หลานคุณย่า 11 ?????
พาย(Part)
“จะไปไหนน้องพาย” แค่เดินลงจากบันไดในสายของวันอาทิตย์ก็โดนพี่ชายสุดที่รักถามด้วยสายตาจับผิดแล้วครับ
“ไปข้างนอกฮะ ขอคุณย่าแล้ว” เอาคุณย่ามาอ้างครับ เพราะน่าจะปลอดภัยที่สุดแล้วตอนนี้ แต่ขอคุณย่าแล้วจริงๆ นะครับไม่ได้โกหก
“ไปที่ไหน แล้วไปกับใคร” จะถามเยอะไปไหมครับคุณพี่ชาย แล้วจะให้ตอบได้ยังไงว่าไปกับคุณคิณ ถ้ารู้มีหวังบ้านแตกแน่เลย
“ถามอะไรน้องนักหนาเจ้าซอง” เสียงสวรรค์ครับ มาช่วยพายได้ทันเวลา
“ก็ซองเป็นห่วงน้องนี่นา แล้วพายเหมือนบราวนี่ที่ไหน รายนั้นไปไหนก็ไม่มีใครกล้าทำอะไร แต่กับพายนี่ทันใครที่ไหน” พี่ซองทำเหมือนผมเป็นเด็กสามขวบเลยครับ ผมไม่ได้ซื่อขนาดนั้นซักหน่อย แค่ไม่พูดใช่ว่าจะไม่รู้นะครับ
“ย่าอนุญาตให้น้องไปเอง ไม่ต้องห่วงหรอก ส่วนเราจะไปออกรอบไม่ใช่เหรอวันนี้” พี่ชายผมแต่งตัวเต็มยศพร้อมกับลากถุงกอล์ฟลงมาจากชั้นสองของบ้าน สงสัยมีเจรจาธุรกิจแน่ๆ เลย แต่ไม่ถามหรอกกลัวจะชวนไปด้วยครับ ไม่ชอบที่แบบนี้สุดๆ อึดอัด
“ครับ แต่พายไปกับใคร” ยังไม่ลืมที่จะถามเรื่องเดิม
“ไปกับพ่อคิณ” คุณย่าบอกทำไม ผมตายแน่เลยงานนี้
“คุณย่าสนับสนุนให้น้องคบกับผู้ชายเหรอครับ”
“อย่ามาว่าย่าอยางนี้นะตาซอง ย่าไม่ได้สนับสนุน จะชายหรือหญิงย่าก็ไม่รู้หรอก ขอแค่น้องมีความสุขก็พอ” ทำไมต้องมาทะเลาะกันเพราะผมด้วยครับ ผมทำให้พี่ซองไม่สบายใจรึเปล่า
“พายไม่ไปแล้วก็ได้นะฮะ เดี๋ยวโทรบอกคุณคิณว่าไม่ต้องมาแล้ว” ผมรู้สึกผิดมากๆ
“ไม่ต้องโทร ย่าให้ไปแล้วจะอะไรอีก”
“แต่พี่ซองไม่สบายใจ” ผมมองหน้าพี่ชายที่ตอนนี้สีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่
“ถ้าน้องพายโทรยกเลิก แล้วทุกคนในบ้านสบายใจขึ้น แต่น้องพายจะรู้สึกยังไง” ผมก็คงเสียใจ แต่ก็ไม่อยากให้ทุกคนในบ้านต้องมาทะเลาะกัน
“เขาเจ้าชู้”พี่ซองเอ่ยเสียงแผ่ว
“แล้วเราล่ะตาซองเจ้าชู้รึเปล่า” ย่าย้อนถามพี่ชาย ทั้งๆ ที่ทุกคนก็รูว่าพี่ซองน่ะเสือผู้หญิง
“แต่ผมก็ไม่ได้หลอกใครนี่ครับย่า เราต่างเต็มใจทั้งสองฝ่าย”
“ก็ดี ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ทั้งพ่อคิณและน้องพายก็เต็มใจทั้งสองฝ่ายจะยอมให้น้องไปไหม” คุณย่างัดเหตุผลที่พี่ซองไม่สามารถค้านได้ขึ้นมาบ้าง
“แต่ย่า...” ยังพูดไม่ทันจบก็ไดนคุณย่าเอ่ยขึ้นซะก่อน
“ย่าอยากให้น้อยพายได้เจอโลกด้วยตัวเองบ้าง ไม่ใช่ว่าเราจะกางปีกปกป้องไว้ตลอดเวลา จะให้น้องอยู่ภายใต้ปีกของเราตลอดไม่ได้หรอกนะ”
“ก็แค่เป็นห่วงครับ” เสียงพี่ซองอ่อยจนน่าสงสาร
“พี่ซอง” ผมเดินเข้าไปกอดพี่ชายอย่างสุดรัก
“พี่รัก และเป็นห่วงพี่ถึงพูด ไม่ใช่ว่าจะขัดขวางอะไร แต่ก็ยังไม่ไว้ใจไอ้หมอนั่นอยู่ดี” รู้แล้วครับรู้มาตลอดแหละว่าพี่ชายรักผมกับน้องบราวมากแค่ไหน ไม่อย่างนั้นคงไม่ยอมแบกภาระไว้เพียงคนเดียวหรอก
“คุยอะไรกันเสียงดังจังเลยฮะ” น้องบราววิ่งลงจากบันไดเสียงดังตึงตัง
“น้องบราวมาพอดีเลย ถ้าอย่างนั้นให้น้องบราวไปเป็นเพื่อนดีไหม” แม้ว่าพี่ซองจะยอมแต่ก็คงยังเป็นห่วงอยู่ดี ผมเข้าใจความหวังดีของพี่ชายดีที่สุดครับ ไม่เคยคิดที่จะโกรธหรือน้อยใจ
“ไปไหนฮะ วันนี้น้องบราวมีนัดกับหมูน้อยแล้ว” ทำหน้าเหรอหราเลยครับน้องชายผม อยู่ดีๆ ก็โดนมัดมือชก
“ไปเป็นเพื่อนพี่พาย พี่ไม่อยากให้ไปกับไอ้คิณตามลำพัง” ดูพี่ชายผมเขาเรียกคุณคิณสิ ต่อหน้าก็ให้เกีรยติอยู่หรอก แต่ลับหลังก็อย่างที่เห็น
“เรียกเขาดีๆ” คุณย่าเอ่ยเสียงนิ่ง จนพี่ซองก้มหน้าขอโทษ
“แต่น้องบราวจะไปดูหนัง แล้วก็ซื้อหนังสือการ์ตูน” หน้างอแล้วครับคราวนี้ขัดใจเขาล่ะ
“แล้วเราล่ะจะไปไหนน้องพาย” คุณย่าถามผมครับ
“พายว่าจะไปซื้ออุปกรณ์ทำเค้กนิดหน่อยนะฮะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ไปด้วยกันเลยแล้วกัน” ย่าพูดตัดบทเพราะว่าทั้งพี่ซองแล้วก็น้องบราวเหมือนจะทะเลาะกันแล้ว
“ก็ได้” เจ้าตัวเล็กเสียงอ่อยๆ น่าสงสาร คงอยากไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนรักแค่สองคนมั้ง
“ส่วนเราตาซองจะไปไหนก็รีบไป เดี๋ยวสาย” คุณย่าไล่พี่ซองแล้วครับสงสัยจะเบื่อคนพาล
“แล้วพี่จะโทรหา” จะโทรเช็คว่าผมอยู่กับน้องจริงรึเปล่าแน่เลย
“ฮะ พี่ซองไม่ต้องเป็นห่วงนะ” มือหนายืนมาลูบหัวผมเบาๆ ก่อนที่จะเดินออกไป
***********************************
คุณคิณมาถึงเก้าโมงกว่าๆ ครับ ส่วนน้องบราวก็โทรตามมินให้มาขึ้นรถที่บ้าน คุณคิณออกจะอึ้งๆ ด้วยซ้ำที่รู้ว่าน้องบราวแล้วก็มินจะไปด้วย สายตาที่มองมาทางผมเหมือนจะตัดพ้อ จนผมต้องเดินไปหา
“น้องสองคนจะไปดูหนังแล้วก็ซื้อหนังสือเลยถือโอกาสไปด้วยกันเลย ประหยัดน้ำมันดี” ผมพูดทีเล่นทีจริงกับคนที่ตอนนี้แสดงสีหน้าอึดอัดใจ
“แค่อยากพาน้องไปดูหนังแล้วก็ซื้อหนังสือ?”
“ไม่ใช่นะครับ เพียงแต่มันบังเอิญ ให้น้องไปด้วยไม่ได้เหรอ” ทำเสียงอ้อนครับ เพราะไม่อยากให้เขาไม่สบายใจ เป็นคนนัดเขาเองแท้ๆ แต่กลายมาเป็นแบบนี้
“ได้ครับ แล้วน้องๆ อยู่ไหน”
“มาพอดีเลย” ผมชี้ไปที่เจ้าตัวแสบทั้งสองคน ที่เดินยิ้มหน้าระรื่นกระซิบกระซาบอะไรไม่รู้
เราทั้งสี่คนนั่งรถมาที่ห้างชื่อดังในย่านวัยรุ่น มีเสียงคุยกันงุ้งงิ้งของน้องๆ ทั้งสองคน ทำให้ภายในรถไม่ดูอึดอัดเกินไป เพราะตอนนี้คนขับรถนั่งหน้าไม่รับแขกเลย จนน้องๆ ไม่มีใครกล้าคุยเสียงดัง กว่าที่จะถึงห้างก็กินเวลาเกือบครึ่งชั่วโมง
“พี่พายกับคุณคิณไปเดินสองคนเลยนะฮะ น้องบราวจะไปซื้อหนังสือการ์ตูน” น้องบราวเอ่ยขึ้นขณะที่พวกเรากำลังเดินเข้าไปนห้าง
“ทำไม”
“ก็แค่ไม่อยากอยู่เป็นกขค.คนที่กำลังจะออกเดท เที่ยวให้สนุกนะฮะ” คุณคิณจากที่หน้าตึงๆ คราวนี้ยิ้มหน้าบานเลยครับ
“ไม่ได้มาเดท” ผมพูดไม่เต็มเสียงเท่าไหร่
“ใช่ครับ พี่สองคนไม่ได้มาเดทซะหน่อย พี่แค่พายมาซื้อของเองเนอะ” พูดล้อๆ ก่อนที่จะหันมาทำหน้าทะเล้นใส่ผม
“เชื่อแล้วฮะ ออ... แล้วไม่ต้องรอเราสองคนนะฮะ จะกลับแท็กซี่เอง” รวบรัดตัดความดีเหลือเกินนะ
“แล้วถ้าพี่ซองโทรมา” ผมกลัวว่าถ้าพี่ซองรู้แล้วจะพาลโกรธหนักกว่าเดิม
“พี่พายก็แค่บอกว่าน้องบราวเข้าห้องน้ำ ไปแล้วนะฮะ”
“เที่ยวให้สนุกนะฮะพี่พาย” มินเอ่ยขึ้นตามเพื่อนรักก่อนที่จะดึงกันเดินไปอีกทาง ผมหันไปมองหน้าคุณคิณอย่างไม่รู้จะพูดอะไร
“เราจะไปไหนกันก่อนดีครับ”
“บอกไว้ก่อนนะครับ ไม่ได้ชวนมาเดทอย่าเข้าใจผิด” ทำอะไรไม่ค่อยจะถูกเวลาที่อยู่ด้วยกันสองคน จนต้องเอ่ยดักทางคนอย่างคุณคิณก่อน
“ครับๆ พายแค่ชวนผมมาซื้อของเป็นเพื่อนเนอะ” ฟังเสียงเขาสิครับล้อเลียนผมมาก
“คุณคิณ”ผมเอ่ยเสียงดังจนคนตัวโตยกมือขึ้นยอมแพ้ ผมเดินนำคุณคิณไปยังร้านขายอุปกรณ์เครื่องครัวต่างๆ ผมอยากให้เขาได้สัมผัสกับชีวิตผมจริงๆ ว่าวันหนึ่งผมทำอะไรไปบ้าง ถ้าเกิดว่าเขาไม่ชอบหรือเบื่อที่ต้องอยู่กับคนเงียบๆ ที่ชีวิตไม่ได้หวือหวาน่าตื่นเต้น เขาจะได้ถอยในตอนนี้ ดีทั้งกับตัวคุณคิณแล้วก็ผมด้วย ก่อนที่หัวใจผมจะถลำลึกไปมากกว่านี้
ผมเดินเลือกอุปกรณ์ต่างๆ ที่ต้องใช้ในร้านอยู่เงียบๆ มีคุณคิณเดินตามแต่ไม่ได้พูดอะไร ผมคอยสังเกตุเขาตลอดว่ามีท่าทางเบื่อบ้างรึเปล่า ฝืนใจที่จะเดินในร้านแบบนี้กับผมรึเปล่า หรือว่าแค่แสร้งยิ้มเวลาที่ผมหันไปสบตากับเขา
**********************
คิณ(Part)
ผมไม่รู้ว่าพายพาผมมาที่ร้านขายอุปกรณ์ทำขนมพวกนี้ทำไม ตั้งแต่เกิดมาผมยังไม่เคยที่จะย่างกรายเข้าร้านแบบนี้ มันไม่เหมาะกับผมเลยสักนิด แต่การที่ได้เดินดูเขาเลือกนู่น เลือกนี่อย่างพิถีพิถันก็มีความสุขดีครับ มันเพลินไปอีกแบบทั้งๆ ที่ไม่คิดว่าตนเองจะสามารถอยู่ในร้านแบบนี้ได้เป็นชั่วโมงๆ
“คุณคิณเบื่อรึยังครับ” พายหันมาถามผมหลังจากที่ง่วนอยู่กับการเลือกของอยู่นาน
“ไม่ค่อยเท่าไหร่ครับ ดูพายเลือกของก็เพลินไปอีกแบบ”
“แน่ใจนะครับ ถ้าเบื่อจะได้ออกไปที่อื่น” เขาลองใจผมรึเปล่า ไม่แน่ใจ เพราะดูจากที่เขาเลือกของนี่ค่อนข้างนาน แต่ได้ไม่ถึงสามสี่อย่าง
“แค่ได้อยู่ใกล้พายผมก็มีความสุขแล้ว” หยอดไปหนึ่งดอกก่อนครับ
“เวอร์ตลอด” เขารู้ทันว่าผมแกล้งพูด
“หึๆ..” หัวเราะในลำคอเบาๆ เพราะพายคนเดิม แต่ไม่เหมือนเดิมรู้ทันผมแทบจะทุกอย่าง บางทีก็ยังแอบกวนเล็กๆ ด้วย
“มีอะไรน่าขำ” เขาคงงงกับอาการที่ผมแสดงออกแบบไม่มีเหตุผล
“ขำตัวเองที่ตอนนี้แพ้ทางพาย”
“พูดอะไรไม่เข้าใจสักอย่าง ไปจ่ายเงินกันครับ” ผมว่าเขารู้ แต่แสร้งทำเหมือนไม่รู้ไม่เข้าใจก็เท่านั้นเอง
รอไม่นานก็คิดเงินเสร็จ ก่อนที่ผมจะเป็นคนเอาลงไปไว้ในรถ ให้เขาไปรอที่ร้านอาหาร เพราะตอนนี้ก็ใกล้จะบ่ายโมงแล้ว ผมหิวครับ เพราะยังไม่ได้ทานอะไรตั้งแต่เช้า มีแค่กาแฟแก้วเดียวแล้วขับรถตรงดิ่งมาหาพายที่บ้านเพราะกลัวจะสาย
แม้ว่ามันจะไม่เหมือนการเดทกันเลยแม้แต่น้อย ก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยเราก็ได้อยู่กันสองคน ได้พูดคุยเรื่องต่างๆ มีสาระบ้าง ไร้สาระบ้าง กวนประสาทเขาบ้างบางที แค่นี้มันก็เติมเต็มวันธรรมดาของผมได้ดีเลย
พายนั่งรอผมอยู่ที่ร้านอาหารไทยชื่อดัง หลังจากที่ผมเอาของไปเก็บเรียบร้อยแล้ว เราสองคนสั่งอาหารมาสามสี่อย่าง พร้อมกับข้าวสวยร้อนๆ หน้าตาน่าทานจนผมอดใจไม่ไหว รีบตักเข้าปากคำแรก อร่อยใช้ได้เลย
“ทานเยอะๆ นะครับ” ผมตักพล่ากุ้งใก้กับพาย
“คุณก็เหมือนกันนะครับ” เขาบอกผม แม้มันจะไม่ได้มีนัยยะสำคัญอะไร แต่ผมก็ดีใจ่อย่างน้อยพายแสดงออกถึงความใส่ใจผมบ้าง
“เบื่อรึเปล่าที่ต้องมาที่แบบนี้ คงไม่เป็นอย่างที่คิดไว้ใช่ไหมครับ” อยู่ดีๆ พายก็ถามผมขึ้นมา ผมไม่ได้รู้สึกเบื่ออะไรเลยแม้แต่น้อย
“ไม่นะครับ แค่สงสัยนิดหน่อย”
“สงสัยอะไร” ร่างบางชะงักช้อนที่กำลังจะตักอาหารเข้าปาก
“พายลองใจอะไรผมอยู่รึเปล่า ถึงแกล้งพาผมมาที่ๆ ไม่น่าจะเข้ากับคนแบบผม แต่บอกเลยนะครับว่าผมไม่มีทางเปลี่ยนใจ “
“ไม่ได้ลองใจ แค่อยากให้คุณรู้ว่าชีวิตผมไม่ได้มีอะไรน่าตื่นเต้น หวือหวา คุณอาจจะเบื่อ ถ้าเป็นอย่างนั้น คุณจะถอยตอนนี้ก็ยังทัน” พายพูดตรงซะจนใจผมแกว่ง เขาแค่ต้องการให้ผมรู้จักชีวิตของเขาบ้าง จะได้รู้ใจตนเองว่าอยากอยู่ข้างๆ เขารึเปล่า เป็นคนที่คิดไม่เหมือนใครจริงๆ ครับ
“ไม่ได้ชอบความตื่นเต้นนิครับ ชอบพาย” ยกสองครับ นิดๆ หน่อยๆ ก็ยังดี
“อย่าหยอดบ่อย ไม่ได้ผลหรอก มีภูมิคุ้มกัน” บอกแล้วว่าพายเขามีหลายมิติ ตอนนี้เป็นผมต่างหากที่ตามเขาไม่ค่อยทัน ไม่รู้หรอกว่าเขาคิดอะไรอยู่ ที่ชวนมาวันนี้ก็เหมือนกัน พึ่งจะมาเข้าใจจริงๆ ก็ตอนที่เขาบอกนี่แหละ ตอนแรกแอบดีใจเสียยกใหญ่นึกว่าได้ออกมาเดท
“ครับๆ ภูมิคุ้มกันนี่ทำงานเต็มที่เลยว่างั้น”
“ครับ”
“แล้วจะให้ทำไงล่ะทีนี้ หมดมุข พายบอกผมหน่อยสิว่าจีบแบบไหนจะทำให้พายใจอ่อน” ในเมื่ออ้อมๆแล้วไม่ได้ผล ก็ถามมันตรงๆ นี่แหละ หน้าด้านดีมั้ยกู
“ประหลาด ใครเค้าจะบอกล่ะ”
“บอกหน่อยไม่ได้เหรอ ว่าทำยังไงจะใจอ่อนกับไอ้คิณคนโง่คนนี้” ลงทุนด่าตัวเองเลยนะครับงานนี้ เพื่อความสำเร็จที่เห็นอยู่ที่ปลายอุโมงค์ แม้แสงของมันจะแค่ริบหรี่ก็ตาม
“บ้ารึเปล่าเนี่ย มีใครเขาจีบคนอื่นแบบคุณบ้าง” ไม่รู้ว่าคนอื่นเขาจีบกันยังไง แต่นี่มันเป็นสไตล์ของคิณเข้าใจไหมครับ
“นะครับบอกหน่อย หมดหนทางจริงๆ” พายดูเหมือนจะใจอ่อนให้กับผมหลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ไม่ใช่ เหมือนมีกำแพงบางอย่างที่ผมไม่สามารถทะลายมันลงได้ ทั้งๆ ที่เขาเหมือนให้ความสำคัญกับผมกว่าหลายๆ คน แต่มันยังไม่ใช่รึเปล่า ผมยังไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้เลย ไม่รู้ว่าเข้าใกล้พายได้อีกนิดรึเปล่า
“ก็แค่เป็นตัวของตัวเอง ไม่ต้องแสร้งทำเหมือนชอบอะไรที่ไม่ชอบ แล้วจะพิจารณาเองนั่นแหละ ไม่เห็นจะยากตรงไหน” พูดง่ายดีครับแต่ทำยาก เพราะไอ้เป็นตัวของตัวเองนี่แหละ
ถ้าพูดตามจริงสันดานผมไม่ใช่คนดีไงครับ แต่กับพายผมรักเขา เลยชอบที่จะทำดีด้วยอย่างไม่มีข้อแม้ เคยได้ยินไหมครับว่ายอมร้ายกับทุกคนเพื่อคนที่ตนรัก นิยามนี้คือตัวผมเลยล่ะครับ ยิ่งถ้ากับคนที่ผมเกลียดนี่แทบจะฆ่าเลยก็ว่าได้ พายยังไม่เคยเห็นด้านมืดของผมเลยสักครั้ง ไม่อย่างนั้นผมจะคบกับบรรดาเพื่อนเชี่ยๆ ของผมได้จนถึงุกวันนี้เหรอ เพราะนิสัยพวกเราไม่ต่างกัน
พายขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ที่จริงผมชวนเขาดูหนังก่อนที่จะกลับ เขาก็ตกลงไม่ได้ปฏิเสธอะไร ผมจ่ายตังค์ค่าอาหารมื้อนี้เพราะผมบอกว่าจะเลี้ยง ตอนแรกก็ไม่ยอมหรอก จนผมเสนอข้อแลกเปลี่ยนให้เขาเลี้ยงหนังจึงยอม ผมก็ไม่เข้าใจว่าอะไรนักหนากับแค่ผมเลี้ยงข้าวมื้อเดียว เป็นคนอื่นเหรอคงหาทางให้ผมเลี้ยงตลอดชีวิตไปแล้ว
เขาเดินกลับมาจากห้องน้ำหลังจากที่ไปทำธุระเสร็จ สีหน้าพายดูเปลี่ยนไปจนผมสังเกตุเห็น ปกติเขาจะเป็นคนที่ใบหน้าปื้อนยิ้มตลอดเวลา แต่ตอนนี้มันเต็มไปด้วยความเครียดนะ ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด หรือคิดมากไปเอง
“เรากลับเลยได้ไหมครับ” พายเป็นอะไรทั้งๆ ที่เราตกลงว่าจะดูหนังกัน เกิดอะไรขึ้นช่วงที่เขาไปห้องน้ำรึเปล่า
“ไม่ดูหนังแล้วเหรอ”
“........” เขาส่ายหน้าเบาๆ
“ทำไมครับ เป็นอะไรรึเปล่า” ผมอยากจะรู้จริงๆ ว่าเขาไปเจออะไรมา แต่ทำไมเขาไม่พูด
“เปล่า...แค่ปวดหัว” คิดจะโกหกกันอย่างนี้เหรอ ผมไม่ได้โง่พอที่จะเชื่อว่ามันเป็นอย่างนั้น แต่ก็ไม่อยากเซ้าซี้อะไรมาก
“พี่ชายโทรมาว่าเหรอ”
“เปล่า ไม่เกี่ยวกับพี่ซอง ก็บอกว่าปวดหัวไง” เขาขึ้นเสียงดัง ทั้งๆ ที่ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน กลับก็กลับครับ ทำอะไรไม่ได้แล้วนี่ ในเมื่อถามอะไรก็ไม่ยอมบอก รอให้ใจเย็นกว่านี้ก่อนแล้วกัน
ผมขับรถพาเขามาส่งที่บ้าน เขาไม่พูดกับผมซักคำ เอาแต่นั่งนิ่งจนผมกลัว หันหน้าออกไปนอกหน้าต่าง ความเงียบครอบคลุมจนบรรยากาศในรถนี่แทบจะเรียกว่าป่าช้าก็ได้ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เรายังดีๆ กันอยู่เลย ไม่มีท่าทีว่าจะเป็นแบบนี้เลยแม้แต่น้อย
ผมเหลือบมองเขาตลอดว่าเขาจะพูดอะไรบ้างรึเปล่า แต่ก็ไม่มีคำพูดใดๆ หลุดออกมาสักคำ ผมกังวลบ้าบอไปเรื่อย คิดไปต่างๆ นาๆ ว่าเขากำลังตัดสินใจเรื่องผมหรือเปล่า หรือเขาไม่อยากสานต่อความสัมพันธ์ของเรา อยากจะรู้ใจจะขาดแต่ก็ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง โคตรอึดอัดว่ะกับบรรยากาศแบบนี้ ส่งพายถึงบ้านผมก็บึ่งรถออกมาเลยครับ
ขับรถกลับบ้านตัวเองด้วยความมึนงง ทั้งๆ ที่ตอนออกมายิ้มจนแก้มแทบแตก เหมือนขาข้างขวากำลังก้าวขึ้นสวรรค์ แต่ก็มีคนมากระชากขาข้างซ้ายให้ตกลงไปในนรกอย่างนั้นแหละ เพราะตอนนี้ใจผมร้อนรุ่มยังกับมีใครเอาไฟมาสุม มันคาใจจนอยากจะเคลียร์ให้จบๆ แต่อีกคนกลับเงียบจนผมไม่กล้าแม้แต่จะเอื้อนเอ่ยอะไรออกไป
**********************
จบไปอีกตอน แบบงงๆ ในตัวเอง ตอนนี้ไม่มีอะไร เรื่อยๆ เอื่อย อาจจะไม่ค่อยสนุกเนอะ เจอกันตอนหน้า
TBC