เที่ยงคืน ผมยังรอคำตอบอย่างใจจดจ่อ

   ไม่ใช่ว่าบล็อกกันไปแล้วหรอกนะ

   ตีหนึ่ง...ตีสอง...ตีสาม...

   ร่างกายไม่ได้รู้สึกง่วงเลยสักนิด ดวงตาสองข้างยังคงสว่างใสแจ๋ว เนื่องจากกำลังคาดหวังว่าจะได้อ่านข้อความจากใครอีกคน

   แต่ไม่มี

   ไม่รู้ว่าเผลอหลับคาเตียงไปตั้งแต่ตอนไหน กว่าจะสะดุ้งตื่นอีกทีเวลาก็ปาไปเกือบแปดโมงแล้ว ผมรู้สึกปวดขมับเล็กน้อย เลยเดินสืบเท้าไปล้างหน้าล้างตาก่อนหาอะไรกิน จากนั้นก็กลับมาเช็กมือถืออีกครั้ง

   ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม คือไม่มีการเปิดอ่านหรือมีข้อความใดตอบกลับมา ผมทำใจกล้าด้วยการสูดลมหายใจเข้าปอด ก่อนเลื่อนมือหาเบอร์โทรที่อยู่ในรายชื่อติดต่อ จากนั้นก็กดโทรออกออก

   ‘ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก...’

   ปิดเครื่อง!

   เออดี ปล่อยให้กูเป็นบ้าฟุ้งซ่านอยู่ทั้งคืน ในเมื่ออยากจบทุกอย่างไว้แค่นี้ก็เชิญเลย

   คิดได้เท่านั้นก็รีบคว้าแล็ปท็อป สมุดเพลง และกีตาร์ขึ้นมา บางทีงานยุ่งก็อาจจะช่วยให้รู้สึกดีขึ้น ผมยังเหลือโปรเจ็กต์ที่ไม่ได้เร่งทำจากทางค่ายอยู่ วันนี้ได้ฤกษ์ดีที่ไม่ต้องเอาคำว่าขี้เกียจมาอ้างแล้ว เลยขอใช้โอกาสนี้ทำงานให้เต็มที่

   หนึ่งวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว

   สุดท้าย...ผมไม่ได้อะไรเลย

   ไม่มีไอเดียที่จะเขียน ไม่มีแรงจูงใจที่จะทำมัน ผมพยายามหลายต่อหลายครั้งที่จะเขียนเพลงขึ้นมาแต่มันก็เปล่าประโยชน์ ทำได้แค่ทิ้งตัวลงนอนเกลือกกลิ้งกับพื้น มองดูฝ้าเพดานสีขาวแล้วเอาแต่ถามตัวเองว่าควรทำยังไง อย่างไหนที่ต้องทำในตอนนี้

   ซ้ำซาก จำเจ น่าเบื่อ บางครั้งก็หดหู่

   กว่าจะลากตัวเองให้ผ่านเวลาแย่ๆ แบบนี้มาได้ก็เข้าสู่วันที่สามแล้ว

   วันที่ไม่มีแม้แต่เสียงเคาะประตูหน้าห้อง วันที่ไม่มีคนตัวสูงยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมกับหนังสือมูราคามิที่โคตรหายาก วันที่ไม่มีโอกาสได้เห็นหมวกแก๊ปสีขาวกับดำยี่ห้อต่างๆ แม้แต่เสื้อผ้าสไตล์นักฆ่าที่ผมมักเบะปากใส่ตลอดเวลาก็ไม่หลงเหลือ

   ไม่มี...

   เหงา เหงาจนรู้สึกปั่นป่วนในอก ความรู้สึกผีเสื้อบินวนในท้องหายไป มีเพียงความว่างเปล่าและการอยู่คนเดียวเหมือนในอดีตเท่านั้นที่บอกเล่าชีวิตแสนหดหู่นี้เป็นอย่างดี หลายครั้งเหมือนกันที่ผมมักได้รับการติดต่อจากไอ้ริวมาเป็นระยะ แต่ผมก็ทำได้แค่หันไปมอง แล้วปล่อยให้โทรศัพท์สั่นครืดจนกว่าจะดับไป

   ผมไม่อยากคุยกับใคร มีคนเดียวที่พอจะทำให้ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ก็มีแค่ไอ้ยุคเท่านั้น

   “ทำไงดี” ได้แต่ถามตัวเองเป็นรอบที่ล้าน

   สุดท้ายผมก็ไม่เคยหาคำตอบได้เลย

   ตึ่ง!!

   แล้วข้อความใหม่ก็เด้งขึ้นมาในเวลาตีหนึ่ง ร่างกายมีปฏิกิริยาด้วยการชันตัวลุกขึ้นนั่งโดยอัตโนมัติ ผมคว้าโทรศัพท์ขึ้นมา เลื่อนจอไปยังแอพลิเคชั่นคุ้นตาอย่างตื่นเต้น

   แต่ผมก็ต้องผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะคนที่หวังกลับกลายเป็นเพื่อนสนิทอย่างไอ้เบิร์ดแทน
   

   ‘กูรู้ว่ามึงยังไม่หลับ ตายหรือยัง หรือกำลังยุ่งกับการแต่งเพลงอยู่’


   หลังอ่านประโยคตรงหน้าจบ ผมรีบส่งข้อความกลับไปทันที...
   

   ‘ขอโทรคุยด้วยได้มั้ย’


   ในเสี้ยววินาทีหลังข้อความถูกส่ง เสียงเรียกเข้าก็ดังขึ้น ผมกดรับโดยไม่รีรอก่อนกรอกเสียงอ่อยๆ เหมือนหมาโดนทิ้งลงไปจนเพื่อนสายเนิร์ดจับสังเกตได้

   [เป็นห่าอะไรวะ] ถึงจะเป็นน้ำเสียงที่ดูแข็งกระด้าง แต่ผมก็ยังสัมผัสได้ถึงความห่วงใยจากปลายสายอยู่

   “กู...ทะเลาะกับยุคว่ะ” ผมไม่เคยมีความลับกับมันอยู่แล้ว มีอะไรก็พูดออกไปตรงๆ เวลามีความสุขก็แชร์กัน เวลาเศร้าผมโยนทุกอย่างให้มันช่วยแบกรับ เพื่อนแบบนี้ไม่มีอีกแล้วครับ

   พูดแล้วกูจะร้อง

   [โฮลี่ชิท! ทะเลาะอะไรกัน เรื่องที่มึงไม่ยอมครางชื่อมันหรือเปล่า]

   “ไม่ตลก” กูแทบปามือถือทิ้ง นี่คิดถูกหรือคิดผิดกันแน่ที่ตัดสินใจบอกไอ้เบิร์ด

   [เออรู้ละว่าเครียดจริง มีอะไรเล่าให้กูฟังได้ ถึงจะช่วยอะไรไม่ได้เลยอ่ะนะ] แค่เป็นผู้ฟังที่ดีก็รู้สึกตื้นตันใจฉิบหายแล้วครับ

   “หลายวันก่อนเกิดเรื่องนิดหน่อย กูนัดกับยุคไว้ว่าจะมาเจอกันที่ห้องตอนเย็นๆ แต่ไอ้ริวก็ดันมาชวนกูไปดูหนัง ที่คิดไว้คือยังไงก็กลับมาทันนัดอยู่แล้วก็เลยตอบตกลงไป แต่มีบางอย่างผิดพลาด กูมาไม่ทัน” ท้ายเสียงเริ่มแผ่วลงเรื่อยๆ ตามความรู้สึกผิด

   [ไม่ทันนี่ปล่อยให้รอนานมั้ย กูจะได้ประมาณถูก ถ้าไม่มากก็จะช่วยหาวิธีง้อให้]

   “มันมารอกูที่ห้องตั้งแต่สี่โมง”

   [อ่า แล้วมึงดูหนังกลับมากี่โมง]

   “สามทุ่ม”

   [สามทุ่ม! มึงบ้าป่ะชยิน] ปลายสายแหกปากลั่นจนผมต้องดึงมือถือออกห่างจากหู

   “กูรู้ว่าตัวเองผิด เลยขอโทษและพยายามอธิบาย แต่ไอ้ยุคแม่งก็ไม่ฟังลูกเดียว กูเลยโมโหไล่ให้มันไปพ้นๆ หน้า แบบไม่ต้องมาเจอกันอีกยิ่งดี”

   [ฉิบ-หาย-ละ] ไอ้เบิร์ดเน้นย้ำที่ละคำ

   มันปล่อยให้ความเงียบทำหน้าที่แทนอยู่พักใหญ่ก่อนจะกระแอ่มไอออกมา ผมรอฟังคำแนะนำของมันอย่างจดจ่อ อะไรก็ได้ที่ทำให้รู้สึกดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่

   [คืออย่างนี้นะชยิน ตอนที่ไอ้ริวนัดมึงทำไมถึงได้ตอบตกลงวะ]

   “ริวบอกว่าจะมาส่งกูให้ทัน”

   [แล้วตอนที่มึงรู้ว่ามันเลยเวลานัดแล้วทำไมมึงถึงยังอยู่ต่อ]

   “กูไม่กล้าปฏิเสธมัน กู...”

   [มึงไม่กล้าปฏิเสธอันนี้กูเข้าใจ นิสัยมึงอ่ะทำไมจะไม่รู้ มึงกลัวคนอื่นรู้สึกไม่ดีเวลาที่ถูกปฏิเสธใช่มั้ย แต่ถามหน่อยมึงไม่แคร์ไอ้ยุคเลยเหรอว่ามันต้องรอมึงนานแค่ไหน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามึงกำลังทำอะไร ใจคนรออ่ะมันคิดไปสารพัดแหละ] คำพูดของไอ้เบิร์ดทำผมอยากร้องไห้ออกมาอีกรอบ

   “กูก็ไม่ได้มีความสุขที่ทำแบบนี้นะเว้ย”

   [ใช่ไง ปฏิเสธคนไม่เป็นเองก็ต้องยอมรับสิ่งที่ตัวเองเลือกป่ะวะ แต่ผิดแล้วขอโทษอ่ะดีแล้ว กูรู้ว่ามึงไม่ได้เป็นคนฟอร์มจัดกับคนที่แคร์ขนาดนั้น แต่ที่ไม่เข้าใจคือมึงไล่เขาทำไม]

   “มันพูดเหมือนกับว่าจะไม่ทำทุกอย่างเพื่อกูอีกแล้ว จะไม่มาหา จะไม่บอกชอบ จะไม่ชวนไปร้านกาแฟหรือกินข้าวด้วยกัน ซึ่งกูรู้สึกไม่ดี กูยังอยากให้ทุกอย่างเป็นเหมือนเดิม เลยเผลอพูดท้าทายว่าถ้าไม่อยากทำก็ไปเลย คิดอยู่ตลอดแหละว่ายังไงมันก็คงไม่ไปไหน แต่กูคิดผิดว่ะ”

   ผมได้ยินเสียงถอนหายใจของคนทางไกล ก็ตอนนั้นกูควบคุมตัวเองไม่ได้นี่หว่า

   [มันมีนะ คนที่รอจะรับทุกอย่างอยู่ตลอดแต่สุดท้ายก็ไม่ได้อะไรกลับไปเลย เพราะไม่เคยให้อะไรเขาตอบแทน]

   “...” คำพูดนั้นทำผมสะอึก

   [มึงเชื่อมั่นว่าเขาต้องรัก ต้องทำทุกอย่างเพื่อมึง ต้องแคร์มึงมาก ผิดแค่ไหนเขาก็ไม่ไปไหน แต่มึงลืมไปหรือเปล่าว่าคนทุกคนมีขีดจำกัดของตัวเองเหมือนกัน]

   “กูรู้...กูรู้แต่ไม่คิดว่ามันจะมาถึงเร็วขนาดนี้ เบิร์ดกูชอบยุค กูชอบจริงๆ นะ” พูดไปน้ำตาก็ไหลไปจนต้องซบหน้าลงกับหมอน

   ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมต้องเครียดกับหลายสิ่งหลายอย่างที่เข้ามาในชีวิต เพราะมัวแต่ยึดบรรทัดฐานของสังคม ผู้ชายต้องคู่กับผู้หญิง ที่ผ่านมาความรักของผมก็เป็นแบบนั้นมาตลอดจนกระทั่งใครคนหนึ่งเดินเข้ามา เราทำความรู้จักกัน พบปะ กินข้าว และแชร์เรื่องราวต่างๆ มากมาย แม้เป็นเวลาไม่นานนักแต่กลับรู้สึกผูกพัน

   ผมถามตัวเองมาตลอด ความชอบคืออะไร ความรักคืออะไร ที่ผ่านมาผมปฏิเสธความรู้สึกของตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อกลับไปเป็นคนที่สังคมคาดหวังอีกครั้ง แล้วอย่างไหนที่ตัวของผมคาดหวังล่ะ

   การเข้ามาของผู้ชายแปลกประหลาดคนหนึ่งเปลี่ยนทุกอย่างในโลกของผม โลกที่ไม่ต้องเหงาและโดดเดี่ยว โลกที่มีสีสันและเรื่องราวที่ไม่เคยพบเจอ โลกที่ไม่ต้องเครียดว่าคนอื่นจะคิดยังไงกับเราแล้วปล่อยวางทุกอย่างลง

   ผมยอมให้ผู้ชายคนหนึ่งกอดได้ทั้งที่ไม่เคยให้ใครมากอดนอกจากคนในครอบครัว ยอมให้เขาจูบแม้จะรู้สึกขัดๆ แต่กลับมีความรู้สึกซาบซ่านอยู่ในนั้น ยอมทุกอย่างหากอีกฝ่ายต้องการจนคิดว่านี่แหละคือสิ่งที่ผมอยากให้เป็นและไม่ยอมสูญเสียไป

   ...ความรัก...

   เราทุกคนต่างเรียกมันแบบนั้น

   [กูโทรไปเคลียร์ให้มั้ย ทุกอย่างมันจะโอเคเว้ย] หลังต่างคนต่างเงียบไปนาน ไอ้เบิร์ดก็เสนอทางออกให้กับผม แต่นี่ไม่เวิร์กหรอก

   “กูอยากจบทุกอย่างด้วยตัวเองมากกว่า แต่การได้คุยกับมึงก็ทำให้กูรู้ว่าตัวเองควรทำยังไง”

   [งั้นกูเอาใจช่วย มันจะโอเคเว้ย]

   “หวังอยากนั้น ขอบใจมึงมากนะเบิร์ด”

   [มึงอย่าร้องไห้ดิสัด]

   “ใครร้อง กูไม่ได้ร้อง...” แม้เสียงที่ตอบกลับจะเจือไปด้วยเสียงสะอื้นและน้ำตาที่ไหลลงมาไม่ขาดสาย

   ปล่อยให้ตัวเองได้สงบสติอารมณ์ครู่หนึ่งถึงวางแผนว่าพรุ่งนี้จะทำอะไรต่อไป ในเมื่อโทรศัพท์ติดต่อไม่ได้ ไลน์ก็ไม่ได้กดอ่าน สิ่งที่ทำได้คงมีแค่การโผล่ไปเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายตรงๆ

   ผมสลัดความกลัวออกไปจนหมด เพื่อพาตัวเองมายืนอยู่ตรงล็อบบี้คอนโดของคนตัวสูง มันแย่หน่อยก็ตรงที่ผมไม่สามารถเข้าไปข้างในได้นอกจากรอเขาลงมา หรือบอกกับพนักงานให้เปิดประตูให้หลังได้รับคำยืนยันจากเจ้าของห้อง

   “เอ่อ...ตอนนี้คุณศตวรรษได้ตอบกลับมามั้ยครับ”

   ผมเดินไปถามที่เคาน์เตอร์อีกครั้ง หลังนั่งรอมาเกือบสองชั่วโมง และจิบน้ำดื่มหมดไปแล้วสามแก้วถ้วน

   “ที่ห้องยังไม่มีคนรับสาย เดาว่าเจ้าของห้องอาจจะไม่อยู่ค่ะ”

   “แต่ผมคิดว่าเขาน่าจะอยู่ ยังไงรบกวนลองติดต่อกลับไปอีกครั้งนะครับ” รู้ดีว่าได้สร้างความลำบากให้กับคนอื่นแล้ว แต่มันก็ช่วยไม่ได้จริงๆ

   เวลาผ่านไปอีกหนึ่งชั่วโมง พนักงานหน้าเคาน์เตอร์ก็เรียกผม เธอทำหน้าเจื่อนลงเล็กน้อยก่อนตอบคำถามอย่างครบถ้วน

   “ทางเราได้ติดต่อไปที่ห้อง 2108 แล้ว ทางคุณศตวรรษแจ้งมาว่าไม่สะดวกให้ใครเข้าพบ เพราะฉะนั้นต้องขออภัยด้วยนะคะ” เธอค้อมหัวเล็กน้อย ขณะที่ผมได้แต่ยืนตัวชาอยู่ที่เดิม

   “ขะ...ขอบคุณมากครับ” กว่าจะเค้นแต่ละประโยคออกมาได้ก็ใช้เวลาอยู่นาน ผมเดินออกจากคอนโดในสภาพใกล้เคียงกับคนไร้วิญญาณเต็มแก่ ทุกอย่างที่ผ่านมาจบลงแล้วเหรอ ได้แต่ถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมาไม่หยุด

   การรอคอยทรมานแค่ไหนตอนนี้ผมรู้แล้ว จิตใจมันทั้งกระวนกระวายและไม่เป็นสุข ยิ่งเวลาได้รับคำตอบในแบบที่เราไม่เคยคาดคิดมาก่อนก็ยิ่งเจ็บปวดเป็นเท่าตัว ผมไม่คิดว่าตัวเองจะทนได้ และคงผ่านมันไปไม่ได้ในเร็วๆ นี้แน่

   ผมเดินคอตกกลับห้องขณะในหัวครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ ความจริงแล้วผมมันก็แค่ไอ้ขี้แพ้คนหนึ่งเท่านั้นแหละ

   แม้พยายามจัดการปัญหาที่ยุ่งเหยิงไปทีละอย่าง แต่มันก็ยังล้มเหลว วันนี้ยังเคลียร์กับยุคไม่ได้ ส่วนริวผมก็ละอายใจเกินกว่าจะเจอหน้า คนเดียวที่เหลืออยู่เลยมีแค่เจเจ

   แน่นอนว่าเราได้เห็นหน้าค่าตากันเพียงครั้งเดียว แต่บทสนทนาทาง MSN ไม่ได้เป็นอย่างนั้น ถึงจะบอกความรู้สึกของตัวเองกับอีกฝ่ายไปตรงๆ แต่เราก็ไม่ได้เคลียร์เรื่องค้างคาใจให้จบตั้งแต่คืนนั้น แถมยุคยังพาผมหนีกลับซะก่อน ความสัมพันธ์ของเราเลยคาราคาซังมาจนทุกวันนี้

   ผมโทรหาไอ้เบิร์ดเพื่อขอเบอร์เจเจ จากนั้นก็นัดแนะอีกฝ่ายมาเจอในวันรุ่งขึ้น

   “ชยิน” เสียงของใครคนหนึ่งร้องเรียก ผมหันขวับไปทางต้นเสียงนั้นก่อนทักทายกลับ

   “หมีใหญ่”

   ใช่ หมีใหญ่มาแล้ว แถมมาซะตรงเวลาเป๊ะ

   “เรียกเจเถอะ ฟังชื่อหมีใหญ่แล้วมันเขินยังไงก็ไม่รู้” เจ้าตัวเอ่ยตอบ จากนั้นก็ย้ายก้นมานั่งยังฝั่งตรงข้ามของผมด้วยรอยยิ้ม

   แปลกดี ขนาดคนที่รู้สึกดีเวลาที่เล่น MSN ด้วยกันครั้งนั้น ทำไมตอนนี้ถึงไม่ได้มีความรู้สึกอะไรเลยนอกจากดีใจที่ได้เจอกัน

   “ไม่ได้คุยกันเลยตั้งแต่วันนั้น”

   “เอ่อ...อืม นั่นสิ” พูดแล้วก็อายจนไม่รู้จะมุดหน้าไว้ตรงไหน

   “ตอนมึงบอกรักไอ้ยุคกูอึ้งมาก”

   “จริงๆ ลืมมันซะก็ได้”

   “จะลืมได้ยังไง จริงใจออกขนาดนั้น”

   “มึงไม่โกรธใช่มั้ย”

   “โกรธทำไม คนไม่มีใจไม่ผิดเว้ย คิดซะว่าทุกอย่างผ่านไปแล้วกัน ยังไงเราก็เป็นเพื่อนกันได้”

   “มึงคิดอย่างนี้เหรอ”

   “แหงสิ ก็บอกว่าเป็นแค่เพื่อนก็ต้องเป็นเพื่อน กูจะพยายามเป็นอย่างอื่นไปทำไม ว่าแต่ที่นัดมาวันนี้มีเรื่องอะไรหรือเปล่า” เขาถาม ผมเลยตอบตามตรง

   “ก็จะคุยเรื่องนี้แหละ เหมือนคืนนั้นเรายังพูดกันไม่เคลียร์เท่าไหร่ กลัวว่าต่อไปจะมีปัญหาเพิ่มขึ้น”

   “ปัญหาอะไร กับไอ้ยุคเหรอ”

   “ไม่ใช่หรอก”

   “สบายใจได้ เป็นเพื่อนกันแล้วกูก็ไม่คิดเกินเลยเป็นอย่างอื่นหรอก ฝากบอกไอ้ยุคด้วยนะว่าอย่าคิดมาก ได้ข่าวว่ามันเองก็ชอบมึงหนิ แม่งคงรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่ที่มีเรื่องของกูเข้าไปแทรก” ยิ่งพูดถึงบุคคลที่สามทีไรใจผมก็เหมือนดิ่งลงเหวทุกที

   “กับยุคอาจจะไม่ได้บอกหรอก เรา...ทะเลาะกันนิดหน่อย”

   “ไหงเป็นงั้นวะ” เจ้าตัวบ่นงุบงิบ ดวงตาสองข้างหรี่มองผมเหมือนกำลังพิจารณาอะไรสักอย่างแต่ก็ไม่ยอมพูดออกมาตรงๆ เราต่างคนต่างแสดงท่าทีอึกอักไปพักใหญ่ ก่อนผมจะเป็นฝ่ายถามออกไป

   “ถามหน่อยสิ ทำไมวันนั้นก่อนโปรแกรมจะหมดอายุ มึงถึงบอกชอบกูวะ” เพราะดูจากตอนนี้แล้ว เราเหมือนคนที่ไม่รู้จักกันด้วยซ้ำ จะบอกว่าที่ห่างเพราะผมปฏิเสธไปเมื่อครั้งก่อนก็คงเป็นไปไม่ได้

   “ก็เพราะชอบล่ะมั้ง” อีกฝ่ายตอบหน้าตาย

   “งั้นถามต่อ ชอบกูที่ตรงไหนเหรอ”

   “มันอาจจะบอกเป็นเหตุผลทั้งหมดไม่ได้ ความจริง...” เจหยุดพูดไปอึดใจหนึ่ง แล้วพรูหายใจออกมายาวเหยียด “ไม่เคยรู้สึกบ้างเหรอว่าไม่ใช่”

   “ฮะ?”

   “รู้สึกมั้ยว่ากูไม่ใช่หมีใหญ่ หรือปักใจเชื่อเลย”

   คำพูดนั้นทำสมองผมหยุดทำงานไปชั่วขณะ อะไรคือใช่หรือไม่ใช่ ที่ผ่านมาเวลาผมถามเขาก็ไม่เคยปฏิเสธมันสักครั้งไม่ใช่เหรอ

   “เจเจคือหมีใหญ่มาตลอด” ผมพึมพำเสียงแผ่ว

   “กูมีแฟนแล้ว” คราวนี้กูเบิกตากว้างเลยจ้า

   “แฟน?”

   “ใช่ เป็นผู้หญิงด้วย”

   “มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”

   “คืองี้นะ แผ่นโปรแกรม MSN กูได้มาจากไอ้เบิร์ด แถมสัญญากับมันไว้เสร็จสรรพว่าจะทดลองใช้เพื่อบอกผล แต่พอดีว่าช่วงนั้นกูไม่มีเวลาเลยยกแผ่นโปรแกรมให้กับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง มันอยู่คณะเดียวกัน มหา’ลัยเดียวกัน และก็เป็นเพื่อนเก่าตั้งแต่เรียนมัธยม”

   สมองผมเริ่มประมวลผล ปะติดปะต่อทุกเรื่องเข้าด้วยกันทีละน้อย

   “หมีใหญ่เป็นชื่อกลุ่มดาว ในนั้นมีดาวดวงหนึ่งที่แปลกประหลาดมาก มันคือPC 0832/676 ซึ่งอยู่ห่างไกลที่สุดในระนาบดาราจักร”

   “...” คนตรงหน้ายังคงพูดไม่หยุด ส่วนตัวผมเองก็เป็นผู้ฟังที่ดี

   “มันบอกว่าตัวมันเหมือนดาวดวงนี้ โดดเดี่ยว และน้อยครั้งมากที่ใครจะหาเจอ มันเป็นคนโลกส่วนตัวสูง งานของมันแทบไม่ต้องเจอกับใครเลย แม่งโคตรเหงา แต่ความเหงานี่แหละมั้งที่เป็นเสน่ห์ เผื่อวันนึงที่จักรวาลหมุนวนไปเรื่อยๆ ก็อาจจะได้เจอกับดวงดาวที่อยู่ห่างไกลเหมือนกัน”

   ผมเริ่มมองเห็นเค้าลางบางอย่างที่ไม่เคยสังเกตเห็น

   หมีใหญ่ PC 0832/676 ดาวที่อยู่ไกลที่สุดในระนาบดาราจักร

   “จริงๆ กลุ่มดาวนี้มีอีกชื่อนะ รู้มั้ยว่าชื่ออะไร”

   ต่างคนต่างเงียบ มองหน้าหยั่งเชิงกันพักหนึ่ง

   “คัลลิสโต”

   เราพูดออกมาพร้อมกัน ผมกลืนน้ำลายลงคอไปหลายอึก ก้มมองดูฝ่ามือที่กำลังสั่นเทาพอๆ กับหัวใจที่รัวกระหน่ำไม่มีหยุด

   ทำไมถึงได้มองข้ามทุกอย่างไปจนหมด ทำไมถึงไม่เอะใจสักนิดว่าแท้จริงแล้วเราไม่ได้อยู่ไกลกันเลย แต่สิ่งที่อยากถามมากที่สุดก็คือ ทำไมถึงไม่บอกกัน ทำไมถึงปล่อยให้ผมสับสนเนิ่นนานขนาดนี้

   ผมไม่ได้โกรธ ตรงข้ามกลับดีใจด้วยซ้ำ

   ตอนคุยกันผ่าน MSN เราเหมือนเพื่อน แชร์กันได้ทุกอย่างไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือใหญ่แค่ไหนก็ตาม แต่พอได้คุยกันในชีวิตจริงเราเป็นยิ่งกว่านั้น ผมไม่ได้รู้สึกเสียใจแต่โล่งใจเป็นร้อยเท่า ขอบคุณที่ไม่ใช่คนอื่น ขอบคุณที่เป็นคุณ

   “อาจจะแย่นิดหน่อยตรงที่ไอ้ยุคไม่ได้บอกเอง ขอโทษจริงๆ ว่ะ”

   “...” ผมส่ายหัว

   “อย่าโกรธมันเลย”

   “ไม่สักนิด”

   “ถ้าทะเลาะอะไรกันก็รีบคุยกันเถอะ”

   “แน่นอน ต้องคุยอยู่แล้ว”

   “พอได้พูดความจริงทั้งหมดแล้วกูโคตรโล่งใจเลยว่ะ”

   “ขอบคุณที่บอกกูนะ”

   “ไม่เป็นไร แต่ฝากบอกไอ้ยุคด้วยว่าอย่าโกรธกู กูแค่ทนความน่ารักของเด็กน้อยอย่างมึงไม่ได้ก็เท่านั้น” ผมส่งยิ้มให้คนตรงหน้า ก่อนนั่งเขี่ยข้าวในจานไปมาพร้อมกับคิดอะไรเพลินๆ

   ทุกอย่างชัดเจนหมดแล้ว แม้ไม่รู้ว่าผมมียุคในคอนแท็กเอ็มเอสเอ็นตั้งแต่ตอนไหน ทว่ามันไม่สำคัญอีกต่อไป

   หมีใหญ่ คัลลิสโต ศตวรรษ แท้จริงแล้วคือคนเดียวกัน

   เป็นคนที่ผมรัก

   
อ่านต่อด้านล่างค่ะ

ออฟไลน์ Jittirain12

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 353
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1238/-18
Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
«ตอบ #763 เมื่อ11-06-2018 22:42:20 »


   ผมอยากง้อ และผมต้องเป็นฝ่ายง้อ ทิ้งมันให้หมดศักดิ์ศรีที่ค้ำคออยู่ ฟอร์มจัดไปทำไมในเมื่อใจเราไม่มีความสุข จะให้เข้าวัดทำบุญมันก็ไม่ใช่เรื่อง ผมมันคนบาปเยอะ เดินเข้าวัดไม่ได้เดี๋ยวร้อนจนตัวละลาย

   วิธีแก้ง่ายๆ คือไปเจอเพื่อเคลียร์ปัญหาทุกอย่าง แต่ครั้งหนึ่งผมเล่นโผล่ไปถึงคอนโดแล้วมันไม่เวิร์กเลยต้องเปลี่ยนสถานที่ อย่างน้อยที่มั่นใจว่าเจ้าตัวต้องโผล่ไปแน่ๆ ก็คือคาเฟ่ที่พี่สาวยุคเป็นเจ้าของ

   “ยินดีต้อนรับค่า อ้าว! น้องสะใภ้” ผมได้รับการทักทายอย่างดีจากเจ้าของร้าน หลังก้าวเท้าเข้ามาภายในได้ไม่นาน

   “สวัสดีครับ”

   “รับอะไรดีคะ เดี๋ยวพี่ทำให้สุดฝีมือเลย”

   “ขอเป็น...” พูดพลางสอดส่ายสายตามองไปจนทั่วร้าน แต่ก็ไม่เห็นคนที่อยากเจออย่างที่คาดหวังไว้ในตอนแรก “เอสเพรสโซ่เย็นแล้วกันครับ”

   “งั้นรอก่อนน้า กินที่ร้านหรือสั่งกลับดี”

   “กินที่นี่ครับ” ผมละล้าละลัง ไม่ยอมผละจากเคาน์เตอร์จนพี่สาวของไอ้ยุคหันมาถามด้วยความสงสัย

   “น้องสะใภ้ เอ๊ย น้องชยินมีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ”

   “เอ่อ...ช่วงนี้ยุคได้แวะมาที่ร้านบ้างมั้ยครับ”

   “เพิ่งมาเมื่อวันก่อนเอง วันนี้ไม่รู้จะมาหรือเปล่านะ เราไม่ได้โทรคุยกันเหรอ” คนตรงหน้าหรี่ตามองเล็กน้อยราวกับกำลังตั้งข้อสงสัย ซึ่งผมเองก็ไม่อยากตอบอะไรตอนนี้เลยเลือกส่ายหัว แล้วหมุนตัวหาเก้าอี้นั่ง

   เอาวะ! อย่างน้อยก็คาดหวังว่าค่ำๆ หน่อยไอ้ยุคอาจจะโผล่มาอีกรอบ ทั้งที่ตอนนี้ก็ปาไปหกโมงนิดๆ แล้ว สองทุ่มร้านก็ได้เวลาปิด นั่นหมายความว่าผมมีเวลาแค่สองชั่วโมงในการนั่งรอปาฏิหาริย์

   “ชยิน”

   ที่ไหนได้ คนที่โผล่มากลับเป็นคนที่ผมไม่อยากเจอในตอนนี้ที่สุด

   “ริว มาได้ไง”

   “กูเล่นบาสอยู่ที่สนามคณะแพทย์ แอบเห็นหลังมึงไกลๆ เลยตามมาดู แล้วก็ใช่จริงๆ ด้วย” ความบังเอิญแบบอินฟินิตี้ของชีวิตถูกฉายซ้ำๆ ซากๆ ร่างสูงในชุดกีฬาเดินตรงดิ่งมายังโต๊ะที่ผมนั่ง สองคิ้วแทบผูกปมแน่นแต่ไม่นานก็คลายออกเมื่อคาดเดาเหตุผลที่ผมมาอยู่ตรงนี้ได้

   “มาหาไอ้ยุคเหรอ” ผมพยักหน้า “กูโทรหามึงตั้งหลายสาย แต่มึงก็ไม่เคยรับ”

   “กู...กูแค่ต้องการเวลา อยากเคลียร์เรื่องวุ่นวายไปทีละอย่าง”

   “หึ! ถ้าไม่บังเอิญเจอมึงที่ร้านเราจะได้เคลียร์กันเมื่อไหร่เหรอวะ” มันถามพลางยิ้มขื่น ผมเองก็น้ำท่วมปากเกินกว่าจะหาข้อแก้ตัว

   “ขอโทษว่ะ”

   “ตอนนี้กูก็อยู่ให้มึงเคลียร์นี่แล้วไง จะได้ไม่เหนื่อยหลบหน้ากันอีก”

   ผมเป็นคนกลัวความผิดหวัง แต่ที่กลัวยิ่งกว่าคือการทำให้คนอื่นผิดหวัง มันเลยเป็นเรื่องค่อนข้างยากเวลาต้องเด็ดขาดกับอะไรสักอย่าง

   กับแฟนเก่าที่เคยคบหา ทุกคนล้วนเป็นฝ่ายบอกเลิก ไม่มีสักครั้งที่ผมเอ่ยปากพูดก่อนแม้ในใจลึกๆ จะหมดเยื่อใยกันไปแล้วก็ตาม กับเพื่อนก็ไม่เคยเซย์โน จนแค่ไหนพี่ถ่อไปหาเพียงเพื่อนั่งก๊งเบียร์กันอย่างเริงร่า ก่อนจะแหกเหรียญในกระเป๋าจ่ายพนักงานด้วยความอับอายตอนเมากันได้ที่

   แล้วนับประสาอะไรกับการปฏิเสธคนที่มาบอกชอบกูวะ แม่งยากมากเว้ย แต่คิดว่าไม่วันใดก็วันหนึ่งผมก็ต้องพูดออกไปอยู่ดี

   “ริว กูคิดอยู่ตลอดว่าจะหาโอกาสบอกกับมึงแต่ก็ไม่มีความกล้าพอ กูขี้เกรงใจ ปฏิเสธใครไม่ค่อยเป็น และเพราะกูเป็นแบบนี้มันเลยทำให้กูไม่มีความสุข” ผมระบายออกมายาวเหยียด

   “...”

   “มึงเองก็เหมือนกันใช่มั้ย ไม่มีใครมีความสุขหรอกที่ต้องรอ เพราะงั้นกูเลยอยากบอก...”

   “กูรู้ว่ามึงจะพูดอะไร” อีกฝ่ายตัดบท

   “ขอโทษ กูมันแย่”

   ผมก้มหน้ามองแต่นิ้วมือของตัวเอง บอกตามตรงว่าไม่กล้าสู้หน้ากับใครทั้งนั้น เรื่องที่เกิดขึ้นผมผิดเอง ผมผิดสัญญากับยุค เห็นแก่ตัวกั๊กไอ้ริวเอาไว้ แทนที่มันจะได้มีอิสระได้รักกับคนอื่น แต่ผมก็ยังเหลือความหวังสุดท้ายให้กับมันทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้ว

   ต่อให้ผมกับยุคไปกันไม่รอด เรื่องระหว่างผมก็ริวก็เป็นได้แค่เพื่อนอยู่ดี

   ซีนนี้ไม่ตลกเลย ผมอยากกลับไปใช้ชีวิตคอมเมดี้อีกครั้งทำไมมันถึงได้ยากเย็นขนาดนี้วะ

   “มึงไม่ได้แย่ชยิน แต่กูเสือกมาช้าเอง”

   “มันไม่ได้เกี่ยวว่ามาช้าหรือเร็ว กูขอโทษที่ไม่ยอมปฏิเสธไปตรงๆ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกูขอรับผิดเอง เพราะงั้นมึงไม่ต้องรอแล้ว ไม่ว่าคำตอบของกูกับยุคจะเป็นยังไงมันก็คงจบแค่นี้”

   “...”

   “มึงจะต่อยกูก็ได้นะ ให้สาสมกับที่เสียเวลารอ”

   “ต่อยได้เหรอ” ผมสะดุ้งเฮือก

   “ถะ...ถ้าต่อยเบาๆ หน่อยก็จะดีมาก”

   “กูจะต่อยมึงได้ไงในเมื่อมึงปฏิเสธกูตั้งแต่แรกแล้ว มีแต่กูที่ยังตื๊ออยู่ ถามจริง มีตรงไหนที่กูสู้ไอ้ยุคไม่ได้วะ”

   “...”

   “สมัยเรียนกูเก่งกว่ามัน ความฮอตถ้าเทียบแล้วกูชนะขาด เข้ามหา’ลัยก็เป็นที่รู้จักในวงกว้าง เรื่องฐานะกูยิ่งมั่นใจว่าเหนือกว่าอยู่หลายเท่า ไม่ต้องพูดถึงเรื่องหน้าที่การงาน ทุกอย่างในชีวิตกูมั่นคงพอที่จะดูแลมึงได้ แต่ไอ้ยุคมีอย่างไหนที่ดีกว่ามึงก็ลองพูดมาสิ” ผมได้แต่ส่ายหัว เรียนหมอก็จริงนะแต่ความคิดเด็กน้อยไม่ต่างจากผมเลยสักนิด

   “กูไม่เคยเอามึงสองคนมาเปรียบเทียบกัน ไม่มีใครสู้ได้หรือไม่ได้ มันมีแค่ความสบายใจที่ได้อยู่มากกว่า”

   “ทุกครั้งเวลาอยู่กับกูมึงไม่สบายใจเหรอวะ”

   “สบายใจสิ มากด้วย”

   “แล้วทำไม...”

   “เพราะรักล่ะมั้ง”

   “...”

   “มันไม่มีเหตุผลอะไรที่จะอธิบายให้เห็นภาพชัดหรอก เคยเห็นหลายคู่ที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ดีแต่ก็ยังโง่รักอยู่มั้ย นั่นแหละเหตุผลเดียวกัน แต่ยุคไม่ได้แย่แบบนั้น แน่นอนว่าอาจไม่ดีเท่าคนอื่น แต่ก็ดีในแบบที่เป็นเขา”

   “มึงพูดขนาดนี้กูแม่งอิจฉาไอ้ยุคเลยว่ะ”

   “อิจฉาทำไม บางทีคบกับกูมึงอาจโชคร้ายก็ได้ กูนี่ไม่มีอะไรดีเลยนะ จนมาก ขี้เกียจทำงานด้วย ขี้หงุดหงิด บางครั้งก็ชอบเพ้ออะไรเหงาๆ แถมกวนตีนอีกต่างหาก มึงโชคดีแล้วเว้ยริว” ปากพูด ทว่ามือกลับเอื้อมไปตบไหล่แกร่งเป็นการปลอบใจ

   “ถ้ามึงคิดว่านั่นคือความโชคดีกูก็คงต้องยอมรับ แต่ขออะไรอย่างหนึ่งสิ”

   “ว่ามา”

   “ถ้าวันไหนที่ไปกับไอ้ยุคไม่รอด ช่วยกลับมาหากูได้มั้ย กูไม่ได้รอ แต่เผื่อว่าตอนนั้นเราต่างไม่มีใครทั้งคู่จะได้ดูแลกันได้”

   ผมยิ้ม เป็นยิ้มที่ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไปเพื่ออะไร

   “นี่แช่งกันหรือเปล่าเนี่ย”

   “ก็แค่เผื่อไว้ อนาคตไม่มีอะไรแน่นอน”

   “มันก็จริง แต่แปลกดี สำหรับตอนนี้...”

   “...”

   “กูไม่เคยคิดถึงอนาคตที่ไม่มียุคอยู่เลยว่ะ”











   ผมรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก คล้ายกับว่าไอ้ยกภูเขาออกจากอกจนมีโอกาสได้หายใจสะดวกขึ้น ความจริงแล้วการปฏิเสธหรือสารภาพความรู้สึกของเราออกไปตรงๆ ก็ไม่ใช่เรื่องน่ากลัวเท่าไหร่ การให้ความหวังโดยที่เรารู้ว่าไม่มีหวังต่างหากที่น่ากลัว

   ตอนนี้ผมกลับมาถึงห้อง ทุ่มตัวลงบนเตียงด้วยความรู้สึกโล่งอก สิ่งแรกที่ต้องทำเลยคือการพ่นเรื่องเหล่านี้ให้เพื่อนรักอย่างไอ้เบิร์ดฟัง ไหนๆ ก็อุตส่าห์รับฟังมาตั้งแต่ต้นแล้ว พอได้บทสรุปผมก็อยากให้มันรับรู้เป็นคนแรกๆ ด้วยเหมือนกัน

   [ว่างายมึงงงงงง โทรมาแต่เช้าไม่รู้จักเกรงอกเกรงใจ] ผมเหลือบมองนาฬิกาปลุกบนหัวเตียง สัด ลืมไปเลยว่าที่โน่นเพิ่งสว่าง แถมคนที่รับยังเป็นพวกนอนกลางวันตื่นตอนกลางคืนอีกต่างหาก

   “ขอโทษเว้ย แม่งลืมไปจริงๆ”

   [งั้นกูวางสายนะ คนจะหลับจะนอน]

   “คัลลิสโตคือหมีใหญ่”

   [ฮะ! อะไรยังไงว่ามา] ก่อนหน้าทำมาเป็นอิดออด ทีตอนนี้ล่ะน้ำเสียงดูระริกระรี้เชียว อย่างว่าแหละครับ ไม่มีใครในรุ่นที่จะขี้เสือกได้เท่าผมกับไอ้เบิร์ดอีกแล้ว

   “คัลลิสโต ยุคน่ะ มันคือคนเดียวกันกับที่เถียงกูใน MSN เป็นคนที่ใช้โปรแกรมมึงมาป่วนประสาทกูทุกวี่ทุกวัน”

   [ใครบอกมึงวะ]

   “เจเจ กูตั้งใจนัดมันมาเคลียร์ประเด็นที่เคยบอกชอบกูในเอ็ม แต่ที่ไหนได้มันดันบอกความจริงกับกูเฉยเลย”

   หลังจากนั้นเมพเบิร์ดก็แย่งเวลาทุกอย่างไปจากชีวิตผม เราคุยกันอยู่นานกว่าจะวางสาย รู้ตัวอีกทีเวลาก็ปาไปเกือบตีสองแล้ว คือมันมีอะไรให้คุยกันขนาดนั้นเลยเหรอวะ เหนื่อยแทนตัวเองเหมือนกัน แต่ก็พอจะปลอบใจได้ว่ามันไม่ใช่เรื่องผิดแปลกอะไร

   ไอ้ยุคเป็นความรักที่เกิดขึ้นหลังมันห่างหายไปจากชีวิตของผมหลายปี เป็นเพลงรักที่เกิดจากความรู้สึกจริงๆ ไม่ใช่เพราะบรรยากาศหรือความรู้สึกที่บิลด์ไว้เพื่อแต่งเพลงให้มันจบๆ ไป

   ดังนั้นผมถึงอยากทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ยอมรับตัวเองและเลิกบ่ายเบี่ยงเพื่อหนีปัญหาสักที

   ตีสามผมอาบน้ำเตรียมเข้านอน ทว่ามือก็ยังคว้าโทรศัพท์ขึ้นมากดอีกครั้งเพื่อดูว่าอีกฝ่ายได้ตอบข้อความบ้างหรือยัง แน่นอนว่าคำตอบก็ยังคงเหมือนเดิมคือไม่ แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกแย่อะไร พรุ่งนี้ทุกอย่างก็คงดีขึ้นแล้ว

   “ราตรีสวัสดิ์นะหมีใหญ่”

   ไม่รู้ว่าตอนนี้ยุคอยู่ที่ไหน ทำอะไร คิดถึงผมบ้างหรือเปล่า คำถามเหล่านี้ไร้ซึ่งคำตอบแต่ผมก็ยังถามย้ำกับตัวเองซ้ำๆ จนกว่าจะหลับไป

   เช้าวันรุ่งขึ้นผมพุ่งไปยังชั้นหนังสือเล็กๆ ในห้อง รื้อค้นเอาหนังสือของมูราคามิมาวางเรียงกันเพื่อนับจำนวน หนังสือทุกเล่มที่ได้มาจากคนตัวสูงผมเก็บเอาไว้อย่างดี บางเล่มอ่านจบแล้ว บางเล่มก็ยังไม่มีโอกาสได้เปิดอ่าน แต่เชื่อหรือเปล่า ผมจำได้จนขึ้นใจว่าแต่ละเล่มได้มันมายังไง

   “Hard-boiled, Norwegian wood, Dance dance dance…” ผมอ่านชื่อเรื่องที่อยู่บนหน้าปกไปทีละเล่มจนถึงเล่มสุดท้าย ก่อนจะพบว่าหนังสือที่ผมมีมันเกือบครบหมดแล้ว

   ขาดอยู่เพียงเล่มเดียว

   เมื่อลองเช็กประวัติของคนเขียนดูก็พบว่าหนังสือที่ผมยังขาดไปก็คือเรื่อง Hear the wind sing ที่มูราคามิเขียนไว้เมื่อนานมาแล้ว

   นี่แหละหนึ่งเหตุผลที่ผมคิดออก ว่าจะหาข้ออ้างในการไปเจอไอ้ยุคยังไง ถึงตอนนั้นผมจะพูดอะไรก่อนดีเวลาที่เราได้เผชิญหน้ากันตรงๆ

   ‘หวัดดี คุณเป็นยังไงบ้าง’ หรือ ‘หนังสือของผมขาดไปหนึ่งเล่ม เลยคิดว่าจะมาถามที่คุณ’

   “ประสาทว่ะ” ด่าตัวเองจบก็ลุกขึ้นเต็มความสูง รีบคว้าผ้าเช็ดตัวเพื่ออาบน้ำและทำธุระ

   ผมเลือกเสื้อผ้าในตู้นานมาก คิดอยู่นั่นแหละว่าจะใส่ตัวไหนให้ตัวเองออกมาดูดีที่สุด แต่สุดท้ายผมก็พบว่าการใส่อะไรที่เป็นตัวเองนี่แหละเวิร์กโคตรๆ แล้ว

   ไอ้เบิร์ดแนะนำว่าให้กินข้าวเช้า เพราะมันดีต่อสุขภาพ อะไรของแม่งวะ?

   ทว่าผมก็ทำตามคำแนะนำ จัดข้าวเช้าไปอีกชุดใหญ่ก่อนพุ่งสู่สนามรบ กว่าจะรู้ตัวว่าควรกลับไปตั้งหลักที่เดิมอีกรอบก็ตอนมายืนอยู่หน้าห้องของใครบางคนนี่แหละ

   คอนโดเขาไม่ให้ผมเข้าก็จริง แต่ทำไมเราต้องมารยาทดีรอเจ้าของห้องอนุญาตด้วยล่ะ ในเมื่อเราเนียนผ่านประตูเข้าไปในลิฟต์พร้อมกับผู้อยู่อาศัยคนอื่นได้ ทำเสมือนตัวเองอยู่คอนโดนี้ทั้งที่ไม่ใช่เลย โฮ~

   “มึงทำได้เว้ย ทำได้” นอกจากเหงาแล้วนับวันจะยิ่งบ้าด้วย

   ผมพูดกับตัวเองบ่อยขึ้น จนตอนนี้ก็ยังไม่หยุดพูด มันคงเป็นวิธีเดียวที่ทำให้ผมผ่อนคลายและไม่ตื่นเต้นเวลาอยู่ต่อหน้าอีกฝ่ายมากนัก

   สาม...สอง...หนึ่ง

   ก๊อกๆๆ

   เคาะไปแล้ววววววว แม่ผมเคาะไปแล้ว!!

   หัวใจเต้นรัว มือไม้สั่นเทา สองขาแทบหมดเรี่ยวแรงล้มกองลงกับพื้น ทุกอย่างในท้องบิดมวนไปหมด ความรู้สึกเหล่านี้ตีรวนอยู่ในร่างกายของผมอยู่พักใหญ่ ก่อนจะสงบลงเพราะเจ้าของห้องไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบสนอง

   ตอนนี้จากตื่นเต้นกลายเป็นใจเริ่มเสียละ

   ก๊อกๆๆ

   ผมลงแรงเคาะใหม่อีกครั้ง นานเหมือนกันที่คนด้านในเงียบหาย บางทีเขาอาจไม่อยู่หรือไม่สะดวกที่จะเจอ สมองมันคิดไปสารพัด แต่จู่ๆ ประตูห้องก็เปิดออกแบบงงๆ

   ถึงแม้จะแง้มประตูออกมาเพียงเล็กน้อยผมก็รู้ดีว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือยุค

   “มาได้ไง” เจ้าตัวถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ผมเลยทำใจดีสู้เสือตอบกลับในทันที

   “ผมแอบเข้ามา เพราะคิดว่าเราอาจมีเรื่องต้องคุยกัน”

   “ตอนนี้ผมยังไม่ว่าง เป็นวันอื่นได้มั้ย” ร่างสูงตั้งท่าจะปิดประตูแต่ผมไวกว่านั้นรีบคว้าข้อมือหนาเอาไว้ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง

   “ขอคุยด้วยหน่อย”

   “ยังไม่ใช่ตอนนี้”

   “คุณไม่อ่านข้อความผม โทรศัพท์ก็ไม่ยอมรับ เพราะงั้นให้ผมได้พูดอะไรบางอย่างกับคุณก่อนได้มั้ย” ยุคบิดข้อมือออกจากการเกาะกุม แต่เขาก็ไม่ได้ไปไหน ยังคงยืนอยู่นิ่งๆ คล้ายกับรอให้ผมได้พูดสิ่งที่อยากพูดจนจบ

   “ยุค”

   “...”

   “เรื่องที่เกิดวันนั้นผมผิดเอง” โอเคจุดนี้คงแก้ตัวไม่ทัน มันเป็นสิ่งที่ผมทำผิดพลาดโดยไม่มีข้อโต้แย้ง ได้แต่หรี่ตามองคนตรงหน้า แล้วสังเกตปฏิกิริยาของอีกฝ่ายครู่หนึ่งจากนั้นก็พูดต่อ

   “ผมรู้ว่ามีนัดกับคุณ แต่ผมก็ยังไม่ยอมปฏิเสธริวไปตรงๆ เพราะคิดว่าต้องกลับมาทันแน่ แต่ทุกอย่างก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้น พอกลับมาแล้วเห็นว่าคุณรออยู่หน้าห้อง ผมกลัวมากว่าจะเสียคุณไป ผมไม่ได้ตั้งใจจะไล่คุณ แต่เพราะปากพล่อยๆ ของผมเลยทำให้ทุกอย่างวุ่นวายไปหมด”

   บันทึกสารภาพบาปของนายชยินถูกเผยแพร่ต่อคนตัวสูง ตอนนี้คงเป็นหน้าที่ของเจ้ากรรมนายเวรแล้วล่ะที่จะตัดสินชีวิตของผม

   “ชยิน ผมรู้ว่าคุณทั้งสับสนและเสียใจ แต่ผมก็แค่อยากให้คุณได้มีเวลาคิดทบทวนความรู้สึกของตัวเองเท่านั้น”

   “ผมคิดมาตลอดเลย ผมชอบคุณ ชอบคุณมากๆ”

   คิดดูแล้วนี่มันเหมือนฉากคลีเช่ในละครหลังข่าวดีๆ นี่เอง ซีนบอกรักซ้ำซากที่โคตรน่าเบื่อ แต่สำหรับผมแล้วนี่เป็นครั้งแรกเลยที่ได้ทำอะไรแบบนี้

   ประโยคเมื่อครู่ดังก้องอยู่ในหัวทุกวัน มันบอกให้ผมทำอะไรสักอย่าง อะไรก็ตามที่จะรั้งเขาไว้โดยที่ผมไม่ต้องอึดอัดกับการปกปิดความรู้สึกของตัวเองอีก และผมก็ได้รวบรวมความกล้าทั้งหมดเพื่อบอกความรู้สึกของตัวเอง

   “ยุค...คุณ...”

   ทว่าคนฟังไม่ได้มีท่าทีดีใจอย่างที่คิด เวลานี้ผมเหมือนถูกผลักลงเหวอีกรอบโดยไม่ทันตั้งตัว

   “แล้วไอ้ริวล่ะ”

   “ริวเป็นแค่เพื่อน ผมไม่เคยคิดอะไรกับมันมากเกินกว่านั้น” แววตาของคนตรงหน้าอ่อนแสงลงเล็กน้อย

“งั้นถามอะไรหน่อยสิ แค่ตอบตามสิ่งที่คุณคิด”

“ได้ ผมจะตอบทุกอย่าง”

“คุณรู้สึกยังไงเวลาที่ได้คุย MSN กับหมีใหญ่”

   “สบายใจ”

   “แล้วรู้สึกดีมั้ยตอนที่อีกฝ่ายบอกชอบ”

   “ก็...แปลกๆ แต่ไม่แย่ เราทุกคนก็รู้สึกดีทั้งนั้นแหละเวลาที่มีใครสักคนชอบเรา” ยิ่งรู้ว่าคนๆ นั้นเป็นใครผมก็ยิ่งได้คำตอบชัดเจน หลายครั้งที่สับสนเวลารู้สึกดีกับคนหลายคนพร้อมๆ กัน

   ความจริงไม่ใช่หรอก คนที่ผมชอบมีแค่คนเดียว

   “แล้วตอนที่ไอ้ริวบอกรักคุณล่ะ รู้สึกยังไง ยังไม่ต้องตอบก็ได้ แต่ผมถามต่อ ตอนที่ไอ้เจเจนั่งอยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะตัดสินใจปฏิเสธคุณรู้สึกดีกับมันบ้างมั้ย”

   “...”

   “คำถามสุดท้าย กับผมที่บอกชอบคุณไปในวันนั้นจนกระทั่งวันนี้คุณรู้สึกว่ามันเปลี่ยนแปลงไปบ้างหรือเปล่า เป็นเหมือนกับความรู้สึกของทุกคนที่เข้ามาในชีวิตของคุณมั้ย ผมอาจจะถามยืดยาวแต่ไม่อยากให้คุณรีบตัดสินใจลองกลับไปคิดดู ความรักของคุณคืออะไรกันแน่”

   “...”

   “ลองมองมันอีกครั้ง แยกให้ออกว่าอันไหนความรัก หรืออันไหนความเหงา แล้วคุณอาจจะรู้คำตอบของตัวเอง”

   นี่คือสิ่งที่ผมได้รับ ไม่ใช่การตอบตกลง และก็ไม่ใช่การปัดปฏิเสธโดยไร้เยื่อใย แต่เป็นการเปิดโอกาสให้ผมได้มีเวลาถามใจตัวเอง แม้รู้ดีว่าคำตอบคงไม่เปลี่ยนแปลง คือต่อให้รู้สึกยังไงกับใครในช่วงแรกที่ได้รู้จัก ทว่าท้ายที่สุดแล้วผมก็มีคนในใจเพียงแค่คนเดียวอยู่ดี

   “ผมรู้แล้ว ผมจะบอกคุณตอนนี้” เอ่ยบอกอย่างมั่นใจ

   “ยังไม่ต้องรีบหรอก”

   “ไม่! ผมคิดมาตลอด ช่วงที่เราไม่ได้เจอกันมันแย่มาก ผมรู้ว่าตอนที่อยู่กับคุณมันรู้สึกดีแค่ไหน มีความสุขแค่ไหน ผมชอบตัวตนของคุณ คุณที่ไม่เหมือนกับคนอื่นๆ”

   การรักใครสักคนนี่มันยากเหมือนกัน แรกเริ่มผมไม่มีความคาดหวังว่าจะมีใครสักคนที่รักเรามากมายขนาดนี้เดินเข้ามาในชีวิต ฝ่ายถูกรักมักคิดเสมอ ดีเหมือนกันที่เราไม่ต้องพยายามอะไรก็มีคนชอบแล้ว แต่เปล่าเลย ผมค้นพบว่าตัวเองค่อยๆ สูญเสียความมั่นใจเพราะได้มอบความรักกลับคืนให้อีกฝ่ายไปจนหมด กว่าจะรู้ตัวเราก็ถอนตัวไม่ขึ้นแล้ว

   “ผมยอมทุกอย่าง ขอแค่คุณเชื่อว่าผมรักคุณจริงๆ ก็พอ”

   “...” ไม่มีการตอบรับจากคนตัวสูง นานเข้าก็เริ่มรู้สึกกระวนกระวาย

   ผมกลัวว่าจะต้องสูญเสียเขาไป

   “คุณอยากนอนกับผมมั้ย”

   “พูดอะไรน่ะชยิน”

   ไม่รู้สิ ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงพูดแบบนี้ แต่ถ้ามันทำให้ยุคกลับมารู้สึกหรือรักผมเหมือนเดิมมันก็คุ้มที่จะเสี่ยงทั้งนั้น ไม่ว่าจะต้องสูญเสียอะไรไปบ้างก็ตาม

   “ผมให้ทุกอย่างที่คุณต้องการได้ แค่...แค่คุณบอกมา”

   “ชยิน”

   “คุณอยากใช้ถุงยางหรือเปล่า แต่ถ้าไม่ใช้ก็ไม่เป็นไร ผม...ผมยังไงก็ได้”

   “...”

    “คุณชอบมีอะไรบนเตียงหรือที่ไหนๆ ผมก็ไม่ขัดทั้งนั้น คุณอยากให้ผมร้องครางดังๆ แล้วเรียกแต่ชื่อคุณตลอดเวลาผมก็จะทำ” พูดไปน้ำตาก็ไหลลงมาไม่หยุด ผมรู้สึกว่าตัวเองโคตรอ่อนแอและเหมือนเด็กมากเวลาอยู่กับเขา

   และผมก็ยิ่งเป็นเด็กกว่าเดิมเมื่อมือหนาเอื้อมมากอบกุมใบหน้าทั้งสองข้าง ดวงตาของเราสอดประสานกัน คำตอบเดียวที่คาดหวังก็คือการยอมรับความรักจากอีกฝ่าย

   “รักไม่ใช่การให้ทุกอย่างนะชยิน”

   “แต่คุณก็เคยมอบทุกอย่างให้ผม”

   “ไม่ได้ให้ทุกอย่าง แต่ยอมรับทุกอย่างที่เป็นคุณต่างหาก”

   “นั่น...นั่นผมก็ยอมรับ”

   “...”

   “ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าคุณสำคัญยังไง และมันแย่แค่ไหนตอนที่ผมแคร์คนอื่นมากกว่าคุณ ผมผิดนัด เคยปฏิเสธความรัก เคยคิดแย่ๆ กับคุณมากมายแต่ตอนนี้มันไม่เหมือนเดิมแล้ว” ผมเล่าทุกอย่างหมดเปลือก ปล่อยให้มันพรั่งพรูออกมาตามที่สมองสั่งการ

   “คุณรู้มั้ยว่าตอนเช้าผมทำอะไร”

   คนตัวสูงส่ายหัว

   “ผมหยิบหนังสือทุกเล่มที่คุณเคยให้มาวางเรียงกัน ผมจำได้หมดว่าหนังสือแต่ละเล่มได้มาตอนไหนและรู้สึกยังไง แต่มันยังมีเล่มหนึ่งที่ผมไม่ได้รับจากคุณ และใช่ถ้าคุณรักผมเหมือนกัน ช่วยยกหนังสือเล่มนั้นให้ผมได้มั้ย”

   “ชยิน” เสียงทุ้มแสนคุ้นหูเอ่ยตอบเสียงแผ่ว ผมกำลังคาดหวังในคำตอบ

   “...”

   “ขอโทษด้วย แต่หนังสือเล่มนั้นผมยกให้คนอื่นไปแล้ว”

   คำพูดที่ตระเตรียมเอาไว้หายไปจากหัว เหลือแต่ก้อนสะอื้นที่จุกอยู่ตรงอก จนทำให้ผมต้องกลืนคำพูดทุกอย่างลงคอ สิ่งที่คิดเอาไว้ก่อนเดินออกจากห้องไม่ใช่แบบนี้ และเมื่อมันผิดพลาดผมก็ไม่รู้ว่าควรทำยังไงต่อดี

   “ใครเหรอ ใครที่คุณให้ไป”

   “ดรีม”

   แฟนเก่า ชื่อที่ยังจำได้จนขึ้นใจ

   ผมยกแขนขึ้นปาดคราบน้ำตาที่ขังอยู่ขอบตาออก ก่อนพุ่งตัวเข้าไปกอดคนตรงหน้าสุดแรง

   “ไม่ให้ได้มั้ย ไม่ยกให้เขาได้มั้ย”

   ผมเห็นแก่ตัว และไม่ได้ใจดีขนาดนั้น วินาทีที่พุ่งเข้าไปกอดมันไม่ใช่ความรู้สึกหวงแหนอย่างเดียว แต่มันคือความกลัว กลัวความสูญเสียที่กำลังมาถึง

   ยุคไม่ได้ขัดขืนแต่ก็ไม่ได้ปลอบประโลมอย่างที่คิด ผมใช้จังหวะที่เขายืนนิ่งยืดตัวขึ้นไปตระโบมจูบอีกฝ่ายอย่างเอาแต่ใจ ก่อนจะใช้แรงที่มีอยู่ผลักร่างสูงจนถอยเข้าไปด้านใน

   “ยุค” ตอนนั้นเองที่เสียงของใครคนหนึ่งเหมือนมือล่องคนที่พุ่งมาตบหน้าอย่างแรง ผมผละออกจากอกแกร่งแล้วหันไปทางต้นเสียง กระทั่งสังเกตเห็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังนั่งหัวยุ่งอยู่ตรงโซฟา ไม่รู้ว่าเธออยู่ตรงนั้นนานแค่ไหนแต่ก็คงจะนานพอเห็นฉากบอกรักและการกระทำที่น่าสมเพชของผมจนหมด

   ผู้หญิงหน้าตาสะสวย กับการแต่งตัวที่เป็นเอกลักษณ์คนนี้ผมเคยเห็นเธอมาก่อน และรู้ดีว่าในอดีตเธอสำคัญกับยุคยังไง

   “ขอโทษ ขอโทษที่จูบคุณ ผม...ผมคิดว่าจะกลับแล้ว”

   “ชยินตั้งสติหน่อย”

   “วันนี้มาขัดจังหวะ คุณไม่ว่างจริงๆ ด้วย ฮ่าๆ”

   “เดี๋ยวผมลงไปส่ง”

   “ไม่ต้อง ทำไมไม่บอกผมแต่แรก ว่าคุณไม่ได้รู้สึกเหมือนเดิมแล้ว”

   “...”

   “แค่ตอบข้อความหรือโทรมาบอกก็ได้ บอกว่าไม่รักจะไปไหนก็ไป ไม่ต้องมาเสนอตัว หรือจะพูดให้รู้สึกแย่ ยังไงมันก็ดีกว่าตอนนี้อยู่ดี”

   ตลกว่ะ เรื่องเพ้อฝันที่สุดที่ผมเคยคิด คือการคาดหวังว่าตัวเองจะสามารถทำให้เขารักผมได้อีก

   ทั้งที่ไม่จริงเลย…
   
 


น้องงงงงงงงงง~~~~


ออฟไลน์ NEPTUNE

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-1
Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
«ตอบ #764 เมื่อ11-06-2018 22:51:42 »

สงสารชยินนนนนนนนน :sad4: :o12:

ออฟไลน์ Slotjai

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
«ตอบ #765 เมื่อ11-06-2018 23:07:22 »

ฮือออ ทิ้งระเบิดไว้อีกแว้ววววว

ออฟไลน์ phoenixa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 569
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
«ตอบ #766 เมื่อ11-06-2018 23:13:25 »

เดี๋ยวก่อนชยิน นายขอโทษยุค ตอนที่ปล่อยให้ยุครอตอนไหน ตอนไหน ตอนหนายยยย
นี่อิน จนกลับไปอ่านตอนที่แล้วใหม่ มันไม่มี มันไม่มี มันไม่มี๊

แล้วชยินนี่คิดว่าตัวเองเป็นพระอาทิตย์หรือไง ตอนเค้ารัก เค้าก็มาบอกรัก พอ(คิดไปเองแหละ)ว่าเค้าไม่รัก เค้าก็ต้องมาบอกอี๊ก
ปกติเราจะอยู่ทีมนายเอกนะ ส่วนตัวจะชอบผู้ชายสายเคะ แต่นี่ เรื่องนี้เรามาทีมพระเอก

แต่สุดท้ายถามว่าเราเชียร์ชยินต่อมั้ย ก็เชียร์น่ะสิ ความเด็กน้อยน่ารักของนางไม่ได้มีผลต่อเจเจคนเดียวนะ
แต่ทำนางเจ็บอีกหน่อยก็ได้ เราชอบความฟูมฟายของนาง

ออฟไลน์ colorofthewind21

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
«ตอบ #767 เมื่อ11-06-2018 23:14:51 »

โอ้ม่ายยยย ใจมันรับไม่ไหวอ่ะ ฮือออออ ช่วยด้วยย

ออฟไลน์ เป็ดน้อยแฟนแมวโหด

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
«ตอบ #768 เมื่อ11-06-2018 23:19:26 »

แงงงง ไม่รักยุคแล้ว  :o12:

ออฟไลน์ khwanruen

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-3
Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
«ตอบ #769 เมื่อ11-06-2018 23:21:05 »

ชยิน ฟังยุคก่อนนะ เราเชื่อว่ายุคไม่มีทางทำให้ชยินเสียใจหรอก :katai1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
« ตอบ #769 เมื่อ: 11-06-2018 23:21:05 »





ออฟไลน์ arjinn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-1
Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
«ตอบ #770 เมื่อ11-06-2018 23:27:26 »

มันต้องไม่มีอะไร ชยินตั้งสติ มีสติ
แต่เข้าใจนะ เพราะตั้งใจจะมาง้อ
เพราะไม่คิดว่าจะเจอเรื่องอื่น สงสารอ่ะ

ยุค ... ถ้าเธอเป็นพระเอก เธอต้องรีบไปเคลียร์นะ

อะไรกัน ปวดตับ

ออฟไลน์ Lalinnovel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
«ตอบ #771 เมื่อ11-06-2018 23:32:36 »

ชยินรูกแมะะะะะ :hao5:

ออฟไลน์ Cinnamon Roll!!!

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
«ตอบ #772 เมื่อ11-06-2018 23:37:09 »

ชยินลู๊กกก เอ็นดูขนาด

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
«ตอบ #773 เมื่อ11-06-2018 23:50:31 »

ให้ตายเหอะอ่านตอนนี้จบแล้วรู้สึกอยากบีบคอใครสักคนจริงๆ :katai1: :katai1: :katai1: แต่ก็ยังเชื่อนะว่ายุคกับแฟนเก่าคงมีเหตุผลอะไรซักอย่างอะ :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ fun_la_ong

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
«ตอบ #774 เมื่อ12-06-2018 00:12:28 »

ระเบิดลูกที่สอง

ออฟไลน์ เนเน่

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
«ตอบ #775 เมื่อ12-06-2018 00:16:54 »

เหมือนมีมือที่มองไม่เห็นมาตบเราเลยค่ะ ชยินนนนนนนนมากอดกันเถอะเราไม่ไหวแล้วตอนนี้

ออฟไลน์ chisarachi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1019
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-1
Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
«ตอบ #776 เมื่อ12-06-2018 00:23:38 »

น้องงงงง เอ็นดูเหลือเกินนนน
รอฟังพี่ยุคจากปากว่าจะพูดอะไร
แต่ตอนนี้เอ็นดูชยินมากกกกก
พี่ยุคก็เหลือเกิน หายไปก็นาน
ถถถถถถถถถถถขี้น้อยใจ

อยากให้มาบ่อยๆ555555


ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
«ตอบ #777 เมื่อ12-06-2018 00:37:03 »

แงงงงงงง ชยินลู๊กกกกกกก อยากจะโอ๋ๆเลย ตั้งใจมาง้อยุคแต่มาเจอแบบนี้ก็ต้องช็อคกันทั้งนั้น สติสตังไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้วล่ะ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
«ตอบ #778 เมื่อ12-06-2018 00:39:27 »

เอ่อมมมม. โนคอม........ :mew2: :mew2: :mew2:

ออฟไลน์ wildride

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 105
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
«ตอบ #779 เมื่อ12-06-2018 01:01:55 »

 :pig4:
 
 เอาจริงนะ ไม่ว่าจะยังไง  สำหรับวันเวลาที่คนเราตกลงใจยอมรับใครอีกคนเข้ามา แต่แล้วใครคนนั้นดันอยู่กับใครบางคน(ที่มีอดีตกันมาก่อน) ไม่ว่าจะโดยความบังเอิญรึไม่
  ..นี่คิดว่า มันเป็นเรื่องโหดร้ายนะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด